ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    oh my master มาสเตอร์ตัวร้าย กระตุกต่อมรัก

    ลำดับตอนที่ #4 : วิ่งแข่ง > แข่งวิ่ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 20
      0
      14 มี.ค. 57

     

    3

    วิ่งแข่ง > ความเย็น

     

                ฉันรู้สึกตัวตั้งแต่เสียงปลุกครั้งแรกแล้ว เรียกอีกอย่างก็คือ... ฉันไม่ได้หลับเลยต่างหาก ก็ใครจะไปหลับลงกันเล่า หลังจากได้พบกับเหตุการณ์แบบนั้น

    ฉันแกล้งนอนหลับตานิ่งเพราะอยากรู้ว่าพี่ฟรีดอมจะปลุกฉันยังไง

     

                “ฮ่าๆ พอ...ฮ่าๆ”

    แล้วมันก็ได้ผล...เกินคาด เมื่อเขาดันนึกวิธีปลุกที่เคยใช้กับฉันตั้งแต่เด็ก และกำลังทำมันอยู่อย่างสนุก

    “ตื่นแล้วยัยขี้เซา”

    “ฮะ...ตื่นฮ่าๆ” ฉันหยุดหัวเราะไม่ได้ ถ้าเขายังคงจี้เอวฉันอยู่แบบนี้

    ฉันพยายามหนีพี่ฟรีดอม แต่ไม่รู้อีถ้าไหน ทำให้ตอนนี้ฉันขึ้นไปนั่งตักเขาอย่างสวยงาม

     

    พี่ฟรีดอมชะงักไปนิด ดูเขาตกใจมาก ฉันก็ตกใจนะ

    “ลงไปได้แล้ว ตัวหนักเป็นบ้า” เสียงเขาฟังดูเหมือนข่มขู่ ทำให้ฉันรีบตะเกียดตะกายกลับไปนั่งที่อย่างเรียบร้อย

    ฉันมองหน้าพี่ฟรีดอม ไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านั้น

    “ลงกันเถอะ เราต้องเดินอีกห้ากิโล”

    “ห้ากิโล?”

    ฉันเลิกคิ้วมอง นั่นมันระยะทางเท่ากับการเดินทางไกลเลยนะ

    พี่ฟรีดอมบุ้ยใบ้ให้ฉันมองป้ายขนาดใหญ่ที่ฉันไม่ได้สังเกตแต่แรก และฉันก็เข้าใจแจ่มแจ้ง

    ยินดีต้อนรับสู่ Rainbow resort กรุณางดใช้พาหนะทุกชนิด รายละเอียดเพิ่มเติม บลาบลาบลา

    แบบว่าฉันขี้เกียจอ่านรายละเอียดต่อจากนั้นน่ะ เอาเป็นว่าต่อจากนี้เราต้องเดินไปห้ากิโล กับกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ นี่มันยิ่งกว่า... ช่างเถอะ

     

    “เรื่องกระเป๋า เดี๋ยวพี่บอกพนักงานให้มาเอา”

    พี่ฟรีดอมพูดขึ้น หลังจากเราลงรถมาด้วยกันแล้ว โอเคอย่างน้อยก็ไม่ต้องแบกกระเป๋าไป ดูดีขึ้นเยอะ

    “ไปกันเถอะ เราต้องเดินกันอีกไกล”

    เขาเดินนำฉันไป ด้วยความยาวของขาที่ต่างกัน ทำให้ฉันต้องวิ่งตามเขาไปด้วยความเหนื่อย คนบ้าอะไรเดินเร็วราวกับหนีเจ้าหนี้งั้นแหละ

    และในที่สุดฉันก็เดินตามเขาทัน แปะๆ ดีใจเป็นบ้า

     

    3.1 (ฟรีดอม)

     

                “วิ่งแข่งกันมั้ย”

    หลังจากที่ผมกับปลาดาวเดินกันมาได้สักพัก ผมก็รู้สึกว่ามันเงียบเกินไป แหมสิมาทะเลทั้งที ให้เดินเงียบๆ ฟังเสียงทะเลอย่างเดียวมันก็น่าเบื่อแย่

    “เอาสิคะ” ดวงตาเป็นประกายของปลาเน่า ทำให้ผมรู้ว่าเธอก็คงอยากเล่นไม่แพ้กัน

    “ตกลง ใครวิ่งไปถึงตรงนั้นก่อนชนะนะ” ผมชี้ไปทางต้นมะพร้าวที่ขึ้นอยู่เป็นแนว

    “ถ้าพี่ฟรีแพ้ดาวจะได้อะไร”

    หยามกันมากไปนะคุณน้อง

    “แล้วถ้าดาวแพ้ล่ะ” ผมย้อนกลับไปบ้าง ยัยปลาเน่าดูอึ้งไปเหมือนกำลังคิดหาคำตอบ

    “ไม่รู้สิคะ เอาเป็นว่าคนชนะขออะไรคนแพ้ก็ได้หนึ่งอย่าง”

    น่าสนใจดีนะ ผมพยักหน้ารับ ก่อนทำสัญญาณออกวิ่ง

     

    3.2 (ปลาดาว)

     

                ฉันวิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่ง ความสนุกของการวิ่งครั้งนี้คือ ข้อตกลงที่ฉันพึ่งทำร่วมกับพี่ฟรีดอมไปเมื่อครู่

    คนชนะขออะไรคนแพ้ก็ได้

    นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันวิ่งอย่างจริงจัง และอีกเพียงนิดเดียว ฉันก็จะชนะพี่ฟรีดอมได้แล้ว

    ห้าเมตร... ฉันหันไปมองข้างหลัง พี่ฟรีดอมวิ่งเหยาะๆ ดูเหมือนนักท่องเที่ยวมาวิ่งออกกำลังกายยามเช้าอะไรแบบนั้นมากกว่ามาวิ่งแข่ง เขาไม่เดือดร้อนสักนิดที่ฉันกำลังจะถึงเส้นชัย

    สองเมตร แค่สองเมตรฉันก็จะขออะไรพี่ฟรีดอมก็ได้หนึ่งอย่าง

     

    ฟิ่ว!

    ฉันรู้สึกเหมือนมีลมอะไรพัดผ่านไป ฉันกระพริบตาปริบๆ เมื่อรู้ว่า... มันไม่ใช่สายลมบ้าบออะไรที่ไหนเลย แต่เป็น

    “พี่ชนะแล้ว ปลาเน่า”

    “ได้ยังไง” ฉันยังไม่เข้าใจกับไอ้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็เมื่อกี๊เขายังวิ่งชมวิวอยู่ห่างจากฉันตั้งไกล แล้วทำไม เขาถึงชนะฉันในนาทีสุดท้ายได้ นี่มันนินจาชัดๆ หรือเขาจะเป็นนินจากันนะ

    “ไม่จริง... พี่ฟรีดอม”

    “ฮ่าๆ เป็นไงอึ้งอะดิ”

    ใช่ ฉันอึ้ง ใครก็คงอึ้ง

     

    3.3 (ฟรีดอม)

     

                ผมมองยัยปลาเน่าที่ยืนอ้าปากค้างจนถ้ามีแมลงวันมันคงบินเข้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่เข้าใจว่าเธอจะงงอะไร... ไอ้นาทีสุดท้ายที่ผมวิ่งเข้าเส้นชัยก่อนเธอนั่นน่ะเหรอ

                “เอาน่าๆ” ผมตบไหล่ยัยปลาเน่าอย่างให้กำลังใจ

    ปลาดาวกระพริบตาปริบ เหมือนจะตั้งสติ

    “พี่ฟรีดอมชนะ”

     “เอาน่า พี่ยังไม่ขออะไรตอนนี้หรอก ยังคิดไม่ออกน่ะ”

    ผมเห็นเธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก น้องผมเครียดขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

    “ไปกันต่อเถอะ” ผมตัดบท ไม่อยากให้เรื่องมันยาวไปกว่านี้

    ไอ้ที่ผมชวนวิ่งแข่งน่ะ ก็แค่เล่นสนุกๆ แค่นั้น ไม่ได้ต้องการพนันหรืออะไรเกินกว่านั้นเลย

    “ค่ะ อีกไกลมั้ย” ปลาดาวพูดเหมือนจะเป็นลม แถมหน้าเธอก็ซีดจนผมตกใจ

    “ไม่ไกลแล้วล่ะ ถ้าวิ่งแบบเมื่อกี๊ ห้านาทีก็ถึง”

    “ค่ะ” ปลาเน่าตอบแค่นั้นแล้วเดินต่อไป

    ผมสังเกตว่าเธอเดินช้าลง และเริ่มเดินไม่ตรงทาง อาการเหมือนคนจะเป็นลมยังไงยังงั้น... หรือปลาเน่าจะเป็นลมจริงๆ

     

    3.4 (ปลาดาว)

     

                ฉันแพ้แล้ว ไม่จริง... แล้วที่ฉันวิ่งมาแทบเป้นแทบตายนี่คืออะไร ฉันจะขอให้พี่ฟรีดอมเต้นให้ดู อดกันฉัน

    แต่ยังโชคดีที่เขายังคิดไม่ออกว่าจะให้ฉันทำอะไร ค่อยยังชั่ว

                “เดินไหวมั้ยเนี่ยเรา”

    ฉันรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงใครจากแดนไกลถามมา แถมสัญญาณก็ไม่ค่อยชัด ประหนึ่งใช้อินเทอร์เน็ตของประเทศไทย

    “ไหวค่ะ” ฉันตอบกลับไปเสียงเบาๆ รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ แล้วโลกก็หมุน นี่ฉันเป็นอะไรไป ไม่เคยเป็นแบบนี้นี่

    “จะเป็นลมแล้วรู้มั้ย”

    “คะ...ค่ะ”

    ฉันรู้สึกตัวเองเริ่มเดินเหมือนงู บังคับทิศทางไม่ได้ นี่ฉันเป็นอะไร...  หรือจะเป็นลม โอ้เกิดมาหนูยังไม่เคยเป็นลมเลยนะ แล้วทำไมฉันต้องมาเป็นลมกลางทะเล (ถึงจะไม่ใช่ทะเลทรายก็เถอะ) แต่ความร้อนนี่มันเกือบเท่ากัน

    “นั่งพักตรงนี้ก่อน... เฮ้ย!

    นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยิน ก่อนทุกอย่างจะดับลง เหมือนมีคนกดปุ่มปิด

     

    3.5 (ฟรีดอม)

     

                ผมว่าแล้วว่าอาการหน้าซีด เดินไม่เป็นทางเหมือนบังคับไม่ได้นั่นมันคนจะเป็นลม ทำไมผมไม่ให้เธอนั่งพักแต่แรก แทนที่จะรอให้ปลาเน่าเป็นลม แล้วผมต้องมาอุ้มเธอ

    ตอนแรกจะนั่งรอให้เธอรู้สึกตัว แต่ลองเรียกอยู่ห้านาที ยัยปลาเน่าก็ไม่มีอาการโต้ตอบกับผมสักนิด ผมเลยตัดสินใจอุ้มเธอไปที่รีสอร์ท

     

    “อุ้ยตาย ตาฟรีไปทำอะไรหนูดาว ทำไมถึงเป็นอย่างนี้”

    คุณป้าดูตกใจมากเมื่อเห็นสภาพของหนูดาว ท่านมองยังมองมายังผมเหมือนกำลังก่าวหา และไม่ไว้วางใจ... นี่ป้าห่วงหนูดาวมากกว่าหลานชายแท้ๆ

    ป้าฟรองซ์ ป้าแท้ๆของผม และเจ้าของกิจการรีสอร์ท ผู้มีความคิดให้นักท่องเที่ยวเดินตากแดดห้ากิโลแทนที่จะให้ขับรถเข้ามาสบายๆ เพราะป้าอยากให้นักท่องเที่ยวชมความงามของทะเลได้อย่างเต็มที่

    “เป็นลมระหว่างทางน่ะครับ” ผมเลือกคำตอบที่ดูดีที่สุด ไม่อยากให้ป้าตกใจมาก

    “อ้อ งั้นไปพักก่อน ป้าเตรียมห้องให้แล้ว ห้องเดิมที่ชอบนั่นแหละ”

    ผมพยักหน้ารับคำคุณป้า แล้วอุ้มเธอขึ้นห้องปลาดาวจะได้พักอย่างสบายๆ (รู้นะคิดอะไร แต่ไม่ใช่ครับ)

     

    รีสอร์ทของคุณป้าเป็นรีสอร์ทที่ค่อนข้างเงียบสงบ และเป็นส่วนตัวมากถึงมากที่สุด ก็นะ ไอ้ความคิดอะไรนั่นไง... ซึ่งตอนแรกผมก็เห็นด้วย เพราะเป็นบรรยากาศที่ผมค่อนข้างชอบ ไม่เสียงดัง แต่บางทีมันก็เงียบไปนะ

                ผมขึ้นลิฟมาถึงชั้นบนสุด เปิดประตูห้องเข้าไปแล้ววางปลาเน่าบนเตียง เปิดเครื่องปรับอากาศให้ ก่อนมองซ้ายมองขวา ไม่รู้จะทำอะไรต่อ...

     

    ก็อกๆ

    “ครับ”

    “ป้าเอง”

    ผมยิ้ม แล้วเดินไปเปิดประตูให้คุณป้า ดีเลยเพราะผมก็ทำอะไรต่อจากนี้ไม่ถูก ให้ผมมานั่งเฝ้ายัยปลาเน่าเหมือนในนิยายก็ทำไม่เป็นด้วย

                “ป้ารู้น่าว่าตาฟรีน่ะ ดูแลคนป่วยไม่เป็นหรอก”

    “ป้านี่รู้ใจผมจริงๆ เลย” ผมยิ้มให้คุณป้า

    “เอาล่ะ เราออกไปได้แล้ว หนูดาวตื่นเดี๋ยวจะเข้าใจผิด”

    “ครับ” ผมรับคำก่อนจะมองซ้ายมองขวา นี่มันห้องผมไง... แล้วผมจะไปนอนพักที่ไหน ผมก็เหนื่อยเหมือนกันนะ ยิ่งเมื่อเช้าตื่นเช้ากว่าปกติด้วย

                “ห้องตาฟรีอยู่ตรงนั้นจ๊ะ” คุณป้าชี้ไปทางประตู... นั่นมันประตูห้องน้ำไม่ใช่เหรอ

    “ป้าให้เขาทำห้องใหม่น่ะ ตาฟรีคงยังไม่รู้ ว่าป้าพึ่งปรับให้เป็นห้องชุด สามารถทลุผ่านกันได้ ถึงมันจะไม่ค่อยเหมาะสมก็เถอะ แต่มันเหลือห้องนี้ห้องเดียว”

    คุณป้าพูดมาเป็นชุดแทบไม่หายใจ เดี๋ยวนะ... ห้องผมกับห้องปลาเน่าสามารถเชื่อมถึงกันได้...

    “ครับ” ไม่รู้จะทำอะไรดีกว่ารับคำ แล้วเดินเข้าห้องตัวเองไปนอนพักสักงีบ

    TALK :D
    ในที่สุดก็จบตอนที่สามแล้วค่ะ 55
    ตอนนี้เฟรนซ์ปิดเทอมแล้ว คาดว่าคงได้อัพบ่อยขึ้น
    เพื่อนๆ ปิดเทอมกันรึยังเอ่อย...
    ตอนนี้เป็นไงบ้างคะ ช่วยเม้นให้ด้วยน้าา

    เจอกันใหม่ตอนนน้าจ้า

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×