ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    One more time

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 278
      5
      16 พ.ย. 58

     

    บทที่ 7

     

     

     

     

     

    ผู้ชายน่าโมโห ผู้ชายที่อยู่ข้างเธอเป็นผู้ชายที่น่าโมโหที่สุดในโลก

    จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอ เขาไม่ได้กอดเธอแล้วแต่เขาเอาแต่ตามเธอตลอดเวลาด้วยสายตาสีเทาคู่นั้น

    “วันนี้คุณไม่ไปทำสวนของคุณรึไง”เธอหันไปถามเรย์ที่ทำท่ายุ่งกับการเช็ดเครื่องไม้เครื่องมือแต่แท้จริงแล้วเขากำลังเฝ้าจับตามองเธอไม่ให้คลาดสายตา “ถ้าคุณกลัวว่าฉันจะหนี คุณก็รู้อยู่แล้วว่าฉันทำแบบนั้นไม่ได้ คุณถึงพาฉันมาที่นี่ไม่ใช่รึไง”

    “ผมไม่อยากเสี่ยงอีกอย่างคุณยังโกรธผมอยู่ จากประสบการณ์ผมรู้ว่าไม่ควรปล่อยให้ผู้หญิงโกรธนานนัก”

    เธอหน้าแดงเพราะรู้ว่าผู้หญิงในประโยคของเขาหมายถึงเธอ

    “ลิณามานี่หน่อย”เขากวักมือเรียกเธอเหมือนเวลาเรียกสัตว์ตัวเล็กๆและเธอก็ยอมเดินไปหาเขาก่อนที่จะรู้ตัวซะอีก

    พอเธอเดินไปถึงแขนแข็งแรงของเขาก็เกี่ยวเอวเธอขึ้นไปบนตัก

    “ถ้าคุณไม่อยากให้ฉันโกรธไปมากกว่านี้ ก็ปล่อยฉันเสียดีกว่า”เธอพยายามห้ามตัวเองไม่ให้รู้สึกดีกับอ้อมกอดของเขา และแน่นอนว่าเธอทำไม่ได้ ยิ่งตอนที่มีเสียงหัวเราะทุ้มนุ่มในลำคอของเขาอยู่ข้างหูของเธอ

    “ถ้าคุณยอมหายโกรธผม ผมจะเล่าเรื่องอดีตของผมให้ฟัง เมื่อก่อนคุณอยากฟังไม่ใช่เหรอ”

    ใช่ เมื่อก่อนนี้เธออยากฟังเรื่องราวในอดีตของเขา อยากรู้ว่าเขาผ่านอะไร ชีวิตของเขาเคยเจอเรื่องราวอะไรมาบ้าง เขาเคยเรียนที่ไหน ชีวิตสมัยเด็กของเขาเป็นยังไง แต่เขาก็ไม่เคยเล่าให้เธอฟัง น่าขำทั้งที่ตอนนั้นเขาเอาแต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมเล่าให้เอฟัง มาคราวนี้เขากลับยอมเล่าให้เธอฟังง่ายๆเพื่อให้เธอหายโกรธ ทั้งที่ไม่ว่าจะอดีตหรือตอนนี้เธอก็ยังเป็นเธอคนเดิมแท้ๆ “ทำไมคุณถึงจะมาบอกเอาตอนนี้”

    คำตอบของเขาไม่ใช่คำตอบที่เธอคิดว่าจะได้ยิน หนึ่งเพราะว่ามันไม่ค่อยเกี่ยวกับคำถามเท่าไหร่ สองเพราะเธอไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากเขา”

    “เพราะผมรู้แล้วว่าคุณสำคัญ ผมเลยไม่อยากให้คุณโกรธ”

    เขามาแบบนี้แล้วจะให้เธอไปต่อยังไง เธอไม่กล้ามองหน้าเขา ถึงจะรู้ว่าเขาไม่ได้หมายความแบบนั้นแต่ถึงอย่างไรคำว่าเธอสำคัญสำหรับเขาก็มากพอแล้วที่จะทำให้ร่างทั้งร่างของเธอสะท้าน “จะเล่าก็เล่าไปสิทำไมต้องกอดฉันแบบนี้ด้วย”การรับรู้ถึงร่างกายของเขาแบบนี้ทำให้เธอตั้งสติลำบากแม้เขาจะสวมเสื้อผ้าครบชุดแต่ร่างกายของเธอก็จดจำได้แล้วว่าภายใต้เสื้อผ้านั้นมีเรือนกายที่งดงาม และแข็งแกร่งเท่าที่บุรุษเพศคนหนึ่งจะมีได้อยู่

    “ผมกอดคุณก็เล่าได้เหมือนกัน ไหนๆผมก็จะเล่าเรื่องของผมให้คุณฟังแล้ว คุณควรตามใจผมหน่อยนะ”

    เธอรู้ว่าเขาไม่เคยเล่าเรื่องในอดีตให้ใครฟังมาก่อน “คุณไม่จำเป็นต้องเล่าให้ฉันฟังก็ได้นะ”แม้เขาจะไม่เคยบอกเธอว่าทำไมถึงไม่ยอมเล่าเรื่องในอดีตให้เธอฟังแต่แววตาข่มขื่นของเขาก็บอกทุกอย่างได้ดี นั่นเป็นสาเหตุที่เธอไม่เซ้าซี้เขาอีก

    เรย์สั่นหัว “ผมอยากเล่าให้คุณฟัง คุณไม่ใช่คนอื่น”

    หมายความว่าสองปีที่แล้วเธอเป็นคนอื่นสำหรับเขาสินะ แต่เธอก็รู้อยู่แล้วล่ะเพราะงั้นเธอถึงพอใจกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ขอแค่เขายังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว การที่เธอได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาก็มากเกินกว่าที่เธอเคยคิดแล้วฉะนั้น เธอเอนร่างพิงกับแผงอกกว้างของเขาพอใจกับความอบอุ่นที่ซึมซาบเข้ามาในผิวของเธอ ความสุขมักจะอยู่ได้ไม่นานเพราะงั้นเธอต้องตักตวงมันให้มากที่สุดเท่าที่ยังมีโอกาส

    เธอได้ฟังเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับตัวเขา ทั้งเรื่องที่รู้และไม่เคยรู้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่เธอไม่เคยรู้ทั้งเรื่องที่เขาเรียนจบจากโรงเรียนมัธยมชื่อดังของอังกฤษ เขาไม่ค่อยเข้าเรียนเพราะชอบอ่านเองมากกว่า จนเกือบไม่ได้เลื่อนชั้นแต่เพราะเขาสอบผ่านทุกวิชาเขาเลยจบมาได้อย่างราบรื่น เรื่องที่เขาอยู่ชมรมรักบี้แถมทีมของเขายังชนะการแข่งขันระดับเขตด้วย

    “มิน่าตัวคุณถึงได้ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์แบบนี้”แถมตัวเขายังแข็งอย่างกับอะไรดี เธอใช้นิ้วจิ้มอกของเขากลับกลายเป็นเธอเองที่รู้สึกเจ็บเพราะกล้ามเนื้อแข็งๆของเขา

    เขาหัวเราะ “ไม่ดีเหรอผมถึงกอดคุณได้ทั้งตัวแบบนี้ไง”เขากอดเธอแน่นขึ้นอีกแสดงหลักฐานยืนยันกับเธอ “อีกอย่างคุณต่างหากที่ตัวเล็กไป”เขาทาบฝ่ามือของตัวเองกับฝ่ามือของเธอ มือของเขากุมข้อมือของเธอได้ถึงสองรอบ

    “แล้วแผลไฟลวกที่หลังของคุณล่ะ”เธอถามเรื่องที่เธออยากรู้ที่สุด และรู้สึกได้ถึงอาการเกร็งเครียดจากร่างของเขา

    “คุณรู้ได้ยังไง”

    “ถ้าคุณไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร”เขาคงคิดว่าเธอจะไม่รู้ ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะบาดแผลบนหลังของเขาที่เธอว่านั้นมันไม่มีแล้ว เธอคงคิดว่าเขาศัลยกรรมลบมันออกเธอคิดว่าเขาจะเปลี่ยนไปเล่าเรื่องอื่น ทิ้งคำถามของเธอให้อยู่ที่เดิมของมันเหมือนที่ผ่านมา

    “แผลนี้ผมได้มาตอนไฟไหม้เมื่อแปดปีก่อน”

    นี่เขากำลังเล่าเรื่องบาดแผลของเขาให้เธอฟังจริงๆงั้นเหรอ

    “ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าคุณไม่ใช่คนอื่น อีกอย่างคุณเป็นคนถามทำไมผมจะไม่ตอบ”เธอยังไม่เชื่อเขา เขาเห็นมันจากแววตาตกตะลึงของเธอ ดวงตาของชายหนุ่มเข้มขึ้น“คุณคิดถูกใช่เรื่องที่คุณถามเป็นเรื่องที่ผมไม่อยากตอบซักเท่าไหร่ เพราะงั้นผมเลยอยากให้คุณช่วยผมหน่อย”

    เขาไม่ถามเธอเลยซักนิดว่าเธอจะช่วยไหม ประกบริมฝีปากลงมาบนเรียวปากของเธอ ปลายลิ้นของเขาแทรกเข้ามาในปากเธอ เขาจูบเธออย่างหนักหน่วง จูบครั้งนี้ของเขาแตกต่างจากจูบที่ผ่านๆมา ทุกครั้งจูบของเขาจะทำให้เธอรู้สึกร้อนรุ่ม จูบของเขาสื่อให้เห็นถึงความปรารถนาของเขาที่อยากให้เธอรับรู้ แค่ครั้งนี้จูบของเขากลับแสวงหาการปลอบประโลมจากเธอ ความจริงนั้นทำให้เธอพยายามจูบตอบเขา สัมผัสเขา ปลอบโยนเขา แต่หลังจากที่เขาถอนเรียวปากออกจากริมฝีปากของเธอทำให้ตัวเธอต้องนอนซบร่างทั้งร่างบนร่างของเขา เธอก็เริ่มไม่แน่ใจ

    “ดูท่าผมต้องรีบเล่าแล้วสิ”เขาระบายลมหายใจออกมา “ใช่อย่างที่คุณสงสัยนั่นแหละ แผลของผมมาจากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่คฤหาสน์วิสตัน”เหตุการณ์ที่พลิกผันชีวิตของเขาไปโดยสิ้นเชิง “ไฟไหม้ที่พรากพ่อกับแม่ของผมไป”จนถึงตอนนี้เขาก็ยังจำได้ถึงสีแดงที่ห่อหุ้มทุกสิ่งในสายตาเขา

    เขาทำเหมือนกำลังเล่าเรื่องธรรมดาที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเขา น้ำเสียงของเขาจะไม่ผิดปกติแต่เธอรู้ว่าถึงเขาจะอยู่ตรงหน้าเธอ แต่ในสายตาของเขาไม่ได้กำลังเห็นเธอ เขากำลังเห็นเหตุการณ์เมื่อแปดปีก่อนและเธอไม่ชอบเลย

    หญิงสาวโน้มลำคอของเขาลงมาพร้อมกับตัวเองที่ยืดตัวขึ้นไปแนบริมฝีปากกับเขา เรย์ดูตกใจในตอนแรกเปลือกตาเรียวปรือลงก่อนที่ตัวเธอจะถูกเขากระชากออก

    “อย่าคิดว่าผมไม่อยากจูบคุณ”เขาคำรามเมื่อเห็นแววตาที่กำลังกะพริบปริบด้วยความชะงนของเธอ “ผมแค่ไม่อยากให้ครั้งแรกของคุณเป็นที่เก้าอี้หรือว่าที่พื้น”

    ความร้อนสูบฉีกบนแก้มของเธอ “คุณดูจะมั่นใจเหลือเกินนะ”ว่าเธอจะยอมตกเป็นของเขา

    ดวงตาของเขาหรี่ลงและแข็งกร้าว เขาพูดเสียงเรียบแต่เธอกลับรู้สึกเหมือนเขาตะโกนมันดังชัดเจนในหูของเธอ “ผมไม่มีวันยกคุณให้คนอื่น”นั่นไม่ใช่แค่คำพูดธรรมดาๆ เขากำลังประกาศเป็นนัยว่าเธอเป็นของเขา มันช่างเป็นคำพูดที่เห็นแก่ตัว เอาตัวเองเป็นใหญ่แบบพวกผู้ชายที่ไม่ยอมฟังคำปฏิเสธ แต่คำพูดเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนในอกของเธอกำลังถูกชโลมด้วยน้ำผึ้งอุ่นๆ เธอดีใจกับความคิดว่าที่ว่าเธอเป็นของเขาและที่สำคัญคือมันมาจากเขา

    “ถ้าคุณอยากปลอบผม”จากคำพูดของเขา เขาคงรู้ว่าจู่ๆเธอจูบเขาทำไม “ผมมีอีกที่ที่อยากให้คุณปลอบมากกกว่า”เขาไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เมื่อมันกำลังดุนดันเต้นตุบแนบกับสะโพกของเธอและเพราะมันแนบชิดกับตัวเธอ เธอจึงรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของมันอย่างชัดเจน และเริ่มส่งผลกับร่างกายของเธอด้วย ก่อนที่เธอจะรู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็นๆสาดเมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดต่อมา

    “เรื่องมันจบไปตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนแล้ว คุณไม่ต้องห่วงหรอก”

    คำพูดของเขาทำให้เธอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อสองปีก่อนก็เป็นตอนที่ตระหนักถึงความจริงข้อหนึ่ง

     

    เสียงสัญญาณรอสายดังขึ้นไม่นานนักก่อนที่จะมีคนรับ ชายหนุ่มพูดกับปลายสายได้ซักพัก เสียงคลื่นแทรกที่บ่งบอกว่ามีคนพยายามแฮกเข้ามาในสาย เรย์เดาได้ไม่ยากนักหรอกว่าสายที่แฮกเข้ามานั้นมาจากไหน ในเมื่ออีกฝ่ายเองจงใจให้รู้เสียขนาดนี้ เรย์ตัดสินใจวางสายที่คุยอยู่ก่อนกดเปลี่ยนายที่มาทีหลังมาที่สายหลัก เขาอุดหูข้างหนึ่งก่อนที่จะกดรับคาดไม่ผิดเมื่อหลังจากนั้นเสียงตะโกนคำสบถจำนวนมากมายก็ดังลอดออกมา อ้อนี่เป็นครั้งแรกที่เขารับสายอีกฝ่ายนี่นะ

    เขารอจนอีกฝ่ายพูดเสร็จจึงพูด “สายันณ์สวัสดิ์ครับ เอียน”

    เขาเหมือนจะได้ยืนเสียงกัดฟันรอดมาตามสายก่อนที่จะตามมาด้วยชื่อของเขา

    “วิสตันกล้ามากนะไอ้หนูที่ไม่ยอมรับสายฉัน”

    “ช่วยไม่ได้นี่ครับ ผมไม่อยากให้ลิณารู้ตัว”

    “นายคิดจะกักขัง หน่วงเหนี่ยวหลานสาวถึงเมื่อไหร่กัน นี่มันจะเดือนแล้วนะ”

    ชายหนุ่มไม่สะทกสะท้านกับน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ทว่าแฝงด้วยอำนาจของอีกฝ่าย “ก็จนกว่าผมจะจับไอ้โรคจิตที่ส่งข้อความมาข่มขู่และลอบทำร้ายเธอน่ะสิครับ”

    ปลายสายเงียบไปก่อนพูดต่อ “นายก็รู้ตัวต้นเหตุแล้วไม่ใช่รึไง ไม่ใช่สายของนายเรอะที่นายคุยด้วยเมื่อกี้นี้น่ะ”

    ต้องพูดว่าสมกับที่เป็นอีกฝ่ายเป็นถึงหัวหน้า CIN ที่มีอีกฉายาว่าตาเฒ่าสารพัดพิษล่ะนะ ขนาดสายที่เขาพึ่งส่งจะมาแจ้งข่าวเมื่อครู่นี้เองแท้ๆ “น่าอายนะครับสายของผมยังไม่ได้เบาะแสอะไรเกี่ยวกับคนที่ลอบทำร้ายลิณาเลย ผมลองสืบจากพวกที่ไม่ชอบหน้าผมแล้วแต่ไม่มีใครเข้าข่าย อีกอย่างไม่มีใครรู้จักลิณา ทุกคนคิดว่าเธอตายไปตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน

    “บางทีอาจเป็นพวกที่แค้นเธอก่อนที่เธอจะกลับมาเป็นวิสตันอีกครั้งก็ได้”

    หัวคิ้วของเรย์นิ่วเข้าหากัน “เป็นไปไม่ได้ คนที่รู้ตัวจริงของผมและรู้ว่าลิณายังมีชิวิตอยู่น่ะ..”สมองของเขาเรียบเรียงเบาะแสและคำพูดของอีกฝ่าย ทำให้เขาเข้าใจว่า เอียน เคอร์ติสต้องการจะพูดอะไร

    “เป็นไปไม่ได้”คำพูดเดิมถูกพูดออกมาเป็นครั้งที่สองแตกต่างแค่คราวนี้น้ำเสียงของมันรอดไรฟันออกมา “คุณตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่”

    “นายรู้อยู่แล้วว่าฉันจะพูดอะไร”

    “ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร”

    เสียงผ่อนลมหายใจดังมาจากปลายสาย “ฉันจะไม่พูดอะไรอีกแล้วเพราะความจริงนายย่อมรู้อยู่แก่ใจดีอยู่แล้ว”

    เอียนวางสายไปแล้ว โทรศัพท์ที่เขาถือส่งเสียงบ่งบอกว่าอีกฝ่ายตัดสายไปแล้ว เรย์กำหูโทรศัพท์เอาไว้แน่นจนพลาสติกที่หุ้มไว้แตกปริ

    เขารู้ว่าที่เอียนพูดหมายความว่ายังไง เป็นไปไม่ได้ มันไม่มีทางที่จะเป็นอย่างนั้น ในเมื่อเขาเองที่เป็นคนฆ่าอีกฝ่ายเองกับมือ

    เขากลับมาที่เกียง หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงยังคงหลับ แพขนตาทั้งสองข้างทาบปิดสนิทบนแก้มนวล เขาก้าวขึ้นเตียง เอื้อมแขนสอดเข้ารอบเอวบางของลิณา ดึงร่างนุ่มเข้ามาแนบชิดร่างของเขา เมื่อผิวกายนุ่มหอมกรุ่นของเธอสัมผัสกับผิวกายของเขา ชายหนุ่มก็ค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ กล้ามเนื้อที่เกร็งเครียดค่อยๆผ่อนคลายลง ดวงตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เดิมตั้งแต่ที่เดินเข้ามา คือใบหน้าที่หลับใหลของเธอ

    เขาจะทำทุกอย่างให้แน่ใจว่าภาพธรรมดาๆถากนี้จะเป็นภาพที่เขาจะได้เห็นในทุกๆคืน

    หลังจากที่ชายหนุ่มหลับไปแล้ว ดวงตาหญิงสาวก็เปิดขึ้นท่ามกลางความมืด

    เธอมองร่างใหญ่กำยำของชายหนุ่มที่กำลังยกจอบพรวนดิน ที่นี่แม้ตอนกลางคืนอากาศจะเย็นแต่ตอนกลางวันอากาศจะค่อนข้างร้อนอบอ้าว แม้จะไม่มีแดดมากนัก แต่อากาศแบบนี้มันเลวร้ายกว่าอีก ความกดอากาศต่ำทำให้ไอร้อนที่ออกมาจากร่างกายจับตัวอยู่โดยรอบ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้แปลกใจที่เห็น ตัวของเรย์ชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ออกมาจากร่างกายของเขา ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนมันชุ่มไปด้วยเหงื่อ เปียกแนบติดลำตัวของเขา ราวกับมันเป็นผิวหนังชั้นที่สอง มันเป็นภาพที่เธอเห็นอยู่เป็นประจำ ตอนอยู่ที่นี่ แต่เธอก็ยังไม่ชินกับมัน หัวใจของเธอยังคงเต้นแรงกับภาพของเขา มันเต้นแรงขึ้นอีกอย่างที่เธอคาดไว้เมื่อเขาส่งยิ้มให้พร้อมกับเรียกชื่อเธอ เธอรู้เพรมันเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

    “ลิณา”

    “คุณลืมเอาข้าวกล่องมา”เธอชูตระกร้าที่ถือมาขึ้นให้เขาเห็น เธอส่งขวดน้ำที่แช่เย็นจนเป็นน้ำแข็งให้เขา

    เรย์รับไปเขาเทน้ำส่วนหนึ่งลงบนศีรษะ น้ำทำให้ใบหน้าของเขาและเส้นผมของเขาเปียก เขาสะบัดเส้นผมไปด้านหลังดูเหมือนเส้นผมของเขาจะยาวขึ้นกว่าเดิม บนกรามของเขามีเคราขึ้นจนดกครึ้ม เพิ่มความดิบเถื่อนในตัวเขาให้มากขึ้นอีก จากนักธุรกิจสุดเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นชาวไร่ตอนนี้เขาทำให้เธอนึกถึงโจรสลัดเธอเองก็บอกไม่ได้ว่าชอบแบบไหนมากกว่า บางทีขอแค่เป็นเขาก็พอ

    เธอขมวดคิ้วเมื่อเห็นเขากำลังเอื้อมมือมาที่แซนวิชไข่ เธอจับมือเขาก่อนที่เขาจะเอื้อมถึงมัน

    เรย์เลิกคิ้วแทนการตั้งคำถาม ลิณาไม่ตอบเธอดึงมือของเขาไปหา เทน้ำในขวดลงบนฝ่ามือของเขาให้มันชำระคราบดินและฝุ่นที่ติดบนมือของเขา บางส่วนที่ติดลึกเธอใช้นิ้วหัวแม่มือเมื่อถูมันออก หลังจากที่แน่ใจว่ามันสะอาดแล้วเธอก็ใช้ผ้าขนหนูที่นำมาซับจนแห้ง เธอส่งมือเขาคืน

    “คุณไม่ควรจับของกินทั้งที่มือเปื้อนดิน”เธออธิบายหลังจาหที่เขามองเธอด้วยสายตาแปลกๆ เธอโยนผ้าขนหนูให้เขา “และควรคุณเช็ดผมซะถ้าไม่อยากไม่สบาย”

    “คุณพูดเหมือนแม่ผม ตอนที่ผมอายุ 12

    “ฉันไม่อยากมีลูกแบบคุณหรอก”

    เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วยคราวนี้เธอเป็นฝ่ายแปลกใจ “ดีแล้วเพราะผมอยากเป็นพ่อของลูกคุณมากกว่า”เขาฉวยโอกาสที่เธอยังตั้งรับไม่ทันกับคำพูดของเขาพูดต่อ “แบบนี้เหมือนเราเป็นครอบครัวกันจริงๆเลยนะว่าไหม”

    “ไม่เหมือนหรอกค่ะ”เพราะคงไม่มีครอบครัวไหนที่เหมือนกับเธอและเขา ครอบครัวคือคนที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป ผูกผันกันด้วยใจ แต่เธอกับเขาไม่ใช่แบบนั้น ไม่มีทางเป็นแบบนั้น เธอรีบหันหน้าไปทางอื่น กลัวว่าเขาจะเห็นความปรารถนาในใจของเธอ ความปรารถนาให้ช่วงเวลานี้คงอยู่ตลอดไปของเธอ

    “มาลองดูกันไหม”

    “คุณจะทำอะไร...”เธอตั้งท่าเตรียมจะถอยหนีแต่เธอเข้าใจผิด เขาแค่ยื่นมือมาหาเธอใช้นิ้วหัวแม่มือลูบที่แก้มของเธอ เธอเห็นครีมสีขาวติดที่ปลายนิ้วของเขา มันคงเป็นมายองเนสที่ติดมาตอนที่เธอทำแซนวิช เธอเข้าใจผิดว่าการกระทำของเขาเป็นอันตราย แต่แท้จริงแล้วคำพูดของเขาต่างหากที่อันตรายยิ่งกว่า

    “แก้มของคุณเปื้อนแน่ะที่รัก”

    เธอรู้สำหรับเขามันคงเป็นแค่คำพูดล้อเล่นธรรมดาๆทั่วไปที่สามารถพูดออกมาได้โดยไม่คิดอะไร แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยพูดคพนั้นออกมาอย่างเธอมันมีความหมายมาก มากพอที่จะทำให้เธอหัวเสียเอาได้ง่ายๆเมื่อมีคนพูดคำนั้นออกมาเล่นๆ

    “คุณควรเลิกเล่นแล้วกินข้าวดีๆได้แล้ว”เธอยัดแซนวิชอีกคู่ใส่ปากเขา เธอมองไปรอบๆดูเหมือนเขาจะขยายไร่ไปอีกแล้ว

    “คุณจะทำอไรไว้ขายหรือเอาไว้กินกันแน่”

    “ช่วงนี้ผมแรงเหลือเยอะน่ะ”เขาตอบหลังจากจัดการกินแซนวิชในปากไปอย่างรวดเร้ว

    เธอรู้ว่าเขาหมายถึงการที่เขาไม่ได้ออกไปปฏิบัติภารกิจในช่วงที่ผ่านมา เพราะตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้วเขายหยุดทำภารกิจอย่างมากก็แค่หนึ่งอาทิตย์และนั่นเป็นเพราะคุณปู่ของเธอเอียนบังคับ

    “คุณน่าจะใช้ชีวิตอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว”เธอไม่เข้าใจเลยว่าเหตุผลที่เขาเอาตัวไปเป็นเป้ากระสุนปืนมันสนุกตรงไหน บางทีเธอก็คิดว่าความตื่นเต้นกับการใกล้ตายของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้ชายเป็นสิ่งเดียวกัน

    “ตอนนั้นชีวิตมันไม่มีความหมายอะไรนักหรอกสำหรับผม มีหรือไม่มีมันก็มีค่าเท่ากันสำหรับผมแต่ตอนนี้มันไม่เท่ากันแล้ว

    เธอปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมหลังจากคำพูดของเขา เธอไม่อยากถามว่าเขาหมายถึงอะไร เพราะกลัวคำตอบ เธอกลัวทั้งความหวังและความผิดหวังที่จะเกิดขึ้นเพราะมัน เธอเหลือบมองเรย์ที่กึ่งนั่งกึ่งนอนเอนหลังพิงต้นไม้ ดูแผ่นกระดาษที่คงจะเป็นเอกสารของบริษัทของเขา มืออีกข้างของเขากำลังถือปากกาขีดเขียนตัวหนังสือบนกระดาษอย่างรวดเร็งจากนั้นก็โยนไปบนกองกระดาษสองสามแผ่น เอื้อมมือไปหยิบกระดาษจากอีกกองที่มีปริมาณมากกว่า มือที่ถือปากกาวางลงยื่นมาที่ตระกร้า

    เธอตีมือเขา เรย์ชะงัก แรงเบาๆของเธอไม่ได้ทำให้เขาเจ็บที่เขาหยุดดูเหมือนจะเป็นเพราะตกใจมากกว่า “คุณต้องหยุดทำงานก่อน”

    ชายหนุ่มกะพริบตาปริบวางเอกสารในมือลง “ครับ”รับคำเหมือนเด็กชายที่ทำความผิด แต่สายตาสีเทาคมกริบที่มองมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนเธอมากกว่าที่เป็นเด็ก

    “เห็นไหมเราเริ่มเหมือนครอบครัวกันจริงๆแล้ว”เขายักคิ้ว มองเธออย่างตั้งคำถามเมื่อเธอลุกขึ้นยืน

    “ฉันทิ้งพายเอาไว้ ต้องไปแล้วล่ะค่ะ”เธอทิ้งพายไว้จริงแต่ไว้บนโต๊ะน่ะนะ เธอนับถือตัวเองน่าดูที่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธที่เกิดขึ้นในครั้งแรกได้จนถึงตอนนี้ เขาเองก็ดูจะไม่สงสัยอะไรด้วย

    เธอเดินทางไปแค่ประมาณสิบก้าวก่อนที่เขาจะร้องเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด

    เธอกลับไปอยู่ที่เดิมด้วยระยัเวลาที่รวดเร็วกว่าเขาไป เรย็กำลังดิ้นไปมาบนพื้ร คิ้วของเขาขมวดมุ่นท่าทางทรมาน นั่นเป็นอาการของเขาจนกระทั่งถึงเมื่อกี้นี้ก่อนที่เธอจะมาอยู่ใต้ร่างของเขาในตอนนี้

    “คนโกหก”เธอพูดเสียงลอดไรฟัน “คุณใช้วิธีสกปรก”

    ใบหน้าคมคายลอยอยู่เหรือตัวเธอ“ผมไม่ปฏิเสธเรื่องวิธีสกปรก แต่เรื่องโกหกผมว่าเราหายกันนะ”

    “คุณพูดเรื่องอะไร”

    ปลายนิ้วหัวแม่มือของเขาแตะที่หว่างคิ้วของเธอ “คุณคงไม่รู้ว่าเวลาคุณโกหก คุณมักจะขมวดคิ้วเสมอ”

    ใบหน้าของเธอคงแสดงอาการคัดค้านออกไปเพราะเขาพูดว่า

    “รู้สิตอนเด็กๆคุณก็ทำแบบนี้ เหมือนกันเวลาโกหก คุณคงคิดว่าตัวเองเก็บซ่อนความรู้สึกเก่งแต่ผมเห็นมันตลอด ตรงหว่างคิ้วน่ารักๆนี่”เขาพูดด้วยท่าทางเหมือนภูมิใจ “นอกจากนี้ผมยังรู้ว่าคุณโกหกเพื่ออยู่ให้ห่างจากผม ดูเหมือนคุณจะโกรธผมอยู่ด้วย ถ้าไม่ใช่ก็ปฏิเสธผมสิ”

    “เพื่อพิสูจน์เรื่องพรรค์นี้ คุณถึงกับต้องแกล้งบาดเจ็บ?”

    การไม่ปฏิเสธอเขาของเธอบอกว่าเขาเดาถูก และมันทำให้เขาคำรามในคอ “ไม่ใช่”ใบหน้าเขาก้มต่ำลงมา แผงอกกำยำยังเปียกชื้นเพราะเหงื่อที่ยังไม่แห้ง บดเบียดกับหน้าอกของเธอ เธอรู้สึกถึงอาการสั่นสะเทือนของแผงอกเพราะการคำรามของเขา เธอเม้มปากรู้สึกถึงปฏิกิริยาร่างกายของตัวเองที่มีต่อเขาหลังจากเหตุการณ์วันนั้น มันก็ไวต่อสัมผัสของเขามากขึ้น เขาเองก็คงรู้สึกได้ เขากดร่างลงมาบนร่างของเธอมากขึ้น เธอสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาเสียดสีร่างของเธอด้วยร่างของเขาเอง บ้าเอ๊ย เธอแทบจะรู้สึกได้ถึงทุกมัดกล้ามเนื้อใต้เสื้อเชิ๊ตของเขาด้วยผิวเนื้อของเธอ และมันไม่ดีเลย แผ่นหลังของเธอเหยียดขึ้นเองไขว่คว้าหาสัมผัสจากเรือนร่างของเขา เธอพยายามหยุดร่างกายที่เหมือนไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป และมันจบลงเมื่อเขาจูบเธอ เหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายของเรา เธอจูบตอบเขาก่อนที่จะทันคิดอะไร สองแขนของเธอโอบคล้องคอของเขาไว้ ขณะที่ลิ้นของเขารุกต้อนเธอ

    เธอรู้สึกถึงฝ่ามือร้อนของเขาที่สอดเข้ามาในเสื้อเชิ๊ตของเธอ กอบกุมทรวงอกของเธอปลายนิ้วของเขาไล้วนส่วนปลายของมันผ่านยกทรงของเธอ เธอรู้สึกได้ว่ามันแข็งขึ้นตอบโต้สัมผัสของเขาทำให้ร่างกายของเธอสั่นระริก

    เขาอาศัยจังหวะนั่นแทรกตัวเขามาตรงหว่างขาของเธอ บดเบียดกายแกร่งกับเธออีกครั้ง เธอรู้สึกถึงความตื่นตัวของเขาชัดเจนที่หน้าท้องของเธอ มืออีกข้างของล้วงเข้ามาในกางเกงขาสั้นบีบบั้นท้ายของเธอ วกมาส่วนใจกลางร่างของเธอ ปลายนิ้วหยาบกร้านของเขาแตะส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของเธอ ก่อนที่จะบดขยี้มัน

    “อ๊ะ เรย์ไม่คุณทำแบบนี้ไม่ได้”

    เขายิ้มร้ายรับคำพูดกระท่อนกระแท่นของเธอที่แทบจะไม่เป็นประโยคของเธอ ความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นเร้าถูกแทรกด้วยความคิดที่ว่าในความคิดที่ว่าเขาในสภาพที่มีเหงื่อไหลหร้อมรอยยิ้มมุมปากร้ายๆนั่นดูเซ็กซี่เป็นบ้าก่อนที่เธอจะลืมมันไปหมดเมื่อเขาสอดนิ้วเข้ามาในตัวเธอและเริ่มขยับ ความสุขสมซาบซ่านเอิบอาบไปทั่วร่างของเธอหลังจากนั้นไม่นาน การที่เขาเป็นคนทำทำให้เธอพบความสุขได้ไม่ยาก

    เขาจูบเธออีกครั้งในขณะที่ผลของความสุขยังคงค้างอยู่ในตัวเธอทำให้เธอไร้เรี่ยวแรงที่จะขยับตัว

    “ผมแค่จะทำให้คุณรู้ว่าคุณไม่มีทางไปจากผมได้หรอก”เขาพูดด้วยเสียงกระซิบที่แหบพร่าข้างหูของเธอ

    เขาคิดว่าเธอไม่รู้หรือ แค่คิดว่าเขาบาดเจ็บ เธอก็ไม่ลังเลเลยซักนิดที่จะวิ่งไปหาเขา ไม่เธอไม่ได้ทำแม้แต่จะคิด ในสมองมีเพียงคำพูดขอให้เขาไม่เป็นไร ในสายตาของเขาเธอคงเหมือนเหยื่อที่วิ่งเข้าไปติดกับง่ายๆได้อย่างง่ายดายสินะ

    เธอมองเขาที่กำลังเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาบนแก้มของเธอให้ เห็นเหงื่อเม็ดหนึ่งไหลจากไรผมลงมาจากขมับของเขาจนถึงแนวกรามแกร่งและทำท่าจะหยดจากปลายคางลงบนแผงอกของเขา ความอยากรู้เกิดขึ้นในตัวเธอว่ารสชาติของเหงื่อของเขาจะเป็นอย่างไร นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอคิดแบบนี้ แต่เมื่อก่อนเธอไม่มีความกล้าพอ เธอไม่มีความกล้าพอที่จะแตะต้องเขา เพราะเขาไม่ใช่ของเธอ ถ้าเธอแตะต้องเขาเธอคงมาสามารถปล่อยเขาไปได้ แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม ดังนั้นเธอจึงทำตามความคิด เธอยื่นใบหน้าเข้าไปหาเรย์แลบลิ้นเลียหยาดเหงื่อที่ปลายคางของเขา

    เรย้ตัวแข็งไปเพราะการกระทำของเขาของเธอ ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกผลักให้ลงนอนกับพื้นอีกครั้งระทดระทวยด้วยจูบของเขา “คุณกำลังเล่นกับไฟนะลิณา”เธอร้องออกมาเบาๆเมื่อเรย์กัดเข้าที่ผิวเนื้อข้างลำคอของเธอ “มันจะเผาไหม้คุณไม่รู้หรือไง”ลมหายใจของเขาผ่าวร้อนไม่ต่างกับตัวเขาที่เธอโอบแขนทั้งสองข้างกอดเขาไว้

    “ฉันก็อยากรู้นะว่าความรู้สึกของการถูกเผาไหม้มันเป็นยังไง”

    ร่างของลิณาถูกโยนลงบนเตียงอย่างแรงจนถึงกับกระดอน “เฮ้ นี่คุณทำอะไรของคุณน่ะ”

    “นั่นควรเป็นคำถามของผมมากกว่า คุณต่างหากคิดบ้าอะไรของคุณอยากรู้งั้นเหรอว่า ขีดจำกัดผมมันอยู่ที่ไหน”เขาพูดด้วยเสียงดังแทบจะเป็นคำถาม ทุกมัดกล้ามในร่างใหญ่โตของเขาเกร็งเครียด เธอเห็นเส้นเลือดที่ปูดโปนตามท่อนแขนของเขา เขาหายใจหอบฟืดฟาดแต่เธอคิดว่าคงไม่ได้เป็นเพราะการที่เขาแบกเธอกลับมาที่บ้านหลังนี้หรอกเพราะสายตาสีเทาที่เกือบกลายเป็นสีดำฉายความกระหายหิว

    คลิปหนีบผมของเธอดูทนแรงโน้มถ่วงหลังจากถูกเหวี่ยงไปมาไม่ไหวมันหลุดลงมาที่ไหล่ของเธอ ลิณาสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆเรย์ก็สบถออกมาดังลั่น เขาหันหลังให้เธอแต่ก็ยังไม่หยุดสบถ มือทั้งสองข้างของเขาซุกอยู่ในกระเป๋า กำมันเป็นหมัด เรย์แหงนหน้าสูดลมหายใจเข้าออกหายใจเข้าออกยาวๆหลายครั้ง

    “ผมจะออกเป็นข้างนอกทำหัวให้เย็นลงหน่อย คุณก็น่าจะทำแบบนั้น”                

    เธอกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากแต่เธอก็รู้ว่ามันไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่เมื่อเธอพูด “ไม่จำเป็นหรอก”สำหรับเขาการกระทำของเธอมีความหมายแบบนั้นหรือ เล่น “คุณไม่เข้าใจอะไรเลย”เธอบังคับมือที่สั่นของตัวเองจัดเสื้อผ้าให้มันคืนที่เดิม แม้จะยากเต็มที

    เธอได้ยินเขาแค่นเสียงกึ่งเย้ยหยัน “แล้วคุณคาดหวังให้ผมเข้าใจอะไรล่ะ คุณอยากมีเซ็กซ์กับผมหรือไง ผมต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนในการควบคุมตัวเองล่ะคุณเข้าใจรึเปล่า”

    คำพูดของเขาเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงชั้นดีให้กับความโมโหของเธอ “เรย์คิล แมกซ์ วิสตัน คุณควรทำความเข้าใจใหม่ว่าฉันไม่ใช่เด็กที่แยกความต้องการทางกายไม่ออกและไม่ได้โง่ขนาดที่ไม่รู้ถึงผลที่ตามมาของการกระทำของตัวฉันเองด้วย”เธอจ้องหน้าเขา “ถ้าฉันหวังให้คุณควบคุมตัวเอง ฉันคงไม่แตะต้องตัวคุณ ด้วยประสบการณ์มากมายของคุณ คุณบอกไม่ได้เลยรึไงว่าฉันต้องการคุณแค่ไหนน่ะ คุณไม่รู้หรือไงว่าฉันอิจฉาผู้หญิงพวกนั้นมากแค่ไหนที่ได้รับสัมผัสจากคุณ ฉันอยากให้คุณทำแบบนั้นกับฉันบ้าง แค่คุณแตะตัวฉันเท่านั้นฉันก็..”เธอรู้สึกว่าตัวเองชักจะพูดมากเกินไปแล้ว

    เธอมองเขา เขาไม่ได้หันหลังให้เธออีกแล้ว เขาหันหน้ามาทางเธอกำลังมองเธออยู่

    “พูดต่อสิ”เขาพูดมือทั้งสองของเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตลงมาครึ่งหนึ่งแล้ว เผยให้เห็นกลุ่มขนสีเข้มที่แผ่กระจายอยู่บนอกของเขา

    สายตาของเธอกวาดตามองทั่วร่างกำยำของเขาโดยไม่รู้ตัว “ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”ริมฝีปากแห้งผากทำให้เธอแลบลิ้นเลียมัน

    ดวงตาสีเทาเข้มขึ้นจนเกือบกลายเป็นสีดำ นิ้วเรียวยาวของเขาปลดกระดุมเสื้อที่เหลือและดึงชายเสื้อออกจากกางเกงเพื่อถอดมันทิ้งบนพื้น แสงแดดยามบ่ายสาดผ่านบานหน้าต่างสำท้อนกับเหงื่อบางๆที่เกาะอยู่ตามแผ่นอกและบ่ากว้างของเขาที่ค่อยๆย่างก้าวเข้ามาหาเธอช้าๆเหมือนเสือดำปราดเปรียวที่กำลังเข้าหาเหยื่ออย่างเงียบเชียบงดงามและเปี่ยมด้วยพลังจนทำให้เหยื่อไม่สามารถละสายตาไปได้ ร่างกายของเธอกระถดถอยหลังตามสัญชาตญาณ

    และในพริบตาต่อมาเขาก็อยู่เหนือร่างของเธอ ตรึงร่างของเธอไว้ด้วยร่างของเขา เสียงกระซิบกึ่งคำรามของเขาดังอยู่ข้างหู “สายเกินไปที่จะถอยหลังกลับแล้วแม่มดน้อย”

    [Deleted scene]

    เธอหอบหายใจรู้สึกเหนื่อยเหมือนพึ่งวิ่งมาเป็นพันๆไมล์ แต่นอกจากนั้นมันยังมีความอิ่มเอมดีใจที่ในที่สุดเธอก็เป็นของเขา เธอเท่านั้นที่รู้ว่าเธอรอคอยเวลานี้มานานแค่ไหน เปลือกตาของเธอหนักอึ้งจนแทบลืมไม่ขึ้น ร่างกายของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งของเขาและของเธอ ซึ่งถ้าเป็นยามปกติเธอคงลุกไปอาบน้ำแต่ตอนนี้เธอเหนื่อยล้าเกินกว่าจะใส่ใจมัน เธอปิดตาลงตั้งท่าจะหลับ ถ้าไม่รู้สึกถึงอาการขยับขยายของเขาที่อยู่ในตัวเธอ

    “คุณพอจะทำมันอีกครั้งได้ไหม”

    เธอกัดริมฝีปากถลึงตาใส่เขา เธอไม่ได้โกรธที่เขาทำแบบนี้แต่โกรธที่เขาไม่รอฟังคำตอบของเธอเลยต่างหาก เขาเริ่มขยับก่อนที่จะถามเธอเสียอีก

     

    [Talk]

    ดีกรีความฮอตของป๋าคราวนี้ให้เท่าไหร่ดีคะ

    ในที่สุดหนูลิณาก็....แล้วน๊า

    อ่านแล้วอย่าลืมเม้นๆให้กันด้วยน๊า

    ฉบับเต็มลิ้งอยู่ในหน้าเพจนะคะ(ลบเที่ยงคืนวันที่12/11/2015นะคะ)

    ทั้งในเด็กดีและห้องสมุด

    อัลจะดีใจมว๊ากกกก

    อัพครั้งต่อไปจะเร็วหรือไม่ขึ้นอยู่กับคอมเม้นของคุณ!

    (ฟังเหมือนรายการข่าวนะ ฮ่าๆ)

    มีคำผิดบอกได้นะคะ

    <<เพจอัลเองค่ะติดตามข่าวสารการอัพเดททางนี้นะคะ

    FROM  Aunqio

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×