คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ก็บอกแล้วว่ามันโกง (100%)
ตำนานหน้าที่ 14 ก็บอกแล้วว่ามันโกง
“...”
“...”
“ถ้าจำไม่ผิด...”คิมหันต์เกริ่นด้วยเสียงไม่ค่อยแน่ใจนัก ควงตาสีมรกตหรี่ลงอย่างครุ่นคิด ใบหน้าคมฉายแววไม่แน่ใจอยู่เต็มเปี่ยม
“ครับ?”รัตติเอียงคอแอ๊บไร้เดียงสาพร้อมกับถามด้วยเสียงใสซื่อ
“แกเป็นนักปรุงยาไม่ใช่รึไงห๊า~!!!”หนุ่มผมเขียวตะคอกพร้อมกับเขย่าคู่สนทนาจนหัวสั่นหัวคลอน เด็กหนุ่มผมดำที่ถูกเขย่าจนมึนแต่ก็ยังรักษารอยยิ้มกวนประสาทไว้อย่างเหนียวแน่น
รอจนคิมหันต์เลิกเขย่ารัตติถึงกระแอมไออย่างวางมาด
“อะแฮ่ม! ศาสตร์ว่าด้วยจรรยาบรรนักปรุงยาข้อที่หนึ่ง...”
“เราคืออาชีพที่โกงที่สุดในปฐพี!!”ผลัวะ! ทันทีที่จบคำฝ่ามือพิฆาตก็ตบพลั่กลงกลางหัวคนท่ามาก รัตติหันมาค้อนควับใส่คนตบมาไม่ยั้งมือ แต่พอเหมันต์เงื้อมืออีกรอบ ปิศาจน้อยที่แหลได้ยิ่งกว่าปลาไหลในนำมันพืชก็ต้องย่นคอ แต่ก็ยังไม่วาย บ่นอุบอิบ
“...ก็มันจริง...”
...หือ?
“ครับๆ”รัตติชูมือขึ้นอย่างยอมแพ้
“อาชีพนักปรุงยาของผมน่ะ จัดอยู่ระหว่างสายโจมตีกับสายผลิต สกิลมีน้อยกว่าอาชีพอื่นก็จริงแต่ก็พิเศษกว่ามาก อย่างสกิลโจมตีที่มีอยู่ อานุภาพก็ไม่ได้อยู่ที่ค่า int ค่า str พลังโจมตี หรือพลังโจมตีเวทย์ แต่มันขึ้นอยู่กับชนิดยาพิษที่ใช้”คิมหันต์อ้าปากค้าง ขณะที่เหมันต์เหวออย่างเก็บอาการ
หมายความว่า...ถ้าใช้ยาพิษแรงๆหน่อย เจอพวกบอสระดับ 100 ก็ยังไม่หวั่นน่ะสิ!?
“โกงโคตร...”เหมันต์พึมพำ
“ใช่มั๊ยล่ะ!”รัตติรับพร้อมกับหัวเราะ
“แต่แบบนั้นมันก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่มียาพิษที่แรงพอ สเตตัสดีขนาดไหนก็ช่วยอะไรไม่ได้”ว่าแล้วเด็กหนุ่มผมดำก็ไหวไหล่ด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท
“แต่มันไม่มีปัญหาอะไรกับผมที่มีเจ็ดเปลี่ยนแถมด้วยเกราะดีๆแบบนี้นี่นา~”
“ลัลล้า~”นักปรุงยาหนึ่งเดียวแห่ง The Kingdom ผิวปากอย่างสบายอารมณ์ ขณะยกค้อนอันใหญ่ทุบป๊อกๆแป๊กๆใส่เครื่องรางอันมีค่ายิ่งของเหมันต์ ทุบไปได้สามนาที พี่แกก็จัดการตั้งหม้อปรุงยา หยิบของอะไรบางอย่างใส่หม้อ
น้ำในหม้อเปลี่ยนสีไปๆมาๆอย่างไม่น่าไว้ใจจนสุดท้ายก็กลายเป็นสีใสๆเหมือนน้ำเปล่า รัตติก้มลงมือน้ำสีใสๆ (แต่ก็ยังไม่น่าไว้ใจอยู่ดี...)ในหม้ออย่างพอใจแล้วจึงยื่นมือมาขอวิหคเพลิงเหมันต์จากเจ้าของ เหมันต์หรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะปลดอาวุธคู่กายไปให้อย่าง...อืม...เรียกว่าอะไรดี...?
.
.
.
ลังเลสุดๆ - -
“ส่งมาซะทีสิครับ ไม่ไว้ใจผมรึไงล่ะ!?”...ก็เออน่ะเซ่!!
เหมันต์แยกเขี้ยวอวดฟันสวยเรียงรายเป็นระเบียบแล้วตัดสินใจรั้งมือตัวเองไว้ เตรียมจะเอาดาบเก็บ แต่รัตติไวกว่า เด็กหนุ่มคว้าปลายดาบไว้ได้อย่างรวดเร็วแถมยังเกาะแน่นไม่ยอมปล่อย
หลังจากตบตีแย่งกันสักพัก คนที่ชนะคือเด็กหนุ่มผมดำ ไม่ใช่เพราะแรงเยอะกว่าหรืออะไร หรอกนะ แต่แย่งกันไปแย่งกันมาดาบก็หลุดมือลอยหวือลงหม้อพอดี...ให้มันได้อย่างนี้สิ!
“...”เหมันต์ทำหน้าหมดอาลัยตายอยากขณะมองดูดาบด้ามสวยจมลงไปช้าๆ...
ผิวน้ำกระเพื่อมเป็นวงขณะที่ดาบค่อยๆจมลง...จมลง...
...จบกัน...
ขึ้นชื่อว่านักดาบก็ต้องเห็นดาบสำคัญมาก...มากและมาก ดังนั้นเมื่อเห็นอาวุธคู่มือค่อยๆจมลงไปแบบนี้ ต่อให้เป็นเหมันต์ก็ต้องช็อค...ด้วยความเสียศูนย์อย่างแรงร่างโปร่งเอื้อมมือไปเกาะชายเสื้อของพี่ชายแน่นก่อนจะเริ่มส่งเสียงกระซิกๆน่าสงสาร
“เหมันต์อ่ะ!”เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นท่าทางใจสลายของอีกฝ่าย
“ซิก...ซิก...”
ชริ! รัตติชักสีหน้าขัดใจก่อนจะโยนตำราแปรธาตุลงไปในหม้อต้มโดยไม่สนสายตาเจ็บปวดของคิมหันต์
...เล่มนั้นน่ะ...หลายตังนะ...คนผมเขียวอ้าปากค้างมองดูหนังสือราคาเหยียบสิบล้านนั้นที่จมลงไป ก่อนจะมีรีแอคชั่นเดียวกันกับน้องฝาแฝด...
“ซิก..ซิก...”...ผมเชื่อแล้วว่าพวกคุณเป็นฝาแฝดกัน!!!! รัตติเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันขณะโยนสมุนไพรอีกสองสามอย่างลงไปในหม้อ
และ...
บรึ้ม!!!!!
เหมันต์เกือบจะรองกรี๊ด(!?) ขณะที่คิมหันต์...
“ไม่นะ อ๊ากกกกกกก!!!!! Shit!! My Money!!” กรีดร้องออกมาแล้ว!!! เด็กหนุ่มผมเขียวทำท่าเหมือนโลกจะถล่มลงมาตรงหน้า มองหม้อบุบๆบี้ๆของรัตติไปน้ำตาก็ไหลพรากไป
...หนังสือแปรธาตุ...
...เงิน...
...หนังสือแปรธาตุ...
...เงิน...
...หนังสือแปรธาตุ...
...เงิน...
...เงิน...
...เงิน...
...เงิน...
...เงิน...
จบสิ้นแล้วชีวิตฉัน...
(ไอ้คำว่าหนังสือแปราตุมันหลุดไปตอนไหนแล้วหว่า...)
“รัตติ แก๊~~~!!!!!”
“อ๋า...ขอโทษๆ ขัดข้องทางเทคนิคนิดหน่อยน่ะครับ...”
“รัตติ....แก...ตายไปซะเถอะ!! ตายย~~~~!!!!!!!!!”ยันต์เวทย์สารพัดสีถูกเรียกขึ้นมาบนมือของเด็กหนุ่ม ทำเอาคนต้องกลายเป็นเป้าแอบกลืนน้ำลาย
“โวๆๆ คิมหันต์ใจเย็น”รัตติฉีกยิ้มกลบเกลื่อนความผิดขณะส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังอีกคน
เอ่อ...แหม...อย่าหักนิ้วเล่นอย่างนั้นสิ เหมันต์ล่ะก็...!!
รัตติก้าวถอยหลังไปสองก้าว แล้วก็กลับตัวเผ่นหนีอย่างไม่เหลียวหลัง
“แกคิดว่าจะหนีรอดเรอะ! ฝันไปเถอะ!!!”คิมหันต์ว่าพลางปายันเข้าใส่
“แว้ก!! คิมหันต์! มันอันตรายนะ!”แน่นอนว่ารัตติที่ไวยิ่งกว่าลิงกะอีแค่ยันต์แผ่นเดียวน่ะเบๆ แต่...พี่ล่อมาเป็นสิบแบบนี้มหาเทพที่ไหนก็หลบไม่ได้หรอกนะคร้าบบบ
สมองของเด็กหนุ่มปั่นเร็วจี๋คิดหาวิธีรับมือสองจอมมารที่เริ่มจะคลั่ง คนนึงเพราะอาวุธเจ๊งไม่เป็นท่าไม่รู้ป่านนี้สภาพเป็นยังไง ส่วนอีกคนนี่ไม่แน่ใจ...แต่ต้องเกี่ยวข้องกับราคาของไอ้เล่มที่เขาหย่อนลงไปต้มนั่นแหงๆ
“...ค....ด...”ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มผมดำชะงักไปครู่หนึ่งขณะที่หูแว่วเสียงของอะไรบางอย่างที่รู้สึกคุ้นเคย ส่งผลให้จังหวะในการหลบหลีกชะงักไปเล็กน้อย
“ที่หยุดนี่แกเตรียมใจตายได้แล้วสินะ!??”คิมหันต์ตะโกนถามเสียงเหี้ยมขณะกระชับแผ่นยันต์ทั้งปึกในมือมั่น ใบหน้าคมฉาบไว้ด้วยไออำมหิตบางๆ มือเรียวสะบัดอย่างคล่องแคล่วส่งแผ่นกระดาษอาคมไปยังเป้าหมาย
เปรี้ยง!!!!
เยอะขนาดนี้ ต่อให้เป็นเทพมาจากไหนก็เถอะ...ไม่ตายก็ใกล้เดี้ยงล่ะฟะ!! เด็กหนุ่มผมเขียวกระตุกยิ้มจิตขณะที่รอชมสภาพร่อแร่ของเพื่อนร่วมปาร์ตี้ แต่ว่ามันก็...
“ขออภัยที่ต้องแจ้งให้ทราบ แต่ผู้เล่นที่อยู่ปาร์ตี้เดียวกันไม่สามารถโจมตีกันได้ค่ะ...”อืมถึงว่าเสียงคุ้นๆ เสียงจากระบบนี่เอง รัตติพยักหน้าด้วยท่าทางแบบชิลๆพลางปัดๆฝุ่นผงที่ติดอยู่ตามเนื้อตัวเสื้อผ้าออกด้วยท่าทางที่ชิลยิ่งกว่า
ท่าทีแบบนั้นทำให้คิมหันต์ชักสีหน้าหงุดหงิด เหมันต์ส่ายหัวอย่างระอาใจขณะมองพี่ชายฝาแฝดทำตัวเหมือนหมาบ้า คนใจเย็นก็คือคนใจเย็น...เหมันต์นึกถึงข้อจำกัดนี้ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เงื้อดาบขึ้น แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง ตัวเอก...และตัวประกอบได้เป็นอย่างดี...
(หมายความว่าไงที่ว่าตัวประกอบน่ะฮะ!!!)
อืม...วันนี้อากาศดี...
(เฮ้ย!! แกอย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะเฟ้ย!!)
“...เนื่องจากทางระบบเห็นว่าการทะเลาะปัญญาอ่อนเมื่อครู่ส่งผลเสียต่อระบบนิเวศ และทิวทัศน์อันสวยงาม รวมถึงการสิ้นเปลืองพลังงาน และยาแก้ไมเกรนของพนักงาน ดังนั้นขอลงโทษด้วยการลดค่าชื่อเสียงผู้เล่นทั้งปาร์ตี้คนละ 100 แต้ม...”เสียงหลอกๆหลอนๆของระบบดังขึ้นอีกครั้งทำให้คิมหันต์หลุดจากวังวนเรื่องตัวเอกกับตัวประกอบได้ในที่สุด
“...นี่ตกลงชีวิตฉันจะไม่เจออะไรดีๆแล้วใช่ไหมเนี่ย?”
.....................................................
“ฮะฮะฮะ ตกใจหมดเลยเนอะตอนที่ดาบมันระเบิดน่ะ ที่แท้เป็นแค่เอฟเฟคในการอัพเกรดเท่านั้นเองสินะ”เสียงเอ่ยกลั้วหัวเราะดังขึ้นจากเด็กหนุ่มผมดำหน้าตาดูหล่อร้ายติดจะเจ้าเล่ห์เล็กๆเรียกความสนใจจากลูกค้าในร้านอาวุธได้ส่วนหนึ่ง
ก็อย่างว่าน่ะนะ...มีอาวุธระดับสูงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่สารมารถอัพเกรดได้...
“เหอะ...ฉันสิหัวใจจะวาย นึกว่าหนังสือแปรธาตุจะกลายเป็นฝุ่นไปฟรีๆ”เสียงบ่นอย่างเซ็งๆของหนุ่มผมเขียวคนข้างๆก็ยิ่งทำให้ความสนใจมากขึ้นอีก
ก็เพราะเควสหนังสือแปรธาตุน่ะ...ยากบรรลัยซะไม่มี...
“...”คนเงียบก็ยังเงียบได้เสมอต้นเสมอปลาย ดวงตาสีสวยปรายมองอาวุธคู่ใจที่ตอนนี้ขนาดเล็กลงไปมากแต่น้ำหนักกลับเพิ่มขึ้น...
ดาบสองคมสีฟ้าที่ดูเหมือนไม่คมทั้งยังมีรอยบิ่นมากมายบนตัวดาบ มันคงจะดูไม่สะดุดตาเลยหากกั่นดาบไม่ได้ทำจากลาพิสราชูรี่อัญมณีสีน้ำทะเลที่มีคุณสมบัติในการรองรับธาตุน้ำลาตุลม แถมยังดรอปจากสัตว์อสูรระดับราชาสายภูติเท่านั้นด้วย!
สามคนนี้ไม่ธรรมดา...แต่ก็เท่านั้นล่ะ...เรื่องปกติ...ถึงนานๆจะมีมาซักที แต่ก็ใช่ว่าไม่เคยมี...
“ปลอกดาบครับ คุณเหมันต์”
กะอีแค่ปลอกดาบธรรมดาๆ ทำไมต้องถ่อมาถึงพยัคฆ์ขาวด้วยก็ไม่รู้...รัตติคิดพลางยักไหล่น้อยๆ มองดูคนไม่ค่อยพูดเก็บดาบลงปลอกด้วยสายตาเรียบเฉย
“ไม่ใช่แค่ปลอกดาบธรรมดาหรอก...”เหมันต์พูดขึ้นลอยๆเหมือนจะเดาสีหน้าของอีกฝ่ายได้ ร่างโปร่งเรียกหน้าต่างของระบบขึ้นมาแล้วเหลือบดูเวลานิดหน่อยก็เห็นว่าน่าจะออกจากเกมได้แล้ว
สองพี่น้องล่ำลาปนก่นด่า(แน่นอนว่าอันหลังเฉพาะคิมหันต์) ก่อนจะออฟไลน์ออกไปทิ้งให้ไอ้ปิศาจหน้าระรื่นไว้คนเดียว
“...ฮืม...ว่างจังน้า~”เด็กหนุ่มผมดำบ่นขึ้นมาเบาๆ
“ทำอะไรดีน้อ...”เด็กหนุ่มเปิดหน้าต่างแผนที่ขึ้นมาดูอย่างคิดไม่ตก ปลายนิ้วไล่ไปตามส่วนต่างๆของแผนที่อย่างครุ่นคิด
แผนที่ของเกาะพยัคฆ์ขาวมีโครงสร้างที่ค่อนข้างเรียบง่าย เมืองหลักอยู่ตรงกลาง รายล้อมด้วยพื้นที่ต่างๆแบ่งออกเป็นหกส่วน
ทุ่งหญ้ากระต่ายลายเสือ ทะเลทรายพยัคฆ์ ป่าอสูร แดนพยัคฆ์ปิศาจ ถ้ำพยัคฆ์อสูร และ...น้ำตกไร้นาม...เมื่อไล่มาถึงส่วนสุดท้าย ดวงตาสีนิลก็เปล่งประกายระยับพร้อมๆกับเรียวปากสวยที่คลี่ออกเป็นรอยยิ้ม
อืม...น้ำตกนี่น่าสนแฮะ
มือเรียวเลื่อนไปแตะเบาๆที่กำลังขยับยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
ตัดสินใจแล้ว...ตำนานอีกหน้าจะเริ่มขึ้นที่น้ำตกไร้นามนี่แหละ...
ก็กะจะให้เป็นอย่างนั้นอยู่หรอกนะ...แต่ว่า...
...ไม่มีอารมณ์ฟ่ะ...
รู้อะไรไหม...พระเจ้าน่ะ...ลำเอียงเสมอ...คนธรรมดาพยายามแทบทั้งชีวิต...แต่ไม่อาจเทียบเท่ากับผู้เป็นที่รักของพระองค์ได้...กำแพงของคำว่าพรสวรรค์...คนธรรมดาเพียรพยายามไปชั่วชีวิต...ก็ไม่มีทางจะก้าวข้ามไป...
บางทีเขาก็เคยคิดนะ....ว่าโลกนี้มันน่าเบื่อสิ้นดี...
เด็กหนุ่มผมดำเอนกายลงกับต้นไม้ใหญ่ริมน้ำตกไร้นาม...พิศมองสายน้ำเชี่ยวกรากที่ร่วงหล่นจากผาสูงลงสู่ธารน้ำเบื้องล่าง
มือเรียวเลื่อนไล้ไปตามผิวโลหะเย็นเยียบของอาวุธคู่กาย ไม่นานนักดวงตาเรียวคมสีนิลก็หลับพริ้มลง เด็กหนุ่มร่างโปร่งสูดกลิ่นของป่าเข้าไปเต็มปอด...และเงี่ยหูฟังเสียงของน้ำตกที่หล่นลงกระทบน้ำ คลอเคลียไปกับเสียงสายลมที่หวีดหวิว...กำเนิดเป็นท่วงทำนองที่เศร้าสร้อยอย่างน่าประหลาด...
ท่าทาง...จะเป็นเอามาก...รัตติรำพึงกับตัวเองเบาๆ
ไอ้แบบนี้สินะ...ที่คนเค้าเรียกกันว่า...เฟล = =
เขาเป็นคนที่ชอบอะไรน่าตื่นเต้น...ก็ยอมรับนะว่าเกมๆนี้มีเรื่องแปลกมาให้รู้สึกสนุกได้เสมอ...แต่ว่า...อะไรที่มันง่ายเกินไปมันน่าเบื่อชะมัด...ไอ้ปิศาจที่ไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีคร่ำครวญอย่างคนนอยจัดได้ซักพัก ก็จัดการติดต่อหาใครซักคนที่พอจะช่วยแก้เบื่อได้
...ตื้ด...
เสียงสุดจะเบสิคดังลอดออกมาจากหน้าต่างสื่อสาร บ่งบอกว่ากำลังเชื่อมต่อสัญญาณถึงปลายสาย เด็กหนุ่มผมดำส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างหงุดหงิด และแน่นอนว่าในทันทีที่อีกฝ่ายรับสายน้ำเสียงสุดจะนอยก็กรอกลงไปอย่างไม่รอช้า
“ไอ้~ทิว~”
...หลอนสรัด...
“มีอะไร?”แต่กับคนที่มีภูมิต้านทานดีอย่างทิวา เหมือนจะเจอบ่อยจนชิน...ชินชาและชาชินจนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าปลงตก...
“เบื่อ~แล้ว~อ่า~”
...หลอนได้คงเส้นคงวาจริงๆ...
“เบื่ออะไรของแกฟร่ะ!!”
“เวลขึ้นง่ายไป...ของหาง่ายไป...เควสก็กวน...เซ็งว่ะ...”
“อ้อเหรอ...”ทิวารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าคิ้วของตนกระตุกกึกๆขณะพยายามเค้นเสียงตอบจากลำคอ แม้จะปลงตกกับความอาร์ตไม่รู้จักเวลาเวลาของอีกฝ่ายดี แต่ดูเหมือนว่า...ครั้งนี้จะท่าทางเป็นเอามาก
“เบื่อจริงๆนะเนี่ย...”ทิวาฟังเสียโอดครวญของเพื่อนสนิทก่อนจะโคลงหัวอย่างเซ็งๆ
...ไอ้อาร์ตตัวพ่อเอ๊ย!!
ไม่นานนักหลังจากกวาดสายมองไปรอบตัวเขาก็พบกับอะไรบางอย่าง...ที่ท่าทาง...จะแก้ความอาร์ตได้ชะงัดนัก...รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นที่มุมปากของเด็กหนุ่ม
“ฉันว่า...ฉันเจออะไรที่จะทำให้แกหายเฟลได้แล้วว่ะ...”
ความคิดเห็น