คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : Ep.1 Chapter 31 - ผลลัพธ์
Chapter 31
Result
ผลลัพธ์
“หมดเวลาทดสอบ”
เอลวินยกแขนขึ้นเป็นสัญญาณสิ้นสุดการต่อสู้อันยาวนาน
เด็กชายทั้งสามทรุดลงกับพื้นด้วยความเหน็ดเหนื่อย
หลังจากการโจมตีนั้นซึ่งสร้างบาดแผลฉกรรย์ให้แก่ฟูโรแล้ว
พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรมังกรสีเขียวตนนั้นได้อีกเลย
หน่วยพยาบาลวิ่งมาดูอาการของฟูโรซึ่งตอนนี้มีแผลกลางหลังเปื้อนเลือดหนึ่งแผลซึ่งเจ้าตัวก็ส่ายหน้าราวกับไม่ได้ใส่ใจอาการของตัวเอง
ทั้งยังบอกให้ไปดูอาการของเด็กๆทั้งสาม
ซึ่งทั้งสามคนได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนที่เอลวินจะพาเดินออกจากสนามประลองไป
“เจ้าดูสนอกสนใจนะผิดคาด ฮอลแลนด์”
ฮะการ์ถามชายที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เหลือเชื่อจริงๆที่พวกเขาทำบาดแผลให้กับฟูโรได้”
ฮอลแลนด์ตอบ
“ข้าเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน” ฮะการ์ สแตนฟอร์ด
เองแม้จะรักษาอาการสงบนิ่งไว้แต่ในใจของเขาตอนนี้ก็เต้นแรงไม่ต่างกับชายที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ถึงจะเป็นบาดแผลเล็กๆก็เถอะ”
ฮอลแลนด์ยักไหล่
“บาดแผลเล็กๆ ฉันไม่คิดอย่างงั้นนะคะ” เนลลี่พูดขึ้นมาบ้าง
“เจ้าเป็นถึงผู้สนับสนุนมือดีของสแตนฟอร์ดก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจนะคุณหนู
บาดแผลนั่นน่ะไม่ได้มีความหมายอะไรฟูโรมากนักหรอก” ฮอลแลนด์หัวเราะเบาๆซึ่งเนลลี่เองดูเหมือนจะเถียงไม่ออกในข้อนี้
“ถึงจะบอกว่าเอาจริงก็เถอะแต่เขาก็แค่พูดให้เด็กๆพวกนั้นจริงจังเท่านั้นแหละ
เขายังเอาจริงไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ”
“ก็ตามนั่นน่ะแหละ” ฮะการ์พูดเสริม
“เขาไม่มีความจำเป็นต้องเอาจริงกับนักรบฝึกหัดหรอก
ถ้านี่เป็นการต่อสู้จริงทั้งสามคนนั้นคงตายไปนานแล้ว”
“แต่ถึงอย่างงั้นผลลัพธ์ก็ยังเหนือความคาดหมายอยู่ดี”
“เจ้ามีความเห็นยังไงบ้างล่ะ ฮอลแลนด์”
ฮะการ์ถามอย่างสนใจในคำตอบ
“ถ้าดูโดยรวมจากการต่อสู้นี้แล้วล่ะก็
หลานชายท่านก็คงเป็นคนที่ทำผลงานมากที่สุดล่ะนะ
ถ้าให้พูดล่ะก็เขาดึงเวลาของการต่อสู้ไว้กับตัวเองน่าจะราวเจ็บจากสิบส่วนไม่แปลกที่การโจมตีครั้งสุดท้ายจะหมดแรงแบบนั้นและที่สำคัญตอนที่เขาใช้ดาบปัดการโจมตีรัวของฟูโรนั่นน่ะมันน่าเหลือเชื่อมาก
ผมไม่คิดว่าจะมีนักรบฝึกหัดที่ไหนทำแบบนั้นได้อีก”
“อืม สำหรับเอลเลียตแล้วก็ไม่แปลกหรอก”
ฮะการ์ตอบกลับอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเหมือนไม่แปลกใจกับอภินิหารที่หลานชายของตนพึ่งทำไว้
“เด็กใส่แว่นที่ชื่อ นีล นั่นก็จัดว่าไม่เลวเลย
เขาหาจังหวะในการจู่โจมได้ค่อนข้างถูกเวลาและเฉียบคม
ด้วยพลาน่าของเขาแล้วเขาคงไม่สามารถสร้างบาดแผลให้กับฟูโรด้วยเพราะงั้นการเล็งที่ตาก็ถือว่าฉลาดไม่เลว
ขาดก็แค่ทักษะในการรับมือกับมังกรซึ่งๆหน้าแบบที่หลานชายของท่านทำก็เท่านั้น”
ฮอลแลนด์พูดออกมาอย่างเรียบเฉย
“แล้วคนสุดท้ายล่ะ”
“เจ้าหนูจากเวย์แลนด์นั่น...ถ้าไม่พูดเรื่องการประมาทแบบง่ายๆตอนต้นนั้น
ทักษะด้านการต่อสู้ก็ถือว่าดีกว่าที่ผมคิดไว้พอสมควร ภายในเวลาครึ่งปีทำได้ขนาดนั้นก็คงต้องฝึกหนักเลือดตาแทบกระเด็นเชียวล่ะ
เซนส์ด้านการต่อสู้ก็จัดว่าไม่เลวในตอนที่ฟูโรผลักเขาขึ้นไปด้วยระเบิดสายลมนั้น
นับว่าฉลาดที่ใช้พลาน่าของตัวเองพลิกแพลงได้อย่างถูกจังหวะจนสร้างบาดแผลให้กับอีกฝั่งได้
แต่ว่านะ...”
“แต่ว่า?” ฮะการ์ทวนคำเหมือนรอคำตอบ
“การเคลื่อนไหวของเขาเปิดช่องว่างเยอะเกินไป
ถ้าเป็นการต่อสู้จริงแล้วในตอนนั้นฟูโรหันมาสวนได้ทันล่ะก็นั่นก็คงเป็นจุดจบของชีวิตเขาล่ะนะ
ที่สำคัญจังหวะส่วนใหญ่ที่เขาโจมตีนั้นก็เกิดจากช่องว่างที่คนอื่นๆเปิดให้ก่อนทั้งนั้น
พูดตามตรงเขายังมีจุดที่ให้ต้องปรับปรุงมากที่สุดในบรรดาทั้งสามคน”
ฮะการ์พยักหน้าเพราะสิ่งที่ฮอลแลนด์คิดนั้นก็ไม่ได้ต่างจากที่เขาคิดเท่าไหร่
เนลลี่เองที่แม้จะมองได้ไม่ละเอียดขนาดทั้งสองคนแต่เธอเองก็เห็นไม่ค่อยต่างกัน
ถึงแม้จะมีจุดให้ปรับปรุงมากมายแต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดสำหรับการทดสอบของเด็กอายุสิบสองเพราะยังไงก็ตามผลลัพธ์ตามการทดสอบในครั้งนี้ก็ยังเหนือกว่าความคาดหมายของพวกเขาอยู่ดี
“ก็จัดว่าไม่เลวล่ะนะแต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”
ฮอลแลนด์พูดเรียบๆก่อนจะหันมามองฮะการ์ด้วยสีหน้าจริงจัง
“พรสวรรค์และทักษะของเขายังไม่ได้มากพอถึงขนาดที่จะแบกรับชื่อของสแตนฟอร์ดได้
แล้วทำไมท่านถึงยังรับเขาเข้ามาในตระกูลอีก”
“หึ เจ้าจะอยากรู้เรื่องนั้นไปทำไม”
“เพราะผมก็เคยเป็นนักรบของตระกูลท่านยังไงล่ะ”
ฮอลแลนด์ตอบสั้นๆจนฮะการ์ต้องยิ้มออกมาจางๆ
“คงเพราะเด็กคนนั้นทำให้ข้านึกถึงเจ้าในอดีตยังไงล่ะ
ฮอลแลนด์” ชายชราพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ท่านพูดเรื่องอะไร?” ชายวัยกลางคนผู้ถูกอ้างถึงกับตีสีหน้าไม่พอใจออกมา
“เอาเถอะ อย่าใส่ใจมันเยอะเลย
เอาเป็นว่าทั้งหมดที่ข้าทำก็เพื่ออนาคตของสแตนฟอร์ด เรื่องมันก็เท่านั้นแหละ”
ฮะการ์ไม่ตอบคำถามด้วยการตัดบทจนฮอลแลนด์ต้องส่ายหน้าอ่อนใจเพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ชายชราคนนี้ก็มักจะเก็บงำคำตอบอันชัดเจนไว้กับตัวเองเสมอ
“นั่นสินะ
บางทีผมคงไม่ต้องใส่ใจมันอย่างที่ท่านบอกหรอกเพราะยังไงเจ้าเด็กนั่นก็อยู่ที่แอนทีคได้อีกแค่ครึ่งปีแล้วนี่”
ฮอลแลนด์พูดกลับไปอย่างไม่สนใจ
“เรื่องนั้นเจ้าแน่ใจได้ยังไง”
ฮะการ์ตอบสั้นๆแต่มันกลับทำให้ฮอลแลนด์ขมวดคิ้วออกมาอีกรอบ
“หมายความว่ายังไง?”
“คนที่ไม่คิดจะไขว่คว้าโอกาสทุกโอกาสที่เข้ามา
คนๆนั้นไม่สมควรจะเป็นนักรบมังกรนั่นคือสิ่งที่เซเนกาพูดไว้ในพิธีเปิดใช่มั้ยล่ะ”
ฮะการ์หันไปยิ้มอย่างมีเลศนัยอีกรอบ
“บางทีคำพูดนี้อาจจะเป็นสิ่งที่จะพิสูจน์คุณสมบัติของเด็กคนนั้นก็ได้”
“เหอะ ยังคงเป็นคนที่พูดจาอะไรเข้าใจยากไม่เปลี่ยนเลยนะ”
ฮอลแลนด์แค่นเสียงประชดประชัน
“ท่านฮะการ์คะ นั่นร็อกแซนด์นี่คะ เธอออกมาแล้ว” เนลลี่ชี้ไปที่สนามประลองซึ่งมีเด็กสามคนซึ่งเป็นนักรบชุดแรกที่ออกมาทดสอบกับฟูโรเดินออกมา
“ร็อกแซนด์? อ้อ เธอคือแม่หนูคนเก่งคนนี้นี่เอง”
ฮะการ์เองก็เคยได้ยินชื่อของเด็กคนนี้จากปากของเลสเตอร์กับเอลเลียตหลายครั้งแต่เขาก็พึ่งจะเคยเห็นหน้าเธอเป็นครั้งแรกก็ตอนการทดสอบก่อนหน้านี้เท่านั้น
“เธอคนนี้ไม่เลวเลย
รับรองว่าต้องมีตระกูลหลายตระกูลแย่งตัวกันแน่ๆ” ฮอลแลนด์พูดจากการเฝ้ามองการทดสอบกับฟูโรในรอบแรก
“มิน่าล่ะ
เจ้าเอลเลียตถึงได้พูดชมบ่อยๆว่ามีฝีมือพอมาเห็นจริงๆก็พอจะเข้าใจแล้ว
ถือได้ว่าเป็นเด็กที่มีฝีมืออันดับต้นๆของปีนี้เลยล่ะ” ฮะการ์พูดอย่างชื่นชม
“ว่าแต่เรียกนักรบออกมาแบบนี้ก็แสดงว่าจะเริ่มแล้วสินะครับ”
“อืม ดูเหมือนปีนี้จะตรวจคะแนนกันเร็วกว่าปกตินะ”
เจ้าตระกูลสแตนฟอร์ดรวมถึงเจ้าตระกูลที่เหลือทั้งหมดรู้ดีว่าต่อไปจะคืออะไรเพราะยังไงพวกเขาก็มาที่นี่กันเกือบทุกปีอยู่แล้ว
หลังจากการทดสอบการต่อสู้จริงกับมังกรในรอบสุดท้ายนั้นจะเป็นอีเวนท์ที่น่าจับตามองที่สุดอีเวนท์หนึ่งของราวเดอร์ซึ่งจะจัดให้เป็นพิเศษสำหรับผู้ที่เป็นนักรบฝึกหัดเท่านั้น
มันคือ การประกาศคะแนนของการทดสอบทั้งหมด
“เจ็บๆๆๆ!” เลสเตอร์กรีดร้องในขณะที่หน่วยพยาบาลกำลังฉีดยาแก้ปวดที่แขนของเขา
“เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ร้องสิ”
พยาบาลสาวยิ้มอารมณ์ดีในขณะที่ดันเข็มฉีดยาเข้าไปในเนื้อของเด็กหนุ่ม
“โชคดีแค่ไหนที่โดนมังกรฟาดแบบนั้นแล้วยังแค่กระดูกร้าวน่ะ”
เลสเตอร์ไม่รู้ว่ายาที่ถูกดันมาในหลอดฉีดยานั้นคืออะไรแต่ถ้าให้เดาก็คงเป็นพวกยาสกัดจากพืชของแอนทีคซึ่งเขาเคยได้ยินอาจารย์พูดให้ฟังในวิชาสมุนไพร
ที่แย่ที่สุดคือเจ้ายาแก้ปวดที่ว่านี่มันโคตรจะแสบเลยตอนฉีดเข้าไป
“เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ร้อง ได้ยินมั้ย?” เอลเลียตที่นั่งอยู่ไม่ห่างมากพูดยียวน
“ไอ้คนที่ไม่โดนแบบนั้นหุบปากไปเลย”
เลสเตอร์สวนกลับในทันควัน
“นายน่ะ
ดึงตัวเองเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงอันตรายมากเกินไปเพราะงั้นไม่แปลกหรอกถ้านายจะได้รับบาดเจ็บน่ะ
อย่าหาว่าฉันสอนเลยนะแต่สำหรับนักรบมังกรน่ะการหลีกเลี่ยงที่จะโดนโจมตีน่ะมันดีกว่าการป้องกันการโจมตีซึ่งๆหน้าเยอะ”
เอลเลียตบอกซึ่งเลสเตอร์ก็ต้องดีดลิ้นขัดใจเพราะเถียงไม่ออกกับคำพูดนั้น
“จะบอกว่าห่วยก็พูดตรงๆก็ได้”
“พูดอะไรของนาย นายทำได้ดีแล้ว
ดีกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลยด้วยซ้ำ” เอลเลียตย่นคิ้วกับคำพูดนั้น
“ผมเห็นด้วยกับเอลเลียตนะ
นายทำได้ยอดเยี่ยมเลยเชียวล่ะ ถ้าไม่มีนายเราคงเรียกเลือดจากอาจารย์ไม่ได้หรอก”
นีลที่นั่งอยู่ข้างๆพูดเสริม
“นายทำทุกอย่างที่นายทำได้แล้ว
ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับผลลัพธ์แล้วล่ะ”
เอลเลียตกล่าวสรุปจนเลสเตอร์ต้องถอนหายใจออกมาเพราะนั่นแหละคือสิ่งที่เขากังวลมากที่สุด
“ผลลัพธ์งั้นสินะ”
เลสเตอร์รู้ดีว่าอีกไม่นาน ผลลัพธ์ที่ว่าก็จะออกมาแล้วเพราะก่อนหน้านี้ในห้องนี้นั้นก็มีนักรบฝึกหัดอีกเก้าคนที่เหลือนั่งรออยู่จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้พวกเขาก็ได้ถูกเรียกตัวออกไปในการประกาศคะแนน
ว่าแล้วก็ขนลุก
คะแนนของพวกเขาจะถูกประกาศต่อหน้าเหล่าตระกูลมากมาย พูดตามตรงนี้มันเป็นการประจานกันชัดๆ
ในตอนนั้นวินาทีแห่งบทสรุปก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของเอลวินที่เดินเข้ามาในห้อง
“พวกเธอสามคน การประกาศคะแนนครั้งสุดท้ายของพวกเธอจะเริ่มขึ้นแล้ว
ตามฉันมา” ชายผู้ที่เป็นเสมือนหัวหน้าของอาจารย์ที่นี่บอกกับพวกเขาสามคน
“อาจารย์ คะแนนที่ว่านี่หมายถึงทั้งหมดเลยเหรอ”
เลสเตอร์ถามไป
“ทั้งหมด” เอลวินตอบกลับสั้นๆ
“พึ่งสอบกันเสร็จคะแนนก็ออกแล้วงั้นเหรอ
ตรวจกันอีท่าไหนเนี่ย”
เลสเตอร์ถึงกับเบ้ปากเพราะหลังจากที่เขาสู้กับฟูโรเสร็จมันก็พึ่งผ่านมาได้ราวครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง
“นี่แหละราวเดอร์ล่ะ ทั้งหมดเกิดขึ้นในวันๆเดียว
สอบเสร็จแล้วก็รู้ผลวันนั้น ไม่ดีเหรอไงจะได้ไม่ต้องลุ้นนาน”
เอลวินยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเลสเตอร์เพราะพูดตามตรงแล้วเจ้าเด็กแสบตรงหน้านี้ก็ถือเป็นนักเรียนคนโปรดของเขาคนนึงเลย
“บางทีผมว่าให้เวลาลุ้นซักนิดหน่อยมันก็ดีกว่านะ”
เลสเตอร์ส่ายหน้าก่อนจะพูดประโยคหลังเบาๆ “หอคอยนี้ชอบทำอะไรฉุกละหุกไม่เปลี่ยนเลย”
หลังจากบ่นเสร็จพอเป็นพิธี
พยาบาลก็พันผ้าพันแพลที่แขนเขาเสร็จพอดี ทั้งสามคนจึงเดินตามเอลวินไป
เส้นทางที่เดินไปสนามประลองนั้นก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับตอนที่พวกเขาเดินจากห้องพักไป
น่าแปลกทั้งๆที่มันเป็นเส้นทางที่คุ้นเคยแต่เลสเตอร์กลับรู้สึกตื่นเต้นกว่าครั้งที่แล้ว
คงเพราะการเดินมาครั้งที่แล้วเขาไม่รู้ว่าตัวเองจะเจอกับอะไรแต่ในครั้งนี้เขากับรู้ดีว่าสิ่งที่รอตัวเองอยู่คืออะไร
วินาทีแห่งความจริงที่เขาไฝ่หามาตลอดครึ่งปีกำลังจะมาถึง
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงสนามประลองผืนทรายที่พึ่งจากมาไม่ถึงชั่วโมง
บรรยากาศของที่นี่ยังคงเหมือนเดิม
กลิ่นของทรายที่ตลบอบอวนไปทั่วและสายตาของเหล่าตระกูลใหญ่ทั้งหลายที่จ้องมองมายังพวกเขา
ที่ต่างออกไปคือเหล่านักรบฝึกหัดที่เหลืออีกเก้าคนซึ่งยืนเข้าแถวเรียงกันอยู่กลางสนามประลอง
สีหน้าของพวกเขาเหล่านั้นมีทั้งสีหน้ายินดีและเศร้าสร้อย
เลสเตอร์ถึงกับสังเกตเห็นคราบน้ำตาที่ใบหน้าของบางคนด้วยซ้ำ
พวกเขาเหล่านี้คงผ่านการประกาศคะแนนมาเรียบร้อยแล้ว
เลสเตอร์หันไปสบตากับมาเอลชั่วครู่ก็พบว่าอีกฝั่งยังคงมองเขาอย่างดูถูกไม่เปลี่ยนเหมือนเดิม
เลสเตอร์เลิกสนใจสายตานั้นแล้วหลับตาลงทำใจให้สงบ
“จากนี้ไปจะเป็นการประกาศคะแนนของนักรบฝึกหัดสามคนสุดท้าย
ขอให้ทุกท่านอยู่ในความสงบด้วย”
เอลวินบอกกับทุกคนที่อยู่ที่นี่โดยเฉพาะกับเหล่าตระกูลใหญ่ที่กำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับศักยภาพของนักรบฝึกหัดของเวสปาร์ทาวเวอร์ในปีนี้
“วิชาแต่ละวิชาจะมีคะแนนเต็มอย่างละห้าสิบคะแนน
ยกเว้นการทดสอบสุดท้ายซึ่งเป็นของวิชาการควบคุมพลาน่าและวิชาศิลปะการต่อสู้ที่จะคิดคะแนนเป็นหนึ่งร้อยคะแนนเพราะฉะนั้นคะแนนเต็มของการทดสอบทั้งหมดจะอยู่ที่สามร้อยคะแนน”
เอลวินอธิบายรายละเอียดของคะแนนคร่าวๆให้ทุกคนที่นี่ฟังอีกครั้ง
“คนแรก นีลโลว์ ลอว์เรนซ์”
ชื่อของนีลถูกกล่าวออกมา
เอลวินภายมือมายังตำแหน่งตรงกลางหน้าเขา นีลพยักหน้ารับแล้วเดินไปที่ตำแหน่งนั้นอย่างว่าง่ายในตอนนั้นสายตาทั้งหมดที่สนามประลองแห่งนี้ก็มารวมกันที่จุดเดียว
“วิชาการเลี้ยงดูและฝึกฝนมังกร 38 คะแนน
วิชาดูแลและซ่อมแซมอาวุธ 38 คะแนน วิชาสมุนไพร 48 คะแนน วิชาประวัติศาสตร์มังกร 40
คะแนน และสุดท้าย การทดสอบการต่อสู้จริงของวิชาการควบคุมพลาน่าและศิลปะการต่อสู้ 80
คะแนน รวมคะแนนทั้งหมด 244 คะแนน”
ในตอนนั้นการประกาศคะแนนของนีลก็จบลง
เหล่าตระกูลใหญ่ต่างปรบมือตามมารยาท นีลพ่นลมออกมาอย่างโล่งอกที่คะแนนสอบทั้งหมดออกมาไม่ได้ต่างกับที่เขาคาดการณ์ไว้
เขาโค้งหัวตอบแทนเสียงปรบมือก่อนจะเดินไปต่อแถวกับนักรบฝึกหัดคนอื่นๆ
“หมอนั่นได้วิชาสมุนไพรตั้งสี่สิบแปดคะแนนเลยเหรอ”
เลสเตอร์ปรบมือชื่นชมถึงเขาจะยังไม่รู้ว่าคะแนนปกติที่นักรบคนอื่นได้มันเท่าไหร่แต่ดูยังไงๆคะแนนขนาดนี้มันก็เยอะเหลือเชื่ออยู่ดี
“ก็วิชาถนัดของหมอนั่นนี่นะ”
เอลเลียตเองก็แสดงปฏิกิริยาไม่ต่างกัน
“คนต่อไป เอลเลียต สแตนฟอร์ด”
เอลวินพูดชื่อต่อขึ้นมา พอชื่อนี้ถูกพูดขึ้นมาทั้งสนามประลองก็ตกอยู่ในความเงียบงัน
เอลเลียตพยักหน้าแล้วค่อยๆเดินไปยืนในตำแหน่งที่นีลเคยยืน
ชื่อของสแตนฟอร์ดยังคงเป็นอะไรที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ไม่เปลี่ยน
“วิชาการเลี้ยงดูและฝึกฝนมังกร 46 คะแนน
วิชาดูแลและซ่อมแซมอาวุธ 45 คะแนน วิชาสมุนไพร 43 คะแนน วิชาประวัติศาสตร์มังกร 44
คะแนน และสุดท้าย การทดสอบการต่อสู้จริงของวิชาการควบคุมพลาน่าและศิลปะการต่อสู้ 93
คะแนน รวมคะแนนทั้งหมด 271 คะแนน”
พอพูดจบนั้นแทนที่เสียงปรบมือจะมา
ทั้งสนามประลองแห่งนี้ก็ยังคงตกอยู่ในความเงียบก่อนที่จะค่อยๆเปลี่ยนเป็นเสียงพูดคุยจอแจอย่างบ้าคลั่ง
“คะแนนบ้าอะไรนั่น”
เลสเตอร์เบิกตากว้างขึ้นมาอย่างปิดไม่มิด
ไม่เพียงแค่เขาแต่นักรบฝึกหัดคนอื่นๆไม่เว้นแม้แต่ร็อกแซนด์ก็ยังตกตะลึง
“แน่นอน นี่เป็นคะแนนรวมที่สูงสุดในปีนี้”
เอลวินพูดต่อซึ่งต่อให้ไม่ต้องบอกทุกคนก็พอจะคาดเดากันได้อยู่แล้ว
เอลเลียตไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของคนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาสีน้ำตาลแดงของเขามองขึ้นไปยังที่นั่งคนดู
สายตาของเขาในตอนนี้จดจ้องไปยังชายชราผู้เลี้ยงดูตัวเองมาตั้งแต่เด็ก
ฮะการ์ยิ้มบางแล้วพยักหน้าสั้นๆให้เพียงแค่นั้นก็มาพอที่จะเรียกรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าของเขา
หลังจากนั้นเด็กหนุ่มผู้สืบทอดก็เดินไปยืนที่แถวข้างๆนีล
ทิ้งให้เหลือแต่นักรบฝึกหัดคนสุดท้ายที่ยังยืนรอไม่ได้ประกาศคะแนน
“เลสเตอร์ เอลมอล” เอลวินกล่าวชื่อของเขาออกมา
เลสเตอร์สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเดินไปยังตำแหน่งที่กำหนดไว้
“ถึงเวลาแล้วสินะ” เลสเตอร์บอกกับตัวเองสั้นๆ
“ยังหรอก”
เอลวินที่เหมือนจะได้ยินเสียงพึมพำของเลสเตอร์บอกจนเด็กหนุ่มขมวดคิ้ว
“การประกาศคะแนนของเธอมันจะพิเศษนิดหน่อยน่ะ”
“หา?”
“มาเอล มาทิโพเนี่ยน ออกมา!” ยังไม่ทันจะไขข้อสงสัยของเด็กหนุ่ม
เอลวินก็ตะโกนเรียนชื่อของคนที่เลสเตอร์เกลียดที่สุดในหอคอยออกมา
มาเอล เดินออกมาตามคำเรียกร้อง
เอลวินผายมือมายังตำแหน่งข้างๆเลสเตอร์ซึ่งเจ้าตัวก็ทำหน้าชิงชังเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็เดินมายืนตามที่อาจารย์สั่ง
“เรียกหมอนี่มาทำไมอะ อาจารย์”
เลสเตอร์หันไปถามเอลวินในทันที ประเด็นแรกคือเขาไม่อยากเป็นจุดรวมสายตาของเหล่าตระกูลใหญ่นานๆและประเด็นที่สองซึ่งเป็นสำคัญที่สุดก็คือ
เขาไม่ได้อยากอยู่ใกล้คนน่ารังเกียจอย่างมาเอลแม้แต่ซักวินาทีเดียว
“เราตัดสินใจยังไม่ประกาศคะแนนของมาเอลเพื่อถึงคิวของเธอไงล่ะ
พวกเราจะได้ประกาศคะแนนของพวกเธอไปพร้อมๆกันเลย”
“หะ? ไหงงั้นอะ”
“พวกเธอยังจำได้อยู่ใช่มั้ย
ที่เคยขอให้ฉันเป็นพยานการดวลของพวกเธอน่ะ” เอลวินยิ้มเล็กๆก่อนจะผายมือไปรอบๆ
“จะดีกว่ามั้ยถ้าพยานของพวกเธอเป็นถึงสี่สิบสี่ตระกูลนักรบมังกรที่มารวมกันอยู่ที่นี่น่ะ”
เลสเตอร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบหันไปมองรอบๆ
พอเห็นสายตาของเหล่าตระกูลใหญ่ทั้งหลายที่จ้องมองลงมาแล้วเขาก็ได้แต่ส่ายหน้ารัวๆ
“ไม่ไหวหรอก อาจารย์ ประกาศทีละคนได้มั้ย”
“อะไรกัน! มาถึงขนาดนี้แล้วยังกลัวอีกเหรอ” มาเอลได้ทีพูดขึ้นมาเสียงดัง “ก็ไม่แปลกหรอกนะ
เพราะผลลัพธ์มันก็รู้ๆกันอยู่แล้วนี่นา”
“หะ?”
“คนขี้แพ้ก็เป็นคนแพ้อยู่วันยังค่ำ
กลัวจะขายขี้หน้าต่อหน้าคนมากมายขนาดนั้นเลย?” มาเอลยักคิ้วใส่เลสเตอร์รัวๆ
“ประกาศมันตรงนี้เลยครับ อาจารย์!”
เลสเตอร์ที่ถึงกับสติขาดตะโกนกลับไปอย่างเหลืออด
จนเพื่อนๆของเขาทั้งสามคนที่มองอยู่ห่างต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ยังโดนยุง่ายไม่เปลี่ยน” เอลเลียตยกมือก่ายหน้าผาก
“ฮะๆๆ แต่ก็สมเป็นเลสเตอร์ดีนะ” นีลคิดแล้วก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“งั้นพวกเจ้าสองคนก็คงไม่มีปัญหาอะไรสินะ”
เอลวินถามอีกครั้งเพื่อยืนยันซึ่งเด็กหนุ่มทั้งสองคนก็พยักหน้า
หลังจากนั้นเอลวินก็ได้ทำการอธิบายเรื่องราวการเดิมพันคร่าวๆของเด็กสองคนให้เหล่าตระกูลทั้งหลายฟังซึ่งก็เรียกเสียงฮือฮาออกมาได้พอสมควรและดูเหมือนจะไม่มีใครโต้แย้งอะไรด้วย
“ถึงเวลาแล้วสินะ เจ้าเด็กเวย์แลนด์”
มาเอลที่ยืนอยู่ข้างๆพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสูง
เลสเตอร์ไม่ตอบอะไรแม้เขาจะตื่นเต้นกับผลลัพธ์ที่จะออกมาแต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะไม่มีโอกาสชนะ
มีอย่างหนึ่งที่เขามั่นใจคือ มาเอล
ไม่ใช่อัจฉริยะอะไรอย่างที่เจ้าตัวชอบโม้ออกมา
สำหรับเลสเตอร์แล้วหมอนี่ก็เป็นแค่ลูกเศรษฐีจอมหยิ่งยโสและเอาแต่ใจที่มีแค่ฝีมือดีนิดหน่อยเท่านั้น
หมอนี่ไม่ใช่คนแบบที่เขาพยายามให้ตายยังไงในครึ่งปีนี้ก็เอาชนะไม่ได้อย่างเอลเลียตหรือร็อกแซนด์
สุดท้ายผลลัพธ์มันก็อยู่ที่ว่าครึ่งปีที่ผ่านมานั้น
เขาทำมันได้แค่ไหน
“วิชาแรก วิชาการเลี้ยงดูและฝึกฝนมังกร เลสเตอร์
39 คะแนน มาเอล 41 คะแนน” คะแนนวิชาแรกถูกเอ่ยออกมาจากปากของเอลวินซึ่งมันก็เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าของมาเอลได้เป็นอย่างดี
ร็อกแซนด์ที่มองอยู่ห่างๆไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆเพราะสำหรับคนที่สอนเลสเตอร์ในวิชานี้แล้วอย่างเธอนี่ก็เป็นคะแนนที่เธอคาดไว้แล้ว
ยังไงซะสำหรับคนที่ไม่มีความรู้อะไรใดๆเลยการได้คะแนนระดับนี้ภายในครึ่งปีก็นับว่าสุดยอดมากแล้ว
“วิชาที่สอง วิชาดูแลและซ่อมแซมอาวุธ เลสเตอร์ 37 คะแนน
มาเอล 42 คะแนน” เอลวินประกาศคะแนนต่อ
“โอ๊ะโอ ห่างกันไปเจ็ดคะแนนซะแล้วสิ”
มาเอลแสยะยิ้มอย่างพอใจซึ่งเลสเตอร์ก็เริ่มเหงื่อตกกับผลลัพธ์ที่ออกมาแล้ว
และที่สำคัญวิชาต่อไปเป็นวิชาที่เขากังวลมากที่สุดในวิชาทั้งหมดซะด้วย
“วิชาต่อไป วิชาสมุนไพร เลสเตอร์ 30
คะแนน มาเอล 40 คะแนน”
ผลลัพธ์ของวิชาสมุนไพรทำให้เลสเตอร์หน้าซีดเผือด
ถึงเขาพอจะเดาได้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์มันจะออกมาไม่ค่อยดีแต่พอมาได้ยินกับหูตัวเองจริงแล้วมันรู้สึกสิ้นหวังมากกว่านั้นหลายเท่า
“ห่างไปร่วมสิบเจ็ดคะแนนแล้ว”
นีลเองก็อดเป็นกังวลไม่น้อย
เอลเลียตหันไปมองเลสเตอร์ที่กำลังก้มหน้านิ่งไม่ไหวติงแล้วก็ถอนหายใจ
“ยังไงก็รอฟังให้จบก่อนเถอะ”
เอลเลียตพูดแบบนั้น
เขาเองก็ยังอยากจะเชื่อในผลลัพธ์ของความพยายามของเลสเตอร์แต่คะแนนที่ทิ้งห่างไปถึงสิบเจ็ดคะแนนในตอนนี้มันก็ทำให้เขากังวลเหมือนกัน
แต่คนที่กังวลที่สุดในนี้ก็คงไม่พ้นเจ้าตัวเอง
เลสเตอร์ก้มหน้ามองลงพื้น เม็ดเหงื่อผุดพลายลงใบหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มสงสัยในความทุ่มเทของตัวเองตลอดเวลาที่ผ่านมา
ในตอนนั้นเลสเตอร์ที่ค่อยเงยหน้าขึ้นมาสูดลมหายใจก็พลันไปสบสายตาคู่หนึ่งที่อยู่บนลานประลองได้
“ปู่...”
เลสเตอร์รำพึงชื่อของชายชราคนนั้นออกมา
ฮะการ์ไม่ได้ทำอะไร เขาเพียงส่งสายตาเรียบเฉยมายังเด็กหนุ่มจากตระกูลตัวเอง
เลสเตอร์ที่เห็นสายตาคู่นั้นค่อยๆกำหมัดแน่นแล้วยืดหลังแล้วมองไปข้างหน้า
‘เชื่อมั่นในตัวเองหน่อยสิ
เราสัญญากับตัวเองแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่เสียใจภายหลังน่ะ’ เลสเตอร์บอกกับตัวเองแบบนั้น
เอลวินที่เห็นเลสเตอร์ตั้งหลักได้แล้วก็ตัดสินใจประกาศคะแนนวิชาต่อไป
“วิชาต่อไป วิชาประวัติศาสตร์มังกร เลสเตอร์
45 คะแนน มาเอล 34 คะแนน”
“สี่สิบห้าคะแนน?” เลสเตอร์กะพริบตาปริบๆเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
แม้แต่เอลเลียตก็ยังเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะนั่นมันมากกว่าคะแนนของเขาเสียอีก
“เหลือเชื่อเลย...”
เอลเลียตพูดออกมาอย่างตื่นตะลึง
แน่นอนวิชาประวัติศาสตร์มังกรนั้นเป็นวิชาถนัดของเลสเตอร์แต่เขาก็ไม่คิดว่าผลลัพธ์มันจะออกมาได้ถึงขนาดนั้น
“สี่สิบห้าคะแนน? เจ้าเด็กเวย์แลนด์เนี่ยนะ
ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ!” มาเอลที่ได้คะแนนต่ำกว่าพูดออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ
“คะแนนที่ออกมาได้รับการตรวจสอบอย่างดีแล้ว
ไม่มีอะไรผิดเพี้ยนแน่นอน” เอลวินบอกกับมาเอลซึ่งมันทำให้เจ้าตัวต้องดีดลิ้นขัดใจอย่างเถียงไม่ออก
“สำเร็จ! ทีนี้ก็ห่างกันแค่ 6 คะแนนแล้ว”
เลสเตอร์พูดอย่างสะใจ
“ก็แค่วิชาเดียวล่ะน่า!”
มาเอลหันไปแยกเขี้ยวใส่ซึ่งเลสเตอร์ก็ยักไหล่ไม่สนใจอีกฝั่ง
“งั้นต่อไปก็เป็นคะแนนของการทดสอบสุดท้าย
การทดสอบต่อสู้จริงของวิชาการควบคุมพลาน่าและวิชาศิลปะการต่อสู้”
เอลวินเว้นจังหวะชั่วครู่ก่อนจะพูดผลลัพธ์ออกมา
หัวใจของเลสเตอร์เต้นไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ไม่ว่ายังไงประโยคต่อไปของเอลวินก็จะเป็นจุดจบของทุกอย่าง
ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง เขาทำได้เพียงแต่กัดฟันรับมันเท่านั้น
“เลสเตอร์ 78 คะแนน มาเอล 70 คะแนน”
เอลวินประกาศครั้งสุดท้ายออกมา ในตอนนั้นทั้งสนามประลองก็ตกอยู่ในความเงียบ “คะแนนรวมออกมาอยู่ที่
229 ต่อ 227 คะแนน”
“เอ๊ะ?” เลสเตอร์เผยอปากเล็กๆ
เฝ้าภาวนาให้สิ่งที่เขาได้ยินมันไม่ผิดเพี้ยนไปจนในที่สุดเอลวินก็กล่าวสรุปออกมา
“ผลการดวลครั้งนี้ เลสเตอร์ เอลมอล
จากตระกูลสแตนฟอร์ดเป็นฝ่ายชนะ!” เอลวินประกาศผลลัพธ์ออกมาด้วยน้ำเสียงอันดังพอที่จะได้ยินกันทั่วทั้งสนามประลอง
สิ้นเสียงนั้นเสียงปรบมือก็ดังออกมาจากทั้งสนามประลอง
“เลสเตอร์ชนะล่ะ! เอลเลียต ชนะจริงๆด้วย!” นีลหันไปเขย่าไหล่เพื่อนข้างๆอย่างแรง
“เห็นแล้วน่า เห็นแล้ว”
เอลเลียตพูดพร้อมกับพยายามสลัดนีลให้หลุดแม้ใบหน้าของเขาจะเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มไม่ต่างกัน
“ไม่เสียงแรงที่เสียเวลาสอนตั้งนาน”
ไม่เพียงแต่ทั้งสองคนเท่านั้นแต่นักรบฝึกหัดคนอื่นๆที่เหลือก็ร่วมกันปรบมืออย่างยินดี
ยังไงซะคนส่วนใหญ่ในที่นี้ก็แอบเชียร์เลสเตอร์มากันตั้งแต่แรกแล้วถึงจะไม่คิดว่าเขาจะชนะจริงๆก็เถอะ
“ยอมรับไม่ได้!” เสียงๆหนึ่งอันคุ้นเคยดังขึ้นมาด้วยความเดือดดาล
เสียงปรบมือหยุดลงพร้อมกับใบหน้าของทุกๆคนที่หันไปมองทางต้นเสียง
“มีอะไรยอมรับไม่ได้เหรอ มาเอล มาทิโพเนี่ยน”
เอลวินหันไปถามลูกศิษย์เจ้าปัญหาของตัวเองอีกคน
“จ...เจ้าเด็กบ้านนอกนี่
ได้คะแนนเยอะกว่าฉันเนี่ยนะ” มาเอลชี้นิ้วมาที่เลสเตอร์พร้อมกับใบหน้าแดงก่ำ “มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ
มันไม่มีทางเป็นไปได้!”
“ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าคะแนนที่ออกมาได้รับการตรวจสอบอย่างดีแล้วน่ะ
ผลลัพธ์นี้ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน”
“ไม่มีทาง! จ...จริงสิ การทดสอบสุดท้ายนี่
ที่เจ้านี้ได้คะแนนเยอะกว่าฉันก็เพราะได้จับคู่กับเพื่อนซี้ของมันสองคนนั้นต่างหาก”
มาเอลที่มือไม้สั่นไปหมดชี้ไปที่เอลเลียตกับนีลที่ยืนอยู่ห่างๆ
“คะแนนของการทดสอบจะถูกวัดเป็นคนๆไม่ได้วัดเป็นทีม
ก่อนการทดสอบก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ถึงยังไงมันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี!” มาเอลไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาคำรามลั่น “จะบอกว่าฉันทำผลลัพธ์ด้านการต่อสู้แพ้เจ้าหมอนี่งั้นเหรอ
เรื่องนั้นมันบ้าชัดๆ!”
“ไม่ได้บ้าหรอก”
ไม่ใช่เอลวินที่เป็นคนตอบคำถามนี้แต่เป็นลินเดลที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ที่ขอบสนามประลอง
เขาค่อยๆเดินมาที่ใจกลางสนามประลองแล้วยืนเบื้องหน้าเด็กหนุ่มทั้งสอง
“อาจารย์ลินเดล ตลอดการสอนที่ผ่านมาอาจารย์ก็น่าจะเห็นนี่ว่าผมมีฝีมือมากกว่าเจ้าหมอนี่...แล้วทำไมผมถึงได้คะแนนต่ำกว่าหมอนี่อีก”
มาเอลรีบหันไปถามผู้มาใหม่อย่างไม่พอใจ ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังคงรับความจริงเรื่องที่เขาได้คะแนนน้อยกว่าเลสเตอร์ไม่ได้
“เธอเก่งจริงๆ มาเอล มาทิโพเนี่ยน ในตอนต้นของเทอมเธอน่าจะเป็นผู้มีฝีมืออันดับต้นๆของที่นี่เลยก็ได้
เทียบกับ เลสเตอร์ เอลมอล
ที่เริ่มจากศูนย์แล้วเธอแทบจะไม่มีโอกาสแพ้ในการดวลครั้งนี้เลย”
ลินเดลพูดกับเด็กชายตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสงบเยือกเย็น
“ใช่แล้ว แล้วทำไมถึง...”
“แต่ว่านะ...ตลอดเวลาทั้งเทอมที่ผ่านมาเธอแทบไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลย”
ลินเดลพูดต่อโดยไม่สนใจมาเอลที่ทำท่าจะพูดแทรกและคำพูดของเขาก็ดันกระแทกใจมาเอลเข้าอย่างจัง
“หอคอยแห่งนี้ก็เหมือนกระถางต้นไม้ที่คอยบ่มเพาะเมล็ดพันธ์อย่างพวกเธอให้เติบใหญ่แต่ถ้าหากเมล็ดเหล่านั้นไม่ได้ดูดซับสารอาหารจากดินและน้ำที่อาจารย์อย่างพวกฉันคอยรดไปแล้วล่ะก็ต่อให้เป็นเมล็ดพันธ์ที่ดีแค่ไหนมันก็ไม่มีทางเติบใหญ่เป็นต้นไม้ไม่ได้หรอก ในระหว่างที่คนอื่นฝึกฝนเพื่อกำลังฝึกฝนเพื่อพัฒนาตัวเองเธอมัวทำอะไรอยู่ล่ะ มาเอล มาทิโพเนี่ยน”
“ร...ไร้สาระ ฟังยังไงก็ไร้สาระชัดๆ
ที่นี่มันบ้าไปหมดแล้ว พวกแกทุกคนมันบ้าไปหมดแล้ว” มาเอลชี้นิ้วด่ากราดไปทั่วจนกระทั่งสายตาของเขาไปประสบพบเจอกับชายคนนึงที่นั่งชมอยู่บนที่นั่งคนดู
“อ...อาจารย์อันเดร อาจารย์อันเดร! ช่วยพูดให้ผมหน่อยสิครับ บอกหน่อยสิว่ามันมีอะไรผิดพลาด!”
ชายชราที่อยู่ตรงนั้นคือ อันเดร
อาจารย์ผู้สอนวิชาดูแลและซ่อมแซมอาวุธซึ่งถือเป็นอาจารย์คนโปรดของมาเอลที่มักจะชื่นชมมาเอลบ่อยๆ
“ผลลัพธ์ก็คือผลลัพธ์ เจ้าหนูมาเอล
หัดยอมรับความจริงซะบ้าง” ชายชราตอบสั้นๆอย่างไม่ใยดี
เมื่อมาเอลได้ยินคำพูดนั้นเขาก็ถึงพูดไม่ออกแม้แต่ที่พึ่งเดียวในตอนนี้ของเขาก็ยังทอดทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดี
“พ...พวกแกทุกคนมันบ้าไปหมดแล้ว
ฉันคนนี้ไม่มีทางแพ้หรอก!”
มาเอลในตอนนี้ร่างกายสั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธที่กำลังกลืนกินสติของเขา “จ...จริงสิ
วิชาประวัติศาสตร์มังกรไง วิชาไร้สาระแบบนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ
ถ้าไม่ต้องเอาคะแนนวิชานั้นมาคิดฉันก็ชนะไม่ใช่เหรอ!”
ทุกคนในที่นี้มองร่างอันสั่นเทิ้มของมาเอลด้วยความสมเพชเวทนาแต่ก็ไม่มีใครคิดจะทำอะไรต่อจนกระทั่งเอลวินที่เหลืออดกับท่าทีของเด็กหนุ่มต้องเดินมาเตือนสติใกล้ๆ
“อย่าหาว่าฉันเตือนเลยนะ เจ้าหนู แต่ถ้าฉันเป็นเธอ
ฉันจะไม่ทำกิริยาท่าทางแบบนี้ที่นี่” เอลวินพูดจบก็ตบไหล่ของเด็กหนุ่มเบาๆ
มาเอลที่เหมือนจะได้สติขึ้นมาจากคำพูดนั้นมองไปรอบๆ
สายตาจากทั้งสี่สิบสี่ตระกูลใหญ่มองมาที่เขาอย่างเย็นชาและผิดหวัง
ในตอนนั้นนั่นแหละที่เขาได้รู้ว่าตัวเองพลาดครั้งใหญ่ซะแล้ว
สำหรับนักรบมังกรแล้วผลลัพธ์คือทุกอย่าง
คนที่ยอมรับกระทั่งผลลัพธ์ของตัวเองไม่ได้นั้นจะถูกมองแบบไหนทุกคนในที่นี้ย่อมรู้ดี
“ฝัน..นี่มันไม่ใช่เรื่องจริง”
มาเอลบ่นพึมพำกับตัวเองและเมื่อไม่รู้จะทำยังไง
ขาของมาเอลก็ขยับพาเขาวิ่งหนีออกไปจากสนามประลองทันที ลำบากดาร์ฟลูกน้องคนสนิทที่นั่งอยู่บนที่นั่งคนดูต้องวิ่งตามไป
เด็กหนุ่มลูกเศรษฐีไม่รู้เลยว่าต่อจากนี้จนสิ้นสุดราวเดอร์ในครั้งหน้านั้นจะไม่มีตระกูลไหนเสนอชื่อเขาเลยแม้แต่ตระกูลเดียว
จนท้ายที่สุดเขาต้องเป็นนักรบไร้ปราสาทที่ทำงานใต้สังกัดของเซ็นทรัลแทน
เมื่อความวุ่นวายหายไปแล้ว
ที่เหลืออยู่ก็มีเพียงเลสเตอร์ที่กำลังยืนนิ่งไม่ไหวติง
“ฉันชนะ...” เด็กหนุ่มจากเวย์แลนด์ค่อยๆเอ่ยขึ้น
ตลอดมาเขาไม่ได้สนใจมาเอลเลยแม้แต่น้อยสิ่งที่เขาสนใจก็มีเพียงแต่ผลลัพธ์ที่เขายังไม่อยากจะเชื่อสายตาตรงหน้าเท่านั้น
“ณ ที่นี่ตอนนี้ ราวเดอร์
ครั้งแรกของปีการศึกษานี้ก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว!” เอลวินกล่าวปิดงานให้ทุกคนในงานได้ยินกันทั่วกัน เหล่าตระกูลใหญ่ทั้งหลายปรบมือโดยพร้อมเพรียงกัน
ราวเดอร์ได้สิ้นสุดลงแล้ว
ในตอนนั้นเหล่านักรบฝึกหัดทั้งหลายต่างก็วิ่งเข้ามาแสดงความยินดีกับเลสเตอร์ซึ่งเจ้าตัวก็พูดขอบคุณกลับไปพอเป็นพิธีเพราะตอนนี้เขามีคนที่อยากจะพูดด้วยมากกว่า
เบื้องหน้าของเขาในตอนนี้ เอลเลียต นีล และ
ร็อกแซนด์ ยืนอยู่ด้วยรอยยิ้ม เลสเตอร์เองก็ยิ้มตอบไป เขาคงไม่สามารถชนะได้เลยถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทั้งสามคนนี้
“ยินดีด้วย เลสเตอร์” นีลเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา
“ฉันชนะล่ะ” เลสเตอร์พูดออกมา
ขนาดในตอนนี้เขาเองก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่เลย
“เพราะฉันสอนมาดีไงล่ะ”
เด็กสาวคนเดียวในกลุ่มกอดอกอย่างภูมิใจในตัวเอง
“ครับๆ ขอบคุณครับ แม่คนเก่ง
เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยงเค้กเดี๋ยวนี้เลย”
เลสเตอร์พูดประชดแต่ถึงอย่างงั้นใบหน้าของเขาก็ยังประดับประดาไปด้วยรอยยิ้ม
บอกตามตรงเขาไม่เคยอยากเลี้ยงร็อกแซนด์ตอนไหนมากเท่าตอนนี้มาก่อนเลย
ว่าแล้วทุกคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน
นั่นเป็นวินาทีแรกที่เลสเตอร์รู้สึกว่าเขาช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้มายังแอนทีคแห่งนี้
ในขณะเดียวกัน ในระหว่างที่ทุกๆคนกำลังเฮฮาอยู่
เอลเลียตกลับค่อยๆทิ้งระยะห่างออกมาพร้อมกับยืนมองเพื่อนๆของเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนานด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เข้าไปสังสรรค์กับทุกคนเหรอ เอลเลียต” เสียงนั้นคือฮะการ์ที่เดินลงมาจากที่นั่งคนดูลงมายังลานประลอง
พอเอลวินประกาศสิ้นสุดราวเดอร์แล้วเขาเองก็ไม่ได้ถูกห้ามที่จะลงมายังลานประลองนี้อีกต่อไป
ข้างๆของเขาคือเนลลี่ที่กล่าวแสดงความยินดีกับเอลเลียตทันทีที่พบหน้า
“ผมไม่รู้จะเข้าไปคุยอะไรดีน่ะสิครับ”
เอลเลียตตอบยิ้มๆ
“ไปเถอะ ยังไงพวกเจ้าก็อาจจะได้อยู่ด้วยกันอีกซักพัก”
“ซักพัก?” เอลเลียตย่นคิ้วสงสัย
“เลสเตอร์จะขออยู่ที่นี่จนครบปีการศึกษาน่ะ
ดูเหมือนเขาจะถูกใจที่นี่ไม่น้อยล่ะนะ”ฮะการ์หันไปมองเด็กหนุ่มจากเวย์แลนด์ที่อยู่ห่างๆ
“แล้วเจ้าล่ะจะว่ายังไง อยากจะอยู่ที่นี่ต่อรึเปล่า”
“แล้วท่านปู่คิดว่ายังไงล่ะครับ” เอลเลียตถามกลับ
“พูดตามตรงด้วยฝีมือของเจ้าน่ะหากกลับไปฝึกฝนกับข้าที่ปราสาทแล้วก็คงพัฒนาไวกว่าอยู่ที่นี่ล่ะนะแต่...”
“ผมอยู่ที่นี่ก็ได้ไม่เป็นไรครับ” อยู่ดีเอลเลียตก็ตัดสินใจพูดอย่างกะทันหันจนฮะการ์เลิกคิ้ว
“เอาอย่างงั้นเหรอ แน่ใจแล้วเหรอ” ฮะการ์ถามย้ำอีกครั้ง
“ครับ...อยู่ที่นี่ก็สนุกดี” เอลเลียตตอบออกมาเบาๆ
เขาได้หารู้ไม่ว่าคำตอบของเขาทำให้ชายชราที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็กถึงกับเบิกตากว้างออกมาด้วยความประหลาดใจ
“เอลเลียต!”
“โอ๊ย!” เอลเลียตร้องเสียงดังหลังจากที่อยู่ดีเลสเตอร์ก็เอาแขนมาล็อกคอเขาไว้แล้วลากไปข้างหลัง
“หายหัวไปไหนมาตั้งนาน
รีบๆมานี่เร็วเราจะไปกินเค้กกันแล้ว อ้อ ปู่ กับ พี่เนลลี่
ผมขอยืมตัวเจ้านี่หน่อยนะ” เลสเตอร์โบกมือให้ผู้อาวุโสกว่าทั้งสองคน
“รู้แล้วๆ ปล่อยฉันก่อนสิ มันเจ็บนะโว้ย” เอลเลียตร้องโวยใหญ่
“ตามสบายเลย” ฮะการ์ยิ้มบาง
“กินเค้กให้อร่อยล่ะ” เนลลี่หัวเราะอย่างเอ็นดูแล้วโบกมือกลับไป
ทั้งสองคนคอยมองดูเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่เดินไปรวมตัวกลับกลุ่มเพื่อนๆแล้ววิ่งออกไปจากสนามประลอง
“นี่ เนลลี่”
ฮะการ์หันไปเรียกหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ “ตะกี้เจ้าเอลเลียตพูดว่าสนุกแหละ”
“ค่ะ ฉันเองก็ได้ยินเหมือนกัน”
“เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้ยินเด็กคนนั้นพูดแบบนั้น”
ฮะการ์ยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่ค่อยจะได้เห็นกันบ่อยนัก
เขานึกถึงคำถามฮอลแลนด์ที่ว่า “ทำไมถึงให้เลสเตอร์มาเป็นนักรบมังกร”
ขึ้นมาแล้วก็หัวเราะออกมา คำตอบของคำถามนั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากมายเลย
มันก็เป็นแค่ความหวังดีของคุณปู่คนหนึ่งที่มีให้หลานชายเท่านั้น ความหวังดีที่ต้องการให้ชีวิตอันแสนอ้างว้างนั่นมีสีสันขึ้นมาเพียงเล็กน้อย
จุดเริ่มต้นทั้งหมดของความคิดนั้นมันมาจากตอนที่เด็กเพี้ยนๆคนนึงดันพูดว่ามังกรนั้นเป็นอะไรที่เท่สุดยอดก็เท่านั้นเอง
“ต่อไปนี้คงมีเรื่องสนุกๆชวนปวดหัวให้เรารับมือกันไม่หวาดไม่ไหวเลยเชียวล่ะ”
ฮะการ์มั่นใจแบบนั้น
ความคิดเห็น