ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึก(ไม่)ลับ เด็กวิทย์ หัวใจศิลป์

    ลำดับตอนที่ #39 : ธรรมะ ฉบับ R@kung : เมื่อมี “ผู้ชนะ” ก็ต้องมี “ผู้แพ้”

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 618
      1
      8 ส.ค. 51

    สืบเนื่องมาจากวันนี้ผมไปแข่งตอบปัญหาอาเซียนที่กระทรวงการต่างประเทศมา แบบว่าเหนื่อยมากๆเลยขอบอก แต่สุดท้ายเราก็ไม่สามารถเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศได้ แอบเสียดายเหมือนกัน เพราะว่ากะจะเอาเงินทุนการศึกษาไปลงเรียนพิเศษที่ Da’vance เหะๆ สงสัยคงได้ไถเงินท่านแม่อีกแล้วสิเรา

     

    แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญที่ผมจะพูดก็คือ ในการแข่งขันทุกๆครั้ง แน่นอนว่า ในเมื่อมีคนชนะ ก็ต้องมีคนแพ้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราควรจะเข้าใจกับมัน บางคนทุ่มมาก ก็ย่อมที่จะเสียใจมากเป็นธรรมดา เหมือนเวลาเรารักใครสักคนหนึ่ง ยิ่งให้ความรักกับเขาไปมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น ถ้าเขาไม่รักเราเสียอย่าง (แอบเศร้า เนื่องจากมาจากประสบการณ์จริง -*-)

     

    เพื่อนผมมันเป็นคนขาดความมั่นใจชนิดรุนแรงขึ้นสมอง พอตอบผิดแล้วก็มัวแต่พูดถึงความผิดพลาดของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ผมก็อดรำคาญไม่ได้ พอผลออกมาว่าตัวเองแพ้ ก็มานั่งซึมเศร้า ทั้งๆที่ความจริงมันก็ไม่ได้ผิดที่ใครเลย เราอาจจะเตรียมตัวมาไม่ดีเอง ซึ่งตรงนี้ผมก็เข้าใจ ผมก็เลยตัดความเศร้าตรงนั้นได้ (แต่เสียตรงที่ไม่ได้เงินเนี่ยแหละ อิอิ) ต่อจากนั้นพวกเราก็ดูรร.อื่นแข่งต่อจนจบ มันก็ยังบ่นอุบ แหมม...... ถ้าทำใจได้ก็คงจะดีสิเนาะ

     

     

    เมื่อมี ผู้ชนะ ก็ต้องมี ผู้แพ้

     

    มันเป็นสัจธรรมจริงๆของชีวิต ว่าเมื่อมีผู้ชนะก็ย่อมมีผู้แพ้ อย่างที่ผมบอกไปว่ายังไงเราก็หนีไม่พ้นวัฏจักรนี้ไม่พ้นอยู่แล้ว

     

    ผมขอยกตัวอย่างเรื่องการสอบ Entrance ให้ฟังแล้วกันนะครับ

     

    ....เพื่อนๆรู้กันไหมว่า การที่คนๆหนึ่งจะสอบเข้าไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้นั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดั่งที่ทุกคนกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ ทั้งความเครียด ความกดดัน ที่มากมายมาทำให้เหนื่อยใจ ไม่เพียงแค่เรื่องการเรียน แต่เรายังมีเรื่องส่วนตัวอีกมากมาย มีแฟนก็ต้องคอยดูแลรักษาความสัมพันธ์ให้ดี มีเพื่อนก็ต้องคอยช่วยเหลือ มีครอบครัวก็ต้องช่วยกันแก้ปัญหาภายในบ้าน เห็นรึเปล่าว่าชีวิตเราคนหนึ่งๆนี้ มันมีเรื่องราวให้ทำตั้งมากตั้งมายเหลือเกิน

                    คนที่สอบ Entrance ติด ให้ลองมองย้อนไปถึงภูมิหลังของเขาดู คนที่ได้โอลิมปิกวิชาการ คนที่สอบได้ที่ 1 ของคณะต่างๆ คนที่ทำคะแนนได้สูงของแต่ละวิชา คนที่สอบหมอได้ ทุกคนล้วนแต่ผ่านการเล่าเรียนที่เคี่ยวเข็ญอย่างมากกันทุกคน คงไม่มีใครกล้าเถียงว่าบุคคลเหล่านี้ไม่มีความพยายามเอาเสียเลย เขาได้ทำความฝันของเขาให้เป็นจริงได้แล้ว แล้วตัวเราเองหล่ะ?

                    แน่นอน ทุกปีมีคนสอบติด ได้เข้าไปเรียนในคณะที่ตัวเองชอบ แต่ก็มีอีกหลายคนเลย ที่ไม่สามารถเข้าไปนั่งเรียนในมหาวิทยาลัยปิดของรัฐบาลได้ มีหลายคนนั่งโศกเศร้าเสียใจ มีหลายคนคิดสั้น มีหลายคนกำลังท้อแท้.... ซึ่งคนที่ผ่านบททดสอบอันนั้นมาได้อย่างราบรื่น คงไม่เกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นในใจแน่นอน....

                    ผมอยากจะคิดในอีกแง่มุมหนึ่ง ในขณะที่เรากระโดดดีใจกับผลสอบของตัวเอง ขึ้นแท่นรับรางวัลเมื่อชนะการแข่งขันระดับประเทศ หรือระดับโลก เคยรู้ไหมว่า... เรากำลังยืนเหยียบย่ำบนความรู้สึก ความคาดหวัง ความผิดหวัง ความทุกข์ของคนอื่นอยู่โดยไม่รู้ตัว ทั้งๆที่เขากับเราก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกัน มีความพยายามเหมือนๆกัน แล้วทำไมถึงไม่ใช่เขาที่ชนะ แต่เป็นเรา ในเวลาที่เราดีใจกันเกินเหตุ ไปจัดงานเลี้ยงอย่างใหญ่โต ยิ้มแฉ่งเมื่อได้ 4.00 เคยคิดถึงมุมเล็กๆตรงนี้บ้างรึเปล่า?

     

    ซึ่งจริงๆแล้ว เราโทษพวกเขาไม่ได้หรอก แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจมันเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ มีคนหัวเราะ ในอีกเวลาหนึ่งอาจจะมีคนกำลังร้องไห้อยู่ก็ได้

     

    ความจริงจะดีใจก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกครับ อะไรที่มันบรรลุตามความฝันของเราแล้ว คนเราย่อมจะดีใจเป็นธรรมดา เพียงแต่ผมอยากจะให้มามองในอีกมุมๆหนึ่ง อยากจะให้เข้าใจพวกเขาด้วย เมื่อชนะก็อย่าเย้ยผู้แพ้ และเมื่อแพ้ก็อย่าตั้งแง่กับผู้ชนะ นอกจากนั้น เราก็ควรจะหักห้ามอารมณ์ดีใจในขณะนั้นอย่าให้มันเกินไป ตั้งอยู่บนความพอดี แล้วชีวิตจะมีความสุขครับ ^^

     

    (...สาธุ....)

    (ธรรมะสวัสดี -/\-)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×