คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7
บทที่ 7
ผู้ชายน่าโมโห ผู้ชายที่อยู่ข้างเธอเป็นผู้ชายที่น่าโมโหที่สุดในโลก
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอ เขาไม่ได้กอดเธอแล้วแต่เขาเอาแต่ตามเธอตลอดเวลาด้วยสายตาสีเทาคู่นั้น
“วันนี้คุณไม่ไปทำสวนของคุณรึไง”เธอหันไปถามเรย์ที่ทำท่ายุ่งกับการเช็ดเครื่องไม้เครื่องมือแต่แท้จริงแล้วเขากำลังเฝ้าจับตามองเธอไม่ให้คลาดสายตา “ถ้าคุณกลัวว่าฉันจะหนี คุณก็รู้อยู่แล้วว่าฉันทำแบบนั้นไม่ได้ คุณถึงพาฉันมาที่นี่ไม่ใช่รึไง”
“ผมไม่อยากเสี่ยงอีกอย่างคุณยังโกรธผมอยู่ จากประสบการณ์ผมรู้ว่าไม่ควรปล่อยให้ผู้หญิงโกรธนานนัก”
เธอหน้าแดงเพราะรู้ว่าผู้หญิงในประโยคของเขาหมายถึงเธอ
“ลิณามานี่หน่อย”เขากวักมือเรียกเธอเหมือนเวลาเรียกสัตว์ตัวเล็กๆและเธอก็ยอมเดินไปหาเขาก่อนที่จะรู้ตัวซะอีก
พอเธอเดินไปถึงแขนแข็งแรงของเขาก็เกี่ยวเอวเธอขึ้นไปบนตัก
“ถ้าคุณไม่อยากให้ฉันโกรธไปมากกว่านี้ ก็ปล่อยฉันเสียดีกว่า”เธอพยายามห้ามตัวเองไม่ให้รู้สึกดีกับอ้อมกอดของเขา และแน่นอนว่าเธอทำไม่ได้ ยิ่งตอนที่มีเสียงหัวเราะทุ้มนุ่มในลำคอของเขาอยู่ข้างหูของเธอ
“ถ้าคุณยอมหายโกรธผม ผมจะเล่าเรื่องอดีตของผมให้ฟัง เมื่อก่อนคุณอยากฟังไม่ใช่เหรอ”
ใช่ เมื่อก่อนนี้เธออยากฟังเรื่องราวในอดีตของเขา อยากรู้ว่าเขาผ่านอะไร ชีวิตของเขาเคยเจอเรื่องราวอะไรมาบ้าง เขาเคยเรียนที่ไหน ชีวิตสมัยเด็กของเขาเป็นยังไง แต่เขาก็ไม่เคยเล่าให้เธอฟัง น่าขำทั้งที่ตอนนั้นเขาเอาแต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมเล่าให้เอฟัง มาคราวนี้เขากลับยอมเล่าให้เธอฟังง่ายๆเพื่อให้เธอหายโกรธ ทั้งที่ไม่ว่าจะอดีตหรือตอนนี้เธอก็ยังเป็นเธอคนเดิมแท้ๆ “ทำไมคุณถึงจะมาบอกเอาตอนนี้”
คำตอบของเขาไม่ใช่คำตอบที่เธอคิดว่าจะได้ยิน หนึ่งเพราะว่ามันไม่ค่อยเกี่ยวกับคำถามเท่าไหร่ สองเพราะเธอไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากเขา”
“เพราะผมรู้แล้วว่าคุณสำคัญ ผมเลยไม่อยากให้คุณโกรธ”
เขามาแบบนี้แล้วจะให้เธอไปต่อยังไง เธอไม่กล้ามองหน้าเขา ถึงจะรู้ว่าเขาไม่ได้หมายความแบบนั้นแต่ถึงอย่างไรคำว่าเธอสำคัญสำหรับเขาก็มากพอแล้วที่จะทำให้ร่างทั้งร่างของเธอสะท้าน “จะเล่าก็เล่าไปสิทำไมต้องกอดฉันแบบนี้ด้วย”การรับรู้ถึงร่างกายของเขาแบบนี้ทำให้เธอตั้งสติลำบากแม้เขาจะสวมเสื้อผ้าครบชุดแต่ร่างกายของเธอก็จดจำได้แล้วว่าภายใต้เสื้อผ้านั้นมีเรือนกายที่งดงาม และแข็งแกร่งเท่าที่บุรุษเพศคนหนึ่งจะมีได้อยู่
“ผมกอดคุณก็เล่าได้เหมือนกัน ไหนๆผมก็จะเล่าเรื่องของผมให้คุณฟังแล้ว คุณควรตามใจผมหน่อยนะ”
เธอรู้ว่าเขาไม่เคยเล่าเรื่องในอดีตให้ใครฟังมาก่อน “คุณไม่จำเป็นต้องเล่าให้ฉันฟังก็ได้นะ”แม้เขาจะไม่เคยบอกเธอว่าทำไมถึงไม่ยอมเล่าเรื่องในอดีตให้เธอฟังแต่แววตาข่มขื่นของเขาก็บอกทุกอย่างได้ดี นั่นเป็นสาเหตุที่เธอไม่เซ้าซี้เขาอีก
เรย์สั่นหัว “ผมอยากเล่าให้คุณฟัง คุณไม่ใช่คนอื่น”
หมายความว่าสองปีที่แล้วเธอเป็นคนอื่นสำหรับเขาสินะ แต่เธอก็รู้อยู่แล้วล่ะเพราะงั้นเธอถึงพอใจกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ขอแค่เขายังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว การที่เธอได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาก็มากเกินกว่าที่เธอเคยคิดแล้วฉะนั้น เธอเอนร่างพิงกับแผงอกกว้างของเขาพอใจกับความอบอุ่นที่ซึมซาบเข้ามาในผิวของเธอ ความสุขมักจะอยู่ได้ไม่นานเพราะงั้นเธอต้องตักตวงมันให้มากที่สุดเท่าที่ยังมีโอกาส
เธอได้ฟังเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับตัวเขา ทั้งเรื่องที่รู้และไม่เคยรู้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่เธอไม่เคยรู้ทั้งเรื่องที่เขาเรียนจบจากโรงเรียนมัธยมชื่อดังของอังกฤษ เขาไม่ค่อยเข้าเรียนเพราะชอบอ่านเองมากกว่า จนเกือบไม่ได้เลื่อนชั้นแต่เพราะเขาสอบผ่านทุกวิชาเขาเลยจบมาได้อย่างราบรื่น เรื่องที่เขาอยู่ชมรมรักบี้แถมทีมของเขายังชนะการแข่งขันระดับเขตด้วย
“มิน่าตัวคุณถึงได้ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์แบบนี้”แถมตัวเขายังแข็งอย่างกับอะไรดี เธอใช้นิ้วจิ้มอกของเขากลับกลายเป็นเธอเองที่รู้สึกเจ็บเพราะกล้ามเนื้อแข็งๆของเขา
เขาหัวเราะ “ไม่ดีเหรอผมถึงกอดคุณได้ทั้งตัวแบบนี้ไง”เขากอดเธอแน่นขึ้นอีกแสดงหลักฐานยืนยันกับเธอ “อีกอย่างคุณต่างหากที่ตัวเล็กไป”เขาทาบฝ่ามือของตัวเองกับฝ่ามือของเธอ มือของเขากุมข้อมือของเธอได้ถึงสองรอบ
“แล้วแผลไฟลวกที่หลังของคุณล่ะ”เธอถามเรื่องที่เธออยากรู้ที่สุด และรู้สึกได้ถึงอาการเกร็งเครียดจากร่างของเขา
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ถ้าคุณไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร”เขาคงคิดว่าเธอจะไม่รู้ ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะบาดแผลบนหลังของเขาที่เธอว่านั้นมันไม่มีแล้ว เธอคงคิดว่าเขาศัลยกรรมลบมันออกเธอคิดว่าเขาจะเปลี่ยนไปเล่าเรื่องอื่น ทิ้งคำถามของเธอให้อยู่ที่เดิมของมันเหมือนที่ผ่านมา
“แผลนี้ผมได้มาตอนไฟไหม้เมื่อแปดปีก่อน”
นี่เขากำลังเล่าเรื่องบาดแผลของเขาให้เธอฟังจริงๆงั้นเหรอ
“ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าคุณไม่ใช่คนอื่น อีกอย่างคุณเป็นคนถามทำไมผมจะไม่ตอบ”เธอยังไม่เชื่อเขา เขาเห็นมันจากแววตาตกตะลึงของเธอ ดวงตาของชายหนุ่มเข้มขึ้น“คุณคิดถูกใช่เรื่องที่คุณถามเป็นเรื่องที่ผมไม่อยากตอบซักเท่าไหร่ เพราะงั้นผมเลยอยากให้คุณช่วยผมหน่อย”
เขาไม่ถามเธอเลยซักนิดว่าเธอจะช่วยไหม ประกบริมฝีปากลงมาบนเรียวปากของเธอ ปลายลิ้นของเขาแทรกเข้ามาในปากเธอ เขาจูบเธออย่างหนักหน่วง จูบครั้งนี้ของเขาแตกต่างจากจูบที่ผ่านๆมา ทุกครั้งจูบของเขาจะทำให้เธอรู้สึกร้อนรุ่ม จูบของเขาสื่อให้เห็นถึงความปรารถนาของเขาที่อยากให้เธอรับรู้ แค่ครั้งนี้จูบของเขากลับแสวงหาการปลอบประโลมจากเธอ ความจริงนั้นทำให้เธอพยายามจูบตอบเขา สัมผัสเขา ปลอบโยนเขา แต่หลังจากที่เขาถอนเรียวปากออกจากริมฝีปากของเธอทำให้ตัวเธอต้องนอนซบร่างทั้งร่างบนร่างของเขา เธอก็เริ่มไม่แน่ใจ
“ดูท่าผมต้องรีบเล่าแล้วสิ”เขาระบายลมหายใจออกมา “ใช่อย่างที่คุณสงสัยนั่นแหละ แผลของผมมาจากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่คฤหาสน์วิสตัน”เหตุการณ์ที่พลิกผันชีวิตของเขาไปโดยสิ้นเชิง “ไฟไหม้ที่พรากพ่อกับแม่ของผมไป”จนถึงตอนนี้เขาก็ยังจำได้ถึงสีแดงที่ห่อหุ้มทุกสิ่งในสายตาเขา
เขาทำเหมือนกำลังเล่าเรื่องธรรมดาที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเขา น้ำเสียงของเขาจะไม่ผิดปกติแต่เธอรู้ว่าถึงเขาจะอยู่ตรงหน้าเธอ แต่ในสายตาของเขาไม่ได้กำลังเห็นเธอ เขากำลังเห็นเหตุการณ์เมื่อแปดปีก่อนและเธอไม่ชอบเลย
หญิงสาวโน้มลำคอของเขาลงมาพร้อมกับตัวเองที่ยืดตัวขึ้นไปแนบริมฝีปากกับเขา เรย์ดูตกใจในตอนแรกเปลือกตาเรียวปรือลงก่อนที่ตัวเธอจะถูกเขากระชากออก
“อย่าคิดว่าผมไม่อยากจูบคุณ”เขาคำรามเมื่อเห็นแววตาที่กำลังกะพริบปริบด้วยความชะงนของเธอ “ผมแค่ไม่อยากให้ครั้งแรกของคุณเป็นที่เก้าอี้หรือว่าที่พื้น”
ความร้อนสูบฉีกบนแก้มของเธอ “คุณดูจะมั่นใจเหลือเกินนะ”ว่าเธอจะยอมตกเป็นของเขา
ดวงตาของเขาหรี่ลงและแข็งกร้าว เขาพูดเสียงเรียบแต่เธอกลับรู้สึกเหมือนเขาตะโกนมันดังชัดเจนในหูของเธอ “ผมไม่มีวันยกคุณให้คนอื่น”นั่นไม่ใช่แค่คำพูดธรรมดาๆ เขากำลังประกาศเป็นนัยว่าเธอเป็นของเขา มันช่างเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัว เอาตัวเองเป็นใหญ่แบบพวกผู้ชายที่ไม่ยอมฟังคำปฏิเสธ แต่คำพูดเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนในอกของเธอกำลังถูกชโลมด้วยน้ำผึ้งอุ่นๆ เธอดีใจกับความคิดว่าที่ว่าเธอเป็นของเขาและที่สำคัญคือมันมาจากเขา
“ถ้าคุณอยากปลอบผม”จากคำพูดของเขา เขาคงรู้ว่าจู่ๆเธอจูบเขาทำไม “ผมมีอีกที่ที่อยากให้คุณปลอบมากกกว่า”เขาไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เมื่อมันกำลังดุนดันเต้นตุบแนบกับสะโพกของเธอและเพราะมันแนบชิดกับตัวเธอ เธอจึงรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของมันอย่างชัดเจน และเริ่มส่งผลกับร่างกายของเธอด้วย ก่อนที่เธอจะรู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็นๆสาดเมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดต่อมา
“เรื่องมันจบไปตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแล้ว คุณไม่ต้องห่วงหรอก”
คำพูดของเขาทำให้เธอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อสองปีก่อนก็เป็นตอนที่ตระหนักถึงความจริงข้อหนึ่ง
เสียงสัญญาณรอสายดังขึ้นไม่นานนักก่อนที่จะมีคนรับ ชายหนุ่มพูดกับปลายสายได้ซักพัก เสียงคลื่นแทรกที่บ่งบอกว่ามีคนพยายามแฮกเข้ามาในสาย เรย์เดาได้ไม่ยากนักหรอกว่าสายที่แฮกเข้ามานั้นมาจากไหน ในเมื่ออีกฝ่ายเองจงใจให้รู้เสียขนาดนี้ เรย์ตัดสินใจวางสายที่คุยอยู่ก่อนกดเปลี่ยนายที่มาทีหลังมาที่สายหลัก เขาอุดหูข้างหนึ่งก่อนที่จะกดรับคาดไม่ผิดเมื่อหลังจากนั้นเสียงตะโกนคำสบถจำนวนมากมายก็ดังลอดออกมา อ้อนี่เป็นครั้งแรกที่เขารับสายอีกฝ่ายนี่นะ
เขารอจนอีกฝ่ายพูดเสร็จจึงพูด “สายันณ์สวัสดิ์ครับ เอียน”
เขาเหมือนจะได้ยืนเสียงกัดฟันรอดมาตามสายก่อนที่จะตามมาด้วยชื่อของเขา
“วิสตันกล้ามากนะไอ้หนูที่ไม่ยอมรับสายฉัน”
“ช่วยไม่ได้นี่ครับ ผมไม่อยากให้ลิณารู้ตัว”
“นายคิดจะกักขัง หน่วงเหนี่ยวหลานสาวถึงเมื่อไหร่กัน นี่มันจะเดือนแล้วนะ”
ชายหนุ่มไม่สะทกสะท้านกับน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ทว่าแฝงด้วยอำนาจของอีกฝ่าย “ก็จนกว่าผมจะจับไอ้โรคจิตที่ส่งข้อความมาข่มขู่และลอบทำร้ายเธอน่ะสิครับ”
ปลายสายเงียบไปก่อนพูดต่อ “นายก็รู้ตัวต้นเหตุแล้วไม่ใช่รึไง ไม่ใช่สายของนายเรอะที่นายคุยด้วยเมื่อกี้นี้น่ะ”
ต้องพูดว่าสมกับที่เป็นอีกฝ่ายเป็นถึงหัวหน้า CIN ที่มีอีกฉายาว่าตาเฒ่าสารพัดพิษล่ะนะ ขนาดสายที่เขาพึ่งส่งจะมาแจ้งข่าวเมื่อครู่นี้เองแท้ๆ “น่าอายนะครับสายของผมยังไม่ได้เบาะแสอะไรเกี่ยวกับคนที่ลอบทำร้ายลิณาเลย ผมลองสืบจากพวกที่ไม่ชอบหน้าผมแล้วแต่ไม่มีใครเข้าข่าย อีกอย่างไม่มีใครรู้จักลิณา ทุกคนคิดว่าเธอตายไปตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน
“บางทีอาจเป็นพวกที่แค้นเธอก่อนที่เธอจะกลับมาเป็นวิสตันอีกครั้งก็ได้”
หัวคิ้วของเรย์นิ่วเข้าหากัน “เป็นไปไม่ได้ คนที่รู้ตัวจริงของผมและรู้ว่าลิณายังมีชิวิตอยู่น่ะ..”สมองของเขาเรียบเรียงเบาะแสและคำพูดของอีกฝ่าย ทำให้เขาเข้าใจว่า เอียน เคอร์ติสต้องการจะพูดอะไร
“เป็นไปไม่ได้”คำพูดเดิมถูกพูดออกมาเป็นครั้งที่สองแตกต่างแค่คราวนี้น้ำเสียงของมันรอดไรฟันออกมา “คุณตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่”
“นายรู้อยู่แล้วว่าฉันจะพูดอะไร”
“ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร”
เสียงผ่อนลมหายใจดังมาจากปลายสาย “ฉันจะไม่พูดอะไรอีกแล้วเพราะความจริงนายย่อมรู้อยู่แก่ใจดีอยู่แล้ว”
เอียนวางสายไปแล้ว โทรศัพท์ที่เขาถือส่งเสียงบ่งบอกว่าอีกฝ่ายตัดสายไปแล้ว เรย์กำหูโทรศัพท์เอาไว้แน่นจนพลาสติกที่หุ้มไว้แตกปริ
เขารู้ว่าที่เอียนพูดหมายความว่ายังไง เป็นไปไม่ได้ มันไม่มีทางที่จะเป็นอย่างนั้น ในเมื่อเขาเองที่เป็นคนฆ่าอีกฝ่ายเองกับมือ
เขากลับมาที่เกียง หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงยังคงหลับ แพขนตาทั้งสองข้างทาบปิดสนิทบนแก้มนวล เขาก้าวขึ้นเตียง เอื้อมแขนสอดเข้ารอบเอวบางของลิณา ดึงร่างนุ่มเข้ามาแนบชิดร่างของเขา เมื่อผิวกายนุ่มหอมกรุ่นของเธอสัมผัสกับผิวกายของเขา ชายหนุ่มก็ค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ กล้ามเนื้อที่เกร็งเครียดค่อยๆผ่อนคลายลง ดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เดิมตั้งแต่ที่เดินเข้ามา คือใบหน้าที่หลับใหลของเธอ
เขาจะทำทุกอย่างให้แน่ใจว่าภาพธรรมดาๆถากนี้จะเป็นภาพที่เขาจะได้เห็นในทุกๆคืน
หลังจากที่ชายหนุ่มหลับไปแล้ว ดวงตาหญิงสาวก็เปิดขึ้นท่ามกลางความมืด
เธอมองร่างใหญ่กำยำของชายหนุ่มที่กำลังยกจอบพรวนดิน
ที่นี่แม้ตอนกลางคืนอากาศจะเย็นแต่ตอนกลางวันอากาศจะค่อนข้างร้อนอบอ้าว
แม้จะไม่มีแดดมากนัก แต่อากาศแบบนี้มันเลวร้ายกว่าอีก ความกดอากาศต่ำทำให้ไอร้อนที่ออกมาจากร่างกายจับตัวอยู่โดยรอบ
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้แปลกใจที่เห็น
ตัวของเรย์ชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ออกมาจากร่างกายของเขา
ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนมันชุ่มไปด้วยเหงื่อ เปียกแนบติดลำตัวของเขา
ราวกับมันเป็นผิวหนังชั้นที่สอง มันเป็นภาพที่เธอเห็นอยู่เป็นประจำ ตอนอยู่ที่นี่
แต่เธอก็ยังไม่ชินกับมัน หัวใจของเธอยังคงเต้นแรงกับภาพของเขา
มันเต้นแรงขึ้นอีกอย่างที่เธอคาดไว้เมื่อเขาส่งยิ้มให้พร้อมกับเรียกชื่อเธอ
เธอรู้เพรมันเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
“ลิณา”
“คุณลืมเอาข้าวกล่องมา”เธอชูตระกร้าที่ถือมาขึ้นให้เขาเห็น
เธอส่งขวดน้ำที่แช่เย็นจนเป็นน้ำแข็งให้เขา
เรย์รับไปเขาเทน้ำส่วนหนึ่งลงบนศีรษะ
น้ำทำให้ใบหน้าของเขาและเส้นผมของเขาเปียก
เขาสะบัดเส้นผมไปด้านหลังดูเหมือนเส้นผมของเขาจะยาวขึ้นกว่าเดิม บนกรามของเขามีเคราขึ้นจนดกครึ้ม
เพิ่มความดิบเถื่อนในตัวเขาให้มากขึ้นอีก จากนักธุรกิจสุดเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นชาวไร่ตอนนี้เขาทำให้เธอนึกถึงโจรสลัดเธอเองก็บอกไม่ได้ว่าชอบแบบไหนมากกว่า
บางทีขอแค่เป็นเขาก็พอ
เธอขมวดคิ้วเมื่อเห็นเขากำลังเอื้อมมือมาที่แซนวิชไข่
เธอจับมือเขาก่อนที่เขาจะเอื้อมถึงมัน
เรย์เลิกคิ้วแทนการตั้งคำถาม
ลิณาไม่ตอบเธอดึงมือของเขาไปหา
เทน้ำในขวดลงบนฝ่ามือของเขาให้มันชำระคราบดินและฝุ่นที่ติดบนมือของเขา
บางส่วนที่ติดลึกเธอใช้นิ้วหัวแม่มือเมื่อถูมันออก หลังจากที่แน่ใจว่ามันสะอาดแล้วเธอก็ใช้ผ้าขนหนูที่นำมาซับจนแห้ง
เธอส่งมือเขาคืน
“คุณไม่ควรจับของกินทั้งที่มือเปื้อนดิน”เธออธิบายหลังจาหที่เขามองเธอด้วยสายตาแปลกๆ
เธอโยนผ้าขนหนูให้เขา “และควรคุณเช็ดผมซะถ้าไม่อยากไม่สบาย”
“คุณพูดเหมือนแม่ผม ตอนที่ผมอายุ 12”
“ฉันไม่อยากมีลูกแบบคุณหรอก”
เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วยคราวนี้เธอเป็นฝ่ายแปลกใจ
“ดีแล้วเพราะผมอยากเป็นพ่อของลูกคุณมากกว่า”เขาฉวยโอกาสที่เธอยังตั้งรับไม่ทันกับคำพูดของเขาพูดต่อ
“แบบนี้เหมือนเราเป็นครอบครัวกันจริงๆเลยนะว่าไหม”
“ไม่เหมือนหรอกค่ะ”เพราะคงไม่มีครอบครัวไหนที่เหมือนกับเธอและเขา
ครอบครัวคือคนที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป ผูกผันกันด้วยใจ แต่เธอกับเขาไม่ใช่แบบนั้น
ไม่มีทางเป็นแบบนั้น เธอรีบหันหน้าไปทางอื่น
กลัวว่าเขาจะเห็นความปรารถนาในใจของเธอ
ความปรารถนาให้ช่วงเวลานี้คงอยู่ตลอดไปของเธอ
“มาลองดูกันไหม”
“คุณจะทำอะไร...”เธอตั้งท่าเตรียมจะถอยหนีแต่เธอเข้าใจผิด
เขาแค่ยื่นมือมาหาเธอใช้นิ้วหัวแม่มือลูบที่แก้มของเธอ
เธอเห็นครีมสีขาวติดที่ปลายนิ้วของเขา มันคงเป็นมายองเนสที่ติดมาตอนที่เธอทำแซนวิช
เธอเข้าใจผิดว่าการกระทำของเขาเป็นอันตราย
แต่แท้จริงแล้วคำพูดของเขาต่างหากที่อันตรายยิ่งกว่า
“แก้มของคุณเปื้อนแน่ะที่รัก”
เธอรู้สำหรับเขามันคงเป็นแค่คำพูดล้อเล่นธรรมดาๆทั่วไปที่สามารถพูดออกมาได้โดยไม่คิดอะไร
แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยพูดคพนั้นออกมาอย่างเธอมันมีความหมายมาก
มากพอที่จะทำให้เธอหัวเสียเอาได้ง่ายๆเมื่อมีคนพูดคำนั้นออกมาเล่นๆ
“คุณควรเลิกเล่นแล้วกินข้าวดีๆได้แล้ว”เธอยัดแซนวิชอีกคู่ใส่ปากเขา
เธอมองไปรอบๆดูเหมือนเขาจะขยายไร่ไปอีกแล้ว
“คุณจะทำอไรไว้ขายหรือเอาไว้กินกันแน่”
“ช่วงนี้ผมแรงเหลือเยอะน่ะ”เขาตอบหลังจากจัดการกินแซนวิชในปากไปอย่างรวดเร้ว
เธอรู้ว่าเขาหมายถึงการที่เขาไม่ได้ออกไปปฏิบัติภารกิจในช่วงที่ผ่านมา
เพราะตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้วเขายหยุดทำภารกิจอย่างมากก็แค่หนึ่งอาทิตย์และนั่นเป็นเพราะคุณปู่ของเธอเอียนบังคับ
“คุณน่าจะใช้ชีวิตอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว”เธอไม่เข้าใจเลยว่าเหตุผลที่เขาเอาตัวไปเป็นเป้ากระสุนปืนมันสนุกตรงไหน
บางทีเธอก็คิดว่าความตื่นเต้นกับการใกล้ตายของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้ชายเป็นสิ่งเดียวกัน
“ตอนนั้นชีวิตมันไม่มีความหมายอะไรนักหรอกสำหรับผม
มีหรือไม่มีมันก็มีค่าเท่ากันสำหรับผมแต่ตอนนี้มันไม่เท่ากันแล้ว
เธอปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมหลังจากคำพูดของเขา
เธอไม่อยากถามว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะกลัวคำตอบ
เธอกลัวทั้งความหวังและความผิดหวังที่จะเกิดขึ้นเพราะมัน
เธอเหลือบมองเรย์ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนเอนหลังพิงต้นไม้
ดูแผ่นกระดาษที่คงจะเป็นเอกสารของบริษัทของเขา มืออีกข้างของเขากำลังถือปากกาขีดเขียนตัวหนังสือบนกระดาษอย่างรวดเร็งจากนั้นก็โยนไปบนกองกระดาษสองสามแผ่น
เอื้อมมือไปหยิบกระดาษจากอีกกองที่มีปริมาณมากกว่า
มือที่ถือปากกาวางลงยื่นมาที่ตระกร้า
เธอตีมือเขา เรย์ชะงัก
แรงเบาๆของเธอไม่ได้ทำให้เขาเจ็บที่เขาหยุดดูเหมือนจะเป็นเพราะตกใจมากกว่า “คุณต้องหยุดทำงานก่อน”
ชายหนุ่มกะพริบตาปริบวางเอกสารในมือลง
“ครับ”รับคำเหมือนเด็กชายที่ทำความผิด
แต่สายตาสีเทาคมกริบที่มองมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนเธอมากกว่าที่เป็นเด็ก
“เห็นไหมเราเริ่มเหมือนครอบครัวกันจริงๆแล้ว”เขายักคิ้ว
มองเธออย่างตั้งคำถามเมื่อเธอลุกขึ้นยืน
“ฉันทิ้งพายเอาไว้ ต้องไปแล้วล่ะค่ะ”เธอทิ้งพายไว้จริงแต่ไว้บนโต๊ะน่ะนะ
เธอนับถือตัวเองน่าดูที่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธที่เกิดขึ้นในครั้งแรกได้จนถึงตอนนี้
เขาเองก็ดูจะไม่สงสัยอะไรด้วย
เธอเดินทางไปแค่ประมาณสิบก้าวก่อนที่เขาจะร้องเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด
เธอกลับไปอยู่ที่เดิมด้วยระยัเวลาที่รวดเร็วกว่าเขาไป
เรย็กำลังดิ้นไปมาบนพื้ร คิ้วของเขาขมวดมุ่นท่าทางทรมาน
นั่นเป็นอาการของเขาจนกระทั่งถึงเมื่อกี้นี้ก่อนที่เธอจะมาอยู่ใต้ร่างของเขาในตอนนี้
“คนโกหก”เธอพูดเสียงลอดไรฟัน “คุณใช้วิธีสกปรก”
ใบหน้าคมคายลอยอยู่เหรือตัวเธอ“ผมไม่ปฏิเสธเรื่องวิธีสกปรก
แต่เรื่องโกหกผมว่าเราหายกันนะ”
“คุณพูดเรื่องอะไร”
ปลายนิ้วหัวแม่มือของเขาแตะที่หว่างคิ้วของเธอ
“คุณคงไม่รู้ว่าเวลาคุณโกหก คุณมักจะขมวดคิ้วเสมอ”
ใบหน้าของเธอคงแสดงอาการคัดค้านออกไปเพราะเขาพูดว่า
“รู้สิตอนเด็กๆคุณก็ทำแบบนี้
เหมือนกันเวลาโกหก คุณคงคิดว่าตัวเองเก็บซ่อนความรู้สึกเก่งแต่ผมเห็นมันตลอด
ตรงหว่างคิ้วน่ารักๆนี่”เขาพูดด้วยท่าทางเหมือนภูมิใจ “นอกจากนี้ผมยังรู้ว่าคุณโกหกเพื่ออยู่ให้ห่างจากผม
ดูเหมือนคุณจะโกรธผมอยู่ด้วย ถ้าไม่ใช่ก็ปฏิเสธผมสิ”
“เพื่อพิสูจน์เรื่องพรรค์นี้
คุณถึงกับต้องแกล้งบาดเจ็บ?”
การไม่ปฏิเสธอเขาของเธอบอกว่าเขาเดาถูก
และมันทำให้เขาคำรามในคอ “ไม่ใช่”ใบหน้าเขาก้มต่ำลงมา แผงอกกำยำยังเปียกชื้นเพราะเหงื่อที่ยังไม่แห้ง
บดเบียดกับหน้าอกของเธอ เธอรู้สึกถึงอาการสั่นสะเทือนของแผงอกเพราะการคำรามของเขา
เธอเม้มปากรู้สึกถึงปฏิกิริยาร่างกายของตัวเองที่มีต่อเขาหลังจากเหตุการณ์วันนั้น
มันก็ไวต่อสัมผัสของเขามากขึ้น เขาเองก็คงรู้สึกได้
เขากดร่างลงมาบนร่างของเธอมากขึ้น เธอสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาเสียดสีร่างของเธอด้วยร่างของเขาเอง
บ้าเอ๊ย เธอแทบจะรู้สึกได้ถึงทุกมัดกล้ามเนื้อใต้เสื้อเชิ๊ตของเขาด้วยผิวเนื้อของเธอ
และมันไม่ดีเลย แผ่นหลังของเธอเหยียดขึ้นเองไขว่คว้าหาสัมผัสจากเรือนร่างของเขา
เธอพยายามหยุดร่างกายที่เหมือนไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป และมันจบลงเมื่อเขาจูบเธอ
เหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายของเรา เธอจูบตอบเขาก่อนที่จะทันคิดอะไร
สองแขนของเธอโอบคล้องคอของเขาไว้ ขณะที่ลิ้นของเขารุกต้อนเธอ
เธอรู้สึกถึงฝ่ามือร้อนของเขาที่สอดเข้ามาในเสื้อเชิ๊ตของเธอ
กอบกุมทรวงอกของเธอปลายนิ้วของเขาไล้วนส่วนปลายของมันผ่านยกทรงของเธอ เธอรู้สึกได้ว่ามันแข็งขึ้นตอบโต้สัมผัสของเขาทำให้ร่างกายของเธอสั่นระริก
เขาอาศัยจังหวะนั่นแทรกตัวเขามาตรงหว่างขาของเธอ
บดเบียดกายแกร่งกับเธออีกครั้ง
เธอรู้สึกถึงความตื่นตัวของเขาชัดเจนที่หน้าท้องของเธอ
มืออีกข้างของล้วงเข้ามาในกางเกงขาสั้นบีบบั้นท้ายของเธอ วกมาส่วนใจกลางร่างของเธอ
ปลายนิ้วหยาบกร้านของเขาแตะส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของเธอ ก่อนที่จะบดขยี้มัน
“อ๊ะ เรย์ไม่คุณทำแบบนี้ไม่ได้”
เขายิ้มร้ายรับคำพูดกระท่อนกระแท่นของเธอที่แทบจะไม่เป็นประโยคของเธอ
ความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นเร้าถูกแทรกด้วยความคิดที่ว่าในความคิดที่ว่าเขาในสภาพที่มีเหงื่อไหลหร้อมรอยยิ้มมุมปากร้ายๆนั่นดูเซ็กซี่เป็นบ้าก่อนที่เธอจะลืมมันไปหมดเมื่อเขาสอดนิ้วเข้ามาในตัวเธอและเริ่มขยับ
ความสุขสมซาบซ่านเอิบอาบไปทั่วร่างของเธอหลังจากนั้นไม่นาน
การที่เขาเป็นคนทำทำให้เธอพบความสุขได้ไม่ยาก
เขาจูบเธออีกครั้งในขณะที่ผลของความสุขยังคงค้างอยู่ในตัวเธอทำให้เธอไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับตัว
“ผมแค่จะทำให้คุณรู้ว่าคุณไม่มีทางไปจากผมได้หรอก”เขาพูดด้วยเสียงกระซิบที่แหบพร่าข้างหูของเธอ
เขาคิดว่าเธอไม่รู้หรือ
แค่คิดว่าเขาบาดเจ็บ เธอก็ไม่ลังเลเลยซักนิดที่จะวิ่งไปหาเขา ไม่เธอไม่ได้ทำแม้แต่จะคิด
ในสมองมีเพียงคำพูดขอให้เขาไม่เป็นไร
ในสายตาของเขาเธอคงเหมือนเหยื่อที่วิ่งเข้าไปติดกับง่ายๆได้อย่างง่ายดายสินะ
เธอมองเขาที่กำลังเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาบนแก้มของเธอให้
เห็นเหงื่อเม็ดหนึ่งไหลจากไรผมลงมาจากขมับของเขาจนถึงแนวกรามแกร่งและทำท่าจะหยดจากปลายคางลงบนแผงอกของเขา
ความอยากรู้เกิดขึ้นในตัวเธอว่ารสชาติของเหงื่อของเขาจะเป็นอย่างไร นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอคิดแบบนี้
แต่เมื่อก่อนเธอไม่มีความกล้าพอ เธอไม่มีความกล้าพอที่จะแตะต้องเขา
เพราะเขาไม่ใช่ของเธอ ถ้าเธอแตะต้องเขาเธอคงมาสามารถปล่อยเขาไปได้
แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม ดังนั้นเธอจึงทำตามความคิด
เธอยื่นใบหน้าเข้าไปหาเรย์แลบลิ้นเลียหยาดเหงื่อที่ปลายคางของเขา
เรย้ตัวแข็งไปเพราะการกระทำของเขาของเธอ
ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกผลักให้ลงนอนกับพื้นอีกครั้งระทดระทวยด้วยจูบของเขา “คุณกำลังเล่นกับไฟนะลิณา”เธอร้องออกมาเบาๆเมื่อเรย์กัดเข้าที่ผิวเนื้อข้างลำคอของเธอ
“มันจะเผาไหม้คุณไม่รู้หรือไง”ลมหายใจของเขาผ่าวร้อนไม่ต่างกับตัวเขาที่เธอโอบแขนทั้งสองข้างกอดเขาไว้
“ฉันก็อยากรู้นะว่าความรู้สึกของการถูกเผาไหม้มันเป็นยังไง”
ร่างของลิณาถูกโยนลงบนเตียงอย่างแรงจนถึงกับกระดอน
“เฮ้ นี่คุณทำอะไรของคุณน่ะ”
“นั่นควรเป็นคำถามของผมมากกว่า
คุณต่างหากคิดบ้าอะไรของคุณอยากรู้งั้นเหรอว่า
ขีดจำกัดผมมันอยู่ที่ไหน”เขาพูดด้วยเสียงดังแทบจะเป็นคำถาม
ทุกมัดกล้ามในร่างใหญ่โตของเขาเกร็งเครียด
เธอเห็นเส้นเลือดที่ปูดโปนตามท่อนแขนของเขา
เขาหายใจหอบฟืดฟาดแต่เธอคิดว่าคงไม่ได้เป็นเพราะการที่เขาแบกเธอกลับมาที่บ้านหลังนี้หรอกเพราะสายตาสีเทาที่เกือบกลายเป็นสีดำฉายความกระหายหิว
คลิปหนีบผมของเธอดูทนแรงโน้มถ่วงหลังจากถูกเหวี่ยงไปมาไม่ไหวมันหลุดลงมาที่ไหล่ของเธอ
ลิณาสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆเรย์ก็สบถออกมาดังลั่น เขาหันหลังให้เธอแต่ก็ยังไม่หยุดสบถ
มือทั้งสองข้างของเขาซุกอยู่ในกระเป๋า กำมันเป็นหมัด
เรย์แหงนหน้าสูดลมหายใจเข้าออกหายใจเข้าออกยาวๆหลายครั้ง
“ผมจะออกเป็นข้างนอกทำหัวให้เย็นลงหน่อย
คุณก็น่าจะทำแบบนั้น”
เธอกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากแต่เธอก็รู้ว่ามันไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่เมื่อเธอพูด
“ไม่จำเป็นหรอก”สำหรับเขาการกระทำของเธอมีความหมายแบบนั้นหรือ เล่น “คุณไม่เข้าใจอะไรเลย”เธอบังคับมือที่สั่นของตัวเองจัดเสื้อผ้าให้มันคืนที่เดิม
แม้จะยากเต็มที
เธอได้ยินเขาแค่นเสียงกึ่งเย้ยหยัน “แล้วคุณคาดหวังให้ผมเข้าใจอะไรล่ะ
คุณอยากมีเซ็กซ์กับผมหรือไง
ผมต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการควบคุมตัวเองล่ะคุณเข้าใจรึเปล่า”
คำพูดของเขาเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงชั้นดีให้กับความโมโหของเธอ
“เรย์คิล แมกซ์ วิสตัน
คุณควรทำความเข้าใจใหม่ว่าฉันไม่ใช่เด็กที่แยกความต้องการทางกายไม่ออกและไม่ได้โง่ขนาดที่ไม่รู้ถึงผลที่ตามมาของการกระทำของตัวฉันเองด้วย”เธอจ้องหน้าเขา
“ถ้าฉันหวังให้คุณควบคุมตัวเอง ฉันคงไม่แตะต้องตัวคุณ ด้วยประสบการณ์มากมายของคุณ
คุณบอกไม่ได้เลยรึไงว่าฉันต้องการคุณแค่ไหนน่ะ คุณไม่รู้หรือไงว่าฉันอิจฉาผู้หญิงพวกนั้นมากแค่ไหนที่ได้รับสัมผัสจากคุณ
ฉันอยากให้คุณทำแบบนั้นกับฉันบ้าง แค่คุณแตะตัวฉันเท่านั้นฉันก็..”เธอรู้สึกว่าตัวเองชักจะพูดมากเกินไปแล้ว
เธอมองเขา เขาไม่ได้หันหลังให้เธออีกแล้ว
เขาหันหน้ามาทางเธอกำลังมองเธออยู่
“พูดต่อสิ”เขาพูดมือทั้งสองของเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตลงมาครึ่งหนึ่งแล้ว
เผยให้เห็นกลุ่มขนสีเข้มที่แผ่กระจายอยู่บนอกของเขา
สายตาของเธอกวาดตามองทั่วร่างกำยำของเขาโดยไม่รู้ตัว
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”ริมฝีปากแห้งผากทำให้เธอแลบลิ้นเลียมัน
ดวงตาสีเทาเข้มขึ้นจนเกือบกลายเป็นสีดำ
นิ้วเรียวยาวของเขาปลดกระดุมเสื้อที่เหลือและดึงชายเสื้อออกจากกางเกงเพื่อถอดมันทิ้งบนพื้น
แสงแดดยามบ่ายสาดผ่านบานหน้าต่างสำท้อนกับเหงื่อบางๆที่เกาะอยู่ตามแผ่นอกและบ่ากว้างของเขาที่ค่อยๆย่างก้าวเข้ามาหาเธอช้าๆเหมือนเสือดำปราดเปรียวที่กำลังเข้าหาเหยื่ออย่างเงียบเชียบงดงามและเปี่ยมด้วยพลังจนทำให้เหยื่อไม่สามารถละสายตาไปได้
ร่างกายของเธอกระถดถอยหลังตามสัญชาตญาณ
และในพริบตาต่อมาเขาก็อยู่เหนือร่างของเธอ
ตรึงร่างของเธอไว้ด้วยร่างของเขา เสียงกระซิบกึ่งคำรามของเขาดังอยู่ข้างหู “สายเกินไปที่จะถอยหลังกลับแล้วแม่มดน้อย”
[Deleted scene]
เธอหอบหายใจรู้สึกเหนื่อยเหมือนพึ่งวิ่งมาเป็นพันๆไมล์ แต่นอกจากนั้นมันยังมีความอิ่มเอมดีใจที่ในที่สุดเธอก็เป็นของเขา เธอเท่านั้นที่รู้ว่าเธอรอคอยเวลานี้มานานแค่ไหน เปลือกตาของเธอหนักอึ้งจนแทบลืมไม่ขึ้น ร่างกายของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งของเขาและของเธอ ซึ่งถ้าเป็นยามปกติเธอคงลุกไปอาบน้ำแต่ตอนนี้เธอเหนื่อยล้าเกินกว่าจะใส่ใจมัน เธอปิดตาลงตั้งท่าจะหลับ ถ้าไม่รู้สึกถึงอาการขยับขยายของเขาที่อยู่ในตัวเธอ
“คุณพอจะทำมันอีกครั้งได้ไหม”
เธอกัดริมฝีปากถลึงตาใส่เขา
เธอไม่ได้โกรธที่เขาทำแบบนี้แต่โกรธที่เขาไม่รอฟังคำตอบของเธอเลยต่างหาก
เขาเริ่มขยับก่อนที่จะถามเธอเสียอีก
[Talk]
ดีกรีความฮอตของป๋าคราวนี้ให้เท่าไหร่ดีคะ
ในที่สุดหนูลิณาก็....แล้วน๊า
อ่านแล้วอย่าลืมเม้นๆให้กันด้วยน๊า
ฉบับเต็มลิ้งอยู่ในหน้าเพจนะคะ(ลบเที่ยงคืนวันที่12/11/2015นะคะ)
ทั้งในเด็กดีและห้องสมุด
อัลจะดีใจมว๊ากกกก
อัพครั้งต่อไปจะเร็วหรือไม่ขึ้นอยู่กับคอมเม้นของคุณ!
(ฟังเหมือนรายการข่าวนะ ฮ่าๆ)
มีคำผิดบอกได้นะคะ
<<เพจอัลเองค่ะติดตามข่าวสารการอัพเดททางนี้นะคะ
FROM Aunqio
ความคิดเห็น