ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MR. IM💋 (BNIOR FEAT. JACKJAE/MARKBAM)

    ลำดับตอนที่ #2 : He's a charisma (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.77K
      490
      29 ก.ค. 63

     

    Chapter 1

    He’s a Charisma


     


     

              อิม แจบอมเดินทางมาถึงโรงแรม Trump International Hotel & Tower Vancouver เป็นโรงแรมหรูในแคนาดาเขาจองห้องซูพรีเรียเป็นห้องที่เห็นวิวเมืองแวนคูเวอร์ได้อย่างดีมองเป็นมุมกว้างซึ่งกว่าจะจ้องได้ยอมรับว่ายากเช่นกัน ร่างหนานำกระเป๋าเดินทางของเขาไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าโดยนำเสื้อมาแขวนไว้ในตู้ให้เรียบร้อย จัดเก็บอุปกรณ์ส่วนตัวไว้ในห้องน้ำจากนั้นเขาจะหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อเฟสทามกับลูกสาวเพื่อบอกตอนนี้ที่แวนคูเวอร์เป็นเวลา 2 ทุ่มตรง ส่วนเกาหลีใต้เป็นเวลาเที่ยงอิมแจบอมรู้สึกผิดต่อลูกสาวที่ยังไม่ได้ร่ำลาก่อนที่จะบินมาต่างประเทศนี้

              เขาเป็นถึง CEO ของสายการบิน IM airline ซึ่งอยู่ในเครือของบริษัท IM Group ซึ่งครอบคลุมธุรกิจเกือบทุกประเภทในประเทศเกาหลีใต้ปัจจุบันสายการบิน IM AIRLINE มีเส้นทางการบินขยายมากกว่า 56 ประเทศ 72 จุดหมายปลายทาง เขาเป็นพ่อหม้ายลูกติดเนื่องจากภรรยาเสียหลังจากที่คลอดลูกสาวทำให้เขานั้นต้องกลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว หลายคนมักจะเรียกเขาว่าพ่อหม้าย พราวเสน่ห์แม้ในวัย 35 ปีแต่ร่างกายของคุณพ่อหม้ายลูกติดกับแซ่บเป็นเซเลปที่มีคนอยากได้มากที่สุด ถึงกระนั้นอิม แจบอมไม่เคยที่สนใจนักสิ่งที่เขาสนใจส่วนใหญ่คือลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา ‘อิม เฮนา’

              ร่างสูงเฟสทามหาลูกสาวรอเพียงไม่นานนักหน้าจอก็แปรเปลี่ยนเป็นเด็กหญิงหน้าตาน่ารักยิ้มแฉ่งตรงหน้าจอ

              (ปะป๊าขา ทำไมไปทำงานแล้วไม่บอกน้องค่ะ)

    ยัยตัวเล็กทำหน้างอนคุณป๊าที่ไม่บอกเธอล่วงหน้า

              “ปะป๊าขอโทษครับที่ไม่ได้บอกหนูมันเป็นงานด่วนค่ะ”

              (น้องคิดถึงป๊ะป๋า น้องอยากกอดปะป๊าแล้ว)

              “ป๊าจะรีบเคลียร์งานแล้วกลับไปฟัดหนูนะครับคนเก่ง”

              (ได้ค่ะ ปะป๊า น้องรักนะคะไว้เจอกันค่ะ)

    อิม เฮนาส่งจูบผ่านหน้าจอส่งมาให้คุณพ่อที่ยิ้มเหงือกบานด้วยความหลงลูกสาว

              อิม แจบอมวางสายจากลูกสาวเสร็จเขาก็เตรียมตัวที่จะอาบน้ำนอนด้วยความง่วงบวกกับความเพลียเต็มแก่ร่างหนาหยิบชุดคลุมเดินเข้าไปในห้องน้ำของโรงแรมทันที ระหว่างที่ร่างสูงที่นั่งแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำจากุชชี่ภายในห้องหรูร่างหนาก็พลันนึกถึงใบหน้าของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินคนนั้น คนเรามันจะบังเอิญหน้าเหมือนกับภรรยาเก่าของเขาราวกับแกะขนาดนี้ไหม ใบหน้าหวานของพนักงานคนนั้นกำลังลอยวนเวียนอยู่ภายในหัวของเขา มันอาจจะเป็นเพียงเพราะความบังเอิญเขาเคยเจอพนักงานต้อนรับที่ชื่อปาร์ค จินยอง ก่อนหน้าอีกวันจะมาที่แวนคูเวอร์ที่ผับเกาหลีย่านฮงแด

    บังเอิญหรือพรหมลิขิตดีละ ว่าไหม...

    ...................................

              ภายในโรงแรม Grand Spacious Suite เป็นห้องพักราคาไม่แพงมากนักซึ่งอยู่ใกล้กับแอร์พอร์ตอีกด้วยจินยองร่างเล็กมาถึงห้องอันดับแรกที่จะทำเป็นอย่างแรกคือการนอนพักผ่อนใช้เวลาบนเครื่องเกือบสิบชั่วโมงแม้ได้นอนแต่ก็ไม่สบายเท่าที่ควร ระหว่างที่กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียงโทรศัพท์แผดเสียงดังขึ้นร่างบางเดินไปหยิบสมาร์ทโฟนมากดรับสายคือเพื่อนสนิทของเขานั่นเอง

              “ว่าไงไอ้แบมแบม” จินยองเอ่ยทักเพื่อนที่เป็นพนักงานต้อนรับเหมือนกันแต่ทว่าเป็นคนต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศเกาหลี หนุ่มเอเชียผิวสีน้ำผึ้งมีไฝอยู่ใต้ตาอันทรงเสน่ห์บวกกับริมฝีปากเป็นอิ่มสีเชอรี่เห็นแบบนี้เหล่าสจ๊วตและนักบินรุมจีบเพื่อนเขาเยอะเชียว

              (เป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่าบินแทนเหรอจ้ะ)

              “อืมใช่ อากาศดีมากเลย แล้วที่ญี่ปุ่นอะ”

              (ก็ดี ไปกี่ทีก็ประทับใจ)

              “เอ...ประทับใจกับนักบินคนนั้นปะ” จินยองหรี่ตาถามเพื่อน แถมโดนคนในหน้าจอค้อนใส่อีกด้วย

              (ไม่ได้ชอบสักหน่อย มิสเตอร์อิมเป็นไงบ้างอะ) แบมแบมถามด้วยความสนใจ

              “ทำไมต้องถามถึงอีตานั่นด้วยอะ” จินยองหน้าหงิกทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเครื่องบินถ้าไม่ติดว่าเป็นเจ้านายเขาต่อยจนล้มไปแล้ว

              (มีอะไรเกิดขึ้นปะเนี่ย หน้าหงิกเป็นตูดเลย)

              “ไว้กลับไปค่อยเล่าแล้วกัน แค่นี้นะโคตรง่วงเลย”

              (อ่าไว้เจอกัน)

              หลังจากที่เฟสทามเสร็จร่างเล็กนำสมาร์ทโฟนไปชาร์ตที่เก่าจากนั้นจะจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเข้านอน ตอนนี้ร่างกายของตัวเขานี้ใกล้ปิดสวิทต์เต็มที่

              แสงอาทิตย์ที่สาดเข้ามาทางหน้าต่างผ่านรูช่องเล็กๆ ทางผ้าม่านสาดมายังเตียงที่มีร่างบางนอนอยู่ เครื่องปรับอากาศเย็นช่ำอยู่ภายในห้องเสียงนกที่เกาะกิ่งไม้ที่ข้างหน้าต่างร้องระงมเพื่อปลุกให้คนที่นอนอยู่ตื่นมาชมเมืองแวนคูเวอร์สักที  จินยองหยิบกล้องฟิล์มในกระเป๋าเดินทางใส่กระเป๋าจากนั้นจินยองจะเตรียมออกจากที่พักเพื่อนั่งแท็กซี่ไปยัง Vancouver Aquarium ไม่นานนักรถแท็กซี่ที่นั่งไปจอดยังหน้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Vancouver Aquarium ร่างบางเดินเข้าไปข้างในของพิพิธภัณฑ์เขาจ่ายเงินค่ารักษาบำรุงสถานที่จากนั้นจะเข้าไปเดินชมข้างใน ร่างบางเดินขึ้นบันไดไปเสมือนเปิดโลกในวัยเด็กของตัวเองอีกครั้งร่างเล็กเดินเข้าไปข้างในมีตู้กระจกที่มีปลาตัวเล็กว่ายอยู่ด้านใน จินยองหยิบกล้องมือถือขึ้นมาถ่ายความสวยของลายมัน เขาเดินไปตามทางเดินเรื่อย ๆจนพบกับกระจกผ่านใต้น้ำขนาดใหญ่มีพันธ์ปลามากมายหลายตัวแหวกว่ายอยู่ภายในตู้นั้น จินยองมองฉลามตัวโตที่ว่ายข้ามศีรษะของเขาไป เขาเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินส่วนใหญ่เป็นครอบครัวที่พาลูกมาศึกษา

              ระหว่างที่เดินชมก็มีเสียงประกาศมาว่าจะมีการแสดงโชว์ของสัตว์น้ำอย่างวาฬเบลูก้า จินยองเดินตามเด็กๆ ไปทันที เขาชมความน่ารักของวาฬเบลูก้าและการให้อาหารของคนเลี้ยงเจ้าวาฬนั่นช่างแสนรู้เสียเหลือเกิน ด้วยระยะเวลาแสนเพลิดเพลินในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้จินยองจึงตัดสินใจที่จะไปหาอะไรทานแถวๆ นั้นระหว่างนั้นเขาก็เข้าไปชมของฝากจินยองหยิบตุ๊กตาวาฬเบลูก้าแล้วเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์

              เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งจินยองหยิบเงินจ่ายและรับเจ้าตุ๊กตาวาฬเบลูก้ามาไว้ในมืออีกแขนหนึ่งล้วงโทรศัพท์ที่ไว้ตรงช่องกระเป๋ากางเกงขึ้นมารับ

              “ว่าไง โทรมาตอนนี้กี่โมงละเนี่ย”

              (เช้ามาก...ตอนนี้กำลังจะไปเที่ยวกันที่โตเกียว) แบมแบมเบนกล้องไปทั่วห้องทว่าด้านหลังกลับเป็นใครอีกคนที่ไม่ใช่ ชเว ยองแจ

              “เดี๋ยว แบมแกนอนกับใคร” แบมแบมรีบเบนกล้องหนีไปทางอื่น

              (อะไรแก นอนกับยองแจไง) จินยองถอนหายใจกับความเลิ่กลั่กของเพื่อน

              “เอาดีๆ ไอ้ยองแจไม่หุ่นฟิตขนาดนี้หรอกมั้ง”

              (ฮื่อ ถ้ารู้แล้วห้ามแซวนะ)

    แหนะ มีขู่ด้วยว่าห้ามแซว

              สักพักหนึ่งแบมแบมก็แพลนกล้องไปที่คนด้านหลังที่ตอนนี้ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว จินยองรีบอุดปากด้วยความตกใจและแปลกใจระคนกัน

              (บอกแล้วไงห้ามแซว)

    คนขี้เขินชิงบอกก่อน

              “โอเค งั้นไม่กวนแล้วกลับเมื่อไหร่เจอซักฟอกให้ขาวแน่ แบมแบม”

              จินยองวางสายจากเพื่อนเสร็จเขาเดินไปเรียกแท็กซี่ตรงด้านหน้าไปยังศูนย์การค้า Pacific Centre Shopping Mall เพื่อไปหาอะไรทานที่นั่นใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มาถึงลานด้านหน้าของศูนย์การค้าจินยองหยิบเงินพร้อมทิปจำนวนหนึ่งให้คนขับเขาเดินถือวาฬเบลูก้าเดินเข้าไปด้านในเพื่อมองหาร้านอาหารสักร้านเพราะตอนนี้หิวจนตาลายไปหมดเขากินข้าวแค่มื้อเดียวที่โรงแรม ร่างบางเดินเข้าไปที่ร้านเบอร์เกอร์

              “รับอะไรดีคะ” พนักงานสาวเอ่ยทักทายเริ่มต้นก่อนสั่งอาหาร

              “เซตแฮมเบอร์เกอร์เนื้อ 1 ที่ครับ”

              “ทานที่นี่หรือกลับบ้านคะ”

              จินยองมองป้ายเมนูข้างบนว่ามีอะไรน่าสนใจอีก

              “ทานที่ร้านครับ”

              พนักงานร้านคีย์ข้อมูลในเครื่องคิดเงินจากนั้นจะเงยหน้าถามขึ้นมาอีกครั้ง...

              “คุณต้องการไก่ป๊อบ ไซซ์ S ไหมคะ”

              “ไม่ครับ”

              “ได้ค่ะ เซตแฮมเบอร์เกอร์เนื้อ 1 ที่ ทั้งหมดเป็นเงิน 10$ จ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตดีคะ”

              “เงินสดครับ” จินยองหยิบเงินในกระเป๋าเงินหยิบแบงค์ดอลล่าห์ยื่นให้พนักงาน

               “กรุณารอที่เคาน์เตอร์ถัดไปเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ” จินยองจึงขยับไปรอที่เคาน์เตอร์ด้านข้างเพื่อรออาหารไม่นานนักพนักงานก็เรียกคิวตามออเดอร์ของเขา จินยองถือถาดยกเซตเบอร์เกอร์ไปหาโต๊ะนั่ง

              จวนเวลาผ่านไปจินยองทานเซตเบอร์เกอร์ร่างเล็กเดินไปเที่ยวเล่นช้อปปิ้งไปเพลินเข้าออกร้านนั้นร้านนี้ ถุงเสื้อผ้าทั้งหมด 5 ถุงถูกถือออกมารอหน้าศูนย์การค้าเพื่อเรียกแท็กซี่กลับไปยังโรงแรมอยากนอนพักเต็มทีแล้ว

    .............................................

              อิม แจบอมเดินทางมาคุยงานกัลมิสเตอร์เจสัน ที่บริษัท JS Airline เรื่องการเปิดเส้นทางการบินใหม่แจบอมคิดที่จะเปิดเส้นทางการบินเพิ่มคือโตรอนโต ระหว่างนั้นที่คุยมิสเตอร์เจสันชวนเขาไปผับที่ดีที่สุดในแวนคูเวอร์

              “ผมอยากชวนคุณมารีแล็กซ์ที่ The Fountainhead Pub คุณสนใจหรือเปล่า”

              “น่าสนใจดีครับ มิสเตอร์เจ” อิม แจบอมตัดสินใจที่จะไป

              “เยี่ยม ถ้าอย่างนั้นเจอกันตอนสามทุ่มนะครับ” แจบอมลุกขึ้นยืนและทำการจับมือแล้วเดินออกไปจากห้องทำงานของมิสเตอร์เจ

              ร่างหนาเดินออกจากบริษัท JS Airline คนขับรถนำรถมารอรับตรงทางด้านหน้าเขาและเลขาเดินมาที่รถเพื่อตรงกลับโรงแรมทันที

              “บอสคะ...ตอนเย็นท่านจะทานจะอะไรหรือเปล่า ดิฉันจะได้จัดการทำให้” เลขาสาวถามเจ้านาย

              “ไม่ คุณไปพักผ่อนเลยก็ได้เจอกันพรุ่งนี้ครับ”

              ร่างหนาเดินเข้าไปในโรงแรมทันที ตอนนี้ร่างกายต้องการที่จะนอนพักแล้ว

              เวลาผ่านไปร่างหนาของอิม แจบอมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเป็นเวลาเกือบทุ่มครึ่งเขานอนเกือบ 5 ชั่วโมง ร่างแกร่งลุกขึ้นยืนเต็มความสุขปัดไล่ความง่วงของตัวเขาเองออกไปเพื่อไปหามิสเตอร์เจในคืนนี้

    แปะ แปะ

              เสียงปรบมือหน้าตู้ห้องแต่งตัวร่างหนามาพร้อมกับเชิ้ตสีดำผ้าเป็นมันและกางเกงยีนส์สีเข้มทรงผมจากที่เซตเป็นอย่างดีตอนนี้ปรกหน้า แจบอมเดินไปที่กระเป๋าเดินทางหยิบนาฬิกาแบรนด์หรูขึ้นมาสวม เมื่อเช็คความเรียบร้อยเสร็จเขาเดินลงมายังล็อบบี้เพื่อขอยืมรถจากทางโรงแรม ไม่นานนักพนักงานทางโรงแรมก็เดินนำพาเขามายังข้างหน้าโรงแรมพร้อมกับรถยี่ห้อที่เขาต้องการยืมจอดอยู่ตรงหน้า ร่างหนารับกุญแจจากพนักงานตรงไปที่ตัวรถ Acura NSX คันสีขาวแจบอมเข้าไปภายในรถนั้นกว้างขวางเขาวางมือถือไว้ตรงช่องสำหรับวางมือถือเปิดเส้นทางของการไปผับ The Fountainhead Pub เขาขับไปยังถนนเดวี่ ไม่นานนักก็เจอกับป้ายของร้านดังกล่าว อิม แจบอมขับรถเข้าไปจอดตรงด้านหน้าอาคารทางเข้ากับการ์ดที่ยืนอยู่ เขายื่นพาสปอร์ตให้การ์ดจากนั้นจะเดินเข้าไปด้านในก็เห็นคนของมิสเตอร์เจยืนรออยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ เขาและคนของมิสเตอร์เจเข้ามายังวีไอพีโซนก็เห็นมิสเตอร์เจนั่งอยู่

              แจบอมและมิสเตอร์เจคุยกันเรื่องทั่วไปไม่นานนักเครื่องดื่มก็นำมาเสิร์ฟ จนเวลาผ่านไปมิสเตอร์เจเริ่มกรึ่มแจบอมนั้นยังไม่เท่าไหร่เขาจึงขอตัวออกไปทางด้านนอกโซนบาร์ ร่างหนาเดินไปตามทางเดินเพื่อเข้าห้องน้ำระหว่างนั้นเองก็เจอร่างเล็กที่สติใกล้จะหายไปเต็มที รูปร่างผอมบางยืนผิงฝาผนังห้องน้ำ หอบหายใจถี่อาการผิดปกติ แจบอมคราแรกจะไม่สนใจแต่ทว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินคนนั้น ปาร์ค จินยอง

              “เฮ้ คุณ ตั้งสติ” แจบอมใช้ฝ่ามือตบที่แก้มนุ่มของหนุ่มหน้าหวานตรงหน้าเบาๆ ไม่แรงมาก

              “อือ...”

              แจบอมคิดหนัก...ถ้าจะทิ้งร่างเล็กไว้ตรงนี้คงกลายเป็นล่อเสือล่อตะเข้แน่ๆ มือหนาจึงช้อนเอวบางพยุงเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์เพื่อฝากร่างเล็กไว้ตรงนั้น แจบอมรีบเข้าไปในห้องวีไอพีเพื่อขอตัวกลับก่อน โชคดีที่มิสเตอร์เจไม่อะไรมากและให้เขากลับแต่โดยดี แจบอมรีบเดินออกมาจากโซนวีไอพีมายังเคาน์เตอร์บาร์เขาก้าวเท้ายาวเดินตรงมาหาร่างเล็กที่ฟุบอยู่บนหน้าเคาน์เตอร์ ร่างหนาพยุงคนตัวเล็กออกจากร้านด้วยความยากลำบาก จนกระทั่งมาถึงที่รถอิม แจบอมพยายามเอาคนที่ไม่มีสติเข้าไปนั่งในรถแต่คนตัวเล็กก็โวยวายอะไรก็ไม่รู้ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่จากนั้นจะไปประจำที่ฝั่งของคนขับ

              “นี่คุณ ที่พักของคุณอยู่ที่ไหน ปาร์ค จินยอง” เขากำลังพยายามเรียกสติของคนตรงหน้า

              “อือ...จำไม่...ได้”

              ร่างหนาจึงตัดสินใจเหยียบคันเร่งกลับโรงแรมของตัวเองทันที ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาทีแจบอมตบไฟเลี้ยวเข้าจอดยังลานจอดรถเขารีบพาคนตัวเล็กออกมาจากรถตอนนี้เสื้อผ้าหลุดลุ่ยเสื้อเชิ้ตสีขาวบางไหลลู่ลงมายังไหล่ แจบอมกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ สายตาพยายามไม่โฟกัสนัก

    ติ้ง

              เสียงประตูลิฟต์เปิดออก แจบอมแบกพยุงจินยองไว้ในอ้อมแขนฝ่ามือบางจับอยู่ตรงเอวเล็ก เสียงครางอื้ออึงของน้องกำลังทำให้จิตใจของตัวเองปั่นป่วนไม่น้อย

              “ฮือ ระ..ร้อน” แจบอมรวบฝ่ามือเล็กอีกข้างที่พยายามถอดเสื้อของตัวเองออก

              “สติหน่อย ปาร์ค จินยอง”

              กว่าจะถึงห้องพักแจบอมวางร่างเล็กไว้ที่โซฟา เสื้อขาวบางเลิ่กขึ้นจนเห็นผิขาวนวลด้านใน ร่างหนาเบือนหน้าไปทางอื่น เขาใช้มือจับชายเสื้อที่เลิ่กขึ้นมาปิดตามเดิมไม่งั้นมีหวัง เขาคงจะไม่ใช่พระอิฐพระปูนอีกต่อไป เมื่อจัดการคนไร้สติแจบอมจึงฮึบแรงสุดท้ายพาคนตัวเล็กไปนอนที่เตียง จินยองเหมือนรู้ว่าถึงเตียงร่างเล็กนอนหลับอย่างรวดเร็ว เขาได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอกันมือหนาเกลี่ยผมด้านหน้าของจินยอง ยิ่งเพ่งมองใบหน้าของจินยองนั้นเหมือนกับยุน เฮรา ภรรยาของเขาที่เสียไปเมื่อ 7 ปีก่อน

              “เหมือนกันเกินไปแล้วนะ ปาร์ค จินยอง” แจบอมนั้นมองคนตัวเล็กสายตาบ่งบอกว่าต้องการคนตรงหน้าแค่ไหน เหมือนคนตรงหน้าเป็นจิกซอว์บางอย่างที่หายไปจากเขาเป็นเวลาหลายปี แค่แวบแรกเขาก็ชอบ แม้จะมีส่วนเหมือนภรรยาเก่าแต่เขาไม่ได้เห็นเป็นตัวแทนใครเลย

              หวังว่าตื่นมาเขาคงไม่โวยวายที่พามานอนที่นี่...

              


     


     


     


     

                   แสงแดดในยามเช้าทำให้ร่างบางในผ้าห่มผืนหนาหนีแสงแดดด้วยการนอนซุกอกของใครบางคนที่ตนคิดว่าคือหมอนข้าง เหมือนความคิดหนึ่งวาบขึ้นมาในความทรงจำสุดท้ายก่อนเขาจะวูบคือหลังจากที่ดื่มแก้วมาร์ตินี่เข้าไปและทุกสิ่งทุกอย่างเขาก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย จินยองพยายามลืมตาที่หนักอึ้งเนื่องจากมีอาการแฮงค์อยู่มากโข สายตาหวานเริ่มปรับโฟกัสบางอย่างก็ต้องครางในลำคอเมื่อเห็นคนนอนข้างๆ ให้ตายเถอะ ไอ้จินยอง สายตาหวานไล่ไปตามแผงอกของคนนอนข้างๆ นี่เขาเมาจนถึงขั้นต้องหลับนอนกับคนอื่นเลยเหรอ จินยองเงยหน้าขึ้นมามองคู่นอนของตนเองร่างเล็กเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อคนที่นอนข้างๆ เขาตอนนี้คือเจ้านายของตัวเอง อิม แจบอม

    พลั่ก...

              จินยองสะดุ้งตัวจนพลาดตกเตียง ร่างเล็กร้องโอยขึ้นมาเบาๆ เนื่องจากเตียงที่สูงพอสมควรทำเอาหลังของตัวเองเกือบหัก จินยองชะโงกหน้ามองคนที่นอนบนเตียงตอนนี้ยังไม่ตื่นเขาสำรวจตัวเองตอนนี้คือร่างกายเปลือยเปล่าเสื้อผ้าที่สวมมาตกอยู่ที่พื้น ร่างเล็กรีบเก็บขึ้นมาแล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำให้เร็วที่สุด เมื่อคืนนี้เขากับ...โอ้ยยยย จินยองอยากทึ้งหัวตัวเองที่ไม่น่าดื่มเตกีล่าร์ทั้งที่ตัวเองนั้นคออ่อน จินยองรีบแต่งตัวออกมาก็เห็นว่าแจบอมนั้นตื่นเรียบร้อยแล้ว ร่างหนานั่งอยู่บนเตียงทรงผมที่ไม่ได้เซตดูยุ่งๆ ใบหน้าอ่อนกว่าอายุนั้นไร้สิวเสี้ยน

              “ได้กันแล้วก็จะทิ้งผมเหรอครับ น่าเสียใจจัง”

              “คะ...คือ ผมเปล่า...”

              “ฉันยังยืนยันคำพูดตอนที่อยู่บนเครื่องนะ ปาร์ค จินยอง” แจบอมเอ่ยเสียงนิ่งเขาต้องการคนตรงหน้าจริงๆ

              “ผมว่าผม...ไม่พร้อม” แจบอมหยัดยืนขึ้นเดินมาตรงหน้าของคนตัวเล็ก ร่างหนาทาบทับริมฝีปากริมฝีปากหนาดูดคลึงกลีบปากบางไม่อยากที่จะถอนออกเลยด้วยซ้ำ แจบอมค่อยถอนจูบออกจากริมฝีปากบางอย่างอ้อยอิ่ง รสสัมผัสที่หวาบหวามทำให้จินยองใจเต้นไม่เป็นระส่ำ ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์จนเกิดต้านทาน

              “ไม่พร้อมก็ต้องพร้อม”

              จินยองนิ่งอึ้ง...

              “ผะผมขอตัวกลับก่อนนะ” ปาร์ค จินยองผลีผลามรีบออกจากห้องไปให้เร็วที่สุดความสับสนกับรสจูบที่คนที่รู้จักเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ไวไฟไปแล้วนะ แต่ทว่าเมื่อเดินไปถึงประตูปรากฏว่ามันเปิดไม่ออก จินยองหันขวับไปมองร่างหนาข้างหลังก็เห็นเขายืนผิงผนังพร้อมชูคีย์การ์ดในมือ จินยองกัดริมฝีปากเล็กของตัวเองที่ไม่สามารถหนีได้

              “เตรียมตัวเถอะเดี๋ยวผมจะพาคุณไปทานข้าว” แจบอมยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจัดการทำธุระส่วนตัวของเขาเอง

              รถยนต์ Acura NSX ขับไปตามแผนที่จีพีเอสไปเรื่อยๆ ตามถนน เมื่อถึงร้านที่ว่าเป็นร้านเล็กๆ ใจกลางเมืองยิ่งไม่น่าเชื่อว่ามีคนต่อแถวกันเยอะพอสมควรแต่โชคดีที่เขาโทรจองไว้แล้วเลยไม่ต้องต่อแถวรอคิว รถยนต์คันหรูไปจอดบริเวณริมถนนเนื่องจากร้านไม่มีที่จอด เมื่อจอดรถเสร็จอิมแจบอมก็จูงมือบางของจินยองพาไปที่ร้านอาหารนั้นทันทีและไปแจ้งให้บริกรทราบ ก่อนจะมีบริกรอีกคนเดินไปส่งยังที่โต๊ะอาหารก่อนจะยื่นเมนูมาให้

              “Poutine 2 ที่ และไวน์แดง” อิมแจบอมสั่งให้คนตัวเล็กเสร็จสรรพ เพราะเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของแคนาดา ที่ประกอบไปด้วยเฟรนฟรายด์ เบค่อน ชีสและราดด้วยน้ำกีวี่ ร้านนี้ถือว่าอร่อยที่สุดในย่านนี้

              “เอ่อของผม มักกะโรนีอบชีสและ Classic Butter Tarts 1 จาน” จินยองเป็นคนที่เวลาทานของคาวเสร็จมักจะต่อด้วยของหวานทันที

              บริกรรับออเดอร์เสร็จก็เดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อแจ้งเมนูอาหารให้พ่อครัว ร่างเล็กมองออกไปข้างนอกร้านเมื่อมีผู้คนมาต่อแถวกันยาวเหยียดให้ตายเถอะ อยากลองชิมแล้วสิ ตอนนี้น้ำย่อยในท้องเขากำลังทำงานได้ดีเลยทีเดียว

    รอไม่นานอาหารที่สั่งมาทั้งหมดก็ถูกนำมาวางเสิร์ฟที่โต๊ะ จินยองเมื่อเห็นอาหารก็ตาลุกวาวด้วยการจัดจานที่ดูน่ากินแบบสุดๆ เมื่อเห็นดังนั้นร่างเล็กก็หยิบมิดกับส้อมขึ้นมาจิ้มเบค่อนทันที

              “อื้อออ อร่อยคุณ” จินยองเคี้ยวอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย ก่อนจะใช้ช้อนตักมักกะโรนีชีส ตาลุกวาวและตักมันชิมเข้าปากไปด้วยใบหน้าที่ฟิน

    อิมแจบอมเห็นท่าทางเหมือนเด็กน้อยเวลาที่ได้กินของอร่อย ร่างสูงยกยิ้มด้วยความเอ็นดูเหมือนมีลูกคนที่สองยังไงยังงั้น

    เมื่อทานเสร็จแจบอมก็เดินไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์และเดินออกไปที่รถแต่จินยองรีบเดินไปและเปิดกระเป๋าเงินเพื่อยื่นเงินดอลล่าห์ให้กับร่างสูงไป

              “เมียคนเดียวฉันเลี้ยงได้น่า” คำพูดของอิมแจบอม CEO IM GROUP ทำเอาจินยองอึ้งกิมกี่เหมือนโดนแช่แข็งกับคำว่าเมีย...

    ............................................................................

              ร่างเล็กของจินยองก็ถูกอิมแจบอมพาไปที่รถและขับไปที่แห่งหนึ่งเป็นที่ที่ธรรมชาติเหมาะสำหรับการพักพ่อนในยามบ่ายแก่ๆ แบบนี้รถยนต์คันหรูขับตามจีพีเอสไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึง สวนพฤกษศาสตร์แวนดูเซน (Vandusen) เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในเมืองแวนคูเวอร์ มีพื้นที่มากกว่า 137.5 ไร่และมีดอกไม้จากทั่วโลก เมื่อจอดรถเสร็จแจบอมก็พาจินยองเดินเข้าไปภายในสวนที่มีดอกไม้นานาพันธ์เต็มไปหมดคนตัวเล็กตรงหน้าดูตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็น แปลงดอกไม้ที่สวยงามจนละลานตาไปหมดทำให้ร่างเล็กหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายบรรยากาศรอบๆ สวนสาธารณะสวนมากจะเป็นครอบครัวและคู่รักที่มาเดทกัน อิมแจบอมที่นึกขึ้นได้ว่าตัวเขาเองมีกล้องฟิล์มที่อยู่ที่รถจึงขอตัวออกไปเอา

              “เดี๋ยวมานะ”

              “ไปไหน...” จินยองไม่ทันได้ยินร่างหนาก็วิ่งออกไปเรียบร้อย โชคดีที่อิมแจบอมจอดรถไม่ไกลจากที่นี่สักเท่าไหร่ เขาค้นกล้องในกระเป๋าสำหรับที่ใส่กล้องจากนั้นก็หยิบกล้องฟิล์มสีดำติดมือและวิ่งไปหาร่างเล็กที่รออยู่ที่สวนสาธารณะ

              ปาร์คจินยองที่กำลังเพลิดเพลินในการถ่ายรูปและชื่นชมดอกไม้อย่างเพลิดเพลินโดยไม่ได้มองว่ากำลังมีใครคนหนึ่งกำลังแอบถ่ายรูปตัวเองอยู่ คนตัวเล็กเหลียวซ้ายแลขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีคนจึงแอบเด็ดดอกไม้ติดมือขึ้นมาก่อนจะดมด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้กลิ่นมันทำให้เขารู้สึกหลั่งอะดรีนาลีนในร่างกายประจวบกับที่กำลังเงยหน้าขึ้นมาพอดี...

    แชะ

    เสียงกล้องถ่ายรูปทำเอาจินยองหน้าตื่นทันทีก่อนจะรีบเดินมาเพื่อแย่งกล้องจากมือร่างหนาที่ไม่ขอตัวเองถ่ายรูปดีๆ แถมกล้องนี่เป็นกล้องฟิล์มที่ต้องล้างถึงจะเห็นรูป

              “มันต้องน่าเกลียดมากๆ แน่เลยคุณอ้ะ” จินยองทำหน้าบูดทันที คนอายุมากกว่าได้แต่หัวเราะที่แกล้งคนตัวเล็ก

              “สวยสิ ฝีมือของอิมแจบอมซะอย่างเชื่อมือสิ” อิมแจบอมยักคิ้วให้กับจินยองที่ทำหน้างอน ก่อนจะเดินหนีไปดูดอกไม้ที่อื่นๆ จากนั้นก็เดินเที่ยวชมยังสวนแม็คโนเลียและโรโดเดรนตรอน ทุกการย่างก้าวของปาร์คจินยองถูกบันทึกลงในกล้องฟิล์มของอิมแจบอมทั้งหมด

              การเดินทางเที่ยวรอบๆ สวนพฤกษศาสตร์จนถึงช่วงเย็นพวกเขาทั้งสองก็ไปเดินไปยังร้าน Garden Shop ซึ่งเป็นร้านค้าที่เกี่ยวกับเครื่องประดับไลฟ์สไตล์ของฝากร้านของขวัญและหนังสือเกี่ยวกับการทำสวนสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการซื้อของฝากไปให้คนในครอบครัวและเพื่อนตามโอกาสต่างๆระหว่างที่เลือกดูสินค้าภายในร้านจินยองหยุดที่เครื่องประดับชิ้นหนึ่งเป็นสร้อยแขนจี้เป็นรูปดอกแม็กโนเลีย แต่เมื่อเห็นราคาร่างเล็กจึงวางมันลงด้วยความเสียดายก่อนจะหันไปเลือกหนังสือเกี่ยวกับการทำสวนแทนเพราะภายในคอนโดตรงระเบียงของห้องเขาคือสวนขนาดเล็กสำหรับอ่านหนังสือในวันหยุด

              จวบจนถึงช่วงเย็นหลังจากที่ซื้อของที่ระลึกเสร็จพวกเขาจึงตัดสินใจทานอาหารกันที่ร้าน Truffles Café ที่อยู่ข้างในสวน ที่บรรยากาศเห็นภายนอกของสวนทั้งหมดรวมถึงทิวทัศน์และบรรยากาศในตอนเย็น ระหว่างที่รออาหารแจบอมก็หยิบบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกงเขาแบมือออกตรงหน้าของจินยองมันคือสร้อยรูปดอกแม็กโนเลียที่เขาจ้องในตอนนั้น

              “คะ..คุณซื้อมาให้ผมเหรอ” ไม่มีคำตอบจากแจบอม มีเพียงรอยยิ้มที่ประดับลงบนใบหน้านั้น อิม แจบอมเอื้อมไปหยิบข้อมือของจินยองและสวมสร้อยแขนสวมให้ ข้อมือขาวและจี้ดอกแม็กโนเลียนั้นสวยเข้ากันจริงๆ

              “มันอยู่ที่แขนนาย สวยมากนะ” หัวใจของจินยองเต้นด้วยความหวั่นไหวทั้งสองคนจ้องตากันในท่ามกลางสวนดอกไม้ล้อมรอบ ไม่นานนักอาหารที่สั่งไปถูกนำมาเสิร์ฟโดยบริกรของร้านอาหารเย็นมากมายวางอยู่ตรงหน้า

              “ขอบคุณมากนะครับ สำหรับอาหารและสร้อยแขนเส้นนี้” จินยองเอ่ยด้วยความขอบคุณจริงๆ

              เมื่อทานข้าวเสร็จก็ถึงเวลาที่ต้องจากลากันในค่ำคืนนี้ แจบอมขับรถมาส่งจินยองที่โรงแรมก่อนจะโบกมือลาร่างเล็กทั้งที่ยังไม่อยากไปด้วยซ้ำ

              “ขึ้นไปทานน้ำที่ห้องก่อนดีไหมครับ” จินยองเอ่ยชวน

              ร่างสูงของแจบอมยกยิ้มอย่างปิดไม่มิดก่อนจะนำรถไปจอดไว้และเดินไปหาร่างเล็กที่รอตัวเองอยู่ที่หน้าล็อบบี้ ทั้งสองเดินขึ้นมายังลิฟต์จินยองนำคีย์การ์ดทาบที่ประตูเพื่อเปิดเข้าไปในห้อง ร่างเล็กเสียบคีย์การ์ดไว้ที่ประตูไฟที่มืดอยู่ค่อยๆ สว่างในห้องขึ้นมาจินยองเชิญคนตัวโตไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่ที่อยู่กลางห้อง

              “พาผมมาที่ห้องไม่กลัวผมทำอะไรคุณหรอ”

              “ไม่กลัวหรอกครับ” จินยองยิ้มบางๆ ความจริงอยากชวนเพียงเพราะขอบคุณเฉยๆ

              “ถ้าผมจะค้างที่นี่ แล้วพรุ่งนี้เช้าออกไปสนามบินพร้อมกันดีหรือเปล่า”

              “เอ่อ ไม่ดีมั้งครับ” จินยองรีบปฏิเสธทันที ทำให้เขาหัวเราะในลำคอด้วยความเอ็นดู

              “ถ้านายกังวลเรื่องนั้น ฉันก็บอกว่าเราคบกันดีมั๊ยละ” แจบอมยิ้มให้กับเขา เป็นยิ้มที่แล่ห์ที่สุดที่เขาเคพบเค“ไม่หรอกครับ ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น” เพราะถ้าถึงเกาหลีเมื่อไหร่ก็คงเป็นไปได้ยากที่จะเจอกับเขา จินยองคิดในใจก่อนจะยิ้มใสซื่อออกมา

              “งั้นผมขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะครับ” อิมแจบอมยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเป็นเวลาเกือบสามทุ่ม

              “เดี๋ยวผมเดินไปส่ง”

              จินยองเดินนำร่างสูงไปที่ประตูห้องพักก่อนจะโบกมือลา แต่ทว่าลำแขนหนากลับโอบกอดเอวบางและโน้มหน้าลงมาขโมยช่วงชิงริมฝีปากจนร่างเล็กอย่างเขาไม่ได้ตั้งตัว

              “อึก อื้อออ” มือบางทุบที่อกแกร่งระรัวแต่เหมือนว่าคนตรงหน้าจะไม่ยอมถอนริมฝีปากออกโดยง่าย จากที่ขัดขืนร่างเล็กกลับยอมและหยุดทุบคนตรงหน้าและเคลิบเคลิ้มกับจูบที่แจบอมมอบให้ เมื่อแจบอมพอใจเขาค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกช้าๆ ทำให้จินยองหอบหายใจอย่างแรงเพราะหายใจไม่ทัน ร่างสูงยิ้มมุมปากก่อนจะเดินจากไปด้วยรอยยิ้มปล่อยให้จินยองยืนที่หน้าประตูหน้าแดงซ่าน หัวใจของคนตัวเล็กวูบไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อันตรายเกินไปแล้วนะคุณแจบอม จินยองเอามือกุมหน้าอกที่รู้สึกว่าหัวใจจะเต้นออกมาข้างนอกแล้วเห็น

    อีกแล้วที่เขาถูกจูบอีกแล้ว!!!

     

     


     


     


     


     


     


     


     


     

    มาแล้วววว มีเพิ่มมาแล้วนำบางตอนมารวบเข้าด้วยกัน 

    รอนานเนอะช่วงนี้เค้าทำงานงะ เหนื่อยมาก 

    ยังไงก็รอกันหน่อยเน้ออออ ส่งหัวใจรัวๆ 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×