ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    One more time

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 168
      3
      17 พ.ค. 59


     

    บทที่ 8

     

     

     

     

     

    เธอลืมตาตื่นอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าความอบอุ่นที่รายล้อมกำลังหายไป มือของเธอเอื้อมไปคว้ามันตามสัญชาตญาณ ความอบอุ่นชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะกระซิบที่ข้างหูของเธอ

    “จุ๊ๆที่รักเดียวผมมา”

    คำพูดนั้นทำให้เธอปล่อยมือจากเขาแม้จะไม่เต็มใจนัก เธอพลิกตัวขดร่างนอนต่อ แต่ความเย็นของผ้าปูที่นอนมากขึ้นเมื่อไม่มีความร้อนจากร่างกายสูงใหญ่ เธอไม่สามารถข่มหลับตาลงได้จึงตัดสินใจลุกขึ้นนั่ง เธอรู้ว่าเขาอยู่ในห้องน้ำเธอได้ยินเสียงน้ำ ลิณาพันร่างกายองตัวเองด้วยผ้าห่มเดินไปทางห้องน้ำ ความปวดระบมขอร่างกายบางส่วนสร้างปัญหาให้เธอนิดหน่อย

    เขายืนอยู่หน้าอ่างล้างหน้า แขนข้างหนึ่งค้ำยันกับขอบเคานท์เตอร์ ก้มลงมองกระจกที่อยู่ต่ำกว่าความสูงของเขาประมาณหนึ่งช่วงศีรษะ มืออีกข้างของเขาลูบโฟมสีขาวไปตามคางและกรามทั้งสองข้าง เขาที่รู้ว่าเธอมองอยู่ยืดตัวขึ้นหันมายกคิ้วข้างหนึ่งให้ฉัน เขาปล่อยตัวตามสบายเหมือนเวลาปกติ แขนข้างหนึ่งทิ้งลงข้างตัว เขาทำเหมือนตัวเองกำลังใส่ชุดเต็มยศอยู่และกำลังอวดมันให้เอดูยังไงยังงั้น ทั้งที่บนตัวเขาไม่มีเสื้อผาติดตัวเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เธอได้ยินเสียงสูดลมหายใจลึกอย่างกะทันหันของตัวเอง ขณะที่ตามองภาพการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อสวยงามยามที่เขาขยับตัว กล้ามเนื้อของเขาผ่อนคลายลงกว่าเมื่อวานแต่เธอรู้วามันพร้อมเสมอหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเขาจะตอบโต้ได้เหมือนกับเสือดาว เธอเดินเข้าไปหาเขา ขึ้นไปนั่งบนเคานท์เตอร์หยิบมีดโกนที่วางอยู่และมองเขาอย่างเฝ้าคอย เรยืกะพริบตาหนึ่งครั้งแล้วหัวเราะก่อนที่จะขยับเข้ามาใกล้ให้เธอโกนหนวดให้เขา

    เธอดูอ่อนเยาว์กว่าเดิมเมื่อเส้นผมสีดำนุ่มสลวยนั้นไม่ได้ถูกมัดเอาไว้ แต่ถูกปล่อยยาวสบายจนระกับพื้นกระเบื้องของเคานท์เตอร์มันยุ่งน้อยๆเพราะพึ่งตื่น เธอดูจะรำคาญเส้นผมตัวเองที่ตกลงมาเกะกะ จึงรวบมันไปไว้บนบ่าเล็กๆข้างหนึ่ง เขาขมวดคิ้วเขาชอบที่จะเห็นเส้นผมของเธอแผ่สยายมากกว่ามันทำให้เขานึกถึงตอนที่ผมของเธอเปียกแนบติดกับเหงื่อบนผิวเนื้อขาวผ่องเรียบเนียนและเรือนร่างที่เป็นผู้หญิงไปทั้งเนื้อทั้งตัว เขายังจำปอยผมสีดำยาวที่พาดกลางระหว่างทรวงอกกลมกลึงที่มีปลายถันสีผมเบอร์รี่ หอบสะท้านสั่นระริกเพราะ เขาขยับขาบรรเทาความอึดอัด ดูเธอจะตั้งอกตั้งใจกับการโกนหนวดให้เขาเลยไม่สังเกตเห็น เวลาเธอจริงจังเธอดูมีเสน่ห์แล้วก็น่ารักมากโดยเฉพาะเวลาที่เธอทำมันเพื่อเขา

    “ทำไมจู่คุณถึงอยากโกนหนวดขึ้นมาล่ะ”เธอจำได้ว่าเขาพึ่งโกนหนวดไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ทุกทีเขาจะไว้มันจนเธอรู้สึกว่าเขาเหมือนโจร เขาถึงจะโกนมัน วันนี้เคราของเขาแค่ขึ้นเป็นตอเล็กๆเท่านั้น

    “..ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยสบายน่ะ”

    “คุณหมายถึงสำหรับอะไร”เธอจับคางเขาให้หันไปด้านข้างเพื่อให้เธอโกนหนวดบนแก้มข้างซ้ายของเขา ถึงเธอจะตั้งใจกับงานที่ทำอยู่ตรงหน้าแต่เธอก็ฟังที่เขาพูดทุกคำ และไม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่เขาพูด ในขณะที่กำลังสงสัยการใช้ความคิดของเธอก็ถูกขัดขวาง

    “คุณจะรอให้โกนหนวดเสร็จก่อนไม่ได้รึไง”เสียงสูดลมหายใจของเธอดังปิดท้ายประโยค เมื่อฝ่ามือของเขาที่เกาะกุมทรวงอกของเธอเปลี่ยนมากระตุกปมง่ายๆที่เธอใช้ผูกผ้าห่มให้ติดกับร่างของเธอ เพราะเขาอยู่ตรงหน้าเธอจึงเห็นการเคลื่อนไหวของสายตาเขา ยอดอกของเธอชูชันรับสายตาของเขา และปริเปล่งเมื่อเขาไล้นิ้วหัวแม่มือกับมัน

    “เรย์!”อาการสะท้านของเธอเกือบทำให้มีดโกนที่เธอถืออยู่บาดเขา ถ้าเธอไม่รีบชักมือออกเสียก่อน “คุณอยากจะเจ็บตัวรึไง!?”ถ้าเขาอยากเจ็บตัวเอจะได้ต่อยเขาหนักๆไปหมัดสองหมัด

    เขาสบตาเธออยากใสซื่อ “เปล่าผมไม่อยากเจ็บตัว”

    แต่เธอรู้สึกว่าเขาอยู่ห่างไกลจากคำนั้นหลายปีแสง “งั้นคุณช่วยเก็บมือของคุณจากตัวฉันระหว่างที่ฉันโกนหนวดของคุณ"

    “ผมสนแค่การเข้าไปในตัวคุณเท่านั้นแหละ”

    เธออ้าปากความเสียวซ่านแล่นปราดทั่วร่างเมื่อไม่ใช่แค่มือเดียวของเขาที่ประคองทรวงอกของเธอ แผ่นหลังของเธอแอ่นหยัดขึ้นโดยอัตโนมัติตอบรับมือของเขา “คุณจะรอหน่อยไม่ได้รึไง”เธอพูดผ่านริมฝีปากที่กัดฟันแน่นเพื่อให้พูดออกมาเป็นคำพูดได้

    “ผมก็รอคุณอยู่นี่ไง”

    ความเย็นที่สัมผัสกับบั้นท้ายทำให้เธอรู้ว่าเขาดึงผ้าห่มออกจากร่างของเธอเขาขับไล่ความเย็นออกไปด้วยฝ่ามือของเขาและร่างของเขาที่แยกขาทั้งสองของเธอออก

    “คุณไม่ยุติธรรมเลย”เธอประท้วงเขา เธอจะทำได้ยังไง ในขณะที่มือเขายังยุ่มย่ามกับตัวเธอแบบนี้แค่เธอยังจับมีดโกนในมือได้อยู่ก็เต็มกลืนแล้ว

    “ไม่เป็นไรผมไม่รีบ”

    ใช่สิเขาจะรีบได้ยังไงในเมื่อที่เขาทำมีแค่การใช้สายตาสีฟ้าอมเทาและมือคู่นั้นลูบไล้ไปตามเรือนร่างของเธอ

    เมื่อคืนนี้ความปรารถนาทรมานเขาจนปวดร้าวจนเขาไม่อาจรั้งรอได้เมื่อมีโอกาสตามเก็บสิ่งที่พลาดมีหรือเขาจะปล่อยไป เขาไล้สายตาไปตามร่างแบบบางของหญิงสาว ผิวของเธอขาวนวลตัดกับผิวสีแทนของเขาและมันเป็นสีชมพูหวนเมื่อเขาสัมผัส เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าตัวของเธอจะสามารถกลายเป็นสีชมพูได้มากแค่ไหนและเขาก็ได้รับคำตอบในเวลาไม่นานนัก รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของเขาราวกับเขาได้ค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

    “ตัวคุณเป็นสีเบอร์รี่ไปทั้งตัวแล้ว”

    [Deleted scene]

     

    ศีรษะของชายหนุ่มอยู่ที่ไหล่ของเธอ เขากดจมูกกับหัวไหล่ของเธอ ร่างกายของเขายังสะท้านเพราะความสุดยอดที่พึ่งผ่านไปไม่นานนัก ร่างกายทั้งของเขาและเธอเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ แต่ก็ยังดูดีกว่าเธอที่ถ้าไม่มีร่างของเขาเธอคงลงไปนอนกับพื้นห้องน้ำแล้ว เรย์ประคองตัวเธอ ขยับออกจากตัวเธออย่างอ้อยอิ่ง ความปรารถนาของเขาและเธอไหลลงมาตามต้นขาของเธอทำให้เธอหน้าแดงก่ำ เธอเห็นรอยยิ้มพอใจของเขาจากทางหางตาแต่ตอนนี้เธออ่อนเปลี้ยเกินกว่าจะทำอะไรเขา เขาอุ้มร่างของเธอกลับไปที่เตียงแล้วตัวเองก็เดินกลับไปที่ห้องน้ำ เธอได้ยินเสียงน้ำ เขากลับมาอีกครั้งพร้อมผ้าขนหนูและผ้าห่มในมือ เขาอุ้มเธอให้นั่งพิงอกของเขา เช็ดตัวให้เธอ ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นทำให้ร่างกายของเธอสดชื่นและผ่อนคลายเขาเช็ดตัวให้เธอตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่มีส่วนใดที่เขาไม่ได้เช็ด

    เขาโยนผ้าขนหนูนั้นไปในห้องน้ำ จัดเธอให้นอนลงบนเตียง ร่างแกร่งสอดใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเธอดึงร่างบางของหญิงสาวขึ้นมาบนตัวเขา สอดขาแข็งแรงแทรกเข้ามาระหว่างเรียวขาของเธอ

    ก่อนที่ความอ่อนเพลียจะทำให้เธอหลับ ลิณาก็ลืมตาอีกครั้งพูดงึมงำกับแผงอกที่โอบกอด “คราวหน้าฉันจะไม่โกนหนวดให้คุณแล้ว”

    แม้เธอจะมองไม่เห็นหน้าเขาแต่เธอก็รู้ว่าเขากำลังยิ้ม เพราะน้ำเสียงที่พูดประโยคต่อมาด้วยความมั่นใจของเขา

    “คุณคิดว่าจะปฏิเสธผมได้เหรอ”

     

    เช้าวันต่อมาเธอตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกร้อนผ่าว เธอรู้ว่ามันไม่ใช่เพราะอุณหภูมิห้องเพราะที่ผ่านมามันไม่เคยร้อนถึงขนาดนี้ นอกจากความรู้สึกร้อนแล้วมันยังเจือปนด้วยความรู้สึกอึดอัด ความขัดแย้ง ร้อนผ่าวแต่เปียกชื้น ผ่อนคลายแต่ทรมาน อบอุ่นทว่าแข็งแกร่ง หลุมแห่งความกระหายได้รับการเติมเต็มแต่มันกลับยิ่งทำให้หลุมนั้นลึกมากขึ้นอีก เธอลืมตาขึ้น

    “อรุณสวัสดิ์ลิณา”เขาเป็นสิ่งแรกที่เธอเห็นและเป็นสิ่งเดียวกับที่เธออยากจะเห็น

    “ค่อยยังชั่ว ผมเริ่มรอไม่ไหวแล้ว”เขาพึมพำก่อนเติมเต็มเธอ เธอสะอื้นฮักเพราะยังปรับตัวไม่ได้แต่มันใช้เวลาไม่นานนัก ร่างกายของเธอต้อนรับเขาอย่างยินดี เขาร่วมรักกับเธออีกครั้งอย่างช้าๆทว่าเร่าร้อน คลื่นความร้อนและความปรารถนาของเขาห่อหุ้มเธอ ผลักดันเธอ ให้เธอคลั่งไปด้วยกันกับเขาและเพราะเขาคนเดียวเท่านั้น

    สองหรือสามวันต่อมาเธอไม่แน่ใจแต่ที่รู้คือตลอดเวลาที่ผ่านมาตัวเธอแทบจะติดอยู่กับตัวเขา

    “ฉันกินไม่ไหวแล้ว”เธอเบือนหน้าหนีควินช์ที่ถูกส่งมาถึงปาก

    “คุณควรกินให้มากกว่านี้ ตัวคุณผอมมากเกินไป”นั่นเป็นเหตุผลให้ช้อนที่อยู่ตรงหน้าเธอไม่ขยับ มันดังมาจากร่างที่อยู่ใต้ตัวเธอ

    “ฉันอิ่มแล้วจริงๆ”

    เรย์อุ้มเธอให้นั่งบนตักของเขา ถึงเธอจะรู้สึกไม่ชินและเขินอายอยู่บางแต่มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะร่างกายของเธอไม่ค่อยยอมทำตามคำสั่งของเธอเท่าไหร่ มันอ่อนเปลี้ยและไร้เรี่ยวแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งเธอก็ไม่แปลกใจนักในเมื่อที่ผ่านมา ความเร่าร้อนไม่ได้มีแค่ภาพในความคิด คงเพราะผิวกายของเธอยังไวต่อสัมผัสของเขา และมันยังจดจำได้ดีถึงความร้องที่แผดเผา เธอควรหยุดคิดร่างกายของเธอต้องการการพักผ่อนแม้ในใจเธอจะต่อต้าน เธอพลิกหน้าซบกับแผงอกหนาของเขา โชคดีที่เขาอยู่ด้านหลังตัวเธอ เขาจึงไม่เห็นสีหน้าของเธอในตอนนี้

    เขาเงียบไป จนเธอคิดว่าเขาคงเลิกเซ้าซี้เธอแล้ว แต่เธอคิดผิด

    “ถึงผมจะบอกว่าเป็นห่วงเหรอ”

    เธอขบริมฝีปากตัวเองอย่างแรง แย่งช้อนจากมือของเรย์มาและเริ่มกินอีกครั้ง

     

    เขาพอใจเมื่อเธอกินควินช์ทจนหมดแม้ส่วนใหญ่จะเป็นเพราะเขา

    เขาส่งกาแฟของเขาให้เธอหลังจากที่เธอกลืนควินช์คำสุดท้าย แต่เธอกลับไม่ยอมยื่นมือมารับมัน

    เธอมองเขา “อาหารเช้าของคุณคงไม่ได้มีแค่กาแฟหรอกใช่ไหม”เสียงเธอแข็งพอๆกับแววตา

    เขาอมยิ้ม ดูท่าเธอจะตื่นเต็มตาแล้ว ช่วงนี้หญิงสาวต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะรู้สึกตัวเต็มที่ เพราะสภาพร่างกายของเธอ เขาจึงรับหน้าที่ทำอาหารเช้าและทุกเช้าหากเธอไม่เห็นเขากินอาหารเช้า เธอก็จะคาดคั้นเขาจนกว่าจะได้คำตอบที่เธอพึงพอใจและแน่นอนว่ามันมีแค่คำตอบเดียว

    “ผมกินแซนวิชแล้วระหว่างทำอาหารเช้าไปด้วยน่ะ”เธอจะโกรธเขาถ้าเขาไม่กินมัน

    ต่อมาเธอนิ่วหน้า “ทำไมคุณไม่กินพร้อมกับฉัน”

    “ผมผิดเอง”

    ลิณามองหน้าเขาอย่างต้องการคำอธิบายเพิ่ม แต่เขาไม่มอบมันให้เธอ เขารู้ว่าปล่อยไว้ไม่นานเธอก็จะรู้ได้ด้วยตัวเอง ใบหน้าที่แดงก่ำไปจนถึงใบหูเล็กๆนั่นยืนยัน เธอหันไปมองนาฬิกาบนผนังเข็มสั้นบ่งบอกว่ามันเป็นช่วงบ่าย

    เธอซบหน้ากับฝ่ามือ แต่เสียงครางด้วยความอับอายก็ยังลอดออกมา “ทำไมคุณไม่ปลุกฉัน”

    เขาทัดผมยาวของเธอไปที่หลังใบหู เล่นกับปอยผมด้วยปลายนิ้ว “คุณอ่อนเพลียมาก นอนพักมากๆก็ถูกแล้ว”เขาไม่ใช่แค่ทำอาหารเช้า แต่การล้างจานหรือทำความสะอาดตอนนี้ก็กลายเป็นหน้าที่ของเขา เขาไม่เคยทำมันให้ใครมาก่อน แต่เขาก็ทำมันได้ไม่เลวนัก เขาไม่รังเกียจที่จะบริการเธอ และยินดีที่จะเรียนรู้มัน นอกจากนี้เขาชอบความรู้สึกของการเธออยู่บนตัวเขา ชอบน้ำหนักและสัมผัสจากร่างกายของเธอที่แนบสนิทกับตัวเขา ศีรษะของเธอเอนซบกับซอกบ่าของเขาราวกับเป็นที่ของมัน สำหรับเธอแล้วเขาคือที่ๆปลอดภัย ท่าทางผ่อนคลายและเชื่อมั่นในตัวเขาอย่างไร้ข้อกังขา ทำให้บางส่วนในตัวเขาพองโต แม้แต่ร่างกายของเขายังยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น คงเพราะมันรู้มานานแล้วว่านี่คือสิ่งที่มันต้องการ ความต้องการที่เขาต้องใช้เวลากว่าสองปีถึงรับรู้การมีอยู่ของมัน

    เขายอมรับว่าประหลาดใจไม่น้อย ตอนที่เธอบอกรักเขาเมื่อสองปีก่อน ถึงเขาจะพอเดาได้ตั้งนานแล้วว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับเขา อันที่จริงอย่าว่าแต่เขาเลยคนที่อยู่รอบตัวเธอต่างก็รู้ทั้งนั้นว่าเด็กสาวตัวน้อยคิดอย่างไรกับเขา เธอติดเขาอย่างกับอะไรดี เธออาจไม่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าชอบเขาแต่ เขากลับเห็นมันชัดเจนขากดวงตาสีน้ำตาลเข้ม มันชัดเจนยิ่งกว่าฝ่ามือของเขาเอง แต่ตอนนั้นเธอยังอยู่แค่ชั้นประถม เขาคิดว่ามันคงเป็นแค่ความหลงใหลของเด็ก อีกไม่นานก็คงหายไป พอเธอขึ้นชั้นมัธยมปลาย เขาก็ไม่ค่อยได้เจอเธออีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะภารกิจของเขาด้วย

    เขาถึงประหลาดใจเมื่อเธอสารภาพรักกับเขาในงานรับปริญญาที่มหาวิทยาลัย

    ตอนนั้นเขาพึ่งเสร็จภารกิจที่แมสซาชูเซด บอกตามตรงเขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีอีเมล์ของเธอส่งมาเพื่อเชิญเข้าไปร่วมงานรับปริญญาของเธอ และเขาใช้เวลาสองวันหลังจากนั้นรับรู้ว่ามีข้อความของเธออยู่ในเครื่องตอบรับ ที่เขาไปงานรับปริญญาของเธอได้ก็เพราะเอียน เอียน เคอร์ติสโทรมาปลุกเขาที่กำลังนอนหลับเป็นตายอยู่บนเตียง ทั้งยังเตรียมตั๋วเครื่องยินไฟลท์ที่จะเดินทางมาถึงเร็วที่สุดให้เขาเรียบร้อย แน่นอนว่าเขาหงุดหงิดมาก เขาไม่ได้นอนมาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ เพราะภารกิจ บนตัวก็ยังมีบาดแผลที่ยังไม่หาย มันไม่ได้ทำให้เขาเจ็บแต่อาหารแสบคันมันก็ทำให้เขารู้สึกรำคาญเป็นบ้า วันนั้นมือของเขาคว้าอะไรได้ เขาก็เอามาใส่ หนวดเคราของเขาดกครึ้มแต่เขาไม่ได้โกนมันเพราะไม่มีเวลา แน่นอนว่าเขาไม่ได้ส่องกระจกแต่เขาก็พอจะเดาสภาพของเขาวันนั้นได้ มันห่างไหลจากคำว่าพอดูได้พอสมควร ดังนั้นเธอจึงทำเขาทึ่งที่ดวงตากลมๆนั่นกวาดมองเพียงครั้งเดียวก็หาเขาเจอ

    มีความวาบหวิวเกิดขึ้นในช่องท้องของเขา และเขาไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไรจนกระทั่ง ร่างเล็กๆในชุดครุยนั่นวิ่งมาหาเขา มองเขาด้วยอววตาเดียวกันกับตอนที่เธออายุสิบสองขวบแต่เธอไม่ใช่เด็กอายุสิบสองอีกแล้ว ความจริงนั่นพุ่งกระแทกใส่เขาจนจุกเหมือนหมัดที่ชกเข้าช่องท้อง เธออายุยี่สิบปีแล้ว เป็นวัยที่นับว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ร่างกายของเธอย้ำความจริงข้อนั้น ตัวของเธอสูงขึ้น ร่างที่เคยสูงไม่ถึงเข่าของเขาตอนนี้อยู่ในระดับอกเขา รูปร่างของเธอ เพรียวบางแต่ก็มีส่วนเว้าส่วนโค้ง อวบอิ่มในที่ๆมันควรจะเป็นและกลิ่นกายของเธอ มันเป็นกลิ่นกายเย้ายวนของหญิงสาวที่เติบโตเต็มที่

    “เรย์ คุณเป็นอะไรรึเปล่า”ความอบอุ่นที่แก้มของเขามาจากฝ่ามือนุ่มนิ่มของเธอ เขาก้มลงจูบมัน จับจ้องใบหน้าของเธอพอใจกับการเห็นสีที่เข้มขึ้นของมัน

    “ทำไมคุณถึงยังบริสุทธิ์”นี่เป็นหนึ่งในหลายๆสิ่งที่เขาสงสัยเกี่ยวกับเธอ เธอไม่ใช่คนปล่อยตัวเขารู้ แต่เพราะมั่นใจว่าเขาคงไม่ใช่คนเดียวที่เห็นถึงเสน่ห์น่าหลงใหลและความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวที่ซ่อนอยู่ใต้เปลือกนอกที่บอบบางอ่อนโยนของเธอ เขาไม่ใช่คนดีเลยเขารู้เพราะงั้นถึงรู้ว่ามีคนดีกว่าเขามากมายแค่ไหน

    “ก็คุณไม่รู้ตัวซักที”เธอใช้เวลาไม่นานเลยในการตอบคำถามของเขา ราวกับเธอไม่ได้คิดคำตอบเลย มันมีอยู่ในใจของเธออยู่แล้ว

    เขาได้ยินเสียงเธอสูดลมหายใจ และเสียงกระซิบ “เรย์  เดียว...”ขณะที่เขารูดชั้นในของเธอออกทางเรียวขา ยกตัวเธอขึ้นมาหาตัวเขาที่พรักพร้อมอยู่แล้ว เขารูดซิปกางเกงลงก่อนสะบัดหน้าแหงนไปด้านหลังเมื่อความอบอุ่นชุ่มชื้นของเธอโอบล้อมตัวเขา

    “เดียว? ผมรอไม่ไหวแล้ว”เธอคิดว่าหลังจากที่เขาได้ยินคำพูดของเธอแล้วเขาจะอดทนได้หรือ

     

    เธอรู้สึกตัวตื่นอย่างช้าๆ แต่เธอไม่ขยับตัว เธอรู้สึกอ่อนเปลี้ยร่างกายของเธอเหมือนจะไร้กระดูกขึ้นมาอย่างกะทันหัน เธอไม่แปลกใจนักเพราะหลังจากเก้าอี้ยังตามมาด้วยโต๊ะอาหาร และจบลงที่เตียง แต่ที่นอนด้านข้างของเธอยังมีความร้อนจากร่างกายของเขาหลงเหลืออยู่ เขาคงพึ่งลุกไปได้ไม่นานเท่าไหร่ ผิวกายสะอาดเรียบลื่นไม่เหนียวเหนอะหนะทำให้เธอหน้าแดงเพราะรู้ว่าเขาเช็ดตัวให้เธออีกแล้ว เธอฝืนร่างกายที่ปวดเมื่อยลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้ามาสวม

    เธอรู้ว่าจะหาเขาเจอได้ที่ไหน ไม่ใช่ในห้องครัวที่เขาเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เธอบนโต๊ะ ไม่ใช่แปลงปลูกที่เขาต้องออกไปรดน้ำต้นไม้ในตอนเช้า

    หน้าบ้านเคบินหลังเล็กมีเสียงดังอื้ออึงของอากาศที่ตีกัน ฝุ่นและละอองดินลอยตามแรงลมหมุนที่เกิดจากใบพัดเฮลิคอปเตอร์ที่มีร่างสูงกำยำของเขายืนอยู่ เขาอยู่ในชุดเสื้อผ้าเต็มยศและมันไม่ใช่เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ที่เขาใส่เป็นประจำมันเป็นเสื้อสูทสีดำเต็มตัว คนตรงหน้าเธอคือ เรย์คิล แม็กซ์ วิสตัน ประธานบริษัท McKanich เทรดดิ้งที่คุมการส่งออกกว่าครึ่งของโลก ดวงตาสีเทาเข้มใต้แนวคิ้วสีดำของเขามองมาที่เธอ เขายกคิ้วขึ้นน้อยๆเขาคงหมายถึงยานอนหลับที่เธอแกล้งกลืนลงไป เขาคงไม่คิดว่าเธอจะรู้แต่เธอเห็นตอนที่เขาคุยโทรศัพท์ในห้องครัว เขาคงคิดว่าเธอหลับอยู่

    “อย่าไป”เสียงของลมดังเกินไป เขาไม่ได้ยินเสียงของเธอ แต่เขาจะเข้าใจเพราะเขาอ่านปากของเธอได้ แต่มันก็ไม่เกิดอะไรขึ้น คำพูดของเธอไม่อาจสั่นคลอนความมั่นคงในดวงตาของเขา การหันหลังให้เธอของเขาทำให้คำพูดของเธอติดอยู่ที่ปลายลิ้น เธอพูดไม่ออก เธอกลัว กลัวว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นซ้ำรอยอีกครั้ง ครั้งที่เธออ้อนวอนเขา ขอร้องเขาไม่ให้ไป ภาพแผ่นหลังของเขาที่หันหลังให้เธอยังหลอกหลอนเธออยู่ในความฝันและมันกำลังซ้อนทับกับความเป็นจริง เธออยากยื่นมือออกไปและทำทุกทางเพื่อรั้งเขาไว้แต่เธอเคยทำไปแล้วและมันไม่ได้ผล

    สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แม้แต่คำเดียว เธอไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น ข้างในหัวของเธอเต็มไปด้วยคำถามว่าทำไม ทั้งที่เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มันเกิดขึ้นแต่ทุกอย่างก็ไม่ต่างจากเดิม

    เธอยังคงถูกทิ้งไว้ข้างหลังเหมือนเดิม



    เฮลิคอปเตอร์สีเทาโรยตัวลงจอดบนลานจอดที่อยู่บนยอดตึกสูง ประตุของมันเปิดออกก่อนที่มันจะลงจอดสนิท ตามด้วยร่างของเรย์ แม็กซ์ วิสตันที่ก้าวลงมา ร่างกายสูงใหญ่ของเขาข่มเฮลิคอปเคอร์ให้ดูเล็กไป แต่มีความปราดเปรียวอยู่ในทุกเส้นสายของร่างกำยำนั่น

    เรย์โยนหูฟังส่งคืนให้คนขับ บนเฮลิคอปเตอร์นั่น เขาสลับตัวเองกับนักบิน ทำหน้าที่บังคับเครื่องบินข้ามรัญเป็นเวลาเกือบสี่ชั่วโมง เพราะถ้าเขาไม่ทำแบบนั้นเขาคงอดทนที่จะหันกลับไปมองข้างหลังไม่ได้ เขารู้เธอยังอยู่ตรงนั้น เขารู้จักลิณาดี เขาหวังว่าอากาศหนาวที่ลดต่ำลงจะทำให้เธอรู้สึกตัวยอมแพ้แล้วยอมกลับไปข้างในเคบิน แต่เวลาลิณาสนใจสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วเธอจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างไปเลย เขาคิดว่าถ้าเธอจะยืนอยู่อย่างนั้นทั้งคืนโดยไม่รู้ตัวก็ไม่แปลกเลยด้วยซ้ำ ชายหนุ่มขบกราม เขาน่าจะมัดเธอไว้กับเตียงแทนที่จะใช้ยาสลบ

    ลิณาแอบเจาะเข้าระบบการติดต่อของเขา ไม่ช้าก็เร็วเธอจะรู้เรื่องที่เขากำลังทำอยู่ นั่นทำให้เขาต้องเริ่มดำเนินการตามแผนที่วางไว้เร็วกว่ากำหนด เขาจะไม่เสี่ยงรอให้เธอรู้เรื่องทั้งหมด เขาไม่ได้ห้ามไม่ให้เธอมีสิทธิร็แต่เธอจะต้องรู้เรื่องทั้งหมดหลังจากที่เขาจัดการมันเสร็จเรียบร้อยแล้ว

    เอียน เคอร์ติสยังยืนอยู่ที่เดิมกับที่เขามองเห็นจากบนเฮลิคอปเตอร์ คู่กับไม้เท้าสีดำหัวเงินทำจากเหล็ก เขาไม่มีเรื่องจะคุยกับเอียน แต่อีกฝ่ายดูท่าจะมีเรื่องอยากคุยกับเขา และถึงเขาจะไมพูดด้วย อีกฝ่ายคงสรรหาวิธีการมาทำให้เขาพูดด้วยได้ยู่ดี ถ้าให้เป็นแบบนั้นมันจะเป็นเรื่องยุ่งยากและเสียเวลาสำหรับเขา

    “คุณมีธุระอะไรกับผมหรือเอียน”

    “ฉันมีคำถามหนึ่งที่อยากจะถามนายให้แน่ใจ”

    เรย์เกร็งตัว รู้ว่าคำถามของอีกฝ่ายคงไม่ใช่คำถามธรรมดา เพราะมันเป็นคำถามที่ทำให้คนอย่างเอียนเคอร์ติสต้องมาถามเขาด้วยตัวเอง

    “ความผิดพลาดของนายเมื่อสองปีก่อน นายรู้หรือยังว่ามันคืออะไร”

    “ผมคงไม่อยู่ที่นี่ถ้าผมไม่รู้นะเอียน”ไม่งั้นเขาคงไม่มาที่นี่หรอก เขาต้องทิ้งโอกาสในการมีร่างนุ่มๆของเธอแนบชิดกับตัวของเขาดังนั้นตอนนี้เขาจึงหงุดหงิดมาก

    เอียนเงียบไปครู่หนึ่ง ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบเคราสีเทา “ไม่นายไม่รู้หรอก”พูดพร้อมเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอ “เพราะถ้านายรู้นายคงไม่อยู่ที่นี่หรอก”เอียนผละจากเขาหันหน้าไปมองดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน

    เรย์กอดอกมองท่าทางของเอียน “คุณมาเพื่อบอกเรื่องนี้?”

    ปลายไม้เท้าถูกยกชี้หน้าเขา “ฉันมาเตือนนายด้วยความหวังดี เรย์”เอียนหันกลับมามองหน้าเขาอีกครั้ง “ถ้าหากยังไม่รู้ว่าความผิดพลาดเมื่อสิงปีก่อนของนายคืออะไร นายก็กำลังเดินทางเดียวกับที่นายเคยเดินเมื่อสองปีก่อนอีกครั้ง และฉันคิดว่านางคงรู้ผลที่ตามมาหลังจากนั้นดี”

     

    เขาไม่สนใจคำพูดของเอียน พูดได้ว่าเขาลืมมันแทบจะทันทีที่ก้าวเท้าลงมาจากดาดฟ้าเสียด้วยซ้ำ มันผ่านเข้ามาในหัวเขาและหายไปเร็วพอๆกับที่มันเข้ามา จนกระทั้งตอนนี้ที่มันดังก้องในหัวของเขา หลังจากที่เขามาที่บ้านลับของลิณา ห้องทุกห้องภายในบ้านมีร่องรอยถูกรื้อค้น ข้าวของกระจัดกระจายและบางส่วนมีร่องรอยของการระบายความโกรธเกรี้ยว ของบางส่วนถูกทุบและทำลายจนแทบนึกสภาพเดิมของมันไม่ออก โดยเฉพาะพวกเสื้อผ้าส่วนตัวของหญิงสาวที่กลายเป็นเศษผ้า มันบ่องบอกชัดว่าความเกลียดชังของผู้กระทำพุ่งไปที่หญิงสาว

    เขาโกรธคนที่ทำมันแต่ก็ยอมรับว่าน้อยกว่าคนที่ทำให้เขาโกรธอยู่ขณะนี้ คนที่เป็นเจ้าของกระดาษที่เคยวางอยู่บนโต๊ะกลางห้องรับแขก มันโดดเด่นท่ามกลางสภาพห้องเละเทะ เขาใช้คำว่าเคยเพราะตอนนี้มันถูกขยำอยู่ในมือเขา แม้จะเห็นแค่ครั้งเดียวเขาก็จำได้ว่าบนกระดาษนั้นมีข้อความอะไรเขียนไว้

    ถึงเขาจำไม่ได้ กระดาษอีกแผ่นที่อยู่ตรงหน้าก็บอกเขาได้ และคงมีอีกหลายแผ่นที่เขายังไม่เห็น เดาได้จากจำนวนที่เขาพบมันในห้องนี้

    Address XX-XXX-XXXXX If  you want to see me

    บนกระดาษไม่ได้ระบุว่าใครเป็นคนเขียนแต่คนที่ทำมันจงใจแสดงตัวให้รู้ว่าเป็นใครและยืนยันความจริงโดยการเขียนมันด้วยลายมือ

    กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างสูงของชายหนุ่มบิดเป็นเกลียว ขมับของเขาเต้นตุบด้วยความโกรธ เขามองกระดาษตรงหน้าขึงตาใส่มันอย่างโกรธเกรี้ยวและเลือกที่จะมองไปทางอื่นเพราะเขารู้ว่ามันจะทำให้แย่ลงอีกแม้มันจะช่วยได้ไม่มากเท่าไหร่ เขาคิดว่าเมื่อสองปีก่อนคงเป็นการโกรธที่รุนแรงที่สุดของเขาแต่จากวันนี้เขาก็แล้วรู้ว่าตัวเองคิดผิด และเธอต้องเป็นคนรับผิดชอบมัน

     

    [Talk]

    ห่างเหินไปนานไม่ได้หายไปไหนนะคะ

    ตอนนี้อัลทำงานหลักไปด้วยน่ะค่ะ เลยไม่ค่อยมีเวลา

    แต่จะพยายามมาให้บ่อยๆ อาจจะอัพน้อยลงแต่จะอัพบ่อยขึ้นนะคะ

    อย่าพึ่งงอนเค้าน๊า

     ตอนนีรู้สึกป๋านิสัยไม่ดี(ฮ่า)

    FROM  Aunqio

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×