ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลุ้นรักนางฟ้าซุปเปอร์สตาร์

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.84K
      0
      20 ก.ค. 55


          

             เด็กสาวคนหนึ่งกำลังยืนยิ้มหน้ากระจกและบางทีก็หันไปทางซ้ายทีบางทีก็หันไปทางขวาที โบกไม้โบกมือเป็นครั้งคราว แล้วก็หันมาจัดทรงผมบ้างเป็นบางครั้ง

            พี่สาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักเอาแต่ส่ายหัวและสะกิดให้ผู้เป็นพ่อที่กำลังเดินไปหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านดูเป็นเพื่อนว่าน้องสาวแปลกพิลึกอย่างไร

               “บางทีน้องอาจจะอยากเป็นดาราก็ได้ อย่าไปขวางความคิดน้องเลย” ชายวัยกลางคน ผมทอง ร่างสูงเป็นผู้กล่าวด้วยสำเนียงแปร่งๆ

                “เป็นไปไม่ได้หรอก ใครจะพาน้องเขาสู่งวงการ” หญิงสาวผมหยิก นัยน์ตาออกสีน้ำตาลเข้ม ผิวสีแทนเป็นผู้กล่าว

                 “พ่อนี่ล่ะจะพาน้องไปแคชติ้งเอง พ่อพอจะรู้จักคนในวงการอยู่บ้าง”

                 “อย่างงี้ก็ง่ายสิคะ แค่ได้ยินชื่อพ่อก็คงให้น้องผ่านแล้ว” 

                 “ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรนนี่ พ่อช่วยอะไรมากไม่ได้หรอก” ผู้เป็นพ่อกล่าวพร้อมกับมองไปยังกระจกที่ลูกสาวคนเล็กส่องอยู่

          สาวใช้เดินก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นนำน้ำส้มมาเสิร์ฟให้เรนนี่

          เรนนี่สาวน้อยหน้าหวาน ตาสวย รับน้ำส้มขึ้นมาดื่มพร้อมกับทำท่าสดชื่นสุดๆ สาวใช้เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ส่วนแอนนี่พี่สาวไม่รอช้ารีบส่งสายตาดุใส่สาวใช้ให้เลิกยิ้มน้องสาวเธอที่ชอบทำตัวประหลาดๆราวกับกำลังถ่ายโฆษณาอยู่

          นี่คือ ครอบครัว ศิริทัศน์ ของนักธุรกิจชาวเยอรมันที่โอนสัญชาติมาเป็นคนไทยและใช้นามสกุลไทยของภรรยา ศิริทัศน์ ทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ส่งออกทั้งในและต่างประเทศ สมาชิกในครอบครัวประกอบไปด้วย พ่อคลาส โวเทล ศิริทัศน์ แม่ลำดวน พี่ชายสองคนโตแดนนี่ และจอห์นนี่ และสาวสวยทั้งสองแอนนี่และเรนนี่ พี่ชายสองคนโตช่วยบริหารงานที่บ้านเพราะที่บ้านศิริทัศน์มีเครือข่ายส่งเฟอร์นิเจอร์หลายที่ทำให้ต้องแบ่งฝ่ายควบคุมดูแลให้เกิดการทั่วถึงในสถานที่ที่ต้องการกระจายสินค้าแต่ถึงกระนั้นทั้งสองหนุ่มก็เป็นคนที่ห่วงน้องสาวมากโดยเฉพาะน้องสาวคนเล็กที่มักจะมีหนุ่มจากโรงเรียนมาตามจีบถึงบ้านเสมอจึงวางกฎไว้ว่าถ้าพวกเขาไม่อยู่แอนนี่ต้องคุมเข้มไม่ให้หนุ่มหน้าไหนเข้าใกล้น้องได้เป็นอันขาด แต่ถ้าไม่สมารถดูแลได้ให้จ้างบอดี้การ์ดหญิงแบบโหดๆมาคุ้มกันทำให้ตอนนี้มิสามารถมีหนุ่มคนไหนเข้ามาใกล้ประตูหัวใจเรนนี่ได้เลยสักคน

        ณ ร้าน ขายก๋วยเตี๋ยวริมถนนแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังขะมักเขม้นกับการใช้ปากกาขีดเขียนลงบนสมุดบันทึกเล่มหนึ่งจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงของผู้เป็นแม่ที่เรียกใช้

              “ไอ้ป้อง ไอ้ป้อง” ชายหนุ่มเก็บสมุดเมื่อรู้สึกได้ว่ามีอะไรลอยมาถูกหลัง สิ่งนั้นคือตะกร้านั่นเอง

        เขาหันไปมองทางแม่ที่มองมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ยิ้มเหมือนจะแยกเขี้ยวออกมากินเขาเสียมากกว่า

              “มีอะไรหรือเปล่าแม่”

              “ไปเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวลูกค้ารออยู่”

                “ครับแม่”

          ชายหนุ่มเดินไปยังรถเข็นที่แม่ตั้งไว้บนฟุตบาทของริมถนน สภาพที่ตั้งรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวค่อนข้างคับแคบเพราะมีหลายเจ้าที่มาจับจองพื้นที่ตั้งหลายร้านเหมือนกัน ร้านของแม่เขาจึงมีโต๊ะตั้งแค่ 4 โต๊ะ ซึ่งถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับร้านอื่นๆ

         ชายหนุ่มพอส่งบะหมี่ให้ลูกค้าเรียบร้อยก็เก็บชามโต๊ะอื่นมาล้างรวมกันกับชามก๋วยเตี๋ยวที่กองไว้ก่อนหน้านี้

          ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาตบบ่าลูกชายเบาๆ

                  “เลิกล้มเถอะลูก ที่คิดฝันอยากจะเป็นนักเขียน ลูกก็รู้ว่าเดี๋ยวนี้เขาแข่งขันกันมากมาย น้อยคนมากที่จะประสบความสำเร็จในจุดนี้”

                  “แม่ครับไว้ผมเรียนจบเมื่อไหร่ ผมจะเลี้ยงแม่กับน้องเอง แม่กับน้องจะได้ไม่ต้องลำบาก แต่ความฝันของผมคงหยุดไม่ได้ ตราบใดที่เรายังมีความฝันก็ยังคงมีความหวังแต่ตราบใดที่เราหมดความฝันก็เหมือนกับว่าความหวังของเรากำลังจะพังทลายลงไป จุดเริ่มต้นของความสำเร็จมาจากความฝันครับแม่”

                  “เอาเถอะพ่อลูกคนนี้”

         ผู้เป็นแม่ถอดใจที่จะล้มความคิดลูกยอมเดินจากไปให้ลูกชายได้ใช้ความอยู่กับตัวเองบ้าง

        ชายหนุ่มหัวดื้อคนนี้ คือปกป้อง มีพี่น้อง 3 คน พี่ชาย 2 คนถูกเศรษฐีอุปถัมภ์รับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ส่วนน้องสาวคนเล็กอยู่บ้านเดียวกับเขากำลังศึกษาอยู่มัธยมศึกษาตอนปลายส่วนตัวเขาเรียนศิลปะศาสตร์ สาขาวิชาวารศาสตร์ เขามีความฝันว่าสักวันจะได้เป็นนักเขียนเขาเฝ้าส่งต้นฉบับไปตามสำนักพิมพ์ต่างๆแต่ก็ไม่มีสำนักพิมพ์ไหนตกลงจะรับพิจารณาต้นฉบับของเขาจนบางทีเขาก็อยากจะถอดใจเลิกฝันแต่เขาคิดว่าเมื่อคิดจะสู้แล้วต้องสู้ให้สุดกำลังไม่อย่างนั้นสิ่งที่ทำลงไปก็ไร้จุดหมาย อย่ายอมแพ้เด็ดขาด ถ้ายังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ

          เช้าวันต่อมา เรนนี่หนีบคุณพ่อไปแคชติ้งกับเธอด้วยเผื่อจะได้งานโฆษณาสักชิ้นหรือเดินแบบที่ไหนสักแห่งบ้าง พอมาถึงบริษัทโฆษณา ก็พบว่ามีคนรอคิวต่อแถวเพียบเพื่อยื่นใบสมัคร เรนนี่ชักหวั่นๆเพราะแต่ละคนก็หน้าตาดีทั้งนั้น เรนนี่จึงรู้สึกอยากใช้สมาธิกับตนเองคนเดียวเลยบอกพ่อว่าขอไปหาอะไรดื่มหน่อยให้คุณพ่อรอเธออยู่ตรงนี้

             “ได้ เดี๋ยวพ่อจะสั่งให้คนไปรับใบสมัครมาแทนนะลูกจะได้ไม่ต้องไปยืนรอ”

            “ค่ะ คุณพ่อแต่เรนนี่ขอเป็นคนเขียนใบสมัครและส่งใบสมัครด้วยตัวเองนะคะ”

            “อืม”

           เรนนี่เดินออกไปนอกบริษัทโฆษณาและนั่งลงกับม้านั่งข้างทางในใจก็คิดไปต่างๆนานาว่าจะทำสำเร็จไหมถ้าพลาดจะทำไงดีความฝันของเธอต้องพังทลายงั้นหรือแล้วคุณพ่อจะให้โอกาเธอไปแคชติ้งต่อที่ไหนอีกหรือเปล่า

              “ชานมไข่มุกไหมครับ โกโก้ก็มีนะ มะพร้าวก็มี สตอเบอรี่ปั่นก็มี”

          เรนนี่อดคิดไมไดว่าใครมาตะโกนรบกวนเธอตรงนี้ตอนนี้เธอต้องการสมาธิที่สุดไม่ได้ต้องการจะดื่มอะไรทั้งนั้นแต่พอฟังไปนานๆก็ชักอยากจะได้น้ำสักแก้วแล้วสิ ไม่ได้เธอต้องมีสติอีกไม่นาน ต้องเข้าไปแคชติ้งแล้วห้ามวอกแว๊กเป็นอันขาด

          ชายขายชาไข่มุกตักชากับโกโก้ให้ลูกค้าเรียบร้อยก็เงยหน้าขึ้นมามองหาลูกค้าอีก นั่นนั่งอยู่ตรงม้านั่งหนึ่งคนต้องตามไปขาย เขาเข็นมาจอดตรงหน้าเธอ

                “ลุงคะ หนูไม่มีขวดเก่าหรอกนะคะ”

             เขาก้มลงมองสภาพตัวเองมันเหมือนคนขายรับซื้อของเก่ามากหรือไง ไม่นะ ไม่เห็นเหมือนตรงไหนเลย รถเข็นของเขาเหมือนเหรอ ป้ายก็แปะอยู่นะว่าชานมไข่มุก

             เรนนี่เงยหน้าขึ้นมามองว่าทำไมคนขายของเก่าไม่เข็นไปสักที

             ชายหนุ่มตะลึงในครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าหญิงสาวแบบชัดๆ

             หญิงสาวรู้สึกเสียหน้านิดๆเพราะเงยมาเจอป้ายชานมไข่มุกเท่ากับว่าเธอทักผิดคนขายคงโกรธจะเอาเรื่องเธอถึงไม่ยอมไปไหน ใช่แล้วเธอต้องซื้อของกับเขาเขาจะได้ไม่เอาความ

                    “ขอชาไข่มุกที่นึงค่ะ”

              ชายหนุ่มรีบตักให้และมานั่งข้างๆเธอ หญิงสาวขยับห่างออกไปนิด

                     “ไม่ต้องครับพี่เลี้ยงนะครับ ดูน้องเครียดๆไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า”

                       “คือหนูอยากเป็นดาราน่ะค่ะเลยมาลองแคชติ้งดู กลัวจะไม่ได้งาน กลัวคุณพ่อจะไม่ให้โอกาสอีก กลัวความฝันจะไม่ถึงจุดหมาย” เรนนี่รับชานมไข่มุกมาดื่มแล้วมองทอดอาลัยไปยังทางเบื้องหน้า

                        “อย่ากลัวครับ ความกลัวทำให้เราไม่กล้า เราต้องสู้กับมัน โอกาสมีเสมอสำหรับคนอดทนและไม่ยอมแพ้ อย่าคิดว่าแข่งขันกับคนอื่นอยู่ ให้คิดว่าสู้กับใจตนเอง เราต้องชนะให้ได้” ชายหนุ่มพูดพร้อมกำหมัดอย่างมั่นใจ

                         “คุยกับพี่แล้วสบายใจขึ้นเยอะเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”

           เรนนี่ลุกขึ้นกำลังจะเดินจากไปก็ต้องหยุดหันกลับมามองชายหนุ่ม

                          “เดี๋ยวครับ พี่ชื่อป้อง น้องชื่ออะไรครับ”

                          “หนูชื่อเรนนี่ค่ะ พี่ป้อง ขอบคุณมากนะคะสำหรับกำลังใจในวันนี้”

            เรนนี่ยกมือไหว้ขอบคุณ ปกป้องรีบยกมือรับไหว้

                           “ถ้าดังแล้วอย่าลืมคนชายชาไข่มุกนะครับ”

                           “ถ้าหนูดังจริงนะ หนูจะมาแจกลายเซ็นให้พี่เป็นคนแรกเลย”

               บอดี้การ์ดของคลาสออกตามหาตัวเรนนี่เพราะเห็นว่าเรนนี่หายไปนาน

              เรนนี่เห็นบอดี้การ์ดของพ่อเดินมาแต่ไกลกลัวจะมีปัญหากับคนขายชาไข่มุกเธอจึงรีบขอตัวเดินจากเขามาเพื่อพบกับบอดี้การ์ด

               ปกป้องยังนั่งนิ่งราวกับต้องมนต์สะกด นางฟ้าชื่อเรนนี่ เขาไม่มีทางลืมแน่แต่เขาจะมัโอกาสได้พบเธออีกเมื่อไหร่ คงจะเป็นในทีวีล่ะมั้ง ถ้าเธอโด่งดังเขาต้องได้พบเธอในทีวีแต่ชีวิตจริงคงไม่มีอีกแล้ว


          
          
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×