-
Two World Chronicles ผจญภัยพิภพสองโลก เป็นเรื่องที่ผสมศาสตร์ที่ต่างกันสุดขั้วของทั้งสองศาสตร์อย่าง "เวทมนตร์" และ "วิทยาศาสตร์" ได้อย่างลงตัว เป็นแนว Fantasy ที่ผนวกเข้ากับ Sci-fi ได้อย่างดีจนไม่น่าเชื่อ
\r\n
\r\nในส่วนเรื่องย่อหน้านิยาย สั้น กระชับ ได้ใจความดี มีการดึงความสนใจของผู้อ่านด้วยการใส่ภาพแผนที่ของสามเมืองหลักในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเมืองแห่งเวทมนตร์ เมืองแห่งวิทยาการ และเมืองสมดุลระหว่างสองศาสตร์ที่คั่นอยู่ตรงกลาง ที่มาพร้อมกับสัญลักษณ์ประจำเมืองสวยงามและเข้าใจได้ว่าจะสื่อถึงอะไร เช่น เมืองเวทมนตร์คือดาวหกแฉก เมืองวิทยาการมีสัญลักษณ์คล้ายกับเสาไฟฟ้าหรือเส้นทางเดินของไฟฟ้า และเมืองสมดุลก็ผสมระหว่างสองภาพนั้น...ธีมนิยายที่สวยงามดูขลังเหมาะกับเนื้อเรื่องและมีการเอ่ยถึงระดับพลังของผู้ใช้เวทมนตร์ที่เมื่อดูแล้วก็ชวนให้สงสัยว่าตัวเอกจะอยู่ระดับไหน...โดยรวมแล้ว น่าสนใจค่ะ
\r\n
\r\nในส่วนของการดำเนินเรื่องนั้น เปิดเรื่องมาด้วยบทบรรยายที่ทำให้เกิดจินตภาพคล้ายกับการเกริ่นนำก่อนฉายเนื้อหาหลักของภาพยนตร์...ต่อมาในช่วงแรกๆ จะดำเนินเรื่องโดยตัดสลับฉากไปยังแต่ละที่ค่อนข้างบ่อย เช่น บทแรกกล่าวถึงตำนานบทเก่า บทต่อมากล่าวถึงเมืองแห่งวิทยาการ บทต่อมาจึงกล่าวถึงตัวเอก...ตรงจุดนี้ก็ชวนให้สงสัยว่าแล้วยังไงต่อ แล้วพวกนั้นจากบทก่อนหน้านี้ล่ะ? ในขณะเดียวกัน เรื่องที่สงสัยเหล่านั้นก็สามารถกลายเป็นปมปริศนาในเรื่องที่จะค่อยๆคลี่คลายในภายหลังได้ ทำให้นักอ่านตั้งใจจำเอาไว้ในหัวว่ามีอะไรบ้างที่น่าสงสัยและต้องรอลุ้นต่อไป
\r\n
\r\nในส่วนของตัวละคร ต้องกล่าวว่าผู้เขียนค่อนข้างคิดมาอย่างละเอียดและสมจริง ไม่ว่าจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยอย่างเพื่อนบ้านของเทรเวอร์(เพื่อนข้างห้อง) ยังมีการลงรายละเอียดว่าเขาเป็นคนอย่างไรและน่าจะคิดว่าพวกตัวเอกมีความสัมพันธ์กันอย่างไร(พ่อลูก) หรือแม้แต่ลักษณะอุปนิสัยเด่นๆของแต่ละตัวละครก็ปรากฏออกมาตั้งแต่แรกๆ ทำให้เห็นภาพชัดเจนและเข้าใจได้ทันทีว่าตัวละครเหล่านั้นมีบุคลิกแบบไหน และที่สำคัญที่สุดคือการสื่อออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ เช่น คนขี้หงุดหงิดอย่างพระเอก ไปที่ไหนก็มีแต่ความใจร้อน ขีดความอดทนต่ำ แม้แต่อยู่ในบ้านตัวเองก็ยังเกิดภัยอันตรายได้เพราะความวู่วามของตัวเอง เป็นต้น
\r\n
\r\nในส่วนของพล็อตเรื่อง น่าสนใจมาก มีการศึกษาค้นคว้ามาอย่างดีตั้งแต่คำว่า "เวทมนตร์" คืออะไร ใช้ทำอะไร มีในสมัยไหน และยังลากยาวมาถึงเวทมนตร์ในยุคหลังจากนั้นที่มีแม้กระทั่งการถ่ายทอดสดทัวร์นาเมนท์ประลองเวทมนตร์...ในขณะเดียวกัน เมื่อกล่าวถึงวิทยาการต่างๆก็รู้สึกว่าทันสมัย สามารถเข้าใจได้เพราะความเป็นสากลของมัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอนุภาคต่างๆ ภาพโฮโลแกรม หรือไปจนถึงเรื่องพวกประจุ ไฟฟ้าสถิต และอื่นๆที่คาดว่าจะทยอยโผล่มาเรื่อยๆเพราะทิศทางของนิยายก็ปูทางเอาไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว นอกจากนี้ ชีวิตประจำวันที่ดูไม่ธรรมดาของตัวเอกก็เพิ่มความน่าสนใจขึ้นไปอีก
\r\n
\r\nเรื่องนี้ใช้ภาษาที่กระชับได้ใจความมากจริงๆ เรียกได้ว่าดำเนินเรื่องแบบรวดเร็วฉับไว เนื้อเน้นๆไม่มีน้ำผสมเลย แต่อาจจะเป็นเพราะความฉับไวนั้น เลยทำให้ในบางครั้งเรียงประโยคผิดพลาดบ้างเล็กน้อย เช่น การวางตำแหน่งของการกล่าวถึงสถานที่ (ณ สถานที่แห่งหนึ่ง) ควรจะวางขึ้นประโยคเป็นคำแรกก่อนจะบรรยายถึงสภาพแวดล้อมของสถานที่นั้นๆ หรือการปล่อยช่องว่างให้นักอ่านได้จินตนาการแบบผิดจังหวะไปเล็กน้อย เช่น ในตอนที่กล่าวถึงคริสตัลยักษ์ในยุคเวทมนตร์เมื่อหลายพันปีก่อน ควรจะระบุไว้สักนิดว่านอกจากขนาดมหึมาดังกล่าวแล้ว มันกำลังเกิดอะไรขึ้นอยู่อีก(กำลังเปล่งแสง แสงกำลังจะดับ โปร่งใส หรืออื่นๆ) นอกจากนี้อาจจะยังมีคำผิดบ้างประปราย...แนะนำให้ลองเช็คกับ application ราชบัณฑิตยสถานค่ะ
\r\n
\r\nโดยรวมแล้วดี พล็อตเรื่องสนุก ตัดตอนใหม่ในช่วงที่กำลังตื่นเต้นทำให้เกิด Cliffhanger นอกจากนี้สิ่งที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ ก็คือการบรรยายฉากพีคของเรื่องด้วยความตระการตา ทำให้รู้ได้ทันทีว่าฉากนี้สำคัญนะ...ซึ่งถ้าฉายในจอทีวีก็จัดได้ว่าเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ได้สบาย เช่น ฉากที่เมืองทั้งเมืองโผล่มาอีกที่ท่ามกลางความตื่นตระหนกของทุกคน...จะติดก็เพียงแต่เรื่องการเรียงประโยคบางจุด คำผิดเล็กน้อย แล้วก็การเผลอข้ามรายละเอียดในจุดสำคัญบางจุดเท่านั้นค่ะ ที่เหลือดีหมดแล้ว...ขออวยพรให้ทุ่มเทกับนิยายเช่นนี้จนไปถึงฝั่งฝันนะคะ