ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์วิวาห์เจ้าชายมาเฟีย (พริม สกาย)

    ลำดับตอนที่ #17 : ผู้ชายปากแข็ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.84K
      2
      8 ก.ย. 58

                                      บทที่18  ผู้ชายปากแข็ง

      หนึ่งอาทิตย์หลังจากคุณหญิงฟ้าลดากลับมา ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างสกายกับพริริสาจะไม่มีความคืบหน้า สกายยังเก็บตัวในห้องทำงาน แม้ว่าจะยอมมาร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับหญิงสาว แต่ถึงอย่างนั้นทั้งเธอและเขาก็คุยกันนับครั้งได้ คุณหญิงจึงเห็นว่า ถ้าปล่อยเรื้อรังไว้อย่างนี้คงไม่ดีแน่ เพราะหนึ่งอาทิตย์ที่นางได้อยู่กับพริริสานางก็นึกรักและเอ็นดูในตัวพริริมากขึ้น 

    และถ้าปล่อยให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังคลุมเครือ มีหวังนางได้ชวดหลานที่จะเกิดมาในท้องพริริสา แน่นอนนางอยากได้พริริสาเป็นลูกสะใภ้ และนางก็มั่นใจว่า ระหว่างสกายกับพริริสามันต้องมีอะไรมากกว่าที่ลูกชายตัวดีของนางบอกไว้ เพราะหลังจากที่พยายามคาดคั่นบุตรชาย ว่าไปเจอพริริสาได้อย่างไร ดูเหมือนสกายจะพยายามบอกปัดอยู่เรื่อยไป 

    และนั้นยิ่งทำให้นางมั่นใจว่า มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล สำหรับคนทั้งสอง แม้สกายจะบอกว่าพริริสาเป็นเมียตนเอง แต่นางก็รู้ว่านับตั้งแต่นางกลับมาบ้าน สกายไม่เคยขึ้นไปนอนในห้องนอนของตนเองเลยแม้แต่วันเดียว ส่วนพริริสาเองก็ดูจะเกรงกลัวชายหนุ่ม และไม่เป็นเดือดเป็นร้อนสักนิดที่เจ้าพ่อเหมืองไม่ได้เข้าไปร่วมหลับนอนด้วย วันนี้นางจึงคิดว่าจะทำให้ทั้งสองมีเวลาอยู่ด้วยกันและคุยกันให้ได้ 
                  “ตากายวันนี้ เราพาน้อง ไปเลือกซื้อเสื้อผ้าหน่อยนะลูก คืนนี้แม่จะพาน้องไปงานเลี้ยงกับแม่เสียงประมุขของบ้านที่นั่งอยู่บนหัวโต๊ะอาหารเอ่ยขึ้น แกมสั่ง 
                 “คุณแม่ว่าอะไรนะครับ คนขับรถก็มี ทำไมต้องเป็นผมด้วยคนที่กำลังตักข้าวเข้าปาก หยุดชะงักถามมารดา พร้อมเหลือบตามองคนที่ก้มหน้าก้มตาตกข้าวต้มเข้าปากอยู่ฝั่งตรงข้าม  ว่าเธอจะมีปฎิกริยาโต้ตอบอะไรไหม

    เรานี่ยังไงตากาย ไหนบออกว่าน้องเป็นเมียเราไง แล้วการที่สามีจะส่งเมียไปซื้อเสื้อผ้านี่มันผิดตรงไหน หรือเรากำลังเล่นละครตบตาแม่อยู่ “  คุณหญิงว่าเสียงเขียว พร้อมมองชายหนุ่มอย่างจับผิด

    ปะ...เปล่าครับคุณแม่ก็ผมเห็นว่า การเลือกซื้อเสื้อผ้ามันเป็นเรื่องของผู้หญิง ผมเป็นผู้ชายคงไม่ถนัดเท่าไหร่ อีกอย่างช่วงนี้ เจฟฟ์ก็ส่งงานมาให้เซ็นอยู่เรื่อย ผมเกรงว่าถ้าผมช้างานทางโน้นจะสะดุด จนผมต้องกลับไปเคลียร์เองเจ้าพ่อเหมืองอ้างเสียงอ่อน

     “แม่ไม่ได้บอกนี่ว่าให้เราไปช่วยเลือก แม่บอกให้เราไปส่งน้อง ไม่รู้ล่ะ นี่คือคำสั่งกินข้าวเสร็จแล้วลูกต้องพาน้องไปเข้าใจมั้ยคุณหญิงสั่งเสียงเข้ม ยังไงภายในวันนี้นางจะต้องให้ทั้งสองคนพูดจากันให้ได้ 

    ชายหนุ่มเหลือบตามองคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาโดนคุณหญิงแม่ดุอย่างคาดโทษ แม่ตัวเล็กนี่จะไม่พูดอะไรหน่อยหรือไง ได้แต่ก้มตากับตาตักข้าวต้มเข้าปากท่าเดียว

    พริริสาเหมือนจะรู้ว่า มีสายตาอำมหิตกำลังจ้องมาทางเธออย่างเอาเรื่อง ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองสายตาคู่คมคู่นั้นของชายหนุ่ม แล้วกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ เพราะเธอเองก็ไม่อยากไปกับเขา แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของคุณหญิง 
                “คุณแม่ค่ะ ไม่ต้องรบกวนพี่กายก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพริมให้พี่ยอร์ทไปส่งก็ได้

    ไม่ได้จ๊ะ งานนี้แม่จะพาทั้งเราและพี่เขาไปด้วย ดังนั้นทุกอย่างต้องลงตัว ส่วนตากายห้ามอิดออด แม้ถือว่านี่คือคำสั่งคุณหญิงรวบรัดตัดความด้วยสีหน้าจริงจัง จนพริริสาก็ไม่กล้าจะแย้งอีก

    ค่ะคุณแม่/ ครับคุณแม่

    สายของวันพริริสาลงมาพร้อมชุดที่พร้อมจะออกไปข้างนอก วันนี้เธอรู้สึกตื้นเต้น เพราะนี่คือครั้งแรกที่เธอได้ก้าวขาออกจากบ้านหลังใหญ่ นับตั้งแต่ย่างกรายเข้ามาอยู่ตั้งแต่วันนั้น และมันคงจะดีไม่น้อยหากเธอไม่ต้องออกไปกับผู้ชายที่นั่งปั้นหน้าเป็นยักษ์รอเธออยู่ทีห้องรับแขกนั้น

    กว่าจะลงมาได้ ออกไปข้างนอกแค่นี้ให้ฉันนั่งรอเป็นชาติเลยนะ ทันทีที่ พริริสาก้าวเท้าเข้ามาในห้องรับแขกชายหนุ่มก็ต่อว่า เธอทันที

    ขอโทษค่ะพริริสาเอ่ยขอโทษ ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนจะเม้มปากตัวเองไว้แน่น ยังไงเธอก็คงเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับชายหนุ่มไม่ได้อีกแล้วสินะ 
                   “ไปกันได้หรือยัง ฉันไม่มีเวลามาพาเธอเที่ยวได้ทั้งวันหรอกนะ” พูดเสร็จเจ้าพ่อเหมืองก็มาคว้าเอาข้อมือเล็กของเธอให้ก้าวยาวๆเดินตามเขาออกไป พริริสาไม่มีเวลาได้คัดค้าน ชายหนุ่มก็เปิดประตูรถแล้วจับเธอยัดเข้าไปทางรวดเร็ว       

       “คุณหญิงว่าจะรอดไหมคะนมอุ่นถามคนที่แอบยืนอยู่ที่ระเบียงห้อง เพื่อแอบมองคนที่กำลังขับรถออกไปจากรั่วบ้าน

    ต้องรอดสินม ถึงสกายจะมีทิฐิกับผู้หญิง แต่ฉันเชื่อว่าหนูพริมจะทำให้เขาเปลี่ยนความคิด ในเมือเขากล้าพาพริริสาเข้ามาในบ้าน ในฐานะเมียของเขา นั้นแสดงว่าสกายตัดสินใจเลือกแล้วว่าต้องเป็นเธอคุณหญิงบอกเสียงนิ่ง และแอบคาดหวังอยู่ในใจ นางอยากให้สกายเป็นฝั่งเป็นฝา อยากมีหลานไว้อุ้มเหมือนคนรุ่นเดียวกันกับนาง แต่ดูเหมือนบุตรชายของนางไม่คิดจะใส่ใจกับมันเลย นับตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งเก่าก่อน

    ห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมืองหลวง ที่มีผู้คนทุกวัยต่างเข้ามาเดินจับจ่ายใช้สอย  พริริสากำลังก้าวเดินตามบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ไปด้วยความเหนื่อยหอบ เขาก้าวขายาวๆไปข้างหน้าอย่างไม่คิดจะรอคนตัวเล็กขาสั้นอย่างเธอเลยสักนิด ไม่แม้แต่จะหันมามองคนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามหลังติดๆ จนในที่สุด พริริสาก็เลยตัดสินใจเลิกเดินตาม และหันกลับไปสนใจร้านหนังสือที่อยู่ข้างๆแทน

                หญิงเดินเข้ามาในร้านหนังสือเจ้าประจำของเธอ ที่วริชชอบพามาซื้อหนังสือเรียน ในใจก็หวังว่าเธอจะได้เจอกับวริชที่นี่บ้าง เพราะตั้งแต่วันนั้น เธอก็ไม่ได้คุยกับวริชอีกเลย โทรศัพท์ก็ถูกชายหนุ่มก็ยึดไปตั้งแต่วันนั้น โดยอ้างว้างเขาไม่อยากให้เธอติดต่อกับใคร หรือว่าแม้แต่ในโลกโซเซียลชายหนุ่มก็ห้ามเธอติดต่อกับใครทั้งนั้น ใจร้ายชะมัดมัดมือชกเธอแท้ๆ

    อ้าว!น้องพริม วันนี้ทำไมมาคนเดียวล่ะคะ แล้วน้องผู้ชายสุดหล่อของพี่อีกคนไปไหนซะล่ะพนักงานขายหน้าร้าน ส่งเสียงทักทายเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมชะเง้อคอมองออกไปหน้าร้านเพื่อมองหาชายหนุ่มที่หล่อนเอ่ยถึง
                สวัสดีค่ะพี่เหมียว วันนี้พริมมาคนเดียวค่ะ วริชไม่ได้มาด้วยพริริสาเองก็ส่งยิ้มหวานกลับไปให้

    เอ๊ะ! หมู่นี้พี่ว่ามันแปลกๆนะ วันก่อนน้องชายสุดหล่อก็มาเอง ส่วนวันนี้น้องพริมก็เดินมาซื้อของเองอีกด้วย ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่าคะหล่อนถามขึ้นเพราะความอยากรู้ และด้วยเป็นคนอัธยาศัยดี พริริสาจึงไม่ถือสา

    เปล่าคะ แค่ช่วงนี้ พริมงานยุ่งนะค่ะ ส่วนวริชเองก็เรียนหนักเราเลยไม่มีเวลาเจอกันเท่าไหร่” 

    ออ อย่างนี้นี้เอง แล้ววันนี้น้องพริมมากับใครคะ พี่มีหนังสือใหม่ๆมาหลายเล่มเลย เชิญน้องพริมเลือกตามสบายเลยนะ

    ขอบคุณคะพี่เหมียว พริมมาคน.....

    พริริสา!!!”  ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบคำถามของพนักงานขาย เสียงอันเกรี้ยวกราดบ่งบอกถึงอารมณ์ของคนเรียกก็ดังก้องมาจากด้านหลัง พริริสาใจหลุนวูบ งานนี้ไม่รู้จะโดนชายหนุ่มเล่นงานอะไรอีก ที่แอบแวบเข้าร้านหนังสือ แต่จะโทษเธอได้ไง ก็เขาเดินไม่รอเธอเองนี่นา

    คะ!พริริสาขานรับเสียงแผ่วเบา พร้อมจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างกลัวๆ
                “เธอกล้าดียังไง ถึงแอบเข้ามาในร้านนี้โดยที่ไม่บอกฉันสกายถามเสียงดุ ตอนแรกที่เดินนำไปแล้วหันหลังกลับมามองคนตัวเล็กแล้วไม่เจอ เขาก็ใจหายแวบ คิดว่าเธอจะแอบหนีเขาไปจริงๆ ที่ไหนได้มายืนลอยตาลอยตาพูดถึงผู้ชายคนอื่นอยู่นี่เอง คิดแล้วก็น่าโมโห เขาอุตส่าห์สละเวลาพาเธอมาเลือกซื้อเสื้อผ้าแท้ๆ
                ขอโทษค่ะ พริมก็แค่อยากได้หนังสืออ่านเธอมองเลยชายหนุ่มออกไป ไม่กล้าสบตากับดวงตาที่กำลังจ้องมองเธออย่างเอาเรื่องคู่นั้น

    แล้วทำไมไม่บอกฉัน

     พริริสาอยากจะตอบออกไปยิ่งนักว่าเขาหยุดเดินเพื่อให้เธอบอกมั้ยละ มีแต่ก้าวจ้ำอ้าวไปข้างหน้าด้วยไม่คิดที่จะรอเธอเองต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้แต่ยืนเงียบไม่ต่อปากต่อคำ เพราะยิ่งเธอโต้ตอบออกไปก็เพียงแต่จะอับอาย สายตาอีกคู่ที่กำลังจับจ้องมาที่เธอและเขาอย่างใคร่รู้

     “แล้วได้หรือยังหนังสือนะคราวนี้เสียงของชายหนุ่มอ่อนลงนิดหนึ่ง เมื่อมองเห็นคนตัวเล็กตรงหน้ายืนนิ่ง แถมยังไม่ยอมมองหน้าเขาอีก ก่อนจะเดินเข้าไปคว้าข้อมือเล็ก เดินไปตามชั้นหนังสือที่ตั้งอยู่เรียงราย สร้างความแปลกใจให้หญิงสาว อยู่ไม่น้อย 

    เอ้า!อยากได้เล่มไหนก็เลือกซะ ฉันให้เวลาเธอเลือกสิบนาที สกายยืนกอดอก บอกเสียงเข้ม 

    พริริสาแอบลอบยิ้มดีใจ ที่อย่างน้อยชายหนุ่มก็ไม่ใจร้ายไส้ระกำถึงกับลากเธออกไปจากร้านหนังสือ แถมยังมีน้ำใจให้เธอเลือกซื้อหนังสือ อีกตั้งสิบนาที ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับชั้นวางหนังสือต่อทันที

    หญิงสาวเลือกหนังสืออยู่สี่ห้าเล่ม ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือเกี่ยวกับวรรณคดีแล้วก็คู่มือเรียนภาษาต่างประเทศ จะมีอยู่เล่มหนึ่งที่ไม่เหมือนเล่มอื่นก็คงเป็นหนังสือสอนทำอาหารนี่แหละ ที่เธอจะเลือกนานเป็นพิเศษ

    เลือกเสร็จหรือยัง พริริสา

    เสร็จแล้วค่ะเธอเงยหน้าจากหนังสือ พร้อมตอบรับชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มสดใส เป็นครั้งแรกละมั้งที่ชายหนุ่มเห็นรอยยิ้ม พร้อมแววตาแบบนี้จากเธอตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา

     “เสร็จแล้วก็รีบๆไปจ่ายเงินสิ จะมัวมาชักช้าทำไม

    พริริสาเดินถือหนังสือมา มาหยุดอยู่หน้าชายหนุ่ม ก่อนจะยื่นหนังสือที่เลือกมาให้เขา ก็เธอไม่มีเงินจ่ายนี่ วันนั้นที่เธอกลับไปเอาของใช้ส่วนตัวที่บ้าน เธอก็พบว่ากระเป๋าสตางค์เธอถูกรื้อค้นและเงินในกระเป๋าก็หายไปด้วย เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือใคร

    เอามาให้ฉันทำไมชายหนุ่มเหลือบมองหนังสือที่เธอยื่นมาให้เขา แล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย

    พริมไม่มีเงินจ่ายค่าหนังสือเธอตอบตามว่าเป็นจริง ด้วยแววตาใสซื่อ จนคนที่ยื่นอยู่ตรงหน้าเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา ยัยบ้านี่ไม่มีตังค์สักบาทยังจะกล้าอวดดีเข้าร้านหนังสืออีก

      ไม่มีเงินแล้วยังจะกระเสือกกระสนเข้ามาในร้านนี่นะ

    ตอนแรกก็แค่จะแวบเข้ามาดูเฉยๆนี่นา พริริราพึมพำกับตนเองเบาๆแต่นั้น กลับยิ่งทำให้คนตัวสูงอยากรู้ว่าเธอบ่นอะไร        

    เธอบ่นอะไร พริริสา

    เปล่าคะ

     “ตามฉันมาเจ้าพ่อเหมืองยื่นมือไปรับ หนังสือจากมือพริริสา ก่อนจะคว้าเอาข้อมือเล็กของเธออีกข้างเดินตาม เวลาเธอถูกชายหนุ่มจับจูงมือแบบนี้ทำไมมันรู้สึกแปลกๆ วูบๆไหวๆพิกลในอก มันคืออะไรกันแน่พริริสาคิดอยู่ในใจ

    ทั้งหมด หนึ่งพันสามร้อยเก้าสิบบาทค่ะ จะชำระเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตดีค่ะเสียงพนักงานเอ่ยขั้น พร้อมส่งสายตาแพรวระยับไปให้กับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆหญิงสาว

    เงินสดครับชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่ม

    ชำระสินค้าเรียบร้อยแล้วคะ ขอบคุณที่ใช้บริการนะคะ

    แฟนใหม่เหรอคะ น้องพริมเมือจัดแจงชำระเงินค่าหนังสือเสร็จแล้ว พนักงานคนเดิมก็หันมาถามพริริสา

    ไม่ใช่คะ….” พริริสา รีบส่ายหน้าปฎิเสธทันที

    ไม่ใช่ครับ เธอไม่ใช่แฟนผม แต่เธอคือภรรยาผม ถ้าไม่มีอะไรผมกับพริริสาคงต้องขอตัวก่อน   สกายพูดแทรกขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นว่าพริริสาปฎิเสธ เขาพูดผิดตรงไหนละ ก็เธอเป็นเมียเขานี่ ถึงยังไม่ถูกต้องตามนิตินัย แต่ทางพฤตินัยก็ถือได้ว่าเขาเป็นสามีคนแรกของเธอเลยล่ะ

    เออออ ค่ะ สามี สามีน้องพริม”  พนักงานคนเดิม พยักหน้ารับคำตอบของชายหนุ่มแบบ งงๆ พร้อมสีหน้าตกใจ ก่อนจะส่งยิ้มไปให้พริริสา ก็พบว่าเธอมีใบหน้าที่ไม่ต่างจากหล่อนสักเท่าไหร่

    พริริสาไปได้แล้วชายหนุ่มสั่ง

    ค่ะ   พี่เหมียวคะ พริมฝากบอกวริชด้วยนะคะ ว่าพริมสบายดี ถ้ามีโอกาส พริมจะหาเวลาไปเยี่ยมเขาที่บ้าน พริริสาหันมาบอกพนักงาน เมือชายหนุ่มกึ่งลากกึ่งจุงเธออกจากร้าน 

    ทำไมไอ้หมอนั้น มันมีความสำคัญกับเธอมากเลยหรือไง ถึงต้องฝากความคิดถึงไปหามันด้วยสกายหยุดเดินและหันหน้ามาถามพริริสา ด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง พริริสาที่ไม่ทันมองเพราะมั่วแต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามชายหนุ่ม จึงชนเข้ากับแผลงอกของเขาอย่างจัง

    โอ๊ย!!

    ซุ่มซ่าม!! หัดมองออกไปข้างหน้าบ้างไม่ใช่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินตามฉันอย่างเดียว” ในขนาดที่ปากยังต่อว่าพริริสาไม่หยุดหย่อน แต่แขนแกร่งก็โอบรัดเอวเธอไว้ไม่ให้เธอหงายหลังล้มไปกองอยู่กับพื้น

    พริมว่าเรื่องนี้เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะคะ   วริชเป็นเพื่อนพริม แค่เพื่อนจริงๆพริริสาตอบออกไป เหมือนกลัวเขาจะเข้าใจผิด แล้วทำไมเธอจะต้องกลัวเขาเข้าใจผิดด้วยละ ดีซะอีกไม่ใช่เหรอที่เขาคิดว่าเธอกับวริชเป็นคนรักกัน เขาจะได้ไม่ทำลุ่มล่ามกับเธออีก

    แค่เพื่อนแน่นะ

    “…………..” พริริสาไม่ตอบ เธอเพียงพยักหน้าจะเม้มปากเอาไว้แน่น พร้อมๆกับการใช้มือดันหน้าอกชายหนุ่มเอาไว้ และเบี่ยงตัวไปด้านหลังไม่ให้อกนุ่มนิ่มของเธอเบียดเสียดกับอกแกร่งของเขา เพราะตอนนี้เธอกับเขาเหมือนกำลังกอดกันกลางห้างดังอยู่ และสายตาหลายคู่ก็กำลังจับจ้องมา

       ดี! อย่าให้ฉันรู้นะ ว่าเธอแอบคบชู้ ฉันเอาเธอตายแน่”  ชายหนุ่มเอ่ย คาดโทษก่อนจะปล่อยคนตัวเล็กให้เป็นอิสระ และดึงถุงใส่หนังสือไปถือซะเอง อีกมือก็ไปคว้าเอาข้อมือเล็กของเธอให้เดินตาม ไม่ใช่สิ เรียกว่าเดินเคียงข้างจะดีกว่า เพราะชายหนุ่มลดฝีเท้าลง พร้อมกับมองหาร้านเสื้อผ้าที่มารดาบอกเอาไว้

    พริริสาแหงนมองคนที่เดินจูงมืออย่างไม่ค่อยเข้าใจหนัก บทจะร้ายก็ร้าย จนเธอหวาดกลัว บทจะดีก็ดีจนใจหาย  เดี๋ยวผีเข้า เดี๋ยวผีออก เธอจะตามอารมณ์เขาทันได้ยังไงกัน

    พี่กำลังมองหาอะไรอยู่คะ พริริสาเงยหน้าถามคนที่กำลังสอดส่ายสายตามองหาอะไรบางอย่าง

    ตามฉันมาชายหนุ่มไม่ตอบ แต่กลับจุงมือเธอไปหาเป้าหมายที่เขาเพิ่งหาเจอ

    สวัสดีค่ะ โดลเซ่ แอนด์ บูบาร่า ยินดีต้อนรับค่ะเสียงพนักงานต้อนรับสาว แสนสวยเอ่ยขึ้นเมือชายหนุ่ม พาหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องเสื้อชั้นนำของห้าง

    มีอะไรให้ทางเรารับใช้คะ ต้องการดูเสื้อผ้าของคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชายพนักงานคนเดิมถามขึ้นอีกครั้ง

    รบกวนหาชุด ราตรีให้คุณผู้หญิงหน่อยครับ ผมขอแบบเรียบๆเก๋ไก๋ ไม่ต้องโป๊มากนะครับ

      ยินดีรับใช้ค่ะ เชิญคุณผู้หญิงทางนี้เลยคะ ส่วนคุณผู้ชายนั่งรอตรงโซฟาสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะให้เด็กเอาของว่างมาเสริฟหล่อนว่าพร้อมพายเมื่อเชิญพริริสาไป

    เชิญคุณผู้หญิงเลือกตามสบายเลยนะคะ   ทางร้านมีชุดแฟนชั่นราตรีมาใหม่หลายชุดเลยคะ สวยๆแบบคุณน้องนี้ ใส่อะไรก็สวยค่ะ

    ขอดิฉันเลือกดูสักครู่นะคะ”  พริริสาว่า พร้อมเดินสำรวจชุดในร้านไปเรื่อยๆ เธอยอมรับว่าชุดในร้านที่ชายหนุ่มพาเข้ามามันสวย สวยจริงๆ บางชุดดูเรียบๆ แต่พอเข้ามาดูใกล้ๆกลับมีลูกเล่นด้วยผ้าลูกไม้ หรือเกร็ดเงิน ประดับประดาอยู่  จนดูหรูหรา

    หญิงสาวมาหยุดดูชุดเกาะอกสีโอรสที่แขวนไว้อยู่ มุมสุดของร้าน ก่อนจะเอื้อมไปหยิบมันออกมาดู ชุดเกาะอกสีโอรส สั้นเหนือเขาเพียงเล็กน้อย ด้านในเป็นผ้าซาตินเนื้อดี สวนด้านนอกช่วงตัวประโปรงถูกแต่งด้วยผ้าลูกไม้ลายตาข่ายเสริมออกมาเป็นชั้นๆ ทำให้ชุดดูหรูหรา ช่วงเอวมีผ้าผูกเป็นโบว์ขนาดกะทัดรัดคาดอยู่  เพิ่มความเก๋ไก๋ใช้ชุดดูดีไปอีกแบบ

                   คุณน้องตาถึงมากเลยนะคะ ชุดนี่เพิ่งถูกส่งตรงมาจากอิตาลีเมื่อวานเย็นนี้เอง พยักงานคนเดิมว่า

    ลองเลยไหมคะ

       เดี๋ยวค่ะ ดิฉันขอดูราคาก่อนพริริสาทักท้วง เมือหล่อนกำลังจะพาเธอเข้าไปยังห้องลองชุด

    ไม่แพงเลยคะ คุณน้อง ชุดนี้ออกแบบด้วยดีไซน์เนอร์ชื่อดังจากอิตาลี แถมยังเพิ่งมาถึงร้านพี่ รับรองว่า คอลแลคชั้นนี้ ยังไม่มีใครใส่แน่นอน รวมถึงดาราดังก็ด้วย ราคาสุทธิก็”  หล่อนพลิกแผ่นป้าย ที่ตัวเสื้อและดูราคา  “ห้าหมื่นห้าเองคะ

    ห้าหมื่นห้าพริริสาเผลอพูดเสียงดัง เพราะเธอตกใจกับราคาชุดที่เธอหยิบขึ้นมาดู เสื้อผ้าบ้าอะไร ราคาตัวละห้าหมื่นห้า   เงินขนาดนี่เธอสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างเลย

      เสียงเอ๊ะอะโวยวายที่ดังมาจาก ด้านในร้านทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสือที่พริริสาซื้อมา ต้องเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปหาคนต้นเสียง ยัยบ้านี่ก่อเรื่องอะไรไว้อีก

    มีอะไรหรือเปล่าครับ

    ออเปล่าคะ แค่คุณผู้หญิงเธอตกใจกับราคาของชุดเท่านั้นเอง

    ไหนชุดอะไรเอามาดูสิ พริริสา ... ชายหนุ่มว่าพร้อมยื่นมือไปขอเสื้อจากพริริสาถืออยู่ มาพิจารณา

    เอาชุดนี้แหละครับ ออ ผมขอให้ภรรยาผมลองก่อนนะครับ เผื่อคับหรือหลวมจะได้หาไซ้ที่พอดีตัวสกายบอกพร้อมยื่นชุดให้พนักงาน

    ได้ค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะพนักงานรับคำแล้วดึงแขนพริริสาให้เดิมตามเข้าไป  หญิงสาวทำหน้าเลอหล่า ไม่คิดว่าเข้าจะใจปล้ำซื้อเสื้อผ้าราคาแพงแบบนี้ให้เธอใส่ แต่ก็อย่างว่าแหละ เงินสิบล้านเขายังมีให้เธอเลย นับภาษาอะไรกับเงินแค่ห้าหมื่นกว่าบาทแค่นี้

    เสร็จแล้วค่ะ คุณผู้หญิงเธอใส่ได้สวยมากเลยนะคะ รับกับรูปร่างเธอพอดี คุณผู้ชายว่ามั้ยเสียงพนักงานคนเดิมเอ่ยขึ้น

    สกายนั่งมองพริริสาตาค้าง กับชุดที่เธอใส่มาให้เขาดู ชุดสีอ่อนๆ แม้จะไม่ได้ดูหรูหรา ฟู่ฟ่า หรือเซ็กซี่จนเกินไป แต่พอใส่อยู่บนเรือนร่างของหญิงสาว ช่างดงามและอ่อนหวาน เนินเนื้อที่เปลือยเปล่า เหนือสองเต้าอวบขึ้นมาขาวผ่อง กับผมดำยาวที่แผ่สยายอยู่ด้านหลัง ยิ่งทำให้ช่วงที่เปลือยเปล่าโด่ดเด่นขึ้นมา จนสกายต้องหันไปหาผ้าคุมไหล่เนื้อบาง ที่อยู่ติดกับหุ่นโชว์ชุดอีกตัว มาคุมให้

    เอาผ้าตัวนี้คุมด้วย มันโป๊ไปชายหนุ่มโน้มหน้าลงมากระซิบที่ข้างใบหูของพริริสา จนเธอต้องย่นคอหนี เสียงลมหายใจที่เอ่อรดอยู่ตรงท้ายทอยของตนเอง 

    เอาผ้าคุม ผืนนี้ด้วยนะครับชายหนุ่มหันมาบอก พนักงานคนเดิม

    แล้วคุณผู้หญิงมีรองเท้าใส่คู่กับชุดหรือยังคะหล่อนหันมาสอบถามพริริสา ซึงเธอเองก็ได้แต่ส่ายหน้า

    งั้นดีเลยค่ะ คุณผู้ชาย ช่วยพาคุณผู้หญิงไปนั่งรอที่โต๊ะรับแขกนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะไปหารองเท้ามาให้คุณผู้หญิง”  พูดเสร็จหล่อนก็หายไปหลังร้าน ทิ้งใช้พริริสาและสกาย ยืนมองหน้ากัน

       เขาบอกให้เธอไปนั่งรอก็ไปสิ จะมายืนเอ่ออยู่ทำไมสกายว่าพริริสา เพื่อปกปิดรอยยิ้มที่ดวงตาคู่นั้นของเขา ก่อนจะปรับโทนหน้าให้เป็นปกติ เมือเดินนำพริริสามายังโต๊ะรับแขก แต่ก็ยังแอบลอบยิ้มที่มุมปากอยู่ดี

    พริริสาได้แต่ส่ายศีรษะให้กับความปากร้ายของเขา คงจะไม่มีวันไหนสินะ ที่ชายหนุ่มจะไม่ค้อนแขวะหรือต่อว่าเธอ  และไม่กี่อึดใจ พนักคนเดิมก็หอบหิ้วเอารองเท้ามาให้เธอเลือกไม่ต่ำว่าห้าคู่

                   คุณผู้หญิงชอบแบบไหนบ้างใหมคะ พริริสานั่งมองรองเท้าแต่ละคู่ที่หล่อนหอบออกมาให้ แต่ละคู่มีความสูงไม่ต่ำว่าหนึ่งคืบ แล้วแบบนี้เธอจะใส่ได้ยังไง เธอถนัดใส่แต่รองเท้าแตะกับส้นเตี๊ยมากกว่า

    คือ...

    เอาคู่นี้แหละครับ”  สกายนั้นเองที่เป็นคนชี้นิ้วบอก เขาเหลือบมองพริริสาอยู่หลายครั้งเหมือนเธอจะอึดอัดใจที่จะเลือกรองเท้า ใส่ให้เข้ากับชุด ถ้าเดาไม่ผิดเธอคงจะไม่ค่อยได้ใส่รองเท้าส้นสูงแบบนี้  แล้วรองเท้าที่เขาเลือกให้ก็ส้นเตี๊ยที่สุดแล้วในบรรดาที่พนักงานหอบมา แต่ในสายตาพริริสามันก็ยังสุงอยู่ดี ไม่งั้นเธอก็คงไม่หันไปทำตาโตใส่ชายหรอก

    เขาแน่ใจแล้วเหรอ ที่จะให้เธอใส่ร้องเท้าคู่นี้กับชุดที่เธอใส่อยู่ แววตาพริริสามีคำถาม แต่เธอก็ไม่ได้ถามออกไปนอกจาก กระพริบตาถี่ๆมองหน้าชายหนุ่ม

    ยื่นเท้าออกมาสิสกายสั่งอีกครั้ง พริริสาที่เอาแต่อยู่ในความคิดของตนเองจึงไม่ได้มองว่าตอนนี้ชายหนุ่มลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าต่อหน้าเธอแล้ว

       คะ พี่ว่าอะไรนะคะ

    ฉันบอกว่า ยื่นเท้าเธออกมาสิ สกายบอกเสียงดัง พร้อมทั้งจับรองเท้าจะสวมให้เธอ วันนี้เขาทั้งสั่งทั้งว่า เป็นสิบกว่ารอบแล้วมั้ง ดูเหมือนแม่คนตัวเล็กนี่กลับไม่สะทกสะท้านกับคำสั่งเขา น่าแปลกที่เธอไม่โวยวายเหมือนอย่างคราวที่แล้ว

    ไม่เป็นไรค่ะ  เดี๋ยวพริมลองเองก็ได้.

    อย่าเรื่องมากนะพริริสาไม่พูดเปล่า คนชอบสั่งไปคว้าเอาข้อเท้าของเธอออกมาสวมรองเท้าให้หน้าตาเฉย พริริสานิ่งมองคนที่ใส่รองเท้าให้เธออย่างอึ้งๆ ไม่คิดว่าคนใจร้ายอย่างเขาจะทำให้เธอแบบนี้ ก่อนนะแอบยิ้มแล้วเฉมองไปทางอื่นแทน เพราะกลัวชายหนุ่มจะรู้ว่าเธอกำลังเขินอายอยู่

       “เอาคู่นี้แหละครับ ใส่ได้พอดีเลยรองเท้าส้นสุงสีทอง ทรงทันสมัย ปลายเท้าถูกเปิดให้เห็นนิ้วเรียวของหญิงสาว ส่วนด้านหลัง ก็เปิดโชว์ส้นเท้า ด้านบนถูกห่อหุ้มด้วยหนังแท้ลายตะข่ายสีทอง ช่างเข้ากับชุดเกาะอกสีโอรสที่เธอใส่อยู่

       เอาคู่นี้นะคะ คุณผู้ชายที่ตาถึง รองเท้าเข้ากันได้ดีกับเสื้อผ้าที่คุณผู้หญิงใส่เลยค่ะ คุณผู้หญิงไปถอดชุดนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะเอาไปคิดเงินให้พร้อมรองเท้าคู่นี้

       ค่ะ พริริสาเพียงพนักหน้ารับทราบเท่านั้น เพราะเธอกำลังเขินอายชายหนุ่มตรงหน้าเธอ

    เป็นอะไรทำไมต้องหน้าแดงสกายเอ่ยถาม เมือหันกลับมาพบว่า ใบหน้าของหญิงสาวกำลังแดงระเรื่อ ก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วกลับไปนั่งที่ของตนเอง เขาก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันทำไมต้องทำแบบนั้นกับยัยตัวเล็กนี่

    พริริสาไม่ได้ตอบ ก่อนจะลุกถอดรองเท้าที่ชายหนุ่มใส่ให้ แล้วพาตัวเองหายเข้าไปเปลี่ยนชุด พร้อมรอยยิ้มมุมปาก ที่ชายหนุ่มมองไม่เห็น

    หลังจากซื้อเสื้อผ้ากับรองเท้าเสร็จ เขาก็พาเธอเดินออกจากร้าน เพื่อไปยังเป้าหมายต่อไป สกายยังทำหน้าที่ถือทั้งของและจูงทั้งคนเหมือนเดิม ส่วนพริริสาเองยังอึ้งอยู่กับค่าใช้จ่ายในการซื้อเสื้อผ้าของเธอวันนี้ไม่หาย

    ราคาสุทธิอยู่ที่ เจ็ดหมื่นถ้วนค่ะ ”  นั้นเท่ากับว่ารองเท้าที่ชายหนุ่มเลือกให้ คู่ละหมื่นห้า รองเท้าหุ้มทองหรือยังทำไมถึงได้แพงขนาดนี่ เธอพยายามจะคัดค้านชายหนุ่มจากแววตา แต่เขากลับไม่หันมามอง แถมควักบัตรเครดิสจ่ายอย่างไม่หยีระต่อราคาของเลยสักนิด

    เรามาทำอะไรกันที่ชั้นนี้เหรอค่ะพริริสาแหงนหน้าถามคนตัวสุงกว่า ทำไมเวลาเธอเดินกับอีตานี่เธอกลายเป็นคนเตี้ยไปโดยปริยาย ทั้งทีเธอก็สูงได้มาตราฐานหญิงไทย แต่ตอนนี้เธอสูงได้แค่หัวไหล่ของชายหนุ่มเอง 

    ไม่ต้องถาม มีหน้าที่เดินตาม ก็เดินตามอย่างเดียวไม่ต้องมาถามมาก น่ารำคาญวาจาที่เปล่งลอดไรฟันออกมาให้คน ที่ทำหน้าที่เดินเคียงข้าง อยากใช้เล็บยาวๆของตนเองตะขบไปที่ใบหน้าคมเข้มของเขายิ่งหนัก แต่เธอก็ทำเพียง ส่งยิ้มแยกเขี้ยวไปให้ชายหนุ่มเท่านั้น เพราะเขาไม่ได้สนใจอาการกระฟัดกระเฟี้ยดของเธอเลยสักนิด

    ชายหนุ่มพาเธอเดินเข้ามาในร้านจิวเวอรี่ ขนาดใหญ่ของห้างดัง ก่อนจะหย่อนสะโพกนั่งลงหน้าเคาร์เตอร์ตู้เพชรที่มีแหวนเพชรหลายวงโชว์อยู่
               “สวัสดีคะ เพชรไพลิน จิวเวอรี่ ยินดีต้อนรับค่ะ ไม่ทราบลูกค้าต้องการดูสินค้าตัวไหนคะเสียงพนักงานหน้าหมวยเอ่ยขึ้น ทันทีที่เจ้าพ่อเหมืองหย่อนสะโพกนั่งกับเก้าอี้ของร้าน ส่วนพริริสาก็ยืนทำหน้าไร้อารมณ์อยู่ข้างๆ พร้อมทั้งเอียงคอมองคนที่กำลังจดๆจ้องๆของมีค่าอยู่ในตู้กระจก เขาพาเธอเข้ามาในร้านนี่ทำไม ก่อนจะหมุนตัวไปยืนให้ความสนใจกับอะไรบ้างอย่าง อยู่ที่ตู้กระจกถัดไป
                ผมของดูแหวนวงนี้หน่อยครับชายหนุ่มชี้นิ้วไปที่แหวนเพชรเม็ดโต
                ได้ค่ะพนักงานสาว ล้วงมือเข้าไปหยิบแหวนเพชรชิ้นนั้น ก่อนจะยื่นมันให้ชายหนุ่ม

     ”พริริสามานี่สิสกายเรียกชื่อคนที่กำลังให้ความสนใจกับสร้อยข้อมือไข่มุกเล็กๆ ที่มีจี้เป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวกับดวงดาวห้อยอยู่ จนเธอไม่ได้ยินเสียงเรียกของเขา

    พริริสา!! คราวนี้เสียงเรียกเน้นหนักและดังกว่าครั้งที่แล้วเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ทำให้คนที่กำลังให้ความสนใจสร้อยข้อมือนั้นหันกลับมามอง จนชายหนุ่มต้องลุกขึ้นไปกระชากแขน แม่คนหูตึงนั้นให้หันมาสนใจ นั้นแหละถึงถึงรู้ตัวว่ากำลังทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจ

    พริริสา  ทำอะไร    ฉันเรียกไม่ได้ยินหรือยังไงหะ  คนขี้โมโหเอ็ดเสียงเข้ม พลางเหลือบตามองสิ่งที่เธอให้ความสนใจอยู่

     “ออ เปล่าค่ะ เสร็จธุระแล้วเหรอคะ

    ยัง ตามฉันมานี่ชายหนุ่มบอกพร้อมฉุดข้อมือเล็กให้เดินมาตามเขา

                “นั่งลงเขาสั่งเธออีกครั้ง พริริสาจำต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้ พร้อมเบ้ปากใส่ชายหนุ่มเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ก็ตั้งแต่ย่างกายเข้ามาในห้างดัง ชายหนุ่มก็เอาแต่สั่งๆ สั่งเธอนี่นา คอยดูเถอะสักวันเธอจะเป็นคนออกคำสั่งบ้าง คราวนี้ จะเอาคืน ให้สาสมเลย 

                ”ยื่นมือมานี่สิชายหนุ่มว่า   พร้อมไปคว้าเอาข้อมือเล็กเธอขึ้นมาจากลำตัว แล้วสวมแหวนเพชรเม็ดโตไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของพริริสาอย่างลวกๆ 

                “ใส่ไว้ซะ เดี๋ยวคนจะนินทาหาว่าเป็นถึงเมียราชสีห์....เป็นถึงเมียฉันแต่กลับไม่มีเครื่องประดับสักชิ้นไว้เชิดหน้าชูตาฉันไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนขี้งก แม้แต่เมียตัวเองก็ไม่มีแหวนใส่เหมือนคนอื่นเขาสกายบอกเสียงเข้ม ก่อนจะปล่อยมือที่เขาเพิ่งสวมแหวนให้เป็นอิสระ

    พริริสายกแหวนเพชรที่ชายหนุ่มเพิ่งสวมให้ขึ้นมาดู แล้วก็ต้องทำตาโต เมื่อมองเห็นเพชรเม็ดโตที่อยู่บนแหวน อีตานี่จะให้เธอไปรำลิเกที่ไหนหรือยังไง ถึงได้เอาเพชรเม็ดเบ้อเร่อเห่อแบบนี้มาให้เธอใส่ ดีไม่ดี ออกไปไหนคนเดียว มีหวังโดนฉุดปล้นเอากลางทางแน่ๆ ล้อหน้าล่อตาโจรซะแบบนี้ แล้วเขาคิดยังไงของเขาถึงซื้อแหวนเม็ดเป้งนี่ให้เธอใส่ เขาต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ

    พริมไม่ใส่ มันแพงเกินไป แล้วพริมก็ไม่ชอบด้วยพริริสาถอดแหวนออกจากนิ้ว และคืนให้ชายหนุ่ม เป็นครั้งแรกที่เธอกล้าขัดใจเขา จะให้เธอใส่ได้ยังไง เม็ดโตซะขนาดนั้น แล้วเธอก็ไม่ใช่พวกชอบใส่ของราคาแพงแบบนี้ซะด้วยสิ  ใส่แล้วมันคันนี่ พริริสาแย้งอยู่ในใจ

    แต่เธอต้องใส่ นี่คือคำสั่ง สกายบอก เสียงเกรี้ยว เริ่มโมโหคนตัวเล็กขึ้นมาตะหงิดๆ เขาละอุตส่าห์ยอมเสียฟอร์มซื้อแหวนให้เธอใส่ แต่ยัยนี่กลับปฏิเสธเสียงแข็งซะงั้น ยัยบ้าเอ้ย มีแต่คนอยากได้ของจากเขา แต่เธอกลับ ปฎิเสธแบบไม่ใยดี มันน่านักเชียว

    ไม่! ยังไงพริมก็ไม่ใส่ เพชรเม็ดเป้งขนาดนี่ จะให้พริมใส่ไปล่อโจรหรือยังไงกันพริริสาเองก็ขึ้นเสียง แต่ก่อนที่พายุลูกใหญ่จะลงในร้าน พนักงานขายที่ยื่นนิ่ง มองดูทั้งสองเถียงกันอยู่ก็เอ่ยขึ้นก่อน เลยทำให้ ทั้งพริริสาและสกายเริ่มรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ลำพังกันสองคน

    วงนี้อาจจะใหญ่ไปสำหรับคุณผู้หญิง ลองดูวงนี้มั้ยค่ะ เล็กกะทัดรัดแต่หรูหรานะคะหล่อนยื่นแหวนอีกวงให้พริริสาดู แต่เธอกลับปฏิเสธโดยการส่ายหน้า พร้อมส่งยิ้มแห้งๆไปให้แทน

    พริริสา อย่าเรื่องมากฉันสั่งให้ใส่ก็ต้องใส่ เธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะสามารถขัดคำสั่งฉันได้ เฉพาะฉะนั้นฉันสั่งให้เธอทำอะไรก็ต้องทำ ฉันสั่งให้เธอใส่เธอก็ต้องใส่ชายหนุ่มบอก พร้อมจ้องมองเธอด้วยใบหน้าเคร่งเครียด 

    พริริสาเม้มปากไว้แน่น อยากจะโต้เถียง แต่ก็เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอจนเธอเถียงไม่ออก ได้แต่กัดฟันข่มอารมณ์อยู่อย่างนั้น  ใช่สินะเธอมันก็แค่ลูกจ้างที่เขายอมทุ้มเงินซื้อมาเพื่อแสดงละครเท่านั้นนิ ไม่มีสิทธิ์ออกปากออกเสียง

    เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าเธอนั่งนิ่งไม่คัดค้านอีก เขาจึงพยายามระงับอารมณ์ตนเองที่กำลังร้อนระอุ ให้เย็นลง เพราะแม่ตัวดีเป็นต้นเหตุ เขาไม่ชอบให้ใครมาขัดคำสั่งเขา ไม่เคยมีใครกล้าขัดคำสั่งของเจ้าพ่อเหมือง ก็เห็นมีแต่แม่ตัวดีนี่แหละ ที่พร้อมจะขัดคำสั่งเขาได้ทุกเมือ ที่มีโอกาส

    อยากได้วงไหน ฉันให้เลือก จะวงเล็กวงใหญ่ก็ได้ แต่เธอต้องมีแหวนไว้ใส่ เพื่อให้คนอื่นรับรู้ว่าเธอมีเจ้าของแล้ว พูดเสร็จ คนชอบออกคำสั่ง ก็ถอยหลังไปด้านหลังหนึ่งก้าว แล้วก็ไปดันเก้าอี้ที่พริริสานั่งอยู่เข้าไปด้านในแทนตนเอง ด้วยท่าทางใจเย็นกว่าเดิม

    พริริสาอยากหัวเราะเยาะตนเองทั้งน้ำตา นี่คือวิธีการของเขาใช่มั้ย คิดว่าตัวเองรวย คิดอยากจะเอาเงินฟาดหัวใครก็ทำได้งั้นสิ ดีเธอจะเลือกแหวนที่แพงที่สุดในร้านใส่เลยค่อยดู ชอบออกคำสั่งกับเธอดีนัก

    เลือก ฉันให้เวลาเธอสิบนาทีชายหนุ่มสั่งเธออีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองสิ่งที่พริริสาสนใจตั้งแต่แรกนั้นแทน  หญิงสาวทำท่าล้อเลียนเขากับลมกับแล้ง จนชายหนุ่มหันมาส่งสายตาดุให้ หญิงสาวถึงยอมหันกลับไปสนใจแหวนเพชรในตู้ตามคำสั่ง
                  สกายยังให้คำตอบกับตนเองไม่ได้ว่า เพราะอะไรเขาถึงอยากทำแบบนี้ให้เธอ เขาพยายามจะพูดจากับเธอดีๆ เพื่อให้เธอรู้สึกสบายใจและไม่หวาดกลัวเขา เหมือนที่ผ่านมายามอยู่ใกล้กัน แต่เวลาเห็นแววตาดื้อรื้นของเธอที่ส่งมาให้ หรือแม้แต่คำพูดคำจาที่ไม่อยากจะสนใจเขา กลับทำให้เขาไม่พอใจเธอขึ้นมาดื้อๆ และนั้นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องคอยพูดจาออกคำสั่งกับเธออยู่เรื่อยไป

    จะว่าไปเจ้าพ่อเหมืองก็ต้องใช้ความอดทนอยู่ไม่น้อย เพราะตั้งแต่คืนนั้นเขาก็เฝ้าคิดถึงแต่ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเธอ อยู่แถบทุกค่ำคืน เขารู้สึกผิดที่ทำแบบนั้นกับเธอลงไป เพราะคนอย่างเขาไม่เคยลงมือข่มเหงใคร ถ้าคนนั้นไม่เต็มใจ หลายวันที่พริริสาพยายามหลบหน้าเขา จนเขาคิดว่าเธอจะไม่ให้อภัย แต่เปล่าเลย เธอกลับยังคงมีที่ชีวิตปกติ ยังมีรอยยิ้มให้กลับคนรอบข้าง ที่ไม่ใช่เขา เธอไม่โวยวาย ไม่เรียกร้องหาความรับผิดชอบจากเขา ไม่แม้แต่จะชายตามองเขา ทั้งที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน นั้นยิ่งทำให้เขาไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้ ขึ้นทุกวัน ทั้งที่อยากจะเข้าไปพูดคุยกับเธอเพื่อขอโทษ แต่ศักดิศรีที่ค้ำคออยู่ ทำให้เจ้าพ่อเหมืองปากหนักไม่กล้าที่จะเอ่ยออกไป
                 “เอาวงนี้ค่ะเสียงพริริสา ดังขึ้นเมื่อเธอเลือกแหวนที่ถูกใจได้แล้ว

    ตาถึงนะคะ วงนี้มีวงเดียวซะด้วยในร้านพนักงานขายบอกเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

     “คุณผู้หญิงจะใส่ไปเลยมั้ยคะ

    ใส่ไปเลยครับเสียงของคนชอบออกคำสั่งกับเธอนั้นเองที่เป็นคนพูดขึ้น จนพริริสาหันไปส่งค้อนวงโตให้ นี่เขาจะพูดแทนเธอไม่ซะทุกอย่างเลยใช่มั้ย
                  “นี่ค่ะพนักงานขาย ยื่นแหวนเพชรเม็ดเล็กแต่ดูเก๋ไก๋ให้ชายหนุ่ม ก่อนที่เขาจะไปคว้าเอามือเรียวของพริริสาขึ้นมาสวมให้อีกครั้ง 

    ห้ามถอดแหวน ออกจากนิ้วเธอเด็ดขาด ถ้าฉันไม่สั่งเขาเหลือบเปลือกตาขึ้นมองพริริสา แล้วบอกอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ  พริริสาทำเพียงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้เท่านั้น

    แหวนเพชรเม็ดเล็ก ที่เจียระไนอย่างดีหุ้มด้วยทองคำขาวเกือบร้อยเปอร์เซ็น ถูกชายหนุ่มสวมใส่ให้บนนิ้วนางข้างซ้ายอย่างนิ่มนวล นี่ถ้าเธอกับเขาไม่ได้อยู่ในฐานะที่เป็นแบบนี้ เธอก็คงคิดว่าชายหนุ่มขอเธอแต่งงานเป็นแน่แท้ พริริสาแอบยิ้มอยู่ในใจ แต่ก็ยังเผลอเล็ดลอดความดีใจนั้นส่งผ่านออกมาทางสายตา จนสกายเองก็รู้สึกได้ ว่าเธอกำลังขอบคุณเขาอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้มีคำพูดใดๆถูกเปล่งออกมาจากปากสวย

    ผมขอสร้อยข้อมือไข่มุกที่เป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวตรงนั้นด้วยคับชายหนุ่ม หันไปบอกพนักงานที่ยืนอมยิ้มมองดูทั้งสองอยู่

    ออ ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะพริริสาทำหน้าแปลกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการ เขารู้ได้ยังไงว่าเธอกำลังชื่นชมความน่ารักของสร้อยข้อมือชิ้นนั้นอยู่ แต่ก็ไม่ได้สงสัยนาน เพราะเมื่อพนักงานเดินถือสร้อยเส้นนั้นมาให้ เขาก็ไปคว้าเอาข้อมือด้านเดียวกันกับที่เพิ่งสวมแหวนไปให้ ขึ้นมาสวมสร้อยข้อมือต่อทันที โดยพริริสาเองก็มองอย่างไม่ค่อยจะเชื่อสายตาตนเองเช่นกัน

    ฉันให้ ถือว่าเป็นค่าจ้าง ค่าเสียเวลาของเธอ ห้ามถอดมันออกจากข้อมือเด็ดขาด ไม่ว่าจะกรณีใดทั้งสิ้น เข้าใจมั้ยพริริสาคำพูดที่เปล่งออกมาจากปากหยัก แม้จะไม่น่าฟังนุ่มหู และแม้จะค้อนขอดอยู่กลายๆ แต่พริริสาก็รับรู้ ด้วยความรู้สึกบางอย่างว่า ชายหนุ่มใส่ใจและตั้งใจซื้อให้เธอจริงๆ

     “ค่ะเธอตอบรับเสียงแผ่ว ก่อนจะยกข้อมือตนเองขึ้นมาดู จี้พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่มีรูปดวงดาวดวงเล็กปนอยู่ แล้วใช้นิ้วชี้อีกข้างหนึ่ง ขึ้นมาเขี่ยจี้ให้เกิดเสียงกรุ่งกริ๊ง อย่างชอบใจ

    ขออนุญาตคิดเงินนะคะ พนักงานขายบอก เสียงหวาน

    ครับ

    แหวนเพชร1กะทัต น้ำดีเก้าสิบหกเปอร์เซ็น ชิ้นนี้ราคาหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นห้าพันบาทคะ ส่วนสร้อยข้อมือทองคำขาว เส้นนี้อยู่ที่ สี่หมื่นเจ็ดพันบาทถ้วนค่ะ ราคาสุทธิรวมทั้งสองชิ้นจะอยู่ที่สองแสนสองหมื่นสองร้อยบาทค่ะ

    พริริสาเงยหน้าขึ้นมายักคิ้วหลิ่วตาให้ชายหนุ่ม เหมือนจะสมหน้าอยู่ในตัว ก็อยากบังคับเธอซื้อดีนัก เธอเลยถามแอบกระซิบถามคนขายว่ามีวงเล็กราคาแพงที่สุดให้เธอเลือกมั้ย คนขายไม่รอช้า รีบไปจัดแจงเอามาให้เธอเลือกแทบจะทันที

                   สกายทำได้เพียงแค่ส่ายหน้า เมื่อพอจะมองออกว่า กำลังถูกคนตัวเล็กแกล้งเข้าให้แล้ว ก่อนจะยื่นบัตรเครดิสให้พนักงานขาย แล้วมองพริริสาที่ยืนส่งยิ้มยียวนพร้อมกับชูมือที่มีแหวนเพชรสวมอยู่ให้ชายหนุ่มดู อย่างเจ้าเล่ห์ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังแอบลอบยิ้มที่มุมปาก โดยที่พริริสาไม่ทันได้มีโอกาสเห็นมัน  อย่างน้อยวันนี้เขาก็เห็นเธอยิ้ม แม้จะเป็นรอยยิ้มยียวนกวนโมโหก็ตามเถอะ

        “ไปกันได้แล้ว  ฉันหิวเมื่อจัดการเก็บบัตรเครดิสลงกระเป๋ากางเกงเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็หันมาบอกพริริสา ก่อนจะเดินเลยเธอไป อย่างไม่คิดจะรอ
                  คนที่ยืนยิ้มสะใจอยู่ ที่ได้แกล้ง ต้องรีบก้มเก็บถุงเสื้อผ้าขึ้นมาถือเอง ก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มหวานให้คนขายและรีบวิ่งตามคนตัวใหญ่ที่เดินนำหน้าออกไปตั้งไกลแล้ว อย่างรวดเร็ว

                “พี่กาย เดี๋ยวสิค่ะ รอพริมด้วยสิพริริสาวิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม พร้อมกับของที่พะรุงพะรัง เธอวางของลงกับพื้นและก้มลงหอบหายใจคนอะไรก้าวขาแต่ล่ะก้าว เท่ากับเธอสองสามก้าวเลย

    มีอะไรอีก ฉันหิว จะรีบไปร้านอาหาร.เขาเหลือบมองคนที่ก้มตาก้มตา เพราะความเหนื่อยหอบ

    ขอบคุณนะคะ สำหรับสร้อยข้อมือ และแหวนวงนี้.พริริสาพูดเสียงสั่น

    หือ ฉันไม่ได้ซื้อเพราะพิศวาสหรือรู้สึกผิดกับเธอหรอกนะ ฉันแค่ไม่อยากให้ใครมาต่อว่าฉันว่าดูแลเธอไม่ดีก็เท่านั้นคนปากดี ยังปากแข็ง ไม่กล้ายอมรับความจริง

    ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ ถ้าครบหนึ่งปีแล้ว พริมจะคืนให้นะคะเธอคิดอย่างนั้นจริงๆ เพราะถ้าครบหนึ่งปี เธอเองก็ต้องไปจากเขา ในเมื่อเธอมาอยู่กับเขาตัวเปล่า เธอก็ควรจากไปตัวเปล่าเช่นกัน

    ไม่ต้อง!! จะพล่ามอีกนานมั้ย ฉันหิวไม่พูดเปล่า ชายหนุ่มก้มลงไปเก็บของถุงพะรุงพะรังนั้นมาถือซะเอง ก่อนจะเดินนำหน้า เธอไปอย่างไม่คิดจะรอ

    ไม่ต้อง! เขาหมายความว่ายังไง พริริสา ยืนทำหน้าสงสัยอยู่นานหลายนาที กว่าจะรุ้ตัวก็มีเสียงอันเกี้ยวกราด แว่วเข้ามาในหูนั้นแหละ

    พริริสา!!

    หลังจากทานข้าวเสร็จพริริสายังไม่อยากจะกลับบ้าน  เธออยากขออนุญาตชายหนุ่มแวะไปร้านที่เธอชอบไปบ่อยๆทุกครั้งที่มาห้างนี้ แต่ก็ไม่กล้าขอ  เพราะเกรงว่าชายหนุ่มจะหาว่าเธอเป็นเด็กไม่รู้โต ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเขี่ยอาหารอยู่ในจาน  จนสกายสังเกตเห็น และเหมือนจะรู้ว่าเธอ ต้องการอะไร

     “มีอะไรสกายถาม ในขนาดที่เรียกพนักงานมาเก็บค่าอาหารเสร็จแล้ว

       เปล่าคะ ไม่มีอะไร

    งั้นก็กลับ นี่มันบ่ายมากแล้วสกายยกแขนที่มีนาฬิกาเรือนแพงขึ้นมาดูเวลา คืนนี้เธอต้องไปงานเลี้ยงกับคุณแม่ท่านไม่ใช่หรือไง

     “คะ กลับก็กลับพริริสาเอ่ยเสียงเศร้า 

    พริริสามีอะไร  ก็พูดมาสกายจับน้ำเสียงเธอได้ เขาถึงถามขึ้น ยัยนี่มีอะไรก็ไม่บอก ได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ แล้วเขาจะตรัสรู้ได้ไหม ว่าเธอต้องการอะไร

      ขอแวะอีกร้านอีกได้ไหมคะ อยู่ชั้นล่างถัดจากชั้นนี้ เสร็จแล้วจะรีบกลับบ้านทันทีเธอตัดสินใจบอกอย่างกล้าๆกลัวๆ กลัวชายหนุ่มจะปฎิเสธ ก่อนจะส่งสายตาวิงวอนไปให้ พร้อมลุ้นคำตอบจากชายหนุ่มอย่างคาดหวัง

    สิบนาที โอเคมั้ย

    โอเคคะพริริสาแถบจะกระโดดกอดชายหนุ่มด้วยความดีใจ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเก็บอาการไว้ ทำเพียงส่งยิ้มหวานไปให้ จนคนมองยังต้องเฉมองไปทางอื่น เพราะกลัวตนเองจะเผลอยิ้มให้เธอเห็น เช่นกัน

     จากที่ตอนแรก พริริสาเป็นคนถูกฉุดกระชากลากแขน ให้เดินตาม กลายเป็นว่าตอนนี้ ชายหนุ่มเองนั้นแหละที่ถูกเธอ ทั้งดึงทั้งฉุดให้เดินตาม

      สกายแอบชำเลืองมองคนที่พูดมาตลอดทาง เร็วๆสิคะ พี่กายเร็วสิ พี่กายเดินเร็วๆสิค่ะ มาตลอดทางเดินตั้งแต่ออกมาจากร้านอาหารอย่างขำๆ เขาแกล้งเดินช้าเพราะอยากแกล้งเธอ เพราะดูเธอจะสนอกสนใจร้านที่ว่าอย่างมาก

    ถึงแล้วค่ะ พี่รออยู่นอกร้านก็ได้นะคะ พริมขอให้ไปดูแปปเดียวเธอว่า พร้อมปล่อยแขนชายหนุ่ม ยังไม่ทันที่สกายจะอนุญาติ พริริสาก็วิ่งเข้าไปในร้านเสียแล้ว

    เท็ดดี้บาร์บี้นี่มันร้านขายตุ๊กตานี่ ยัยนี่พาเข้ามาทำไมร้านขายตุ๊กตา”  สกายเงยหน้า อ่านป้ายชื่อร้าน อย่างสงสัย ก่อนจะสาวเท้าก้าวไปทางเดียวกับแม่ตัวเล็กที่วิ่งนำเขาเข้าไป

       ภาพที่ชายหนุ่มเห็น คือพริริสากำลังกอดตุ๊กตาตัวใหญ่ ขนาดเล็กกว่าตัวเธอนิดเดียว อย่างมีความสุข เธอทั้งกอดทั้งหอม และยกเจ้าตุ๊กตาตัวใหญ่มานั่งในตัก ก่อนจะจัดการผูกโบว์ที่คอให้มันใหม่อย่างรักใคร่ ยัยนี่ทำตัวเป็นเด็กไปได้ โตแล้วยังเล่นอะไรเป็นเด็กๆ

      ทำอะไร” เสียงคนที่เริ่มคุ้นเคยดังมาจกด้านบนศีรษะ พริริสาเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็พบว่า ชายหนุ่มกำลังโน้มหน้าลงมาหาเธอพอดี อีกเสี้ยวเดียวหน้าเธอกับหน้าเขาก็จะชนกันอยู่แล้ว

    ว๊าย!!  พี่กาย ไหนบอกจะรออยู่ข้างนอกไงคะ ถ้าเดาไม่ผิด เขาเองคงเห็นเธอมายืนกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเจ้าหมาน้อยตัวนี้แล้วแน่ๆ แล้วคงจะคิดแล้วว่าเธอเป็นเด็กไม่รู้โตอีกด้วย

    แล้วเธอมาทำอะไรในร้านตุ๊กตาแบบนี้เขาถามกลับ

    แค่แวะมาหาเฉาก๊วยกับผองเพื่อนเท่านั้นเอง กลับกันเถอะคะพริริสาว่า รู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อยที่มีเวลา แวะมาดูตุ๊กตาตัวโปรดที่กำลังเก็บตังซื้ออยู่ เป็นปีแล้วก็ยังไม่ได้สักที แค่แป็ปเดียว

    อยากได้ไอ้เจ้านี่ใช่ไหม”  สกายถามขึ้นอีกครั้ง เพราะมองจากแววตาและสีหน้าของเธอแล้ว ดูจะเสียดายอยู่ไม่น้อยที่เขาเข้ามาขัดขวางเวลาแห่งความสูขของเธอ

    พริริสาเพียงพยักหน้าและส่งยิ้มจางๆไปให้ ก่อนจะเดินผ่านชายหนุ่มออกไปหน้าร้าน  สกายหันไปมองคนที่เดินคอตกออกไปจากร้านด้วยสีหน้าและอารมณ์หลากหลาย  และไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม เขาจะต้องเดินเข้าไปในร้านหยิบตุ๊กตาสุนัขตัวใหญ่ที่พริริสากอดขึ้นมาดู พร้อมทั้งอีกหลายตัว ที่จัดไว้เป็นชุดๆ หลายตัวอยู่ในกรงเล็กๆ บางตัวก็โผล่มาอยู่แค่ตัวเดียว แต่ แต่ละตัวจะมีชื่อติดอยู่ที่โบว์ ที่ถูกผูกไว้ด้วยริบบิ้นสีสวยตรงคอของมัน

    เอาหมดนี่แหละครับชายหนุ่มวางตุ๊กตาหลายตัวลงตรงเคาร์เตอร์ชำระสินค้า

       พริริสาเดินเอ่ยเฉื่อยมาตามทางเดิน หมดเวลาสนุกแล้ว กลับบ้านไปเธอก็ต้องรับภาระเป็นเมียจอมปลอมให้กับเขาเหมือนเดิม แต่เขาก็ทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาแล้วนี่ ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเป็นได้แต่ลูกจ้างเขาอยู่ดี สิ่งที่มันเสียไปแล้วก็คงจะปล่อยให้มันเสียไป จะเรียกร้องอะไรกลับมาได้อีกละ แค่ครั้งเดียวมันคงไม่ทำให้เธอสึกหรอลงไปหรอก หญิงสาวยกมือที่มีแหวนและสร้อยข้อมือไขมุกรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวขึ้นมาดู แล้วผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเชื่องช้า

    ครบหนึ่งปี แกก็คงต้องกลับไปอยู่กับเจ้าของที่แท้จริงของแกสินะเธอพึมพำ กับตนเองเบาๆ  ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

    พริริสา!! เสียงเรียกของชายหนุ่มทำให้คนที่เดินเหม่อลอยหันกลับมาตามเสียงของคนเรียกขาน

    เอ้า รับ!! สกายโยนตุ๊กตาหมา ที่เธอกอดอยู่ในร้านให้ และตามไปด้วยตัวเล็กอีกหนึ่งตัว

       เฉาก๋วย! เต้าฮวยเธอเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ เมื่อสิ่งที่สกายโยนมาให้คือเจ้าตุ๊กตาหมาน้อยที่เธอเพิ่งไปกอดรัดมา ก่อนจะเงยหน้ามองชายหนุ่มและเห็นว่าในเมื่อของเขามีตุ๊กตาเหลืออยู่อีกสามตัว

    ฮะเก๋า เต้าเจี๊ยว ถ้วยฟูพริริสาวิ่งเข้ามาหาชายหนุ่มและดึงตุ๊กตาออกมาจากมือเขา เอามาถือไว้เอง ก่อนจะเอาใบหน้าลงไปซุกไซ้กับขนฟูๆของตุ๊กตาเหล่านั้น อย่างดีใจ

          ”คราวนี้จะกลับบ้านได้หรือยังชายหนุ่มถามคนที่ยืนยิ้มแก้มแทบปรี่อยู่ตรงหน้า เขาอุตส่าห์ซื้อแหวนและสร้อยข้อมือให้เธอตั้งหลายแสนแต่เธอกลับไม่สนใจ กลับอีแค่ตุ๊กตาห้าตัวราคาไม่กี่พันบาท เธอกลับยืนยิ้มแก้มแทบปรี่ ตกลงเธอยังปกติดีอยู่หรือเปล่า

                   “คะ เรากลับบ้านกันพูดเสร็จก็เดินกอดตุ๊กตาหมาน้อยทั้งหลายเดินนำชายหนุ่มออกไป อย่างอารมณ์ดี ทั้งๆที่เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเธอยังดราม่า จะร้องให้อยู่เลย สกายมองตามอย่าง ไม่ค่อยเข้าใจหนัก กับท่าทีของแม่คนตัวเล็ก ก่อนจะสาวเท้าเดินตามเธอออกไปยังลานจอดรถ

      วันนี้ถือได้ว่า แผนการการทำให้บุตรชายและพริริสาหันมาพุดคุยกันของคุณหญิงฟ้าลดาจะได้ผล เพราะทันที ที่นางเห็นสกายเดินหิ้วข้าวหิ้วของพริริสากลับมาบ้าน พร้อมทั้งสีหน้ายิ้มแย้มของพริริสา นางก็รุ้ได้ทันทีว่า สองคนนี่ยอมพุดคุยกันแล้ว เพราะดูพริริสาจะดูมีความสูขมาก    และนางก็หวังว่าคืนนี้ พริริสากับสกายจะยอมเปิดใจให้กันมากกว่านี้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็คงจะขึ้นอยู่กับตัวบุตรชายของนางเอง

    ติดตามข่าวสารได้ที่เฟสบุตแฟนเพจนะคะ   เรื่องใหม่กำลังจะอัพให้อ่านเร็วๆนี่ค่ะ รอติดตามนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×