คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สกาย อภิเศราฐ์กุล มาตินโคญน์
บทที่2 สกาย อภิเศรษฐกุล มาร์ตินโคญน์
รัฐ นิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย ดินแดนแห่งความฝันที่นักล่าขุมทรัพย์ทองคำนิยมเข้ามาเสาะแสวงหาแร่ทองคำเป็นอันดับต้นๆของโลก ออสเตรเลียได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมการทำเหมืองแร่ที่ก้าวหน้า และเจริญรุ่งเรื่องมาโดยตลอด
ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาคมเข้ม ที่สวรรค์สรรค์สร้างให้อย่างวิจิตรครบถ้วนสมบูรณ์แบบ คิ้วดกดำ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักได้รูป ถูกเนรมิตมาอย่างธรรมชาติในคนคนเดียว จะติดอยู่ก็แต่ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงกับหนวดเคราที่ดูรกรุงรัง เนื่องจากไม่ค่อยได้ดูแลตัวเอง เพราะชายหนุ่มใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเหมืองมากกว่าจะออกมาเฮโลสังสรรค์ข้างนอก เหมือนคนระดับเดียวกันพึ่งจะกระทำ นั้นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเนี้ยบ หรือหล่อดูดีตลอดเวลา เพราะการทำงานในเหมืองอาศัยแรงงานและมันสมอง มากว่าการแต่งตัวโก้หรู
อันที่จริงนักธุรกิจระดับเขาไม่จำเป็นต้องลงมาดูแลและควบคุมทุกอย่างในเหมืองทองแห่งนี้ด้วยตัวตนเองก็ได้ แต่เนื่องด้วยใจรักและอยากให้วัตถุดิบทุกชิ้นที่ออกไปจากเหมืองแห่งนี้มีคุณภาพ และได้มาตรฐานสากล ชายหนุ่มจึงชอบมาทำงานในเหมืองแห่งนี้มากกว่าจะชี้นิ้วสั่งอยู่ที่บริษัทใหญ่โตในเมืองเซาท์เวลส์
และนั้นทำให้เขาถูกขนานนามว่า The lion Gold เจ้าพ่อแห่งวงการค้าทองคำระดับโลกด้วยวัยเพียง35ปี ชายหนุ่มนำพาธุรกิจการทำเหมืองทองให้ก้าวไกล และเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก ในเวลาไม่กี่ปีที่ก้าวเข้ามาทำธุรกิจนี้ต่อจากบิดา จากสัมปทานเล็กๆที่มีอยู่ไม่กี่ที่ กลายเป็นสัมปทานเหมืองทองที่ยิ่งใหญ่เกือบจะมีอยู่ทั่วทุกมุมโลกเลยก็ว่าได้
และด้วยวัยเพียง35ปี ประกอบกับรูปร่างหน้าตาดีที่สวรรค์สรรค์สร้างมาอย่างวิจิตรงดงามราวเทพบุตร แถมยังโสดเขาจึงเป็นชายหนุ่มที่มีสาวๆคลั่งไคล้และต้องการครอบครองเป็นเจ้าของหัวใจเป็นจำนวนมาก แต่มีหรือคนอย่าง สกาย อภิเศรษฐกุล มาร์ตินโคญน์ จะยอมเสียท่าให้กับผู้หญิงง่ายๆ ในเมื่อเขายังไม่เห็นเลยว่า จะมีผู้หญิงคนไหนที่สามารถหยุดหัวใจเขาได้ จะมีก็แต่พวกผู้หญิงหน้าเงินและพวกลีลาเร้าร้อน พร้อมที่ปรนเปรอไฟสวาท ตัณหาราคะให้เขาได้สุขสม ยามที่เขาต้องการปลดปล่อยก็เท่านั้น ในเมื่อผู้หญิงเหล่านั้นทำให้เขามีความสุขในรสแห่งกามา เขาก็พร้อมจะปรนเปรอพวกเธอเหล่านั้น ด้วยเศษเงินที่เขามีอย่างไม่ขัดสนเช่นกัน
อุโมงค์ที่ถูกขุดขึ้นเป็นทางยาวเข้าไปด้านใน และแบ่งของเป็นชั้นๆ มีรางรถลากเป็นแนวยาวไปจนถึงด้านในสุดของตัวอุโมงค์ ทุกอย่างถูกทำขึ้นอย่างพิถีพิถันเพื่อให้สะดวกสบายในการสันจรเข้าออกภายในเหมืองแห่งนี้ ที่สร้างรายได้เข้ากระเป๋าปีละไม่ต่ำกว่าร้อยล้านบาท ให้กับธุรกิจเหมืองทองแห่งนี้
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง แต่งกายด้วยกางเกงยีนส์สีดำ สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่ตอนนี้มันคร่าครั่งไปด้วยฝุ่นละอองจากแร่ธาตุของดิน สวมรองเท้าบูตสีน้ำตาลเข็มที่ยาวขึ้นมาเกือบครึ่งเข่า มีหมวกนิรภัยสวมอยู่ที่ศีรษะ กำลังก้าวขาออกมาจากด้านในตัวเหมืองพร้อมคนสนิทด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ถ้ามีคนผ่านมาและไม่รู้จัก คงคิดว่าสกายเป็นคนงานในเหมืองคนหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะสภาพและการแต่งตัวที่ซอมซ่อ บวกกับหนวดเคราที่ดูรกรุงรังตอนนี้ของชายหนุ่ม เขาจึงดูไม่ต่างจากคนงานคนหนึ่งเลยสักนิด
“นายจะเข้าเมืองหรือครับ” เจฟฟ์คนสนิทถามขึ้น เมื่อเดินมาถึงปากอุโมงค์
“อืม! คราวนี้ฉันคงไปนานหน่อยยังไงช่วงที่ฉันไม่อยู่ฝากนายดูแลทางนี้ด้วยแล้วกัน”
“ครับ นายจะเข้าเมืองเลยหรือเปล่า ผมจะได้ไปสั่งให้ลูกน้องเตรียมรถไว้รอ”
“ยัง เอาไว้ค่ำๆตอนนี้ฉันขอไปสั่งลาซูซานที่แคมป์ก่อน นายจัดการทางนี้ให้เรียบร้อยเสร็จแล้ว ตามไปหาฉันที่แคมป์ด้วย”
“ครับนาย” เจฟฟ์ก้มศีรษะทำความเคารพชายหนุ่มก่อนจะทำหน้ากรุ้มกริ่มเมื่อได้ยินเจ้านายบอกว่าจะไปสั่งลาซูซาน แม่สาวสะโพกเทอร์นาโดลูกสาวหัวหน้าคนงาน ที่ยอมทิ้งชีวิตศิวิไลในตัวเมือง ติดสอยห้อยตามบิดาตัวเองมาอยู่แคมป์ เป็นแม่ย่านางให้กับเหมืองแห่งนี้ เพื่อที่จะใกล้ชิดกับเจ้านายของเขา
แน่นอนในเมื่อนานๆจะมีสาวใจกล้าบ้าบิ่นยอมทิ้งชีวิตที่แสนสุขสบายมาปรนเปรอความเร้าร้อนให้เขาถึงที่ มีหรือชายหนุ่มจะปฎิเสธ ในเมื่อเธอยื่นขอเสนอมาเขาก็ย่อมสนองกลับให้อย่างถึงพริกถึงขิงและเผ็ดร้อนเช่นกัน
สั่งการลูกน้องเสร็จ ชายหนุ่มก็ก้าวขายาวๆมาหยุดอยู่ตรงแคมป์คนงานที่ใช้เป็นที่หลับนอนของตัวเอง ทุกอย่างในแคมป์ของเขาเพียบพร้อมด้วยเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด นับได้ว่าถึงชายหนุ่มจะอยู่ในป่าในเขา แต่ก็ไม่เคยพลาดข่าวสารที่อยู่ในตัวเมืองสักครั้งเดียว ยิ่งต้องทำงานสื่อสารกับคนหมู่มากทั้งที่นี่และบริษัทที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง เขายิ่งจำเป็นต้องพกพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์พวกนี้ติดตัวตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ขาดการติดต่อกับโลกภายนอก
“ทำไรอยู่ซูซาน”
“อุ้ย!นายเข้ามาไม่ให้ซุ้มให้เสียงซูซานตกใจหมดเลยค่ะ ซูซานเข้ามาทำความสะอาดแคมป์ให้นาย แล้วเห็นไอ้เนี้ยมันดังขึ้นมาค่ะ ซูซานเลยหาวิธีปิดมันอยู่” หล่อนชูเครื่องมือสื่อสารของเขาที่เรียกว่าวิทยุขึ้นมาให้ดู ก่อนจะส่งยิ้มหวานอวดฟันขาวยั่วยวนชายหนุ่ม รอยยิ้มที่สื่อความหมายอะไรบางอย่าง ที่มีเพียงหล่อนและเขาเท่านั้นที่รู้
“ว่าแต่นายทำไมวันนี้กลับมาเร็วจังค่ะ ปกติซูซานเห็นกว่านายจะกลับปาเข้าไปดึกดื่นแทบทุกวัน จนซูซานจะเฉาตายอยู่แล้ว” ไม่พูดเปล่าหล่อนเดินเข้ามาลูบไล้แผงอกกำยำของชายหนุ่มอย่างยั่วยวน คล้ายจะบอกชายหนุ่มว่า เธอพร้อมรับมือกับศึกหนักในครานี้อย่างเต็มที่
“ฉันก็แค่อยากมาบอกลาเธอ” ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาพูดใกล้ใบหูของหล่อน
“บ้านายพูดอะไรก็ไม่รู้ บอกโรงบอกลาอะไรคะนายจะไปไหน” หล่อนทำท่าไร้เดียงสา พร้อมแววตาใสซื่อถามผู้ชายตรงหน้า สกายเพียงเออออห่อหมกไปด้วย เพราะยังไม่อยากจะให้เสียบรรยายกาศ
“หึหึ” สกายยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะดึงร่างที่สมยอมให้เขาตั้งแต่ก้าวขาเข้าประตูแคมป์มาเล้าโลม
“เธอรู้ว่าฉันหมายความว่าไงซูซาน” เสียงกระซิบแผ่วเบาลอดมาตามปากหยักได้รูปก่อนจะบดขยี้ลงไปบนเรียวปากของซูซานอย่างเร้าร้อน เรียกความรัญจวนให้หล่อนอย่างมากมาย ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าซูซานทำให้ชายหนุ่มมีความสูขกับเรื่องบนเตียงเสมอตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ แค่เขาต้องการหล่อนก็จะมาสนองให้อย่างเร้าร้อน
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>ถ้าลงบทนี้ แจนถูกแบนแน่นอนเอาไงดี จะไปตามอ่านกันที่ไหนดีคะ?
“เธอเก่งมากซูซาน” นั้นคือคำชมของเขา เมื่อเพลิงราคะมอดไหม้จนดับไปแล้ว
“นายก็ทำให้ซูซานมีความสุขจนแทบคลั่งแล้วค่ะ” หล่อนซุกหน้าเข้ากับแผลงอกกว้าง แล้วออเซาะชายหนุ่มอย่างที่เคยทำทุกครั้ง เวลาที่เขาและหล่อนมีความสูขกัน
“เย็นนี้ฉันจะเข้าไปในตัวเมือง อีกนานกว่าจะกลับ เอาเงินนี่ไปใช้จะอยู่นี่ต่อหรือจะกลับไปอยู่ที่บ้านก็ตามใจ” พูดพร้อมใช้มือควานหาเศษเงินในกระเป๋าใบใหญ่ที่วางอยู่บนหัวเตียง เศษเงินสำหรับเขาแต่มันไม่ใช่จำนวนน้อยๆสำหรับผู้หญิงอย่างเธอ
“ให้ซูซานไปด้วยได้มั้ยคะ ซูซานอยากไปที่บริษัทของนายจัง”
“ไม่ได้!ที่นั้น ไม่ใช่ที่ของเธอ” ชายหนุ่มพูดเสียงดุ เมื่อหล่อนขอในสิ่งที่ไม่คู่ควร
“นายหมายความว่าไงคะ ที่บอกว่ามันไม่ใช่ที่ของซูซาน ก็ซูซานเป็นเมียนายไม่ใช่เหรอ” หล่อนถามอย่างออดอ้อนพลางใช้นิ้วเกลี่ยไปตามใบหน้าของชายหนุ่ม
“หึหึ” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ “เมียอย่างนั้นเหรอ ถ้าคิดว่าการที่ฉันนอนกับผู้หญิง แล้วทุกคนต้องมาเป็นเมียฉันหมด ป่านนี้ฉันไม่มีเมียเป็นโหลรึซูซาน” สกายบอกเรียงราบเรียบพร้อมเหยียดยิ้ม ก่อนจะปัดมือหล่อนทิ้งแล้วลุกขึ้นนั่ง
“นายหมายความว่ายังไงคะ”
“ฉันว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะซูซาน อย่ามาเรียกร้องอะไรจากฉัน เพราะฉันไม่มีทางจะให้ ถ้ายังอยากมีชีวิตที่สุขสบายมีเงินใช้ อย่ามาพูดเรื่องนี้กับฉันอีก จำไว้” บอกพร้อมขยับกายลุกขึ้นจากที่นอน เมื่อเรื่องราวที่หล่อนพูดขึ้น เริ่มระคายหูตัวเอง
“นายได้ซูซานแล้วคิดจะทิ้งกันไปแบบนี้เหรอ ซูซานไม่ยอมนะ” หล่อนชักสีหน้าไม่พอใจ และกระแทกเสียงใส่ชายหนุ่ม อยากจะส่งเสียงกรีดร้องให้ดังๆ ออกมาใส่หน้าเขา ถ้าไม่ติดว่าสายตาคู่นั้นกำลังจ้องมองมาอย่างเอาเรื่อง ในขนาดที่หล่อนกำลังเหวใส่
“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉันซูซาน เธอไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมาต่อรองหรือเรียกร้องอะไรจากฉันได้ อย่าทำตัวไร้เดียงสา ช่วงที่ฉันไม่อยู่เธอไปไหนกับใครอย่าคิดว่าฉันไม่รู้” ชายยิ้มแสยะยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็นแล้วเดินไปคว้าผ้าขนหนูมาผันกาย
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่นายได้ซูซานแล้ว นายก็ต้องรับผิดชอบสิ ไม่ใช่พอเบื่อแล้วก็จะมาเขี่ยทิ้งแบบนี้ ”
“หึหึ รับผิดชอบ รับผิดชอบงั้นรึ ฉันว่าเธอได้จากฉันไปเยอะแล้วนะซูซาน ออกไปได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน”
“ไม่ ซูซานจะไม่ไปไหนทั้งนั้น นายต้องคุยกับซูซานให้รู้เรื่อง” หล่อนทำเสียงแหลมบีบน้ำตาเพื่อให้ชายหนุ่มเห็นใจ แล้วเดินเข้าไปเกาะแขนชายหนุ่มเอาไว้อย่างเว้าวอน เรื่องอะไรจะปล่อยให้บ่อเงินบ่อทอง หลุดไปเป็นของคนอื่น
“ปล่อยฉันซูซาน แล้วออกไปจากแคมป์ฉันซะ ก่อนที่ความอดทนฉันจะหมด” ชายหนุ่มขู่ สายตาวาวโรจน์ เขาไม่ชอบให้ใครมาขัดคำสั่ง ยิ่งผู้หญิงเห็นแก่เงินอย่างหล่อนด้วยแล้วล่ะก็ยิ่งไม่อยู่ในสายเขาเลยแม้แต่น้อย คำพูดที่ทรงอำนาจในยามที่ชายหนุ่มโมโห มันมีพลังมากมายมหาศาล ที่ทำให้หล่อนไม่กล้าที่จะต่อกร ได้แต่เก็บกลั้นความไม่อใจเอาไว้อยู่ข้างใน
“ก็ได้ แล้วนายจะเสียใจที่นายทำแบบนี้” เมือไม่ได้สิ่ที่ต้องการและไม่อาจต่อกรด้วย แม่เสือสาวจึงหันไปหยิบเงินจำนวนหนึงที่สกายโยนไว้ให้แล้วเดินสะบัดบ๊อบออกไป อย่างไม่คิดที่จะตอแยด้วยอีก
หลังจากที่จัดการเคลียร์ปัญหาส่วนตัวที่ไร้สาระได้แล้ว สกายจึงจัดแจงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะได้เวลาที่นัดกับเจฟฟ์ไว้แล้ว เมื่อวานมีโทรศัพท์ให้เขาต้องรีบกลับไปที่บริษัทแม่ที่ตั้งอยู่ในรัฐเซาท์เวลส์ บิดาต่อสายตรงมาหาเขาบอกว่ามารดาต้องการที่จะคุยธุระสำคัญด้วย ซึ่งเขาพยายามสอบถามไปยังบิดาแล้วว่าเรื่องอะไร แต่ท่านก็ไม่ยอมบอก หรือพูดอะไรมากไปกว่า ประโยคบอกเล่าที่ชวนสงสัยเท่านั้น
“แกรีบกลับมาคุยกับแม่แกเองแล้วกัน ฉันบอกแกได้เท่านี้” เสียงแหบๆของบิดาลอดออกมาจากโทรศัพท์
“ตกลงนี่พ่อไม่รู้ใช่มั้ยครับ ว่าแม่ต้องการคุยกับผมเรื่องอะไร”
“ ปั๊ด!!! ไอ้ลูกคนนี้นี่ ถ้าฉันรู้ฉันจะมายืนให้แกถามอย่างนี้เหรอ แกไม่ต้องพูดมาก รีบเคลียร์งานที่เหมืองให้เสร็จแล้วรีบกลับเข้าเมืองมารอรับหน้าแม่แกเลย” บิดาอันเป็นที่รักบอกกล่าวอีกครั้งด้วยน้ำเสียงชวนตี
“ครับคุณพ่อ” ชายหนุ่มรับคำบิดาเสียงง๋อยๆ
อยู่ๆมารดาที่อยู่ไกลถึงเมืองไทยบินตรงมาหาเขาถึงออสเตรเลีย มันคงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะตั้งแต่มารดาย้ายกลับไปอยู่เมืองไทยเป็นการถาวร ท่านก็ไม่เคยบินมาที่นี่อีกเลย นอกจากจะโทรมาสอบถามถึงความเป็นอยู่และสารทุกข์สุกดิบเพราะความคิดถึงเท่านั้น แต่ครั้งนี้ท่านลงทุนเดินทางมาถึงที่นี่ เพื่อที่จะมาคุยธุระกับเขา มันต้องมีอะไรมากกว่าความคิดถึงที่ทำให้มารดาดั้นด้นมาถึงที่นี่ แล้วเรื่องอะไรล่ะ? มันสำคัญถึงกับที่ท่านต้องบินมาด้วยตัวท่านเอง
ความคิดเห็น