ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry potter xx/OC

    ลำดับตอนที่ #7 : 7 : Hogsmeade

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 528
      58
      9 พ.ย. 61




    หลังจากที่แยกกับเดรโก ฉันก็ไม่ได้ตามไปหาเพื่อนที่ห้องสมุดโดยทันที ฉันเดินลัดเลาะมาตามทางที่ใช้เรียนวิชาสมุนไพร เดินผ่านเรือนกระจกแต่ละหลังไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่เรือนกระจก2 หญิงสาวมองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีคนเห็นจึงเข้าไปอย่างเงียบเชียบ


    เมื่อเสร็จสิ้นธุระ ลิซ่ากลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนที่ห้องสมุด ตอนนี้เป็นช่วงสอบ หลายคนกำลังขะมักเขม้นกับการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ อลิซกำลังทำการบ้านวิชาปรุงยาอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนแอนนานั้นหลับเป็นตายคากองหนังสืออยู่ข้างๆอลิซ


    “หายไปไหนมาลิซ่า ฉันไปเคาะห้องมาตอนสายๆก็ไม่เจอ” อลิซที่ยอมเงยหน้าขึ้นจากกองการบ้านสักทีถามพร้อมกับจัดการเก็บการบ้านที่ทำเสร็จแล้วให้เรียบร้อย เตรียมตัวลงไปกินข้าวกันที่ห้องโถงข้างล่าง


    “ไปเดินเล่นมาน่ะ เบื่อๆอยากหาอะไรทำ” ฉันตอบอลิซ แต่สายตาจดจ้องไปที่แอนนาที่กำลังนอนหลับฝันดีอยู่ ก่อนที่จะเอาปลายผมตัวเองไปปัดป่ายแถวจมูกของเพื่อนสาวจนแอนนาทนไม่ไหวจามออกมาเสียงดังและตื่นขึ้นมา แล้วก็จ้องฉันอย่างเอาเรื่องที่ปลุกเธอ


    “หมั่นใส้ ฉันอยากพูดคำนั้นบ้างจัง การบ้านจะทับหัวอยู่แล้วเนี่ย” อลิซบ่นกระปอดกระแปด ฉันได้แต่ส่ายหัวให้กับความขี้บ่นของเพื่อนคนนี้


    “ช่วยไม่ได้นะจ๊ะ คราวก่อนฉันช่วยแล้ว คราวนี้เธอต้องช่วยตัวเอง  ถ้าไม่เสร็จฮอกส์มีตคงไม่สนุกหรอกว่าไหมที่รัก”


    “เธอมันอัมหิตที่สุด น่าจะไปเข้าชมรมศาสตร์มืดของศจ.ริดเดิ้ลนะ” อลิซแขวะ


    “ชมรมศาสตร์มืด? ที่นี่มีสอนด้วยหรอ” ฉันรีบถามอย่างตื่นเต้น ฉันเคยแอบเอาหนังสือศาสตร์มืดของคุณทวดมาอ่านบ้างครั้งสองครั้ง มันน่าสนใจเลยทีเดียว ฉันอยากศึกษามากแต่พ่อห้ามไว้ บอกว่าฉันยังเด็กเกินและยังไม่ถึงเวลา แล้วห้องสมุดส่วนหนึ่งก็ถูกพ่อปิดไป คงจะเพราะมันเป็นแหล่งเก็บตำราศาสตร์มืดต่างๆ


    “เป็นชมรมพิเศษของศจ.ริดเดิ้ล เหมือนคลาสพิเศษเพื่อเรียนเสริมวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดนั่นแหละ แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าชมรมนั้นเรียนหรือทำอะไรบ้าง ศจ.ริดเดิ้ลจะรับเฉพาะพวกปี6ปี7 หรือนักเรียนที่หัวกะทิจริงๆ แล้วนักเรียนส่วนมากเป็นพวกสลิธิรีน ปี3อย่างเราไม่มีสิทธิ์หรอกแล้ว และจะเข้าชมรมนี้ได้เธอก็ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองเสียก่อน”


    “แย่จัง ฉันอยากเข้าชมรมนี้ต้องรออีก3ปีเลยหรอ” ฉันถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ก็ถ้าต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองก่อน จนจบปี7ฉันก็ไม่ได้เรียนหรอก เพราะพ่อไม่ยอมแน่


    “ศาสตร์มืดมันน่ากลัวและอันตรายจะตายไป ฉันไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจ อีกอย่าง มีแต่พวกพ่อมดแม่มดฝ่ายมืดเท่านั้นแหละถึงจะหลงไหลไปกับมันน่ะ”


    “ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ ถ้าเราจะทำเรื่องชั่วร้ายไม่จำเป็นต้องใช้คาถาศาสตร์มืดก็ทำได้อยู่ดีป่ะ แต่ถ้าเรารู้จักมันดีพอ รู้ว่ามันทำอะไรได้ หรือจะแก้ไขมันยังไง มันก็น่าจะมีประโยชน์กว่าไม่ใช่หรอ เหมือนเธอป่วยเป็นโรคร้ายที่ต้องรักษา แต่เธอไม่รู้จักโรคที่เธอเป็นเลย แล้วเธอจะรักษามันยังไง”


    “มันก็จริง แต่มันก็อันตรายอยู่ดี”


    “ที่มันอันตรายเพราะว่าเราไม่รู้จักมันดีพอมากกว่า”


    “เคร่งเครียดกันจังเลยสาวๆ” เซดริกที่มาเดินข้างๆฉันตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้เอ่ยแทรกขึ้นมา ระหว่างที่เรากำลังเริ่มเถียงกันอย่างออกรสออกชาดจนเพิ่งรู้ตัวว่าเดินกันมาจนถึงห้องโถงแล้ว ทำให้อลิซถึงกับรีบหาพวกในการห้ามปรามฉัน


    “ก็ลิซ่าน่ะสิ อยากจะเข้าชมรมศาสตร์มืดของศจ.ริดเดิ้ล ในฐานะรุ่นพี่และพรีเฟ็คนายช่วยห้ามเธอหน่อยเถอะ”


    “เธอน่ะหรออยากเข้าชมรมนั้น” เซดริกถามอยากแปลกใจ “ไม่คิดว่าจะคลั้งศาสสตร์มืดนะเนี่ย”


    “ฉันแค่สนใจไม่ได้คลั่ง พูดให้มันดีๆหน่อย ฉันเสียหายหมดเซดริก” ฉันแหวกลับอย่างเริ่มจะหัวเสีย


    “อย่าเพิ่งโมโหสิ แต่ใครๆก็รู้ว่าศจ.รับแต่พวกปีสูงๆบ้านสลิธิรีน”


    “ก็นั่นไง ทำไมต้องปิดกั้นความรู้กันด้วย ฉันอยู่ปี3แต่อยากเรียนรู้ศาสตร์มืดไม่ได้เลยรึไง ประท้วงได้รึเปล่าเนี่ย” ฉันบ่นพร้อมกับนั่งลงโต๊ะอาหารประจำบ้านก่อนจะนึกอะไรที่คิดว่าเข้าท่าออกได้ “จริงสิ ประท้วงไง ฉันรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นฟ้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีไหม ดัมเบิลดอร์ต้องเห็นด้วยกับเสียงส่วนมากแน่ๆ เขาไม่น่าจะใช่คนไม่ฟังเหตุผลของนักเรียนนี่ ”


    “โอ้ยลิซ่า มันเป็นไปไม่ได้หรอก  เธอไม่รู้หรือไงว่าดัมเบิลดอร์กับริดเดิ้ลน่ะมึนตึงกันแค่ไหน”


    “หมายความว่าไง?” โอ้ นี่โรงเรียนนี้มีอะไรที่ฉันไม่รู้อีกรึเปล่าเนี่ย


    “ขั้วอำนาจไง ดัมเบิ้ลดอร์เป็นพ่อมดที่เรียกว่าเก่งและยิ่งใหญ่ที่สุดของยุคก็ว่าได้ แต่เขาก็แก่แล้ว ส่วนศจ.ริดเดิ้ลถึงจะไม่ได้มีผลงานใหญ่อย่างการเอาชนะจอมมารแต่เขาก็ไม่ทำธรรมดาหรอกนะ บรรดาผู้สนับสนุนและภักดีต่อเขาน่ะระดับบิ๊กๆทั้งนั้น เธอไม่สังเกตหรอว่าริดเดิ้ลแทบไม่ออกมาปรากฏตัวให้ใครเห็นเลยแม้กระทั่งตอนกินข้าว เขาหมกตัวอยู่แต่ห้องของเขา และตำแหน่งของดัมเบิ้ลดอร์พักหลังมานี้ก็ไม่ได้มั่นคงนักหรอกนะ แล้วเธอคิดว่าดัมเบิ้ลดอร์จะเปิดช่องให้นักเรียนไปเข้ากับเขาอีกงั้นหรอ เขาตกที่นั่งลำบากแน่” เป็นเซดริกที่อธิบายยืดยาวให้ฉันฟัง นี่มันโรงเรียนหรือสภาวะเนี่ย มีการชิงดีชิงเด่น ชิงไหวชิงพริบ ทั้งขั้วอำนาจอะไรนี่อีก


    “แล้วนายอยู่ฝั่งไหน ดัมเบิ้ลดอร์ หรือริดเดิ้ล”


    “แล้วเธอล่ะ ถ้าในอนาคตต้องเลือกฝั่ง จะเลือกฝั่งไหน” เซดริกไม่ตอบแต่ถามกลับ


    “ก็ต้องแล้วแต่ว่าฝั่งไหนจะให้อะไรกับฉัน”


    การสนธนายืดยาวจบลงแค่นั้น ทั้งหมดไม่ได้พูดเรื่องนี้กันต่อเพราะอลิซเริ่มจะหัวเสียกับการเถียงกับฉันเรื่องนี้ เราทั้งหมดจึงพูดคุยกันเรื่องที่โรงเรียนจะพาไปเยี่ยมชมฮอกส์มี้ตแทน โดยไม่รู้ว่าทั้งหมดของบทสนธนาไม่ได้มีเพียงแต่พวกเธอที่รับรู้




    ***



    เช้าวันที่ทุกคนจะได้ไปเที่ยวฮอกส์มี้ตกัน ลิซ่าตื่นแต่เช้าตรู่ ชนิดที่แอนนาที่ว่าตื่นเช้าแล้วยังไม่เท่า จึงอดไม่ได้ที่จะแขวะฉันตื่นเต้นเกินเหตุ แต่ใครจะสนกันเพราะฉันตื่นเต้นจริงๆ


    “นักเรียนที่จะไปฮอกส์มี้ตต้องมีใบอนุญาตจากผู้ปกครอง ใครยังไม่ได้ส่งให้รีบนำมาส่งตอนนี้เลย” ศจ.มักกอนนากัลกล่าวกับเหล่านักเรียนปี3และปีอื่นๆที่ยืนหน้าสลอนด้วยความตื่นเต้นกับการไปเที่ยวฮอกส์มี้ตเป็นครั้งแรก ลิซ่ายืนอยู่กับเซดริก เพราะตกลงกันไว้แล้วเมื่อวันที่เคลียร์กันเรื่องนาตาชา วิกตอเรียวันนั้น ทำให้วันนี้เธอต้องไปกับเซดริก อลิซกับแอนนาเอาแต่แซวเธอตั้งแต่เมื่อคืนเรื่องนี้ ซึ่งลิซ่าก็ปฏิเสธจนไม่รู้จะปฏิเสธยังไงแล้วเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเซดริกที่คนอื่นคิดว่าเดทกันอยู่ แม้กระทั่งเพื่อนสนิทของเธอเองยังเชื่อแบบนั้น จนเธอจนใจจะแก้อะไรอีกแล้ว ใครจะคิดอะไรก็คิดไปเถอะ


    “นายจะพาทัวร์ใช่ไหม แล้วฉันจำได้นะว่านายจะเลี้ยงฉันไม่อั้นน่ะ”

    “ฉันไม่ลืมหรอกน่า เธอย้ำเรื่องนี้มา2ครั้งแล้วนะ


    “ก็ย้ำเพื่อความชัวร์ไง นี่ฉันไม่กินข้าวเช้ามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยนะ ฉันจะต้องทำนายหมดตัวให้ได้ คอยดู”


    “ตัวแค่นี้จะกินสักแค่ไหนกันเชียว” เซดริกว่า แต่ขอโทษเถอะ ใช้คำว่าตัวแค่นี้กับฉันที่ตัวสูงกว่ารุ่นพี่ปี5หลายคนอ่ะนะ ยังจะใช้คำว่าแค่อีกหรอ


    “ฉันมั่นใจว่าฉันตัวโตกว่านายตอนอายุเท่านี้แน่นอนเซดริก”


    “ก็จริง ตอนฉันปี3ยังไม่สูงเท่าเธอเลย นี่เธอกินเนื้อยีราฟเป็นอาหารรึเปล่าเนี่ย”


    “คนหุ่นดีก็เงี้ย นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องเป็นแม่มดจะไปเป็นนางแบบแล้วนะ” ฉันเล่นมุกตอบ เราคุยกันแทบไม่ได้หยุดตลอดทาง จนถึงฮอกส์มี้ตเซดริกก็พาทัวร์อย่างที่บอกจริงๆ ทั้งร้านขนมฮันนี่ดุกส์กับร้านของเล่นซองโก้ที่ฉันเหมาขนมและของเล่นแปลกๆมาเยอะจนโดนแซวว่าจะเปิดร้านขายหรอ ที่ทำการไปรษณีย์นกฮูกที่อยู่ได้แป๊บเดียวก็ต้องรีบออกมาเพราะขี้นกฮูงที่ส่งกลิ่นอันร้ายกาจจนทำเอาฉันคลื้นใส้จวนเจียนจะอ้วกแตก ทำเอาเซดริกต้องรีบพาออกไป เรามาจบลงที่ร้านน้ำชาของมาดามฟุตตี้ฟุต ที่บรรยากาศภายในร้ายทำฉันขนลุกเบาๆจนต้องยกมือขึ้นมาลูบแขนตัวเอง


    “หนาวหรอ” เซดริกถามอย่างเป็นห่วง?


    “เปล่า ขนลุกนิดหน่อย นายชอบมาร้านแบบนี้หรอ”


    “ก็ไม่เชิง แต่ผู้หญิงน่าจะชอบร้านแบบนี้ไม่ใช่หรอ ฉันคิดว่าเธอน่าจะชอบเลยพามานี่” เซดริกตอบฉันก่อนจะหันไปสั่งเครื่องดื่มและขนมกับมาดามเจ้าของร้านที่มารับออร์เดอร์เอง


    “ฉันไม่รู้ว่าอะไรอร่อย นายสั่งให้หน่อยละกัน แต่เอาอันที่ไม่หวานมากนะ” เรานั่งดื่มน้ำชากับกินขนมกันไปเรื่อยๆไม่รีบร้อน หลายครั้งที่ฉันต้องสะดุ้งเพราะโต๊ะข้างๆจูบกันเสียงดัง


    “ฉันสาบานเลยนะว่าจะไม่มาร้านแบบนี้อีกแล้ว” ลิซ่าพูดอย่างหัวเสียเมื่อออกนอกร้านมาดามฟุตตี้ฟุตได้ ขนมหวานกับน้ำชาก็โอเคอยู่หรอก แต่บรรยากาศนี่ไม่ได้โดยสิ้นเชิง คนคิดจะจูบกันตอนไหนก็จูบ “ฉันแทบไม่กล้าหันไปมองที่อื่นนอกจากกาน้ำชาตรงหน้าเลย”


    “ก็พวกเค้ามาเดทกัน เธอจะให้เค้าทำอะไรถ้าไม่จูบกัน” เซดริกว่าอย่างขำๆ


    “แต่บังเอิญฉันไม่ได้มาเดทกับนาย หึ้ย ขนลุกจะแย่” ฉันยังยืนยันคำเดิมว่ามันน่าขนลุกขนาดไหน ถ้าฉันจะเดท ก็ต้องไม่ใช่ร้านแบบนี้แน่นอน ขอเป็นร้านที่เป็นส่วนตัวกว่านี้หน่อยเถอะ


    หลังกลับจากฮอกส์มี้ตฉันก็แยกตัวออกมาหาเพื่อนทั้งสอง ถามร่วมชั้นคนนึงบอกว่าทั้งคู่ยังไม่กลับจากฮอกส์มี๊ตเลย ฉันค่อนข้างร้อนใจเพราะนี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว


    “แอนนา อลิซ” ฉันร้องขึ้นมาอย่างดีใจเมื่อเจอเพื่อนทั้งสอง


    “มีอะไรลิซ่า ร้องซะตกอกตกใจ”


    “ก็พวกเธอน่ะสิ ทำไมเพิ่งกลับ ฟ้าจะมืดแล้วฉันก็เป็นห่วงน่ะสิ”


    “แหะๆ ขอโทษที แล้วเดทเป็นไงมั่ง”


    “ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่เดท ก็แค่เที่ยวเล่นตามประสารุ่นพี่รุ่นน้อง”


    “โอ้ย อย่ามาทำเป็นใสซื่อน่าลิซ่า เขินรึไง พวกเราไม่ล้อเธอหรอกน่า” อลิซว่า


    “นี่ ฉันจะพูดอย่างจริงจังด้วยเกียรติของฉันเลยนะ ฉัน กับเซดริก เราไม่ได้มีความสัมพันธ์ในรูปแบบนั้นกันจริงๆ ถึงแม้ตอนแรกเขาจะทำเหมือนจีบฉันก็เถอะ แต่เราคุยกันรู้เรื่องแล้วเรื่องสถานะ นั่นคือพี่น้อง ไม่มีทางเป็นอื่น เธอจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม”


    “โถ่ ไม่สนุกเลย เธอน่าจะเขินบ้างสิตอนพวกฉันแซวไม่ใช่ตีหน้ายักษ์ใส่แบบนี้” อลิซบุ้ยปาก ท่าทางของเธอมันน่ารักและน่าหมั่นใส้ไปพร้อมๆกันฉันจนอดไม่ได้ที่จะเอามือไปบีบมันแรงๆทีนึง


    “โอ้ย เจ็บ เธอมันอัมหิตจริงๆด้วย” อลิซว่าอย่างงอนๆ แต่เธอไม่ได้งอนจริงหรอก เพราะหลังจากนั้นเราก็กลับมาสุมหัวกันที่ห้องนอนของอลิซกับแอนนา ผลัดเปลี่ยนกันเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจที่ไปพบเจอ หนึ่งในหัวข้อสนทนายอดฮิตก็คือเรื่องการเดทของคนโน้นคนนี้ และก็วกมาที่ประสบการณ์ความรักของแต่ละคนหรือแม้กระทั่งเรื่องราวทะลึ่งตึงตังที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะออกมาจากปากแอนนาผู้เคร่งขรึม และลาลิซ่าผู้(มีภาพลักษณ์)ไร้เดียงสา และฉันเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าตัวเองถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมากในหัวข้อนักเรียนหญิงที่ดูไร้เดียงสาและน่าทะนุถนอม

    โอ้ย ให้ลิงออกลูกเป็นค้างคาวเถอะ ที่อิลเวอร์เมอร์นีฉันคือยัยปีศาจลิซ่า แต่ที่ฮอกส์วอตส์ลาลิซ่า โรซิเออร์ คือสาวน้อยน่ารัก ไร้เดียงสา น่าทะนุถนอมว่ะ ฮ่าๆๆ อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปาก


    เราพูดคุยหยอกล้อกันจนดึกดื่นให้สมกับที่เคร่งเครียดกันมาหลายวันจนกลับไป ฉันไม่ได้กลับไปนอนห้องเลยด้วยซ้ำเพราะหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แอนนาฟาดมือลงมาที่ต้นขาจนต้องสะดุ้งตื่นเพราะฉันนอนดิ้นจนแอนนาตกเตียง เอ่อ..ก็มันชินนี่นา ปกติฉันนอนคนเดียวนี่ แล้วเตียงมันก็แคบ แล้วมันก็หลับสบายไปหน่อย ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น


    เช้าวันต่อมาลิซ่ารีบตื่นตั้งแต่เช้าอีกเช่นเคย ไม่ใช่เพราะตื่นเต้นที่จะได้กลับบ้าน แต่ที่ต้องรีบตื่นก็เพราะกลัวแอนนาฆ่าหมกเตียงเสียมากกว่า ก็เมื่อคืนดันนอนดิ้นจนทำแอนนาตกเตียงนี่ ดีที่เมื่อคืนมันดึกแล้ว และฉันก็ง่วงเกินกว่าจะสนใจคำด่าของเธอ


    ฉันแทบไม่ได้เอาอะไรกลับบ้านเลยนอกจากกระเป๋าเป้ใบโปรดใบเดียว ทำให้ฉันเดินตัวปลิวอย่างสบายใจ โดยมีอลิซบ่นมาตามหลังเรื่องความหนักของกระเป๋า ที่จริงฉันบอกเธอไปแล้วหยุดแค่2อาทิตย์ไม่ต้องขนของกลับขนาดนี้ก็ได้ แต่เธอก็มีเหตุผลมาแย้งว่าไม่อยากทิ้งอะไรไว้นี่เพราะกลัวมันน้อยใจ อะไรจะน้อยใจหรอ กางเกงในสีฟ้าของเธอรึไง ฉันว่าไปแบบนั้น และมันทำให้โดนฟาดไปอีกทีที่ต้นแขน เอาล่ะ บางทีฉันอาจจะชอบความรุนแรงก็ได้เพราะพอโดนตีฉันก็หัวเราะร่าจนแอนนาว่าจะตีอีกที เผื่อฉันจะหายอารมณ์ดีเกินเหตุ


    “อย่าลืมเขียนจดหมายมาหาเรานะ ถ้าเธอไม่เขียนมาฉันจะส่งระเบิดเหม็นมาให้” อลิซขู่


    “ใครกันที่บอกว่าเธอเรียบร้อยอ่อนหวานเนี่ย”


    “คงเป็นพวกเดียวกันกับที่บอกว่าเธอไร้เดียงสาละมั้ง” เราหัวเราะกันพร้อมกับกอดลาเมื่อรถไฟมาถึงสถานีคิงครอส แอนนาย้ำนักย้ำหนาว่าถ้ามีโอกาสให้มาหาเธอบ้าง เพราะเธออาศัยอยู่ในลอนดอนเช่นเดียวกัน


    “บ้ายบายแอนนา อลิซ เจอกันเปิดเทอมนะ” ฉันโบกมือลาเพื่อนทั้งสอง เมื่อเห็นว่าเพื่อนหายไปลับสายตาแล้วจึงกลับมานั่งรอพ่อที่ม้านั่ง ไม่นานก็เห็นพ่อกึ่งเดินกึ่งวิ่งรีบมา


    “ขอโทษด้วยลูก พ่อสายไปหลายนาทีเลย” ผู้เป็นพ่อขอโทษลูกสาวอย่างรู้สึกผิด คนอย่างโจนาธาน โรซิเออร์นั้น จริงจังกับเรื่องเวลายิ่งกว่าเรื่องไหนๆ การมาสายจึงถือเป็นความผิดพลาดที่พ่อถือเป็นเรื่องใหญ่


    “ไม่เป็นไรค่ะ เราจะไปบ้านใหม่กันได้รึยัง”


    “ลูกคงตื่นเต้นสินะ ห้องนอนลูกพ่อยังไม่ได้ตกแต่งอะไรมาก พรุ่งนี้เราไปซื้อเฟอร์นิเจอร์มาแต่งห้องกันดีไหม พ่อเห็นวัยรุ่นโนแมจเขาเล่นอะไรกันนะ คอมพิวเตอร์ใช่ไหม ลูกรู้รึเปล่าว่ามันใช้ทำอะไรได้บ้าง พ่อคิดว่าเราน่าจะมีไว้สักเครื่อง แต่รอลูกมาก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปเลือกซื้อด้วยกัน” พ่อร่ายยาวด้วยความตื่นเต้น ฉันคิดว่าคนที่อยากแต่งห้องและใช้คอมพิวเตอร์คือพ่อมากกว่า พ่อชอบอะไรที่พวกวัยรุ่นชอบ และพยายามชวนฉันเข้าร่วมด้วยเสมอ อย่างเช่นสเก็ตบอร์ด พ่อว่ามันน่าสนุกดี และมันก็สนุกจริงๆ ครั้งนึงพ่อเคยชวนฉันไปแคมป์ปิ้งแบบโนแมจกัน และมันก็เละไม่เป็นท่าเพราะพ่อพยายามจับปลาด้วยมือเปล่าและก่อไฟโดยไม่ใช้เวทมนต์ และพ่อฉันคงเป็นยอดมนุษย์ถ้าทำได้ สุดท้ายเราก็จบลงที่เบอร์เกอร์ในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดหน้าอุทยาน ถ้าฉันเอาไปบอกใคร คงไม่มีใครเชื่อว่าโจนาธาน โรซิเออร์ จะเป็นคนเช่นนี้…






    **ปาเข้าไปตอนที่ 7 แล้ว นิยายเรื่องนี้ก็ยังไม่มีชื่อเรื่อง 55555

    ไม่ใช่ว่าติสต์แตกหรืออะไร แต่คิดชื่อเรื่องไม่ออกค่ะ ชื่อตัวละครก็ยากพอแรงแล้ว ชื่อนิยายก็คือเว้นว่างไว้อย่างนั้นแหละ ใครอยากเสนอไรต์เตอร์ก็ยินดีสนองนะคะ


    ปล.2 ความจริงต้องไปฮอกส์มี้ตกันช่วงฮาโลวีนใช่ไหม แต่เราผิดพลาดเรื่องเวลานิดหน่อยเลยต้องไปฮอกมี้ตก่อนปิดเทอมแทน แหะๆ ขออภัยมา ณ. ที่นี้ด้วยนะคะ




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×