คำเตือน : เรทค่า เรท !!! เฉพาะผู้ติดตามเท่านั้น !!!
ถ้าพร้อมอ่านก็เชิญตามสะดวกค่า ^^'
---
Chapter XXII : Sweet Night (NC-17)
มืออบอุ่นและใหญ่กอดรัดแน่นขึ้น ลูบแผ่นหลังไปมาเบา ๆ ในขณะที่ใบหน้ายังคงอยู่ใกล้ชิดกันอยู่ ทุกครั้งที่ขยับริมฝีปาก รสสัมผัสที่ได้ก็ร้อนแรงขึ้นทุกครั้ง ปลายลิ้นกระหวัดนัวเนียมอบความหอมหวานให้กันและกันเนิ่นนาน มือใหญ่ที่ลูบมาจนถึงชายเสื้อเริ่มซุกซนละลาบละล้วงเข้าไปใต้ร่มผ้า ลูบสัมผัสผิวเนื้อจริง ๆ ที่เนียนละเอียดราวผิวทารก
“อ๊ะ !” เสียงหวานร้องอุทานยามมือซุกซนลูบไล้ผิวกาย ให้ถอนตัวออกจากริมฝีปากหนาออกมา ร่างกายเริ่มสั่นขึ้นอย่างอย่างเสียวซ่าน
“กลัวเหรอ ?” เสียงทุ้มที่เริ่มพร่าด้วยอารมณ์ปรารถนากระซิบข้างหู เรียกเลือดให้ขึ้นไปรวมที่ใบหน้าหวาน
“ก็...ผมไม่เคย” เสียงหวานกระซิบกลับอย่างแผ่วเบา เสียงหัวเราะหึ ๆ ในลำคอของอีกฝ่ายดูเหมือนจะยิ่งกระตุ้นให้ตัวสั่นมากกว่าเดิม ริมฝีปากหนาจูบที่แก้มใสเบา ๆ อย่างเอาใจ
“ฉันจะนุ่มนวลที่สุด ฉันสัญญา...” แล้วก็เริ่มทำหน้าที่ต่อไป ริมฝีปากหนาไล่จูบไปทั่วทุกส่วนของใบหน้า เป่าลมหายใจร้อนไปทุกทีจนทำให้เลือดในกายแทบเดือด มือที่ไล่หลังอยู่ก็รุกไล่มาจนถึงต้นคอ ปลายนิ้วก่อกวนด้านหลังจนจั๊กจี้ เสียงหัวเราะคิกคักในตอนแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงครางหวาน ปลายนิ้วที่หมุนวนไปมาเริ่มลงน้ำหนักแรงขึ้น ไล่ขึ้นไปหมุนผมสีขาวเล่นก่อนจะกำไว้แน่น ดึงลงจนใบหน้าหวานเงยขึ้นมารับจูบอันร้อนแรงอีกครั้ง
ลิ้นอุ่นดุนดันเข้ามาในโพรงปาก กวาดตวัดดูดดื่มทุกอย่างไปจนหมด ความหอมหวานนุ่มนวลร้อนระอุจนแทบสำลักอากาศยามใบหน้าคมละออกไป มืออีกข้างที่เริ่มรู้หน้าที่ปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดอย่างใจเย็น แต่ด้วยความชำนาญถึงจะใจเย็นแค่ไหน เสื้อเชิ้ตใส่นอนก็ถูกปลดและเปลื้องออกอย่างรวดเร็วจนแทบไม่ทันตั้งตัว
ผิวบอบบางแสนสวยที่ถูกซุกซ่อนไว้นานได้เผยออก แถมยังเนียนนุ่มทุกสัมผัส แตะจมูกสูดดมกลิ่นกายหอมอย่างกระหายหิว ร่างสูงขยับปากยิ้ม แต่ร่างเล็กกลับหลบสายตาด้วยความอายโดยการหันหน้าหนีไปอีกทาง
“กลิ่นหอม...เหมือนดอกไม้เลย” เสียงเพ้อเอ่ยชมทำเอาใบหน้าหวานแดงก่ำ แขนแกร่งตวัดอุ้มร่างเล็กขึ้นมาก่อนจะพาที่วางไว้ที่เตียงอย่างนุ่มนวลแผ่วเบา แล้วเอนตัวลงไปคร่อมเอาไว้ ก่อนจะก้มหน้าลงไปสำรวจซอกคอขาวอีกครั้ง พร้อมกดประทับร่องรอยสำรวจไว้ทุกที่ที่ริมฝีปากหนาได้ระดมจูบ มือใหญ่ลูบไล้ร่างกายอย่างค้นหา ก่อนจะเลื่อนลงไปยังเบื้องล่าง ดึงกางเกงลงอย่างเชื่องช้าจนปราการชั้นที่หนึ่งได้หลุดออกจากขาของอเลนไปกองที่พื้น
ใบหน้าคมคายไล่ระดับลงต่ำ ลิ้มเลียคลอเคลียกับยอดอกที่ชูชันขึ้นอย่างตอบสนอง มือที่ว่างงานอยู่ข้างหนึ่งกลิ้งหยอกเย้ากับเจ้าแต้มสีชมพูอีกข้าง อีกมือก็ลูบไล้วนเวียนตรงช่วงท้องน้อย คนถูกเล้าโลมตอนนี้สั่นสะท้านไปทั้งตัว อารมณ์ทุกอย่างถูกปั่นป่วนจนคิดอะไรไม่ออก
“อะ...” เสียงครางที่หลุดออกมาทำให้ใบหน้าหวานแดงเรื่อด้วยความอาย มือที่ปะป่ายไปทั่วตอนนี้ถูกยกขึ้นมาปิดปากปิดเสียงเอาไว้ จนคนทำตัวการต้นเหตุเงยหน้าขึ้นมองอย่างรู้สึกขัดใจ
“ปิดทำไมล่ะ” เอ่ยถามในขณะที่ตัวเองกำลังจะคลั่ง ก่อนจะขึ้นไปดึงมือทั้งสองข้างออก แล้วก้มลงไปกวาดควานหาความหวานจากริมฝีปากบางอีกครั้ง ร่างกายเบียดเสียดเข้ามาใกล้ทำเอาคนที่นอนอยู่ข้างใต้สั่นกระตุกเล็ก ๆ
“มัน...ก็มันอายนี่นา” ร่างเล็กหลบสายตาอย่างจงใจ แต่ร่างสูงก็จับใบหน้าให้หันมามอง ดวงตาสีเงินตอนนี้มีประกายหวานเยิ้ม ยิ่งยั่วอารมณ์ของอีกคนให้กระเจิง
“ไม่ต้องอายหรอกน่า แค่นี้นายก็น่ารักจะแย่อยู่แล้ว” คำชมที่ดังออกมายิ่งแต่จะทำให้รู้สึกอายยิ่งขึ้นไปอีก แต่ก็อายได้ไม่นานก่อนความรู้สึกจะปั่นป่วนอีกครั้งเมื่อร่างสูงก้มลงไปลิ้มเลียเจ้าสองแต้มอีกครั้ง มือใหญ่ที่สำรวจร่างกายไปทั่วชะงักกับเจ้าปราการตัวสุดท้าย ก่อนจะค่อย ๆ ดึงลงกำจัดไปได้พ้นทางอีกหนึ่งชิ้น ทำให้ร่างบอบบางยามนี้เปลือยเปล่าได้อาภรณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น
แสงจันทร์จากด้านนอกที่สาดแสงเข้ามาภายในห้อง ส่องกระทบผิวพรรณเนียนเรียบเปล่งปลั่ง ดวงตาสีรัตติกาลเบิกมองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ผิวขาวนวลนั้นสวยราวหิมะที่กำลังตกลงมา โดยที่มีร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของที่ประทับลงไปยังคงแดงเรื่อเป็นหลักฐาน
“ผิวขาวเหมือนหิมะ...สวยจัง”
“ฮ้า...อึ๊ก !” เสียงหวานเริ่มครวญครางก่อนจะรีบเอามือขึ้นปิดปากอีกครั้ง เมื่อมือใหญ่กร้านเริ่มลูบไล้ส่วนกลางแผ่วเบาคล้ายปั่นป่วนอารมณ์ ก่อนจะกุมไว้จนเต็มมือแล้วเริ่มขยับทำงาน ปรนเปรอร่างบางเต็มที่ ร่างกายทรยศเริ่มบิดขยับตัวขึ้นลงเพราะสติเริ่มกระเจิดกระเจิง ยิ่งมือข้างนั้นทำงานถี่มากขึ้นเท่าไหร่ ร่างเล็กก็ยิ่งบิดตัวมากกว่าเก่า เสียงหวานที่ถูกมือปกปิดเอาไว้ทำให้อารมณ์ร่างสูงชักสะดุด
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องอาย ฉันอยากฟัง...” คันดะก้มหน้าลงมากระซิบบอก แต่ไม่ว่ายังไงคนตัวเล็กกว่าก็ไม่ยอมทำตามที่บอก เลยผละออกมาหยิบเสื้อของร่างบางกลับมาอีก แล้วรวบข้อมือทั้งสองข้างไปไว้เหนือหัว ก่อนจะจัดการผูกข้อมือไว้กับหัวเตียง
“ไม่อยากทำอย่างนี้หรอก แต่ไม่งั้นฉันก็ไม่ได้ยินเสียงนายน่ะสิ” แล้วมือก็เริ่มทำงานที่ค้างคาอีกครั้ง ขยับขึ้นและลงอย่างรวดเร็วจนร่างบาง ๆ สั่นกระตุก
“อา...อ๊า ! ยู...พอ...แล้ว” ร้องห้ามไปอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่สติแตกไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ มือที่ถูกมัดไว้เริ่มเกิดการเสียดสีกันเอง ภายในร่างกายร้อนระอุจนแทบระเบิด หยาดเหงื่อไหลรินอาบร่างโซมกาย ยิ่งการทำงานของมือกร้านเร่งเร็วเท่าไหร่ ความร้อนในร่างกายก็ยิ่งสูงมากยิ่งขึ้น
“อ๊า...อือ...ยะ...ยู” เสียงเรียกร้องขอความเห็นใจถูกส่งมาให้พร้อมกับน้ำตาเอ่อคลอ ดวงตาสีเงินหวานหยาดเยิ้ม ทำให้คนมองก้มหน้าลงไปจะใช้ปากครอบครองแทนมือที่ถอนออกมา
“อื้อ ! อย่าครับ...มันสกปรก” อเลนร้องขัดเอาไว้ เนื่องจากใบหน้าของอีกฝ่ายก้มลงต่ำจนแทบจะแนบชิดเลยทีเดียว
“ไม่เห็นจะสกปรกตรงไหนเลย” แล้วก็ใช้นิ้วกรีดเขี่ยเบา ๆ อย่างยั่วยุจนแกนกายร่างบางสั่นระริก “ออกจะน่ารัก”
“อ๊า !!!!” เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้งเมื่อสัมผัสชื้นถูกปรนเปรอให้ ปากหนาที่ขยับขึ้นลงซ้ำแล้วซ้ำอีก สร้างความเสียวซ่านรัญจวนให้จนแทบคลั่ง ก่อนจะระเบิดความคลั่งออกมาในสภาพของเหลวสีขาวสะอาดจนเปรอะไปทั่ว
“อ๊าาาาาาา !!”
เสียงหวานกรีดร้องออกมาอีกครั้ง ระบายความอัดอั้นในใจจนสุดเสียง ความอึดอัดที่ได้ปลดปล่อยออกมา ทำให้ร่างบอบบางหอบกระเส่าเพราะหมดแรง
ใบหน้าคมที่ละออกมาตวัดลิ้นเลียริมฝีปาก เก็บซับคราบขาวที่เลอะมือและต้นขากับหน้าท้องของร่างบางอย่างบรรจง ที่ไหนที่ยังมีเปรอะเปื้อนก็ก้มหน้าลงไปเลียลิ้มรสราวกับกำลังกินครีมสดแสนหวาน ยิ่งใบหน้าคมที่หันมามอง ก็ทำให้คนถูกมองอายไม่กล้าสบตาด้วย
“หวานดี...” สติของกัปตันเรือถูกกระชากออกไป ก่อนจะละออกมา ทิ้งให้ร่างบอบบางที่แทบตายคามือนอนรอไปก่อน มือใหญ่ปลดเสื้อผ้าของตัวเองออกบ้าง ทำให้ดวงตาสีเงินได้เห็นเรือนร่างแข็งแรงบึกบึนสมชายชาตรีของคนตรงหน้า ยิ่งเมื่อร่างสูงที่ปลดอาภรณ์ทุกชิ้นจนเรียบร้อยแล้วขึ้นมาบนเตียงอีกครั้ง ดวงหน้าหวานก็แดงก่ำ ยิ่งเนื้อแนบเนื้อเบียดเสียดเข้ามาใกล้ยิ่งทำให้สติเริ่มกระเจิงอีกครั้ง
“อื้อ...ไม่ อืม !” รสจูบถูกมอบให้อีกครั้ง คราวนี้ร่างเล็กอ้าปากรับแต่โดยดีด้วยอารมณ์พาไป ทำให้โจรสลัดมหากาฬไม่ต้องลำบากอะไรนัก มือเริ่มรุกรานอีกครั้ง โดยครั้งนี้จับเรียวขาทั้งสองข้างแยกออก ก่อนจะสอดปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางแคบ ร่างข้างใต้กระตุกขึ้นทันที
“เจ็บ !” ข้อมือที่ถูกพันธนาการเสียดสีกันเองด้วยอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้า ปลายนิ้วสะกิดช่องทางภายใน ก่อนจะเลื่อนออก แล้วใส่เข้าไปอีกนิ้วหนึ่ง
“โอ้ย !!” ร่างบางร้องอีกครั้ง สองนิ้วที่สอดเข้ามา ยิ่งทวีความเจ็บปวดยิ่งกว่านิ้วเดียวในตอนแรก
“ทนอีกหน่อยนะ อเลน” คันดะกระซิบบอก พร้อมกับถอนนิ้วออกมาแล้วใส่เข้าไปเพิ่มอีกหนึ่งนิ้ว คราวนี้ไม่ว่าพันธนาใด ๆ ก็ไม่อาจรั้งแรงของอเลนไว้ได้ เสื้อที่ถูกเอามามัดข้อมือถูกดิ้นถูกกระชากจนหลุดออกมา มือเล็ก ๆ ผวาค้นหาที่เกาะเกี่ยว ก่อนจะยึดหัวที่กอปรด้วยเส้นผมสีดำสนิทไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวแน่น
“อ้า...” นิ้วมือที่ถูกถอนออก บีบเสียงหวานให้กรีดร้องอีกครั้ง นิ้วมือทั้งสามนิ้วชื้นแฉะ แต่ร่างสูงก็จัดการเก็บกวาดด้วยลิ้นที่ตวัดเลีย เมื่อเห็นช่องทางคับแคบที่เริ่มเปิดกว้าง ก็จัดการเผด็จศึกขั้นสุดท้ายเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ของตนเองบ้าง
“อือ...พอแค่นี้ไม่ได้เหรอยู...” อเลนร้องขอเมื่อเห็นร่างสูงเคลื่อนกายเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น ตอนนี้เขาทั้งเหนื่อยทั้งหมดแรง แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าเห็นใจแต่อย่างใดเลย
“ก็บอกแล้วไง ว่าฉันไม่หยุดกลางคัน” หัวเราะเจ้าเล่ห์ก่อนจะเชยคางมนขึ้นมามอง “ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ทำให้จบไปเลยไม่ดีกว่ารึไง”
เรียวขาถูกจับแยกออกอีกครั้งด้วยมือแกร่ง ร่างกายที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ทุกทีทำให้อเลนหลับตาปี๋อย่างรอรับชะตากรรม ก่อนจะรู้สึกถึงอะไรสักอย่างที่เข้ามาในร่างกายตัวเอง มันทั้งร้อนทั้งใหญ่ แถมยังแนบแน่นไปหมด ร่างทั้งร่างกระตุกเมื่อสิ่งนั้นได้เข้ามาจนมิด
“โอ๊ย !!” อเลนร้องอย่างเจ็บปวด หยาดน้ำตาเริ่มไหลรินออกมาอาบสองแก้ม ให้ร่างสูงต้องก้มหน้าลงไปใช้ริมฝีปากซับไว้ทุกหยด
“ปล่อยตัวตามสบาย อย่าเกร็ง...อดทนหน่อย เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” ปลอบใจก่อนจะเริ่มขยับตัวเข้าออกช้า ๆ เพื่อให้คนใต้ร่างปรับตัวได้ทัน แต่ทุกครั้งที่ขยับ เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดก็ดังระงม เจ็บก็เจ็บ แต่ก็สุขสมอย่างไม่คาดคิด เสียงหวานที่ทั้งกรีดร้องและครวญครางทำให้การกระทำเริ่มเร่งจังหวะเร็วขึ้น ร่างกายภายในปั่นป่วนราวทะเลคลั่ง ยิ่งจังหวะที่เร่งเร็วขึ้นเพียงใด ร่างทั้งร่างก็ร้อนระอุยิ่งขึ้น เหมือนไม้ที่ติดไฟ ยิ่งพัดไฟก็ยิ่งโหมกระพือ
สองมือที่ยึดแผ่นหลังของร่างสูงจิกเล็บลงไป แม้จะกลัวว่าจะทำให้ร่างอันแสนสง่างามนี้มีร่องรอยบาดแผล แต่อารมณ์ที่กระเจิดกระเจิงก็ทำให้ความคิดนี้ถูกลบออกอย่างรวดเร็ว ยิ่งอีกฝ่ายเร่งความเร็วเท่าไหร่ ความปั่นป่วนก็ยิ่งเพิ่มตาม จนเผลอตัวขยับสะโพกตามจังหวะ ร่วมบรรเลงเพลงรักไปด้วยกัน เสียงครวญครางหวานก็ดังระงมราวกับร้องคลอบทเพลงบรรเลงของร่างสูง
ในที่สุด ความร้อนฉ่าที่เดือดพล่านก็เริ่มสงบลงเมื่อร่างสูงได้ปลดปล่อยความร้อนเข้ามาในร่างบางซึ่งก็ปลดปล่อยออกมาอีกครั้งด้วยเช่นกัน
“...อา...” ร่างสูงที่ส่งเสียงครางข้างหูอเลน บ่งบอกว่าสุขสมอารมณ์หมายยิ่งนัก แม้จะยังไม่อยากถอนตัว แต่คนที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ก็ต้องการที่จะพัก จึงจำใจถอนกายออกมา คราบเลือดจาง ๆ กับหยาดน้ำรักที่เปรอะเปื้อนทั้งเขาและอเลนไหลซึมผสานกัน ดวงตาสีรัตติกาลมองอย่างพึงพอใจ ก่อนจะล้มตัวไปนอนกอดก่ายสุดที่รักเอาไว้ในอกอย่างทะนุถนอม
“เจ็บมากมั้ย” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามข้างหู เส้นผมสีขาวที่ยุ่งเหยิงกระเซิงเอนพิงหัวไหล่
“...เจ็บ” ตอบเบา ๆ “แต่ก็รู้สึกดี” ใบหน้าหวานเริ่มแดงก่ำอีกครั้งอย่างเขินอาย คันดะหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะพรมจูบศีรษะกลมอย่างรักใคร่
“ฉันรักนายนะ อเลน...รักที่สุด” ร่างสูงบอกรักอีกครั้งยืนยันความจริงใจ ดวงตาสีเงินเบิกมองคนตรงหน้า ก่อนที่หยาดน้ำตาบริสุทธิ์จะไหลรินออกมา “นายร้องไห้ทำไม ?”
รอยยิ้มหวานคลี่ระบายที่มุมปาก ประดับใบหน้าสวยให้งดงามยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ ในโลกมาหลอมรวม แม้หยาดน้ำตาที่ไหลรินจะร่วงโรยเป็นหยดราวไข่มุก แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความงดงามอันบริสุทธิ์ด้อยค่าลงแต่อย่างใด
“...คงจะดีใจ...มากไปล่ะมั้งครับ” ว่าแล้วก็เช็ดน้ำตาออก มือใหญ่หยิบใบหน้าหวานขึ้นมา ซับน้ำตาด้วยริมฝีปากให้อย่างเอาใจ
“นายนี่เหมือนผู้หญิงเลยนะ” ร่างสูงกระซิบข้างหู “แต่นาย...วิเศษที่สุด วิเศษยิ่งกว่าใครทั้งหมด คืนนี้...เหมือนกับความฝันเลยล่ะ” แล้วก็โอบร่างคนตัวเล็กที่ยกแขนขึ้นกอดตอบ
“ผมก็เหมือนกัน มันคงจะเป็นความฝันที่วิเศษที่สุดในชีวิตของผมเลย”
“เป็นความฝันที่วิเศษที่สุดในชีวิตของฉันเหมือนกัน”
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้น จะเป็นสมบัติชั่วนิรันดร์ของผม” อเลนซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างที่ประกอบด้วยกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่ง ได้ยินเสียงหัวใจของคนรักที่เต้นตึกตักแบบเดียวกันกับหัวใจของเขาเอง
“ดูพูดเข้าสิ น่ารักแบบนี้เดี๋ยวฉันก็หิวขึ้นมาอีกหรอก” มือใหญ่เริ่มลูบไล้แผ่นหลังอย่างแผ่วเบา คล้ายจะบอกว่ายังไม่อิ่ม และเริ่มหิวขึ้นมาอีกครั้ง แม้จะสะดุ้งสั่นในตอนแรก แต่ร่างบางก็ตอบสนองด้วยการเบียดตัวเข้าไปกอดร่างสูงไว้แน่น
“ก็อย่าปล่อยให้หิวสิครับ”
เพียงเท่านั้นเอง ที่บทเพลงหวานล้ำจะถูกบรรเลงอีกรอบ ร่างที่เปลือยเปล่าอยู่ถูกใช้งานปรนเปรออีกครั้ง ปล่อยให้ร่างสูงบรรเลงความรักตามสบาย ปากซุกซนระดมจูบไปทั่วทั้งตัว ควานหาความหอมหวานอีกระลอกอย่างไม่รู้เบื่อ เสียงครวญครางอันแสนรัญจวนใจก็ดังระงมตลอดทุกการกระทำราวเพลงไพเราะที่ขับร้องข้างหู
หยาดน้ำตาไหลรินออกจากดวงตาสีเงินคู่สวยอีกครั้ง ทั้งเจ็บปวดทางกาย และสุขสมทางใจ แม้ว่าจะได้รับการซับด้วยริมฝีปากของร่างสูง แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดไหล อีกฝ่ายก็ไม่รังเกียจที่จะรองรับซึมซาบเอาไว้ทุกหยาดหยด
ร่างเล็ก ๆ อันแสนบอบบาง ซึมซับทุกการกระทำไว้อย่างละเอียด จดจำทุกอย่างไว้บนผิวหนัง กักเก็บทุกสัมผัสไว้อย่างบรรจง แล้วฝังทุกอย่างลงไปให้ลึกที่สุดในความทรงจำ
เก็บความรักที่ได้รับไว้ในหัวใจ...
...ตราตรึงไว้ตลอดกาล...
.......
...
ดวงตาสีเงินที่หลับสนิทอย่างเหนื่อยล้า กระพริบปริบ ๆ ก่อนจะตื่นเต็มที่ มองออกไปด้านนอกที่ยังมืดอยู่ ก่อนจะมองไปที่นาฬิกาพก หยิบมันเปิดฝาขึ้นมาดูเวลาที่เข็มสั้นชี้ตัวเลขสี่อันเป็นตัวอักษรโรมัน บอกเวลาตีสี่ของเช้าอีกวันหนึ่ง หิมะที่ปรายโปรยตลอดวันตอนนี้หยุดตกแล้ว
ร่างเล็ก ๆ ที่มีร่องรอยจารึกความรักแสนหวานของเมื่อคืนขยับตัวอย่างเชื่องช้า มองคนที่นอนหลับอยู่ข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้มเศร้า ๆ คราบขาวที่เลอะเตียงนอนกับรอยหยาดสีแดงจาง ๆ ยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน มือเล็ก ๆ ยันตัวขึ้นมาก่อนจะหยิบเอาแขนแกร่งที่วางพาดตนออกไปวางไว้กับเตียงนุ่ม ร่างบอบบางสีขาวนวลซึ่งมีรอยแดงระเรื่อเต็มตัวเดินไปจัดการร่างกายตัวเองอย่างเงียบเชียบที่สุด ด้วยเพราะไม่อยากรบกวนคนกำลังหลับ
เมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เปิดหีบเสื้อผ้าที่ร่างสูงนำมาเก็บเอาไว้ออกมา แล้วจัดการเริ่มสวมใส่อีกครั้ง ชุดกระโปรงหรูหราถูกสวมเข้ากับร่างบอบบางของเด็กหนุ่ม เมื่อผูกโบที่ด้านหลังเสร็จ ก็หยิบเอาวิกผมสีน้ำตาลขึ้นมาซ่อนผมสีขาวอีกครั้ง ทอดมองเงาตัวเองในกระจกก็ฉีกยิ้มให้
อเลน วอคเกอร์ กลายเป็นอาเลน่า มาเรี่ยนอีกครั้ง
ร่างเด็กหนุ่มกลับกลายเป็นเด็กสาว ใบหน้าหวานที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นผู้ชายทำให้แยกไม่ออกว่าคน ๆ นี้แท้จริงไม่ใช่หญิงสาว
ร่างบอบบางในชุดกระโปรงงดงามเดินไปนั่งที่เตียง ทอดสายตามองคนรักอีกครั้งอย่างอาลัยอาวรณ์ มือเล็ก ๆ เอื้อมไปปัดปอยผมที่ร่วงลงมาปรกหน้าออกให้อย่างเบามือ เห็นใบหน้าคมคายที่หลับสนิทด้วยเสียกำลังกายไปมากกับกิจกรรมเมื่อคืน หยาดน้ำตาที่แห้งแล้วทำท่าจะไหลออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ริมฝีปากบางเม้มแน่น กักเก็บอารมณ์เอาไว้ได้
พลันมองไปยังหมอนหนุนที่มีร่องรอยคนนอน เส้นผมสีขาวของตัวเองที่หล่นอยู่กับหมอนก็ยิ่งสลดใจ ริมฝีปากบางคลี่รอยยิ้มแย้มขึ้นอย่างงดงาม จนน่าเสียดายแทนคนที่กำลังหลับใหลอยู่ที่ไม่อาจได้เห็น
“ยูครับ” เสียงหวานเรียกเบา ๆ ราวพูดกับตัวเอง “ขอบคุณมากนะครับ สำหรับตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยูก็มักจะมาช่วยผมตลอด”
ลมหายใจของร่างสูงที่พ้นออกมาเป็นจังหวะแช่มช้า แผ่นอกกว้างขยับขึ้นลงยังคงให้สัญญาณว่าหลับสนิท
“แต่ว่า...หลังจากนี้ผมคงไม่ได้อยู่กับยูอีกแล้วล่ะนะครับ...ตัวจริงของเจ้าหญิงอาเลน่าถูกล่วงรู้ หากปล่อยให้ความจริงข้อนี้ถูกเปิดเผยล่ะก็ เรื่องมันจะบานปลายแค่ไหน ผมก็ไม่อาจจะคาดเดาได้” มือเล็ก ๆ เริ่มจิกผ้าห่มแน่น “เพราะงั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ปิดปากคนที่รู้เรื่องนี้ แม้ว่าจะต้องแลกด้วยร่างกายหรือชีวิตของผมเอง” ริมฝีปากบางเม้มแน่น
“ยูครับ” เสียงหวานเรียกอีกครั้ง แต่คนตรงหน้าก็ยังคงหลับตาอยู่ รอยยิ้มหวานผุดขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะครับ เพราะไม่ว่ายังไง คนที่ผมรักที่สุดก็คือยู ต่อให้ผมไปแต่งงานออกเรือนกับใคร ทุกอย่างของผมก็เป็นของยู ทั้งกายและใจ รวมถึงวิญญาณของผมด้วย...”
ใบหน้าหวานก้มลงไปมอบจุมพิตที่ริมฝีปากหนาให้ ความรู้สึกทั้งรักทั้งเศร้ากลั่นตัวจนเป็นความหวานขื่นถูกถ่ายทอดให้ แม้ว่าคนได้รับจะไม่รู้สึกตัวก็ตามที เมื่อริมฝีปากผละออกมา เสียงหวานก็เอ่ยอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มอันแสนเศร้าเหลือคณานับ
“ผมรักยูมากที่สุด มากกว่าใครในโลก”
ร่างบอบบางเคลื่อนตัวออกห่างมากขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะเหลือบเห็นเงาของตัวเองในกระจก ต่างหูเขี้ยวสัตว์ที่ห้อยต่องแต่งอยู่ที่หูข้างขวาสะกิดสายตาให้มอง ก่อนมือเล็ก ๆ จะเอื้อมไปปลดลงมา แล้ววางไว้ที่หมอนหนุนซึ่งตนเคยหนุนนอน ราวกับเป็นคำบอกลา ราวกับให้มันแทนตัวเอง
“ลาก่อนนะครับ ที่รัก...”
แล้วร่างบอบบางก็ออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ แสงอาทิตย์ที่เริ่มปรากฏกายเริ่มสาดแสงเข้ามาภายในห้องที่มีเพียงชายหนุ่มนอนเปลือยกายเพียงคนเดียว โดยไร้ร่างของผู้เป็นที่รักนอนอยู่เคียงข้าง
“อเลน...” เสียงร่างที่นอนอยู่พึมพำคล้ายละเมอ “ฉันก็รักนายมากที่สุด...”
น่าเสียดายก็แต่...คงมีเพียงต่างหูเขี้ยวสัตว์เท่านั้นที่ได้ยิน
ความคิดเห็น