คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #68 : ตอนที่ 4 Death Spiral
"คาระ ฮาร์ทมาน"
กลุ่มนักรบกลุ่มหนึ่งเดินมาที่หน้าวิหารแล้วเรียกคาระ
"โปรดมากับเราด้วยเถิด เราจะนำทางไปยังที่พักชั่วคราว"
"ใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้อีกนะ" วาเลนไทน์ยันตัวขึ้น
นักรบสวรรค์คนหนึ่งก้าวขึ้นมาขวางหน้าเธอไว้
"ไม่อนุญาตให้ติดตามไปด้วย"
"ไม่เป็นอะไรครับ ผมดูแลตัวเองได้" คาระบอกวาเลนไทน์ และเดินเข้าไปที่กลางกลุ่มนักรบ
วาเลนไทน์ทำได้เพียงยืนส่งอยู่ที่หน้าวิหารหลักเท่านั้น จนกระทั่งเขาลับสายตาไปแล้วตรวจสอบปืนทั้งสองกระบอกที่พกอยู่ด้านหลังให้พร้อมใช้งานราวกับว่าต้องใช้มันในเร็วๆ นี้
ไม่นานนางฟ้าผมสีเงินก็วิ่งพรวดออกมานอกวิหารด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย
ดวงตาสีน้ำเงินระยิบระยับมองมาที่วาเลนไทน์ ทว่าสายตานั้นกลับดูเลื่อนลอย เธอไม่พบสิ่งที่ตามหาในบริเวณนั้น
'ให้ตายสิ คิระ หวังว่าเจ้าจะไม่โกรธแทนน้องชายนะ...ข้าน่าจะเข้าไปด้วย'
วาเลนไทน์คาดเดาได้จากการที่ฟาเรนไฮต์หนีออกมาก่อน
"กลุ่มนักรบพาคาระไปยังที่พัก" วาเลนไทน์บอกเธอไป เผื่อว่าฟาเรนไฮต์ต้องการจะรู้
ใบหน้าของเธอดูตื่นตระหนกทันที
"ผู้ใดออกคำสั่งนั้น เขาไปทางใด"
"ตะวันออก ห่างออกไปพักหนึ่งแล้ว"
กลุ่มนักรบสวรรค์พาคาระมายังเกาะลอยฟ้าแห่งหนึ่งทางตะวันออก มันถูกยึดโยงกับวิหารลอยฟ้าอื่น ๆ ด้วยโซ่เหล็กขนาดใหญ่
บนเกาะมีหอคอยขนาดใหญ่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น และปกคลุมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ บริเวณหน้าหอคอยมีนักรบสวรรค์สองคนยืนเฝ้าประตูทางเข้านิ่งไม่ไหวติง
เมื่อกลุ่มนักรบมาบินมาถึง นักรบผู้เฝ้าประตูใช้ทวนกั้นทางเข้าในทันที
"เขตหวงห้าม กรุณาถอยออกไป"
เหล่านักรบที่พึ่งมาถึงเดินเข้าไปใกล้และเสียบดาบเข้าไปในร่างพวกเขาภายในเสี้ยววินาที
คาระที่เห็นดังนั้นจึงขัดขืนและพยายามจะหนี ทว่านักรบอีกสองคนก็จับตัวเขาไว้และพาไปที่ประตูทางเข้า
ร่างของคาระถูกกระแทกเข้ากับประตูอย่างแรง จนเลือดกำเดาไหลออกมา ปากของเขาแตกและเต็มไปด้วยเลือด มันเปรอะเปื้อนบานประตูเหมือนกับพวกเขาจงใจทำแบบนั้น
บานประตูของหอคอยเปิดออกโดยที่ไม่มีใครคนอื่นแตะต้องมัน
"ได้ผล พาตัวเข้าไปด้านใน"
ร่างของคาระถูกผลักเข้าไปภายในจนตัวเขากลิ้งไปตามพื้น เมื่อคาระพยายามจะต่อสู้ สนับเข่าเหล็กก็เข้าปะทะที่ใบหน้าในทันที
"กุญแจอยู่ข้างบน ลากตัวเขาขึ้นไป"
สติของคาระเริ่มเลือนรางจนประคองร่างตนเองไม่ไหว เขาถูกลากขึ้นไปตามบันไดวนจำนวนหลายร้อยขั้น จนถึงชั้นบนสุด
"เจอแล้ว กุญแจแห่งความหวัง"
คาระถูกลากมาวางกองกับพื้นอีกครั้ง ภาพต่างๆ แทรกซ้อนเข้ามาไม่หยุดจนเขาจับใจความหรือภาพตรงหน้าไม่ได้แม้แต่น้อย
"หากเจ้าเป็นเสียงสะท้อน ก็เปิดผนึกกุญแจนี้เสีย"
นักรบคนหนึ่งยัดเยียดตราสัญลักษณ์ที่คล้องกับสร้อยโลหะมาไว้ในมือ ซึ่งคาระก็พยายามขัดขืน กำปั้นเหล็กกระแทกเข้าที่ใบหน้าคาระอีกครั้งจนเขาแทบจะสลบ
กรี๊ด!
นักรบที่อยู่ด้านล่างรีบขึ้นไปยังชั้นบนตามเสียงกรีดร้องอันน่ารังเกียจนั้นอย่างรวดเร็ว ทิ้งนักรบอีกคนเฝ้าชั้นล่างไว้
ในจังหวะนั้นเอง นักรบที่ยืนเฝ้าดังกล่าวไม่ทันระวังตัว ค้อนศึกขนาดใหญ่ได้ฟาดร่างของเขาปลิวอัดกับกำแพง เพียงแค่ครั้งเดียวชุดเกราะทั้งร่างก็ได้แตกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กๆ
นางฟ้าผู้สวมหมวกเกราะ แต่กลับไม่สวมเกราะลำตัวแบกค้อนขึ้นบ่าและบินผ่านช่องว่างตรงกลางของหอคอยขึ้นไป
เมื่อเธอมาถึงชั้นบน ไม่เหลือนักรบคนใดมีชีวิตอยู่อีก เว้นแต่นางฟ้าตกสวรรค์สวมชุดเกราะและปีกขนนกสีดำ เคียวยาวในมือคือสิ่งที่เขาใช้สังหารนักรบคนอื่นๆ
เธอสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าเขาคือ นอยซ์
ก่อนที่นางฟ้าผู้ใช้ค้อนจะเคลื่อนไหว นักรบร่างสูงใหญ่ได้เหวี่ยงลูกตุ้มเหล็กฟาดเธอให้พ้นทางจากด้านหลัง ก่อนจะพุ่งชนนอยซ์จนทะลุกำแพงหอคอยตกลงมายังชั้นล่างสุด
"นักรบสวรรค์...เป็นบ้าอะไรกัน" นางฟ้าที่ถูกซัดใช้ค้อนยันตัวเองขึ้น
เธอรีบไปที่ช่องโหว่ที่พึ่งจะทะลุออกไปและกระโจนออกไปโดยไม่ลังเล ลงสู่พื้นที่ด้านล่างหอคอยอีกครั้ง
นอยซ์และนักรบร่างสูงใหญ่ต่างโจมตีแลกอาวุธกันอย่างดุเดือดเมื่อถึงพื้นข้างล่างโดยไม่สนอาการบาดเจ็บจากการตกจากที่สูง ช่องว่างระหว่างเกราะเต็มไปด้วยเลือด
ในตอนนั้นเอง นกอินทรีดำยักษ์บินโฉบเหนือหอคอย ปล่อยฟาเรนไฮต์และวาเลนไทน์ตรงสู่เป้าหมาย
"เอมม่า จัดการมัน" ฟาเรนไฮต์ตะโกนบอกจากเบื้องบน
นางฟ้าผู้ใช้ค้อนไม่ได้ตอบรับ แต่เธอเริ่มหมุนตัวกลางอากาศเหวี่ยงค้อนหมุนเป็นกงล้อ ก่อนที่จะเหวี่ยงฟาดนักรบร่างสูงใหญ่ขณะทิ้งตัวลงมาอย่างแแม่นยำ
ร่างของมันทรุดลงไปในพื้นดิน พร้อมกับเลือดที่ไหลท่วมออกมา
เอมม่าทิ้งตัวลงพื้นได้อย่างสง่างาม ไม่เสียหลักแต่อย่างใด
"มิตรหรือศัตรู" เอมม่ากล่าวถามนอยซ์
"ไม่แน่ใจ"
เสียงของนอยซ์ที่แหบแห้งกลับกลายเป็นเสียงของคาระในยามปกติ
หน่วยนักรบสวรรค์อีกกลุ่มบินโผเข้ามาเป็นกำลังเสริม
เอมม่าและนอยซ์ยังไม่ยอมลดการป้องกันลง ทว่าฟาเรนไฮต์กลับยกมือให้สัญญาณ
"ข้าเรียกพวกเขามาเอง นักรบจากวิหารตะวันออก"
เมื่อเหล่านักรบมาถึง ทันทีที่เท้าแตะถึงพื้น นักรบสวรรค์ที่ถูกเอมม่าสังหารกลับลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้งในร่างของนักรบปีศาจร่างสูงใหญ่ ตัวของมันมีไฟลุกท่วม
เหล่านักรบที่มาถึงบางส่วนใช้หอกของตนแทงนักรบสวรรค์ที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที โดยไม่มีใครคาดคิด
ปฏิกิริยาของวาเลนไทน์ตอบสนองโดยฉับพลัน เธอชักปืนขึ้นยิงนักรบสวรรค์ที่เริ่มทรยศก่อนที่พวกมันจะเข้าถึงตัวเธอ
ฟาเรนไฮต์และเอมม่าต่างเข้าจัดการนักรบสวรรค์ที่แปรพักตร์ ดึงตัวนักรบที่บาดเจ็บกลับมาไว้ในการป้องกัน
"คาระ มากับข้า" วาเลนไทน์เรียกพร้อมกับพยายามฝ่าวงล้อมไปหาเขา
นักรบปีศาจร่างสูงใหญ่หมายตาตัวนอยซ์เอาไว้ มันจึงวิ่งพุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว ไม่ว่านักรบจะเป็นฝ่ายใดมันก็พุ่งชนกระเด็นไปทั้งหมด
"เอมม่า ฝากตรงนี้ด้วย" ฟาเรนไฮต์ยิงลิ่มน้ำแข็งแหวกทางออกมาหานอยซ์
"..." เอมม่าพยักหน้ารับ
นอยซ์ยืนรอรับการโจมตีจากนักรบปีศาจอย่างสงบนิ่ง ความเร็ว น้ำหนักที่วิ่งเข้ามา มากเพียงพอที่จะทำให้มันตายภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาจึงเงื้อเคียวยาวไปด้านหลัง
ในตอนนั้นเองที่อุณหภูมิรอบกายของเขาลดต่ำลงอย่างรวดเร็วนางฟ้าผมสีเงินแทรกตัวมายืนขวางหน้าเขาไว้ สิ่งแรกที่เขาฉุกคิดได้คือ เกราะช่วงลำตัวของเธอเสียหายและเธอตั้งใจตั้งรับมากกว่าโจมตี
นอยซ์ตัดสินใจโอบร่างของนางฟ้าแล้วดึงหมุนกลับไปด้านหลัง ให้ร่างของเขารับแรงกระแทกแทน
เพียงชั่วพริบตาร่างของทั้งสองก็ได้ลอยกระเด็นออกนอกเกาะลอยฟ้า นักรบปีศาจพุ่งตัวตามออกมาคว้าร่างของนอยซ์
มันกดร่างของเขาพุ่งดิ่งลงไปเบื้องล่างทันทีที่มันจับตัวเขาไว้ได้ ฟาเรนไฮต์ที่เห็นดังนั้นจึงทิ้งตัวตามลงไปติด ๆ
ดาบของฟาเรนไฮต์ลอยเคว้งอยู่ในอากาศไม่นาน เธอก็คว้ามันไว้ได้อย่างแม่นยำ
"ปล่อยเขาไปเสีย" ฟาเรนไฮต์ตามมาทันนักรบปีศาจ
เธอแทงดาบไปที่กลางหลังของมัน ความเจ็บทำให้ปีกค้างคาวของมันสยายออกฟาดร่างของฟาเรนไฮต์เสียการทรงตัวไป
ปีกของมันต้านอากาศจนทำให้มันเสียการทรงตัวเช่นกัน นอยซ์จึงเรียกเคียวของเขากลับเข้ามือ ก่อนที่จะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นดาบ แล้วแทงเข้าที่หน้าอกของมัน
นักรบปีศาจบาดเจ็บ เลือดสีดำไหลออกมาและลอยย้อนกลับขึ้นไปด้านบน มันจึงต้องยอมปล่อยร่างของนอยซ์ ทว่านักรบปีศาจไม่ยอมรามืเพียงเท่านั้น ลูกตุ้มเหล็กที่ไฟลุกไหม้ยังคงใช้งานได้
ฟาเรนไฮต์ยิงเวทน้ำแข็งไปที่ลูกตุ้มเหล็ก ก่อนที่มันจะฟาดไปยังนอยซ์ จนกลายเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมากขึ้น อาวุธของมันจึงดึงตัวมันลงไปอย่างรวดเร็ว
นอยซ์และฟาเรนไฮต์เห็นโอกาส จึงบินด้วยความเร็วสูงตามไปจนถึงตัวนักรบปีศาจ ดาบของทั้งสองแทงมันเข้าไปกลางตัวที่หน้าอกและแผ่นหลังพร้อมกัน ปลายดาบกระทบกันที่กลางหัวใจของนักรบปีศาจ
เมื่อทั้งสองดึงดาบออก ร่างของนักรบปีศาจก็ค่อยๆ สลายเป็นขี้เถ้าและปลิวหายไป
นอยซ์จะผละตัวออกไป ทว่ามืออันเย็นเฉียบของฟาเรนไฮต์คว้าแขนเขาเอาไว้
"อย่าไปไหนอีกเลย"
นอยซ์ปล่อยปีกของเขาไปตามแรงทำให้ร่างกายตกลงไปตามแรงโน้มถ่วง ฟาเรนไฮต์ก็ไม่ได้พยายามพยุงตัวเขาไว้
"หากไม่ยอมปล่อย เธอจะตายนะ"
นอยซ์จ้องดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นโดยไม่มีท่าทีล้อเล่น
ฟาเรนไฮต์ปล่อยปีกขนนกให้ล่องลอยตามอิสระและคว้าแขนอีกข้างหนึ่งของเขาไว้แน่น
เมื่อเป็นอย่างนั้น นอยซ์จึงจับแขนของเธอกระชับไว้เช่นกัน พร้อมกับเริ่มทิ้งน้ำหนักให้พุ่งตกลงไปเร็วมากยิ่งขึ้น
ร่างของทั้งสองเริ่มหมุนเคว้งในอากาศ เร็วมากขึ้นจนเริ่มเป็นกงล้อ ทว่าหากทั้งสองไม่ยอมปล่อยมือจากกัน ความเร็วจะส่งให้พวกเขากระแทกเบื้องล่าง ไม่มีโอกาสรอดแม้แต่น้อย
"อีกเพียงไม่กี่วินาที ปล่อยมือเถอะ ไม่อย่างนั้นก็ตายทั้งคู่"
"..."
ฟาเรนไฮต์ไม่ได้กล่าวอะไรอีก ก่อนที่จะหลับตาลง
"จะพิสูจน์อะไรกัน เลิกล้อเล่นสักที!..."
"ข้าจะพิสูจน์หัวใจของข้า"
ฟาเรนไฮต์ตอบอย่างหนักแน่น
คำกล่าวนั้นเหมือนกับดาบที่แทงทะลุผ่านร่างของเขาไป
นอยซ์กางปีกขนนกสีดำออกเพื่อหยุดเขาและฟาเรนไฮต์ไม่ให้ตกถึงพื้นเบื้องล่างเร็วเกินไป แต่มันกลับหนักอึ้งจนปีกของเขาแทบจะฉีกออกจากร่าง
แม้ว่าทั้งสองจะตกลงมาในบริเวณผืนน้ำอันกว้างใหญ่ใกล้กับชายฝั่ง ทว่าด้วยความเร็วในตอนนี้ก็ไม่อาจทำให้พวกเขาทั้งสองรอดไปได้
ฟาเรนไฮต์รู้สึกตัวได้ถึงแรงต้าน เธอจึงกางปีกขนนกสีขาวสว่างช่วยพยุงตัวเธอเองด้วยอีกแรงหนึ่ง
แต่นั่นก็สายเกินไป ทั้งสองตกลงสู่ท้องทะเล จนเสาน้ำพุ่งขึ้นสูงด้วยแรงตกกระทบอันมหาศาล
นางฟ้าที่มีรูปลักษณ์สง่างาม เธอไม่สวมเกราะช่วงลำตัว กำลังหักแขนนักรบสวรรค์อย่างเยือกเย็น
"เจ้ารับใช้ผู้ใด"
"อ้าก!"
หญิงสาวผมสีบลอนด์ทองอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งพักใต้ร่มไม้ถอนหายใจยาวอย่างเอือมระอา
"เฮ้อ เปิดโอกาสให้เจ้านั่นพูดบ้างเถิด"
"พูดมา"
"บาเร...ท่านบาเรอัล" นักรบสวรรค์กล่าวอย่างทรมาน
"ท่านเอมม่า" นักรบสวรรค์ฝ่ายเดียวกันเรียกเธอ "สร้อยคอแห่งความหวังหายไปขอรับ"
"ชิ!" เอมม่าดึงมีดสั้นแทงที่คอปลิดชีพของนักรบที่เธอหักแขน
แสงสว่างจุดเล็กๆ ราวกับหิ่งห้อยที่มีแสงระยับ ลอยฟุ้งไปทั่ว มันเกิดจากร่างของนักรบสวรรค์ที่สิ้นชีวิตลง
"วาเลนไทน์...สินะ เจ้ามีความเห็นอย่างไรบ้าง" เอมม่าแบกค้อนเดินเข้ามาหาวาเลนไทน์ใต้ร่มไม้
"อาวุธ"
"หืม" เอมม่าเอียงคอ
"เสียงสะท้อน เทพธิดาผู้สาบสูญ กุญแจแห่งความหวัง หอกแห่งเพลิง"
"กุญแจลับของเหล่ามนุษย์มิใช่หรือที่เป็นอาวุธ พวกมันจะเอากุญแจแห่งความหวังไปเพราะเหตุใด"
วาเลนไทน์ไม่ตอบคำถามนั้น
"บาเรอัล เป็นถึงชั้นปกครองได้ อย่าประเมินนางต่ำเกินไป"
ในตอนนั้นเองที่เส้นขอบฟ้า อินทรีดำได้บินมาพร้อมกับเหล่านักรบอีกกลุ่มหนึ่ง ทว่าครั้งนี้เอมม่าและวาเลนไทน์ค่อยวางใจได้ เพราะกลุ่มนี้มีผู้ที่ทั้งสองรู้จักกันเป็นอย่างดี
"เกิดอะไรขึ้น ฟาเรนไฮต์อยู่ที่ใด"
เมื่อเซลซิลีมาถึงเธอก็ถามหาฟาเรนไฮต์ในทันที ผ้าคลุมสีแดงคงบอกถึงตัวตนของเธอได้ชัดเจนที่สุด
วาเลนไทน์รับหน้าที่เป็นคนอธิบายเรื่องราวให้ทุกคนฟัง
เมื่อเธอเล่าจบไม่มีใครออกความเห็นหรือมีปฏิกิริยาใดๆ แม้แต่คิระเองก็ตาม
"...อะไร" วาเลนไทน์ฉงน
เหล่าพี่น้องนางฟ้าทั้งสามดูไม่ใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้นมากนัก พวกเธอรีบตามลงไปหาฟาเรนไฮต์ในทันที
"ไม่แปลกนักหรอก ที่ดูเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว" คิระกล่าวอย่างราบเรียบ "ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา คิดว่ามีนางฟ้าที่หันหลังให้กับสวรรค์กี่องค์กันล่ะ"
เอมม่าพยักหน้าเห็นด้วย
"เจ้าเองก็นับเป็นหนึ่งในนั้นด้วยหรือไม่" เอมม่าถามวาเลนไทน์
วาเลนไทน์พอจะทราบประวัติโดยรวมของตนเองบ้าง แม้ความทรงจำจะยังไม่กลับมา
"...ข้า"
"เธอไม่ได้หันหลังให้สวรรค์ เพียงแค่จะไม่กลับไปอีกเท่านั้น" คิระแทรกตอบก่อนวาเลนไทน์
"...ข้าก็พอเข้าใจ" เอมม่าเหวี่ยงค้อนเล่น "วันหนึ่ง ข้าเองก็อาจจะหันหลังให้พระผู้เป็นเจ้า หันหลังให้แก่สิ่งที่ยึดมั่น เพียงเพื่อความปรารถนาที่ไม่มีวันเป็นจริง"
"แล้วเจ้าปรารถนาสิ่งใดหรือ" วาเลนไทน์ถามบ้าง
"หากกล่าวออกไป อาจจะไม่สมปรารถนาก็ได้ ฮ่าๆๆ"
แสงแดดยามบ่ายสาดส่องลงมาดังเช่นเคย ทว่าเมื่ออยู่บริเวณชายหาดกลับรู้สึกร้อนแรงจนเหมือนกับกำลังถูกเผาไหม้
นอกจากแสงที่ส่องลงมาจากเบื้องบนแล้ว แสงที่สะท้อนกับผิวน้ำเองก็สว่างจ้าจนสายตาแทบจะพร่ามัว
เด็กหนุ่มลากร่างกายของตนขึ้นมาจากท้องทะเล แต่ละย่างก้าวที่แหวกผิวน้ำเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากความเหนื่อยล้าและบาดเจ็บ
ลำพังเพียงตัวเขาเองคงไม่ยากเย็น เพียงแต่นางฟ้าผมสีเงินในอ้อมแขนของเขา คือสิ่งที่เขาต้องปกป้องไว้ยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง
"...คา...ระ..." หญิงสาวในอ้อมแขนเพ้อออกมา
คาระก้มมองดูเธอด้วยความเป็นห่วง
เมื่อมาถึงใต้ร่มไม้ คาระวางร่างเธอลงบนผืนทรายอย่างแผ่วเบา
ใบหน้าของเธอเป็นสีแดงราวกับผลของแอปเปิ้ล ร่างกายและชุดเปียกปอน เส้นผมสีเงินที่ชุ่มไปด้วยน้ำยิ่งทำให้ผมของเธอดูระยิบระยับ
เด็กหนุ่มถูกดึงดูดด้วยรูปลักษณ์ของหญิงสาวที่สง่างาม
บรรยากาศโดยรอบ ท้องฟ้า ทะเล และผืนทราย มันชวนทำให้รู้สึกอ้างว้าง รับรู้ถึงธรรมชาติรอบตัวที่ยิ่งใหญ่
เมื่อเขาได้หันกลับมามองดูที่คนข้างกายแล้ว มันทำให้เขาหวั่นไหวจากข้างใน
"...เห็นใบหน้าของเธอทีไร ก็แทบอยากจะละทิ้งโลกทั้งใบไว้ข้างหลัง โลกนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปก็ช่างมัน ขอแค่เธอ...ฟาเรนไฮต์"
คาระกล่าวต่อหน้า เพราะรู้ว่าเธอจะไม่ได้ยิน
ริมฝีปากสีชมพูอันอวบอิ่มของเธอเริ่มทำให้เด็กหนุ่มไม่อาจห้ามใจได้อีกต่อไป
คาระแตะที่ใบหน้าของเธอ ผิวของเธอมีไอความเย็นออกมา อากาศรอบๆ ที่ร้อนระอุยิ่งทำให้เขาเริ่มอยากสัมผัสฟาเรนไฮต์มากยิ่งขึ้น
"ทำไมเราต้องมาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้ ทำไมถึงไม่เป็นแบบคู่รักอื่นๆ ที่ได้เจอกันในช่วงเวลที่แสนจะลงตัว ได้พูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆ ได้ใช้เวลาร่วมกันมากกว่านี้ ไปดูหนังด้วยกัน ไปร้านอาหาร คาเฟ่ สวนสนุก และอยู่ด้วยกัน ทำไม..."
กลิ่นกายอันหอมหวานราวกับผลไม้ฤดูร้อนยิ่งทำให้เขาแทบจะห้ามตัวเองไม่ได้ ดื่มด่ำไปกับทุกสัมผัสที่ได้รับ
"แต่ว่านะ...หัวใจของฉันยังไม่พร้อม...จะเชื่อใจใครอีก"
คาระผละตัวออกมาและดีดนิ้วข้างใบหน้าของเธอ
"ตื่นเถิด"
ฟาเรนไฮต์รู้สึกตัวตื่นขึ้นและลุกขึ้นนั่งในทันที เธอหันซ้ายขวาเพื่อจะมองหาใครบางคน ทว่าที่แห่งนั้นมีเธออยู่เพียงผู้เดียว บนหาดทรายที่เงียบเหงา
เธอยังคงรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่อบอุ่นบนใบหน้า และความคิดถึงโหยหาที่บีบรัดบริเวณหน้าอก
เมื่อฟาเรนไฮต์แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก็เห็นดาวตกสามดวงที่กำลังพุ่งตรงมาหาเธอ เป็นสัญญาณที่ส่งถึงเธอ
...ได้เวลาที่ต้องไปเสียแล้ว
ตอนที่ 4 Death Spiral
**Death Spiral หรือ กงล้อแห่งความตายเป็นชื่อเรียก การเกี้ยวพาราสีของนกอินทรี ที่ค่อนข้างโลดโผนและอันตราย
ความคิดเห็น