ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The White Rabbit

    ลำดับตอนที่ #22 : XXI_กลับมาได้เเล้ว ท่านเป็นราชา ไม่ใช่พลทหาร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 236
      4
      6 พ.ย. 58

    THE WHITE RABBIT
    XXI
    กลับมาได้เเล้ว ท่านเป็นราชา ไม่ใช่พลทหาร







              เเสงสลัวๆบ่งบอกเวลาใกล้คํ่า สาวใช้กลุ่มหนึ่งเดินมาจุดไฟตามทางเดินเพื่อให้เเสงสว่าง เมื่อพวกเธอเห็นมาคุสก็ย่อลงทำความเคารพ เเทบไม่เห็นเเววตาเเปลกใจรือรังเกียจต่อคนเเคระเฒ่าอย่างเขาจากพวกนางเลย เด็กพวกนี้ฝึกมาดีจริงๆ

            มาคุสเดินไปได้ซักพักก็เริ่มเมื่อยขาสั้นๆของตัวเอง  เปลี่ยนมาใช้เวทย์ให้ตัวเองลอยขึ้นมาเหมือนภูตเฒ่าตัว

            มาคุสมองมองไปยังทิวทัศน์ข้างนอก จากจุดนี้สามารถมองเห็นบ้านเมืองของประชาชนได้ส่วนหนึ่ง เป็นภาพที่ไม่ดีเท่าไร บ้านเมือง ถนน ดอกไม้ ความงดงามที่เคยมีมาเเต่กาลก่อน ตอนนี้กลับเป็นซากสีดำๆเป็นเเห่งๆ บางที่มีไฟไหม้ที่ยังไม่ดับ อัศวินเเต่ละกลุ่มกระจายกำลังกันออกไปเเต่ละจุด เพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ โดยไม่สะทกสะท้านความหนาวยามเหมันต์สักนิด สิ่งที่ป้องกันพวกเขาจากหิมะก็คงจะมีเเต่เกราะเหล็กอันเย็นเฉียบเท่านั้น

           พายุลูกนี้สร้างความเสียหายไม่น้อยเลย  ...

           เเต่พายุลูกใหม่กำลังจะมา ข้าได้กลิ่นมัน เเละมันจะรุนเเรงกว่าพายุลูกนี้นัก...

           "มาคุสสสสสสสสสสส" เสียงเรียกชื่อเขาโหยหวนมาเเต่ไกลเเบบไม่เกรงใจประสาทหูคนเฒ่าคนเเก่

            "มีเรื่องอะไรหรือองค์ราชา" คนเเคระเฒ่าเรียกสติของตนกลับมา มองดูหน้าราชาท่านหนึ่งที่ตอนนี้เหมือนจะปล่อยโฮออกมาได้ทุกเมื่อ

             "ศิษย์เจ้า... ศิษย์เจ้าปฏิเสธข้าอ่ะ" ราชาเอ่ยด้วยนํ้าเสียงง้องเเง้ง จนมาคุสต้องถอนหายใจอย่างระอา

             "เรื่องเเค่นี้เองหรือ..." ก็ไม่เเปลก ไวซานอยู่กับเจ้าเวซานมาก่อน ต้องติดนิสัยไม่เกรงใจใครมาอยู่เเล้ว "เเล้วทำไมท่านไม่บังคับเขาล่ะ"

              "ขะ...ข้าไม่รู้ เขาตอบข้าโดยไม่ต้องคิดเลยนะ ละ...เเล้ว เเล้วข้าก็วิ่งหนีออกมา..." ราชาพูดปนเสียงสะอื้น

              "ท่านวิ่งหนีออกมา?" ...ทำตัวให้สมกับเป็นราชาจริงๆ  

               "ก็ข้าไม่รู้จะทำไงนี่..."

               ไม่เคยโดนปฏิเสธมาก่อนสินะ ... สมเเล้วที่เป็นศิษย์ข้า ทำให้ราชาวิ่งร้องไห้โฮออกมาได้...

              "เข้าใจล่ะ... ข้าจะยื้อให้เขาอยู่นี่สักพักเเล้วกัน ท่านก็พยายามเกลี้ยกล่อมเอาเอง ข้าไปบังคับอะไรเขาไม่ได้หรอก" มาคุสถอนหายใจออกมายาวๆ ยังไงซะไวซานก็ต้องอยู่ไม่งั้นใครจะคอยดูเเลเขตอาคมล่ะ

             "อ๊ะ งั้นก็ดีสิ ท่านยื้อเขาไว้ให้อยู่นานๆเลยนะ ตลอดไปเลยก็ดี" ราชาหนุ่มดีดตัวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง เเละภาพนี้ก็ต้องทำให้มาคุสถอนหายใจยาวๆเป็นรอบที่สอง

              "ว่าเเต่ศิษย์ข้าอยู่ไหนซะล่ะ" มาคุสถาม

             "เอ่...เขาอยู่กับ อ๊ะ!! เจ้าเอกอน หมอนั่นต้องรังเเกศิษย์ท่านเเน่ๆเลยข้าต้องรีบกลับไปแล้ว!!" พูดจบราชาก็หันหลังวิ่งกลับทางเดิมแทบจะทันที

             "นี่ท่านพรุ่งนี้ท่านต้องเข้าประชุมนะ อย่ามาสายล่ะ!!" มาคุสตะโกนไล่หลัง ไม่รู้ว่าเจ้าตัวได้ยินรึเปล่า ดูท่าเเล้วข้าต้องเป็นคนไปลากเขามาประชุมซะเอง

              "เฮ้อออ..."มาคุสถอนหายใจออกมาอีกรอบ เป็นรอบที่เท่าไรเขาก็ลืมนับไปเเล้ว เขาได้เเต่มองเเผ่นหลังของไมโครค่อยๆเล็กลงเรื่อยๆ

             เมื่อเห็นภาพนั้นเเล้วมาคุสก็อดคิดถึงสหายเก่าไม่ได้ ผู้ที่เป็นทั้งนายเเละคู่หู ซึ่งบัดนี้ได้จากไปแล้ว วิญญาณของเขาจะรู้สึกเช่นไรนะที่เห็นเมืองที่เขาปกป้องมาทั้งชีวิตพังพินาศเช่นนี้

            เขาไม่อยู่เเล้ว... มาคุสเตือนใจตัวเอง เเล้วเหลือบมองออกไปนอกระเบียง เเต่ภาพที่เห็นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเลย

            หรือเมืองนี้จะล่มสลายในอีกไม่ช้า....

            มาคุสสะดุ้งเฮือกขึ้นมาทันทีเมื่อตนเองคิดเช่นนั้น ดั่งกลับโดนหมัดหนักๆซักหมัดตอกเข้าที่หน้าตนเอง เขาใช้มือเเตะที่เเก้มเหี่ยวย่นของตนเองเบาๆ เเล้วความทรงจำหนึ่งเเวบเข้ามาในหัวเขา

              อัศวินร่างกำยำสวมเกราะเหล็กที่เเต่งเเต้มไปด้วยเลือดทั้งของตนเองเเละของศัตรู ใบหน้าของเขาดูโกรธเกรี้ยวดั่งราชสีที่โดนเเหย่หนวด มือของเขากำเเน่น เเล้วลุกขึ้นมาชกเเพทย์ประจำตัวจังๆโดยไม่ออมมือสักนิด มาคุสจำได้ดี วันนั้นเป็นวันที่เอริคาซีเเพ้ศึก เขาเป็นกังวลมากตอนที่เห็นอดีตราชาเจ็บหนักหลังออกศึก จนพูดอะไรอัปมงคลออกมา อดีตราชาเป็นคนที่เตืออนสติเขา

              'เจ้ามันขี้ขลาดที่พูดออกมาเเบบนั้นมาคุส!!' อดีตราชาในความทรงจำตะโกนออกมา ซึ่งตอนนี้มาคุสก็ยังจดจำได้ทุกคำพูด

            'ข้าไม่เคยเเพ้ เเต่ถ้าไอ้หน้าปลวกคนไหนมาบอกว่าข้าเเพ้ ข้าก็จะอัดมันจนมันจะพูดออกมาว่าข้าคือผู้ชนะ !!'

            ช่างเป็นคำพูดที่เอาเเต่ใจสิ้นดี... มาคุสหัวเราะออกมาเบาๆ เเต่เขาก็ทำได้จริงทุกครั้ง ... เเล้วราชาหนุ่มท่านนี้ล่ะ?

             พายุลูกใหญ่กำลังจะมาองค์ราชา....

             ท่านจะยืนหยัดต้านมันไหวหรือเปล่า?

            

     

     



              "ขอบคุณครับ" ผมรับเสื้อผ้าจากสาวใช้กลุ่มหนึ่งด้วยรอยยิ้ม พวกเธอค้อมหัวให้เล็กน้อยก่อนเดินจากไป ผมได้ยินเสียงคุยกับเสียงหัวเราะคิกคัก ดังออกมาจากกลุ่มสาวใช้

            เเหม เวทย์เเปลงกายของเวซานก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนี่นา... ผมลูบหน้าตัวเองอย่างพอใจ

            ผมวางของที่สาวใช้นำมาให้ไว้บนโต๊ะเเล้วโยนตัวเองลงบนเตียง ฝูกนุ่มๆช่วยบรรเทาความออ่นล้าได้เล็กน้อย เพราะหน้าที่ดูเเลเขตอาคมทำให้ผมต้องอยู่ที่นี่อีกพักนึง เเต่ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเเล้ว ถ้าอยู่ข้างนอกนั่นผมคงต้องขดตัวในซากตึกที่ไหนซักเเห่งเเน่ ช่วยไม่ได้ บ้านเมืองส่วนใหญ่มันเละไม่เป็นท่าเลยนี่นา

             พออยากจะหลับความร้อนรุ่มในอกก็เข้ามากวนใจ ไอ้เวทย์ผนึกอะไรนั่นคงยังไม่หายไปสินะ ทั้งที่ผมสามารถใช้เวทย์ได้มากขนาดนี้เเล้วเเท้ๆ ชักน่ากลัวเเล้วเเฮะ....

             กลิ้งๆอยู่บนฟูกนุ่มๆได้ไม่นานผมก็ต้องลุก ไปเดินเล่นซะหน่อยดีกว่า ยังไงก็นอนไม่หลับอยู่เเล้ว

             เสียงเปิดประตูเบาๆ ดังขึ้นกลางความเงียบของยามดึก ทางเดินยามนี้มีเเค่เเสงเทียนสลัวๆ เเต่ก็พอเห็นทาง ผมก้าวออกจากห้องเเล้วปิดประตูเบาๆเพื่อไม่ให้รบกวนใคร ก่อนจะหาทางออกไปลิงโลดข้างนอก

             พวกอัศวินตอนนี้คงจะเหนื่อยกันมาก ระหว่างทางที่ผมเดินผ่าน อัศวินคนนึงถึงกับใช้ความสามารถพิเศษยืนหลับขณะปฏิบัติหน้าที่กันเลยทีเดียว หากใครคิดจะบุกวังหลวงตอนนี้คงจะทำได้ง่าย อ้อ ไม่สิ ยังมีเขตอาคมที่ไม่ว่าหน้าไหนก็เข้ามาไม่ได้อยู่นี่นา

            ผมเดินมาเรื่อยๆจนออกมานอกตัววัง เเล้วอากาศหนาวๆก็เเทรกผ่านเสื้อผ้าเข้ามาจนขนลุก เหมือนผมจะลืมโค้ชไว้ในห้อง เเต่เอาเถอะ หนาวขนาดนี้ใส่กับไม่ใส่คงไม่ต่างกันเท่าไร                        

              ผมมองซ้ายมองขวาหามุมเหมาะๆเเล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังคา ถึงผมจะไม่ใช่พวกเเข็งเเรงกำยำ หรือนักกายกรรมผาดโผน เเต่เเค่มีเวทย์มนต์เเค่กระโดดขึ้นหลังคาก็ไม่ยากหรือจะให้วิ่งไต่กำเเพงยังได้เลย

             ผมโดดข้ามไปเรื่อยๆจากหลังคาของบ้านหลังนี้ไปหลังโน้น มันกลายเป็นงานอดิเรกของผมตอนนอนไม่หลับไปเเล้ว

             ระหว่างโดดไปโดดมาตอนชาวบ้านเขาหลับเขานอนกัน ผมก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นคนคนหนึ่งเดินตะคุ่มๆอยู่กลางหิมะ

            นั่นมัน... ไมโครนี่?

            ผมหรี่ตามองลงไป ร่างนั้นใส่ชุดเกราะอยู่ ผมเปียยาวนั่นดูกนะเซอะกระเซิงเล็กน้อย ข้างกายเขาไม่มีใครเลย รึว่าเเอบหนีพวกองครักษ์ออกมา? ผมล่ะสงสารพวกนั้นจริงๆ

           ระหว่าที่ผมกำลังระอากับนิสัยเอาเเต่ใจกับราชาองค์นี้ เจ้าตัวก็เดินไปไกลเเล้ว ผมลังเลเล็กน้อยก่อนจะเเอบตามไป โดยทิ้งระยะห่างไม่ให้เขารู้ตัว ดีนะที่ผมไม่ใช่นักฆ่า มือสังหาร หรือพวกสอดเเนมอะไรทำนองนั้น ไม่งั้นไมโครคงไม่รอดมาเดินอาดๆอยู่เเบบนี้เเน่

             เเละเเล้วไมโครก็มาหยุดอยู่ที่อาคารหลังหนึ่ง ที่นี่มีอัศวินเฝ้าอยู่ค่อนข้างเยอะ เเทบจะทุกจุด เมื่อไมโครเดินมาไกล้ อัศวินที่ทำท่าเหมือนหลับในก็สะดุ้งพรวดขึ้นมาทำความเคารพ เเต่ยังไม่ทันได้อ้าปากก็ต้องกลืนคำพูดตัวเองกลับไปเมื่อไมโครยกมือห้ามไว้

            ผมย้ายที่ไปยังหลังคาของอีกฝั่งหนึ่งเพื่อจะได้เข้าไกล้ไมโครมากขึ้นเเละเห็นว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ไมโครไม่ได้เดินไปไหนไกล ยังยืนอยู่ที่เดิมนิ่งสายตามองเข้าไปในตัวอาคาร คล้ายเหม่อลอย ผมมองตามสายตาของเขาไป เเละภาพข้างหน้าก็ทำผมสลด ดวงตาเหม่อลอยไม่ได้ต่างจากไมโคร

            สถานที่ข้างหน้านี้เป็นห้องโถงใหญ่ ถ้าผมจำไม่ผิดสถานที่นี้ปกติจะใช้จัดงานสำหรับพวกขุนนางเเล้วก็คนในวัง เเต่วันนี้มันถูกใช้งานที่ต่างออกไป... ถ้าจะพูดให้เข้าใจก็คงเป็นสถานพยาบาลล่ะมั้ง

            ในห้องโถงค่อนข้างเงียบ ได้ยินก็เเต่เสียงกระซิบเบาๆของหน่วยเเพทย์เเล้วก็คนเจ็บที่นอนโอดครวนอยู่บนผ้าผืนบางที่ปูบนพื้นเย็นเฉียบ

             เห็นเเล้วผมรู้สึกเอียนเตียงนุ่มๆที่ตนเองนอนอยู่ก่อนออกมายังไงก็ไม่รู้...

             ไมโครยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม อัศวินที่เฝ้ายามอยู่ก็ยืนเกร็งตัวเเข็งทื่อ ส่วนผมที่เเอบเนียนอยู่บนหลังคาก็เเทบจะโดนหิมะกลบ เเต่ก็ยังอยากอยู่ดูอีกหน่อย ผ่านไปซักครึ่งชั่วโมงได้มั้ง ก็มีเสียงเอะอะดังออกมา ผมหันไปทางต้นเสียง ก็เจอหน่วยเเพทย์กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา พวกเขาไม่ได้มามือเปล่า มาพร้อมเปลคนเจ็บ ผมเพ่งมองลงไป เปลถูกหามด้วยหน่วยเเพทย์สองคน อีกคนนึงขนาบข้างคอยกดเเผลของคนที่อยู่บนเปลไว้

             เลือดสีเเดงหยดไหลลงบนหิมะขาว หยดเเล้วหยดเล่า เจ้าของบาดเเผลนั้นเป็นเด็กหญิงคนหนึ่ง หน้าเธอซีดดวงตาเหม่อลอยอย่างกับคนตายเเล้ว

             ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าไมโครจะทำหน้ายังไง...

            "หยุดเถอะน่า เธอไม่รอดหรอก" หน่วยเเพทย์คนหนึ่งเอ่ย

             "ไม่เธอต้องรอดสิ!!" หน่วยเเพทย์อีกคนตอบ มือของเขายังกดปากเเผลเด็กสาวไว้ "นักบวช! นักเวทย์! ใครก็ได้มาตรงนี้ที!!" เขาตะโกนเเทรกความเงียบ เเต่ไม่มีใครมาช่วยเขา เขาทำเสียงฟึดฟัดอย่างโมโหเเต่ก็ยังกดเเผลของเด็กคนนั้นเอาไว้

              "เราไม่เหลือนักเวทย์กับนักบวชเเล้วนะ พวกนั้นยุ่งกันหมด"

              "หุบปากเเล้วยกเปลไปซะไอ้เวรเอ้ย!!" หน่วยเเพทย์คนนั้นตะโกนก้อง ถ้ามือของเขาไม่ได้อุดปากเเผลเด็กสาวอยู่ ป่านนี้มันคงจะยัดลงไปในปากหน่วยเเพทย์อีกคนเเล้ว ระหว่างที่เขาหันไปตาก็ไปสะดุดกับร่างสูงสง่าคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องโถง ถึงเขาจะยืนนิ่งเป็นรูปปั้น เเต่ก็ไม่ได้บดบังรัศมีที่สะดุดตาของตัวเองได้เลย

            "อะ...องค์ราชา" หน่วยเเพทย์พูดเสียงตะกุกตะกัก เขาไม่นึกว่าจู่ๆคนที่เป็นถึงอำนาจสูงสุดจะมายืนตากหิมะอยู่ถึงนี่ เขาพยายามจะทำความเคารพ เเต่ไมโครยกมือห้ามเเล้วเดินเข้ามาที่เปลของเด็กสาวที่เจ็บหนัก

             ไมโครรู้ดีเเผลขนาดนี้ ถ้าไม่มีเวทย์มนต์เข้าช่วยก็ไม่รอดเเน่...

             เขายื่นมือไปแตะที่หน้าผากของเด็กหญิงเบาๆ ถุงมือทำให้เขาไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ตัวยังอุ่นอยู่หรือเย็นชืดไปแล้ว

             ราชาหรือ .... ข้าเป็นราชาเเล้วทำอะไรได้ล่ะ ก็ได้เเต่ดูพวกเขาตายไป

             มือของไมโครลูบผมของเด็กหญิงเบาๆ

            ข้ามีทุกสิ่ง เเต่ข้าทำไม่ได้ทุกสิ่ง

            มือของเขาเลื่อนลงมาคล้ายจะปิดตาของเด็กหญิง

            ท่านพ่อข้าเป็นราชาไม่ได้หรอก....ข้ามันออ่นเเอ

            ไมโครกำหมัดเเน่น ภาระนี้มันหนักเกินไปที่ข้าจะต้านไหว เขาคิด รู้สึกดวงตาร้อนผ่าว ชื้นขึ้นมา เเละในอกมันจุกไปหมด

             "ให้ผมช่วยเถอะ" ก่อนที่นํ้าตาของราชาจะหยดลงมา เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของหน่วยเเพทย์ให้หันมามอง ชายผมขาวที่มีรอยยิ้มอบอุ่น ดวงตาของเขาเหมือท้องฟ้ายามฤดูใบไม้ผลิ "ผมพอจะเป็นเวทย์อยู่บ้าง"

             ทุกคนเงียบกริบกับการปรากฏตัว เเต่ก็เเค่ชั่วเเวบเดียวเท่านั้น "ตามมาทางนี้เร็ว" หน่วยเเพทย์ที่อุดเเผลของเด็กหญิงอยู่เอ่ยออกมา ใบหน้าของเขาคล้ายจะโล่งอก ผมเดินตามเขาไปในห้องโถง เเต่ก่อนจะเข้าไปก็หันกลับมามองราชาที่ยังอึ้งหนักอยู่    

             "ตามมาสิ อยากช่วยไม่ใช่เหรอ"

     

     

     




     

              เเสงสีขาวนวลตาเรืองอยู่บนปากแผล เลือดที่ไหลเป็นก๊อกเเตกตอนนี้กลับสงบนิ่ง ปากแผลค่อยๆสมานกันเเม้จะเเค่ทีละนิดก็ตาม ใบหน้าของเด็กสาวยังคงซีดเผือด ตอนนี้เธอหลับตาพริ้มลมหายใจค่อนข้างคงที่ เเต่เลือดที่เสียไปคงจะต้องใช้เวลาฟื้นฟูมันกลับมาซักระยะ

              เฮอะ... เวทย์ย้อนเวลาบทเดียว เด็กนี่ก็กลับมาตีลังกาได้เเล้ว เเต่ต้องเเลกด้วยการที่ผมต้องโดนลากไปเผาทั้งเป็นน่ะสิ

              ผมรำคาญกับเวทย์ฟื้นฟูอันยืดยาดนี่นิดหน่อย เเต่พอหันไปเจอกับท่านราชาที่เช็ดคราบเลือดให้คนเจ็บอย่างตั้งอกตั้งใจ ก็เห็นวิธีฆ่าเวลาเเล้ว

             "อย่าร้องไห้เด็ดขาดเลยล่ะ เพราะท่านต้องเป็นคนปลอบพวกเขา จะร้องไห้เองไม่ได้หรอกนะ"

              ไมโครสะดุ้งเฮือก เหมือนคนโดนอ่านความคิด

              "ข้าเปล่าร้องสักหน่อย"

              ไอ้ท่าทางเหมือนเด็กเอาเเต่ใจนั่นมันอะไรกัน...

              " องครักษ์คุณไปไหน?" ผมเปลี่ยนเรื่องมาถามเรื่องทั่วๆไป

               "ข้าให้เขาไปช่วยงานในเมือง" ไมโครตอบเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ดูเหมือนเขาจะใช้งานองครักษ์ตัวเองคุ้มเลยนะ

               "เเล้วทำไมท่านถึงมาที่นี่ล่ะ"

              "พูดอะไรของเจ้า คนของข้าทำงานหนักทั้งคืนจะให้ดูอยู่เฉยๆได้ยังไงกัน" ไมโครทำเสียงฟึดฟัดอย่างไม่พอใจ

             "เเต่ก็ได้เเค่ดูเฉยๆอยู่ดี" ผมพูดตรงจุดพอดี จนเจ้าตัวชะงักไปเลย

             "นี่เจ้าตามข้ามา?" เขาถามด้วยสีหน้าเเปลกๆ

             "ข้าเเค่มาเดินเล่น เเล้วก็บังเอิญเห็น" เออ จริงๆก็ตามมาน่ะเเหละ "ท่านไม่ควรมาที่นี่ท่านทำให้พวกเขาเกร็ง" ผมพูดเเล้วก็พยักเพยิดให้ไมโครดูข้างหลังตน ไมโครหันไปจริงๆ เเล้วก็ต้องสบกับดวงตากว่าร้อยคู่ที่มองมาทั้งของคนเจ็บ เเล้วก็ของหน่วยเเพทย์ พอเขาหันไปสบตาคนเจ็บก็เเกล้งหลับ ส่วนหน่วยเเพทย์ก็หันกลับไปทำงานของตนเองทันทีเมื่อไมโครหันไป

              "ข้าเเค่อยากช่วย..." ไมโครเอ่ยเสียงออ่นลง

              "นั่นเป็นสิ่งที่ดี" ผมตอบ "เเต่ข้าอยากให้ท่านทำหน้าที่ของตนให้ดีซะก่อน"

              "หน้าที่ของข้า? ...ก็ต้องเป็นการปกป้องประชาชนของข้าอยู่เเล้ว" ไมโครตอบเเล้วก็ขมวดคิ้วใส่ผม

              ไม่... หมอนี่ไม่เข้าใจเลย...

               "สมมตินะสมมติว่าท่านไม่ใช่ราชา ท่านเป็นทหารคนหนึ่ง ท่านอยู่ในสนามรบกับทหารคนอื่นอีกหมื่นชีวิต ตัวท่านช่างเล็กจ้อยเมื่ออยู่กับพวกเขา ท่านคิดว่าราชาควรจะอยู่ตรงไหน?" ผมถาม เเล้วรอไมโครตอบ เขาดูคิดหนัก เเต่ผมก็รออย่างใจเย็น

              "อยู่บนม้าล่ะมั้ง อยู่หน้าสุดของขบวนรบ"

               อืม... คล้ายๆเเม่ทัพ เเต่ก็เป็นคำตอบที่ดี

               "ท่านคิดว่าราชาจะพูดอย่างไรก่อนออกรบล่ะ"

               "ก็ต้องบอกว่าบุกดังๆ" ไมโครตอบโดยไม่ต้องคิดนาน

             "เเล้วท่านจะรู้สึกยังไงตอนราชาพูดมันออกมา" ไมโครเงียบไปพักกับคำถามนี้ คงจะกำลังจินตนาการให้ตนเองเป็นพลทหารอยู่ล่ะมั้ง

             "มีกำลังใจ กล้าหาญ เเล้วก็ฮึกเหิม"

             ก็ถูก เเต่ไม่ทั้งหมด บางคนก็กลัว

             "เเล้วท่านจะรู้สึกยังไงถ้าราชาไม่ได้อยู่ตรงนั้นล่ะ ไม่ได้อยู่บนอาชา ไม่ได้เอ่ยคำว่าบุก " ผมยิงคำถามสุดท้าย "ท่านจะรู้สึกอย่างไรถ้าราชาผู้นั้นกลับอยู่ในกระโจม คอยรักษาคนเจ็บ คอยตักนํ้า คอยทำอาหาร หรือท่านเห็นราชาผู้นั้นร้องไห้เป็นเด็กขี้เเยอยู่บนอาชา ท่านจะรู้สึกอย่างไร?"

             "..."

             คำตอบมีเพียงความเงียบ ไมโครนั่งมองผ้าเปื้อนเลือดในมือ ไม่พูดอะไรอีก

             "เอาล่ะ....กลับมาได้เเล้ว ท่านคือราชา ไม่ใช่พลทหาร" ผมทิ้งท้าย พอดีกับที่เเผลของเด็กหญิงสมานกันพอดี ผมลุกขึ้นเพื่อไปหาคนเจ็บคนอื่น ปล่อยให้ไมโครนั่งนิ่ง บางทีเขาอาจจะต้องการเเค่นี้ก็ได้ เวลาที่ได้คุยกับตนเอง

              เฮอะ... ไม่นึกนะว่าคนอย่างผมจะพูดอะไรดีๆเเบบนี้ออกมาได้นะ

              ไม่สิ ผมเเค่พูดความจริงเท่านั้น

               เมื่อเสียงฝีเท้าของไวซานห่างออกไป ไมโครก็เริ่มตกอยู่ในถวังค์ ในจิตใจเหมือนเขากำลังมองตนเองอยู่

              เจ้าทำอะไรอยู่ ตัวเขาในความคิด ถามตัวเขาอีกคนนึง

              เเล้วเจ้าล่ะทำอะไรอยู่? ตัวเขาอีกคนถามกลับ

              เจ้ามันออ่นเเอ เเล้วอยู่ๆใบหน้าของท่านพ่อก็ผุดขึ้นมา

              ข้าเป็นเจ้าหญิง มันคือหน้าที่ของข้า เขาเห็นเเผ่นหลังของโอลิเวีย อยู่ลิบๆ มันช่างดูห่างเหิน

               ข้าอยากเเข็งเเกร่งขึ้น บ๊อบบี้พูดกับเขา

              องค์ราชา มาคุสเรียกเขา

              กลับมาได้เเล้ว ท่านคือราชา ไม่ใช่พลทหาร สุดท้ายเป็นเอริคที่พูดคำนั้น

              "องค์ราชา... องค์ราชาขอรับ?"

              ไมโครสะดุ้งเฮือกตื่นจากความคิดของตนเอง เขามองไปที่ต้นเสียง เป็นหน่วยเเพทย์คนหนึ่ง คนที่เดียวกับที่พาเด็กหญิงคนนี้มา

             "มีอะไร"

             "จากนี้ข้าจัดการเอง นักเวทย์คนนั้นช่วยได้มากเลย ไม่มีใครเป็นอะไรมากเเล้ว พวกเขาเเค่ต้องการพักผ่อน ท่านก็เหมือนกัน" หน่วยเเพทย์คนนั้นยื่นมือมารับผ้าเปื้อนเลือดจากไมโคร

             "เจ้าล่ะ ไม่เหนื่อยบ้างหรือ?" ไมโครถาม หลังจากปล่อยให้หน่วยเเพทย์ทำหน้าที่ของตน

             "เหนื่อยสิ เเต่คืนนี้ท่านอยู่กับเรา พวกสันหลังยาวพวกนั้นขยันกันขึ้นมาเลย"หน่วยเเพทย์พูดปนขำ

              "เเล้วครอบครัวเจ้าล่ะ ปลอดภัยกันรึเปล่า?" ไมโครรู้สึกชอบหน่วยเเพทย์คนนี้ ถ้าช่วยอะไรได้ เขาก็อยากจะช่วย

              "ตายกันหมดเเล้ว โดนซากตึกทับ พวกเขาหนีไม่ทัน" เขาตอบเเล้วยิ้มเศร้า

             "ขะ...ข้า...ขอโทษทีที่ข้าไม่ได้ช่วยอะไรเลย" ไมโครนิ่งค้าง เเทบพูดไม่ออก ครอบครัวเขาตาย เเต่ยังมาทำหน้าที่เนี่ยนะ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง

             "เปล่า ไม่เลย ไม่... ท่านอย่าเอ่ยเช่นนั้นสิ เเค่ท่านอยู่ข้างพวกเราก็เป็นพระคุณมากเเล้ว" หน่วยเเพทย์ตอบด้วยรอยยิ้ม ไมโครตอบด้วยหน้าอึ้งๆ เเล้วก็ไม่ถามอะไรอีก เกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง

             ไม่นานไมโครก็เดินออกไป กลับห้องของตนเอง เขาได้ยินเสียงโหยหวนของเอกอนว่า 'ราชาหายไป' ดังมาเเต่ไกล

             ท่ามกลางหิมะกับอากาศหนาวเฉือนกระดูก เเต่มีสิ่งหนึ่งที่อบอุ่นอยู่ในอกของราชาหนุ่ม

              "ข้าอยู่ข้างพวกเจ้าหรือ... ? ... พวกเจ้าต่างหากที่อยู่ข้างข้า..."

    ---------------------------------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×