ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The New Eden สงครามเทวทูตแห่งสวนศักดิ์สิทธิ์

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 4 การเคลื่อนไหวของความมืด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 37
      0
      14 มิ.ย. 60

    ตอนที่ 4  การเคลื่อนไหวของความมืด

     

    ตลอดเวลาที่คิระเดินจากด่านตรวจมาจนถึงตอนนี้ก็ได้แต่เหม่อลอยเหมือนครุ่นคิดอยู่ตลอด เมื่อคิระรู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่ง ก็กำลังเดินตามทางเท้าข้างถนนที่มีตึกสูงอยู่สองข้างทาง แม้ว่าพระอาทิตย์จะตกดินแล้วแต่แสงสว่างที่สาดส่องผ่านบานกระจกของตึกมายังถนนสว่างกว่าแสงจากเสาไฟเสียอีก นอกจากแสงสีฟ้าขาวที่ออกมาจากตึกสูงแบบทันสมัยแล้ว บริเวณรอบๆภายในเขตคือร้านค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิงต่างประดับประดาด้วยไฟสีต่างๆทำให้ดูมีชีวิตชีวา นั่นจึงทำให้เขตหกจึงสว่างไสวตลอดเวลา วาเลนไทน์ที่เห็นคิระรู้สึกตัวจึงเริ่มถามสิ่งที่เธอค้างคาใจ

     

    “ยังคาใจกับเจ้าหน้าที่คนนั้นงั้นหรอ”

    “เปล่าหรอก เธอกดดันเขาได้ดี สุดท้ายก็ปล่อยเรามา”

    “แล้วคิดเรื่องอะไรอยู่ล่ะ ถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ” วาเลนไทน์พูดด้วยเสียงเรียบเฉยและใช้มือปิดตาข้างที่เป็นสีทอง นั่นทำให้คิระรู้สึกเสียวสันหลัง

    “คิดเรื่องที่ผ่านมาก่อนที่จะเจอกับเธออีกครั้งไงล่ะ”

    “อีกครั้ง ” วาเลนไทน์สงสัย

    “อ่า ไม่ใช่สิ มันแค่ความรู้สึกว่าเคยเจอกันมาก่อนเมื่อนานมาแล้วล่ะนะ แฮะๆ” คิระหัวเราะพยายามกลบเกลื่อน แต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอเลิกสนใจ

    “มีอะไรจะเล่า ก็รับฟังได้นะ นอกเวลางานน่ะนะ ตอนนี้จริงจังล่ะ”

    “ครับๆ เข้าใจแล้วครับ”

     “คำสั่งของ SA  คืออะไร”

    “ตั้งใจจะถามอยู่แล้วใช่มั้ย เล่นเอาฉันปรับอารมณ์ไม่ทันเลย เฮ้อ ” คิระถอนหายใจก่อนที่จะบอก “SA เป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นหลังสงคราม หน้าที่ก็รับผิดชอบเกี่ยวกับผลกระทบจาก กัมมันตภาพรังสี แต่ก็แค่บังหน้าน่ะแหละ ระดับคำสั่งแบ่งเจ้าหน้าที่เป็นระดับชั้นและระดับการรักษาความลับด้วย

    ระดับคำสั่ง 1-10 มีแค่ผู้ก่อตั้งกับผู้ติดตามเท่านั้นที่รู้และจะปฏิบัติ

    ระดับคำสั่ง 11-30 เจ้าหน้าที่ระดับสูง ระดับต่ำกว่าไม่มีสิทธิรับรู้

    ลำดับคำสั่งมากกว่านั้น เจ้าหน้าที่ทั่วไปรับรู้ได้น่ะ

    ส่วนเรื่องจริงของ SA คือ ต่อต้านการเข้าแทรกแซงมนุษย์ ”

    “เก็บพวกที่ไม่ใช่มนุษย์สินะ”

    “ประมาณนั้นล่ะ นั่น เรามาถึงแล้ว”

     

    ทั้งสองคนหยุดยืนอยู่หน้าตึกแบบทันสมัยหลังหนึ่ง ป้ายหน้าตึกที่ทำด้วยแผ่นหินมีอักษรสลักอย่างประณีตเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ Forra  

     

    “ว้าว พวกลูกครึ่งปีศาจทำได้ขนาดนี้เลยหรอ” วาเลนไทน์รู้สึกประหลาดเมื่อมองตัวตึกจากชั้นแรกไปจนจุดสูงสุดของตึก

    “ถ้าพร้อมแล้วก็เข้าไปกันเถอะ” คิระเดินนำหน้าเข้าไปในอาคาร

     

    เมื่อคิระและวาเลนไทน์เดินเข้ามาที่โถงด้านหน้า บริเวณจุดบริการประชาสัมพันธ์กลับไม่มีคนที่ให้บริการและไร้ซึ่งวี่แววของหน่วยรักษาความปลอดภัย บริเวณนั้นไม่มีผู้คนอยู่เลยแม้แต่คนเดียว

     

    “เงียบจังแฮะ” คิระชะโงกหน้าเข้าไปยังด้านหลังของเคาน์เตอร์ต้อนรับ

    “เงียบเกินไป” วาเลนไทน์เดินดูรอบๆ

     

    ทันใดนั้นเอง เสียงเครื่องยนต์ของรถก็เริ่มดังขึ้นที่ถนนด้านหน้าของตึก คิระและวาเลนไทน์หันไปมองตามเสียงนั้นและได้เห็นรถหุ้มเกราะแล่นผ่านหน้าตึกไป ก่อนที่รถคันนั้นจะพ้นจากสายตาไป  ทหารนายหนึ่งซึ่งโผล่ออกมาจากหลังคารถครึ่งตัวจ้องมองมาที่ทั้งสองคนซึ่งอยู่ภายในตึกจากนั้นเขายกวิทยุขึ้นมาและหายไปที่มุมตึกซึ่งอยู่ข้างๆกับตึกของ Forra

     

    “คืนนี้น่าจะมีของหนักมาร่วมด้วย” คิระเดินไปที่ห้องลิฟต์และกดปุ่มไฟของลิฟต์

    “รู้ด้วยหรอ ว่าพวกนั้นอยู่ชั้นไหน” วาเลนไทน์เดินตามมา เสียงแหลมสูงดังขึ้นสั้นๆและประตูลิฟต์ก็เปิดออก

    “น่าจะชั้นบนสุดน่ะแหละ เชิญคุณผู้หญิง” คิระผายมือเข้าไปในลิฟต์

    “ให้มันได้ยังงี้สิ นายนี่”

     

    ชั้นบนสุดของตึกเป็นห้องโถงโล่งโปร่งผนังด้านข้างเป็นบานกระจกใสทั้งหมด ทำให้เห็นทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืนที่มีแสงไฟระยิบระยับตามแนวเขตปกครอง ด้านตรงข้ามกับห้องลิฟต์มีประตูไม้บานใหญ่ปิดกั้นห้องภายในไว้จากห้องโถงที่โล่งและเงียบสนิท ผู้ชายหุ่นกำยำใส่สูทสวมแว่นดำสองคนยืนเอามือไขว้หลังนิ่งไม่ไหวติงบริเวณหน้าประตูราวกับเป็นหุ่นรูปปั้น

    เสียงแหลมสูงสั้นๆของลิฟต์ดังขึ้น ประตูลิฟต์เปิดออกช้าๆ แสงไฟที่ส่องออกมาจากช่องประตูลิฟต์และสว่างมากขึ้นตามความกว้างที่ประตูเปิดออก ชายสองคนที่หน้าบานประตูไม้เหลือบมองไปที่ลิฟต์ภายใต้แว่นของพวกเขาเพื่อดูแขกผู้มาเยือน เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกจนสุด หลอดไฟในห้องโถงนั้นเริ่มสลัวและดับลงภายในเสี้ยววินาที แม้ว่าผนังด้านข้างจะเป็นกระจกใสแต่ใจกลางของห้องโถงนั้นแสงไฟยามค่ำคืนของเมืองไม่อาจส่องมาถึง ชายทั้งสองคนมองไปมารอบๆเพื่อหาสาเหตุที่ไฟดับจนลืมไปว่ามีแขกผู้มาเยือนกำลังเข้าถึงตัวพวกเขา

     

    “ไม่ทราบว่า...” ชายสองคนสะดุ้งโหยงทันทีที่ได้ยินเสียงพูด เมื่อดึงสติกลับมาได้ก็ชักปืนออกจากซองข้างเอวออกมาพร้อมกับไฟฉาย “เฮ้ ใจเย็นก่อน แค่จะถามว่าไม่ได้จ่ายค่าไฟรึไง” คิระถาม ชายที่ยืนหน้าประตูส่องไฟจากไฟฉายไปที่หน้าของคิระและวาเลนไทน์

     

    “พวกคุณเป็นใครกัน ขึ้นมาที่นี่ได้ยังไง ลงไปซะเดี๋ยวนี้” ชายคนหนึ่งพูดด้วยเสียงแข็ง

    “เจ้าหน้าที่จาก SA เผอิญว่ามีเรื่องต้องพบเจ้านายของพวกคุณค่ะ” วาเลนไทน์ตอบ

    “ไม่เห็นมีในตารางนัดหมายเลยนี อย่ามาหลอกกันเลย”

    “พึ่งเพิ่มเข้าไปเมื่อกี้นี้ไง” คิระพยายามเดินแทรกระหว่างชายทั้งสอง แต่ก็ถูกกันไว้ด้วยไหล่และแขนที่มีกล้ามเป็นมัดๆ

    “เราคงลืมใส่คำว่า ระดับสูง ต่อท้ายเจ้าหน้าที่ค่ะ” วาเลนไทน์พูดต่อ

     

    ชายทั้งสองคนยืนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่คนหนึ่งจะหันกลับไปเคาะประตูเป็นจังหวะที่ไม่เสมอกันราวกับเป็นรหัสลับ ก่อนที่จะดึงบานประตูไม้ให้เปิดออกข้างหนึ่ง

     

    “เชิญคุณทั้งสองคน” ชายอีกคนผายมือเข้าไปในห้อง “ขออภัยด้วยครับ หากเราเสียมารยาท”

    “ไม่เป็นไรหรอก พี่ชาย” คิระใช้มือตบไปที่หัวไหล่ของชายที่ผายมือ

     

    ภายในประตูยังมีอีกห้องหนึ่งเป็นห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสเล็กๆ แต่ภายในกลับมีชายในชุดสูทดำถึงสี่คน ทำให้ห้องดูคับแคบขึ้นอีกแม้ว่าชายทุกคนในห้องนี้จะมีหุ่นที่ผอมกว่าก็ตาม

    “กรุณาแจ้งชื่อพร้อมระดับคำสั่งด้วยครับ” ชายคนหนึ่งถามคิระและวาเลนไทน์

    “เจ้าหน้าที่SAระดับสูง วาเลนไทน์  สวีท วาเลนไทน์ และกระผม ผู้ติดตาม”  คาระผายมือไปที่วาเลนไทน์ก่อนนำมือไปแตะที่หน้าอกของตัวเองเพื่อแนะนำตัว

    “กรุณารอสักครู่นะครับ” ชายคนเดิมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดปุ่มลัดเพื่อโทรออกทันที เขาใช้มือป้องเพื่อกันไม่ให้สิ่งที่เขาสนทนาได้ยินมาถึงแขกผู้มาเยือน

     

    ชายในชุดดำคนอื่นๆ ยืนสังเกตหาสิ่งผิดปกติของคิระและวาเลนไทน์ ในมือของพวกเขาถือปืนกลมือแบบMP5ในท่าเตรียมพร้อม

    เมื่อชายที่คุยโทรศัพท์เก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านใน เขาพยักหน้าให้ชายอีกคนหนึ่งในห้อง ชายอีกคนได้รับสัญญาณนั้นก็เดินมาที่ประตูห้องด้านในก่อนผลักบานประตูเข้าไป

     

    “เชิญคุณเจ้าหน้าที่ครับ ขออภัยในความไม่สะดวก”

    “ไม่เป็นไร” วาเลนไทน์ตอบด้วยเสียงเรียบ

     

    ภายในห้องด้านในเป็นห้องโถงกว้างคล้ายกับห้องแรก แต่ที่นี่ประดับประดาด้วยโคมระย้าดวงใหญ่บนเพดานกลางห้อง โต๊ะอาหารหินอ่อนตกแต่งด้วยทองคำขนาดใหญ่และยาวจนเกือบสุดห้อง มีแขกที่มาก่อนหน้าแล้วอยู่หลายคน ทุกคนใส่ชุดราตรีนั่งบนเก้าอี้ที่เข้าชุดกับโต๊ะด้านหลังของแต่ละคนจะมีอีกคนหนึ่งคอยยืนประกบข้างหลังและเฝ้าสังเกตสิ่งที่แขกคนอื่นๆในห้องกำลังกระทำ

    แขกที่ร่วมโต๊ะทุกคนต่างรับประทานอาหารและพูดคุยอย่างสนุกสนาน ส่วนคนที่ยืนด้านหลังนั้นแต่ละคนใส่ชุดที่แปลกตาผิดกับบรรยากาศภายในห้อง บางคนสวมชุดเกราะหนาเตอะ ชุดลายพราง แต่บางคนใส่ชุดที่สุภาพเรียบร้อย

    ที่หัวโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับประตูมีชายร่างอ้วนในชุดสูทสีขาวนั่งหัวเราะพลางยกแก้วไวน์ขึ้นดื่ม โดยไม่ได้สนใจแขกผู้มาเยือนคนใหม่ เมื่อประตูห้องปิดลง เสียงของประตูนั้นดึงความสนใจให้ทุกสายตาจับจ้องมายังแขกคนใหม่ ภายในห้องเงียบสงัดจนกระทั่งชายร่างอ้วนกล่าวต้อนรับ

     

    “อา ยินดีต้อนรับสู่งานเลี้ยงประจำปี ถึงแม้จะเป็นSAก็ตาม”

    “ทางเราต้องขออภัยที่เข้ามาขัดจังหวะรื่นเริงของท่าน วิโอเล่” วาเลนไทน์กล่าวนำ “แต่ที่มาในเวลานี้เพราะเป็นเรื่องที่เร่งด่วน”

    “ไม่เป็นไรหรอก เจ้าหน้าที่รัฐมีอำนาจอยู่แล้วนี ฮ่าๆๆๆๆ” ชายร่างอ้วนระเบิดหัวเราะ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะของแขกคนอื่นๆ

     

    วาเลนไทน์ถอยไปหลบข้างหลังคิระ คิระหันไปมองหน้าเธออย่างสงสัย แต่เธอกลับไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร คิระจึงต้องขึ้นมายืนข้างหน้าแทน เมื่อวิโอเล่เห็นผู้ที่ติดตามวาเลนไทน์มาด้วย เขาหยุดหัวเราะในทันที จากใบหน้าที่กำลังรื่นเริงกลับกลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแค้น ตาของเขาจ้องเขม็งมาที่คิระ แขกคนอื่นๆเองเมื่อได้เห็นคิระต่างก็แสดงอาการที่โกรธแค้นอย่างมาก

     

    “ก...แก ไอสารเลว ยังกล้าเสนอหน้ามาหาพวกเราอีก” วิโอเล่ลุกขึ้นยืนสายตาของเขายังจ้องเขม็งไปที่คิระ แขกที่มาร่วมงานต่างก็เริ่มก่นด่าคิระ

    “เอาหน่า ฟังก่อน ครั้งนี้ข้าไม่ได้มาเผาสินค้าของพวกเจ้าหรอก” คิระพยายามปรามด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

    “ไอคนแบบนี้ อย่าปล่อยมันไว้” แขกคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา ผู้ที่อยู่ข้างหลังของแขกคนนั้นชักปืนพกกึ่งอัตโนมัติออกจากซองปืนข้างเข็มขัด

    “อย่าดีกว่า ให้ผู้ติดตามของท่านลดปืน....” ก่อนที่แขกที่นั่งฝั่งตรงข้ามจะได้พูดจบ กระสุนปืนได้พุ่งออกจากปากลำกล้องปืนออกไปเสียแล้ว กระสุนพุ่งตรงไปที่คิระและปะทะเข้าที่อกของคิระในเสี้ยววินาที

     

    เมื่อกระสุนถึงตัวคิระ กระสุนพุ่งกลับไปที่คนยิงทำให้เขาหมดสติล้มลงไปในทันทีที่กระสุนปะทะเข้าที่เสื้อเกราะของเขา

     

    “งี่เง่าชะมัด” ผู้ติดตามของแขกคนหนึ่งพูดขึ้น

    “แกกล้าทำร้ายแขกของฉันหรอ” วิโอเล่ตวาด “ออกไปซะ ก่อนที่ฉันจะใช้กำลัง”

    “ฟังก่อน ต่อจากนี้ถือว่าเป็นการขัดขืนเจ้าหน้าที่แล้วนะ ขอเตือนไว้” คิระยังคงยิ้มอย่างยียวน

     

    การเตือนของคิระไม่เป็นผล ผู้ติดตามของแขกฝั่งหนึ่งชักปืนพกแบบต่างๆขึ้นมาพร้อมกัน ลำกล้องปืนทุกลำกล้องหันไปที่คิระ ผู้ติดตามของแขกอีกฝั่งหนึ่งยังคงนิ่งเฉย

     

    “โว้ว แค่อาหารมื้อเดียวก็ซื้อธุรกิจในภาคนี้ได้ถึงครึ่งแล้วหรอ”

    “หึ ” แขกคนหนึ่งหลุดขำ ก่อนที่จะใช้มือข้างหนึ่งปิดบังปาก

    “นี่ก็เป็นคำเตือนของฉันเหมือนกัน คิระ” วิโอเล่เสียงแข็ง

     

    วาเลนไทน์เหลือบมองคิระที่ไม่มีท่าทีหวั่นไหวแม้แต่น้อยครั้งหนึ่งก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปข้างหูของคิระและกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบา

     

    “เราเป็นเจ้าหน้าที่ SA ตั้งแต่ตอนไหนกัน”

    “ตอนที่เข้ามาในห้องไง” คิระกระซิบตอบ “ขอบคุณที่สงสัย แต่ไม่น่าถามตอนนี้”

    “เข้าเรื่องได้แล้วจังหวะนี้ล่ะ” วาเลนไทน์พูดจบก็กลับไปยืนด้วยท่าทางเดิม

    “รับทราบครับหน่วยข่าวกรองหญิง”

    “จะร่ายให้ฟัง” คิระพูดเสียงดัง “วิโอเล่ เราตรวจสอบอีเมลของบริษัทแกแล้ว มีรายการซื้อขายอาวุธยุทธภัณฑ์กันที่เขตสิบ”

    “พวกฉันมีคำสั่งอนุญาตจากผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่ระดับแกไม่รู้รึยังไง” วิโอเล่ขึ้นเสียง

    “แล้วอาวุธที่ให้ซื้อขาย ทำไมตรวจพบกัมมันตรังสีในโกดังเขตที่สิบไม่ทราบ”

     

    วิโอเล่สะอึก ทั้งห้องเงียบสงัด แขกทุกคนต่างหันไปมองที่วิโอเล่ เขาเริ่มหวาดวิตกลนลาน เพียงชั่วอึดใจ ผู้ติดตามรวมถึงแขกฝั่งที่นิ่งเฉยก่อนหน้านี้กลับชักอาวุธของแต่ละคนขึ้นมาจ่อไปยังวิโอเล่ ผู้ติดตามฝั่งที่หันปืนมาทางคิระกลับหันปืนไปยังผู้ติดตามและแขกฝั่งตรงข้าม

    “เจ้าพวกโง่ นั่นมันของต้องห้ามนะ”

    “เดี๋ยว คิระ ก แก ใส่ร้ายฉัน ” วิโอเล่เสียงสั่น

    “งั้นไปถามSAที่ศูนย์บัญชาการกลางเขตสิ ตอนนี้คงได้รับรายงานเรื่องรังสีแล้ว”

    “มันไม่เป็นความจริง ฉันขายแต่ปืนตระกูลAKไปแค่นั้น”

    “ไว้แก้ตัวกับผู้ปกครองเขตเอาเองก็แล้วกัน”

    “ไม่ต้องหรอกตัดปัญหาไปเลยก่อนจะบานปลาย”

    “แกทำให้ลูกครึ่งต้องเสียชื่อ”

     

    แขกหลายคนเริ่มโต้เถียงและด่าทอกันไปมา ทั้งสองฝ่ายยังไม่ลดอาวุธของตนเองลง คิระหันมากระซิบกับวาเลนไทน์

     

    “ปัญหาตรงนี้ฉันจะแก้เอง มีอีกเรื่องที่อยากให้เธอช่วย”

    “ลองว่ามาสิ”

    “ภัยคุกคามเข้ามาในภูมิภาคนี้แล้ว ฉันอยากให้เธอช่วยตรวจสอบ คาระ ให้หน่อย”

    “ผูกพันกันจนได้นะ คุณพี่ชาย”

     

    คิระไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหันกลับไป

     

    “ก็ได้ฉันจะเป็นพี่เลี้ยงให้ชั่วคราว แล้วรีบตามมาด้วยล่ะ”

     

    คิระโบกมือให้โดยที่ไม่หันมามอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×