ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ThE KiNgDoM! มหาอาณาจักรเกมออนไลน์ทะลุโลก

    ลำดับตอนที่ #16 : ก็บอกแล้วว่ามันโกง (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 953
      3
      17 มี.ค. 53




    ตำนานหน้าที่ 14 ก็บอกแล้วว่ามันโกง

     

                ...

     

                ...

     

                ถ้าจำไม่ผิด...คิมหันต์เกริ่นด้วยเสียงไม่ค่อยแน่ใจนัก ควงตาสีมรกตหรี่ลงอย่างครุ่นคิด ใบหน้าคมฉายแววไม่แน่ใจอยู่เต็มเปี่ยม

     

                ครับ?รัตติเอียงคอแอ๊บไร้เดียงสาพร้อมกับถามด้วยเสียงใสซื่อ

     

                แกเป็นนักปรุงยาไม่ใช่รึไงห๊า~!!!”หนุ่มผมเขียวตะคอกพร้อมกับเขย่าคู่สนทนาจนหัวสั่นหัวคลอน เด็กหนุ่มผมดำที่ถูกเขย่าจนมึนแต่ก็ยังรักษารอยยิ้มกวนประสาทไว้อย่างเหนียวแน่น

     

                รอจนคิมหันต์เลิกเขย่ารัตติถึงกระแอมไออย่างวางมาด

     

                อะแฮ่ม! ศาสตร์ว่าด้วยจรรยาบรรนักปรุงยาข้อที่หนึ่ง...

     

                เราคืออาชีพที่โกงที่สุดในปฐพี!!”ผลัวะ! ทันทีที่จบคำฝ่ามือพิฆาตก็ตบพลั่กลงกลางหัวคนท่ามาก รัตติหันมาค้อนควับใส่คนตบมาไม่ยั้งมือ แต่พอเหมันต์เงื้อมืออีกรอบ ปิศาจน้อยที่แหลได้ยิ่งกว่าปลาไหลในนำมันพืชก็ต้องย่นคอ แต่ก็ยังไม่วาย บ่นอุบอิบ

     

                ...ก็มันจริง...

     

                ...หือ?

     

                ครับๆรัตติชูมือขึ้นอย่างยอมแพ้

     

    อาชีพนักปรุงยาของผมน่ะ จัดอยู่ระหว่างสายโจมตีกับสายผลิต สกิลมีน้อยกว่าอาชีพอื่นก็จริงแต่ก็พิเศษกว่ามาก อย่างสกิลโจมตีที่มีอยู่ อานุภาพก็ไม่ได้อยู่ที่ค่า int  ค่า str พลังโจมตี หรือพลังโจมตีเวทย์ แต่มันขึ้นอยู่กับชนิดยาพิษที่ใช้คิมหันต์อ้าปากค้าง ขณะที่เหมันต์เหวออย่างเก็บอาการ

     

    หมายความว่า...ถ้าใช้ยาพิษแรงๆหน่อย เจอพวกบอสระดับ 100 ก็ยังไม่หวั่นน่ะสิ!?

     

    โกงโคตร...เหมันต์พึมพำ

     

    ใช่มั๊ยล่ะ!”รัตติรับพร้อมกับหัวเราะ

     

    แต่แบบนั้นมันก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่มียาพิษที่แรงพอ สเตตัสดีขนาดไหนก็ช่วยอะไรไม่ได้ว่าแล้วเด็กหนุ่มผมดำก็ไหวไหล่ด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท

     

    แต่มันไม่มีปัญหาอะไรกับผมที่มีเจ็ดเปลี่ยนแถมด้วยเกราะดีๆแบบนี้นี่นา~”

     

    ลัลล้า~”นักปรุงยาหนึ่งเดียวแห่ง The Kingdom ผิวปากอย่างสบายอารมณ์ ขณะยกค้อนอันใหญ่ทุบป๊อกๆแป๊กๆใส่เครื่องรางอันมีค่ายิ่งของเหมันต์ ทุบไปได้สามนาที พี่แกก็จัดการตั้งหม้อปรุงยา หยิบของอะไรบางอย่างใส่หม้อ

     

    น้ำในหม้อเปลี่ยนสีไปๆมาๆอย่างไม่น่าไว้ใจจนสุดท้ายก็กลายเป็นสีใสๆเหมือนน้ำเปล่า รัตติก้มลงมือน้ำสีใสๆ (แต่ก็ยังไม่น่าไว้ใจอยู่ดี...)ในหม้ออย่างพอใจแล้วจึงยื่นมือมาขอวิหคเพลิงเหมันต์จากเจ้าของ เหมันต์หรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะปลดอาวุธคู่กายไปให้อย่าง...อืม...เรียกว่าอะไรดี...?

     

    .

    .

    .

    ลังเลสุดๆ - -

     

    ส่งมาซะทีสิครับ ไม่ไว้ใจผมรึไงล่ะ!?”...ก็เออน่ะเซ่!!

     

    เหมันต์แยกเขี้ยวอวดฟันสวยเรียงรายเป็นระเบียบแล้วตัดสินใจรั้งมือตัวเองไว้ เตรียมจะเอาดาบเก็บ แต่รัตติไวกว่า เด็กหนุ่มคว้าปลายดาบไว้ได้อย่างรวดเร็วแถมยังเกาะแน่นไม่ยอมปล่อย

     

    หลังจากตบตีแย่งกันสักพัก คนที่ชนะคือเด็กหนุ่มผมดำ ไม่ใช่เพราะแรงเยอะกว่าหรืออะไร หรอกนะ แต่แย่งกันไปแย่งกันมาดาบก็หลุดมือลอยหวือลงหม้อพอดี...ให้มันได้อย่างนี้สิ!

     

    ...เหมันต์ทำหน้าหมดอาลัยตายอยากขณะมองดูดาบด้ามสวยจมลงไปช้าๆ...

     

    ผิวน้ำกระเพื่อมเป็นวงขณะที่ดาบค่อยๆจมลง...จมลง...

     

    ...จบกัน...

     

    ขึ้นชื่อว่านักดาบก็ต้องเห็นดาบสำคัญมาก...มากและมาก ดังนั้นเมื่อเห็นอาวุธคู่มือค่อยๆจมลงไปแบบนี้ ต่อให้เป็นเหมันต์ก็ต้องช็อค...ด้วยความเสียศูนย์อย่างแรงร่างโปร่งเอื้อมมือไปเกาะชายเสื้อของพี่ชายแน่นก่อนจะเริ่มส่งเสียงกระซิกๆน่าสงสาร

     

    เหมันต์อ่ะ!”เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นท่าทางใจสลายของอีกฝ่าย

     

    ซิก...ซิก...

     

    ชริ! รัตติชักสีหน้าขัดใจก่อนจะโยนตำราแปรธาตุลงไปในหม้อต้มโดยไม่สนสายตาเจ็บปวดของคิมหันต์

     

    ...เล่มนั้นน่ะ...หลายตังนะ...คนผมเขียวอ้าปากค้างมองดูหนังสือราคาเหยียบสิบล้านนั้นที่จมลงไป ก่อนจะมีรีแอคชั่นเดียวกันกับน้องฝาแฝด...

     

    ซิก..ซิก......ผมเชื่อแล้วว่าพวกคุณเป็นฝาแฝดกัน!!!! รัตติเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันขณะโยนสมุนไพรอีกสองสามอย่างลงไปในหม้อ

     

    และ...

     

    บรึ้ม!!!!!

     

    เหมันต์เกือบจะรองกรี๊ด(!?) ขณะที่คิมหันต์...

     

    ไม่นะ อ๊ากกกกกกก!!!!! Shit!! My Money!!” กรีดร้องออกมาแล้ว!!! เด็กหนุ่มผมเขียวทำท่าเหมือนโลกจะถล่มลงมาตรงหน้า มองหม้อบุบๆบี้ๆของรัตติไปน้ำตาก็ไหลพรากไป

     

    ...หนังสือแปรธาตุ...

    ...เงิน...

    ...หนังสือแปรธาตุ...

    ...เงิน...

    ...หนังสือแปรธาตุ...

    ...เงิน...

    ...เงิน...

    ...เงิน...

    ...เงิน...

    ...เงิน...

     

    จบสิ้นแล้วชีวิตฉัน...

     

    (ไอ้คำว่าหนังสือแปราตุมันหลุดไปตอนไหนแล้วหว่า...)

     

    รัตติ แก๊~~~!!!!!”

     

    อ๋า...ขอโทษๆ ขัดข้องทางเทคนิคนิดหน่อยน่ะครับ...

     

    รัตติ....แก...ตายไปซะเถอะ!! ตายย~~~~!!!!!!!!!”ยันต์เวทย์สารพัดสีถูกเรียกขึ้นมาบนมือของเด็กหนุ่ม ทำเอาคนต้องกลายเป็นเป้าแอบกลืนน้ำลาย

     

    โวๆๆ คิมหันต์ใจเย็นรัตติฉีกยิ้มกลบเกลื่อนความผิดขณะส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังอีกคน

     

    เอ่อ...แหม...อย่าหักนิ้วเล่นอย่างนั้นสิ เหมันต์ล่ะก็...!!

     

    รัตติก้าวถอยหลังไปสองก้าว แล้วก็กลับตัวเผ่นหนีอย่างไม่เหลียวหลัง

     

    แกคิดว่าจะหนีรอดเรอะ! ฝันไปเถอะ!!!”คิมหันต์ว่าพลางปายันเข้าใส่

     

    แว้ก!! คิมหันต์! มันอันตรายนะ!”แน่นอนว่ารัตติที่ไวยิ่งกว่าลิงกะอีแค่ยันต์แผ่นเดียวน่ะเบๆ แต่...พี่ล่อมาเป็นสิบแบบนี้มหาเทพที่ไหนก็หลบไม่ได้หรอกนะคร้าบบบ

     

    สมองของเด็กหนุ่มปั่นเร็วจี๋คิดหาวิธีรับมือสองจอมมารที่เริ่มจะคลั่ง คนนึงเพราะอาวุธเจ๊งไม่เป็นท่าไม่รู้ป่านนี้สภาพเป็นยังไง ส่วนอีกคนนี่ไม่แน่ใจ...แต่ต้องเกี่ยวข้องกับราคาของไอ้เล่มที่เขาหย่อนลงไปต้มนั่นแหงๆ

     

    สามสิบหกกลยุทธ์เจ๋งสุดคือ...เผ่น!!!!



    “...ค....ด...”ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มผมดำชะงักไปครู่หนึ่งขณะที่หูแว่วเสียงของอะไรบางอย่างที่รู้สึกคุ้นเคย ส่งผลให้จังหวะในการหลบหลีกชะงักไปเล็กน้อย

     

    “ที่หยุดนี่แกเตรียมใจตายได้แล้วสินะ!??”คิมหันต์ตะโกนถามเสียงเหี้ยมขณะกระชับแผ่นยันต์ทั้งปึกในมือมั่น ใบหน้าคมฉาบไว้ด้วยไออำมหิตบางๆ มือเรียวสะบัดอย่างคล่องแคล่วส่งแผ่นกระดาษอาคมไปยังเป้าหมาย

     

    เปรี้ยง!!!!

     

    เยอะขนาดนี้ ต่อให้เป็นเทพมาจากไหนก็เถอะ...ไม่ตายก็ใกล้เดี้ยงล่ะฟะ!! เด็กหนุ่มผมเขียวกระตุกยิ้มจิตขณะที่รอชมสภาพร่อแร่ของเพื่อนร่วมปาร์ตี้ แต่ว่ามันก็...

     

    “ขออภัยที่ต้องแจ้งให้ทราบ แต่ผู้เล่นที่อยู่ปาร์ตี้เดียวกันไม่สามารถโจมตีกันได้ค่ะ...”อืมถึงว่าเสียงคุ้นๆ เสียงจากระบบนี่เอง รัตติพยักหน้าด้วยท่าทางแบบชิลๆพลางปัดๆฝุ่นผงที่ติดอยู่ตามเนื้อตัวเสื้อผ้าออกด้วยท่าทางที่ชิลยิ่งกว่า

     

    ท่าทีแบบนั้นทำให้คิมหันต์ชักสีหน้าหงุดหงิด เหมันต์ส่ายหัวอย่างระอาใจขณะมองพี่ชายฝาแฝดทำตัวเหมือนหมาบ้า คนใจเย็นก็คือคนใจเย็น...เหมันต์นึกถึงข้อจำกัดนี้ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เงื้อดาบขึ้น แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง ตัวเอก...และตัวประกอบได้เป็นอย่างดี...

     

    (หมายความว่าไงที่ว่าตัวประกอบน่ะฮะ!!!)

     

    อืม...วันนี้อากาศดี...

     

    (เฮ้ย!! แกอย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะเฟ้ย!!)

     

    “...เนื่องจากทางระบบเห็นว่าการทะเลาะปัญญาอ่อนเมื่อครู่ส่งผลเสียต่อระบบนิเวศ และทิวทัศน์อันสวยงาม รวมถึงการสิ้นเปลืองพลังงาน และยาแก้ไมเกรนของพนักงาน ดังนั้นขอลงโทษด้วยการลดค่าชื่อเสียงผู้เล่นทั้งปาร์ตี้คนละ 100 แต้ม...”เสียงหลอกๆหลอนๆของระบบดังขึ้นอีกครั้งทำให้คิมหันต์หลุดจากวังวนเรื่องตัวเอกกับตัวประกอบได้ในที่สุด

     

    “...นี่ตกลงชีวิตฉันจะไม่เจออะไรดีๆแล้วใช่ไหมเนี่ย?”

     

    .....................................................

     

    “ฮะฮะฮะ ตกใจหมดเลยเนอะตอนที่ดาบมันระเบิดน่ะ ที่แท้เป็นแค่เอฟเฟคในการอัพเกรดเท่านั้นเองสินะ”เสียงเอ่ยกลั้วหัวเราะดังขึ้นจากเด็กหนุ่มผมดำหน้าตาดูหล่อร้ายติดจะเจ้าเล่ห์เล็กๆเรียกความสนใจจากลูกค้าในร้านอาวุธได้ส่วนหนึ่ง

     

    ก็อย่างว่าน่ะนะ...มีอาวุธระดับสูงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่สารมารถอัพเกรดได้...

     

    “เหอะ...ฉันสิหัวใจจะวาย นึกว่าหนังสือแปรธาตุจะกลายเป็นฝุ่นไปฟรีๆ”เสียงบ่นอย่างเซ็งๆของหนุ่มผมเขียวคนข้างๆก็ยิ่งทำให้ความสนใจมากขึ้นอีก

     

    ก็เพราะเควสหนังสือแปรธาตุน่ะ...ยากบรรลัยซะไม่มี...

     

    “...”คนเงียบก็ยังเงียบได้เสมอต้นเสมอปลาย ดวงตาสีสวยปรายมองอาวุธคู่ใจที่ตอนนี้ขนาดเล็กลงไปมากแต่น้ำหนักกลับเพิ่มขึ้น...

     

    ดาบสองคมสีฟ้าที่ดูเหมือนไม่คมทั้งยังมีรอยบิ่นมากมายบนตัวดาบ มันคงจะดูไม่สะดุดตาเลยหากกั่นดาบไม่ได้ทำจากลาพิสราชูรี่อัญมณีสีน้ำทะเลที่มีคุณสมบัติในการรองรับธาตุน้ำลาตุลม แถมยังดรอปจากสัตว์อสูรระดับราชาสายภูติเท่านั้นด้วย!

     

    สามคนนี้ไม่ธรรมดา...แต่ก็เท่านั้นล่ะ...เรื่องปกติ...ถึงนานๆจะมีมาซักที แต่ก็ใช่ว่าไม่เคยมี...

     

    “ปลอกดาบครับ คุณเหมันต์”

     

    กะอีแค่ปลอกดาบธรรมดาๆ ทำไมต้องถ่อมาถึงพยัคฆ์ขาวด้วยก็ไม่รู้...รัตติคิดพลางยักไหล่น้อยๆ มองดูคนไม่ค่อยพูดเก็บดาบลงปลอกด้วยสายตาเรียบเฉย

     

    “ไม่ใช่แค่ปลอกดาบธรรมดาหรอก...”เหมันต์พูดขึ้นลอยๆเหมือนจะเดาสีหน้าของอีกฝ่ายได้ ร่างโปร่งเรียกหน้าต่างของระบบขึ้นมาแล้วเหลือบดูเวลานิดหน่อยก็เห็นว่าน่าจะออกจากเกมได้แล้ว

     

    สองพี่น้องล่ำลาปนก่นด่า(แน่นอนว่าอันหลังเฉพาะคิมหันต์) ก่อนจะออฟไลน์ออกไปทิ้งให้ไอ้ปิศาจหน้าระรื่นไว้คนเดียว

     

    “...ฮืม...ว่างจังน้า~”เด็กหนุ่มผมดำบ่นขึ้นมาเบาๆ

     

    “ทำอะไรดีน้อ...”เด็กหนุ่มเปิดหน้าต่างแผนที่ขึ้นมาดูอย่างคิดไม่ตก ปลายนิ้วไล่ไปตามส่วนต่างๆของแผนที่อย่างครุ่นคิด

     

    แผนที่ของเกาะพยัคฆ์ขาวมีโครงสร้างที่ค่อนข้างเรียบง่าย เมืองหลักอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยพื้นที่ต่างๆแบ่งออกเป็นหกส่วน

     

    ทุ่งหญ้ากระต่ายลายเสือ ทะเลทรายพยัคฆ์ ป่าอสูร แดนพยัคฆ์ปิศาจ ถ้ำพยัคฆ์อสูร และ...น้ำตกไร้นาม...เมื่อไล่มาถึงส่วนสุดท้าย ดวงตาสีนิลก็เปล่งประกายระยับพร้อมๆกับเรียวปากสวยที่คลี่ออกเป็นรอยยิ้ม

     

    อืม...น้ำตกนี่น่าสนแฮะ

     

    มือเรียวเลื่อนไปแตะเบาๆที่กำลังขยับยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

     

    ตัดสินใจแล้ว...ตำนานอีกหน้าจะเริ่มขึ้นที่น้ำตกไร้นามนี่แหละ...


    .....................................................

     

    ก็กะจะให้เป็นอย่างนั้นอยู่หรอกนะ...แต่ว่า...

     

    ...ไม่มีอารมณ์ฟ่ะ...

     

    รู้อะไรไหม...พระเจ้าน่ะ...ลำเอียงเสมอ...คนธรรมดาพยายามแทบทั้งชีวิต...แต่ไม่อาจเทียบเท่ากับผู้เป็นที่รักของพระองค์ได้...กำแพงของคำว่าพรสวรรค์...คนธรรมดาเพียรพยายามไปชั่วชีวิต...ก็ไม่มีทางจะก้าวข้ามไป...

     

    บางทีเขาก็เคยคิดนะ....ว่าโลกนี้มันน่าเบื่อสิ้นดี...

               

    เด็กหนุ่มผมดำเอนกายลงกับต้นไม้ใหญ่ริมน้ำตกไร้นาม...พิศมองสายน้ำเชี่ยวกรากที่ร่วงหล่นจากผาสูงลงสู่ธารน้ำเบื้องล่าง

     

    มือเรียวเลื่อนไล้ไปตามผิวโลหะเย็นเยียบของอาวุธคู่กาย ไม่นานนักดวงตาเรียวคมสีนิลก็หลับพริ้มลง เด็กหนุ่มร่างโปร่งสูดกลิ่นของป่าเข้าไปเต็มปอด...และเงี่ยหูฟังเสียงของน้ำตกที่หล่นลงกระทบน้ำ คลอเคลียไปกับเสียงสายลมที่หวีดหวิว...กำเนิดเป็นท่วงทำนองที่เศร้าสร้อยอย่างน่าประหลาด...

               

    ท่าทาง...จะเป็นเอามาก...รัตติรำพึงกับตัวเองเบาๆ

     

    ไอ้แบบนี้สินะ...ที่คนเค้าเรียกกันว่า...เฟล = =

     

    เขาเป็นคนที่ชอบอะไรน่าตื่นเต้น...ก็ยอมรับนะว่าเกมๆนี้มีเรื่องแปลกมาให้รู้สึกสนุกได้เสมอ...แต่ว่า...อะไรที่มันง่ายเกินไปมันน่าเบื่อชะมัด...ไอ้ปิศาจที่ไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีคร่ำครวญอย่างคนนอยจัดได้ซักพัก ก็จัดการติดต่อหาใครซักคนที่พอจะช่วยแก้เบื่อได้

     

    ...ตื้ด...

     

    เสียงสุดจะเบสิคดังลอดออกมาจากหน้าต่างสื่อสาร บ่งบอกว่ากำลังเชื่อมต่อสัญญาณถึงปลายสาย เด็กหนุ่มผมดำส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างหงุดหงิด และแน่นอนว่าในทันทีที่อีกฝ่ายรับสายน้ำเสียงสุดจะนอยก็กรอกลงไปอย่างไม่รอช้า

     

    “ไอ้~ทิว~

     

    ...หลอนสรัด...

     

    “มีอะไร?”แต่กับคนที่มีภูมิต้านทานดีอย่างทิวา เหมือนจะเจอบ่อยจนชิน...ชินชาและชาชินจนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าปลงตก...

     

    “เบื่อ~แล้ว~อ่า~

     

    ...หลอนได้คงเส้นคงวาจริงๆ...

     

    “เบื่ออะไรของแกฟร่ะ!!

     

    “เวลขึ้นง่ายไป...ของหาง่ายไป...เควสก็กวน...เซ็งว่ะ...”

     

    “อ้อเหรอ...”ทิวารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าคิ้วของตนกระตุกกึกๆขณะพยายามเค้นเสียงตอบจากลำคอ แม้จะปลงตกกับความอาร์ตไม่รู้จักเวลาเวลาของอีกฝ่ายดี แต่ดูเหมือนว่า...ครั้งนี้จะท่าทางเป็นเอามาก

     

    “เบื่อจริงๆนะเนี่ย...”ทิวาฟังเสียโอดครวญของเพื่อนสนิทก่อนจะโคลงหัวอย่างเซ็งๆ

     

    ...ไอ้อาร์ตตัวพ่อเอ๊ย!!

     

    ไม่นานนักหลังจากกวาดสายมองไปรอบตัวเขาก็พบกับอะไรบางอย่าง...ที่ท่าทาง...จะแก้ความอาร์ตได้ชะงัดนัก...รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นที่มุมปากของเด็กหนุ่ม

     

    “ฉันว่า...ฉันเจออะไรที่จะทำให้แกหายเฟลได้แล้วว่ะ...”











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×