ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผจญภัยในโลกต่างมิติ

    ลำดับตอนที่ #2 : ความลับของหนังสือสีขาวและดำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 300
      3
      3 มี.ค. 58

    ตอนที่ 2 ความลับของหนังสือสีขาวและดำ

    หลังจากแยกทางกันเรียนร้อยแล้วนั้น    กรก็ครุ่นคิดอยู่ว่าจะไปทางไหนดีหว่า  แต่กรก็นึกขึ้นได้ว่าเราได้กล่องหีบสีทองตอนที่ได้เข้ามาที่โลกนี้         ดังนั้นกรจึงรีบหยิบกล่องหีบสีทองขึ้นมา และเปิดหีบออก  ทันใดนั้นก็มีอุปกรณ์โผล่ออกมา   เป็นหนังสือจำนวน 2 เล่ม  โดยหนังสือ 2 เล่มนั้น มีคนละสีกัน เล่มหนึ่งสีขาว ส่วนอีกเล่มสีดำ 

    โอ้ว ....  หนังสืออะไรนี่  กรหยิบหนังสือและเปิดอ่านหนังสือสีขาวก่อน  ในหน้าแรกนั้นมีเขียนคำอธิบายการใช้งาน  โดยถ้าจะเรียนหนังสือออกมาให้เรียน white book on  หนังสือก็จะโผล่ออกมา ถ้าจะเก็บหนังสือก็ white book close    เมื่อกรได้อ่านดูจึงทดสอบ  “white book close” หนังสือก็หายไป   กรเรียกอีกครั้ง “white book on” หนังสือก็โผล่ออกมา  

    โวว  กรร้องด้วยความดีใจ  เพราะถ้าเป็นที่เดิมที่กรอยู่คงไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้

    กร ลองเปิดอีกหน้าหนึ่งของหนังสือ  กับพบกระดาษวางเปล่า ไม่มีอะไรเขียนไว้เลย    แต่เมื่อสังเกตดีๆ  มีรูปอะไรไม่รู้คล้ายกับรูปย่อของคนอยู่ตรงกลาง        กร วิเคราะห์ดูว่าเจ้าหนังสือสีขาวนี้คือไรกันแน่แต่ก็ดูไม่ออกสักที ก็เลยสั่ง“white book close” เพื่อเก็บหนังสือสีขาวนี้ไปก่อน     และกรก็กับไปเปิดหนังสือเล่มสีดำดู  และในนั้นก็มีคำอธิบายการใช้เหมือนกัน โดยถ้าจะเรียนหนังสือออกมาให้เรียน black book on  หนังสือก็จะโผล่ออกมา ถ้าจะเก็บหนังสือก็ black book close  และยังมีคำอธิบายอีกว่า หนังสือฉบับนี้เป็นหนังสือพันธะสัญญา ถ้าจะให้ผู้ใดมาเป็นคู่สัญญาต้องนำมือมาแตะที่หนังสือเล่มนี้ และกล่าวคำปฏิญาณว่าจะรับใช้ กร เป็นเจ้านายตลอดไป

    “ว้าว”  กรร้องออกมาด้วยความดีใจ  แบบนี้เราก็สามารถมีลูกน้องหรือมีทหารได้นะสิ แบบนี้ก็สามารถจะทำการรวบรวมแผ่นดินได้ง่ายไปอีกขั้นหนึ่ง   

    แต่อยู่ๆ กร ก็อยู่หน้าซีดและคิดว่า ใครจะมาทำสัญญาเป็นลูกน้องเราตลอดไปฟะ   ตอนนั้น กร คิดว่าถึงแม้ว่าหนังสือสีดำนั้นเป็นของวิเศษ  แต่การใช้หนังสือเล่มนี้ได้เป็นสิ่งที่ยากมาก       กรยิ่งครุ่นคิดว่าจะใช้หนังสือสีดำนี้ยังไงดีก็ทำให้ยิ่งปวดหัวหนักไปกว่าเก่าสะอีก

    “โว้ย  ไม่คิดแมร่งแล้วโว้ย” กร ตระโกนพูดออกมา      คิดมากไปก็ปวดหัวป่าว

    “โคร๊ก— คร๊าก—“ อยู่ๆเสียงท้องร้องของกรก็ดังขึ้น    “อ๊ากหิวชะมัดเลย”  กรดูต่ำแหน่งดวงอาทิตย์ และคำนวนว่าตอนนี้คงเวลา บ่าย 2 แล้ว   จะว่าไปตั้งแต่เช้าที่เราออกจากบ้านเราก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย   ดังนั้น กร จึงออกเดินทางเพื่อหาอาหารมาประทังชีวิตตอนนี้ก่อนดีกว่า

    กรเดินหน้าขึ้นมาทางทิศเหนือจนมาถึงป่าไผ่    กรรีบสำรวจว่ามีอะไรพอประทังชีวิตได้มั้ง แต่ก็หาอะไรที่พอจะกินได้เลย  กรสำรวจหาอาหารจนเวลา 6 โมงเย็น แสงอาทิตย์ใกล้ตกขอบฟ้า    กรเห็นควันไฟลอยออกมาจากทิศทางด้านหน้า  กรรีบเดินตามทางควันไฟที่ลอยมา  กรพบกับกะท่อมหลังหนึ่ง  กรรีบเดินเข้าไปกะท่อมด้วยอาการโซซัดโซเซ เพราะไม่มีแรงจากการไม่ได้กินข้าวมาทั้งวัน    

    “ตุ๊บ”      กรล้มลงหน้ากะท่อมหลังนั้น ......................

    ........... กรได้กลิ่นหอมลอยเข้าจมูก  ทำให้ถึงกับกรสะดุ้งตื่นขึ้นมา

    “ตื่นแล้วหรอเจ้าหนู   มาเดินอะไรกลางป่าไผ่แถวนี้ละ” ชายหนุ่มลึกลับรูปร่างหน้าตาคนอายุประมาณ 40 ปี กล่าวด้วยความสงสัย

    “อืม....  พอดีผมเป็นนักเดินทาง ระหว่างทางโดนพวกหัวขโมยแอบขโมยสัมภาระของผมไปครับ    และเผอิญผมไม่ใช่คนแถวนี้ผมเลยไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี ผมจึงเดินเรื่อยๆ จนมาถึงทีนี่แหละครับ”  กรครุ่นคิด ก่อนแต่งเรื่องโกหกคุยกับชายหนุ่มดังกล่าว

    “งั้นเรอะ......  เจ้าหนูเจ้าโชคดีมากนะเนี่ยถึงแม้จะโดนโจรปล้น แต่ก็ยังสามารถมาถึงที่นี่ได้โดยไม่เป็นอะไรไปสักก่อน           เอาเหอะ....ไงเจ้าหนูมากินข้าวก่อนมา  และข้าก็ชื่อรอน ยินดีที่ได้รู้จักนะเจ้าหนู”  ชายหนุ่มลึกลับพูด

    “ขอบคุณครับ ลุงรอน      ผมชื่อกรนะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ลุงรอน”  กรกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ

    “เรียกรอนเฉยๆ ก็ได้ ข้าไม่ได้แก่อะไรขนาดนั้น ข้าพึ่งอายุ 35 ปีเอง” รอนกล่าวด้วยท่าทางยิ้มแย้ม

    “ครับ ลุงรอน” กรก็กล่าวด้วยอาการยิ้มแย้มเหมือนกัน   และไงเจ้านี่ยังเรียกเราว่าลุงรอนอีกฟะ  รอนคิดในใจ - -“

    กรรีบตักกินข้าวและเขมือบข้าวอย่างไว     

    “เจ้าหนูกร  ค่อยๆกินก็ได้  ข้าวยังเหลืออีกเยอะ ไม่ต้องรีบเดี่ยวติดคอ” รอนพูดด้วยความเป็นห่วง+สงสัยจะปลงตกทำใจได้เมื่อเจ้ากรไม่ยอมเรียกชื่อเค้าว่า รอน สักที   จึงเรียกชื่อกรว่าเจ้าหนู

    “ครับ... ขอบคุณครับลุงรอน”  กรรีบพูดขอบคุณ    และเมื่อกรกินข้าวเสร็จก็กล่าวขอบคุณลุงรอนอีกครั้งหนึ่ง

    กรในตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับโลกใบนี้เลย   กรจึงตัดสินใจจะถามข้อมูลจากลุงรอนดู  แต่เมื่อกรสังเกตุไปที่ใบหน้าของลุงรอนนั้น  อยู่ ๆ ก็มีหน้าต่างเหมือนอธิบายสถานะของลุงรอนขึ้นมา

     ชื่อ   รอน ไควร์

    อายุ  35  ปี

    เพศ ชาย

    อาชีพ  นายพราน

     LV.     10

    กรสังเกตดู เอ... หน้าต่างแสดงค่าสถานะนี้มันขึ้นเหมือนกับในเกมส์ RPG ทั่วไปเลยแหะ    แต่ทำไมมันถึงเด้งขึ้นมาได้หวา  ทั้งๆที่เราตอนก่อนแยกจากกลุ่มเราก็มองไปที่ทุกคนแล้ว  แต่ยักไม่มีค่าแสดงสถานะแบบนี้ขึ้นมา  กรครุ่นคิดอยู่ในใจ ....       หรือว่าถ้าเป็นคนจากโลกที่เราจากมาจะไม่ขึ้นแสดงค่าสถานะนี้   กรครุ่นคิดอีกครั้งหนึ่งก่อนจะถามลุงรอนว่า

    “ลุงรอนครับ   ลุงรอนชื่อจริงชื่อว่าอะไรหรอครับ”  กรลองสอบถามข้อมูลเพื่อดูว่าค่าแสดงสถานะที่ปรากฏออกมานี้ข้อมูลถูกต้องเท็จจริงหรือไม่อย่างไร

    “อยากจะรู้ชื่อข้า ไปทำไมรึเจ้าหนูกร”  รอนถามด้วยความสงสัย

    “คือ... กรอยากทราบชื่อจริงผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตผมไว้อะครับ    เพื่อไว้วันข้างหน้าผมจะได้ตอบแทนลุงรอนได้ถูกคนอะครับ”  กรกล่าวตอบด้วยความยิ้มแย้ม

    “..... นั้นสินะ... จริงๆเจ้าไม่ต้องตอบแทนอะไรข้าก็ได้เจ้าหนูกร   การได้ช่วยคนที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้นะ มันเป็นวิถีแนวทางการดำเนินชีวิตของข้า......  แต่ในเมื่อเจ้าอยากรู้ข้าก็ไม่ปิดบังชื่อจริงหลอก ข้าชื่อ รอน ไควร์”  รอนตอบคำถามของเจ้าหนูกร

    “ครับลุงรอน”  กรตอบกลับ และคิดว่าแสดงว่าค่าสถานะที่แสดงขึ้นมานั้นเป็นข้อมูลจริงที่เชื่อถือได้

    “นี่ก็ดึกมากแล้ว  เจ้ารีบนอนพักผ่อนเถอะ”

    “ครับลุงรอน” กรรีบตอบกลับลุงรอนทันที  เพราะวันนี้ทั้งวันเจอแต่เรื่องที่ไม่คาดคิดจึงทำให้รู้สึกเพลียเป็นพิเศษ

    รอนจึงดับไฟในกะท่อมแล้วเข้านอน......................

    ณ รุ่งเช้าของวันถัดไป...............

                    กรได้ลืมตาขึ้น  และลุกขึ้นมาจากเตียง   กรกวาดสายตามองซ้ายที   ขวาที  แต่ก็ไม่พบลุงรอนเลยแหะ   กรเลยตะโกนเรียก

                    “ลุงรอนอยู่ไหมครับ--   “  กรตะโกนเรียกประมาณสัก 3 – 4 ที ก็ไม่ได้ยินเสียงลุงรอนตอบกลับเลย   กรเลยคิดว่าลุงรอนน่าจะออกไปเข้าไปในป่าไผ่    

                    ในเมื่อลุงรอนไม่อยู่เราจะทำอะไรดีกว่า  กรคิดอยู่ในใจ  กรสังเกตพื้นที่ในกะท่อมของลุงรอนนั้นค่อนข้างฝุ่นเยอะมาก   แสดงว่าลุงรอนคงมาพักอาศัยในกะท่อมนี้ได้ไม่นานแน่  เพราะฝุ่นจับกันเป็นก้อนหนามาก   กรสันนิฐานจากบ้านพ่อแม่ของกร ที่นานๆทีจะกลับนอนบ้านสักคืน ก่อนจะออกไปทำงานข้างนอกต่อไป  (พ่อ แม่ ของกรนั้นทำอาชีพวิศวกรครับส่วนมากจะลุยงานข้างนอกจะกลับบ้านมาเดือนละครั้ง หรือ สองเดือนครั้ง)

                    “ฮึบ--”  กรปิดขี้เกียจ   หลังจากปิดขี้เกียจเสร็จแล้ว   กรก็ลงไม้ลงมือทำความสะอาดกะท่อม

                    ผ่านไปได้สัก 20 นาที   ................... “ฟู”   กรพ่นลมออกจากปาก    ในที่สุดก็ทำความสะอาดเสร็จสักที  ไม่คิดเลยว่าการทำความสะอาดกะท่อมนี้มันเหนื่อยขนาดไหน    

    ถึงแม้กรจะทำความสะอาดเสร็จแล้วแต่ลุงรอนก็ยังไม่กลับมาสักทีแหะ        ไหนๆ ก็อยู่ว่างๆและยังไงก็ลองศึกษาหนังสือทั้งสองเล่มที่เราได้รับมาดีกว่า

                    white book on“ หนังสือเล่มสีขาวก็จะโผล่ออกมา   กรเริ่มพลิกไปอีกหน้าที่เค้าพบรูปสัญลักษณ์ย่อของคน  เมื่อกรได้เปิดหนังสือไปหน้านั้น  ก็อุทานขึ้นว่า

                    “โอ๊ะ....  เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” อยู่ๆหนังสือหน้านั้นก็มีสัญลักษณ์ รูปภูเขาที่มีป่าไผ่ล้อมรอบ กับ สัญลักษณ์รูปพื้นหญ้าสีเขียว         กรครุ่นคิดสักครู่  “หรือว่า  ......  หรือว่านี่มันเป็นแผนที่ของโลกใบนี้” กรคิดอยู่ในใจด้วยอาการมึนงง  แต่ว่าทำไมตอนแรกที่เราเปิดออกมาทำไมถึงไม่มีสัญลักษณ์รูปพวกนี้มาก่อนละ    กรลองเอามือไปแตะดูตรงสัญลักษณ์รูปพื้นหญ้าสีเขียว        มันมีแสงวาบขึ้นมาเหมือนตอนเราดูโปรแกรมหนังแบบโฮโลแกรมแบบ 3 มิติ  มันมีสถานที่ที่ดูหน้าคุ้นเคยกับกรโผล่ขึ้นมา

                    “นี่มัน.....  สถานที่พวกเราทั้ง 8 คน เคยอยู่ด้วยกันก่อนแยกย้ายนิ”  กรเผลอพูดออกมาคนเดียว

                    กรคิดว่านี่คงเป็นแผนที่ของโลกนี้โดยจะแสดงภาพเฉพาะภูมิประเทศที่เราเดินผ่านเท่านั้น   

                    ถ้าเรามีแผนที่นี้ละก็  เราก็สามารถล่วงรู้ตำแหน่งหรือภูมิศาสตร์ที่สำคัญๆได้แน่ๆ     กรเผลอยิ้มออกหน่อยหนึ่ง

                    แต่ว่าการจะทำให้แผนที่โลกนี้สำเร็จได้  เราต้องเดินทางให้ทั่วโลกนี้ก่อน   เมื่อกรคิดเช่นนี้กรก็เกิดอาการนอยนิดนึง      “เราจะสามารถเดินทางไปรอบโลกนี้ได้ไงฟะ    พื้นที่ก็กว้างใหญ่แถมแต่ละพื้นที่ยังมีเส้นทางอีกมากมายด้วย  การจะทำแผนที่โลกนี้สำเร็จคงใช้เวลาร่วม 2,000 ปี แน่” กรพูดพึมพำอยู่คนเดียว 

                    แต่จะว่าที่เจ้านั้นพูดเวลาที่นี่ 1 ปี เท่ากับเวลาโลกของเราแค่ 1 วัน      กรแวบจำคำพูดของเจ้านั้นที่พาพวกเรามาที่โลกนี้ได้  

                    “หรือว่า.......... การที่เจ้านั้นบอกให้รวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียวกัน  ไม่ใช่ให้ปกครองทุกคน   แต่เป็นการสร้างแผนที่ของโลกนี้ให้สมบูรณ์กันนะ”    มันไม่มีคำนิยายในการรวบรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียวกันด้วยสิ  กรยิ่งคิดหนักมากไปกว่าเดิมอีก  

                    white book close  กรพูดออกมาเพื่อเก็บหนังสือสีขาว    และคิดในใจว่า เอาน่าเรื่องนี้ค่อยๆคิดดีกว่า คิดมากไปก็ทำให้ปวดสมองป่าวๆ

                    ทันใดนั้นเองประตูกะท่อมก็เปิดออก “แกร็ก”  รอนกลับมาที่กะท่อมแล้ว พร้อมเนื้อกวาง 1 ตัว

                    “ยินดีต้อนรับกลับครับ ลุงรอน”  กรรีบพูดทักทายผู้มีพระคุณ

                    “โอ้ว...  เจ้าหนูกรตื่นแล้วหรือนิ    ตื่นเช้าไวดีเหมือนกันนิ”  รอนพูดด้วยความแปลกใจ

                    รอนสังเกตไปรอบๆ  โอว นี่เจ้าทำความสะอาดกะท่อมของข้าด้วยหรือนิ

                    “ครับ   คือผมตื่นมาไม่เห็นลุงรอน  และผมก็ว่างๆอยู่ไม่รู้จะทำอะไร  ก็เลยลุกขึ้นมาทำความสะอาดกะท่อมให้ครับ  เพื่อทดแทนกับที่ลุงรอนได้ช่วยชีวิตผมเอาไว้”  กรพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

                    “ขอบใจมาก เจ้าหนู”   รอนตอบพร้อมยิ้มให้

                    “มาข้าล่าได้เนื้อกวางมา   เรามาทำเจ้านี่กินกันดีกว่า” รอนพูด

     

                    พวกเรานั้นก็ใช้เวลาช่วงเช้าจนถึงเทียงนั่งกินอาหารจากเนื้อกวางตัวนั้นและพูดคุยกันเรื่องต่างๆ ของโลกใบนี้ การพูดคุยในครั้งนี้  ทำให้รู้อะไรหลายๆอย่างของโลกนี้มากขึ้น  โดยแผ่นดินที่กรเหยียบอยู่นี้อยู่ใน อาณาจักรเอ็ม  ซึ่งปกครองโดยกษัตริย์  ไกโด         อาณาจักรเอ็มนั้นเป็นอาณาจักรเล็กๆ ที่อยู่ทางตอนเหนือของทวีปยูเรก้า

                                                                                           (จบตอนที่ 2)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×