ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    World At War : Strike back ภาค2

    ลำดับตอนที่ #15 : สมรภูมิกรุงเทพฯ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 107
      5
      20 เม.ย. 61

    วันที่ 18 กุมภาพันธ์ กองทัพฮอรัสครอบครองเขตบางขุนเทียน เขตบางบอน เขตหนองแซมและเขตบางแค  

    มีการตั้งแนวรับตามแนวถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินไปถึงถนนสุขสวัสดิ์ที่องค์พระสมุทรเจดีย์

    แนวรบจากตอนเหนืออยู่ที่ถนนนครอินทร์ไปจนถึงถนนประเสริฐมนูกิจ

    ในกทม.ยังมีพลเรือนที่ยังไม่ได้อพยพถึง2ล้านคน ฉะนั้นการซื้อเวลาให้พลเรือนจึงเป็นกลายเป็นหน้าที่ของกองพลทหารราบที่9 ซึ่งถูกโยกย้ายให้มาเป็นกองกำลังตั้งรับแทนกองพลที่1รักษาพระองค์ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่พัทยา

    กองพลทหารราบที่9มีประสบการณ์การรบที่เขาชนไก่ซึ่งพวกเขาโดนล้อมอยู่บนเขานานถึง5วันจนกองทัพฟินแลนด์ที่กำลังถอยกลับท่าเรือได้เข้ามาช่วยตีฝ่าวงล้อม

    กองพลทหารราบที่9 บัญชาการโดยพลตรีปราโมทย์ จากกองกำลังความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

    วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ทหารจากกองพลที่9ตรึงกำลังเพื่อรอต้อนรับกองทัพฮอรัสที่กำลังเคลื่อนทัพเข้ามา โดยมีกองพลทหารราบที่221ของอังกฤษ กองพลทหารยานเกราะที่432ของสหรัฐและมีทัพอากาศไทยและทัพอากาศนาซีเยอรมันสนับสนุนภาคพื้นดิน

    เวลา 04.51 กองพลทหารราบที่9เข้าประจำตำแหน่งตั้งรับ โดยมีกองพลทหารยานเกราะสหรัฐเคลื่อนตัวเข้ามาปิดถนนที่อาจทำให้แนวหน้าแตกได้ โดยกองพลที่221ของอังกฤษมีค่ายอยู่ที่
    อู่ตะเภา และยังมาไม่ถึงกรุงเทพฯ

    "เร็วๆๆๆ!! เอากระสอบทรายไปปิดถนนซะ! กองร้อยที่2และกองร้อยที่3!! ขึ้นไปสอดส่องการเคลื่อนไหวข้าศึกจากตึกสูงนะ!!"ปราโมทย์เดินมาสั่งการ ทหารช่างต่างร้อนรนแบกกระสอบทรายมาปิดถนนโดยมีรถถังเอบรามส์อยู่กลางถนน

    "เอาTOWไปติดตั้งบนดาดฟ้าด้วยนะ อย่าลืมพลุสัญญาณด้วย ยามฉุกเฉินมันอาจส่งคลื่นรบกวนเราก็ได้"ปราโมทย์ยื่นเอกสารอาวุธที่จำเป็นให้สารวัตรทหาร พร้อมกับนายทหารคนหนึ่งที่วิ่งมาหา

    "พลตรีครับ! แฮก..แฮก.. กองทัพอังกฤษจะมาถึงตอนตี5 20นาทีครับ!"

    "แล้วความเคลื่อนไหวของพวกฮอรัสล่ะ?"ปราโมทย์ถามกลับ

    "จากภาพถ่ายทางอากาศแสดงให้เห็นว่าพวกฮอรัสกำลังระดมพลกันอยู่ครับ และคาดว่ามีจำนวนทหารมากถึง2แสนนายเลยครับ นี่ยังไม่รวมพวกพลที่อาจโผล่มาอีกนะครับ"

    "2แสนงั้นเหรอ?....แจ้งคลังแสงที่อู่ตะเภาด้วย ว่าเราต้องการกับระเบิด กระสุนปืน ปืนครกพร้อมกระสุน ปืนใหญ่มุมกด90องศา เครื่องยิงลูกระเบิดและระเบิดมืออีกมหาศาล ด่วยด้วย!" 

    นายทหารคนนั้นวิ่งกลับไปที่เต็นท์สื่อสาร ทามกลางความมืดเพราะพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นบวกกับความหนาวของเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้ความโกลาหลของแนวรบนั้นดุวุ่นวายและไร้ซึ่งความหวังมากกว่าปกติ ทั้งทหารไปวิ่งไปตามเต็นท์ต่างๆ ทหารที่กำลังช่วยกันวางสิ่งกีดขวาง ทหารที่กำลังเช็คอาวุธ รถถังและยานยนต์ไปวิ่งไปมาเพื่อเข้าประจำที่มั่น ฮ.ขนส่งที่บินว่องไปมาเพื่อนำพาคนเจ็บออกจากแนวหน้า พร้อมกับรถบรรทุกและรถเมล์ที่กำลังพาพลเรือนไปยังท่าเรือแหลมฉบังเพื่อหนีลงใต้

    เวลา 05.23 อาวุธที่พลตรีปราโมทย์ขอจากคลังอาวุธได้มาถึง 

    "จ่าสิบเอกพลเดชจากกองร้อยที่2และจ่าสิบเอกสันติจากกองร้อยที่3!!! มารับอาวุธด้วย!!"ปราโมทย์ปีนขึ้นไปบนป้อมของรถถังเอบรามส์และพูดใส่โทรโข่ง

    "จ่าสิบเอกพลเดชครับ!"พลเดชวิ่งฝ่าดงทหารมาหาปราโมทย์ ขณะเดียวกันจ่าสิบเอกสันติก็ขานรับและวิ่งตามมา

    "เอาล่ะ กองร้อยที่2ประจะที่ดาดฟ้าตึกลุมพินี เพลส สุวสวัสดิ์นะ ทหารช่างได้ติดตั้งลิฟต์ขนย้ายไว้แล้ว รถบรรทุกก็พร้อมแล้ว เอาลิสต์เอกสารไปให้ทหารที่คัลงแสงนะเดี๋ยวเขาจัดการให้ ไปได้!"ปราโมทย์สั่งแยกย้าย

    "สันติ กองร้อยนายประจำที่ตึกไหนละ?"พลเดชถามสันติระหว่างเดินไปคลังแสง

    "กองร้อยที่3ของฉันอยู่ที่ตึกสุขสวัสดิ์โมเดิน คอนโดวิว นายว่าการรบครั้งนี้จะลงเอยยังไงวะ?"สันติถาม

    "เฮ้ย! ชิวๆน่า! ถ้าพวกมันนั้นมาเมื่อไรน้า....ร้องไห้กลับบ้านไปดูดนมแม่กันเลยทีเดียว! 555+"
    พลเดชหัวเราะอย่างดัง

    "5555+นั่นสินะ พวกเราเตรียมพร้อมขนาดนี้พวกมันคงหนีกลับดาวไม่ทันแน่ๆ555+"สันติหัวเราะ

    เมื่อการขนอาวุธเสร็จสิ้น ก็เข้าสู่การตั้งรับอย่างเต็มรูปแบบ  ปืนใหญ่มุมกด90องศาเป็นเทคโนโลยีใหม่จากกระทรวงวิทยาศาสตร์ไรช์ที่4 เป็นปืน88มม.ที่มีความสามารถพิเศษคือมีมุมกดถึง90องศา ออกแบบมาเพื่อใช้ในกรณีที่ข้าศึกจะพังกำแพงหรือบุกเข้าอาคารของเรา โดยปืนจะมีคานเหล็กยื่นออกจากตัวตึกยาว1.5เมตร และมีคานยึดกับผนังตึกเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวปืนตกลงเบื้องล่าง และจะมีแผ่นเหล็กกำบังเป็นทรงครึึ่งวงกลมเพื่อป้องกันลูกเรือ

    ณ ดาดฟ้าตึกลุมพินี เพลส สุวสวัสดิ์ กองร้อยที่2ประจำการบนตึกแห่งนี้ 

    เวลา 06.04 ทหารอังกฤษพึ่งมาถึง พร้อมกับการโจมตีระลอกแรกของฮอรัส

    "จ่าพลเดชคร้าาาบ!!! พวกฮอรัสมากันแล้ว!!"ทหารสังเกตการณ์ตะโกนบอก

    "ทหารทุกนาย! สแตนบายพร้อมรบ!!!"พลเดชตะโกนบอก ขณะที่ทหารกำลังกินอาหารเช้ากัน

    "9นาฬิกา!! ทหารประมาณ4กองร้อยพร้อมยานเกราะ!!!"

    การปะทะได้เริ่มต้นขึ้น ทหารจำนวน500กว่าคนพร้มกับรถหุ้มเกราะเข้าโจมตีที่มั่นของทหารไทย แนวป้องกันที่ได้วางต้อนรับเมื่อตอนแรกนั้นไม่มีปะโยชน์สุดๆ เพราะพวกฮอรัสใช้ปืนกล20มม.ไล่ยิงกับระเบิด กระสอบทรายและรั้วลวดหนามจนไม่สามารถใช้ป้องกันได้เลย แนวกระสอบทรายที่ตั้งเป็นแนวกำแพงก็แตกหมดเพราะฮอรัสใช้ปืนใหญ่70มม.ยิงถล่มจนไม่เหลือที่กำบัง

    เวลา 06.45 ทัพอากาศก็มาถึง ฝูงบินดำดิ่งที่71ของไรช์ที่4 บินมาถึงน่านฟ้าของกรุงเทพฯ

    "ทัพอากาศมา!! ทัพอากาศมาแล้ว!!!! เข้าที่กำบัง!!!!"พลเดชตะโกน กองร้อยที่2จึงรีบวิ่งกลับเข้าภายในอาคาร 

    ..วี๊ดดดดดดดดดด.....!!! เสียงเครื่องสตูก้าเจ็ทดังขึ้น 

    เพล้ง!! เพล้งๆ!!! "ระวังกระจกด้วย!!!"พลเดชหมอบลงกับพื้น

    ตู้ม!!!! บึ้มๆๆๆ!!!!! ชิ้วววววว!!!!!!! เสียงการโจมตีภาคพื้นสิ้นสุดลง ทัพอากาศบินกลับเข้าฐาน กองร้อยทีี่2จึงวิ่งกลับมาประจำตำแหน่งบนดาดฟ้าอีกครั้ง

    "ไปๆๆๆ!!!! กลับเข้าตำแหน่งเดิม!!!"

    ฟิ้วววววว..โครม!!!! กระสุนปืนใหญ่นัดหนึ่งยิงโดนชั้น6นับจากดาดฟ้า

    "รถถังป้อมปราการทาง11นาฬิกา!!!! ห่างไป300เมตร!! กำลังเล็งมาทางเราครับ!!!!"

    "ทุกคน!!!!!!!! หมอบลง!!!!!!!"พลเดชวิ่งไปคุมจรวดTOW

    ชิ้วววววว...ป้าง! "ทำไมกัน?!!! TOWทำอะไรมันไม่ได้เลย!"พลเดชอึ้งกับสิ่งที่เห็น

    "จ่าพลเดชครับ!! ปืน88มาแล้วครับ!!"พลทหารนายหนึ่งตะโกนบอกพร้อมกับปืน88มม.ที่เล็งไปทางรถถังป้อมปราการ

    "ยิง!"พลปืนตะโกนขึ้น แต่กระสุน88มม.ก็ไม่สามารถที่จะเจาะเกราะของรถถังป้อมปราการได้

    "จ่าพลเดชครับ! ผมติดต่อรถถังสหรัฐแล้วครับ! พวกเขากำลังจะไป!!"พลวิทยุตะโกนบอก

    ปัง!!!! ประตูทางออกเปิดอย่างดังพร้อมกับทหารอังกฤษที่พูดไทยได้นิดหน่อย

    "พะ พวกฮอรัสเข้ามาในอาคารแล้ว!"ทหารอังกฤษนายนั้นพยายามอธิบายสถานการณ์ให้คนไทยฟังออก

    "หมู่1 ไปเคลียร์ซิ! เดี๋ยวฉันไปด้วย!!"พลเดชสั่งพร้อมกับเช็คอุปกรณ์ 

    "จ่าครับ! รถถังเอบรามส์มาแล้วครับ!!"ทหารนายหนึ่งตะโกนเรียกพลเดช พลเดชจึงรีบวิ่งไปดูและเห็นรถถังเอบรามส์อยู่บนสะพานข้ามคลองดาวคะนองและหันปืนเข้าไปในถนนจอมทอง

    "นั่นแหละ!!! จัดการมันเลย!!!"ทหารนับสิบนายเชียร์รถถังเอบรามส์อย่างเมามัน

    ปัง!!!!..เป๊ง! ฟู่มมมม!!!! เอบรามส์ไม่ทันได้ยิงก็โดนสวนกลับมา ทำให้ไฟลุกออกจากฝาป้อมที่กระเด็นหลุดเพราะแรงระเบิด

    "เชี่ยเอ๊ย!!!"ทหารนายหนึ่งอุทาน

    พลเดชเดินลงชั้นล่างเพื่อจัดการกับฮอรัสที่เข้ามาในอาคาร

    "หมู่1 เจออะไรรึยัง?"พลเดชวิทยุถาม

    "ยังครับ ชั้น28-32เคลียร์หมดแล้วครับ"

    "ดีมาก ค้นหาต่อไป"

    ณ ชั้น26ของอาคาร "หมู่1หยุดก่อน! ฉันได้ยินเสียงบางอย่าง"พลเดชปิดวิทยุและส่งสัญญาณมือว่าให้ปิดวิทยุและอยู่ให้เงียบที่สุด

    พลเดชค่อยๆเดินไปที่ลิฟต์และพบว่ามีใครบางคนกำลังขึ้นลิฟต์จากชั้น25ขึ้นมา26 พลเดชโบกมือเรียกให้ทหารอีกนายมาประกบข้างๆลิฟต์ อีก2คนก็ดักรอที่หน้าประตู 

    .....ติ๊ง!....ครื้นนน.."ยิง!!" ปังๆๆๆๆๆ!! 

    "หยุดก่อน!!! หยุดยิง!!!"พลเดชตะโกนสั่งและมองเข้าไปในลิฟต์และไม่พบฮอรัสแม้แต่คนเดียว พบแต่หุ่นลองเสื้อที่พิมพ์ภาษาไทยไว้ว่า โดนหรอก 

    บึ้ม!!!!!!!!! ประตูห้องพักที่ห่างไป2เมตรระเบิดออก พร้อมกับฮอรัสที่กราดยิงเข้ามา

    "รีบเข้ามาในลิฟต์!!!! เร็ว!!!!"พลเดชตะโกนเรียกทหารหมู่1ที่ยังรอดชีวิต

    "จ่าครับ! รีบกดลิฟต์เร็วเข้า! พวกมันพยายามจะแหกประตูอยู่!!!"ทหารนายที่กำลังใช้มือปิดประตูบอกให้พลเดชรีบกดลิฟต์

    พลเดชรู้ว่าถ้าขึ้นไปพวกมันคงตามไปถึงดาดฟ้าและดักฆ่าพวกเขาได้แน่ๆ พลเดชจึงตัดสินใจกดลิฟต์ไปที่ชั้น6 แล้วค่อยเดินขึ้นบันไดเอา

    ณ ชั้น6 เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกหมู่1จึงรีบเดินออกจากลิฟต์และสำรวจบริเวณโดยรอบ สระว่ายน้ำที่ชั้น6นั้นดูสกปรกเอามากๆ ขุ่นจนมองไม่เห็นพื้นสระ 

    "ชั้น6เคลียร์"

    "งั้นเดินขึ้นชั้นต่อไปกัน"พลเดชวิทยุบอกและเดินขึ้นบันไดไปชั้นดาดฟ้าที่พวกตนอยู่

    ขณะที่กำลังเดินมาถึงชึ้น18 พวกฮอรัสก็ตามมาทันพวกมันเดินขึ้นบันไดจากชั้น6ตามมา โดยที่
    ฮอรัสก็กราดยิงขึ้นมา

    "ยิงระเบิดใส่มันเลย!"พลเดชบอกทหารนายหนึ่งที่ปืนของเขามีเครื่องยิงลูกระเบิด

    "รับทราบ!....เอาระเบิดไปกินซะไอพวกนรก!!!!"ทหารนายนั้นเล็งที่ราวบันไดที่ฮอรัสกำลังวิ่งขึ้นมาและยิงใส่จนอาคารสั่นไปทั่ว ขณะที่กำลังวิ่งหนีพวกฮอรัสก็วิ่งจากข้างบนลงมาหาพวกของพลเดช

    "วิ่งลงล่าง!"พลเดชตะโกนบอก

    "พวกฮอรัสก็มาจากข้างล่างครับ!!!"ทหารนายนึงบอก

    "งั้นรีบเข้าไปที่ชั้น17เร็วๆ!!!"พลเดชเปิดประตูและวิ่งเข้าชั้น17 และปิดประตูใส่หน้าพวกฮอรัส

    "เราไปซ่อนในห้องไหนสักห้องก่อนเถอะ!"พลเดชวิ่งไปที่ห้องที่ไกลที่สุดและพังประตูเข้าไป

    "เราคงต้องหลบในนี้จนกว่าพวกมันจะไปล่ะนะ"

    เวลา 07.51 พลเดชหลบพวกฮอรัสเกือบถึงชั่วโมงพวกเขาเลยตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงกลับไปที่ดาดฟ้า

    เมื่อเดินออกมาถึงประตูทางออกฉุกเฉิน พวกฮอรัสก็โผล่มาจากห้องตรงกันข้ามของพวกเขาเอง

    "ยืนรออะไรกันเล่า?! วิ่งสิ!!"พลเดชตะโกนบอกทหารนายหนึ่งที่ยืนหลบหลังบานประตู

    "จ่าครับ ผมมาไกลได้แค่นี้แหละครับ"ทหารนายนั้นพูดพร้อมกับดึงสลักระเบิดออกและวิ่งเข้าหา
    ฮอรัสและยิงใช้เครื่องยิงลูกระเบิดยิงลงพื้น

    พลเดชกับทหารอีก2คนวิ่งจนมาถึงดาดฟ้าและเห็นเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอร์คลำหนึ่งลอยตัวรอพวกเขาบนดาดฟ้า 

    "จ่าครับ!! รีบมาเร็วเข้า!!!"

    พลเดชจึงรีบวิ่งสุดชีวิตพร้อมกับทหารอีก2นายที่วิ่งตามมา แต่ว่าพวกฮอรัสก็ยังตามติดไม่เลิก

    พลเดชเห็นแบบนั้นจึงบอกให้นักบินโยนบันไดลงมาและขึ้นบินได้เลย เพื่อไม่ให้คนที่อยู่บนฮ.ต้องมารับความเสี่ยงไปด้วย

    ทหาร2นายนั้นปีนบันไดลิงขึ้นฮ.ได้อย่างปลอดภัย แต่ว่าไม่ใช่กับจ่าพลเดชเพราะฮ.อยู่เริ่มไกล

    "จ่าครับกระโดดเลย!!!!!"ทหารบนฮ.ส่งเสียงเชียร์พลเดช 

    "เอาละนะ!"พลเดชถอดเสื้อเกราะและโยนหมวกทิ้ง และโยนปืนทิ้งไปด้วยเพื่อลดน้ำหนักของตัวเขาตอนกระโดด

    ทหารบนฮ.หยิบปืนยิงพวกฮอรัสที่กำลังระดมยิงใส่ฮ.

    จ่าพลเดชกระโดเกาะบันไดไว้ได้สำเร็จ ขณะที่ฮ.บินออกจากตัวตึกและพลเดชกำลังปีนบันไดเข้าไปในฮ. กระสุนของฮอรัสนัดนึงยิงโดยบันไดข้างซ้ายทำให้พลเดชนั้นมือซ้ายหลุดจากการจับเชือก

    "จ่าครับ!! ยื่นมือมา!!"

    ในที่สุดจ่าพลเดชก็รอดตายและพบว่าจากกองร้อยที่มีหลักร้อยคนเหลือทหารแค่14นาย

    "นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"พลเดชถาม

    "รถถังป้อมปราการน่ะสิครับ มันมีเครื่องยิงจรวดที่ป้อมปืนหลังมันเลยซัดจรวดใส่เราจนเละแบบที่เห็น"

    "มันยังไต่สลิงขึ้นมาบนดาดฟ้าเลยนะครับ แต่ว่าเราก็จับมันโยนลงตึกไปหมดและ แต่เราก็ตายเยอะใช่เล่น"ทหารอีกนายตอบ

    "แล้วรถถังป้อมปราการล่ะ? อยู่ไหนแล้ว?"พลเดชถาม

    "นั่นไงครับจ่า สะพานข้ามคลองดาวคะนอง รถถังคันนั้นพยายามตีฝ่าแนวหน้าเพื่อเข้าตีแนวหลังแต่ว่ามันหนักเกินกว่าที่สะพานจะรับได้..."ทหารนายนี้โดนพูดแทรก

    "จากรถถังที่น่าเกรงขามกลายเป็นรถเป็ดน้ำง่อยๆไปคันนึงเลย5555+"ทหารนายนึงแทรกขึ้น

    "55555+"ทหารบนฮ.หัวเราะกันและดีใจที่ได้กลับบ้าน

    วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ในที่สุดพลเรือนทั้ง2ล้านคนก็ได้หนีลงเรืออย่างปลอดภัย ทหารทั้ง3กองพลที่อยู่ป้องกันกรุงเทพฯจึงวางมือและอพยพ ไม่งั้นความเสียหายทางการทหารจะมากเกินจนไม่สามารถทดแทนได้ แต่กองพลทหารราบที่9ยังคงอยู่สู้ต่อจนกรุงเทพฯแตกในวันที่ 28 กุมภาพันธ์
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×