คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #60 : บทที่ห้าสิบหก -- com med1
บทที่ห้าสิบหก
...ณ ชุมชนที่อยู่ห่างไกล...
“ ยังไม่ถึงอีกเหรอเนี่ย ? ” ชายหนุ่มหาวหวอดพลางทำตาปรือ ขณะที่รถกำลังแล่นบนพื้นดินลูกรังที่เป็นสีแดงและมีฝุ่นกลบตลอดสองข้างทาง
สนหันไปมองกฤต...ที่นั่งเบาะด้านข้างอย่างเหนื่อยหน่ายไม่แพ้กัน
“ เฮ้อ... ” ว่าแล้วก็เอนหลังพิงเบาะแล้วหลับต่อ
พวกเขากำลังเดินทางออกชุมชนชนบทเพื่อหาความรู้นอกสถานที่และทำประโยชน์ให้ชุมชน เป็นวิชาเรียนหนึ่งที่ต้องผ่านให้ได้ในปีสามเทอมสอง
สิบวันเต็มที่พวกเขาต้องพักอาศัยอยู่กับชาวบ้าน เพราะเป็นการรวมตัวกันของนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้งหมดถึง 6 สาขา ได้แก่ แพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ พยาบาล เทคนิคการแพทย์ และสาธารณสุข ทำให้ปริมาณนักศึกษามีค่อนข้างมาก การจัดการเรื่องที่อยู่อาศัยในครั้งนี้จึงกระจายไปบ้านต่างๆหลายหมู่บ้านครอบคลุมทั้งอำเภอ
พื้นที่ทั้งหมดถูกแบ่งให้เป็น 4 เขตที่อยู่ค่อนข้างห่างไกลกัน แต่ละเขตถูกแบ่งออกเป็น 12 บ้าน ซึ่งบ้านแต่ละหลังมีนักศึกษาที่ต้องพักอาศัยร่วมกับเจ้าของบ้านอีกประมาณ 12 คน
ซึ่งแต่ละกลุ่มจะประกอบไปด้วยนักศึกษาคณะแพทย์ 5 คน ทันตแพทย์ 1 คน สัตวแพทย์ 1 คน พยาบาล 2 คน เทคนิคการแพทย์ 2 คน และสาธารณสุขอีก 1 คน แต่ละคณะจะต้องใช้ชีวิตและทำงานร่วมกันโดยที่ไม่ได้รู้จักมาก่อน จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทายและน่าสนุกมากทีเดียว
ยังโชคดี...ที่เขายังมีกฤตที่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน เพราะอย่างน้อยก็มีเพื่อนสนิทสักคนที่ได้คุยและอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ต้องเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ ถึงแม้ว่าคนอื่นๆเริ่มจะพอรู้จักกันขึ้นมาบ้างจากการประชุมกันในหลายๆครั้งที่ผ่านมา แต่การที่มีเพื่อนสนิทอยู่ข้างกายในพื้นที่ที่ห่างไกลแบบนี้ย่อมถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง
พวกเขาเคยได้ยินรุ่นพี่บางคนเคยพูดว่า...การออกคอมเมดเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุดอีกครั้งหนึ่งของการเป็นนักศึกษาแพทย์...พอได้ยินแล้วก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าใดนัก แต่ในใจลึกๆก็ได้แต่หวังว่าขอให้เป็นอย่างนั้น เพราะอย่าให้เขาต้องเบื่อตายในดินแดนที่ห่างไกลแบบนี้เลย...
ไม่นาน...รถก็เคลื่อนตัวเข้าภายในหมู่บ้าน ลัดเลาะไปตามซอกซอยต่างๆ จนมาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง
“ บ้าน 401 !!! บ้าน 401 !!! ถึงแล้ว...ลงรถได้ ” เสียงของอาจารย์ผู้ชายที่ยังดูหนุ่มแน่นคนหนึ่งตะโกนเสียงดังหลังจากที่รถหยุด
ใช่แล้ว...พวกเขาอยู่เขต 4 และอยู่กลุ่ม 1 จึงเรียกให้เข้าใจง่ายๆว่า... ‘บ้าน 401’
สนและกฤตรีบหยิบกระเป๋าของตน และไม่ลืมที่จะมองออกไปข้างนอกรถเพื่อประเมินสถานที่พักอาศัยที่พวกเขาจะฝากชีวิตไว้สิบวันต่อจากนี้
พวกเขาทั้ง 12 ชีวิตรีบลงจากรถ แล้วมองบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าทันที
ก็ยังดี...ที่บ้านหลังนี้ยังเป็นบ้านปูน เขาเห็นบ้านหลายหลังระหว่างทางที่ขับผ่านมานี้เป็นบ้านไม้เกือบร้อยละเก้าสิบ แต่ถึงบ้านหลังนี้จะไม่ได้โทรมมากนัก...แต่ก็ถือว่าค่อนข้างเล็กเกินไปสำหรับผู้มาใหม่ที่จะมานอนค้างอ้างแรมตั้ง 12 คนรวมกับอาจารย์อีกหนึ่งคน
“ อ้าวทุกคน...ตามอาจารย์มานี่ ” เสียงอาจารย์ประจำกลุ่มของพวกเขาเดินนำทางเข้าไปด้อมๆมองๆที่หน้าบ้าน
“ เจ้าของบ้านจะอยู่มั้ยครับ อาจารย์ ? ” พล...คณะเทคนิคการแพทย์ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มเอ่ยถามขึ้น
“ อยู่สิ อยู่แน่ๆ ก็อาจารย์บอกเจ้าของบ้านทุกหลังไว้แล้ว...ว่าจะมาวันนี้ ” อาจารย์คนหนุ่มพูดอย่างมั่นใจ
แล้วทันใดนั้น...ก็มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเปิดประตูหน้าบ้านออกมา ฝ่ายนั้นฉีกยิ้มกว้างทันทีเมื่อเห็นพวกเขา
“ มากันแล้วเหรอจ้ะ ? ” สำเนียงแปลกๆของคนท้องถิ่น ฟังแล้วดูจริงใจเหมือนรอยยิ้มบนใบหน้านั้นไม่มีผิด
พวกเขาทุกคนเดาได้ว่าคนๆนี้คงจะเป็นเจ้าของบ้าน...จึงรีบยกมือไหว้กัน
“ ครับ คุณโสภาใช่มั้ยครับ ? ” อาจารย์ยกมือไหว้ทักทายบ้าง
“ ใช่จ้ะ ”
ไม่นานก็มีคุณลุงหน้าตาสูงวัยโผล่หน้ามาทางด้านหลังของประตูเช่นกัน
“ ดิฉันกับสามีกำลังรอต้อนรับพอดีเลยค่ะ ” คุณป้าพูดด้วยท่าทางสุภาพ เห็นแล้วแปลกใจนัก...พวกเขาเป็นฝ่ายที่จะมาขอพักอาศัย อดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาเองต่างหากที่จะต้องเป็นฝ่ายพูดไปและค้อมหัวไปแบบนี้...เห็นแล้วรู้สึกเกรงใจชะมัด
ไม่นานพวกเขาก็ถูกเชื้อเชิญให้เข้าไปในบ้าน...
เมื่อย่างเท้าก้าวเข้ามาแล้วก็ต้องรีบกวาดสายตามองรอบๆบ้านทันที บ้านหลังเล็กที่ไม่ค่อยมีเครื่องใช้ภายในบ้านมากมายนัก จะมีก็เพียงแต่ตู้ขนาดเล็กที่เอาไว้ใส่หมอนอิงหลายใบตามแบบฉบับของคนท้องถิ่น ฟูกที่นอนเกือบสิบวางกองไว้ไม่ห่างกัน มีเพียงโทรทัศน์เครื่องเล็กๆ และพัดลมตั้งโต๊ะเท่านั้นที่ยังดูเหมือนเป็นเครื่องใช้เพื่ออำนวยความสะดวกภายในส่วนนี้
คุณป้าโสภาเริ่มอธิบายให้ฟังอย่างช้าๆเป็นภาษาท้องถิ่นที่ฟังแล้วเสนาะหู ส่วนคุณลุงที่หน้าตายอมคนก็ได้แต่ยิ้มแป้นเดินตามหลังคุณป้าโดยไม่พูดไม่จาสักคำ
“ เมื่อวันก่อนดิฉันทำความสะอาดจนหมดทั้งบ้านเลยจ้ะ แต่ก็ทำได้เท่านี้ ฮ่ะ ๆ บ้านอาจจะหลังเล็กไปสักหน่อยนะจ้ะ แต่คิดว่าน่าจะนอนกันได้... ”
ฝ่ายนั้นชี้นิ้วไปที่ส่วนลานกลางบ้านที่มีเสาต้นใหญ่ขวางกั้น
“ ถ้าใครอยากนอนพื้นตรงนี้ก็ได้นะจ้ะ หาฟูกหาที่นอนมาปู เพราะตรงนี้มีพัดลมบนเพดาน แต่ถ้าอยากนอนบนบ้านก็ไม่เป็นไร เอาพัดลมขึ้นไปด้วยสักสองเครื่อง...แค่นี้ก็น่าจะได้ ”
เธอเดินนำไปยังส่วนทางด้านหลัง ระหว่างทางผ่านตู้เย็นสีเขียวสภาพเก่า เขามองไปยังปลายนิ้วของหญิงตรงหน้าก็พบว่าเป็นเตาแก๊สสำหรับหุงต้มขนาดเล็ก และเตาถ่านอยู่ทางด้านล่าง ถ้าสังเกตดีดีจะพบว่าเตาถ่านมีร่องรอยของการถูกใช้งานมากกว่า
“ นี่ก็คือส่วนครัวนะจ้ะ ถ้าอยากทำกับข้าวก็ทำที่นี่ได้เลย ส่วนห้องน้ำ... ”
“ อยู่นอกบ้าน...ตรงนู้นเลยจ้ะ ” เธอชี้ไปทางด้านข้างของตัวบ้านที่ห่างไปอีกประมาณสิบก้าว เขาพึ่งรู้วันนี้นี่เองว่าคนในชุมชนนี้ชอบทำห้องน้ำไว้นอกบ้าน...ซึ่งเขาเองก็ไม่ทราบเหตุผลเหมือนกัน
“ หมดแล้วจ้ะ บ้านป้าไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ ฮ่ะ ๆ ” ฝ่ายนั้นพูดด้วยท่าทางถ่อมตนพร้อมกับยิ้มซื่อๆ
หลังจากขอบคุณคุณป้าและสนทนากันพอประมาณ พวกเขาก็ถึงเวลาที่ต้องจัดข้าวของและสถานที่สำหรับนอนในคืนนี้
เราทั้งสิบสองคนตกลงว่า...ให้ฝ่ายหญิงนอนชั้นบนเพราะสะดวกและปลอดภัยสำหรับการแต่งตัว ส่วนพวกผู้ชายก็นอนที่ชั้นล่าง เพราะฉะนั้นพัดลมตั้งโต๊ะจึงได้กลายเป็นของฝ่ายหญิงไปทั้งหมดแทน แล้วหลังจากนั้นพวกเราทุกคนก็เริ่มแยกย้ายจัดของกัน
***********************************
อาหารเย็นวันนี้...หลักๆเป็นฝีมือของสองสาวรุ่นพี่คณะพยาบาลและสาธารณสุข ส่วนคนอื่นก็มีส่วนช่วยเหลือเต็มที่ เขาเองที่ถึงแม้จะทำอะไรไม่ค่อยเป็น แต่อย่างน้อยก็เคยช่วยณัฐหั่นผักเวลาที่ช่วยกันทำกับข้าวอยู่หลายครั้ง จึงยังพอจะทำเป็นอยู่บ้าง
“ มา กูช่วย !! ” กฤตนั่งลงเก้าอี้ตัวข้างๆ
“ ไม่ต้องหรอก แค่หั่นผักเอง มึงหุงข้าวเสร็จแล้วเหรอ ? ”
เพราะมื้อเย็นครั้งนี้มีคนกินปริมาณมาก การหุงข้าวจากหม้อหุงข้าวขนาดเล็กที่มีภายในบ้านอาจจะไม่พอ จึงต้องหุงเองโดยใช้หม้อขนาดใหญ่แบบเช็ดน้ำแทน
“ เออ แต่ไม่แน่ใจหรอกนะ ว่าจะกินได้หรือเปล่า ฮ่ะ ๆๆ ” ประโยคสุดท้ายแอบกระซิบกระซาบเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ น้องสน น้องกฤต สวีทกันอีกแล้วนะ ”
‘พี่ใบหม่อน’ สาวสวยที่เป็นถึงดาวคณะทันตะ...เดินถือถาดผักอีกถาดใหญ่มาวางบนโต๊ะ แล้วทิ้งตัวลงนั่งทางด้านหน้าของสน
เพราะมีเพียงคณะแพทย์คณะเดียวเท่านั้นที่ได้ออกคอมเมดกันตั้งแต่อยู่ปีสาม แต่คณะอื่นๆล้วนแล้วแต่เป็นนักศึกษาปีที่สี่ทั้งหมด ทำให้นักศึกษาแพทย์อย่างพวกเรา...กลายเป็น ‘รุ่นน้อง’ ของทัวร์ครั้งนี้ไปโดยปริยาย
ไม่แปลกเลยที่เมื่อครู่พี่ใบหม่อนจะแซวพวกเราอย่างนั้น เพราะตั้งแต่วันประชุมจนมาถึงวันที่ต้องออกชุมชนจริงๆวันนี้ พวกเราสองคนเพื่อนสนิทก็แทบจะไม่อยู่ห่างกายกันเลยทีเดียว
‘ผู้ชายร่างใหญ่’ สองคนที่พยายามทำตัวติดกันเหมือนปาท่องโก๋แบบนี้ คนอื่นเห็นแล้วอาจจะรู้สึกไม่กล้าเข้าหา เพราะอย่างน้อยถ้าอยู่ห่างกันไว้ ก็จะได้มีโอกาสได้เข้าไปคุย...กับใครคนใดคนหนึ่งได้...
“ โอ้โห...พี่หม่อน แซวพวกผมแบบนี้อีกแล้ว เดี๋ยวก็จูบกับไอ้สนโชว์ให้ดูเลย !! ” กฤตพูดกลับแบบไม่สะทกสะท้าน และนั่นทำให้เพื่อนสนิทอีกคนหัวเราะร่วนขึ้นมาทันที
อาจจะเป็นเพราะก่อนออกคอมเมดนั้นได้ผ่านการนัดประชุมมาก็หลายครั้ง ทำให้พวกเราได้รู้จักและเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น จนสามารถพูดคุยหยอกล้อกันได้บ้างแล้ว ทำให้จากที่เคยเรียกว่า ‘พี่ใบหม่อน’ ในครั้งแรก จนตอนนี้สามารถเรียกว่า ‘พี่หม่อน’ ได้อย่างไม่ตะหงิดใจ
“ พวกเด็กบ้า !! ” พี่หม่อนเผลอหน้าแดงขึ้นมาน้อยๆแล้วถลึงตาใส่
พี่ใบหม่อน...ที่นั่งอยู่ตรงหน้าคนนี้มีตำแหน่งเป็นถึงดาวคณะทันตะ
เพราะหน้าตาที่น่ารักชวนมอง ใบหน้าเรียว ตากลมโต ผมยาวเป็นเกลียวคลื่นถึงกลางหลังเข้ากันได้ดีกับหุ่นสูงผอมเพรียวราวนางแบบ กิริยาท่าทางต่างๆล้วนแล้วดูดีจนน่าหลงใหลทั้งนั้น จนสนได้แต่คิดในใจว่าช่างเหมาะสมที่ได้เป็นถึง...ดาวคณะ...
แต่พอได้มารู้จักกันก็ยิ่งได้รู้ว่า... ‘นิสัย’ ของฝ่ายนั้นต่างหากที่ ‘น่ารัก’ มากกว่าหน้าตาหลายเท่านัก
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ” กฤตหัวเราะเสียงดังกับท่าทางของอีกฝ่าย
ฝ่ายหญิงแอบอมยิ้มตามไปด้วย
“ หั่นผักให้เสร็จด้วยล่ะ ส่วนน้องกฤต...เอาใบกระเพราไปเด็ดเลย หมดถาดเลยนะ ” รุ่นพี่สาวสวยทิ้งท้ายแค่นั้น แล้วก็เดินไปรวมกับกลุ่มผู้หญิงอีกฝั่งที่กำลังง่วนกับการทำอาหารทันที
**********************************
“ เฮ้อ...เหนื่อยจังเลย ” เขาเอนตัวลงบนที่นอนผืนบาง
หลังจากที่กินข้าวมื้อเย็นจนเสร็จ พวกเขาก็ต้องเดินทางไปที่วัดประจำหมู่บ้าน เพื่อไป ‘งานสู่ขวัญ’ ที่ชาวบ้านตั้งใจจัดให้อย่างยิ่งใหญ่เพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าคณาจารย์และนักศึกษาเขต4 ทุกคน บรรยากาศในงานเป็นไปอย่างเรียบง่ายแต่ว่า...อบอุ่นเหลือเกิน
ทั้งผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านทุกคนต่างต้อนรับด้วยความน่ารักและเป็นกันเอง แสดงออกได้เป็นอย่างดีว่า...เต็มใจที่จะให้พวกเขามาอาศัยอยู่ร่วมกัน
และเมื่องานดำเนินจนเสร็จเรียบร้อยเขาก็เดินทางกลับมาบ้านหลังเดิม รู้สึกเหนื่อยเพลียเสียจนไม่อยากจะทำอะไร เพราะวันนี้เดินทางมาตั้งแต่เช้า นั่งรถมาก็หลายชั่วโมง แล้วยังต้องเดินไปเดินมาทั้งวัน พอถึงช่วงเวลาว่างเขาก็รีบอาบน้ำชำระร่างกายแล้วรีบพักผ่อนทันที
เมื่อล้มตัวลงนอน...เพียงแค่ไม่กี่นาทีเขาก็ต้องอมยิ้มบางๆให้กับตัวเองเมื่อนึกถึงใบหน้าของ ‘ใครบางคน’ ขึ้นมา
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกหาใครคนนั้นทันที
“ คิดถึงจังเลย ” เขารีบพูดคำหวานใส่เป็นประโยคแรก
เสียงสดใสของฝ่ายนั้นดังตอบกลับมา หัวใจของเขารู้สึกชุ่มชื้นขึ้นมาทีละน้อย ณัฐดูเหมือนจะสนอกสนใจเป็นอย่างดีเพราะฝ่ายนั้นซักถามเขาเสียยกใหญ่เกี่ยวกับการเดินทางและบรรยากาศ เขาจึงเล่าเรื่องของวันนี้ทั้งวันให้ฝ่ายนั้นฟังทั้งหมด
“ แค่วันแรกก็เหนื่อยแล้วอ่ะ ” เขาบ่นให้อีกฝ่ายฟังเบาๆ
สนทนาเกี่ยวกับเรื่องวันนี้ได้สักพัก ก็ต้องเปลี่ยนเรื่องคุย ณัฐรีบยกเรื่อง ‘รูปภาพ’ ในกระเป๋าสตางค์ที่เขาเคยให้ขึ้นมาถามทันที เขาแอบหัวเราะกับตัวเองในใจเมื่อนึกภาพว่าฝ่ายนั้นคงจะกำลังทำหน้ามุ่ยแบบน่ารักๆอยู่แน่ๆ
“ ก็แอบถ่ายตอนณัฐเผลอไง ”
“...........................................”
“ ฮ่ะ ๆ พี่มีเยอะกว่านี้อีก เชื่อป่ะ ? ”
ไม่แปลกใจเลย...ที่อีกฝ่ายจะส่งเสียงเอ็ดตะโรโวยวายลนลานกลับมา ฟังแล้วยิ่งรู้สึกขำไปกันใหญ่
“ จริงสิ...ไม่ได้โกหกสักหน่อย ”
“ .......................................... ”
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก พี่จะเอาให้ณัฐดู ‘ทั้งหมด’ น่ะแหละ ”
“ .......................................... ”
“ ค้าบๆๆ ไม่เอาไปให้ใครดูหรอก...ดูแค่เราสองคน เนอะ ”
“ .......................................... ”
หลังจากคุยกันให้หายคิดถึงนานร่วมสองชั่วโมง...เราทั้งคู่จึงยอมวางสายกันไป
“ คืนนี้ฝันดีนะครับที่รัก ”
เขาเอ่ยบอกเป็นประโยคสุดท้ายแทนการจุมพิตที่หน้าผากเหมือนทุกวัน
เฮ้อ...ผ่านไปหนึ่งวันแล้วสินะ
คิดได้แค่นั้นเขาก็ถอนหายใจยาวแล้วพยายามปิดเปลือกตาหลับลงทันที
**************************************
...สามวันผ่านไป...
แต่ละเช้าในทุกๆวัน...จะผ่านไปด้วยความยากลำบาก และสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหามากที่สุดของกลุ่มเราก็คือ ‘ห้องน้ำ’ เพราะมีห้องน้ำเพียงแค่ห้องเดียวไม่พอใช้กับปริมาณคนที่มากมายถึง 12 ชีวิตรวมถึงเจ้าของบ้านด้วย
เราทุกคนจึงตัดสินใจแก้ปัญหาโดยการ ให้ฝ่ายหญิงที่ต้องลุกขึ้นมาเตรียมอาหารตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเป็นฝ่ายที่ต้องอาบน้ำก่อน และเมื่อเช้าตรู่ก็เป็นเวลาของฝ่ายชายที่ต้องตื่นมาจัดเตรียมโต๊ะอาหารและทำความสะอาดบ้านค่อยจัดการอาบน้ำชำระร่างกายตนเองบ้าง แต่กระนั้นก็ยังไม่เพียงพอกัน เพราะเมื่อสายจนแดดออกแล้วก็ยังเหลืออีกประมาณ 3-4 คนที่ยังไม่ได้อาบน้ำเสียที
สุดท้ายแล้วจึงต้องแก้ไขโดยการ
ต้องไปขออาบกับกลุ่มอื่นที่อยู่ข้างบ้านแทน...เพราะถ้าบ้านหลังไหนโชคดีหน่อยอาจจะมีห้องน้ำหลายห้อง อย่างเช่น ‘บ้าน403’ ที่เดินไปอีกประมาณร้อยเมตรนั่นเอง
“ อ้าวสุดหล่อ !! มาทำอะไรวะ ? ” เสียงของปอร์เช่...เพื่อนสนิทในกลุ่มอีกคนทักขึ้น เมื่อสนเดินเข้าไปในส่วนทางด้านหลังของบ้าน 403
ภายในเขต 4 นี้มีเพื่อนสนิทในกลุ่มพวกเขาอยู่ด้วยกันแค่ 3 คน นั่นคือ...สนและ กฤตที่โชคดีอยู่บ้าน 401 ด้วยกัน และปอร์เช่อยู่ที่บ้าน 403 ส่วนคนอื่นๆที่เหลือล้วนแล้วแต่อยู่เขตอื่นทั้งสิ้น
“ บ้านกูห้องน้ำไม่พอว่ะ ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ ”
บ้าน 403 นั้น เป็นบ้านที่ถือว่า
ดูดีมีฐานะ...ที่สุด เพราะตั้งแต่วันแรกที่เหยียบย่างมาที่นี่ก็ได้ยินข่าวลือหนาหูว่าบ้านหลังนี้ล้วนแล้วแต่เป็นที่ต้องการของนักศึกษาคนอื่น เพราะเจ้าของบ้านมีบ้านสองหลังที่อยู่ติดกัน...จึงได้ยกบ้านหลังหนึ่งให้เหล่านักศึกษาได้อยู่อาศัยกันเลยทีเดียว พวกเพื่อนๆจึงมีอิสระภายในบ้านกันอย่างเต็มที่ จะดูหนังดูบอลตะโกนกันโหวกเหวกก็ไม่ต้องเกรงใจมากนัก ห้องน้ำก็มีพร้อมใช้ถึงสามห้อง ไม่ใช่แค่นั้น...เพราะยังมีเครื่องทำน้ำอุ่น และมีห้องนอนห้องใหญ่สองห้องไว้แยกส่วนหญิงชายอีกต่างหาก เรียกได้ว่า...สวรรค์บนดินแท้ๆ
“ เอาสิ...อยากอาบห้องไหนก็ตามสบายเลยเพื่อน ” ปอร์เช่ยกยิ้มกวนให้
“ เออ ขอบคุณ ” พูดแค่นั้น สนก็รีบเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ส่วนนอกบ้านทันที
หลังจากที่อาบน้ำชำระร่างกายจนเสร็จ เขาก็ใส่เพียงแค่ผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืนออกมายังส่วนที่ใช้สำหรับแต่งตัว เขาจับเสื้อผ้าที่เตรียมมาด้วยใส่อย่างลวกๆ เช็ดผมพอหมาดๆ แล้วเดินออกมาขอบคุณเพื่อนคนอื่นที่อยู่ภายในบริเวณบ้าน
ใครเลยจะรู้ว่า...
ข่าวลือถูกส่งต่อกันมาตั้งนานแล้ว...ว่าในเขต 4 มีนักศึกษาแพทย์ชายคนหนึ่งที่มีใบหน้า หล่อเหลา รูปร่างหน้าตาดีไม่ต่างจากดารา ทำให้คนที่ได้ยินเรื่องนี้ถึงขั้นอยากจะเห็นด้วยตาตัวเองว่าข่าวลือนั้นเป็นความจริงหรือไม่ ทุกครั้งที่มีการรวมกลุ่มกันของนักศึกษา...เขามักจะตกเป็นเป้าหมายย่อมๆของการถูกมองจากสายตาหลายคู่ และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิดเพราะแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็เคยชินกับเรื่องแบบนี้เสียแล้ว
วันนี้ก็เช่นกันที่เขาถูกเหล่าหญิงสาวจากบ้าน403 มองกันจนตาค้างในสภาพหลังจากอาบน้ำเสร็จ บางคนก็เผลอหน้าแดงออกมาน้อยๆ แต่เขาก็พยายามทำเป็นไม่สนใจไปตามปกติ
และอีกอย่างหนึ่งที่เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่า...นิสัยไม่ค่อยพูดจาและท่าทางลึกลับแบบนี้นี่แหละ ที่ทำให้หญิงสาวในเขตถึงขั้นหลงใหลคลั่งไคล้ได้เลยทีเดียว
หนึ่งวันถัดมาข่าวลือระลอกสองก็ตามมาติดๆกันด้วยเนื้อหาที่ว่า...ชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาแห่งบ้าน 401 นั้น ได้ถูกตั้งฉายาจากคนในเขตอย่างเงียบๆว่าเป็น...เจ้าชายเย็นชา...
******************************
“ น้องสน จะฝากพี่ซักผ้าหรือเปล่า ? ” พี่ใบหม่อนเรียกถามเขาตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ หลังจากที่ทำงานบ้านกันจนเสร็จเรียบร้อย
“ ไม่เป็นไรครับพี่ ผมเอาชุดมาครบสิบวัน ไม่ต้องซักก็ได้ ” เขาตอบออกไป
เพราะจากนิสัยที่ขี้เกียจส่วนตัว เขาจึงตั้งใจเอาชุดมาจนครบ...เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาซัก และจะได้เอาไปส่งซักทีเดียวเมื่อกลับถึงหอพัก
“ แล้วของผมล่ะครับ พี่หม่อนไม่เห็นถามเลย ” เสียงกฤตที่พึ่งโผล่เข้ามาเอ่ยขึ้น ท่าทางที่ทะลึ่งตึงตังนี้ เพื่อนสนิทรู้ดีว่า...มันสามารถทำได้เวลาที่ไม่ได้อยู่กับแฟนเท่านั้น
“ อ้าว...ไหนล่ะ ? แล้วน้องกฤตจะฝากพี่ซักหรือเปล่า ? ”
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ไม่ฝากหรอกครับ ผมพึ่งซักไปเมื่อวานนี้เอง ”
พี่ใบหม่อนทำหน้ามุ่ยให้มันนิดหน่อย แล้วก็เดินออกไป
กฤตมองรุ่นพี่จนลับสายตา แล้วหันมายิ้มให้เขา
“ อะแฮ่ม ๆ ” อีกฝ่ายแกล้งทำเสียงกระแอมหลังจากที่ได้อยู่ลำพังเพียงแค่สองคน
“ เป็นไร ? ตีนกูติดคอมึงเหรอ ? ” เขาตอบกวนกลับไป สายตาก็พลันไปเห็นว่า...ในมือของเพื่อนสนิทมีชามใบใหญ่อยู่หนึ่งใบ
“ โอ้โห...ไอ้หล่อลากไส้ ไอ้ปากหมา กูอุตส่าห์แบกหน้ารับให้มึง ”
“ แบกหน้ารับอะไร ? ”
เพื่อนสนิทยิ้มกว้าง นั่งลงตรงหน้า แล้ววางชามใบใหญ่ลง
“ ดูนี่ !!! ให้ทายว่าวันนี้...เป็นอะไร ? ”
“ แถ่น...แถน...แท้นนนน ”
“ กล้วยบวชชีว่ะ !!! อร่อยเราอีกแล้ว ต้องขอบคุณหน้าตาผิดมนุษย์ของมึง ที่ทำให้คนหลงใหลถึงขั้นทำกับข้าวมาฝากทุกวัน ”
เป็นเรื่องปกติที่แต่ละบ้านจะทำอาหารมาแลกเปลี่ยนกัน เพราะจะได้กินอาหารได้หลากหลายมากขึ้น หรือเป็นการแสดงน้ำใจของคนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน แต่สำหรับในกรณีนี้ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะสามวันติดกันมาแล้ว...ที่บ้าน 401 ได้รับอาหารอันแสนอร่อยไม่ต่างกันในแต่ละวัน โดยมีข้อความฝากบอกมาแค่ว่า...ฝากให้น้องสน...
สนหัวเราะออกมาเบาๆกับท่าทางของเพื่อน
“ เออ...ก็ดี คนอื่นจะได้กินด้วย ”
“ เขาเอามาให้มึงหลายวันแล้วนะ มึงไม่คิดจะไปพูดกับเขาหน่อยเหรอ ? ”
“ ใครล่ะ ? กูไม่รู้จัก ”
“ กูถามเขาแล้ว เขาบอกว่าอยู่บ้าน 403 ”
“ เหรอ ? ”
“ เหอะน่า วันต่อไปก็ออกไปรับกับข้าวเขาบ้าง เขาจะได้ดีใจ...กูไม่บอก ‘น้องณัฐ’ หรอก ”
“ กูก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย ” สนรีบแย้งโดยเร็ว
“ พ่อมึงสิ !! กูเห็นมึงทำตัวสงบเสงี่ยมผิดธรรมชาติมาหลายวันแระ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้นี่หว่า ? ”
แล้วเพื่อนสนิทตรงหน้าก็แกล้งมองซ้ายขวาแล้วพูดเสียงเบา
“ เมื่อวาน...พี่หม่อนยังมาคุยกับกูเรื่องมึงเลย ”
“ กูรู้นะเว้ย !! ว่าพี่หม่อนอ่ะแอบสนใจมึง แต่มึงก็ยังทำเป็นหน้าบางไม่เล่นด้วยอีก ไม่สมกับเป็นมึงเลยว่ะ ดาวคณะเชียวนะเว้ย...ดาวคณะ !! ”
เขามองหน้าเพื่อน
“ มึงอยากให้กูทำอะไร ? ”
“ เปล้า ? ก็สนุกสนานบ้าง เช็คเรตติ้งบ้าง ไม่ใช่ดัดจริตทำชีวิตให้น่าเบื่อแบบนี้ กูไม่ได้บอกให้มึงมีชู้นอกใจน้องณัฐสักหน่อยนี่หว่า ”
แต่ไหนแต่ไรมา เขาก็ไม่เคยมีความคิดเรื่องที่ว่าจะต้องยิ้มน้อยยิ้มหวานให้ใครต่อใครไปทั่วอยู่แล้ว ที่ผ่านมาเขาอาจจะยอมคบกับผู้หญิงคนแล้วคนเล่าเพียงเพราะอีกฝ่ายยอมเสนอมาก่อนและคบหากันโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีใจให้เท่านั้นเอง
แต่ตอนนี้เลิกคิดเรื่องพรรค์นั้นไปได้เลย เพราะตั้งแต่วันที่เขาตัดสินใจคบหากับ ‘ ณัฐ’ อย่างเป็นจริงเป็นจังแล้ว...เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะมองใครหน้าไหนทั้งนั้น
สนถอนหายใจยาวแล้วเอ่ยออกมาในที่สุด
“ กูไม่มีอารมณ์เช็คเรตเหมือนที่มึงบอกหรอก กูไม่อยากทำ !! ”
กฤตยกคิ้วทำหน้าเหมือนเข้าใจ
“ โอเค้ !! ”
นิสัยของเพื่อนสนิทที่คบกันมาเกือบสิบกว่าปีอย่าง ‘ไอ้สน’ ทำไมเขาจะไม่รู้จัก เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่เคยที่จะหาเรื่องหว่านเสน่ห์ให้ผู้หญิงอยู่แล้ว มีแต่ฝ่ายหญิงทั้งนั้นแหละที่กระดี๊กระด๊าเข้ามาหามันเอง แต่ว่าตอนนี้...เขาเพียงแค่รู้สึกแปลกๆ
ทั้งแปลกใจ...ทั้งดีใจปนๆกัน
แปลกใจที่เห็นอีกฝ่ายพยายามเก็บเนื้อเก็บตัวชอบกล นานๆครั้งถึงจะยอมหลุดปากพูดจากับผู้หญิงที่ไม่รู้จักกัน ทั้งๆที่เขาก็พอจะรู้สึกได้ว่ามีสาวแท้สาวเทียม ‘เล็ง’ มันไว้มากแค่ไหน
เฮ้อ...จากที่เป็นคนดูเหมือนมีนิสัยหยิ่งอยู่แล้ว ตอนนี้คนอื่นยิ่งไม่กล้าเข้าหาไปกันใหญ่ ชักจะรู้สึกเป็นห่วงภาพพจน์ของไอ้เพื่อนบ้าคนนี้ขึ้นมานิดๆแฮะ
แต่เรื่องหนึ่งที่เขาดีใจก็คือว่า...ต้นเหตุของความผิดปกตินี้ต้องหนีไม่พ้นเรื่องของ ‘น้องณัฐ’ อย่างแน่นอน เพราะตั้งแต่วันที่มันยอมรับว่าคบกับณัฐอย่างเปิดเผย เขาก็มั่นใจได้เลยว่ามันต้องคิดมาเป็นอย่างดีแล้ว และคงจะจริงจังกับความรักครั้งนี้มาก
ตอนนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเพื่อนของเขารักแฟนมันมากแค่ไหน และถ้าเขาเดาไม่ผิดนี่ก็คงกำลังพยายามทำตัวเป็น ‘แฟนที่ซื่อสัตย์’ อยู่สินะ
เขามั่นใจว่ายังไงเพื่อนก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน เพราะตอนนี้ดูท่าจะกำลัง ‘หลงแฟน’เอามากๆ เพราะฉะนั้น...เขาถึงอยากจะดูอะไรสนุกๆไง !!!
กฤตยิ้มกว้างพร้อมกับลุกขึ้นยืน แล้วหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงมาแนบกับหู สนได้แต่มองตามด้วยความสงสัย
“ ฮัลโหล... ‘น้องณัฐ’ ได้ยินที่ไอ้สนมันพูดเมื่อกี้หรือเปล่า ? ”
“ เพราะฉะนั้น...สบายใจได้เลยนะ นี่พี่แพ้พนันเหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย ฮ่ะ ๆ ” กฤตพูดกรอกโทรศัพท์เสียงดัง
สนทำตาลุกวาวเมื่อได้ยินแบบนั้น เขารีบดีดตัวขึ้นไปแย่งโทรศัพท์ออกมาจากอีกฝ่ายทันที !!!
อย่าบอกนะ...ว่าณัฐได้ยินที่พวกเขาพูดกัน !!!
หลังจากที่ไอ้เพื่อนตัวดียอมปล่อยโทรศัพท์แล้ว เขาก็รีบพูดกับปลายสายทันที
“ ฮัลโหล...ณัฐเหรอ ? ไอ้กฤตมันเปิดโทรศัพท์ให้ณัฐฟังเหรอ ? ”
“ ณัฐ ???? เอ๋.... ”
เขารีบพูดรัวเร็วแต่ก็ต้องรู้สึกแปลกใจ เพราะ...
[....................เงียบ......................]
“ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ”
“ อ้าว ??!! ”
สนมองโทรศัพท์อย่างงงๆก็พบว่าหน้าจอว่างเปล่า...ไม่มีเบอร์ของคนที่โทรออก...
แล้วก็ต้องเข้าใจในความหมายชัดเจน เพราะเห็นอีกฝ่ายกำลังกุมท้องหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วพยัดเพยิดทำหน้ากวนกลับมา
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ที่แท้ก็กลัวเมีย เมื่อกี้กูล้อมึงเล่น...มีไรมะ ?? ”
“ ไอ้เชี่ยกฤตเอ้ย !! กูตกใจหมด มาให้กูฆ่าหั่นศพมึงซะดีดี !!!!! ”
แต่ก็ช้าไป...เพราะเพื่อนสนิทวิ่งหนีหายลับออกไปจากบ้านตั้งนานแล้ว
***********************************
ความคิดเห็น