ความเงียบเหงาและว้าเหว่ เป็นเรื่องธรรมดาที่ลูกคนเดียวอย่างฉันพบเจออยู่บ่อยๆ ฉันเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ ทุกครั้งที่เอ่ยปากถามพ่อและแม่ว่าทำไมถึงมีฉันแค่คนเดียว แม่ก็จะบอกกับฉันตลอดว่า แค่คนเดียวนี้ก็ลำบากมากแล้ว บางครั้งที่เห็นเพื่อนไปไหนมาไหนกับพี่ชายหรือน้องสาว ฉันก็คิดอิจฉาอยู่ในใจ
แต่ทุกวันนี้ความว้าเหว่ ความเงียบนั้นได้หายไปจากฉันแล้ว ตั้งแต่มีเธอ เธอผู้เป็นน้องคนละพ่อคนละแม่ ที่มีชื่อว่า ข้าวตัง ซึ่งเป็นลูกของน้าสาวของฉัน แต่ครอบครัวแตกแยกพ่อแม่แยกกันอยู่ แม่ของฉันที่เลี้ยงข้าวตังมาตั้งแต่เกิด จึงรับมาเลี้ยงเอง จนปัจจุบันนี้อายุได้ 6 ขวบแล้ว จากที่เคยเป็นลูกสาวเดียวของบ้าน ทุกวันนี้ฉันกลายเป็นพี่สาวคนโตที่มีน้องสาวคนเล็กอีกคนหนึ่ง บางครั้งที่ข้าวตังทำอะไรผิด ฉันมักจะใช้วิธีตักเตือนด้วยคำพูดที่ค่อนข้างแรง เพราะไม่อยากให้มีนิสัยเหมือนพี่สาวแท้ๆทั้ง 3 คนของเขาที่ค่อนข้างเอาแต่ใจ ถามว่าฉันรักไหม ไม่ว่าจะเป็นเพราะความสัมพันธ์ทางญาติ เพราะฉันไม่เคยมีน้อง หรือเพราะความสงสารก็ตาม ฉันตอบได้เลยว่าฉันรักข้าวตังเหมือนน้องแท้ๆของตัวเอง บางวันข้าวตังก็จะมานอนในห้องกับฉันเพราะอยากมีเพื่อนเล่น ตอนช่วงที่เขายังเล็กกว่านี้ ก่อนนอนเขาจะบอกให้แม่ของฉันกอดเขาทุกคืน ส่วนทุกวันนี้ก่อนหลับเขาจะเป็นคนกอดฉันหรือไม่ก็จะดึงแขนฉันไปกอดไว้ เหมือนว่าไม่อยากให้ฉันไปไหน เขาเหมือนเป็นเด็กมีปมและขาดความอบอุ่น ฉันเข้าใจดีว่าต่อให้รักและดูแลเขามากแค่ไหน แต่ก็เทียบไม่ได้กับครอบครัวที่แท้จริงของเขา ถึงข้าวตังจะเรียกพ่อแม่ของฉัน ที่เป็นป้ากับลุง ว่า พ่อกับ แม่ แต่ในใจเขาคงรู้ดีว่า อะไรเป็นอะไร ไม่ใช่แค่ฉันที่รักข้าวตัง แต่ทั้งพ่อและแม่ของฉันก็รักข้าวตังมากๆ แม่บอกว่า ถ้าพ่อแท้ๆของเขาจะมารับไปเลี้ยงแม่ก็จะไม่ให้เอาไป แต่ถ้าถึงวันนั้นจริงๆก็คงต้องถามความสมัครใจของข้าวตังเอง ทุกๆวันนี้ที่เขายังอยู่กับพวกเรา เราจึงพยายามเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายให้เขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ความคิดเห็น