คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทนำ (3)
“หานี่อยู่หรือเปล่า”
อนินทิตาหันขวับ แล้วก็พบว่าของที่หาอยู่นานบัดนี้อยู่ในมือรามเสียแล้ว...เขาเอาไปตั้งแต่ตอนไหนกัน
“นี่คุณ” เธอพยายามคว้ามันคืนมา แต่รามเอาหลบไว้ได้อย่างรวดเร็วแล้วยัดมันใส่กระเป๋ากางเกงยีนของตัวเอง
“ถ้าอยากได้ก็มาเช็ดตัวเอาคราบเลือดพวกนี้ออกให้หน่อย ผมเหนื่อย อาบน้ำไม่ไหวหรอก”
“ว่าไงนะ!”
“จะให้พูดซ้ำไหม” เขาถามทั้งที่ยังนอนอยู่อย่างนั้น ทำราวกับมองเห็นทั้งที่ก็นอนหลับตาอยู่แท้ๆ
นักจิตวิทยาอาชญากรสาวหรี่ตามองผู้ชายที่นอนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาไม่ไว้ใจ เธอทำงานมาก็เยอะ เจอคนมาก็มาก แต่ไม่เคยเจอใครประหลาดและรู้ทันเธอเท่ารามมาก่อน
“คุณไม่เข้าใจอะไรเลยใช่ไหม ฉันไม่รู้จักคุณไปมากกว่ารู้ว่าคุณชื่อราม เราไม่ใช่คนรู้จักกันด้วยซ้ำ คุณจะมาทำตัวเอาแต่ใจที่บ้านของฉันไม่ได้”
“ผมชื่อราม”
“แต่...”
“นามสกุลผมคือรามิเรซ” เขาตอบกวนๆ และ...นอนต่อ
ความหน้าด้านระดับสิบเต็มสิบของเขาทำให้อนินทิตาทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังโทรศัพท์บ้านที่อยู่ห่างจากเดย์เบดแค่เอื้อมมือเท่านั้น ทว่า...
“คิดให้ดีคนสวย” เสียงรามขู่มาอีกแล้ว และไม่ได้มีแค่คำพูดอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเล็งปืนมาที่เธออีกด้วย
คนที่ห่วงตายศพไม่สวยยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดได้แต่กลืนน้ำลาย ใจหนึ่งนึกอย่างลองกล่อมเขา ลองเล่นเกมจิตวิทยากันสักรอบ แต่หลังจากพูดคุยด้วยกันมาสักระยะ เธอคิดว่าคนอย่างรามรู้ทันเธอแน่นอน ดังนั้นสิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือทำตามที่เขาบอกไปก่อนแล้วกัน
ทั้งที่เป็นวันหยุดสิ้นปี แต่กลับมีงานล้นมือเสียจนไม่ได้หยุดอย่างคนอื่นเขา ต้องขับรถกลับบ้านท่ามกลางการเฉลิมฉลองขึ้นปีใหม่ของผู้คนรอบข้างแค่นี้ก็หนักหนาสาหัสพอแล้วสำหรับอนินทิตา แต่วันนี้ไม่ใช่วันของเธอ เพราะนอกจากจะต้องเผชิญกับงานที่หนักหน่วงมาตลอดทั้งวันแล้ว เธอยังต้องมาเผชิญคนบ้าที่รู้ทันเธอทุกอย่าง ทำเอาเธอแทบประสาทเสียทั้งที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงชั่วโมง
อนินทิตาเป็นผู้หญิงแปลกคนหนึ่ง เธอมักทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง อย่างเช่นเคยเห็นผู้ชายถูกยิงบาดเจ็บจนเกือบตายถูกทิ้งไว้กลางทะเลทรายเนเวดาและช่วยชีวิตมาแล้ว จนตอนหลัง สเปนเซอร์ ไวด์ มาช่วยเธอทำงาน ฝีมือเขาใช้ได้ ท่าทางผ่านงานบอดีการ์ดหรือไม่ก็งานลับมาอย่างโชกโชน เธอเสียดายฝีมือเขา พยายามเสนอให้เขามาทดสอบที่สำนักงานของเธอ แต่เขากลับปฏิเสธแล้วก็หายไปราวกับไม่มีตัวตน
ดังนั้นตัดเรื่องกลัวคนแปลกหน้าไปได้เลย เธอไม่เคยมีปัญหากับการรับมือคนแปลกหน้า แต่กับรามนั้นต่างไป เขาไม่ได้มีท่าทางลึกลับอันตรายอย่างสเปนเซอร์ แต่กลับกวนโทสะ ยั่วให้หมดความอดทนและเผยตัวตนออกมาทีละนิด ไม่แสดงท่าทีเอาแต่ใจ ไม่ขึงตาวางอำนาจแบบที่พวกผู้ชายทั่วไปชอบทำกัน แต่น้ำเสียงเรียบเรื่อย รอยยิ้มหวานขัดกับดวงตาวาววับคู่นั้นต่างหากที่ทำให้คนถูกมองหายใจไม่ทั่วท้อง ราวกับว่าภายใต้ท่าทางสบายๆ เหมือนสายลมเย็นๆ พัดผ่านนั้นซ่อนอะไรไว้มากมายเสียจนเธอเองยังมองไม่ออก แล้วจะไม่ให้กลัวได้อย่างไร
สาวเจ้าของบ้านเดินออกมาจากห้องน้ำ ในมือถือภาชนะใส่น้ำอุ่นและผ้าขนหนูสะอาด ทว่าตากลับลอบมองเขาอย่างระแวดระวังตลอดเวลา จนกระทั่งเดินมาใกล้ๆ แต่รามก็ยังไม่ขยับ เขาทำเหมือนหลับจริงๆ แต่กลับทำให้คนมองคิดระแวงไปได้ต่างๆ นานา
จะมีคนประหลาดสักกี่คนกันที่มีบุคลิกแบบนี้...
ขณะค่อยๆ เช็ดตัวให้เขา นักจิตวิทยาอาชญากรสาวก็ลอบสำรวจผู้ชายตรงหน้าด้วยความสนใจ เท่าที่จำได้...ตอนเจอกันครั้งแรก ราม รามิเรซ มีบุคลิกหลุกหลิก ทั้งยังดูผอมเก้งก้าง แต่งกายด้วยเสื้อผ้ามอซอต่างกับ เชสก์ อะลอนโซ ซีอีโอบริษัทข้ามชาติที่หล่อรวย แต่งกายเนี้ยบไปทุกกระเบียด
สาบานได้เลยว่าเธอไม่มีเจตนา ‘ลวนลาม’ คนเจ็บด้วยสายตาเลยสักนิด แต่การมีผู้ชายมานอนเปลือยอกอยู่ในบ้าน จะไม่ดูก็กระไรอยู่
ดวงตากลมโตไล่มองตั้งแต่ใบหน้าคมเข้มที่ยังมีรอยเลือดเปื้อนอยู่เล็กน้อย ถือโอกาสมองขนตาดกหนายาวงอนเสียจนผู้หญิงอย่างเธอยังอาย นึกสงสัยว่าแอบติดขนตาปัดมาสคารามาหรือเปล่า จนมีความคิดอยากกระชากขนตาเขาออกแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้ แต่คิดไปคิดมา...อย่าดีกว่า เธอยังไม่อยากตายทั้งที่ตัวยังมีกลิ่นคาวเลือดอย่างนี้
“ราม” เธอลองกระซิบเบาๆ ทดสอบว่าเขาหลับจริงหรือไม่ แต่เขาก็ยังเงียบ ไร้สัญญาณตอบรับใดๆ
แต่เธอไม่เชื่อ...
ไม่กี่ชั่วโมงที่เจอกันแต่ถูกเขาดักทางเธอได้ทุกอย่างล้วนเป็นประสบการณ์ไม่ให้เธอเชื่อคนมากเล่ห์ตรงหน้า จึงลองโบกมือตรงหน้าเขา ยิ่งเขาเงียบ เธอก็ยิ่งชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วลองเรียกอีกครั้ง
“ราม คุณหลับจริงๆ หรือ...ว้าย!”
“ราม คุณหลับจริงๆ หรือ...ว้าย!” อนินทิตาร้องเสียงหลง ยังถามไม่ทันจบก็ถูกคนมือไวกดท้ายทอยให้ก้มลงไปหาแล้วจูบเธอ
ทำเอาหญิงสาวลืมตาโพลง ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ปล่อยให้คนบ้าฉวยโอกาสกดจูบลงแนบแน่นยิ่งขึ้น
มืออีกข้างของเขาเลื่อนไล้ไปตามสีข้างเบาๆ พอเธอตั้งสติได้ก็ผลักอกเขาเต็มแรงจนพ้นมือเขาได้ในที่สุด
“ทำบ้าอะไรน่ะ!” เจ้าของบ้านลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วขึงตาใส่คนที่ยังนอนหนุนแขนตัวเองด้วยท่าทางสบายๆ
แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“ก็คุณแอบมองผมตั้งนาน
แถมยื่นหน้ามาใกล้ๆ อีก ก็คิดว่าอยากจูบน่ะสิ”
“ฉันแค่อยากรู้ว่าคุณหลับไปแล้วหรือยัง”
“จะขโมยโทรศัพท์หรือ”
คิ้วเข้มเหนือดวงตาคมดุเลิกขึ้นเล็กน้อยด้วยท่าทางกวนประสาท
สายตาเป็นประกายแพรวพราวของเขาทำเอาอนินทิตาเย็นสันหลังวาบ
เธอไม่ตอบ แต่เดินเลี่ยงออกไปอีกทาง
“จะไปไหนล่ะ
ยังไม่เช็ดตัวให้ผมเลยนะ”
“ออกไปจากบ้านฉันเดียวนี้”
เจ้าของบ้านทำเสียงดุ พอกันที...เธอทนให้เขาอยู่ในบ้านไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
ทั้งที่ถูกไล่แทบจะทุกห้านาที แต่รามก็ยังคงความหน้าหนาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
เขาทำไม่รู้ไม่ชี้ นอนผิวปากสบายๆ แต่กลับเอื้อมมือไปคว้าปืนมาถือไว้เสียอย่างนั้น
“ขอนอนที่นี่สักคืนแล้วกัน”
“ฉันจะแจ้งความ”
“คิดว่าทำได้หรือ”
สาวเจ้าของบ้านลอบมองอาวุธในมือรามแล้วก็กลืนน้ำลายฝืดคอ
รามหัวเราะหึๆ ก่อนจะผิวปากเป็นทำนองกวนประสาท
และยังคงยึดเดย์เบดภายในห้องนั่งเล่นของเธอเป็นของตัวเอง
อนินทิตาไม่ทนอีกแล้ว
ในเมื่ออยากยึดโทรศัพท์เธอก็ยึดไป แต่กุญแจรถยังอยู่
เธอมองผู้บุกรุกหน้าหนาด้วยสายตาอาฆาต แล้วเดินผ่านหน้าเขาไปหยิบกุญแจรถ
น่าแปลกที่คราวนี้เขาไม่ห้ามเธอ ทั้งยังยิ้มให้อีกด้วย
นี่สรุปใครเป็นเจ้าของบ้านกันแน่
สาวเจ้าของบ้านตัวจริงคิดอย่างกรุ่นๆ
เดินกระแทกเท้าไปที่ประตูแล้วชะงักเล็กน้อย รอฟังว่ารามจะห้ามเธอหรือไม่
แต่เขาก็ยังเงียบ ทั้งๆ ที่ยึดมือถือเธอไป แต่กลับปล่อยเธอเดินออกนอกบ้านเนี่ยนะ
ไม่กลัวเธอไปแจ้งความให้ตำรวจลากคอเขาเข้าคุกหรือ
อนินทิตาขมวดคิ้ว
หันกลับมามองรามก็พบว่าเขาปลดล็อกสมาร์ตโฟนของเธอได้ ทั้งยังนอนเล่นเกมหน้าตาเฉย
นี่มันจะเกินไปแล้ว!
หญิงสาวเปิดประตูบ้านแล้วก้าวออกไปด้วยอารมณ์กรุ่นๆ
แต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นว่าหน้าบ้านยังมีผู้ชายชุดดำท่าทางไม่น่าไว้ใจสองคนเดินป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ห่างจากบ้านของเธอ
และที่สำคัญ...กำลังจะหันมาอีกด้วย
ไม่ต้องรอให้ใครบอก
อนินทิตาก็รีบถอยหลังกลับเข้าบ้าน
ปิดประตูอย่างรวดเร็วแล้วหันกลับมามองคนเจ็บด้วยสายตาคาดคั้น
“คนพวกนั้นใคร”
“คนที่มีเรื่องกับผมไง”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ออกไป”
“ผมเจ็บอยู่” เขาตอบสั้นๆ
สายตาจดจ่อกับเกมในโทรศัพท์มือถือของเธอ
น้ำเสียงสบายๆ
ของหนุ่มมาดเข้มยั่วยุให้อนินทิตาหมดความอดทน
เธอก้าวพรวดเข้าไปหารามหมายจะเอาโทรศัพท์คืน แต่เขาก็เอาหลบไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังจับมือเธอไว้อีกด้วย
“ผมจะอยู่ที่นี่”
ไม่ใช่คำขออนุญาต แต่มันคือคำบอกเล่าด้วยสายตามุ่งมั่น บ่งบอกว่าเขาไม่ไปไหน
ปกติแล้วอนินทิตาไม่ใช่คนใจร้อน
การทำงานกับผู้ป่วยที่เป็นอาชญากรทำให้เธอเป็นคนใจเย็นและมีสติเสมอ แต่รามเป็นคนเดียวที่ทำให้ความอดทนเธอขาดสะบั้นลงทุกครั้งที่คุยกัน
มือเล็กกำแน่น
พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ลงมือกับเขา อย่างไรเสียเธอก็เป็นผู้หญิง
ส่วนเขาเป็นผู้ชายตัวสูงที่มีอาวุธในมือ สู้ไปมีแต่แพ้ ดีไม่ดีอาจตายศพไม่สวยอย่างที่กลัวมาตลอด
แต่รามกลับไม่ให้ความร่วมมือเลย ยิ่งเธอพยายามข่มใจ เขาก็ยิ่งยิ้มกวนตะกอนอารมณ์ของเธอให้ขุ่นเพิ่มขึ้นจนเธอทนไม่ไหวอีกแล้ว
อนินทิตาหันไปมองปืนที่เขาวางไว้ข้างตัวแล้วพุ่งตัวไปคว้ามันด้วยความเร็วที่มั่นใจว่ารามขัดขวางเธอไม่ทันแน่ๆ
แต่เขาก็ไวเหลือเชื่อ ทั้งที่นอนเจ็บ ทั้งยังเล่นโทรศัพท์อยู่แท้ๆ
แต่กลับคว้ามือเธอไว้ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังออกแรงบีบเสียจนอนินทิตาร้องเสียงหลง
“โอ๊ย!” เธอทิ้งปืนในมือทันทีเพราะทนความเจ็บไม่ไหว
ผู้ชายบ้าอะไรใจร้ายกับผู้หญิงสวยอย่างเธอได้ลงคอ
“เจ็บหรือคนดี”
หนุ่มมาดเข้มยังฉีกยิ้มกวนประสาท สุ้มเสียงดูใจดีมีเมตตา แต่ดวงตาวาววับเอาเรื่อง
“ผู้หญิงไม่ควรแตะอาวุธนะจ๊ะ”
“ปล่อยฉัน”
“เราคงคุยกันดีๆ ไม่ได้แล้วละ” รามบอกเสียงเหี้ยม
แล้วหยิบกุญแจมือจากกระเป๋ากางเกงยีนด้านหลังมาคล้องข้อมือของอนินทิตา
อีกข้างคล้องมือตัวเองไว้
“นี่!” หญิงสาวทำตาโต
มองกุญแจมือบนข้อมือสลับกับตัวต้นเรื่องแล้วก็อยากจะกรี๊ดใส่หน้าเขาเหลือเกิน
“ทำบ้าอะไรของคุณ!”
“เดี๋ยวคุณลอบทำร้ายตอนผมหลับ”
“ฉันไม่ได้พูดสักคำว่าจะให้อยู่
คุณต้องออกไปเดี๋ยว...”
“ก็ผมจะอยู่” รามทำเสียงรำคาญ
ขยี้หูตัวเองแรงๆ ปิดโสตประสาทไม่ยอมฟังสิ่งที่เธอพูด
ไม่มีแบบหนังสือนะคะ
เรื่องแสนรักซ่อนใจ (อัลเบอร์โตxหนูนา) มีวางขายแล้วค่า
E-book มาแล้ว จิ้มเลยยยย https://bit.ly/2DnWxc6
ความคิดเห็น