คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : IX_คุณเป็นน้องชายผมนะขอรับ 'ไวซาน'
ฤดูหนาว-หิมะที่โปรยปรายอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทำให้รอบกายเต็มไปด้วยภาพสีขาวโพลน ผู้คนเดินกันขวักไขว่ต่างใส่เสื้อกันหนาวหนาๆ หรือไม่ก็เลือกที่จะนอนอยู่บ้านเฉยๆ เพื่อป้องกันความหนาวเหน็บที่เย็นเฉียบถึงขั้วกระดูกในฤดูการนี้
แต่ก็มีผู้คนอยู่กลุ่มหนึ่งที่ไม่สะเทือนกับความหนาวนี้เลยซักนิด - เหล่าผู้คนที่จ้องอยู่เเต่หาเงินที่ได้รางวัลคูนสองสำหรับการทำภารกิจในฤดูการที่อยู่ลำบาก ก็ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยนั่งซุ่มรองานอยู่ในร้านเหล้าที่มอมเมากันโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาว เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่า นักล่าค่าหัว นักผจญภัย เเล้วก็พวกรับจ้างสารพัด [คุณกินอยู่ปะ] เป็นสถานที่เดียวในเมืองเเห่งความหนาวเหน็บนี้ที่คึกคักตลอดเวลา
"เฮ้อ...." ชายคนหนึ่งถอนหายใจขึ้นมาหน้าร้านที่ว่านั้น ควันขาวๆลอยคลุ้งจากไอความร้อนในปาก มือเรียวคว้าผลักประตูออกเพื่อเปิดทางให้ตนเข้าไป เสียงเฮฮาดังลอดออกมา พร้อมความอบอุ่นจากเตาผิงในร้านเล็กๆ ชายผู้นั้นเปิดฮู้ดคลุมออก ผมสีขาวโพลนสีเดียวกับหิมะกับดวงตาสีชมพูเข้มอันโดดเด่นที่ไม่มีใครเหมือน และใบหน้าได้รูปนั้นทำให้หลายๆคนต้องหยุดดื่มเเละหันมามอง
"โฮ่... ดูสิใครมา คุณนักถลุงเงินเวซาน นั่นเอง"มาสเตอร์ในร้านเหล้าเอ่ยด้วยนํ้าเสียงเป็นมิตร กับชายผมขาวที่เดินดุ่มๆเข้ามา
"ไม่ได้เจอกันนานนะขอรับมาสเตอร์" ชายผมขาวเอ่ยทักบ้าง ลูกค้าท่านอื่นๆที่อยู่ในร้านก็ต่างเอ่ยทักชายที่ชื่อ 'เวซาน' เหมือนรู้จักกันดี
"นายหายเงียบไปไหนมาตั้งนาน เดี๋ยวชื่อนักถลุงเงินอันดับหนึ่งก็หมองหมดหรอก" มาสเตอร์กระซิบบอกเวซานหลังจากที่เขามานั่งลงหน้าเค้าเตอร์
"ก็... ต้องฝึกเด็กเรียนภาษานิดหน่อยน่ะขอรับ" ชายผมขาวขยิบตาให้ เเต่กลับสร้างความสงสัยให้มาสเตอร์หนักกว่าเดิม
"แล้ว... ช่วงนี้มีข่าวอะไรน่าสนใจบ้างหรือขอรับ" เวซานเปลี่ยนเรื่องคุยกับมาสเตอร์
"ก็มีที่ติดท็อปอยู่เรื่องเดียวนั่นเเหละ เจ้าผีดิบที่ลอบฆ่าราชาเเห่งอาณาจักรอย่างไงล่ะ" มาสเตอร์ทำท่ากระซิบกระซาบ เเสดงนํ้าเสียงน่ากลัวบวกน่าตื่นเต้น พยายามให้ใบหน้ายิ้มตลอดเวลาของเวซานเปลี่ยนไปบ้าง เเต่เขาก็ไม่เคยทำสำเร็จ รวมทั้งครั้งนี้ด้วยเช้นกัน
"นั่นมันข่าวตั้งสี่เดือนเเล้วไม่ใช่หรือขอรับ ยังไม่เลิกตามล่ากันอีกหรือไง อีกอย่างผู้ที่ลอบปลงพระชนราชาของเอริคาซีก็ไม่ใช่ 'ผีดิบ' เพียงคนเดียวซักหน่อย" เวซานพูดพลางนึกขำเมื่อพูดพึงฉายาของนักฆ่าที่ถูกเรียกว่า ผีดิบ
"ก็เจ้า 'ผีดิบ' นี่ล่ะตัวดี!! ที่ผ่านมาเจ้านั่นฆ่าใครต่อใครไปตั้งเท่าไร ล่าเหยื่อตอนกลางคืน กว่าสิบๆรายๆเชียวนะ!!!"
"คิกๆๆๆ ใครจะล่าเหยื่อได้ตั้งสิบคนในคืนเดียวล่ะขอรับ บางที... อาจจะเป็นผีดิบคนละตัวกันก็ได้...." เวซานหัวเราะน้อยๆ พลางหรี่ตาลงอย่างคนอวดฉลาด
"อืม... จะว่าไปก็จริง" มาสเตอร์เกาคางครุ่นคิด สลับกับการมองยอดฝีมือนามเวซานที่นั่งดื่มชาอยู่ตรงหน้า ชายผู้นี้ถึงกับได้ชื่อว่านักถลุงเงิน แสดงว่าต้องรู้อะไรมาเเน่ๆ
"แล้ว.... กระต่ายขาวล่ะขอรับ ก่อนจะมีผีดิบออกมา เขาออกจะดังนะขอรับ" เวซานเอ่ยถาม
"เจ้ากระต่ายเเห่งการเวลานั่นน่ะเรอะ ก็มีข่าวว่าเจ้านั่นสมรู้ร่วมคิดลอบปลงพระชนกับผีดิบอยู่เหมือนกัน แต่เจ้าเเก่นั่นน่ะ …. หึ!! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ว่าไปแล้วก็นึกขำ อุสส่าสร้างเกียรติศัพมาตั้งนาน เเต่พอมีผีดิบออกมา ค่าหัวเจ้านั่นก็โดนเเซงภายในคืนเดียวเลย!! อุวะฮะฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ" มาสเตอร์หัวเราะอย่างสะใจ เหมือนเป็นเดือดเป็นเเค้นกับเจ้ากระต่ายเเห่งกาลเวลามานมนาน
"..."
เวซานฟังเสียงหัวเราะของมาสเตอร์ด้วยสายตายิ้มเเย้ม แต่ถ้ามองดูดีๆน่าจะเป็นยิ้มปลอมๆมากกว่า
"งั้น กระผมลาเเล้วล่ะขอรับ ขอบคุณสำหรับข่าวสาร"เวซานลุกจากโต๊ะ
"เเล้วเจอกัน ฉันหวังว่านายจะเป็นคนที่ได้หัวผีดิบกลับมาฝากฉันนะ"มาสเตอร์โบกมือลา
เวซานเองก็โบกมือลาเช่นกัน แล้วเดินออกจากร้านไป โดยผ่านกับเด็กหนุ่มนักผจญภัยคนหนึ่งที่มองมาทางเขาด้วยสายตาสงสัย
"นั่นใครเหรอลุง"เด็กหนุ่มถามมาสเตอร์ที่พอรู้เรื่อง
"เอ๊ะ!! ไอ้เด็กนี่ มาเรียกว่าลุงได้ยังไง ข้ายังไม่เเก่โว้ย"มาสเตอร์โวยวายเมื่อเจอกับเด็กไม่รู้กาละเทศะ
"เเล้วเขาเป็นใครล่ะลุง" เด็กหนุ่มถามต่อไม่สนใจจะเปลี่ยนคำเรียกเลยเเม้เเต่น้อย
"แกนี่มันกวนบาทาจริงๆเลยเจ้าหนู ข้าจะบอกให้ เจ้านั่นชื่อ เวซาน เป็นยอดฝีมือที่ล่าหัวพวกที่ค่าหัวแพงมหาแพง แล้วก็พวกที่เก่งมหาโหดมาหลายต่อหลายหัวเเล้ว เพราะหมอนั่นจะเลือกแต่พวกที่ค่าหัวเเพงๆ ถึงได้ฉายาว่านักถลุงเงินไง อีกไม่นานเจ้านั่นคงเเบกหัวเจ้าผีดิบมาให้ฉันเเล้วเเหละ เฮอะ!!" มาสเตอร์เค้นเสียงหัวเราะในลำคอ พลางมองประตูบานที่ชายคนนั้นพึ่งเปิดออกไป
"งั้นเขาก็เป็นคู่เเข่งของข้าน่ะสิ"เด็กหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่มาสเตอร์กลับมองตอบด้วยสีหน้าดูถูกดูแคลน
"ข้าก็เป็นนักล่าค่าหัวน่ะลุง ไอ้เจ้าผีดิบอะไรนั่นน่ะ เป็นเหยื่อของข้าต่างหาก!!!" เด็กหนุ่มยืดอกเชิดหน้าละออ่นของตัวเองโดยไม่สนใจสายตาดูถูกของมาสเตอร์ที่จ้องมาตรงๆอย่างไม่ปิดบัง
ตัดไปที่เวซานที่เดินดุ่มๆกลับที่พักของตนเองเเละหวังให้เมื่อกลับไปตนเองจะได้อยู่ไกล้ๆเตาผิงอุ่นๆคลายหนาวที่เเช่เเข็งเท้าเขาเอาไว้บ้าง
หิมะสีขาวมีรอยเท้าติดเป็นหลุมๆ รอบกายเขามีคนอยู่เเค่ประปราย เนื่องเจ้าฤดูหนาวเจ้ากรรมของช่วงนี้
ระหว่างที่เวซานกำลังมองไปรอบๆกายที่ขาวโพลนเพื่อหาทางกลับที่พักของตนในทัศนวิสัยสีขาวอันยํ่าเเย่ก็ได้ไปสะดุดกับ ป้ายประกาศใบหนึ่งที่เเปะอยู่กับผนัง เวซานดึงมันออกมาดูไกล้ เป็นรูปชายอายุประมาณหกสิบกว่าๆ ไว้หนวดเครารุงรัง ดวงตาสีเเดงเหมือนเลือด ผิวซีดเเห้งกร้านเเละใบหน้าซูบผอม ใต้ใบประกาศมีตัวหนังสือตัวใหญ่ๆเเปะไว้ว่า 'ผีดิบ' พร้อมใต้ชื่อเป็นเงินรางวัลที่มีเลขศูนย์ต่อท้ายเลขหน้าเรียงเป็นเเถว เวซานกระตุกยิ้มขึ้นมา เขาเก็บใบประกาศไว้ในอกเสื้อ เเล้วเดินต่อไป แต่ระหว่างทางก็ต้องเจอกับใบประกาศที่ติดชื่อ 'ผีดิบ' เรียงเป็นขบวน เวซานเก็บเเต่ละใบมาดูไกล้ๆอีกครั้ง จริงอยู่ที่ชื่อเเละเงินรางวัลเป็นอันเดียวกัน เเต่รูปถ่ายของเจ้าของชื่อ 'ผีดิบ' นี่สิ เเทบจะไม่ใช่คนๆเดียวกันเลย คราวนี้เวซานถึงกับหลุดหัวเราะออกมาคนเดียว เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะว่าเขาเป็นคนที่รู้จัก 'ผีดิบ' ตัวจริง ดีที่สุดยังไงล่ะ
เวซานเก็บใบประกาศที่มีอยู่มากมายไปตามทาง ไม่นานก็ถึงที่พักที่ตนเองตามหา ในใจพลันนึกถึง เตาผิงกับผ้าห่มอุ่นๆที่อยู่ภายใน แต่เวซานก็ต้องผิดหวังเมื่อเปิดประตูเข้ามา...
ไอเย็นเยือกเหมือนอยู่ในภายุหิมะขั้วโลกไล่ลุกลามเเทรกผ่านบานประตูมาถึงมือของผู้ที่อยู่หลังบานประตู เวซานปิดประตูกระเเทกดังปังทันทีเมื่อรู้สึกถึงความหนาวที่กำลังแช่แข็งเขา จากห้องที่กำลังเข้าไป
ไอ้เด็กบ้านั่นเล่นอะไรอีกฟะ....
เวซานคิ้วกระตุกงักๆอยู่หน้าประตูไม่กล้าเข้าไป
"มีอะไรรึเปล่าคะ" เสียงกระเเทกประตูเมื่อกี้ทำให้สาวใช้ที่คอยดูเเลห้องพักเดินมาดูด้วยความสงสัย
"อะ ... อ้อ... เปล่าขอรับ กระผมสบายดีขอรับ" เวซานยิ้มให้พลางหัวเราะเเห้งๆ ด้วยหน้าดูไม่จืด สาวใช้ยิ้มเเละมองเวซานด้วยความสงสัยเพราะไม่เห็นเจ้าตัวเอข้าห้องไปรับ ไออุ่น ข้างในห้องวีไอพีที่เธอจัดให้ซักที สายตาของสาวใช้ทำให้เวซานต้องยิ้มเเห้งๆก่อนจะสูดหายใจเฮือกอย่างเตรียมใจเเล้วเปิดประตูดันตัวผลุบเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วไม่ให้สาวใช้ได้สัมผัสเเม้เเต่เศษเสี้ยวความผิดปกติจากห้องพักของเธอ
เมื่อเวซานมุดเข้ามาได้ ก็กวาดตามองหาตัวปัญหาในห้องทันทีก่อนที่ตัวเขาเองจะเเข็งตาย
เเล้วก็ไปจ๊ะเอ๋กับสิ่งมีชีวิตที่นอนอยู่บนโซฟาโดยไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของอุณหภูมิในห้องนี้เลยเเม้เเต่น้อย
"สมฉายาผีดิบซะจริง..."เวซานพึมพำออกมา มองบุคคลที่นอนอยู่บนโซฟาพลางนึกอยากจะเผาเจ้าตัวนี้ให้วอดวายเป็นผุยผง
เเต่ชายหนุ่มตัดใจจากตัวปัญหาที่นอนอยู่บนโซฟาเพราะความหนาวที่เกินบรรยายอย่างไม่น่าเป็นไปได้ ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าสาเหตุที่ทำให้ห้องที่เขาอุสส่าจ่ายค่าที่พักสุดเเพงนี้กลายมาเป็นโรงเย็นมหาโหดได้ต้องเป็นเพราะเจ้าเด็กหนุ่มตัวดีที่นอนอยู่บนโซฟาเป็นเเน่เเท้ เวซานหันซ้ายเเลขวาหาเตาผิงเเล้วก็จุดไฟแบบว่องไวเพราะไม่อยากเเข็งตายส่วนเจ้าตัวปัญหาที่นอนอยู่บนโซฟานั่นค่อยว่ากันทีหลัง
ไฟจากเตาผิงลุกพรึ่บท่ามกลางอากาศหนาวอันเเปลกประหลาดของห้อง ไออุ่นของมันชวนให้เวซานเอามือไปอิงอย่างอดไม่ได้ เมื่อได้รับไออุ่นชายหนุ่มก็หันไปจุดตะเกียงตรงนู้นตรงนี้ในห้องให้ทั่ว เพื่อเพิ่มอุณหถูมิให้อุ่นขึ้น เเล้วค่อยไปสะกิดเจ้าเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนโซฟาให้ตื่น
เด็กหนุ่มปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากโดนรบกวนการนอนอันน่าพิศมัย ดวงตาสีทับทิมปรับภาพไปที่ผู้ที่ปลุกตน
"อืม... ยังไม่มืดเลยนะ" เด็กหนุ่มบนโซฟาเอ่ยเสียงงัวเงียพลางเอามือลูบหน้าทำท่าจะนอนต่อ
"คนทั่วไปเขาเรียกว่ายังไม่เช้าต่างหากล่ะขอรับ" เวซานเอ่ยเสียงเรียบเเต่ชวนสยอง ทำให้เด็กหนุ่มที่นอนสบายๆอยู่ต้องสะดุ้งดมื่อรู้สึกถึงนํ้าเสียงที่กรองผ่านเเก้วหู "เอาล่ะ พอจะบอกกระผมได้ไหมขอรับ ว่าทำไมห้องนี้มันถึงกลายเป็นขั้วโลกเหนือเช่นนนี้"
"..."
เด็กหนุ่มลุกขึ้นมามองสภาพห้องที่เขาอาศัย ชายหัวขาวยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสายตาจิกกัด รอบๆห้องมีเเสงเทียนเเสไฟติดเต็มไปทั่ว เเถมเตาผิงไฟก็ลุกฮือกว่าเเต่ก่อนอีกต่างหาก
"ทำไมมันร้อนจัง..."เด็กหนุ่มพูดขึ้น เเต่ไม่ตรงกับสิ่งที่เวซานถามซักนิด
"ถ้าร้อนนักก็ออกไปนอนข้างนอกสิไป๊…." เวซานเท้าเอวมองไปที่เด็กหนุ่ม
"เอ่อ... แหะๆ ขอโทษที ผมฝันว่านอนอยู่ในทะเลทราย มันร้อนมากก็เลยร่ายเวทย์เเช่เเข็งอ่ะ" เด็กชายหยิบหมอนขึ้นมาเเล้วมองเวซานด้วยสายตาเว้าวอนแกมสำนึกผิด
"เฮ้อ... กระผมบอกเเล้วยังไงล่ะขอรับว่าให้ควบคุมเวทย์ของตัวเองให้ดีน่ะ" เวซานเอ่ยเตือน ตลอดสี่เดือนเศษๆที่ผ่านมานี้เขารับหน้าที่ดูเเลเด็กต่างมิติคนหนึ่งทั้งสอนภาษาทั้งสอนเวทย์มนต์ให้ เเต่ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กนี่จะเก่งเกินมนุษย์มนาขนาดที่นอนละเมอก็เเทบจะฆ่าคนสอนเวทย์ตนเองไปแล้ว
"จะพยายามเเล้วกัน" เด็กหนุ่มพูดอย่างเนือยๆ เมื่อเห็นเจ้ากระต่ายไม่เอาเรื่อง ก่อนจะกลับไปฟุบตัวลงกับโซฟาเเล้วนอนต่อ
" อ้อ จริงสิข้างนอกนั่นติดป้ายประกาศจับคุณไว้เต็มไปหมดเลยนะขอรับ เเถมค่าหัวยังเเพงกว่าของผมซะอีก" เวซานละจากเตาผิง เเล้วหยิบใบประกาศจับที่เก็บมาได้ระหว่างทางให้เด็กหนุ่มดู เด็กหนุ่มที่กำลังตัดใจนอนดูท่าจะสนใจอยู่ไม่น้อย เลยหยิบใบประกาศเป็นสิบๆใบที่เวซานเอามาให้ดูไปไล่ดูทีละใบ เเต่เเล้วเด็กหนุ่มก็ต้องแปลกใจ
"ทำไมเเต่ละใบหน้าไม่เหมือนกันเลยล่ะ" เด็กหนุ่มดูใบประกาศจับตัวเอง เเต่ยิ่งดูก็ยิ่งเครียดเพราะไม่มีใบหน้าตัวเองแปะอยู่เลย เเต่ละใบเป็นหน้าของคนอื่นที่ไม่มีความคล้ายคลึงกับเจ้าของฉายาผีดิบตัวจริงอย่างเขาเลยเเม้เเต่น้อย
"คงจะมีโจรกระจอกหลายคนที่เเอบอ้างชื่อคุณไปปล้นฆ่าชาวบ้านเขาล่ะมั้งครับ คุณก็เลยกลายเป็นนักฆ่าพันหน้าร้อยชีวิตที่ไม่มีใครฆ่าสำเร็จไปแล้วล่ะขอรับ เเถม.. ค่าหัวก็สูงจนติดอันดับโลกเลยล่ะมั้ง"
"อะไรกันฟะ ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลอบสังหารราชาองค์ก่อนเลยซักนิด ใส่ร้ายป้ายสีกันชัดๆ" เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยนํ้าเสียงไม่พอใจ
" จะยังไงก็เถอะ คุณคงไม่ลืมเรื่องที่คุณต้องไปหาหมอกับผมข้างนอกนะขอรับ แล้วก็ควรจะปกปิดสีตาของคุณหน่อยนะขอรับ ถึงป้ายประกาศจับจะไม่เหมือน เเต่ดวงตาสีเเดงเป็นอย่างเดียวที่บ่งบอกถึงฆาตกรที่ชื่อผีดิบ"
"เฮ้อ...ถ้ามันยุ่งยากขนาดนั้นก็กลับบ้านกระต่ายกันเถอะ ผมง่วงจะเเย่อยู่เเล้วน้า " เด็กหนุ่มโยนใบประกาศทิ้งอย่างไม่สนใจใยดีเเล้วเอนตัวลงกับโซฟานุ่มๆ
"คุณจะทำตัวเป็นมนุษย์กลางคืนตลอดไปไม่ได้หรอกนะขอรับ ผมจะหาทางรักษาไอ้โรคประหลาดๆของคุณ แล้วคุณก็ควรจะออกข้างนอกบ้าง เเล้วก็เรื่องน้องสาวของคุณด้วย คุณเมทริซอยู่ที่โลกนี้นะขอรับ คุณควรจะออกตามหาเธอ!!" เวซานเอ่ยเสียงหนักแน่นเหมือนเป็นห่วงเด็กหญิงที่ชื่อเมทริซมากกว่าพี่ชายเเท้ๆของเธอซะอีก
"อืม... เมทริซ ไม่เป็นไรหรอกน่า เธอได้อยู่บนโลกสนุกๆอย่างนี้ก็ดีเเล้ว เเถมอาจจะอยู่กับพ่อของเธอก็ได้ "
"เเต่เธออาจกำลังตามหาคุณอยู่ก็ได้นะขอรับ!!!" เวซานเอ่ยเสียงหนักเเน่น นั่นทำให้เด็กหนุ่มต้องกลอกตาเเละถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ในใจพลางนึกถึงน้องสาวที่บังเอิญเจอในที่ๆไม่สมควรจะได้เจอ
เมทริซเหรอ... ทำไมจะไม่เป็นห่วงล่ะ ผมเป็นห่วงเเทบบ้าเลยต่างหาก อยากเจออยากคุยด้วยกันซักครั้งถึงเรื่องที่ปิดบังมาตลอด
เเต่...
ผมกลัว... กลัวในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน กลัวในสิ่งที่คนในครอบครัวปิดบังผมคนเดียวมาตลอด กลัวว่าคำตอบนั้นจะทำให้ผมต้องห่างไกลพวกเขา
ผมกลัวเหตุผลนั้น
กลัว... ว่าทำไมผมจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น...
"เอริค..." เสียงของเวซานที่เรียกชื่อจริงของตนทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้ง เมื่อเขาเงียบไปนาน นั่นเเสดงว่าเด็กหนุ่มเริ่มคิดฟุ้งซ่าน
"เอ่อ... เเค่เปลี่ยนสีตา เเล้วก็ไปหาหมอใช่ไหม ?"เอริควนกลับเข้าเรื่องเดิม
"ก็เท่านั้นเเหละขอรับ" เวซานถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เด็กหนุ่มยอมไปซะที
"เเล้วฉันจะเปลี่ยนสีตายังไงล่ะ ไม่เอาตาบอดนะ เพราะผมเข็ดกับการเป็นใบ้แล้วล่ะ..."
"ไม่ต้องห่วงหรอกขอรับ... กระผมมีวิธีดีๆอยู่" เจ้ากระต่ายยิ้มเจ้าเล่ห์
20 นาทีผ่านไป... ไวเพราะเป็นนิยาย
"นี่อะไรเนี่ย... ศัลยกรรมฉบับยี่สิบนาทีเสร็จเหรอ" เอริคเอ่ยลอยๆกับเวซานหลังจากโดนร่ายเวทย์เเปลกๆเข้าให้
ดูเหมือยเวทย์ที่ว่าจะไม่ได้เปลี่ยนเเค่สีตาเพียงอย่างเดียว เเต่เปลี่ยนทั้งสีผมที่เปลี่ยนเป็นสีขาวโพลนจากสีดำสนิท เเล้วก็โครงหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เด็กหนุ่มยื่นหน้าเข้าไปไกล้กระจกเเล้วเพ่งมองดวงตาของตนเองที่เเต่ก่อนเคยเป็นสีเเดงทับทิม เเต่ตอนนี้กลายเป็นมรกตสีเขียวอมนํ้าเงินที่ชวนสะดุดตา
"ต่อจากนี้คุณคือ 'ไวซาน' เป็นน้องชายของผม 'เวซาน' - คุณอายุยี่สิบเอ็ด ส่วนผมยี่สิบสาม คุณมักเรียกผมว่า 'เวซ' คุณเป็นนักล่าค่าหัวฝึกหัดที่มาเรียนรู้กับพี่ชายของคุณ และคุณต้องการหางานทำที่ 'เอริคาซี' พอเข้าใจนะขอรับ "
"นายหมายถึง จะให้เปลี่ยนเป็นชื่อปลอม ตัวปลอมหมดเลยเหรอ" เอริคละจากกระจกเเล้วมองไปที่ตัวต้นคิด
"ขอรับ ถึงเมืองรอบข้างจะไม่มีหน้าจริงของคุณอยู่ เเต่ถ้าเข้าไกล้เมืองหลวงของเอริคาซีล่ะก็ หน้าของคุณจะหราอยู่รอบถนนเลยล่ะขอรับ กระผมไม่คิดว่าคุณที่เป็นถึง'ผู้สมรู้ร่วมคิด' ลอบสังหารองค์ราชาจะไม่มีประกาศจับอยู่เลยหรอกขอรับ "
"เเล้วทำไมต้องเข้าไกล้เมืองหลวงด้วยเล่า ฉันยังหลอนถึงเจ้าเฮลเลสนั่นไม่หายเลยนะ บรื๋อ~ "เอริคทำหน้าขยะเเขยงยามเมื่อตนถูกมังกรกับอัศวินโฉดไล่ล่า
"ผมรู้จักหมอมีฝีมืออยู่คนนึง แต่เขาอาศัยอยู่ในเมืองหลวงซะได้ ถ้าไม่ปลอมตัวให้ดีมีหวังคุณโดนเชือดตั้งเเต่หน้าประตูเเล้วล่ะขอรับ"
"เข้าใจเเล้วๆ งั้นก็รีบๆไปกัน ลงเวทย์วาบทีเดียวไปถึงกันเลยเถอะ จะได้รีบไปรีบกลับ" เอริค... เอ้ย! ไวซาน พยักหน้าหงึกๆ อย่างเข้าอกเข้าใจ ก่อนจะละตัวออกจากกระจกไปเก็บข้าวของ
"ใช้เวทย์คงจะไม่ดีเท่าไรนะขอรับ เพราะเมืองหลวงก็ใช่ว่าจะอยู่ไกล้ๆซะด้วย เราหารถม้าไปดีกว่าขอรับ ไกล้ๆค่อยหาทางวาบเข้าไป"
"เอ่อๆ ผมยังไงก็ได้ทั้งงั้นเเหละ รถม้าคงจะมีที่นอนใช่ไหม"
"นี่ห่วงเรื่องที่นอนหรอกเหรอ..."
สองพี่น้อง ไวซานเเละเวซานเก็บข้าของออกจากห้องพักอุ่นๆเป็นที่เรียบร้อยพร้อมเผชิญลมหนาวภายนอก ผ้าคลุมขนสัตว์หนานุ่มขยับตามการเดินเท้าของทั้งสองคนหิมะสีขาวที่ปกคลุมรอบทิศตกลงมาดูรวมเป็นสีเดียวกันกับผ้าคลุมสีขาวของไวซานที่เดินตามหลังพี่ชายปลอมๆ ไวซานจ้องมองคนที่อยู่ข้างหน้าอย่างเหม่อลอยคล้ายๆว่าจะหลับในเสียด้วยซํ้า
"เป็นอะไรรึเปล่าขอรับ" เมื่อเห็นชายที่เดินตามหลังผ่อนฝีเท้าลง เวซานก็เป็นห่วงว่าเด็กเจ้ากรรมที่ง่วงหงาวหาวนอนนี่จะล้มฝุบไปบนหิมะรึเปล่า
"เปล่า... ผมเเค่ชินกับนายตอนเป็นกระต่ายมากกว่า..." เด็กหนุ่มเอ่ยเรื่องที่ขัดตาขัดใจตนเองออกมา
" ตอนนี้คุณคือ 'ไวซาน' นะขอรับ ส่วนกระผมคือ 'เวซาน' จะเเสดงก็ให้มันเนียนๆหน่อยสิขอรับ เดี๋ยวเรื่องที่ผมเป็นกระต่ายแห่งกาลเวลาก็แตกหมดหรอก" เวซานหันมาเตือนด้วยนํ้าเสียงจริงจัง เมื่อเด็กหนุ่มไม่ยอมเล่นละครตามที่เขากำกับไว้ให้
"คร้าบๆ เข้าใจเเล้วคร้าบพี่เวซ~" ไวซานพูดเสียงออ่ยเหมือนไม่มีเเรง ยังไงก็ยังรู้สึกไม่ดีที่อยู่ๆจะมีพี่ปลอมๆโผล่มาตั้งคน
"โห.... นั่นน้องของท่านเหรอนักถลุงเงิน" เด็กชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ทำให้พี่น้องปลอมๆที่พึ่งเตี๊ยมบทบาทต้องสะดุ้ง
เจ้าเด็กนี่ได้ยินที่พูดเมื่อกี้รึเปล่า?
ไวซานส่งสายตาเป็นคำถามไปให้พี่ชาย ซึ่งพี่ชายกำมะลอของเขาก็ส่งสายตาเดียวกันมาให้
ไม่รู้เหมือนกันขอรับ เเต่กระผมคงไม่ประมาทถึงจนาดปล่อยให้ใครได้ยินการสนทนาที่จะสาวไปถึงกระต่ายเเห่งการเวลาหรอก
"นี่ๆ ทั้งสองคนเป็นอะไร ทำไมมองหน้ากันเลิกลั่กอย่างงั้นล่ะ "เด็หนุ่มปริศนาเอ่ยด้วยนํ้าเสียงออ้นเเอ้น
"ก็เเหม ... อยู่ๆ คุณก็โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงจะให้พวกเราไม่ตกใจได้อย่างไรล่ะขอรับ" เวซานเอ่ยขึ้นมาก่อนเพื่อไม่ให้เด็กหนุ่มข้างหน้าสงสัย "ว่าเเต่ว่าคุณมีอะไรรึขอรับ ถึงได้เรียกพวกเราน่ะ" เวซานยังพูดด้วยนํ้าเสียงสุภาพเช่นเคยเเต่ในใจจริงอยากจะหั่นคอเจ้าเด็กน้อยที่เเอบฟังผู้ใหญ่พูดกันให้ขาดเป็นท่อนๆไปเลย
หึ!! ถ้าความลับของกระต่ายเเห่งกาลเวลาจะถูกเปิดเผยล่ะก็ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้หญิงท้องเเก่กระผมจะฆ่าให้หมดเลยขอรับ!!
" ข้ามีนามว่า ไทปัส เฟรดเดอร์ เป็นนักล่าค่าหัว ข้าได้ยินว่าท่านต้องการจะล่าหัวเจ้าผีดิบก็เลยอยากจะขอช่วยท่าน ล่าหัวของเจ้าปีศาจร้ายตัวนี้กัน!!" เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงหนักเเน่เเลดูเป็นเด็กที่มุ่งมันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
"ขอโทษนะเราไม่ได้อยากจะล่าหัวผีดิบหรอก" คนที่เอ่ยขึ้นคือไวซาน ก็นะ คงไม่มีใครอยากจะล่าหัวตัวเองหรอก
"อะไรกันเล่าไวซาน จะให้เด็กน้อยผู้นี้ไปล่าสัตว์ที่อันตรายเช่นนั้นได้อย่างไรล่ะขอรับ เอาเป็นว่ากระผมตกลงจะไปล่าหัวผีดิบกับคุณก็เเล้วกันนะขอรับ ไทปัส..." เวซานเอ่ยขึ้นนั่นทำให้ไวซานต้องหันมามองเขาด้วยสีหน้าสงสัย เขาไม่ได้มีความสามารถอ่านใจคนจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าตัวคิดอะไรอยู่
ใช่เเล้วไวซานไม่รู้ว่าเวซานตอนนี้ กำลังคิดอยู่คำเดียวคือ....
ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า... ไม่ว่าไอ้เด็กน้อยนี่จะได้ยินรึไม่เเต่ต้องฆ่าปิดปากมันให้ได้!!!!!
เช่นเดียวกันเวซานก็ไม่อาจรู้ความคิดของเด็กน้อยนักล่าคนนี้...
ปล้น ปล้น ปล้น ปล้น ปล้น ปล้น ปล้น ปล้น ปล้น ปล้น ปล้น ปล้น ปล้น .... พอเจ้าเเก่สองตัวนี่ฆ่าเจ้าผีดิบได้เเล้วล่ะก็ข้าจะจิ๊กเงินรางวัลทั้งหมดมาเป็นของข้า!!!
ส่วนไวซานเองก็ได้เเต่ยืนมองทั้งสองคนยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกร้อนๆหนาวๆ
ทำไมรู้สึกเหมือนสองคนนี้ไม่ถูกกันเเปลกๆเเฮะ....
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น