คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 4 การเคลื่อนไหวของความมืด
ตอนที่ 4 การเคลื่อนไหวของความมืด
ตลอดเวลาที่คิระเดินจากด่านตรวจมาจนถึงตอนนี้ก็ได้แต่เหม่อลอยเหมือนครุ่นคิดอยู่ตลอด
เมื่อคิระรู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่ง
ก็กำลังเดินตามทางเท้าข้างถนนที่มีตึกสูงอยู่สองข้างทาง แม้ว่าพระอาทิตย์จะตกดินแล้วแต่แสงสว่างที่สาดส่องผ่านบานกระจกของตึกมายังถนนสว่างกว่าแสงจากเสาไฟเสียอีก
นอกจากแสงสีฟ้าขาวที่ออกมาจากตึกสูงแบบทันสมัยแล้ว บริเวณรอบๆภายในเขตคือร้านค้า
ร้านอาหาร สถานบันเทิงต่างประดับประดาด้วยไฟสีต่างๆทำให้ดูมีชีวิตชีวา นั่นจึงทำให้เขตหกจึงสว่างไสวตลอดเวลา
วาเลนไทน์ที่เห็นคิระรู้สึกตัวจึงเริ่มถามสิ่งที่เธอค้างคาใจ
“ยังคาใจกับเจ้าหน้าที่คนนั้นงั้นหรอ”
“เปล่าหรอก เธอกดดันเขาได้ดี สุดท้ายก็ปล่อยเรามา”
“แล้วคิดเรื่องอะไรอยู่ล่ะ ถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ”
วาเลนไทน์พูดด้วยเสียงเรียบเฉยและใช้มือปิดตาข้างที่เป็นสีทอง นั่นทำให้คิระรู้สึกเสียวสันหลัง
“คิดเรื่องที่ผ่านมาก่อนที่จะเจอกับเธออีกครั้งไงล่ะ”
“อีกครั้ง ” วาเลนไทน์สงสัย
“อ่า ไม่ใช่สิ มันแค่ความรู้สึกว่าเคยเจอกันมาก่อนเมื่อนานมาแล้วล่ะนะ
แฮะๆ” คิระหัวเราะพยายามกลบเกลื่อน แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอเลิกสนใจ
“มีอะไรจะเล่า ก็รับฟังได้นะ นอกเวลางานน่ะนะ ตอนนี้จริงจังล่ะ”
“ครับๆ เข้าใจแล้วครับ”
“คำสั่งของ SA คืออะไร”
“ตั้งใจจะถามอยู่แล้วใช่มั้ย เล่นเอาฉันปรับอารมณ์ไม่ทันเลย เฮ้อ ”
คิระถอนหายใจก่อนที่จะบอก “SA เป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นหลังสงคราม
หน้าที่ก็รับผิดชอบเกี่ยวกับผลกระทบจาก กัมมันตภาพรังสี แต่ก็แค่บังหน้าน่ะแหละ
ระดับคำสั่งแบ่งเจ้าหน้าที่เป็นระดับชั้นและระดับการรักษาความลับด้วย
ระดับคำสั่ง 1-10
มีแค่ผู้ก่อตั้งกับผู้ติดตามเท่านั้นที่รู้และจะปฏิบัติ
ระดับคำสั่ง 11-30
เจ้าหน้าที่ระดับสูง
ระดับต่ำกว่าไม่มีสิทธิรับรู้
ลำดับคำสั่งมากกว่านั้น เจ้าหน้าที่ทั่วไปรับรู้ได้น่ะ
ส่วนเรื่องจริงของ SA คือ
ต่อต้านการเข้าแทรกแซงมนุษย์ ”
“เก็บพวกที่ไม่ใช่มนุษย์สินะ”
“ประมาณนั้นล่ะ นั่น เรามาถึงแล้ว”
ทั้งสองคนหยุดยืนอยู่หน้าตึกแบบทันสมัยหลังหนึ่ง ป้ายหน้าตึกที่ทำด้วยแผ่นหินมีอักษรสลักอย่างประณีตเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ
‘ Forra ’
“ว้าว พวกลูกครึ่งปีศาจทำได้ขนาดนี้เลยหรอ”
วาเลนไทน์รู้สึกประหลาดเมื่อมองตัวตึกจากชั้นแรกไปจนจุดสูงสุดของตึก
“ถ้าพร้อมแล้วก็เข้าไปกันเถอะ” คิระเดินนำหน้าเข้าไปในอาคาร
เมื่อคิระและวาเลนไทน์เดินเข้ามาที่โถงด้านหน้า
บริเวณจุดบริการประชาสัมพันธ์กลับไม่มีคนที่ให้บริการและไร้ซึ่งวี่แววของหน่วยรักษาความปลอดภัย
บริเวณนั้นไม่มีผู้คนอยู่เลยแม้แต่คนเดียว
“เงียบจังแฮะ” คิระชะโงกหน้าเข้าไปยังด้านหลังของเคาน์เตอร์ต้อนรับ
“เงียบเกินไป” วาเลนไทน์เดินดูรอบๆ
ทันใดนั้นเอง
เสียงเครื่องยนต์ของรถก็เริ่มดังขึ้นที่ถนนด้านหน้าของตึก
คิระและวาเลนไทน์หันไปมองตามเสียงนั้นและได้เห็นรถหุ้มเกราะแล่นผ่านหน้าตึกไป
ก่อนที่รถคันนั้นจะพ้นจากสายตาไป
ทหารนายหนึ่งซึ่งโผล่ออกมาจากหลังคารถครึ่งตัวจ้องมองมาที่ทั้งสองคนซึ่งอยู่ภายในตึกจากนั้นเขายกวิทยุขึ้นมาและหายไปที่มุมตึกซึ่งอยู่ข้างๆกับตึกของ
Forra
“คืนนี้น่าจะมีของหนักมาร่วมด้วย”
คิระเดินไปที่ห้องลิฟต์และกดปุ่มไฟของลิฟต์
“รู้ด้วยหรอ ว่าพวกนั้นอยู่ชั้นไหน” วาเลนไทน์เดินตามมา
เสียงแหลมสูงดังขึ้นสั้นๆและประตูลิฟต์ก็เปิดออก
“น่าจะชั้นบนสุดน่ะแหละ เชิญคุณผู้หญิง” คิระผายมือเข้าไปในลิฟต์
“ให้มันได้ยังงี้สิ นายนี่”
ชั้นบนสุดของตึกเป็นห้องโถงโล่งโปร่งผนังด้านข้างเป็นบานกระจกใสทั้งหมด
ทำให้เห็นทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืนที่มีแสงไฟระยิบระยับตามแนวเขตปกครอง
ด้านตรงข้ามกับห้องลิฟต์มีประตูไม้บานใหญ่ปิดกั้นห้องภายในไว้จากห้องโถงที่โล่งและเงียบสนิท
ผู้ชายหุ่นกำยำใส่สูทสวมแว่นดำสองคนยืนเอามือไขว้หลังนิ่งไม่ไหวติงบริเวณหน้าประตูราวกับเป็นหุ่นรูปปั้น
เสียงแหลมสูงสั้นๆของลิฟต์ดังขึ้น ประตูลิฟต์เปิดออกช้าๆ แสงไฟที่ส่องออกมาจากช่องประตูลิฟต์และสว่างมากขึ้นตามความกว้างที่ประตูเปิดออก
ชายสองคนที่หน้าบานประตูไม้เหลือบมองไปที่ลิฟต์ภายใต้แว่นของพวกเขาเพื่อดูแขกผู้มาเยือน
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกจนสุด
หลอดไฟในห้องโถงนั้นเริ่มสลัวและดับลงภายในเสี้ยววินาที แม้ว่าผนังด้านข้างจะเป็นกระจกใสแต่ใจกลางของห้องโถงนั้นแสงไฟยามค่ำคืนของเมืองไม่อาจส่องมาถึง
ชายทั้งสองคนมองไปมารอบๆเพื่อหาสาเหตุที่ไฟดับจนลืมไปว่ามีแขกผู้มาเยือนกำลังเข้าถึงตัวพวกเขา
“ไม่ทราบว่า...” ชายสองคนสะดุ้งโหยงทันทีที่ได้ยินเสียงพูด
เมื่อดึงสติกลับมาได้ก็ชักปืนออกจากซองข้างเอวออกมาพร้อมกับไฟฉาย “เฮ้ ใจเย็นก่อน
แค่จะถามว่าไม่ได้จ่ายค่าไฟรึไง” คิระถาม
ชายที่ยืนหน้าประตูส่องไฟจากไฟฉายไปที่หน้าของคิระและวาเลนไทน์
“พวกคุณเป็นใครกัน ขึ้นมาที่นี่ได้ยังไง ลงไปซะเดี๋ยวนี้”
ชายคนหนึ่งพูดด้วยเสียงแข็ง
“เจ้าหน้าที่จาก SA เผอิญว่ามีเรื่องต้องพบเจ้านายของพวกคุณค่ะ”
วาเลนไทน์ตอบ
“ไม่เห็นมีในตารางนัดหมายเลยนี อย่ามาหลอกกันเลย”
“พึ่งเพิ่มเข้าไปเมื่อกี้นี้ไง” คิระพยายามเดินแทรกระหว่างชายทั้งสอง
แต่ก็ถูกกันไว้ด้วยไหล่และแขนที่มีกล้ามเป็นมัดๆ
“เราคงลืมใส่คำว่า ระดับสูง ต่อท้ายเจ้าหน้าที่ค่ะ” วาเลนไทน์พูดต่อ
ชายทั้งสองคนยืนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่คนหนึ่งจะหันกลับไปเคาะประตูเป็นจังหวะที่ไม่เสมอกันราวกับเป็นรหัสลับ
ก่อนที่จะดึงบานประตูไม้ให้เปิดออกข้างหนึ่ง
“เชิญคุณทั้งสองคน” ชายอีกคนผายมือเข้าไปในห้อง “ขออภัยด้วยครับ
หากเราเสียมารยาท”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ชาย” คิระใช้มือตบไปที่หัวไหล่ของชายที่ผายมือ
ภายในประตูยังมีอีกห้องหนึ่งเป็นห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็กๆ
แต่ภายในกลับมีชายในชุดสูทดำถึงสี่คน
ทำให้ห้องดูคับแคบขึ้นอีกแม้ว่าชายทุกคนในห้องนี้จะมีหุ่นที่ผอมกว่าก็ตาม
“กรุณาแจ้งชื่อพร้อมระดับคำสั่งด้วยครับ”
ชายคนหนึ่งถามคิระและวาเลนไทน์
“เจ้าหน้าที่SAระดับสูง วาเลนไทน์ สวีท วาเลนไทน์ และกระผม ผู้ติดตาม”
คาระผายมือไปที่วาเลนไทน์ก่อนนำมือไปแตะที่หน้าอกของตัวเองเพื่อแนะนำตัว
“กรุณารอสักครู่นะครับ” ชายคนเดิมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดปุ่มลัดเพื่อโทรออกทันที
เขาใช้มือป้องเพื่อกันไม่ให้สิ่งที่เขาสนทนาได้ยินมาถึงแขกผู้มาเยือน
ชายในชุดดำคนอื่นๆ ยืนสังเกตหาสิ่งผิดปกติของคิระและวาเลนไทน์
ในมือของพวกเขาถือปืนกลมือแบบMP5ในท่าเตรียมพร้อม
เมื่อชายที่คุยโทรศัพท์เก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านใน
เขาพยักหน้าให้ชายอีกคนหนึ่งในห้อง
ชายอีกคนได้รับสัญญาณนั้นก็เดินมาที่ประตูห้องด้านในก่อนผลักบานประตูเข้าไป
“เชิญคุณเจ้าหน้าที่ครับ ขออภัยในความไม่สะดวก”
“ไม่เป็นไร” วาเลนไทน์ตอบด้วยเสียงเรียบ
ภายในห้องด้านในเป็นห้องโถงกว้างคล้ายกับห้องแรก
แต่ที่นี่ประดับประดาด้วยโคมระย้าดวงใหญ่บนเพดานกลางห้อง
โต๊ะอาหารหินอ่อนตกแต่งด้วยทองคำขนาดใหญ่และยาวจนเกือบสุดห้อง
มีแขกที่มาก่อนหน้าแล้วอยู่หลายคน
ทุกคนใส่ชุดราตรีนั่งบนเก้าอี้ที่เข้าชุดกับโต๊ะด้านหลังของแต่ละคนจะมีอีกคนหนึ่งคอยยืนประกบข้างหลังและเฝ้าสังเกตสิ่งที่แขกคนอื่นๆในห้องกำลังกระทำ
แขกที่ร่วมโต๊ะทุกคนต่างรับประทานอาหารและพูดคุยอย่างสนุกสนาน
ส่วนคนที่ยืนด้านหลังนั้นแต่ละคนใส่ชุดที่แปลกตาผิดกับบรรยากาศภายในห้อง
บางคนสวมชุดเกราะหนาเตอะ ชุดลายพราง แต่บางคนใส่ชุดที่สุภาพเรียบร้อย
ที่หัวโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับประตูมีชายร่างอ้วนในชุดสูทสีขาวนั่งหัวเราะพลางยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม
โดยไม่ได้สนใจแขกผู้มาเยือนคนใหม่ เมื่อประตูห้องปิดลง
เสียงของประตูนั้นดึงความสนใจให้ทุกสายตาจับจ้องมายังแขกคนใหม่
ภายในห้องเงียบสงัดจนกระทั่งชายร่างอ้วนกล่าวต้อนรับ
“อา ยินดีต้อนรับสู่งานเลี้ยงประจำปี ถึงแม้จะเป็นSAก็ตาม”
“ทางเราต้องขออภัยที่เข้ามาขัดจังหวะรื่นเริงของท่าน วิโอเล่”
วาเลนไทน์กล่าวนำ “แต่ที่มาในเวลานี้เพราะเป็นเรื่องที่เร่งด่วน”
“ไม่เป็นไรหรอก เจ้าหน้าที่รัฐมีอำนาจอยู่แล้วนี ฮ่าๆๆๆๆ”
ชายร่างอ้วนระเบิดหัวเราะ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของแขกคนอื่นๆ
วาเลนไทน์ถอยไปหลบข้างหลังคิระ คิระหันไปมองหน้าเธออย่างสงสัย
แต่เธอกลับไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร คิระจึงต้องขึ้นมายืนข้างหน้าแทน
เมื่อวิโอเล่เห็นผู้ที่ติดตามวาเลนไทน์มาด้วย เขาหยุดหัวเราะในทันที
จากใบหน้าที่กำลังรื่นเริงกลับกลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแค้น
ตาของเขาจ้องเขม็งมาที่คิระ
แขกคนอื่นๆเองเมื่อได้เห็นคิระต่างก็แสดงอาการที่โกรธแค้นอย่างมาก
“ก...แก ไอสารเลว ยังกล้าเสนอหน้ามาหาพวกเราอีก”
วิโอเล่ลุกขึ้นยืนสายตาของเขายังจ้องเขม็งไปที่คิระ แขกที่มาร่วมงานต่างก็เริ่มก่นด่าคิระ
“เอาหน่า ฟังก่อน ครั้งนี้ข้าไม่ได้มาเผาสินค้าของพวกเจ้าหรอก”
คิระพยายามปรามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ไอคนแบบนี้ อย่าปล่อยมันไว้” แขกคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
ผู้ที่อยู่ข้างหลังของแขกคนนั้นชักปืนพกกึ่งอัตโนมัติออกจากซองปืนข้างเข็มขัด
“อย่าดีกว่า ให้ผู้ติดตามของท่านลดปืน....”
ก่อนที่แขกที่นั่งฝั่งตรงข้ามจะได้พูดจบ
กระสุนปืนได้พุ่งออกจากปากลำกล้องปืนออกไปเสียแล้ว
กระสุนพุ่งตรงไปที่คิระและปะทะเข้าที่อกของคิระในเสี้ยววินาที
เมื่อกระสุนถึงตัวคิระ
กระสุนพุ่งกลับไปที่คนยิงทำให้เขาหมดสติล้มลงไปในทันทีที่กระสุนปะทะเข้าที่เสื้อเกราะของเขา
“งี่เง่าชะมัด” ผู้ติดตามของแขกคนหนึ่งพูดขึ้น
“แกกล้าทำร้ายแขกของฉันหรอ” วิโอเล่ตวาด “ออกไปซะ
ก่อนที่ฉันจะใช้กำลัง”
“ฟังก่อน ต่อจากนี้ถือว่าเป็นการขัดขืนเจ้าหน้าที่แล้วนะ ขอเตือนไว้”
คิระยังคงยิ้มอย่างยียวน
การเตือนของคิระไม่เป็นผล ผู้ติดตามของแขกฝั่งหนึ่งชักปืนพกแบบต่างๆขึ้นมาพร้อมกัน
ลำกล้องปืนทุกลำกล้องหันไปที่คิระ ผู้ติดตามของแขกอีกฝั่งหนึ่งยังคงนิ่งเฉย
“โว้ว แค่อาหารมื้อเดียวก็ซื้อธุรกิจในภาคนี้ได้ถึงครึ่งแล้วหรอ”
“หึ ” แขกคนหนึ่งหลุดขำ ก่อนที่จะใช้มือข้างหนึ่งปิดบังปาก
“นี่ก็เป็นคำเตือนของฉันเหมือนกัน คิระ” วิโอเล่เสียงแข็ง
วาเลนไทน์เหลือบมองคิระที่ไม่มีท่าทีหวั่นไหวแม้แต่น้อยครั้งหนึ่งก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปข้างหูของคิระและกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบา
“เราเป็นเจ้าหน้าที่ SA ตั้งแต่ตอนไหนกัน”
“ตอนที่เข้ามาในห้องไง” คิระกระซิบตอบ “ขอบคุณที่สงสัย
แต่ไม่น่าถามตอนนี้”
“เข้าเรื่องได้แล้วจังหวะนี้ล่ะ”
วาเลนไทน์พูดจบก็กลับไปยืนด้วยท่าทางเดิม
“รับทราบครับหน่วยข่าวกรองหญิง”
“จะร่ายให้ฟัง” คิระพูดเสียงดัง “วิโอเล่ เราตรวจสอบอีเมลของบริษัทแกแล้ว
มีรายการซื้อขายอาวุธยุทธภัณฑ์กันที่เขตสิบ”
“พวกฉันมีคำสั่งอนุญาตจากผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่ระดับแกไม่รู้รึยังไง”
วิโอเล่ขึ้นเสียง
“แล้วอาวุธที่ให้ซื้อขาย ทำไมตรวจพบกัมมันตรังสีในโกดังเขตที่สิบไม่ทราบ”
วิโอเล่สะอึก ทั้งห้องเงียบสงัด แขกทุกคนต่างหันไปมองที่วิโอเล่
เขาเริ่มหวาดวิตกลนลาน เพียงชั่วอึดใจ ผู้ติดตามรวมถึงแขกฝั่งที่นิ่งเฉยก่อนหน้านี้กลับชักอาวุธของแต่ละคนขึ้นมาจ่อไปยังวิโอเล่
ผู้ติดตามฝั่งที่หันปืนมาทางคิระกลับหันปืนไปยังผู้ติดตามและแขกฝั่งตรงข้าม
“เจ้าพวกโง่ นั่นมันของต้องห้ามนะ”
“เดี๋ยว คิระ ก แก ใส่ร้ายฉัน ” วิโอเล่เสียงสั่น
“งั้นไปถามSAที่ศูนย์บัญชาการกลางเขตสิ
ตอนนี้คงได้รับรายงานเรื่องรังสีแล้ว”
“มันไม่เป็นความจริง ฉันขายแต่ปืนตระกูลAKไปแค่นั้น”
“ไว้แก้ตัวกับผู้ปกครองเขตเอาเองก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องหรอกตัดปัญหาไปเลยก่อนจะบานปลาย”
“แกทำให้ลูกครึ่งต้องเสียชื่อ”
แขกหลายคนเริ่มโต้เถียงและด่าทอกันไปมา
ทั้งสองฝ่ายยังไม่ลดอาวุธของตนเองลง คิระหันมากระซิบกับวาเลนไทน์
“ปัญหาตรงนี้ฉันจะแก้เอง มีอีกเรื่องที่อยากให้เธอช่วย”
“ลองว่ามาสิ”
“ภัยคุกคามเข้ามาในภูมิภาคนี้แล้ว ฉันอยากให้เธอช่วยตรวจสอบ คาระ ให้หน่อย”
“ผูกพันกันจนได้นะ คุณพี่ชาย”
คิระไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหันกลับไป
“ก็ได้ฉันจะเป็นพี่เลี้ยงให้ชั่วคราว แล้วรีบตามมาด้วยล่ะ”
คิระโบกมือให้โดยที่ไม่หันมามอง
ความคิดเห็น