ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    " YOU are the ONE " รักเราหวานซะ

    ลำดับตอนที่ #60 : บทที่ห้าสิบหก -- com med1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.61K
      8
      20 ก.พ. 53

    บทที่ห้าสิบหก


     

                  ...ณ ชุมชนที่อยู่ห่างไกล...



                  “ ยังไม่ถึงอีกเหรอเนี่ย ? ”  ชายหนุ่มหาวหวอดพลางทำตาปรือ  ขณะที่รถกำลังแล่นบนพื้นดินลูกรังที่เป็นสีแดงและมีฝุ่นกลบตลอดสองข้างทาง


                 สนหันไปมองกฤต...ที่นั่งเบาะด้านข้างอย่างเหนื่อยหน่ายไม่แพ้กัน 

                   “ เฮ้อ... ”  ว่าแล้วก็เอนหลังพิงเบาะแล้วหลับต่อ


                   พวกเขากำลังเดินทางออกชุมชนชนบทเพื่อหาความรู้นอกสถานที่และทำประโยชน์ให้ชุมชน  เป็นวิชาเรียนหนึ่งที่ต้องผ่านให้ได้ในปีสามเทอมสอง


                   สิบวันเต็มที่พวกเขาต้องพักอาศัยอยู่กับชาวบ้าน   เพราะเป็นการรวมตัวกันของนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้งหมดถึง  6  สาขา ได้แก่  แพทย์  ทันตแพทย์  สัตวแพทย์ พยาบาล  เทคนิคการแพทย์   และสาธารณสุข  ทำให้ปริมาณนักศึกษามีค่อนข้างมาก  การจัดการเรื่องที่อยู่อาศัยในครั้งนี้จึงกระจายไปบ้านต่างๆหลายหมู่บ้านครอบคลุมทั้งอำเภอ


                   พื้นที่ทั้งหมดถูกแบ่งให้เป็น 4 เขตที่อยู่ค่อนข้างห่างไกลกัน  แต่ละเขตถูกแบ่งออกเป็น 12 บ้าน  ซึ่งบ้านแต่ละหลังมีนักศึกษาที่ต้องพักอาศัยร่วมกับเจ้าของบ้านอีกประมาณ 12 คน 


                   ซึ่งแต่ละกลุ่มจะประกอบไปด้วยนักศึกษาคณะแพทย์ 5 คน  ทันตแพทย์ 1 คน  สัตวแพทย์ 1 คน  พยาบาล 2 คน  เทคนิคการแพทย์ 2 คน และสาธารณสุขอีก 1 คน   แต่ละคณะจะต้องใช้ชีวิตและทำงานร่วมกันโดยที่ไม่ได้รู้จักมาก่อน   จึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างท้าทายและน่าสนุกมากทีเดียว


                  ยังโชคดี...ที่เขายังมีกฤตที่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน  เพราะอย่างน้อยก็มีเพื่อนสนิทสักคนที่ได้คุยและอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ต้องเริ่มความสัมพันธ์ใหม่  ถึงแม้ว่าคนอื่นๆเริ่มจะพอรู้จักกันขึ้นมาบ้างจากการประชุมกันในหลายๆครั้งที่ผ่านมา  แต่การที่มีเพื่อนสนิทอยู่ข้างกายในพื้นที่ที่ห่างไกลแบบนี้ย่อมถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง 


                  พวกเขาเคยได้ยินรุ่นพี่บางคนเคยพูดว่า...การออกคอมเมดเป็นช่วงเวลาที่สนุกที่สุดอีกครั้งหนึ่งของการเป็นนักศึกษาแพทย์...พอได้ยินแล้วก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าใดนัก  แต่ในใจลึกๆก็ได้แต่หวังว่าขอให้เป็นอย่างนั้น  เพราะอย่าให้เขาต้องเบื่อตายในดินแดนที่ห่างไกลแบบนี้เลย...

     

                  ไม่นาน...รถก็เคลื่อนตัวเข้าภายในหมู่บ้าน  ลัดเลาะไปตามซอกซอยต่างๆ จนมาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง

     

                  “ บ้าน 401 !!!  บ้าน 401 !!!  ถึงแล้ว...ลงรถได้ ”  เสียงของอาจารย์ผู้ชายที่ยังดูหนุ่มแน่นคนหนึ่งตะโกนเสียงดังหลังจากที่รถหยุด

     
                 ใช่แล้ว...พวกเขาอยู่เขต 4 และอยู่กลุ่ม 1  จึงเรียกให้เข้าใจง่ายๆว่า... ‘บ้าน 401’

     

                  สนและกฤตรีบหยิบกระเป๋าของตน และไม่ลืมที่จะมองออกไปข้างนอกรถเพื่อประเมินสถานที่พักอาศัยที่พวกเขาจะฝากชีวิตไว้สิบวันต่อจากนี้
     
                  พวกเขาทั้ง 12 ชีวิตรีบลงจากรถ  แล้วมองบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าทันที

     

                  ก็ยังดี...ที่บ้านหลังนี้ยังเป็นบ้านปูน  เขาเห็นบ้านหลายหลังระหว่างทางที่ขับผ่านมานี้เป็นบ้านไม้เกือบร้อยละเก้าสิบ  แต่ถึงบ้านหลังนี้จะไม่ได้โทรมมากนัก...แต่ก็ถือว่าค่อนข้างเล็กเกินไปสำหรับผู้มาใหม่ที่จะมานอนค้างอ้างแรมตั้ง 12 คนรวมกับอาจารย์อีกหนึ่งคน
      
     

                  “ อ้าวทุกคน...ตามอาจารย์มานี่ ”  เสียงอาจารย์ประจำกลุ่มของพวกเขาเดินนำทางเข้าไปด้อมๆมองๆที่หน้าบ้าน


                   “ เจ้าของบ้านจะอยู่มั้ยครับ อาจารย์ ? ”   พล...คณะเทคนิคการแพทย์ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มเอ่ยถามขึ้น

     
                   “ อยู่สิ  อยู่แน่ๆ  ก็อาจารย์บอกเจ้าของบ้านทุกหลังไว้แล้ว...ว่าจะมาวันนี้  ” อาจารย์คนหนุ่มพูดอย่างมั่นใจ
     
     

                   แล้วทันใดนั้น...ก็มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเปิดประตูหน้าบ้านออกมา  ฝ่ายนั้นฉีกยิ้มกว้างทันทีเมื่อเห็นพวกเขา

     
                   “ มากันแล้วเหรอจ้ะ ? ”  สำเนียงแปลกๆของคนท้องถิ่น ฟังแล้วดูจริงใจเหมือนรอยยิ้มบนใบหน้านั้นไม่มีผิด


                   พวกเขาทุกคนเดาได้ว่าคนๆนี้คงจะเป็นเจ้าของบ้าน...จึงรีบยกมือไหว้กัน

                   “ ครับ  คุณโสภาใช่มั้ยครับ ? ” อาจารย์ยกมือไหว้ทักทายบ้าง



                   “ ใช่จ้ะ ” 



                   ไม่นานก็มีคุณลุงหน้าตาสูงวัยโผล่หน้ามาทางด้านหลังของประตูเช่นกัน

                   “ ดิฉันกับสามีกำลังรอต้อนรับพอดีเลยค่ะ ”  คุณป้าพูดด้วยท่าทางสุภาพ เห็นแล้วแปลกใจนัก...พวกเขาเป็นฝ่ายที่จะมาขอพักอาศัย  อดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาเองต่างหากที่จะต้องเป็นฝ่ายพูดไปและค้อมหัวไปแบบนี้...เห็นแล้วรู้สึกเกรงใจชะมัด



                   ไม่นานพวกเขาก็ถูกเชื้อเชิญให้เข้าไปในบ้าน...



                   เมื่อย่างเท้าก้าวเข้ามาแล้วก็ต้องรีบกวาดสายตามองรอบๆบ้านทันที  บ้านหลังเล็กที่ไม่ค่อยมีเครื่องใช้ภายในบ้านมากมายนัก จะมีก็เพียงแต่ตู้ขนาดเล็กที่เอาไว้ใส่หมอนอิงหลายใบตามแบบฉบับของคนท้องถิ่น  ฟูกที่นอนเกือบสิบวางกองไว้ไม่ห่างกัน  มีเพียงโทรทัศน์เครื่องเล็กๆ และพัดลมตั้งโต๊ะเท่านั้นที่ยังดูเหมือนเป็นเครื่องใช้เพื่ออำนวยความสะดวกภายในส่วนนี้


                   คุณป้าโสภาเริ่มอธิบายให้ฟังอย่างช้าๆเป็นภาษาท้องถิ่นที่ฟังแล้วเสนาะหู  ส่วนคุณลุงที่หน้าตายอมคนก็ได้แต่ยิ้มแป้นเดินตามหลังคุณป้าโดยไม่พูดไม่จาสักคำ 

     

                   “ เมื่อวันก่อนดิฉันทำความสะอาดจนหมดทั้งบ้านเลยจ้ะ  แต่ก็ทำได้เท่านี้ ฮ่ะ ๆ บ้านอาจจะหลังเล็กไปสักหน่อยนะจ้ะ  แต่คิดว่าน่าจะนอนกันได้...  ” 


                   ฝ่ายนั้นชี้นิ้วไปที่ส่วนลานกลางบ้านที่มีเสาต้นใหญ่ขวางกั้น  

                   “ ถ้าใครอยากนอนพื้นตรงนี้ก็ได้นะจ้ะ  หาฟูกหาที่นอนมาปู เพราะตรงนี้มีพัดลมบนเพดาน  แต่ถ้าอยากนอนบนบ้านก็ไม่เป็นไร เอาพัดลมขึ้นไปด้วยสักสองเครื่อง...แค่นี้ก็น่าจะได้ ”



                   เธอเดินนำไปยังส่วนทางด้านหลัง ระหว่างทางผ่านตู้เย็นสีเขียวสภาพเก่า  เขามองไปยังปลายนิ้วของหญิงตรงหน้าก็พบว่าเป็นเตาแก๊สสำหรับหุงต้มขนาดเล็ก  และเตาถ่านอยู่ทางด้านล่าง  ถ้าสังเกตดีดีจะพบว่าเตาถ่านมีร่องรอยของการถูกใช้งานมากกว่า 


                   “ นี่ก็คือส่วนครัวนะจ้ะ  ถ้าอยากทำกับข้าวก็ทำที่นี่ได้เลย  ส่วนห้องน้ำ... ”


                   “ อยู่นอกบ้าน...ตรงนู้นเลยจ้ะ ” เธอชี้ไปทางด้านข้างของตัวบ้านที่ห่างไปอีกประมาณสิบก้าว  เขาพึ่งรู้วันนี้นี่เองว่าคนในชุมชนนี้ชอบทำห้องน้ำไว้นอกบ้าน...ซึ่งเขาเองก็ไม่ทราบเหตุผลเหมือนกัน


                   “ หมดแล้วจ้ะ  บ้านป้าไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่  ฮ่ะ ๆ ” ฝ่ายนั้นพูดด้วยท่าทางถ่อมตนพร้อมกับยิ้มซื่อๆ



                   หลังจากขอบคุณคุณป้าและสนทนากันพอประมาณ  พวกเขาก็ถึงเวลาที่ต้องจัดข้าวของและสถานที่สำหรับนอนในคืนนี้


                   เราทั้งสิบสองคนตกลงว่า...ให้ฝ่ายหญิงนอนชั้นบนเพราะสะดวกและปลอดภัยสำหรับการแต่งตัว  ส่วนพวกผู้ชายก็นอนที่ชั้นล่าง  เพราะฉะนั้นพัดลมตั้งโต๊ะจึงได้กลายเป็นของฝ่ายหญิงไปทั้งหมดแทน  แล้วหลังจากนั้นพวกเราทุกคนก็เริ่มแยกย้ายจัดของกัน




    ***********************************

     
     

                  อาหารเย็นวันนี้...หลักๆเป็นฝีมือของสองสาวรุ่นพี่คณะพยาบาลและสาธารณสุข  ส่วนคนอื่นก็มีส่วนช่วยเหลือเต็มที่  เขาเองที่ถึงแม้จะทำอะไรไม่ค่อยเป็น  แต่อย่างน้อยก็เคยช่วยณัฐหั่นผักเวลาที่ช่วยกันทำกับข้าวอยู่หลายครั้ง  จึงยังพอจะทำเป็นอยู่บ้าง

     
                 “ มา  กูช่วย !! ”  กฤตนั่งลงเก้าอี้ตัวข้างๆ

     
                 “ ไม่ต้องหรอก  แค่หั่นผักเอง  มึงหุงข้าวเสร็จแล้วเหรอ ? ”
     
     
                 เพราะมื้อเย็นครั้งนี้มีคนกินปริมาณมาก การหุงข้าวจากหม้อหุงข้าวขนาดเล็กที่มีภายในบ้านอาจจะไม่พอ  จึงต้องหุงเองโดยใช้หม้อขนาดใหญ่แบบเช็ดน้ำแทน

     
                 “ เออ  แต่ไม่แน่ใจหรอกนะ  ว่าจะกินได้หรือเปล่า ฮ่ะ ๆๆ ”  ประโยคสุดท้ายแอบกระซิบกระซาบเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคน


                  “ น้องสน น้องกฤต  สวีทกันอีกแล้วนะ ” 



                 ‘พี่ใบหม่อน’ สาวสวยที่เป็นถึงดาวคณะทันตะ...เดินถือถาดผักอีกถาดใหญ่มาวางบนโต๊ะ แล้วทิ้งตัวลงนั่งทางด้านหน้าของสน

                  เพราะมีเพียงคณะแพทย์คณะเดียวเท่านั้นที่ได้ออกคอมเมดกันตั้งแต่อยู่ปีสาม  แต่คณะอื่นๆล้วนแล้วแต่เป็นนักศึกษาปีที่สี่ทั้งหมด  ทำให้นักศึกษาแพทย์อย่างพวกเรา...กลายเป็น ‘รุ่นน้อง’ ของทัวร์ครั้งนี้ไปโดยปริยาย

                  ไม่แปลกเลยที่เมื่อครู่พี่ใบหม่อนจะแซวพวกเราอย่างนั้น  เพราะตั้งแต่วันประชุมจนมาถึงวันที่ต้องออกชุมชนจริงๆวันนี้  พวกเราสองคนเพื่อนสนิทก็แทบจะไม่อยู่ห่างกายกันเลยทีเดียว

                   ‘ผู้ชายร่างใหญ่’ สองคนที่พยายามทำตัวติดกันเหมือนปาท่องโก๋แบบนี้  คนอื่นเห็นแล้วอาจจะรู้สึกไม่กล้าเข้าหา  เพราะอย่างน้อยถ้าอยู่ห่างกันไว้  ก็จะได้มีโอกาสได้เข้าไปคุย...กับใครคนใดคนหนึ่งได้...



                   “ โอ้โห...พี่หม่อน  แซวพวกผมแบบนี้อีกแล้ว  เดี๋ยวก็จูบกับไอ้สนโชว์ให้ดูเลย !!  ”  กฤตพูดกลับแบบไม่สะทกสะท้าน  และนั่นทำให้เพื่อนสนิทอีกคนหัวเราะร่วนขึ้นมาทันที



                   อาจจะเป็นเพราะก่อนออกคอมเมดนั้นได้ผ่านการนัดประชุมมาก็หลายครั้ง ทำให้พวกเราได้รู้จักและเริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น  จนสามารถพูดคุยหยอกล้อกันได้บ้างแล้ว  ทำให้จากที่เคยเรียกว่า ‘พี่ใบหม่อน’ ในครั้งแรก  จนตอนนี้สามารถเรียกว่า ‘พี่หม่อน’ ได้อย่างไม่ตะหงิดใจ

     

                  “ พวกเด็กบ้า !! ” พี่หม่อนเผลอหน้าแดงขึ้นมาน้อยๆแล้วถลึงตาใส่
      
     

                  พี่ใบหม่อน...ที่นั่งอยู่ตรงหน้าคนนี้มีตำแหน่งเป็นถึงดาวคณะทันตะ

                  เพราะหน้าตาที่น่ารักชวนมอง ใบหน้าเรียว ตากลมโต  ผมยาวเป็นเกลียวคลื่นถึงกลางหลังเข้ากันได้ดีกับหุ่นสูงผอมเพรียวราวนางแบบ  กิริยาท่าทางต่างๆล้วนแล้วดูดีจนน่าหลงใหลทั้งนั้น  จนสนได้แต่คิดในใจว่าช่างเหมาะสมที่ได้เป็นถึง...ดาวคณะ... 

                   แต่พอได้มารู้จักกันก็ยิ่งได้รู้ว่า... ‘นิสัย’ ของฝ่ายนั้นต่างหากที่ ‘น่ารัก’ มากกว่าหน้าตาหลายเท่านัก


         
                    “ ฮ่ะ ๆ ๆ ”  กฤตหัวเราะเสียงดังกับท่าทางของอีกฝ่าย

     

                    ฝ่ายหญิงแอบอมยิ้มตามไปด้วย

                    “ หั่นผักให้เสร็จด้วยล่ะ  ส่วนน้องกฤต...เอาใบกระเพราไปเด็ดเลย  หมดถาดเลยนะ  ” รุ่นพี่สาวสวยทิ้งท้ายแค่นั้น แล้วก็เดินไปรวมกับกลุ่มผู้หญิงอีกฝั่งที่กำลังง่วนกับการทำอาหารทันที




    **********************************




                 “ เฮ้อ...เหนื่อยจังเลย ”  เขาเอนตัวลงบนที่นอนผืนบาง


                 หลังจากที่กินข้าวมื้อเย็นจนเสร็จ  พวกเขาก็ต้องเดินทางไปที่วัดประจำหมู่บ้าน  เพื่อไป ‘งานสู่ขวัญ’ ที่ชาวบ้านตั้งใจจัดให้อย่างยิ่งใหญ่เพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าคณาจารย์และนักศึกษาเขต4 ทุกคน  บรรยากาศในงานเป็นไปอย่างเรียบง่ายแต่ว่า...อบอุ่นเหลือเกิน  


                 ทั้งผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านทุกคนต่างต้อนรับด้วยความน่ารักและเป็นกันเอง  แสดงออกได้เป็นอย่างดีว่า...เต็มใจที่จะให้พวกเขามาอาศัยอยู่ร่วมกัน

                 และเมื่องานดำเนินจนเสร็จเรียบร้อยเขาก็เดินทางกลับมาบ้านหลังเดิม  รู้สึกเหนื่อยเพลียเสียจนไม่อยากจะทำอะไร  เพราะวันนี้เดินทางมาตั้งแต่เช้า  นั่งรถมาก็หลายชั่วโมง แล้วยังต้องเดินไปเดินมาทั้งวัน  พอถึงช่วงเวลาว่างเขาก็รีบอาบน้ำชำระร่างกายแล้วรีบพักผ่อนทันที



                  เมื่อล้มตัวลงนอน...เพียงแค่ไม่กี่นาทีเขาก็ต้องอมยิ้มบางๆให้กับตัวเองเมื่อนึกถึงใบหน้าของ ‘ใครบางคน’ ขึ้นมา


                  เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกหาใครคนนั้นทันที



                  “ คิดถึงจังเลย ”  เขารีบพูดคำหวานใส่เป็นประโยคแรก



                  เสียงสดใสของฝ่ายนั้นดังตอบกลับมา   หัวใจของเขารู้สึกชุ่มชื้นขึ้นมาทีละน้อย  ณัฐดูเหมือนจะสนอกสนใจเป็นอย่างดีเพราะฝ่ายนั้นซักถามเขาเสียยกใหญ่เกี่ยวกับการเดินทางและบรรยากาศ   เขาจึงเล่าเรื่องของวันนี้ทั้งวันให้ฝ่ายนั้นฟังทั้งหมด 



                  “ แค่วันแรกก็เหนื่อยแล้วอ่ะ ”  เขาบ่นให้อีกฝ่ายฟังเบาๆ



                  สนทนาเกี่ยวกับเรื่องวันนี้ได้สักพัก ก็ต้องเปลี่ยนเรื่องคุย  ณัฐรีบยกเรื่อง ‘รูปภาพ’ ในกระเป๋าสตางค์ที่เขาเคยให้ขึ้นมาถามทันที   เขาแอบหัวเราะกับตัวเองในใจเมื่อนึกภาพว่าฝ่ายนั้นคงจะกำลังทำหน้ามุ่ยแบบน่ารักๆอยู่แน่ๆ



                   “ ก็แอบถ่ายตอนณัฐเผลอไง ”


                   “...........................................”


                   “ ฮ่ะ ๆ พี่มีเยอะกว่านี้อีก   เชื่อป่ะ ? ”


                   ไม่แปลกใจเลย...ที่อีกฝ่ายจะส่งเสียงเอ็ดตะโรโวยวายลนลานกลับมา  ฟังแล้วยิ่งรู้สึกขำไปกันใหญ่


                   “ จริงสิ...ไม่ได้โกหกสักหน่อย ”


                   “ .......................................... ”
     

                   “ ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก  พี่จะเอาให้ณัฐดู ‘ทั้งหมด’ น่ะแหละ ”


                   “ .......................................... ”


                   “ ค้าบๆๆ ไม่เอาไปให้ใครดูหรอก...ดูแค่เราสองคน  เนอะ ”


                   “ .......................................... ”




                   หลังจากคุยกันให้หายคิดถึงนานร่วมสองชั่วโมง...เราทั้งคู่จึงยอมวางสายกันไป



                   “ คืนนี้ฝันดีนะครับที่รัก ”  

                   เขาเอ่ยบอกเป็นประโยคสุดท้ายแทนการจุมพิตที่หน้าผากเหมือนทุกวัน




                   เฮ้อ...ผ่านไปหนึ่งวันแล้วสินะ



                    คิดได้แค่นั้นเขาก็ถอนหายใจยาวแล้วพยายามปิดเปลือกตาหลับลงทันที

     



    **************************************


     

                ...สามวันผ่านไป...

     
                แต่ละเช้าในทุกๆวัน...จะผ่านไปด้วยความยากลำบาก  และสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหามากที่สุดของกลุ่มเราก็คือ ‘ห้องน้ำ’ เพราะมีห้องน้ำเพียงแค่ห้องเดียวไม่พอใช้กับปริมาณคนที่มากมายถึง 12 ชีวิตรวมถึงเจ้าของบ้านด้วย

                เราทุกคนจึงตัดสินใจแก้ปัญหาโดยการ ให้ฝ่ายหญิงที่ต้องลุกขึ้นมาเตรียมอาหารตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเป็นฝ่ายที่ต้องอาบน้ำก่อน  และเมื่อเช้าตรู่ก็เป็นเวลาของฝ่ายชายที่ต้องตื่นมาจัดเตรียมโต๊ะอาหารและทำความสะอาดบ้านค่อยจัดการอาบน้ำชำระร่างกายตนเองบ้าง  แต่กระนั้นก็ยังไม่เพียงพอกัน  เพราะเมื่อสายจนแดดออกแล้วก็ยังเหลืออีกประมาณ 3-4 คนที่ยังไม่ได้อาบน้ำเสียที 
    สุดท้ายแล้วจึงต้องแก้ไขโดยการ…ต้องไปขออาบกับกลุ่มอื่นที่อยู่ข้างบ้านแทน...เพราะถ้าบ้านหลังไหนโชคดีหน่อยอาจจะมีห้องน้ำหลายห้อง  อย่างเช่น ‘บ้าน403’ ที่เดินไปอีกประมาณร้อยเมตรนั่นเอง

     

                 “ อ้าวสุดหล่อ !! มาทำอะไรวะ ? ”  เสียงของปอร์เช่...เพื่อนสนิทในกลุ่มอีกคนทักขึ้น  เมื่อสนเดินเข้าไปในส่วนทางด้านหลังของบ้าน 403 



                  ภายในเขต 4 นี้มีเพื่อนสนิทในกลุ่มพวกเขาอยู่ด้วยกันแค่ 3 คน  นั่นคือ...สนและ กฤตที่โชคดีอยู่บ้าน 401 ด้วยกัน  และปอร์เช่อยู่ที่บ้าน 403  ส่วนคนอื่นๆที่เหลือล้วนแล้วแต่อยู่เขตอื่นทั้งสิ้น

     

                  “ บ้านกูห้องน้ำไม่พอว่ะ ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ ”



                  บ้าน 403 นั้น เป็นบ้านที่ถือว่า…ดูดีมีฐานะ...ที่สุด  เพราะตั้งแต่วันแรกที่เหยียบย่างมาที่นี่ก็ได้ยินข่าวลือหนาหูว่าบ้านหลังนี้ล้วนแล้วแต่เป็นที่ต้องการของนักศึกษาคนอื่น  เพราะเจ้าของบ้านมีบ้านสองหลังที่อยู่ติดกัน...จึงได้ยกบ้านหลังหนึ่งให้เหล่านักศึกษาได้อยู่อาศัยกันเลยทีเดียว พวกเพื่อนๆจึงมีอิสระภายในบ้านกันอย่างเต็มที่  จะดูหนังดูบอลตะโกนกันโหวกเหวกก็ไม่ต้องเกรงใจมากนัก  ห้องน้ำก็มีพร้อมใช้ถึงสามห้อง  ไม่ใช่แค่นั้น...เพราะยังมีเครื่องทำน้ำอุ่น  และมีห้องนอนห้องใหญ่สองห้องไว้แยกส่วนหญิงชายอีกต่างหาก  เรียกได้ว่า...สวรรค์บนดินแท้ๆ

     

                  “ เอาสิ...อยากอาบห้องไหนก็ตามสบายเลยเพื่อน ”  ปอร์เช่ยกยิ้มกวนให้

     

                  “ เออ ขอบคุณ ”  พูดแค่นั้น สนก็รีบเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ส่วนนอกบ้านทันที

     

                  หลังจากที่อาบน้ำชำระร่างกายจนเสร็จ  เขาก็ใส่เพียงแค่ผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืนออกมายังส่วนที่ใช้สำหรับแต่งตัว  เขาจับเสื้อผ้าที่เตรียมมาด้วยใส่อย่างลวกๆ   เช็ดผมพอหมาดๆ แล้วเดินออกมาขอบคุณเพื่อนคนอื่นที่อยู่ภายในบริเวณบ้าน

     
                 ใครเลยจะรู้ว่า...
     
                  ข่าวลือถูกส่งต่อกันมาตั้งนานแล้ว...ว่าในเขต 4 มีนักศึกษาแพทย์ชายคนหนึ่งที่มีใบหน้า หล่อเหลา  รูปร่างหน้าตาดีไม่ต่างจากดารา  ทำให้คนที่ได้ยินเรื่องนี้ถึงขั้นอยากจะเห็นด้วยตาตัวเองว่าข่าวลือนั้นเป็นความจริงหรือไม่  ทุกครั้งที่มีการรวมกลุ่มกันของนักศึกษา...เขามักจะตกเป็นเป้าหมายย่อมๆของการถูกมองจากสายตาหลายคู่  และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิดเพราะแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็เคยชินกับเรื่องแบบนี้เสียแล้ว  


                   วันนี้ก็เช่นกันที่เขาถูกเหล่าหญิงสาวจากบ้าน403 มองกันจนตาค้างในสภาพหลังจากอาบน้ำเสร็จ   บางคนก็เผลอหน้าแดงออกมาน้อยๆ   แต่เขาก็พยายามทำเป็นไม่สนใจไปตามปกติ


                   และอีกอย่างหนึ่งที่เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่า...นิสัยไม่ค่อยพูดจาและท่าทางลึกลับแบบนี้นี่แหละ  ที่ทำให้หญิงสาวในเขตถึงขั้นหลงใหลคลั่งไคล้ได้เลยทีเดียว


                   หนึ่งวันถัดมาข่าวลือระลอกสองก็ตามมาติดๆกันด้วยเนื้อหาที่ว่า...ชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาแห่งบ้าน 401 นั้น  ได้ถูกตั้งฉายาจากคนในเขตอย่างเงียบๆว่าเป็น...เจ้าชายเย็นชา...

     



    ******************************




                 “ น้องสน  จะฝากพี่ซักผ้าหรือเปล่า ? ”  พี่ใบหม่อนเรียกถามเขาตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ หลังจากที่ทำงานบ้านกันจนเสร็จเรียบร้อย


                 “ ไม่เป็นไรครับพี่  ผมเอาชุดมาครบสิบวัน  ไม่ต้องซักก็ได้  ”  เขาตอบออกไป
    เพราะจากนิสัยที่ขี้เกียจส่วนตัว เขาจึงตั้งใจเอาชุดมาจนครบ...เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาซัก  และจะได้เอาไปส่งซักทีเดียวเมื่อกลับถึงหอพัก


                 “ แล้วของผมล่ะครับ  พี่หม่อนไม่เห็นถามเลย ”  เสียงกฤตที่พึ่งโผล่เข้ามาเอ่ยขึ้น  ท่าทางที่ทะลึ่งตึงตังนี้  เพื่อนสนิทรู้ดีว่า...มันสามารถทำได้เวลาที่ไม่ได้อยู่กับแฟนเท่านั้น


                 “ อ้าว...ไหนล่ะ ? แล้วน้องกฤตจะฝากพี่ซักหรือเปล่า ? ”

     
                  “ ฮ่ะ ๆ ๆ ไม่ฝากหรอกครับ  ผมพึ่งซักไปเมื่อวานนี้เอง ”

     
                  พี่ใบหม่อนทำหน้ามุ่ยให้มันนิดหน่อย  แล้วก็เดินออกไป



                  กฤตมองรุ่นพี่จนลับสายตา แล้วหันมายิ้มให้เขา
     
                  “ อะแฮ่ม ๆ ” อีกฝ่ายแกล้งทำเสียงกระแอมหลังจากที่ได้อยู่ลำพังเพียงแค่สองคน

     

                  “ เป็นไร ? ตีนกูติดคอมึงเหรอ ? ”  เขาตอบกวนกลับไป  สายตาก็พลันไปเห็นว่า...ในมือของเพื่อนสนิทมีชามใบใหญ่อยู่หนึ่งใบ

     

                  “ โอ้โห...ไอ้หล่อลากไส้  ไอ้ปากหมา  กูอุตส่าห์แบกหน้ารับให้มึง ”
     


                   “ แบกหน้ารับอะไร ? ”

     

                   เพื่อนสนิทยิ้มกว้าง  นั่งลงตรงหน้า  แล้ววางชามใบใหญ่ลง

                   “ ดูนี่ !!!   ให้ทายว่าวันนี้...เป็นอะไร ? ”
     
                   “ แถ่น...แถน...แท้นนนน ” 
     
                   “ กล้วยบวชชีว่ะ !!! อร่อยเราอีกแล้ว  ต้องขอบคุณหน้าตาผิดมนุษย์ของมึง ที่ทำให้คนหลงใหลถึงขั้นทำกับข้าวมาฝากทุกวัน ”



                   เป็นเรื่องปกติที่แต่ละบ้านจะทำอาหารมาแลกเปลี่ยนกัน  เพราะจะได้กินอาหารได้หลากหลายมากขึ้น  หรือเป็นการแสดงน้ำใจของคนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน  แต่สำหรับในกรณีนี้ไม่เป็นเช่นนั้น  เพราะสามวันติดกันมาแล้ว...ที่บ้าน 401 ได้รับอาหารอันแสนอร่อยไม่ต่างกันในแต่ละวัน  โดยมีข้อความฝากบอกมาแค่ว่า...ฝากให้น้องสน...

     
                   สนหัวเราะออกมาเบาๆกับท่าทางของเพื่อน
     
                   “ เออ...ก็ดี  คนอื่นจะได้กินด้วย ”

     
                   “ เขาเอามาให้มึงหลายวันแล้วนะ  มึงไม่คิดจะไปพูดกับเขาหน่อยเหรอ ? ”

     
                   “ ใครล่ะ ? กูไม่รู้จัก ”

     
                   “ กูถามเขาแล้ว  เขาบอกว่าอยู่บ้าน 403 ”


                    “ เหรอ ? ”

     
                    “ เหอะน่า วันต่อไปก็ออกไปรับกับข้าวเขาบ้าง  เขาจะได้ดีใจ...กูไม่บอก ‘น้องณัฐ’ หรอก ”
     
     
                    “ กูก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย ”  สนรีบแย้งโดยเร็ว

     
                    “ พ่อมึงสิ !! กูเห็นมึงทำตัวสงบเสงี่ยมผิดธรรมชาติมาหลายวันแระ  ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้นี่หว่า ? ” 
     

                    แล้วเพื่อนสนิทตรงหน้าก็แกล้งมองซ้ายขวาแล้วพูดเสียงเบา
     
                    “ เมื่อวาน...พี่หม่อนยังมาคุยกับกูเรื่องมึงเลย  ”

                    “ กูรู้นะเว้ย !! ว่าพี่หม่อนอ่ะแอบสนใจมึง  แต่มึงก็ยังทำเป็นหน้าบางไม่เล่นด้วยอีก ไม่สมกับเป็นมึงเลยว่ะ  ดาวคณะเชียวนะเว้ย...ดาวคณะ !! ”

     

                    เขามองหน้าเพื่อน
     
                    “ มึงอยากให้กูทำอะไร ? ”

     
                    “ เปล้า ? ก็สนุกสนานบ้าง  เช็คเรตติ้งบ้าง  ไม่ใช่ดัดจริตทำชีวิตให้น่าเบื่อแบบนี้  กูไม่ได้บอกให้มึงมีชู้นอกใจน้องณัฐสักหน่อยนี่หว่า ”
     
     
                   แต่ไหนแต่ไรมา  เขาก็ไม่เคยมีความคิดเรื่องที่ว่าจะต้องยิ้มน้อยยิ้มหวานให้ใครต่อใครไปทั่วอยู่แล้ว  ที่ผ่านมาเขาอาจจะยอมคบกับผู้หญิงคนแล้วคนเล่าเพียงเพราะอีกฝ่ายยอมเสนอมาก่อนและคบหากันโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีใจให้เท่านั้นเอง

                   แต่ตอนนี้เลิกคิดเรื่องพรรค์นั้นไปได้เลย   เพราะตั้งแต่วันที่เขาตัดสินใจคบหากับ ‘ ณัฐ’ อย่างเป็นจริงเป็นจังแล้ว...เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะมองใครหน้าไหนทั้งนั้น

     

                   สนถอนหายใจยาวแล้วเอ่ยออกมาในที่สุด

                   “ กูไม่มีอารมณ์เช็คเรตเหมือนที่มึงบอกหรอก  กูไม่อยากทำ !!  ”

     

                   กฤตยกคิ้วทำหน้าเหมือนเข้าใจ
     
                   “ โอเค้ !! ”


     

                  นิสัยของเพื่อนสนิทที่คบกันมาเกือบสิบกว่าปีอย่าง ‘ไอ้สน’ ทำไมเขาจะไม่รู้จัก  เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่เคยที่จะหาเรื่องหว่านเสน่ห์ให้ผู้หญิงอยู่แล้ว  มีแต่ฝ่ายหญิงทั้งนั้นแหละที่กระดี๊กระด๊าเข้ามาหามันเอง  แต่ว่าตอนนี้...เขาเพียงแค่รู้สึกแปลกๆ
     
                  ทั้งแปลกใจ...ทั้งดีใจปนๆกัน  

                  แปลกใจที่เห็นอีกฝ่ายพยายามเก็บเนื้อเก็บตัวชอบกล  นานๆครั้งถึงจะยอมหลุดปากพูดจากับผู้หญิงที่ไม่รู้จักกัน  ทั้งๆที่เขาก็พอจะรู้สึกได้ว่ามีสาวแท้สาวเทียม ‘เล็ง’ มันไว้มากแค่ไหน
     เฮ้อ...จากที่เป็นคนดูเหมือนมีนิสัยหยิ่งอยู่แล้ว  ตอนนี้คนอื่นยิ่งไม่กล้าเข้าหาไปกันใหญ่  ชักจะรู้สึกเป็นห่วงภาพพจน์ของไอ้เพื่อนบ้าคนนี้ขึ้นมานิดๆแฮะ


                  แต่เรื่องหนึ่งที่เขาดีใจก็คือว่า...ต้นเหตุของความผิดปกตินี้ต้องหนีไม่พ้นเรื่องของ ‘น้องณัฐ’ อย่างแน่นอน  เพราะตั้งแต่วันที่มันยอมรับว่าคบกับณัฐอย่างเปิดเผย  เขาก็มั่นใจได้เลยว่ามันต้องคิดมาเป็นอย่างดีแล้ว  และคงจะจริงจังกับความรักครั้งนี้มาก

                 ตอนนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเพื่อนของเขารักแฟนมันมากแค่ไหน  และถ้าเขาเดาไม่ผิดนี่ก็คงกำลังพยายามทำตัวเป็น ‘แฟนที่ซื่อสัตย์’ อยู่สินะ   

                 เขามั่นใจว่ายังไงเพื่อนก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน   เพราะตอนนี้ดูท่าจะกำลัง ‘หลงแฟน’เอามากๆ    เพราะฉะนั้น...เขาถึงอยากจะดูอะไรสนุกๆไง !!!

     

     
                กฤตยิ้มกว้างพร้อมกับลุกขึ้นยืน  แล้วหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงมาแนบกับหู  สนได้แต่มองตามด้วยความสงสัย

     

                “ ฮัลโหล... ‘น้องณัฐ’ ได้ยินที่ไอ้สนมันพูดเมื่อกี้หรือเปล่า ? ”

            
                “ เพราะฉะนั้น...สบายใจได้เลยนะ  นี่พี่แพ้พนันเหรอเนี่ย  ไม่อยากจะเชื่อเลย ฮ่ะ ๆ  ”  กฤตพูดกรอกโทรศัพท์เสียงดัง

     

                 สนทำตาลุกวาวเมื่อได้ยินแบบนั้น  เขารีบดีดตัวขึ้นไปแย่งโทรศัพท์ออกมาจากอีกฝ่ายทันที !!!
     
                 อย่าบอกนะ...ว่าณัฐได้ยินที่พวกเขาพูดกัน !!!

     

                 หลังจากที่ไอ้เพื่อนตัวดียอมปล่อยโทรศัพท์แล้ว  เขาก็รีบพูดกับปลายสายทันที

                 “ ฮัลโหล...ณัฐเหรอ ? ไอ้กฤตมันเปิดโทรศัพท์ให้ณัฐฟังเหรอ ?  ”



                 “ ณัฐ ????  เอ๋....  ” 



                  เขารีบพูดรัวเร็วแต่ก็ต้องรู้สึกแปลกใจ เพราะ...



                  [....................เงียบ......................]
     



                   “ ฮ่า  ๆ  ๆ  ๆ  ๆ  ๆ  ”



                   “ อ้าว ??!! ” 

                   สนมองโทรศัพท์อย่างงงๆก็พบว่าหน้าจอว่างเปล่า...ไม่มีเบอร์ของคนที่โทรออก...
    แล้วก็ต้องเข้าใจในความหมายชัดเจน  เพราะเห็นอีกฝ่ายกำลังกุมท้องหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย  แล้วพยัดเพยิดทำหน้ากวนกลับมา

     

                   “ ฮ่ะ ๆ ๆ ที่แท้ก็กลัวเมีย   เมื่อกี้กูล้อมึงเล่น...มีไรมะ ?? ”

     

                   “ ไอ้เชี่ยกฤตเอ้ย !! กูตกใจหมด  มาให้กูฆ่าหั่นศพมึงซะดีดี !!!!! ”

     

                   แต่ก็ช้าไป...เพราะเพื่อนสนิทวิ่งหนีหายลับออกไปจากบ้านตั้งนานแล้ว

     

    ***********************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×