ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SFic Yaio SJ [Kang xTeuk]] **..!!เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้!!..**

    ลำดับตอนที่ #2 : เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้ : No.1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 236
      0
      24 เม.ย. 51

    Title : [SFic] เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้ : No.1
    Author : NoOTallNoi
    Pairings : KangIn X LeeTeuk
    Rating :???
    Credite Song : เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้ วง Prince
    Note : ไม่เคยแต่งฟิคเศร้าเลยไม่รู้ว่าจะออกมาดีรึเปล่า ปกติแต่งเป็นแต่ฟิครั่ว เหอๆ มาถึงตอนนี้ก็เริ่มงงกับตัวเองละ ว่าเรื่องจะออกมาเป็นแนวไหน แต่งไปขัดใจตัวเองไป เอาเป็นว่าลองไปอ่านดูละกันเน้อ

    ปล..คอมเม้นท์  คือ  กำลังใจ  ของ  คนแต่ง ^O^
     
    ----------------------------------------
     
    เวลาสายๆของเช้าอีกวันหนึ่ง คังอินตื่นเช้าเป็นพิเศษ วันนี้เขาไม่มีงานทั้งวัน ซึ่งเป็นอะไรที่โชคดีมาก หลังจากที่เขาต้องหอบสังขารเฝ้าทำงานติดต่อกันมาหลายวันจนสายตัวแทบขาด ในที่สุดวันของเขาก็มาถึงสักที ขาอวบวาดขึ้นมาไขว่ห้างราวกับผู้ที่มียศสูงศักดิ์กำลังว่ากล่าวลูกน้อง ข้างตัวมีร่างบางของรุ่นพี่ร่วมวงอีกคนกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ ซึ่งต่างกับเขา ต่างกันตรงที่ถึงสายตาของเขากำลังจับจ้องไปยังหน้าจอทีวีสี่เหลี่ยมเบื้องหน้า แต่ในหัวสมองกับหวนคิดถึงคนตาสวย คนพิเศษของเขาที่ออกไปทำงานแล้วตั้งแต่เช้าตรู่ วันนี้ค่อนข้างอากาศหนาว ไม่รู้ว่าเอาเสื้อโค้ทไปด้วยหรือป่าว? เมื่อคืนก็มัวแต่นั่งรอเขาจนดึกจนดื่น จะได้นอนหลับพักผ่อนเพียงพอรึป่าวก็ไม่รู้?
     
    ความคิดของคังอินต้องหยุดชะงักลงเสียแค่นั้น เมื่อเสียงเพลงโทรศัพท์ของร่างบางข้างตัวดังลอดเข้ามาในโสดประสาทการรับรู้ แต่เจ้าของเครื่องกลับขี้เกียจที่จะเอื้อมมือไปหยิบมันมารับ มือเล็กของฮีชอลควานสะเปะสะปะบนเบาะโซฟานุ่ม ก่อนที่มือเล็กจะหยิบมือถือที่กำลังสั่นเครือๆอยู่ขึ้นมากดรับด้วยความรำคาญใจ เสียงหวานของเจ้าตัวพูดกรอกลงไปเนือยๆ
     
    โซ วอ นี อิด นา โย yeah มา แร บวา โย ever more ฮน จา ฮา นึน ซา ราง yeah คือ กอน อล ชี อาน ชโย......
     
    ฮัลโหลว่าไงอีทึกเมื่อได้ยินชื่อของคนที่โทรเข้ามา คังอินก็รีบหันขวับไปมองร่างบางข้างตัวทันทีอย่างกระตือรือร้น ซึ่งต่างจากอีกคนที่กำลังรับโทรศัพท์อยู่ ใบหน้าสวยแสดงออกถึงความหงุดหงิดได้อย่างชัดเจน ฮีชอลหยิบรีโมททีวีขึ้นมากดเบาเสียงลงเพื่อจะคุยกันได้สะดวกขึ้น
     
    [อ๊ะ...ฮีชอลหรอ นายช่วยอะไรชั้นหน่อยสิ]
     
    จะให้ชั้นช่วยอะไรละย่ะ แม่นางฟ้าฮีชอลกรอกตาไปมาเริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย นิ้วเรียวถูกยกขึ้นมาแคะเล็บเพื่อฆ่าเวลาอันแสนน่าเบื่อนี้
     
    [เอ่อ...คือ ชั้นลืมแฟ้มงานไว้บนโต๊ะในห้องอะ นายช่วยเอาให้ชั้นทีสิ]
     
    อืมๆๆๆ ได้ๆๆ เดี๋ยวชั้นเอาไปให้ละกัน จนได้ล่ะนะ นางฟ้าของพวกเขา รีบจนชอบลืมของอยู่เป็นประจำ ทำให้คนอื่นต้องพลอยลำบากนั่งรถเอาของไปให้อยู่เรื่อย เสียงหวานตอบตกลงด้วยความจำใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่างานนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่ จะไม่เอาไปให้ก็กระไรอยู่ ท่าทางจะเป็นของสำคัญ ดูน้ำเสียงร้อนรนผิดปกติ
     
    [จ้ะ ขอบใจมากจ้ะฮีชอล งั้นแค่นี้นะ.....ตี๊ด]
     
    อ๊ะ.....เดี่ยวอีทึก....อีทึก.....เห้อ วางไปซะละ จะรีบไปไหนกันเนี่ย หลังจากที่อีทึกกล่าวขอบคุณเพื่อนซี้ของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอก็รีบกดวางสายไปทันที ฮีชอลที่นึกขึ้นมาได้เมื่อครู่นี้ว่าตอนสายๆเขามีงาน กะว่าจะเอ่ยปฏิเสธไปเสีย แต่มันก็ไม่ทันซะแล้ว เฮ้อ..............แล้วจะเอายังไงต่อไปล่ะเนี่ย?
     
    จมูกโด่งรั้งของซินเดอเรลล่าผ่อนลมหายใจออกมาค่อนข้างจะหนักหน่วงพอดู มือบางหย่อนเจ้ามือถือตัวการที่ทำให้ตัวเขาต้องลำบากลงในกระเป๋ากางเกงอย่างเรียบร้อย สีหน้าเริ่มดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด จนคังอินที่นั่งฟังเหตุการณ์อยู่นานต้องเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง อดกังวลไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรร้ายแรงรึป่าว เมื่อเห็นว่าร่างบางคุยเสร็จก็เริ่มทำหน้าเคร่งเครียดแบบนั้น คิ้วหนาขมวดเข้ามากันเพื่อรอฟังคำตอบ
     
    มีอะไรหรอครับพี่ฮีชอล
     
    ก็อีทึกนะสิ ดันลืมแฟ้มงานไว้ในห้อง เลยโทรมาบอกให้ชั้นเอาไปให้ ฮีชอลไขข้อข้องใจให้กับรุ่นน้องร่างอวบ เจ้าตัวลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เนื้อตัวขยับกระสับกระส่าย รู้สึกไม่ค่อยไม่สบายเนื้อสบายตัว คังอินเพียงแค่พยักหน้ารับรู้เท่านั้น
     
    อ่อครับ
     
    แต่ชั้นเพิ่งนึกขึ้นมาได้เมื่อกี้นี้เอง ว่าชั้นมีงานตอน 10 โมง จะต้องรีบไปแล้ว ถ้าเอาไปให้อีทึกตอนนี้คงไม่ทันแน่ ทำไงดีเนี่ย โอ๊ย จะทำไงดี คราวนี้รูปร่างสวยเริ่มลุกขึ้นเดินวนไปวนมาเบื้องหน้าของคังอิน ทำให้เขารู้สึกเวียนหัวขึ้นมาตะหงิดๆ แต่ร่างสวยนั้นก็ยังคงไม่หยุดเดินไปเดินมาเสียที
     
    พี่ก็วานคนอื่นให้เอาไปให้พี่อีทึกสิครับ และคำพูดนี้นี่แหละ ที่ทำให้ฮีชอลหยุดฝีเท้าลงได้โดยอัตโนมัติ นิ้วเรียวดีดกระทบกันดังเปราะเหมือนกับกำลังคิดอะไรบางอย่างออก ดวงตาคมเหลือบซ้ายแลขวา ก่อนจะมาสะดุดลงกับร่างท้วมของรุ่นน้องที่มีฉายาว่า เจ้าหมี มุมปากสวยแย้มยิ้มอย่างชอบอกชอบใจ ขาเรียวพาเจ้าตัวตรงดิ่งเข้ามาหาร่างสูงที่นั่งมองตนเองอยู่บนโซฟา พร้อมกับมือบางที่เอื้อมมาแตะลงบนไหล่กว้าง คังอินสบตากับฮีชอลอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
     
    เออ...ใช่ แล้วชั้นจะวานใครดีละ อ๊ะ นายนั่นแหละคังอิน เอาไปให้อีทึกทีสิ ร่างบางออกความคิดเห็น ดวงตาเป็นประกายจับจ้องมาที่คังอินนิ่งเป็นเชิงลองใจ นิ้วเรียวบนไหล่กว้างกระดิกน้อยๆอย่างกับขอคำตอบที่ถูกใจ
     
    หะ ผมหรอ o_O” คังอินทำตาโต ไม่เชื่อหูของตัวเอง เรียวนิ้วหนาชี้เข้าหาตัวเองเพื่อขอความมั่นใจจากรุ่นพี่ร่วมวงตรงหน้า ฮีชอลยิ้มร่าพยักหน้าให้แทนคำตอบ
     
    อืม นายนั่นแหละ วันนี้ว่างทั้งวันไม่ใช่หรอ ช่วยเอาไปให้แทนชั้นทีนะ ขอบใจมาก
     
    อ่ะ ครับๆๆ พอร่างบางว่าจบก็สะบัดก้นงอนของตัวเองเดินออกไปจากห้อง โดยทิ้งภาระอันหนักอึ้งเอาไว้ให้คังอินได้รับผิดชอบต่อไป มือหนายกขึ้นมาเกาท้ายทอยแกรกๆ เอาว่ะ เพื่อพี่อีทึก จะลำบากแค่ไหนเราก็ต้องฝ่าฝันไปให้ได้
     
    คังอินเดินเข้ามาในห้องของหัวหน้าคนสวยประจำวง ภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆถูกตกแต่งเอาไว้อย่างเรียบง่าย แต่ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ข้าวของถูกจัดวางลงตรงที่ของมันอย่างมีสุขลักษณะ ซึ่งต่างจากห้องของเขาโดยสิ้นเชิง ก็อย่างนี้แหละ คนตาสวยเขาเป็นหัวหน้าวงนี่ อะไรๆก็ต้องดูเนี้ยบอยู่ตลอดเวลา
     
    พอสำรวจห้องของคนตาสวยจนพอใจแล้ว ดวงตาคมก็สอดส่องไปทั่วโต๊ะเขียนหนังสือข้างมุมหนึ่งของห้องเพื่อมองหาเจ้าซองเอกสารตัวการที่ทำให้เขาต้องมาลำบากลำบนแบบนี้ แล้วก็เห็นมันอยู่ไวๆตรงข้างใต้ของแท่นเสียบปากกาที่วางทับกันอยู่ คังอินไม่รอช้า ตรงเข้าไปหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะรีบนั่งรถไปหาเจ้าของซองเอกสารนี้ทันที
     
     
     
     
     
     -----------------------------------------
    และเมื่อมาถึงหน้าสถานีโทรทัศน์ชื่อดังที่คนตาสวยกำลังถ่ายทำรายการอยู่ ขาอวบของคังอินก็รีบพาเจ้าตัวทะยานเข้าสู่ด้านในตัวตึกอย่างรวดเร็ว พอขึ้นลิฟท์มาถึงที่ชั้นที่ห้องอัดรายการอยู่ คังอินก็ผลักบานประตูสตูดิโอเข้าไปทันที เหล่าสต๊าฟหลายคนกำลังวิ่งวุ่นไปรอบๆห้องดูวุ่นวายชอบกล บ้างก็กำลังจัดกล้องและไฟแฟลชให้เข้าที่ บ้างก็กำลังเสิร์ฟน้ำให้กับดาราที่มาอัดรายการ ใช่ รวมทั้งอีทึกด้วย เขาเห็นหลังไวๆว่าคนตาสวยกำลังนั่งอ่านบทสคริปอยู่ข้างหลังฉากผ้าม่านผืนใหญ่ คังอินไม่รอช้า รีบเร่งพาตัวเองเดินเข้าไปหาร่างบางของหัวหน้าวงทันที และเมื่อเจ้าตัวเห็นร่างสูงกำลังเดินตรงเข้ามา เธอจึงยอมละสายตาออกมาจากบทที่กำลังท่องอยู่อย่างขมักเขม้น คิ้วสวยที่ถูกเขียนมาให้เท่ากันขมวดเข้าหากันจนเป็นปม ดวงตาพราวไล่มองตั้งแต่หมวกไหมพรมใบสวยที่คังอินใส่มา จนกระทั่งลงมาถึงแฟ้มเอกสารกับเสื้อโค้ทตัวโปรดของเขาในอ้อมแขนแกร่งของร่างสูง คนตาสวยช้อนตามองคนตรงหน้าอีกครั้ง
     
    อ๊ะ คังอิน นายมาทำอะไรที่นี่ละ วันนี้นายไม่มีงานไม่ใช่หรอ เสียงหวานใสเอ่ยถาม รอยยิ้มใจดีถูกฉาบอยู่บนใบหน้าเรียวรูปไข่ไม่เคยเลือนหาย
     
    ผมเอาแฟ้มงานมาให้พี่น่ะครับ  พอดีว่าพี่ฮีชอลติดงานด่วน เลยวานให้ผมเอามาให้ คังอินตอบข้อข้องใจของคนตาสวยให้หายกังวล มือหนายื่นแฟ้มเอกสารให้อีทึก พร้อมกับไม่ลืมส่งเสื้อโค้ทสีสวยให้เจ้าตัวด้วย นางฟ้าประจำวงรับมันมาอย่างงุนงงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร เสียงหวานบ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อยเปื่อย จนสามารถเห็นรอยย่นตรงหางตาได้อย่างชัดเจน
     
    อ้าว หรอแล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก นายเลยต้องเหนื่อยเพราะพี่เลยดูสิ ปากเรียวสวยยังคงบ่นไปพลางเปิดเอกสารออกดูไปพลาง ดวงตาสวยกวาดสายตามองสำรวจไปทั่วภายในซองเอกสารว่ามีอะไรขาดตกหล่นหายไปบ้างหรือป่าว? แต่เมื่อเห็นว่าทุกอย่างอยู่กันครบถ้วน ก็ยอมละมืออกจากซองเอกสารแต่โดยดี ก่อนจะวางมันไว้ที่โต๊ะวางของข้างๆตัว
    รอยยิ้มเสน่หายังคงฉาบอยู่บนใบหน้าหวานนั้นตลอดเวลา
     
    ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเต็มใจ^^ คังอินยิ้มบางๆให้เช่นกัน มือหนายกขึ้นมาเกาท้ายทอยเพื่อแก้เขิน พอเห็นรอยยิ้มนั้นจากคนตาสวยทีไร หัวใจมันพาลจะเต้นแรงอยู่เรื่อยเลยสิน่าเรา..................
     
    อะ...อืม งั้นพี่ขอตัวไปทำงานก่อนนะ >////<
     
    ครับ
     
    เพราะร่างสูงมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเขินอายอยู่ จึงไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าที่ใบหน้าใสของคนตาสวยก็มีสีแดงขึ้นน้อยๆเช่นกัน คนตาสวยก็อดเขินไปด้วยไม่ได้ เมื่อได้เห็นท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของร่างสูงแบบนั้น ก่อนจะรีบขอตัวเดินผละออกไป อีทึกเหลียวหันกลับมามองร่างของรุ่นน้องร่วมวงอีกครั้ง และเมื่อเห็นว่าคังอินก็มองมาที่เขาอยู่เช่นกัน คนตาสวยก็จำใจยอมเดินจากออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
     
    อ๊ะ เดี๋ยวคังอิน บ่ายนี้นายว่างรึเปล่า แต่เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ขาเรียวก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้ง ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบวิ่งตักๆเข้ามาหาคังอินใหม่อีกหน เสียงหวานก็ร้องเรียกร่างสูงที่กำลังจะเดินออกไปจากห้องอัดเอาไว้ด้วย คังอินหยุดฝีเท้าเอาไว้แค่นั้น ก่อนจะหันหลังกลับมามอง ก็เห็นคนตาสวยกำลังเดินเข้ามาหาตัวเอง อีทึกหยุดยืนตรงเบื้องหน้าของเขา
     
    ว่างครับพี่ วันนี้ผมไม่มีงาน
     
    งั้นไปเดินซื้อของเป็นเพื่อนพี่หน่อยสิ พี่ไม่อยากไปคนเดียวหน่ะ นะ...น้าาาาา เสียงหวานเริ่มออดอ้อนพร้อมกับส่งสายตาอันแสนเว้าวอนมาให้ มีที่ไหนล่ะที่คังอินคนนี้จะไม่ยอมตอบตกลงน่ะ โอกาสอยู่ตรงหน้าขนาดนี้แล้ว คังอินทำหน้าตาเลิกลั่กอยู่ชั่วครู่ แต่ก็ยอมตอบตกลงไปแต่โดยดี เพราะถ้าปล่อยให้คนตาสวยไปคนเดียวคงไม่ค่อยดีแน่
     
    เอ่อ.....คะ...ครับ ได้ครับ งั้นผมนั่งรอพี่ตรงนี้ละกันนะฮะ
     
    เย้ คังอินใจดีที่สุดเลย อิอิ ฟอดดดด งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ แล้วจะรีบออกมาหา ไปละ^^ ร่างเล็กกระโดดโลดเต้นไปมารอบๆด้วยความดีใจ จนเผลอตัววิ่งเข้ามาหอมแก้มร่างสูงซะอย่างนั้น ก่อนจะออกตัววิ่งจากไปอีกครั้ง
     
    O_O”
     
    ตอนนี้คังอินตาค้างเหมือนไก่ตาแตก เมื่อกี้มันคืออะไรกัน มะ เมื่อกี้? โอ้ววว พี่อีทึกทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้วสินะ มันดีแน่แล้วเหรอที่คนตาสวยทำกับเขาแบบนี้? มาทำให้มีความหวัง แล้วพอตอนหลังก็สลัดทิ้งปัดความรับผิดชอบ........
     
    คังอินหยุดคิดเอาไว้เสียแค่นั้น เพราะถ้ามัวแต่เก็บเอาไปคิดมาก มันก็คงทำให้ปวดหัวป่าวๆ นาทีต่อมา ขาเรียวพาเจ้าตัวเดินออกไปจากห้องอัดรายการเพื่อไปรอคนตาสวยที่ล๊อบบี้ข้างล่าง
     
    ---------------------------------------------
     
    1 ชั่วโมงผ่านไป
     
    หลังจากที่คนตาสวยเสร็จจากการอัดรายการเรียบร้อยแล้ว ก็รีบลงมาหาคังอินที่ล๊อบบี้ด้านล่างทันที เมื่อครู่เห็นหลังไวๆอยู่แถวๆโซฟารับแขกที่ตั้งอยู่ตรงมุมค๊อฟฟี้ช๊อป อีทึกไม่รอช้า รีบตรงดิ่งเข้าไปหาคังอินในทันที ร่างสูงกำลังนั่งจิบกาแฟรอคนตาสวยอยู่พอดี เสียงหวานเอ่ยถามมาแต่ไกลๆ ทั้งๆที่ยังเดินมาไม่ถึงด้วยซ้ำ คังอินละสายตาจากนิตยสารตรงหน้า หันไปมองเจ้าของต้นเสียงที่กำลังวิ่งดักๆเข้ามาหาตัวเอง
     
    รอพี่นานรึเปล่าคังอิน รอยยิ้มเสน่หาถูกฉาบอยู่บนใบหน้าสวย ร่างสูงแย้มยิ้มบางๆให้เช่นกัน ก่อนจะเอ่ยถามคนตาสวยกลับ
     
    ไม่หรอกครับ ว่าแต่งานพี่เสร็จแล้วหรอฮะ
     
    อื้ม พอดีว่าช่วงของพี่หมดแล้ว พี่ก็เลยขอตัวออกมาก่อนหน่ะ กลัวว่านายจะรอนาน อีทึกยิ้มกว้างจนตาหยี โชว์รอยลักยิ้มตรงแก้มบุ๋มล่อตาล่อใจ ท่าทางแบบนั้นทำให้คังอินอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวสมอง
     
    ไม่เป็นไรหรอกครับ นานแค่ไหนผมก็รอได้   ก็ในเมื่อผมรอพี่มาตลอด.... ดวงตากลมโตที่เคยฉายแววร่าเริงอยู่เมื่อครู่นี้ หลุบต่ำลงไม่กล้าสบตากับคนตรงหน้าอีกต่อไป นิ้วเรียวกำเข้าหากันแน่นจนปลายเล็บแหลมจิกลงบนฝ่ามือหนา เกิดเป็นรอยแผลลึกน่ากลัว ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นจนเกิดเป็นเส้นบาง เสียงทุ้มที่ดังอู้อี้อยู่ในลำคอฟังแล้วแทบจับใจความไม่ได้
     
     
    รอพี่มาทั้งชีวิต
     
    รอคอยเวลาที่พี่จะหันมามองผมบ้างในฐานะคนรัก ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมวง
     
    ถ้าจะให้ผมรอพี่อีกสักนิด คงไม่เป็นไรหรอกครับ
     
     
    หะ เมื่อกี้นายว่าอะไร พี่ได้ยินไม่ค่อยชัดอ่ะ คิ้วที่ถูกเขียนมาให้เท่ากันอย่างสวยงามขมวดเข้าหากันดูยุ่งเหยิง พยายามเงี่ยหูฟังริมฝีปากอิ่มที่กำลังขยับขึ้นลงเพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง คังอินเห็นดังนั้นจึงรีบบอกปัดไปทันที
     
    ปะ...เปล่า ครับ ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่เราจะไปไหนกันต่อละครับ ร่างสูงเริ่มหาเรื่องอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจของคนตาสวย เพื่อนำมาปิดบังอาการพิรุธของตัวเอง ฝ่ามือหนาง่วนอยู่กับการเก็บข้าวของบนโต๊ะดื่มกาแฟใส่ลงในกระเป๋าเป้คู่ใจ ก่อนจะรูดซิปปิดอย่างแน่นหนา
     
    อ่อ พอดีว่าพี่อยากได้นาฬิกาเรือนใหม่หน่ะ เรือนเก่าเจ้ากระต่ายน้อยทำตกแตกไปซะแล้ว แล้วพี่ก็อยากไปซื้อของใช้ส่วนตัวด้วย หมดทุกอย่างพอดีเลย งั้นพี่ว่าเรารีบไปกันเถอะ เดี่ยวมันจะค่ำซะก่อน
     
    อ๊ะ ครับๆๆ แล้วอีทึกก็เข้ามาจูงมือคังอินพร้อมกับพาร่างสูงก้าวเดินออกไป ฝ่ามือใหญ่กระชับมือบางๆนั้นเข้ามายิ่งขึ้นอีก เหมือนกับจะสื่อความหมายอะไรสักอย่างให้คนข้างตัวได้รับรู้ แต่ดูเหมือนกับว่าความในใจของเขา มันคงจะไม่มีวันที่จะสื่อไปไม่ถึงคนตาสวยได้เลย
     
    ช่างอบอุ่นเหลือเกิน ฝ่ามือเล็กที่กำลังเกาะกุมฝ่ามือนุ่มของเขาอยู่ มันช่างอบอุ่นยิ่งกว่าสิ่งใด ฝ่ามือเล็กที่เขาพยายามจะไขว่คว้ามาไว้ในครอบครอง แต่นี่ล่ะ ครั้งแรกที่ทำให้จิตใจของเขาพองโตจนห้ามไม่อยู่ และมันก็จะเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสินะที่เขาจะมีโอกาสได้ทำแบบนี้ ความอบอุ่นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เขาจะสามารถรับได้ จากบุคคลที่ได้ชื่อว่า
    หัวหน้าวง





    ณ.     มยองดง ในร้านขายนาฬิกาหรูแห่งหนึ่ง
     
    ร่างบางของใครคนหนึ่งกำลังง่วนอยู่กับการเลือกนาฬิกาเรือนใหม่ตรงหน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงิน ซึ่งดูเหมือนว่านาฬิกาทั้งสองเรือนบนข้อมือเล็กทั้งสองข้างจะถูกใจคนตาสวยไปเสียหมด เรือนหนึ่งเป็นสีขาว ฝังเพชรเล็กๆตรงเข็มนาฬิกาและสามารถกันน้ำได้ ส่วนอีกเรือนเป็นสีชมพูหวานแวว ดีไซน์ลายการ์ตูนไว้อย่างน่ารัก เหมาะกับวัยรุ่นยุคใหม่นี้
     
    คังอินนน มาช่วยพี่เลือกหน่อยสิ ว่าจะเอาเรือนไหนดี เรือนนี้ก็สวย เรือนนี้ก็เก๋ดี อ๊าาา พี่เลือกไม่ถูกเลยอะหลังจากที่ใช้เวลาเลือกอยู่นาน ในที่สุดอีทึกก็ตัดสินใจไม่ได้เสียที จนต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากร่างสูงข้างตัว
    ใบหน้าสวยแสดงถึงความลำบากใจเป็นอย่างมาก ดวงตาคมละจากหน้าจอมือถือยี่ห้อดังในมือของตัวเองมามองหน้าคนตาสวย ก่อนจะพับฝามันลงแล้วหย่อนลงไปในกระเป๋ากางเกงตามเดิม
     
    ถ้าพี่เลือกไม่ถูก พี่ก็ซื้อทั้ง 2 เรือนเลยสิฮะ เสียงทุ้มตอบกลับแบบขอไปที หยิบนาฬิกาทั้งสองเรือนที่อีทึกเพิ่งถอดออกมาเมื่อครู่ขึ้นมาพิจารณาดู ใบหน้าสวยงอลงทันที พร้อมกับทำแก้มป่องเหมือนเด็กๆที่ถูกพ่อแม่ขัดใจ มือเล็กกระชากนาฬิกาในมือของคังอินกลับไปถือไว้ตามเดิม
     
    อ๊าา คังอินบ้า จะให้พี่ซื้อไปทำไมตั้ง 2 เรือนละ นายอะ ช่วยพี่เลือกหน่อยสิ น้า น้าาา คนตาสวยเริ่มเข้ามาออดอ้อนคังอินอย่างน่ารัก ด้วยการเอาหัวกลมๆของตัวเองถูไถไปมาตรงต้นแขนแกร่งของเขา จนคังอินอดที่จะเอ็นดูกับท่าทางแสนน่ารักของคนตาสวยไม่ได้ พลางในใจก็ครุ่นคิดไปด้วยว่า อย่าอ้อนได้มั้ยฮะพี่อีทึก รู้ไหมว่ามันทำให้ผมแทบคลั่ง หัวใจของผมจะสลายอยู่ลอมล่ออยู่แล้ว
     
    ฮ่าๆๆ ผมล้อเล่นนะครับพี่ ไหนพี่ลองใส่ให้ผมดูหน่อยสิครับ คังอินออกความคิดเห็น ริมฝีปากอิ่มแย้มยิ้มอ่อนโยนไปให้คนตัวเล็กข้างตัว รอยยิ้มนั้นแอบทำให้อีทึกใจเต้นอยู่เหมือนกัน คนตาสวยพยักหน้าให้อย่างเข้าใจ ก่อนจะลงมือสวมนาฬิกาให้คังอินดู
     
    อื้มๆๆ นาฬิกาทั้งสองเรือนถูกสวมลงบนข้อมือเล็กเรียบร้อย เรือนสีขาวสวมอยู่ที่ข้างซ้าย เรือนสีชมพูสวมอยู่ที่ข้างขวา คังอินลูบคางมนของตัวเองไปมาอย่างครุ่นคิดหนัก เรือนนี้ก็สวย เหมาะกับอีทึกดี ส่วนเรือนนั้นก็เท่ ทันสมัยแบบมีสไตล์ หลังจากที่นั่งตัดสินใจเลือกแทนคนตาสวยอยู่นานสองนาน คังอินก็ได้ข้อสรุปให้กับตัวเอง.........
     
    ผมว่า เรือนสีขาว เหมาะกับพี่ดีนะครับ ผมชอบ^O^”
     
    นายชอบงั้นหรอ อืมมม ตกลงเอาเรือนนี้ละกันครับ คนตาสวยเออออกับร่างสูงไปด้วย พร้อมกับหันไปบอกพนักงานที่ยืนรอทั้งสองอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าสวยแอบฉายแววเสียดายกับนาฬิกาอีกเรือนไม่ได้ จนคังอินสังเกตเห็น
    ฝ่ามือหนาเอื้อมไปจับข้อมือเล็กที่กำลังจะยื่นนาฬิกาเรือนนั้นไว้ เพราะไม่อยากฝืนใจอีทึก อยากจะให้เขาอยากได้ในสิ่งที่ตัวของเขาเองต้องการ คนตาสวยหันขวับมามองอย่างไม่เข้าใจ
     
    อ๊ะ พี่อีทึก ถ้าพี่ไม่ชอบ พี่ไม่ต้องซื้อตามที่ผมบอกก็ได้
     
    ไม่หรอก นายชอบ พี่ก็ชอบ^^” รอยยิ้มใจดีถูกส่งมาให้ร่างสูงเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ภายในรอบวัน ข้อมือเล็กที่ถูกฝ่ามือหนารัดกุมอยู่ ผละออกมาในที่สุด ก่อนจะหันไปยื่นนาฬิกาให้พนักงานขายที่ยืนรออยู่นานแล้ว คังอินไม่ได้ทักท้วงอะไร ก็อดไม่สบายใจไม่ได้อยู่ดี ก็เขาไม่อยากบังคับใจอีทึกนี่.............
     
    .........................
     
    เมื่อซื้อนาฬิกาเสร็จแล้ว ทั้งสองคนยังคงไม่กลับบ้าน ขาเรียวสองคู่ก้าวเดินเรื่อยเปื่อยไปตามศูนย์อาหารขนาดใหญ่ภายในมยองดง ผ่านร้านอาหารร้านนู้นร้านนี้บ้าง แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะแวะเข้าไปรับประทานอาหารที่ร้านไหนดี ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างของคังอินเต็มไปด้วยถุงกระดาษหลากหลายสี ที่ด้านในบรรจุไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่คนตาสวยหาซื้อมาเป็นของตัวเอง
     
    คังอิน พี่หิวแล้วอ่ะ เราไปหาอะไรกินกันเถอะนะ ในที่สุดอีทึกก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เมื่อท้องน้อยๆของเขามันเริ่มร้องประท้วงว่า หิวข้าวแล้ว มือเล็บเลื่อนลงมาลูบท้องตัวเองป๋อยๆ พร้อมกับหันมาทำสายตาอ้อนวอนร่างสูงที่เดินอยู่ข้างๆกัน คังอินไม่พูดอะไร เพียงแต่พยักหน้ารับรู้เท่านั้น
     
    “(- -)(_ _)(- -)”
     
    ว่าแต่นายอยากกินอะไรรึเปล่า
     
    แล้วแต่พี่ละกันครับ พี่กินอะไร ผมก็กินได้หมดทั้งนั้นแหละ
     
    นายนี่น่ารักที่สุดเลยน้า พี่ละรักนายจัง อิอิ มือเล็กเอื้อมขึ้นมาหยิกแก้มยุ้ยๆนั้นเบาๆอย่างสนุกสนาน แต่สิ่งที่ทำให้คังอินตะลึงที่สุด น่าจะเป็นคำพูดที่หลุดออกมาจากคนตาสวยต่างหาก คำบอกรักของเจ้าตัว คำบอกรักงั้นเหรอ?
     
    ..................
     
    ใบหน้าคมก้มต่ำลงไปมองที่ปลายจมูกโด่งเป็นสันของตัวเอง อาการหมองเศร้าเริ่มเข้ามาปกคลุมร่างกายของเขาเอาไว้ มันเหมือนมีเมฆครึ้มดำลอยปะปนอยู่รอบกายเต็มไปหมด คำพูดที่ดูเหมือนจะไม่ได้มาจากความตั้งใจจริงของอีทึก มันทำให้เขารู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาที่หัวใจ ราวกับมีใครเอามีดนับพันเล่มมาทิ่มแทงมัน มันเจ็บ เจ็บจนเกือบจะทำให้น้ำตาไหล...............
     
     
    รัก พี่บอกว่า พี่รักผมงั้นหรอ?
     
    ผมควรจะดีใจใช่มั้ย ที่พี่บอกรักผม
     
    หรือผมควรจะเสียใจ กับคำพูดของพี่ดีละ
     
    ก็ในเมื่อความรักของพี่ที่ให้ผม มันไม่ได้อยู่ในฐานะที่ผมต้องการ.....
     
     
    คังอิน นายเป็นอะไรรึเปล่า พี่เห็นนายเงียบๆมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว มีอะไรก็บอกพี่ได้นะ เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เขาสังเกตอาการแปลกๆอย่างนี้ของคังอินมาหลายครั้ง อาการที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่ยอมพูดอะไรแบบนี้ มันทำให้เขาอึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออก มือเล็กเลื่อนขึ้นมาสัมผัสที่หน้าผากกว้างของคนตรงหน้าเพื่อจะหวัดระดับไข้ การกระทำแบบนั้นของคนตาสวย ทำเอาคังอินสะดุ้งตกใจเล็กน้อย หน้าผากหนาละออกมาจากหลังมือบางนั้นช้าๆ อยากจะหลบสัมผัสที่มักจะทำให้เขาเจ็บปวดอยู่เสมอนี้ไปให้ไกลๆ หลบหนีมันไปให้ไกลแสนไกล ไม่อยากรับรู้กับสัมผัสบางเบานี้อีก
     
    ปะ...เปล่าครับพี่ ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่ทานไปเถอะ  เดี๋ยวจะไม่อิ่มนะ เสียงทุ้มกล่าวปฏิเสธโดยสิ้นเชิง พยายามหลีกเลี่ยงไปพูดเรื่องอื่น มือหนาควานหาส้อมมากำไว้ในมือ ก่อนจะเริ่มม้วนเส้นสปาร์เก็ตตี้ในจานลายสวยตรงหน้าเข้ามาใส่ปาก แล้วเคี้ยวตุ้ยๆไม่สนใจสิ่งรอบข้างอีกต่อไป
     
     
     
    อื้ม นี่คังอิน ตอนขากลับเดี๋ยวเราแวะซื้อขนมไปฝากพวกน้องๆดีกว่าเนอะ เห็นซองมินบ่นอยากกินเค้กอยู่ด้วย^^
     
    ตอนแรกอีทึกแอบสงสัยนิดๆไม่ได้ว่าวันนี้คังอินเป็นอะไรไปรึป่าว ถึงชอบเหม่อลอยอยู่หลายครั้ง เมื่อครู่นี้ก็รอบที่สามแล้ว แต่เมื่อเจ้าตัวบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร เขาก็ไม่อยากจะเซ้าซี้ให้ร่างสูงรำคาญใจ จึงเลือกที่จะนั่งเงียบๆแล้วรับประทานอาหารส่วนของตัวเองต่อไปจนหมด
     
     
     
    ระหว่างทางเดิน
     
    นาฬิกาข้อมือสุดเท่บอกเวลาหกโมงเย็นพอดิบพอดี ท้องฟ้าเบื้องบนก็เริ่มที่จะมืดสลัวลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มในที่สุด ร่างของคนตัวเล็กดูจะตื่นตาตื่นใจกับร้านค้ามากมายที่ตั้งเรียงหลายอยู่ตลอดสองข้างทางเดิน เวลาผ่านไปไม่นานนัก ขาเรียวสวยก็หยุดชะงักลง การหยุดตัวลงกระทันหันของคนตาสวยพลอยทำให้คังอินที่เดินอยู่ข้างๆกันต้องหยุดเดินตามไปด้วย เบื้องหน้าของพวกเราปรากฏภาพของร้านขายเครื่องประดับหรูราคาแพงแห่งหนึ่ง คังอินมองตามสายตาเป็นประกายของคนตาสวยไปอย่างงงๆ แล้วก็สะดุดลงที่สร้อยเพชรเส้นหนึ่งที่ตั้งโชว์ตะหง่านอยู่หน้าร้าน
     
    สร้อยทองลายสวยที่ถูกฝังไปด้วยเพชรเม็ดงามส่องแสงประดับแวววาวล่อตาล่อใจ คังอินอดคิดไม่ได้ว่า อีทึกนี่ก็ตาถึงไม่เบาเหมือนกัน ที่ดันเผลอให้ความสนใจกับสร้อยเส้นนี้เป็นพิเศษ ดวงตาสวยฉายประกายระยิบระยับเมื่อต้องแสงไฟในยามค่ำคืน สวย........สวยยิ่งกว่าสร้อยเพชรตรงหน้านี้ด้วยซ้ำ และนี่คือความคิดเดียวที่คังอินนึกขึ้นมาได้ในตอนนั้น
     
    อ๊ะ คังอิน สร้อยเส้นนั้นสวยจังเลยอะ ขอพี่ไปดูแปปนึงนะ ว่าจบอีทึกก็วิ่งเข้าไปดูสร้อยภายในร้านนั้นทันที สงสัยคงอยากจะได้จริงๆ ไม่งั้นคงไม่รีบร้อนขนาดนั้นหรอก ใช่สิ สร้อยเส้นนี้มันสวยมาก สวยจนใครก็พึงอยากจะได้เอาไว้ในครอบครอง แต่สำหรับเขาเองแล้ว ในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด เห็นจะไม่ใช่สร้อยแหวนเงินทอง หรือลาภยศชื่อเสียงอันใด แต่กลับเป็นนางฟ้าตัวน้อยที่เพิ่งวิ่งตุกๆหายตัวเข้าไปในร้านขายเครื่องประดับเมื่อครู่นี้ต่างหาก แต่ดูเหมือนความหวังของเขาคงจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ในเมื่อสถานะของเขาในตอนนี้ มันคงเป็นได้เพ ียง เพื่อนร่วมวง ของคนตาสวยเท่านั้น
     
    คนตัวเล็กหายเข้าไปในร้านนั้นอยู่นาน และแล้ว ในที่สุดเธอก็เดินออกมาพร้อมกับใบหน้าสวยที่แสดงความเศร้าใจอยู่ไม่น้อย จนคังอินเองยังอดห่วงไม่ได้ เขารีบเดินเข้าไปหาอีทึกทันที พร้อมกับเอ่ยถามในสิ่งที่ค้างคาใจตัวเองมานาน
    คนตาสวยไม่ตอบอะไร เพียงแค่ส่ายหน้าให้เท่านั้น
     
    เป็นอะไรครับพี่ทำหน้าเศร้าๆ แล้วนี่ไปซื้อมาแล้วหรอครับ สร้อยที่พี่อยากได้อะ
     
    (- -  )(- -)(   - -)
     
    อ้าว ทำไมละครับ พี่อยากได้ไม่ใช่หรอ
     
    อืมม อยากได้ แต่มันแพงอะ พี่ไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก ดวงตาพราวอดเหลียวหลังกลับไปมองสร้อยเส้นนั้นอีกครั้งไม่ได้อย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนที่ฝ่ามือบางจะเข้ามาเกาะกุมข้อมือของร่างสูงแล้วพาเดินออกไปจากตรงหน้า มุ่งหน้าสู่ร้านเค้กของอีกฝั่งตรงข้ามทางเดิน
     
    ................
     
    อ่าา คังอิน นายรอพี่ตรงนี้แปปนึงละกันนะ พี่ขอเข้าไปซื้อเค้กก่อน เดี๋ยวมา อ๊ะ ฝากของด้วย^^ คนตาสวยว่า ก่อนจะหายตัวเข้าไปในร้านเค้กเบื้องหน้าอีกครั้ง
     
    ระหว่างที่อีทึกเดินเข้าไปซื้อเค้กอยู่นั้น คังอินก็ตัดสินใจแอบเดินเข้าไปซื้อสร้อยเส้นที่อีทึกชอบมาให้โดยไม่ได้บอกให้เจ้าตัวได้รับรู้ กะว่าจะซื้อมาเซอร์ไพรส์คนตาสวย เอาให้ดีใจจนยิ้มแก้มแตกกันไปข้างนึงเลย
     
    คังอินรีบเดินย้อนกลับมาหาอีทึกอีกครั้งหนึ่ง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เจ้าตัวซื้อเค้กเสร็จพอดี ร่างสูงรีบเก็บกล่องกำมะหยี่สีแดงสดที่ภายในบรรจุสร้อยเพชรเส้นงามอยู่ลงในกระเป๋ากางเกงอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวคนตาสวยจะเห็นมันเสียก่อน แต่เขาก็แอบโล่งใจเล็กน้อยที่คนตาสวยยังคงไม่สังเกตเห็น ซึ่งเป็นโชคดีของเขาไป
     
    มาแล้วๆๆ รอพี่นานมั้ย โทษทีนะ พอดีว่าเลือกเค้กเพลิน ไปหน่อย แหะๆๆ อีทึกเอ่ยถามรุ่นน้องหน้าหมีอย่างร่าเริง ในฝ่ามือเล็กทั้งสองข้างหอบหิ้วถุงเค้กหลากสีหลายถุงอยู่ จนกลัวว่ามันเยอะเกินไปจนกองทับหัวของเจ้าตัวได้
     
    ไม่เป็นไรหรอกครับ^^”
     
    อื้มม งั้นเรากลับกันเลยดีกว่าเนอะ นี่ก็ค่ำมากแล้ว
     
    ครับ
     
     
     


    ----------------------------------
    ภายในรถสปอร์ตสีดำคันหรู ร่างเล็กของอีทึกสั่นไหวเล็กน้อย เพราะอากาศภายในค่อนข้างจะหนาว เนื่องจากช่วงนี้อยู่ในช่วงของฤดูหนาว บวกกับอุณหภูมิแอร์ที่กำลังจ่ออยู่ที่ใบหน้าสวยหวานของเขา เสื้อโค้ทสีหวานถูกวางทับทาบอยู่บนตักนุ่มของตัวเอง คังอินไม่เข้าใจเลยว่าทั้งๆที่ก็มีเสื้อโค้ทอยู่กับตัวเองแท้ๆ แต่ทำไมอีทึกไม่ยักที่จะหยิบมันขึ้นมาใส่เสียที แล้วก็มานั่งทนหนาวจนตัวสั่นผับๆแบบนี้
     
    พี่อีทึกหนาวหรอครับ เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่นั่งเงียบอยู่นาน นิ้วเรียวพยายามเอื้อมมากดปรับอุณหภูมิให้คงที่ เพื่อจะได้ไม่ทำให้คนตาสวยต้องหนาวจนเกินไป
     
    อะ..อื้ม นิดหน่อยหน่ะ ฟู่ ฟู่ อีทึกพูดไปพลาง เป่าลมลงบนฝ่ามือไปพลาง จนคังอินอดไม่ได้ที่จะหันมาหยิบเสื้อโค้ทบนตักนุ่มของอีทึกมาสวมใส่ให้ เพราะกลัวว่าคนตาสวยจะไม่สบายเอา แต่ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะใส่ให้คนตัวเล็กเสร็จเรียบร้อยดี อีทึกก็รีบเข้ามาคว้าข้อมือหนาของคังอินเอาไว้เสียก่อน และพยายามจะแย่งเสื้อโค้ทในมือของร่างสูงไปใส่เอง แต่คังอินก็ไม่ยอมปล่อยให้ง่ายๆอยู่ดี
     
    อ๊ะ คังอิน พี่ใส่เองได้
     
    อย่าดื้อสิครับ ใส่เองได้แต่ก็ไม่ยอมใส่ เดี๋ยวผมใส่ให้พี่เองละกัน พี่อยู่เฉยๆเถอะ อีทึกทำแก้มพอง แอบงอนคนตัวใหญ่กว่าอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ดวงตาสวยมองการกระทำของรุ่นน้องนิ่ง ใบหน้าของคังอินที่อยู่ใกล้กับตัวเองเพียงไม่ถึงคืบ  ทำให้เจ้าตัวก็แอบหน้าแดงไปด้วยไม่ได้เช่นกัน คังอินนี่เป็นคนดีจริงๆเลยนะ คนตาสวยคิดได้แค่นั้น ริมฝีปากสีกุหลาบก็อดยิ้มไม่ได้ แต่น่าเสียดายที่คังอินไม่ทันสังเกตเห็นมัน
     
    อะ เสร็จแล้ว อุ่นขึ้นมั้ยครับ
     
    อะ....อื้ม ขอบคุณนะ -///-
     
    “^^”
     
    รถสปอร์ตหรูคันเดิมถูกจอดสนิทลงตรงที่จอดเดิมของมัน ทั้งสองพากันก้าวลงมาจากรถ ก่อนที่อีทึกจะเข้ามาจูงมือคังอิน แล้วพาเดินขึ้นคอนโดไป มือเล็กกระชับเสื้อโค้ทบนร่างกายของตัวเองเข้ามาให้แน่นขึ้นเพื่อความอบอุ่น ร่างสูงชำเลืองมามองตามคนตัวเล็กข้างตัวอย่างนึกเอ็นดู แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร สงสัยคงจะหนาวมากสินะ ไม่งั้นมือที่เกาะกุมข้อมือของเขาอยู่คงไม่เย็นเฉียบขนาดนี้หรอก แล้วหลังจากนั้นไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งสองคนก็มาถึงห้องพักของตัวเอง
     
     
     
    คอนโดหรูของเหล่าสมาชิก Super Junior

     
    แอ๊ดดดด เด็กๆๆพี่กลับมาแล้ว ยังไม่ทันที่อีทึกจะได้พูดจบประโยคดีนัก เหล่าลิงทโมนทั้งหลายก็รีบวิ่งกรูกันเข้ามาหาเจ้าตัวอย่างรวดเร็ว ทุกคนก้มหัวทักทายคนตาสวยน้อยๆตามมารยาท พร้อมกับที่เจ้ากระต่ายน้อยจะเป็นคนแรกที่เอ่ยถามขึ้น
     
    อ๊ะ พี่อีทึกกลับมาแล้วหรอฮะ มีขนมอะไรให้ผมกินมั่งเนี่ย เจ้ามินนี่น้อยเดินเข้ามารับของมากมายในมือของพี่ชายตาสวยมาถือเอาไว้เอง พลางถามถึงขนมที่ตัวเองได้ฝากสั่งอีทึกให้ซื้อมาให้เมื่อเช้านี้
     
    พี่ซื้อเค้กมาฝาก อะ เอาไปแบ่งกันนะ คนตาสวยชี้ถุงเค้กสีสวยสามสี่ถุงให้เจ้าน้องตัวแสบดู รอยยิ้มใจดียังคงฉาบอยู่บนใบหน้าสวยไม่เคยเลือนหาย ซองมินยิ้มตอบจนแก้มแทบปริออกจากกัน
     
    เย้ เย้ ขอบคุณคร้าบ พี่อีทึกใจดีที่สุดเลยย ^O^ เจ้ามินนี่น้อยพูดด้วยความดีใจ พร้อมกับกระโดดโลดเต้น เรียกรอยยิ้มได้จากคนรอบข้างเป็นอย่างดี ก่อนจะรีบวิ่งตุกๆเข้าไปหาเพื่อนๆเพื่อเริ่มลงมือรับประทานเค้กแสนอร่อยกัน
     
    อ๊าาาาา พี่อีทึก ทำไมมีแต่เค้กรสช๊อกโกแลตที่พี่คังอินชอบทั้งนั้นเลยอ่า แล้วที่พวกผมชอบละคร้าบ ไม่เห็นมีเลยอะ แต่ผิดกับอีกสองคน ฮยอกแจกับชินดงแอบทำหน้าผิดหวังน้อยๆ จะเพราะอะไรซะอีกล่ะ ก็เค้กที่อีทึกซื้อมาน่ะสิ มีแต่รสช๊อกโกแลตทั้งนั้นเลย ซึ่งเป็นรสที่พวกเขาไม่ค่อยชอบกินสักเท่าไหร่ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้บ่นได้ยังไง?
    ก็ช๊อกโกแลตเนี่ย มันรสชาติโปรดของพี่คังอินเขาเลยล่ะ เอ๊ะ? หรือว่ายังไงกัน ซื้อมาแต่รสช๊อกโกแลต.............
     
    อะ...เอ่อ คือ...คือ ละ...แล้วพวกนายจะกินกันมั้ยละ ถ้าไม่กินงั้นก็เอาคืนพี่มาเลย เดี๋ยวพี่กินเองก็ได้ อีทึกหน้าแดงเล็กน้อย ก็ตอนที่ซื้อมาเขาคิดอะไรไม่ออกจริงๆนี่ คิดได้อย่างเดียวว่าคังอินชอบกินรสช๊อกโกแลต เขาก็เลยตัดสินใจซื้อรสนี้มาทั้งหมด คนตาสวยทำท่าจะเข้ามาแย่งกล่องขนมเค้กในมือของเจ้าไก่น้อยกับเจ้าหมูน้อยไป แต่เจ้ารุ่นน้องตัวแสบทั้งสองกลับถอยกรูไปหลบอยู่หลังฮีชอลซะนี่ ชิ ไม่แน่จริงนี่หว่า
     
    คังอินที่ยืนเงียบอยู่นานแอบหน้าแดงตามไปอีกคนด้วยไม่ได้ ริมฝีปากอิ่มแย้มยิ้มน้อยๆอย่างดีใจ ดีใจที่อย่างน้อยอีทึกก็ยังคงนึกถึงเขาเป็นคนแรก จนทำให้เขาอดเป็นปลื้มไม่ได้
     
    อ๊ายยย อย่าน้า กินคร้าบๆๆ พี่อย่าเอาคืนนะ ผมไม่ให้หรอก ว่าแล้วมินน้อย ฮยอกแจ ชินดงก็พากันวิ่งหายไปพร้อมขนมเค้ก เหลือแต่คังอิน  อีทึก ฮีซอลและคนอื่นๆที่เหลือ ที่ยังคงยืนอมยิ้มให้กับเจ้าน้องตัวแสบทั้งสามคนที่หายลับไปกับบานประตูห้องนั่งเล่นเมื่อครู่นี้
     
    นี่พวกนายพากันไปเดทที่ไหนมาเนี่ย อ๊ะ ว้าววว จับมือกันด้วย อิอิ สงสัยงานนี้มีลุ้นแน่ หลังจากที่เงียบกันมานาน ฮีชอลก็เป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา แต่ถ้าจะพูดให้ถูก น่าจะเป็นเอ่ยแซวซะมากกว่า คนอื่นๆที่เหลือพากันส่งเสียงเป่าปาก ตบมือตบไม้ผสมโรงกันยกใหญ่ เล่นเอาทั้งอีทึก ทั้งคังอินต้องเขินหน้าแดงไปพร้อมๆกัน
     
    วี้ดด วิ้ววว   ว้าววว ฮั่นแน่ๆๆๆ พี่อีทึก พี่คังอิน อิอิ และนี่ก็คือเสียงของเจ้าไก่บ้าฮยอกแจที่วิ่งกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ตามมาด้วยเจ้ากระต่ายน้อย แล้วก็เจ้าหมูทุบชินดง
     
    อะ...เอ่อ คังอินเขินอาย จนถึงกับพูดอะไรไม่ออก
     
    จะบ้าหรอไง ลุ้น เลิ้น อะไรกันเล่า ชั้นกับคังอิน ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย  เราเป็นแค่เพื่อนกัน เนอะคังอิน  แล้วอีกอย่างนะ ชั้นชวนคังอินไปซื้อของเฉยๆ ไม่ได้พากันไปเดทอย่างที่พวกนายคิดกันเลยสักนิด >////< ในที่สุด คนตาสวยก็ทนเขินอีกต่อไปไม่ได้จึงต้องปฏิเสธออกมาเพื่อแก้สถานะให้กับตัวเอง ก็เขาไม่ได้เป็นอะไรกับคังอินจริงๆ ก็ต้องทนไม่ได้เป็นธรรมดาที่โดนล้อเสียๆหายๆแบบนี้จริงมั้ย.
     
    ฉึก
     
    เหมือนมีมีดปลายแหลม
     
    นับพันนับหมื่นเล่ม
     
    มาทิ่มแทงที่หัวใจ
     
    จนมันแหลกสลายลงไม่เหลือชิ้นดี
     
    ทำไมผมถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้
     
    เพราะคำพูดแค่ประโยคเดียว 
     
    ทำไมถึงทำร้ายผมได้มากขนาดนี้นะ.....
     
     
    เอ่อ...ผมขอตัวก่อนนะครับ
     
    ปังงงงงงงงง ว่าจบ คังอินก็เดินเข้าห้องนอนของตัวเองไปอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนอื่นๆหันมามองหน้ากันอย่างอดสงสัยไม่ได้
     
    เค้าเป็นอะไรของเค้าน่ะ ชั้นแค่แซวเล่นนิดเดียวเอง ทำหน้าอย่างกับหมีกำลังอกหักงั้นแระ ฮีชอลเอ่ยถาม แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรกลับมาจากคนตาสวย
     
    อีทึกมองตามแผ่นหลังกว้างของคังอินที่หายลับไปกับบานประตูด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนปนความสงสัยเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าคังอินเป็นอะไรไป? ทำไมต้องรีบผลุนผลันออกไปแบบนั้นด้วย? แต่ความจริงแล้ว ตัวอีทึกเองก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับท่าทางแบบนั้นของคังอินเช่นกัน แต่ถ้ามัวแต่คิดมากไป มันก็คงทำให้ปวดหัวป่าวๆ เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้ว คนตาสวยก็เลิกคิดเรื่องนี้เสีย ก่อนจะหันมาสนใจสิ่งตรงหน้าต่อไป
     
     
     
     
    ในห้องนอนของคังอิน
     
    'ชั้นกับคังอิน ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย เราเป็นแค่เพื่อนกัน'
     

    ร่างหนาของคังอินกำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียงนุ่มขนาดคิงไซส์ หัวไหล่กว้างสั่นไหวเล็กน้อยเพราะแรงสะอื้นไห้
    ในหัวสมองเต็มไปด้วยคำพูดของคนตาสวยเมื่อครู่นี้ ลอยวนไปวนมาเต็มไปหมด มันทำให้เขาเจ็บปวด เจ็บปวดเจียนตาย ทำไมมันถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้นะ 
     
    พี่....พี่ไม่เคยคิดอะไรกับผมเลยใช่มั้ย ทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ทำให้ผม มันก็แค่ ทำให้ในฐานะเพื่อนร่วมวง ไม่ได้มีความหมายพิเศษ มันเป็นแค่หน้าที่ของพี่ ที่จะต้องรับผิดชอบดูแลน้องๆภายในวง แล้วที่ผ่านมา มันคืออะไร พี่มาทำเหมือนให้ความหวังกับผมทำไม พี่มาทำเหมือนพี่คิดอะไรกับผมทำไม?
     
    ฮือๆๆ พี่บอกผมทีสิ ว่าสิ่งที่ผมได้ยินนั้น มันไม่ใช่ความจริง ไม่ใช่ความจริง..ใช่มั้ย ผมควรจะทำยังไงดี ผมควรจะรักพี่ต่อไปอีกมั้ย ก็ในเมื่อพี่ไม่เคยคิดอะไรกับผมเลย ทุกอย่างที่ผ่านมา ผมคิดไปเองฝ่ายเดียวใช่มั้ย ฮือๆๆๆ ผมควรจะทำยังไงดี ผมไม่อยากเจ็บอีกแล้ว ฮึ่ก.. ผมไม่อยากเจ็บปวดแบบนี้อีกแล้ว พี่บอกผมทีสิ ว่าผมควรจะตัดใจจากพี่ใช่มั้ย ผมควรจะเลิกรักพี่ใช่มั้ย ฮือๆๆ ผมจะตัดใจจากพี่ ผมจะเลิกรักพี่แล้ว ผมจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้อีก ผมจะทำ ผมจะทำให้ได้ ฮือๆๆ 
     
    พี่อีทึก ฮึ่ก.. ผมรักพี่นะ พี่ได้ยินผมมั้ยว่าผมรักพี่ ผมรักพี่ ฮือๆๆๆ 
     
    จนคืนนั้นทั้งคืนคังอินก็เอาแต่นอนร้องไห้ พวกคนอื่นๆก็ไม่กล้ามาเข้าขัด เพราะกลัวว่าไม่ได้ตวาดแว๊ดออกมา จึงจำใจต้องถ่อสังขารไปนอนห้องของฮีซอลกับอีทึกตามเวรตามกรรมไปก่อนคืนหนึ่ง ปล่อยให้คังอินได้อยู่คนเดียว ได้คิดทบทวนอะไรไปคนเดียว คงจะเป็นการดีกว่าก็ได้.........
     
     
    มันเกินกว่าเพื่อนกันมากไป ที่เธอทำทุกอย่าง
     
    ไม่คิดอะไรหรือยังไง บอกฉันให้รู้อีกครั้ง
     
    ว่าเธอนั้นตั้งใจหรือไม่ ฉันจะได้ไม่หวัง
     
    อย่างนี้นานไปกลัวจะช้ำ เพราะ เพื่อนกัน ของฉันไม่ใช่แบบนี้
     
    นี่เธอไม่รู้ใช่มั้ย หรือว่า ไม่เคยคิดที่จะสนใจ ว่า ใครอาจจะรักเธอ….
     
     
     
    -------------------------------------------------------------TBC----------------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×