ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The New Eden สงครามเทวทูตแห่งสวนศักดิ์สิทธิ์

    ลำดับตอนที่ #68 : ตอนที่ 4 Death Spiral

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12
      0
      21 เม.ย. 63

    "คาระ ฮาร์ทมาน"

    กลุ่มนักรบกลุ่มหนึ่งเดินมาที่หน้าวิหารแล้วเรียกคาระ

    "โปรดมากับเราด้วยเถิด เราจะนำทางไปยังที่พักชั่วคราว"

    "ใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้อีกนะ" วาเลนไทน์ยันตัวขึ้น

    นักรบสวรรค์คนหนึ่งก้าวขึ้นมาขวางหน้าเธอไว้

    "ไม่อนุญาตให้ติดตามไปด้วย"

    "ไม่เป็นอะไรครับ ผมดูแลตัวเองได้" คาระบอกวาเลนไทน์ และเดินเข้าไปที่กลางกลุ่มนักรบ

    วาเลนไทน์ทำได้เพียงยืนส่งอยู่ที่หน้าวิหารหลักเท่านั้น จนกระทั่งเขาลับสายตาไปแล้วตรวจสอบปืนทั้งสองกระบอกที่พกอยู่ด้านหลังให้พร้อมใช้งานราวกับว่าต้องใช้มันในเร็วๆ นี้

    ไม่นานนางฟ้าผมสีเงินก็วิ่งพรวดออกมานอกวิหารด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย

    ดวงตาสีน้ำเงินระยิบระยับมองมาที่วาเลนไทน์ ทว่าสายตานั้นกลับดูเลื่อนลอย เธอไม่พบสิ่งที่ตามหาในบริเวณนั้น

     

    'ให้ตายสิ คิระ หวังว่าเจ้าจะไม่โกรธแทนน้องชายนะ...ข้าน่าจะเข้าไปด้วย'

     

    วาเลนไทน์คาดเดาได้จากการที่ฟาเรนไฮต์หนีออกมาก่อน

    "กลุ่มนักรบพาคาระไปยังที่พัก" วาเลนไทน์บอกเธอไป เผื่อว่าฟาเรนไฮต์ต้องการจะรู้

    ใบหน้าของเธอดูตื่นตระหนกทันที

    "ผู้ใดออกคำสั่งนั้น เขาไปทางใด"

    "ตะวันออก ห่างออกไปพักหนึ่งแล้ว"

     

    กลุ่มนักรบสวรรค์พาคาระมายังเกาะลอยฟ้าแห่งหนึ่งทางตะวันออก มันถูกยึดโยงกับวิหารลอยฟ้าอื่น ๆ ด้วยโซ่เหล็กขนาดใหญ่

    บนเกาะมีหอคอยขนาดใหญ่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น และปกคลุมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ บริเวณหน้าหอคอยมีนักรบสวรรค์สองคนยืนเฝ้าประตูทางเข้านิ่งไม่ไหวติง

    เมื่อกลุ่มนักรบมาบินมาถึง นักรบผู้เฝ้าประตูใช้ทวนกั้นทางเข้าในทันที

    "เขตหวงห้าม กรุณาถอยออกไป"

    เหล่านักรบที่พึ่งมาถึงเดินเข้าไปใกล้และเสียบดาบเข้าไปในร่างพวกเขาภายในเสี้ยววินาที

    คาระที่เห็นดังนั้นจึงขัดขืนและพยายามจะหนี ทว่านักรบอีกสองคนก็จับตัวเขาไว้และพาไปที่ประตูทางเข้า

    ร่างของคาระถูกกระแทกเข้ากับประตูอย่างแรง จนเลือดกำเดาไหลออกมา ปากของเขาแตกและเต็มไปด้วยเลือด มันเปรอะเปื้อนบานประตูเหมือนกับพวกเขาจงใจทำแบบนั้น

    บานประตูของหอคอยเปิดออกโดยที่ไม่มีใครคนอื่นแตะต้องมัน

    "ได้ผล พาตัวเข้าไปด้านใน"

    ร่างของคาระถูกผลักเข้าไปภายในจนตัวเขากลิ้งไปตามพื้น เมื่อคาระพยายามจะต่อสู้ สนับเข่าเหล็กก็เข้าปะทะที่ใบหน้าในทันที

    "กุญแจอยู่ข้างบน ลากตัวเขาขึ้นไป"

    สติของคาระเริ่มเลือนรางจนประคองร่างตนเองไม่ไหว เขาถูกลากขึ้นไปตามบันไดวนจำนวนหลายร้อยขั้น จนถึงชั้นบนสุด

    "เจอแล้ว กุญแจแห่งความหวัง"

    คาระถูกลากมาวางกองกับพื้นอีกครั้ง ภาพต่างๆ แทรกซ้อนเข้ามาไม่หยุดจนเขาจับใจความหรือภาพตรงหน้าไม่ได้แม้แต่น้อย

    "หากเจ้าเป็นเสียงสะท้อน ก็เปิดผนึกกุญแจนี้เสีย"

    นักรบคนหนึ่งยัดเยียดตราสัญลักษณ์ที่คล้องกับสร้อยโลหะมาไว้ในมือ ซึ่งคาระก็พยายามขัดขืน กำปั้นเหล็กกระแทกเข้าที่ใบหน้าคาระอีกครั้งจนเขาแทบจะสลบ

    กรี๊ด!

    นักรบที่อยู่ด้านล่างรีบขึ้นไปยังชั้นบนตามเสียงกรีดร้องอันน่ารังเกียจนั้นอย่างรวดเร็ว ทิ้งนักรบอีกคนเฝ้าชั้นล่างไว้

    ในจังหวะนั้นเอง นักรบที่ยืนเฝ้าดังกล่าวไม่ทันระวังตัว ค้อนศึกขนาดใหญ่ได้ฟาดร่างของเขาปลิวอัดกับกำแพง เพียงแค่ครั้งเดียวชุดเกราะทั้งร่างก็ได้แตกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กๆ

    นางฟ้าผู้สวมหมวกเกราะ แต่กลับไม่สวมเกราะลำตัวแบกค้อนขึ้นบ่าและบินผ่านช่องว่างตรงกลางของหอคอยขึ้นไป

     

    เมื่อเธอมาถึงชั้นบน ไม่เหลือนักรบคนใดมีชีวิตอยู่อีก เว้นแต่นางฟ้าตกสวรรค์สวมชุดเกราะและปีกขนนกสีดำ เคียวยาวในมือคือสิ่งที่เขาใช้สังหารนักรบคนอื่นๆ

    เธอสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าเขาคือ นอยซ์

     

    ก่อนที่นางฟ้าผู้ใช้ค้อนจะเคลื่อนไหว นักรบร่างสูงใหญ่ได้เหวี่ยงลูกตุ้มเหล็กฟาดเธอให้พ้นทางจากด้านหลัง ก่อนจะพุ่งชนนอยซ์จนทะลุกำแพงหอคอยตกลงมายังชั้นล่างสุด

    "นักรบสวรรค์...เป็นบ้าอะไรกัน" นางฟ้าที่ถูกซัดใช้ค้อนยันตัวเองขึ้น

    เธอรีบไปที่ช่องโหว่ที่พึ่งจะทะลุออกไปและกระโจนออกไปโดยไม่ลังเล ลงสู่พื้นที่ด้านล่างหอคอยอีกครั้ง

    นอยซ์และนักรบร่างสูงใหญ่ต่างโจมตีแลกอาวุธกันอย่างดุเดือดเมื่อถึงพื้นข้างล่างโดยไม่สนอาการบาดเจ็บจากการตกจากที่สูง ช่องว่างระหว่างเกราะเต็มไปด้วยเลือด

    ในตอนนั้นเอง นกอินทรีดำยักษ์บินโฉบเหนือหอคอย ปล่อยฟาเรนไฮต์และวาเลนไทน์ตรงสู่เป้าหมาย

    "เอมม่า จัดการมัน" ฟาเรนไฮต์ตะโกนบอกจากเบื้องบน

    นางฟ้าผู้ใช้ค้อนไม่ได้ตอบรับ แต่เธอเริ่มหมุนตัวกลางอากาศเหวี่ยงค้อนหมุนเป็นกงล้อ ก่อนที่จะเหวี่ยงฟาดนักรบร่างสูงใหญ่ขณะทิ้งตัวลงมาอย่างแแม่นยำ

    ร่างของมันทรุดลงไปในพื้นดิน พร้อมกับเลือดที่ไหลท่วมออกมา

    เอมม่าทิ้งตัวลงพื้นได้อย่างสง่างาม ไม่เสียหลักแต่อย่างใด

    "มิตรหรือศัตรู" เอมม่ากล่าวถามนอยซ์

    "ไม่แน่ใจ"

    เสียงของนอยซ์ที่แหบแห้งกลับกลายเป็นเสียงของคาระในยามปกติ

    หน่วยนักรบสวรรค์อีกกลุ่มบินโผเข้ามาเป็นกำลังเสริม

    เอมม่าและนอยซ์ยังไม่ยอมลดการป้องกันลง ทว่าฟาเรนไฮต์กลับยกมือให้สัญญาณ

    "ข้าเรียกพวกเขามาเอง นักรบจากวิหารตะวันออก"

    เมื่อเหล่านักรบมาถึง ทันทีที่เท้าแตะถึงพื้น นักรบสวรรค์ที่ถูกเอมม่าสังหารกลับลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้งในร่างของนักรบปีศาจร่างสูงใหญ่ ตัวของมันมีไฟลุกท่วม

    เหล่านักรบที่มาถึงบางส่วนใช้หอกของตนแทงนักรบสวรรค์ที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที โดยไม่มีใครคาดคิด

    ปฏิกิริยาของวาเลนไทน์ตอบสนองโดยฉับพลัน เธอชักปืนขึ้นยิงนักรบสวรรค์ที่เริ่มทรยศก่อนที่พวกมันจะเข้าถึงตัวเธอ

    ฟาเรนไฮต์และเอมม่าต่างเข้าจัดการนักรบสวรรค์ที่แปรพักตร์ ดึงตัวนักรบที่บาดเจ็บกลับมาไว้ในการป้องกัน

    "คาระ มากับข้า" วาเลนไทน์เรียกพร้อมกับพยายามฝ่าวงล้อมไปหาเขา

    นักรบปีศาจร่างสูงใหญ่หมายตาตัวนอยซ์เอาไว้ มันจึงวิ่งพุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว ไม่ว่านักรบจะเป็นฝ่ายใดมันก็พุ่งชนกระเด็นไปทั้งหมด

    "เอมม่า ฝากตรงนี้ด้วย" ฟาเรนไฮต์ยิงลิ่มน้ำแข็งแหวกทางออกมาหานอยซ์

    "..." เอมม่าพยักหน้ารับ

    นอยซ์ยืนรอรับการโจมตีจากนักรบปีศาจอย่างสงบนิ่ง ความเร็ว น้ำหนักที่วิ่งเข้ามา มากเพียงพอที่จะทำให้มันตายภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาจึงเงื้อเคียวยาวไปด้านหลัง

    ในตอนนั้นเองที่อุณหภูมิรอบกายของเขาลดต่ำลงอย่างรวดเร็วนางฟ้าผมสีเงินแทรกตัวมายืนขวางหน้าเขาไว้ สิ่งแรกที่เขาฉุกคิดได้คือ เกราะช่วงลำตัวของเธอเสียหายและเธอตั้งใจตั้งรับมากกว่าโจมตี

    นอยซ์ตัดสินใจโอบร่างของนางฟ้าแล้วดึงหมุนกลับไปด้านหลัง ให้ร่างของเขารับแรงกระแทกแทน

    เพียงชั่วพริบตาร่างของทั้งสองก็ได้ลอยกระเด็นออกนอกเกาะลอยฟ้า นักรบปีศาจพุ่งตัวตามออกมาคว้าร่างของนอยซ์

    มันกดร่างของเขาพุ่งดิ่งลงไปเบื้องล่างทันทีที่มันจับตัวเขาไว้ได้ ฟาเรนไฮต์ที่เห็นดังนั้นจึงทิ้งตัวตามลงไปติด ๆ

    ดาบของฟาเรนไฮต์ลอยเคว้งอยู่ในอากาศไม่นาน เธอก็คว้ามันไว้ได้อย่างแม่นยำ

     

    "ปล่อยเขาไปเสีย" ฟาเรนไฮต์ตามมาทันนักรบปีศาจ

     

    เธอแทงดาบไปที่กลางหลังของมัน ความเจ็บทำให้ปีกค้างคาวของมันสยายออกฟาดร่างของฟาเรนไฮต์เสียการทรงตัวไป

    ปีกของมันต้านอากาศจนทำให้มันเสียการทรงตัวเช่นกัน นอยซ์จึงเรียกเคียวของเขากลับเข้ามือ ก่อนที่จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นดาบ แล้วแทงเข้าที่หน้าอกของมัน

    นักรบปีศาจบาดเจ็บ เลือดสีดำไหลออกมาและลอยย้อนกลับขึ้นไปด้านบน มันจึงต้องยอมปล่อยร่างของนอยซ์ ทว่านักรบปีศาจไม่ยอมรามืเพียงเท่านั้น ลูกตุ้มเหล็กที่ไฟลุกไหม้ยังคงใช้งานได้

    ฟาเรนไฮต์ยิงเวทน้ำแข็งไปที่ลูกตุ้มเหล็ก ก่อนที่มันจะฟาดไปยังนอยซ์ จนกลายเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมากขึ้น อาวุธของมันจึงดึงตัวมันลงไปอย่างรวดเร็ว

    นอยซ์และฟาเรนไฮต์เห็นโอกาส จึงบินด้วยความเร็วสูงตามไปจนถึงตัวนักรบปีศาจ ดาบของทั้งสองแทงมันเข้าไปกลางตัวที่หน้าอกและแผ่นหลังพร้อมกัน ปลายดาบกระทบกันที่กลางหัวใจของนักรบปีศาจ

    เมื่อทั้งสองดึงดาบออก ร่างของนักรบปีศาจก็ค่อยๆ สลายเป็นขี้เถ้าและปลิวหายไป

    นอยซ์จะผละตัวออกไป ทว่ามืออันเย็นเฉียบของฟาเรนไฮต์คว้าแขนเขาเอาไว้

    "อย่าไปไหนอีกเลย"

    นอยซ์ปล่อยปีกของเขาไปตามแรงทำให้ร่างกายตกลงไปตามแรงโน้มถ่วง ฟาเรนไฮต์ก็ไม่ได้พยายามพยุงตัวเขาไว้

    "หากไม่ยอมปล่อย เธอจะตายนะ"

    นอยซ์จ้องดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นโดยไม่มีท่าทีล้อเล่น

    ฟาเรนไฮต์ปล่อยปีกขนนกให้ล่องลอยตามอิสระและคว้าแขนอีกข้างหนึ่งของเขาไว้แน่น

    เมื่อเป็นอย่างนั้น นอยซ์จึงจับแขนของเธอกระชับไว้เช่นกัน พร้อมกับเริ่มทิ้งน้ำหนักให้พุ่งตกลงไปเร็วมากยิ่งขึ้น

    ร่างของทั้งสองเริ่มหมุนเคว้งในอากาศ เร็วมากขึ้นจนเริ่มเป็นกงล้อ ทว่าหากทั้งสองไม่ยอมปล่อยมือจากกัน ความเร็วจะส่งให้พวกเขากระแทกเบื้องล่าง ไม่มีโอกาสรอดแม้แต่น้อย

    "อีกเพียงไม่กี่วินาที ปล่อยมือเถอะ ไม่อย่างนั้นก็ตายทั้งคู่"

    "..."

    ฟาเรนไฮต์ไม่ได้กล่าวอะไรอีก ก่อนที่จะหลับตาลง

    "จะพิสูจน์อะไรกัน เลิกล้อเล่นสักที!..."

    "ข้าจะพิสูจน์หัวใจของข้า"

    ฟาเรนไฮต์ตอบอย่างหนักแน่น

    คำกล่าวนั้นเหมือนกับดาบที่แทงทะลุผ่านร่างของเขาไป

    นอยซ์กางปีกขนนกสีดำออกเพื่อหยุดเขาและฟาเรนไฮต์ไม่ให้ตกถึงพื้นเบื้องล่างเร็วเกินไป แต่มันกลับหนักอึ้งจนปีกของเขาแทบจะฉีกออกจากร่าง

    แม้ว่าทั้งสองจะตกลงมาในบริเวณผืนน้ำอันกว้างใหญ่ใกล้กับชายฝั่ง ทว่าด้วยความเร็วในตอนนี้ก็ไม่อาจทำให้พวกเขาทั้งสองรอดไปได้

    ฟาเรนไฮต์รู้สึกตัวได้ถึงแรงต้าน เธอจึงกางปีกขนนกสีขาวสว่างช่วยพยุงตัวเธอเองด้วยอีกแรงหนึ่ง

    แต่นั่นก็สายเกินไป ทั้งสองตกลงสู่ท้องทะเล จนเสาน้ำพุ่งขึ้นสูงด้วยแรงตกกระทบอันมหาศาล

     

     

    นางฟ้าที่มีรูปลักษณ์สง่างาม เธอไม่สวมเกราะช่วงลำตัว กำลังหักแขนนักรบสวรรค์อย่างเยือกเย็น

    "เจ้ารับใช้ผู้ใด"

    "อ้าก!"

    หญิงสาวผมสีบลอนด์ทองอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งพักใต้ร่มไม้ถอนหายใจยาวอย่างเอือมระอา

    "เฮ้อ เปิดโอกาสให้เจ้านั่นพูดบ้างเถิด"

    "พูดมา"

    "บาเร...ท่านบาเรอัล" นักรบสวรรค์กล่าวอย่างทรมาน

    "ท่านเอมม่า" นักรบสวรรค์ฝ่ายเดียวกันเรียกเธอ "สร้อยคอแห่งความหวังหายไปขอรับ"

    "ชิ!" เอมม่าดึงมีดสั้นแทงที่คอปลิดชีพของนักรบที่เธอหักแขน

    แสงสว่างจุดเล็กๆ ราวกับหิ่งห้อยที่มีแสงระยับ ลอยฟุ้งไปทั่ว มันเกิดจากร่างของนักรบสวรรค์ที่สิ้นชีวิตลง

    "วาเลนไทน์...สินะ เจ้ามีความเห็นอย่างไรบ้าง" เอมม่าแบกค้อนเดินเข้ามาหาวาเลนไทน์ใต้ร่มไม้

    "อาวุธ"

    "หืม" เอมม่าเอียงคอ

    "เสียงสะท้อน เทพธิดาผู้สาบสูญ กุญแจแห่งความหวัง หอกแห่งเพลิง"

    "กุญแจลับของเหล่ามนุษย์มิใช่หรือที่เป็นอาวุธ พวกมันจะเอากุญแจแห่งความหวังไปเพราะเหตุใด"

    วาเลนไทน์ไม่ตอบคำถามนั้น

    "บาเรอัล เป็นถึงชั้นปกครองได้ อย่าประเมินนางต่ำเกินไป"

    ในตอนนั้นเองที่เส้นขอบฟ้า อินทรีดำได้บินมาพร้อมกับเหล่านักรบอีกกลุ่มหนึ่ง ทว่าครั้งนี้เอมม่าและวาเลนไทน์ค่อยวางใจได้ เพราะกลุ่มนี้มีผู้ที่ทั้งสองรู้จักกันเป็นอย่างดี

    "เกิดอะไรขึ้น ฟาเรนไฮต์อยู่ที่ใด"

    เมื่อเซลซิลีมาถึงเธอก็ถามหาฟาเรนไฮต์ในทันที ผ้าคลุมสีแดงคงบอกถึงตัวตนของเธอได้ชัดเจนที่สุด

    วาเลนไทน์รับหน้าที่เป็นคนอธิบายเรื่องราวให้ทุกคนฟัง

    เมื่อเธอเล่าจบไม่มีใครออกความเห็นหรือมีปฏิกิริยาใดๆ แม้แต่คิระเองก็ตาม

    "...อะไร" วาเลนไทน์ฉงน

    เหล่าพี่น้องนางฟ้าทั้งสามดูไม่ใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้นมากนัก พวกเธอรีบตามลงไปหาฟาเรนไฮต์ในทันที

    "ไม่แปลกนักหรอก ที่ดูเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว" คิระกล่าวอย่างราบเรียบ "ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา คิดว่ามีนางฟ้าที่หันหลังให้กับสวรรค์กี่องค์กันล่ะ"

    เอมม่าพยักหน้าเห็นด้วย

    "เจ้าเองก็นับเป็นหนึ่งในนั้นด้วยหรือไม่" เอมม่าถามวาเลนไทน์

    วาเลนไทน์พอจะทราบประวัติโดยรวมของตนเองบ้าง แม้ความทรงจำจะยังไม่กลับมา

    "...ข้า"

    "เธอไม่ได้หันหลังให้สวรรค์ เพียงแค่จะไม่กลับไปอีกเท่านั้น" คิระแทรกตอบก่อนวาเลนไทน์

    "...ข้าก็พอเข้าใจ" เอมม่าเหวี่ยงค้อนเล่น "วันหนึ่ง ข้าเองก็อาจจะหันหลังให้พระผู้เป็นเจ้า หันหลังให้แก่สิ่งที่ยึดมั่น เพียงเพื่อความปรารถนาที่ไม่มีวันเป็นจริง"

    "แล้วเจ้าปรารถนาสิ่งใดหรือ" วาเลนไทน์ถามบ้าง

    "หากกล่าวออกไป อาจจะไม่สมปรารถนาก็ได้ ฮ่าๆๆ"

     

     

    แสงแดดยามบ่ายสาดส่องลงมาดังเช่นเคย ทว่าเมื่ออยู่บริเวณชายหาดกลับรู้สึกร้อนแรงจนเหมือนกับกำลังถูกเผาไหม้

    นอกจากแสงที่ส่องลงมาจากเบื้องบนแล้ว แสงที่สะท้อนกับผิวน้ำเองก็สว่างจ้าจนสายตาแทบจะพร่ามัว

    เด็กหนุ่มลากร่างกายของตนขึ้นมาจากท้องทะเล แต่ละย่างก้าวที่แหวกผิวน้ำเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากความเหนื่อยล้าและบาดเจ็บ

    ลำพังเพียงตัวเขาเองคงไม่ยากเย็น เพียงแต่นางฟ้าผมสีเงินในอ้อมแขนของเขา คือสิ่งที่เขาต้องปกป้องไว้ยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง

    "...คา...ระ..." หญิงสาวในอ้อมแขนเพ้อออกมา

    คาระก้มมองดูเธอด้วยความเป็นห่วง

    เมื่อมาถึงใต้ร่มไม้ คาระวางร่างเธอลงบนผืนทรายอย่างแผ่วเบา

    ใบหน้าของเธอเป็นสีแดงราวกับผลของแอปเปิ้ล ร่างกายและชุดเปียกปอน เส้นผมสีเงินที่ชุ่มไปด้วยน้ำยิ่งทำให้ผมของเธอดูระยิบระยับ

    เด็กหนุ่มถูกดึงดูดด้วยรูปลักษณ์ของหญิงสาวที่สง่างาม

    บรรยากาศโดยรอบ ท้องฟ้า ทะเล และผืนทราย มันชวนทำให้รู้สึกอ้างว้าง รับรู้ถึงธรรมชาติรอบตัวที่ยิ่งใหญ่

    เมื่อเขาได้หันกลับมามองดูที่คนข้างกายแล้ว มันทำให้เขาหวั่นไหวจากข้างใน

     

    "...เห็นใบหน้าของเธอทีไร ก็แทบอยากจะละทิ้งโลกทั้งใบไว้ข้างหลัง โลกนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปก็ช่างมัน ขอแค่เธอ...ฟาเรนไฮต์"

    คาระกล่าวต่อหน้า เพราะรู้ว่าเธอจะไม่ได้ยิน

    ริมฝีปากสีชมพูอันอวบอิ่มของเธอเริ่มทำให้เด็กหนุ่มไม่อาจห้ามใจได้อีกต่อไป

    คาระแตะที่ใบหน้าของเธอ ผิวของเธอมีไอความเย็นออกมา อากาศรอบๆ ที่ร้อนระอุยิ่งทำให้เขาเริ่มอยากสัมผัสฟาเรนไฮต์มากยิ่งขึ้น

     

    "ทำไมเราต้องมาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้ ทำไมถึงไม่เป็นแบบคู่รักอื่นๆ ที่ได้เจอกันในช่วงเวลที่แสนจะลงตัว ได้พูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆ ได้ใช้เวลาร่วมกันมากกว่านี้ ไปดูหนังด้วยกัน ไปร้านอาหาร คาเฟ่ สวนสนุก และอยู่ด้วยกัน ทำไม..."

    กลิ่นกายอันหอมหวานราวกับผลไม้ฤดูร้อนยิ่งทำให้เขาแทบจะห้ามตัวเองไม่ได้ ดื่มด่ำไปกับทุกสัมผัสที่ได้รับ

     

    "แต่ว่านะ...หัวใจของฉันยังไม่พร้อม...จะเชื่อใจใครอีก"

     

    คาระผละตัวออกมาและดีดนิ้วข้างใบหน้าของเธอ

     

    "ตื่นเถิด"

     

    ฟาเรนไฮต์รู้สึกตัวตื่นขึ้นและลุกขึ้นนั่งในทันที เธอหันซ้ายขวาเพื่อจะมองหาใครบางคน ทว่าที่แห่งนั้นมีเธออยู่เพียงผู้เดียว บนหาดทรายที่เงียบเหงา

    เธอยังคงรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่อบอุ่นบนใบหน้า และความคิดถึงโหยหาที่บีบรัดบริเวณหน้าอก

     

    เมื่อฟาเรนไฮต์แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก็เห็นดาวตกสามดวงที่กำลังพุ่งตรงมาหาเธอ เป็นสัญญาณที่ส่งถึงเธอ

     

    ...ได้เวลาที่ต้องไปเสียแล้ว

     

     

     

    ตอนที่ 4 Death Spiral

     

     

     

     

     

     

    **Death Spiral หรือ กงล้อแห่งความตายเป็นชื่อเรียก การเกี้ยวพาราสีของนกอินทรี ที่ค่อนข้างโลดโผนและอันตราย

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×