ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    World At War : Strike back ภาค2

    ลำดับตอนที่ #20 : ปฏิบัติการคอเคซัส(เมืองร้าง)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 77
      5
      12 พ.ค. 61

    กลางดึกของวันที่ 10 พฤษภาคม 

    "นี่สเปียร์ กองพลนายมียานยนต์กึ่งสายพานใช่มะ?"รูดอร์ฟเดินไปถามจ่าสิบโทสเปียร์ของกองพลเอสเอสที่4

    "ใช่ มีอยู่2ร้อยคัน"

    "งั้นเราขึ้นรถและไปกับนายไหวมั้ย?"

    "หมายความว่าไง?"

    "เราต้องไปถึงแรชต์ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น"

    "แล้วไง?"

    "ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? ถ้าเราเดินเท้าเปล่าไปต้องใช้เวลา 2 วันกว่าจะถึง ถ้าขับรถก็12ชั่วโมง นายเลือกเอานะว่าจะเดินเท้าพร้อมความเสี่ยงกับนั่งรถ12ชั่วโมง"

    "ก็ได้ งั้นตอนตี1 เราต้องจัดกำลังพลกันแล้ว เอ่อ ไปตามพวกแพนเซอร์ด้วยล่ะ พวกนั้นมีรถถังและของมากพอที่จะดัดแปลงรถถังให้เป็นรถขนส่งได้น่ะ"สเปียร์หยิบบุหรี่มาจุด

    เดินมา400เมตร รูดอร์ฟก็เจอพวกแพนเซอร์กำลังตั้งก๊กเหล้าและเล่นไพ่อย่างสนุกสนาน

    "เออคือ...."รูดอร์ฟคิดคำพูดอยู่

    "อาราาาย????... อาาาาายพวกเอสเอส...มีอาราาาายกาาบราาาวเหรอ?"พลรถถังคนหนึ่งยืนขึ้นพร้อมกลิ่นเหล้าเหม็นหึ่ง

    "เอิ่ม....คือผมจะมาขอให้พวกนายช่วยน่ะ"

    "ช่วย?...ช่วยอาราย..อุ๊ฟ!!!!!"พลรถถังที่ลุกยืนจู่ๆก็มีชายคนหนึ่งเดินมาชกเข้าที่ท้อง

    "นี่สไตเนอร์!! อัลเฟรด!! ลูเซียโน่และบาบากอส!!! ฉันบอกกี่ทีแล้วว่าอย่าเมาในแนวหน้า!!! กลับบ้านคราวนี้ฉันเอาแกแน่!!!!"ชายคนนั้นยศร้อยเอก หลังจากชกท้องเขาก็ดึงคอเสื้อชายอีก4คนขึ้นมาและเตะเข้าที่หลัง พร้อมถีบจนทั้ง4คนล้มหน้าถูกับพื้น

    "ไอพวกที่เหลือนะ!!! นี่เตือนครั้งแรกนะ!!! ถ้าใครคิดลองดีละก็!! ฉันจะได้ลองสุสานไว้ให้!!!!"ร้อยเอกคนนั้นตะคอกใส่ทหารในวงเหล้าที่เหลือจนคนอื่นวิ่งออกกลับไปที่เต็นท์ตัวเอง

    "เอ่อคือ......"รูดอร์ฟพยายามเรียบเรียงสิ่งที่เกิดขึ้น

    "โทษทีนะ ผมร้อยเอกฟราดาวแนนน์ของกองพลยานเกราะเอสเอสที่15"ฟราดาวแนนน์ยื่นมือมาเช็คแฮนด์

    "ดีเลย ผมต้องการคุยกับคนใหญ่คนโตพอดี"รูดอร์ฟจับมือทักทาย

    "เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?"ฟราดาวแนนน์ถาม

    "คือเราจำเป็นต้องไปแรชต์ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เลยจะมาขอแรงจากรถถังพวกนายหน่อย"

    "เราอยู่ที่นี้แล้วค่อยไปตอนเช้าไม่ดีกว่าเหรอ?"ฟราดาวแนนน์ถาม

    "12ชั่วโมงถ้าขับรถจากที่นี่ไปแรชต์ เราจะออกตอนตี1 อย่างน้อยถ้าเราไม่อยู่ที่นี่ตอนพระอาทิตย์ขึ้น เราจะปลอดภัยกว่า"

    "เข้าใจละ จะให้ฉันเอารถถังมาช่วยลำเลียงคนไปแรชต์สินะ งั้นฉันไปตามหารถลำเลียงให้มากที่สุดนะ ตี1เจอกัน"

    เวลา ตี1 

    "เอาเลย!! เอาเลย!! ค่อยๆยกนะ!!"

    รถกึ่งสายพาน Sd.kfz. 251 200คันจอดเรียงรายไปทั่วทุ่งหญ้า รถคันแรกๆจะขนย้ายอาวุธให้เยอะที่สุด รถคันต่อๆมาจะขนย้ายเสบียงและทหาร รถยานยนต์ที่เหลือและรถถังที่เหลือเกือบ4ร้อยคันจะขนย้ายทหารและของจำเป็น

    "นี่รูดอร์ฟ ที่บนรถทุกคันเต็มหมดแล้วนะ เราเหลืออีก4กองพลที่ต้องเดินเท้าเปล่า"ฟราดาวแนนน์เดินมาบอกรูดอร์ฟ

    "งั้นเดินเท้าเปล่าเอา พวกฮอรัสทำเผารถยนต์ทุกคันไปหมดแล้ว ไม่เหลือทางเลือกแล้วละ"รูดอร์ฟบอก

    วันที่ 11 พฤษภาคม เวลา 11.26 37กิโลเมตรจากเมืองแรชต์ อิหร่าน

    39กองพลเดินทางมาได้อย่างปลอดภัย มีทหาร8กองพลที่เลือกเดินเท้าจะได้ไม่เป็นการทิ้งเพื่อนร่วมรบไว้เบื้องหลัง

    "หยุด!!!"รูดอร์ฟตะโกนขึ้น และกระโดลงจากรถกึ่งสายพาน พร้อมทหารอีก2หมวดที่เดินตามเขา

    "คอนติแนนท์!"รูดอร์ฟหันหน้าไปเรียกจ่าคอนติแนนท์

    "ตอนนี้จะทำอะไร?"

    "ตอนนี้เราอยู่ข้างๆBazar-e Noqlebar ข้างหน้าเป็นที่เก็บค่าผ่านทาง..ฉะนั้นเราอยู่ตรงนี้"รูดอร์ฟชี้ลงไปในแผนที่

    "ในเมืองไม่น่ามีพวกมันแล้วนะ"คอนติแนนท์ส่องเมืองจากกล้องส่องทางไกล

    "ในเมืองน่ะ ไม่น่ากลัวหรอก ที่น่ากลัวคือหมู่บ้านที่ล้อมพวกเราน่ะสิ พวกมันอาจใช้พื้นที่ภูมิศาสตร์ในการจู่โจมเราเมื่อไรก็ได้"

    "ไปต่อกันแต่ว่าบอกให้ทหารลงจากรถได้แล้ว เราจะต้องเดินอีก30ชั่วโมงอย่างมากน่ะนะ"รูดอร์ฟเก็บแผนที่และเดินไปบอกให้ทหารลงจากรถ

    การเดินนาน30ชั่วโมงของพวกรูดอร์ฟจะให้รถถังนำหน้าขบวนทัพและค่อยๆเดินเข้าเมืองโดยจะให้ทหารราบเคลียร์ทุกพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นฟาร์ม บ้าน โรงนาหรือไร่องุ่น เผื่อพวกฮอรัสมีกลไกอะไรซ่อนไว้ ทหารจะได้รู้ทันพวกมัน 

    28 ชั่วโมงต่อมา วันที่ 12 พฤษภาคม เวลา 17.02 ณ Gill Square เมืองแรชต์

    เมืองทั้งเมืองเงียบสงั้ด ไม่มีมีแม้แต่เสียงนกร้อง เมืองแรชต์เปรียบเสมือนเมืองร้าง เศษใบไม้ หญ้าแห้ง เศษขยะ ซากรถยนต์เกลือนเต็มถนนไปหมด อาคารทุกแห่งมีรากไม้พันไปมาจนแตกหักเกือบหมด ไม่สามารถหาเสบียงเพิ่มจากบ้านเรือนได้เลยเพราะของที่มีนั้นก็เน่าเสียไปหมดแล้ว

    "เงียบแหะ เงียบมากๆด้วย"รูดอร์ฟเดินมากับกองร้อยเบอร์ลินเพื่อมาดูต้นทาง

    "ดีแล้วนิจ่า แปลว่าพวกมันไม่สนเมืองนี่ไงครับ"พลทหารพูด

    "ไม่หรอก มันเงียบเกินไป เงียบจนน่ากลัวกว่าเดิม"รูดอร์ฟมองไปรอบๆเมือง

    "รูดอร์ฟ เป็นไงบ้าง?"โจฮันเนสเดินมาถามรูดอร์ฟ พร้อมกับทหารคนอื่นๆที่เคลื่อนพลเข้าเมืองเพื่อมาตั้งหลัก

    "มันเงียบเกินไปน่ะสิ"รูดอร์ฟหยิบแผนที่ออกมาและเดินขึ้นไปที่ดาดฟ้า

    "เราอยู่ในอาณาเขตของมันแท้ๆ แต่กลับไม่มีร่องรอยอะไรเลย ร่องรอยสุดท้ายก็ดูเหมือนจะเป็นตอนที่พวกมันบุกอิหร่านเมื่อหลายปีก่อนแน่ๆ"

    "แล้วนายรู้ได้ไงว่ามันเป็นการบุกเมื่อหลายปีก่อน"โจฮันเนสถามต่อ

    "นี่ไง หนังสือพิมพ์การยอมแพ้สงคามของอิหร่าน เนื้อกระดาษแตกหมดแล้ว"รูดอร์ฟหยิบแผ่นกระดาษหนังสือพิมพ์และขยี้ให้ดู

    สำหรับ8กองพลที่เดินเท้าเปล่านั้นจำเป็นต้องใช้เวลาเดินทาง8วัน ซึ่งระหว่างนี้พวกรูดอร์ฟก็จะไปไหนไม่ได้จนกว่าพวกเขาจะมาถึง

    วันที่ 20 พฤษภาคม เวลา 07.25

    "นั่นใครกันน่ะ?!!" 

    "คนเยอรมัน! อย่ายิง!! อย่ายิง!!!!"

    "อย่าพึ่งยิงนะ นั้นพวกเรา!"

    "เกิดอะไรขึ้นข้างนอกน่ะ?"รูดอร์ฟเดินออกมาขณะแปรงฟัน

    "เห็นว่า8กองพลนั้นมาถึงแล้ว"โจฮันเนสบอก

    ทหารมากมายที่รู้เรื่องรีบวิ่งมาต้อนรับเพื่อนร่วมรบของพวกเขา

    กลางดึกของวันที่ 13 พฤษภาคม 

    "....ฮอรัสบุก!!!!!!!!!"

    แกร๊งๆๆๆๆๆ!! กระดิ่งเตือนภัยดังขึ้นทั่วเมือง ทหารเฝ้ายามแต่ละคนรีบลงจากหลังคาและไปปลุกทหารทุกนาย

    "พวกฮอรัสมากันแล้ว!!!!!!"

    ณ ห้องควบคุมไฟฟ้าของเมือง ทหาร2นายที่ควบคุมระบบไฟฟ้ากำลังจะวิ่งออกไปต่อสู้

    "นี่พลทหาร! ปุ่มนี้มันคืออะไรว่ะ? เหมือนปุ่มฉุกเฉินเลย"สิบตรีหยุดวิ่งและกำลังจะกดปุ่มแดงๆ

    "กดเล๊ย ไม่มีอะไรจะให้เสียแล้ว"พลทหารบอก

    ปุ่มนั้นคือปุ่มสัญญาณเตือนภัยการโจมตีจากข้าศึก ทำให้ทหารทุกนายสะดุ้งตื่นโดยไม่ต้องปลุก

    "เยี่ยมไปเลย"สิบตรีรีบวิ่งออกไป

    ณ ถนนด้านหน้าที่พักของกองร้อยเบอร์ลิน

    "ลงมาเร็วเข้า!!!! หยิบปืนและวิ่งไปที่รถถังตรงนั้นเลย!!!!"รูดอร์ฟตะโกนบอกทหารที่กำลังวิ่งลงมา

    รถถังแพนเธอร์จอดปิดถนนและยิงตอบโต้อย่างสุดกำลัง

    รูดอร์ฟกับกองร้อยของเขาพร้อมกับกองร้อยมิวนิค วิ่งไปหลบข้างหลังรถถังแพนเธอร์

    "คอนติแนนท์ฉันสงสัยอย่างนึงมานานและ"รูดอร์ฟถามคอนติแนนท์

    "สงสัยอะไร?"

    "เขาบอกว่างานนี้ไม่มีกองพลยานเกราะนิ แล้วทำไมถึงมีกองพลยานเกราะได้?"รูดอร์ฟถามพร้อมเอามือทุบตีนตะขาบเบาๆ

    "ไม่รู้สิ คำว่ายานเกราะของรอมเมิลคงหมายถึงE100 Mausละมั้ง ขนาดรถถังกลางPanzer lll ยังโดนเปลี่ยนกลุ่มให้ไปเป็นรถถังกลางเลย"คอนติแนนท์หัวเราะพร้อมกระสุนนัดหนึ่งที่ตกลงใกล้เขา

    ตู้ม!!! "เวอออออ!!"คอนติแนนท์ตกใจจึงล้มหน้าคว่ำกับพื้น

    "สงสัยรอมเมิลคิดว่าแพนเธอร์เป็นยานยนต์หนักไปแล้วมั้งเนี่ย555"รูดอร์ฟบอกก่อนที่จะออกไปยิงใส่และกลับเข้ามา

    "จริงจังกันก่อนเถอะ ตอนนี้เราอยู่ที่ถนนEftekhari โรงพยาบาลตรงนี้ ถ้าตามที่ฉันคิด มันน่าจะมียานเกราะลำเลียงพลของฮอรัสอยู่ข้างหน้าตรงนี้(ชี้นิ้วไปยังสามแยกถัดไป) ข้างหน้าเรา 10เมตร เป็นสะพานข้ามแม่น้ำ ให้ดีเราต้องล่อให้มันเข้ามาหาเราและระเบิดสะพานทิ้ง"รูดอร์ฟบอก

    "หมู่2 หมู่3 หมู่4และหมู่7!!!"คอนติแนนท์ตะโกนถามหาทหารในกองร้อย

    "ครับ!"หัวหน้าหมู่2 3 4และ7เดินมาหา

    "ภารกิจนายนะ หมู่พวกนาย ไปวางระเบิดที่สะพานข้างหน้าเราให้ได้ ยิ่งไปวางระเบิดที่ฐานสะพานฝั่งนั้นได้ด้วยยิ่งดี แต่ว่าต้องวางระเบิดที่ฐานสะพานฝั่งนี้ให้ได้นะ"คอนติแนนท์วางแผน

    "รับทราบแล้วไปได้!"ทหาร20นายจึงค่อยๆย่องออกไปที่ริมแม่น้ำ

    "แล้วแผนต่อไปล่ะ?"คอนติแนนท์หันมาถามรูดอร์ฟ

    "เดี๋ยวฉันคุยกัลผบ.รถถังก่อน"รูดอร์ฟหยิบประแจขึ้นมา ปีนขึ้นไปบนรถถังและใช้ประแจเคาะแรงๆที่ฝาป้อม ผบ.รถถังจึงเปิดออกมา

    "มีอะไร?"ผบ.ถาม

    "จะดีกว่ามั้ยถ้าพวกเราถอยออกจากที่นี้และล่อพวกมันเข้ามาที่สะพานและระเบิดสะพานทิ้งน่ะ?"

    "น่าสนใจนะ รับทราบครับคุณทหาร"ผบ.รถถังจึงกลับเข้าตัวรถและค่อยๆถอยหลัง ทหาร2กองร้อยจึงถอยออกจากหลังรถถัง 

    ยานพาหนะขนส่งบุคคลหุ้มเกราะที่ปะทะกับแพนเธอร์จึงส่งทหารลงพื้นและค่อยๆเคลื่อนมาที่สะพาน

    "กดระเบิด!!!!"คอนติแนนท์ตะโกนให้กดระเบิด

    ตู้ม!!!!!!....ตู้ม!!!!!!!...ตู้ม!!!!!!..ตู้ม!!!!!! สะพานจึงตกลงไปในน้ำ พร้อมกับทหารฮอรัสและรถหุ้มเกราะ ขณะที่ทหารฮอรัสพยายามว่ายน้ำเอาตัวรอด รูดอร์ฟจึงสั่งให้กราดยิงทหารในน้ำให้หมด

    "จ่าครับ เอาไงต่อดีละ?"พลทหารนายหนึ่งเดินมาถามรูดอร์ฟหลังจากยิงฮอรัสในน้ำจนหมด

    "เอาไงต่อน่ะเหรอ? ไปฆ่ามันให้หมดไง"รูดอร์ฟส่งยิ้มให้ก่อนจะปีนไปยืนบนรถถังและนำทหารของเขาไปยังฝั่งตะวันออกเพื่อฆ่าฮอรัสที่ปิดล้อมเมือง

    วันที่ 24 พฤษภาคม ทหารของรูดอร์ฟประสบความสำเร็จในการปิดล้อมพวกฮอรัสที่กำลังล้อมเมือง เป็นการล้อม2ชั้นและตัดเสบียงของพวกฮอรัส ทำให้ทหารฮอรัสที่อยู่ในวงล้อมกว่า2หมื่นนายยอมจำนน ทำให้ทหารสัมพันธมิตรมีรถลำเลียงและเสบียงมากพอที่จะไปถึงเทือกเขาคอเซัสได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องมีใครมาเดินเท้าเปล่าอีก





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×