ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    " YOU are the ONE " รักเราหวานซะ

    ลำดับตอนที่ #65 : บทที่หกสิบเอ็ด -- ณ ร้านดอกไม้

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.69K
      14
      27 ก.พ. 53

    บทที่หกสิบเอ็ด


     

                 อากาศในตอนบ่ายค่อนข้างร้อน  พ่อของเขากำลังนอนหลับสนิทบนเก้าอี้โยกภายในห้องนั่งเล่น  ทั้งๆที่ยังมีหนังสือคติธรรมเล่มเล็กกางหราอยู่บนอก  

                 วันหยุดที่แสนว่าง...พ่อมักจะนอนกลางวันอย่างนี้เสมอ  พวกเขาจึงเดินผ่านเข้าไปในครัวเพื่อหาน้ำเย็นมาดื่มให้ชื่นใจ



                 “ แล้วจะทำอะไรต่อดี ? ”  พี่สนถามขึ้น


                 “ ปกติณัฐก็อยู่แบบนี้แหละ...ถึงบอกว่าน่าเบื่อไง ”


                 “ แล้วณัฐไม่ไปเฝ้าร้านกับแม่เหรอ ? ”


                 “ ปกติก็ไปเกือบทุกวัน  แต่วันนี้พี่สนโผล่มาตั้งแต่เช้า  ณัฐก็เลยยังไม่ได้ไปเลยน่ะสิ ”


                 “ ฮ่ะ ๆ งั้นก็ออกไปตอนนี้สิ ”


                 “ ไม่ได้หรอก...แม่บอกให้อยู่เป็นเพื่อนพี่สน ”


                 ‘รุ่นพี่มาหาทั้งที่...อยู่เป็นเพื่อนพี่เขานะลูก’  ก็แม่เขาบอกไว้อย่างนี้น่ะสิ  แล้วเขาจะปฏิเสธได้ยังไงกันล่ะ ?


                  พี่สนพยักหน้าเบาๆสองสามที  แล้วก้มลงมองแก้วน้ำที่เขาพึ่งยื่นให้เมื่อครู่

                  “ แม่ณัฐนี่ใจดีจังเลยน้า...พ่อณัฐก็ด้วย  เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากเลยล่ะ  ณัฐเติบโตมาแบบนี้เองหรอกเหรอ  เห็นแล้วมีความสุขแทน ”



                  ทั้งๆที่เป็นคำชม  แต่ทำไมพอออกมาจากปากของพี่สนถึงได้รู้สึกเศร้ายังไงไม่รู้

                  เท่าที่รู้...บ้านพี่สนฐานะค่อนข้างดีมาก  บ้านหลังใหญ่โตมีคนใช้อยู่เต็มบ้านแตกต่างจากบ้านของเขาลิบลับ   ถึงแม้ว่าผู้เป็นแม่จะรักและเลี้ยงดูมาอย่างดีแต่ก็มาด่วนจากไปตั้งแต่รุ่นพี่ยังเป็นเด็ก  ส่วนพ่อนั้นก็ไม่ค่อยสนใจมาดูแลสักเท่าไหร่นัก  พี่ชายก็อยู่ไกลถึงเมืองนอกเมืองนา  

                  เพราะพี่สนเติบโตมาแบบนั้น   บางที...ครอบครัวที่แสนจะธรรมดาของเขา  อาจจะทำให้พี่สนรู้สึกว่า ‘อบอุ่น’ ก็ได้




                 “ ฮ่ะ ๆ ๆ ”  เขาหลุดจากภวังค์  เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของคนตรงหน้า


                 “ ตอนแรกก็ยังคิดอยู่เลยนะว่าพ่อแม่ณัฐจะเป็นคนยังไง...แล้วพี่จะรับมือไหวหรือเปล่า ? ”

                 “ แต่ตอนนี้ขอบอกว่า ‘โล่งอก’ เลยล่ะ  พ่อแม่ณัฐใจดีกว่าที่คิดซะอีก  เรียกว่า...ใจดีเกินไปด้วยซ้ำ ”


                เขายิ้มบางกลับคืน

                “ แล้วไม่ดีหรือไงล่ะ ? ”


                “ ก็ดีน่ะสิ  อย่างนี้ถ้าฝากตัวเป็น ‘ลูกเขย’ อาจจะง่ายหน่อย ”  อีกฝ่ายกระซิบพร้อมกับทำหน้าทะเล้น

                 เขาถลึงตาใส่หนึ่งทีเพราะไม่กล้าโวยวาย  กลัวว่าพ่อจะตื่นเอาได้


                “ ณัฐ ?? ”  พี่สนเรียกเขาอีกครั้ง


                “ อะไรล่ะ ? ”


                “ อยากไปร้านดอกไม้จัง ”


                หา !!! เขาแปลกใจ

                “ พี่สนจะไปทำไม ? ที่ร้านไม่มีอะไรน่าสนุกหรอก ”



                แน่นอนอยู่แล้ว...เพราะนอกจากการนั่งเฝ้าร้านอยู่เฉยๆหรือนั่งเล่นคอมพิวเตอร์แก่เบื่อแล้ว  โชคดีหน่อยก็อาจจะได้ขายดอกไม้บริการลูกค้าบ้าง  แต่ถ้าเป็นช่อใหญ่ๆก็คงต้องเป็นหน้าที่ของแม่และพี่นวล



                “ ก็พี่อยากเห็นนี่นา  ว่าแต่ละวันณัฐทำอะไร  อยู่ยังไง ? ”


                “ ก็อยู่บ้านนี่ไงล่ะ ”


                “ ไม่ใช่...อยากเห็นตอนที่อยู่ร้านดอกไม้น่ะ ”

                “ นะ นะ นะ   แค่แวะไปดูก็ได้ ”  ฝ่ายนั้นส่งสายตาอ้อนมาให้


                “ ........................... ”  เขาเงียบพลางนึกคิด



                อุตส่าห์ได้อยู่บ้านอย่างสงบแล้ว  พี่สนยังจะหาเรื่องออกไปที่นั่นที่นี่อีก  ถ้าเป็นแบบนี้...คนที่รับรู้ถึงตัวตนพี่สนก็จะมีเพิ่มเป็นสามคน  นั่นก็คือ  พ่อ...แม่...แล้วก็พี่นวล

                แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆมันก็คงไม่แตกต่างกันเท่าไหร่   

                คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง ?




               “ ณัฐจะให้ไปก็ได้ ”  ฝ่ายนั้นทำหน้าดีใจขึ้นมาทันที


               “ แต่ว่า !! ” เขารีบดักคอ

             
               “ พี่สนห้ามทำอะไรรุ่มร่ามให้คนอื่นสงสัยนะ  ไม่งั้น... ”


               ไม่งั้น...อะไรดีหว่า ? อยู่ดีดีก็นึกบทลงโทษไม่ออก


                เขาเชิดหน้าขึ้นเหมือนเป็นฝ่ายเหนือกว่า

                “ ไม่งั้น...ณัฐจะให้พี่สนกลับทันทีเลย !! ”


                “ โอเคค้าบบบบ ”  อีกฝ่ายยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้างไม่ได้สะทกสะท้านแม้แต่น้อย  แล้วแอ บบ่นกับตัวเองเบาๆว่า ‘แฟนใครวะ ? ดุจัง’  จนเขาต้องรีบถามขึ้นอีกครั้ง


                “ ว่าไงนะ ?! ”


                “ เปล่าค้าบบบบ ”



               เขาจัดการโทรศัพท์ไปบอกที่ร้านว่ากำลังจะออกไป  ส่วนแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร  มิหนำซ้ำยังเอ่ยปากชวนพี่สนให้ออกมาด้วยกันอีกต่างหาก

               นั่นไง !! แม่ใจดีเกินไปจริงๆด้วย


               “ จะเดินไปเหรอ ? ”  รุ่นพี่ถามขึ้นเมื่อเดินออกมาจากตัวบ้าน


               “ ใช่...ไม่ไกลหรอก แค่นี้เอง ”  เขาพยายามชี้มือว่าร้านอยู่ไม่ไกล


               “ แล้วนั่น !!?? ”  อีกฝ่ายชี้นิ้วไปยังโรงรถข้างบ้าน

               “ ขับไปได้ไหม ? ”


               หา !! จะให้เอารถยนต์ไปเลยเหรอ ?  เดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว !!

               แต่แล้วก็ต้องรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิด เมื่อพี่เดินผ่านรถยนต์ไป แล้วจูงสิ่งหนึ่งออกมาแทน


               “ ขับจักรยานไปกันเถอะ !! ”  ฝ่ายนั้นพยักหน้าชวนพร้อมกับยิ้มกว้างมาให้



               จักรยานทรงแม่บ้านคันนี้...ที่แม่ของเขาซื้อมาเมื่อหนึ่งปีก่อน  ตอนนั้นแม่ตั้งใจว่าจะปั่นออกกำลังกายรอบหมู่บ้านทุกเย็นเพื่อสุขภาพ  แต่สุดท้ายแล้ว...แม้แต่ปั่นไปร้านดอกไม้หน้าปากซอยแม่ยังไม่ทำเลย  เพราะได้ให้เหตุผลไว้ว่า... ‘ไม่ไหวอ่ะ...แม่เหนื่อย  เดินเอาดีกว่า’

               จนสุดท้ายก็ต้องจอดทิ้งไว้อย่างนี้  แต่ยังดีที่พ่อของเขายังคอยเช็คสภาพรถให้อยู่เรื่อยๆ  เผื่อวันไหนที่แม่เกิดใจฮึดอยากรักสุขภาพขึ้นมาอีก



                “ ขับได้หรือเปล่าก็ไม่รู้...ไม่ใช่พังแล้วเหรอ ? ”  เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าช่วงที่ผ่านมานี้พ่อกับแม่ของเขาได้ใช้งานบ้างหรือเปล่า ?


               พี่สนสำรวจจักรยานคันนั้นสักพัก ก็แหงนหน้าขึ้นมาบอก

               “ ไม่พังหรอก...มาสิ ”


               ชั่งใจอยู่สักพัก...แต่สุดท้ายก็ค่อยๆเดินเข้าไปนั่งซ้อนท้ายพี่สนแต่โดยดี


               “ จะไปล่ะนะ ” กำลังจะถีบเท้าแต่รุ่นพี่ก็ทำท่าเหมือนพึ่งนึกอะไรออก

               “ อ๊ะ !! ”


                ฝ่ายนั้นเอี้ยวตัวไปด้านข้างเพื่อถอดหมวกสีดำของตนออกจากเอว

                เขามองแล้วก็ต้องเข้าใจ  เพราะตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองกว่าๆ  แสงแดดกำลังจ้าอยู่เลย  พี่สนก็ต้องใส่ไว้บังแดดสินะ...คิดแล้วก็ต้องแอบขำอยู่คนเดียว  ก็ตอนนี้พี่สนผิวคล้ำขึ้นตั้งเยอะ  ก็คงต้องป้องกันไว้บ้าง ฮ่ะ ๆ ๆ


                ปุ๊ !!  เสียงหมวกกระทบลงบนศีรษะของเขา

                เอ๋ ????


               “ ใส่ไว้...แดดมันร้อน ”


               ฝ่ายนั้นใส่หมวกให้เขาจนเกือบจะมิด  เขาจึงค่อยๆเลื่อนขึ้นเพื่อให้เห็นทัศนียภาพข้างหน้า  พร้อมกับที่รุ่นพี่เคลื่อนตัวขับจักรยานออกไป

               สายตาจับจ้องที่แผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายพลันรู้สึกใจเต้นตึกตักขึ้นมาทันที

               เฮ้อ...พี่สนชอบทำเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ให้เสมอ...ตรงนี้แหละที่น่ารักที่สุดเลย...

               มือที่เกาะเบาะรถไว้อย่างหลวมๆ...ค่อยๆเลื่อนขึ้นมาจับชายเสื้อของคนตรงหน้าอย่างช้าๆเพราะไม่กล้าที่จะจับเอวโดยตรง

               จะว่าไปแล้วก็ไม่เคยนั่งจักรยานกับพี่สนเลย...พอมานั่งแบบนี้แล้วรู้สึกดีจังเลยแฮะ
    แผ่นหลังกว้างของรุ่นพี่คล้ายกับเป็นเกราะกำบังให้เขารู้สึกปลอดภัย...กลิ่นหอมอ่อนๆเฉพาะตัวลอยตามลมมาปะทะจมูกทำให้รู้สึกสบายใจ

               ...พูดแล้วก็...เขินจังเลยวุ้ย...






               “ จอดตรงนี้แหละ ”  เขารีบบอกเมื่อมาถึงร้านดอกไม้หน้าปากซอย


               เราทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้าน ก็พร้อมกับที่แม่ร้องเรียกทักพอดี

               “ อ้าว...มากันแล้วเหรอ ? ”


               “ ครับ ”  เราทั้งคู่ตอบออกมาพร้อมกัน แล้วหันมองหน้ากันอย่างงงๆ


               แม่หัวเราะในท่าทางนั้น  แล้วรีบพูดต่อทันที

               “ นวลจ้ะ...นี่ชื่อ ‘สน’ นะ เป็นรุ่นพี่ที่คณะของณัฐ ”  อีกฝ่ายบอกกับพี่นวลที่ยืนอยู่ไม่ไกล


               “ ส่วนสน...นี่ก็พี่นวลนะ  เป็นผู้ช่วยแม่ที่ร้านเองจ้ะ ”


               พี่สนยกมือไหว้พี่นวลแล้วยกยิ้มหวานให้  ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับตกตะลึงตาค้างอยู่นานหลายวินาที

               เขาพึ่งรู้สาเหตุอาการตาค้างของพี่นวล เมื่ออีกฝ่ายมากระซิบบอกเขาทีหลังนั่นเอง

               ‘รุ่นพี่น้องณัฐนี่หล่อยังกะดาราเลยเนอะ’ 





               เขาพาพี่สนนั่งทำตัวอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ตรงบริเวณเคาเตอร์  เมื่อแม่ของเขาบอกว่าจะย้ายเข้าไปนั่งในห้องพักที่แยกออกไปเพราะจะทำบัญชีส่วนที่ค้างไว้ต่อ  ส่วนพี่นวลก็ออกไปทำธุระข้างนอกให้แม่  เพราะเห็นว่ามีคนมาช่วยเฝ้าร้านให้แล้ว


               “ วันทั้งวันก็อยู่แบบนี้แหละ...เพราะลูกค้าก็มีมาตลอด  ถ้าแค่ซื้อไม่กี่ดอกก็จัดการขายให้ได้เลย  แต่ถ้าลูกค้าอยากได้ช่อดอกไม้ใหญ่ๆหรืออยากติดต่อพวกงานนอกสถานที่อะไรแบบนี้  ก็ค่อยเข้าไปเรียกแม่ข้างใน...ไม่ค่อยมีอะไรหรอก ”  เขาอธิบาย


               รุ่นพี่นั่งเท้าคางทำหน้ากรุ้มกริ่ม  

               “ อืมม...พูดต่อสิ ”


               “ ก็แค่นี้แหละ ”  เขารีบหลบสายตาหันไปทางหน้าจอคอมพิวตอร์ทันที...ก็พี่สนมองเขาแบบนี้อีกแล้ว


               “ ณัฐ ?? ”


               “ ....................... ”  เขาหันไปมองก็เห็นฝ่ายนั้นชี้ไปทางช่อดอกไม้ช่อใหญ่ช่อหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ชั้นที่สองที่เรียงรายวางอยู่กลางร้าน


               “ นั่นน่ะ...ดอกอะไรเหรอ ? ”


               เขามองตามแล้วตอบออกไป  “ ดอกยาวๆน่ะเหรอ...ดอกแกลดิโอลัส...หรือว่าดอกซ่อนกลิ่นฝรั่ง ”


               “ อืมเหรอ ? แล้วนั่นล่ะ ? ”


               “ ดอกปักษาสวรรค์...สีสวยใช่มั้ยล่ะ ? ”  เขาถามต่อ เพราะดอกไม้จะสีส้มเหลืองสะดุดตามาก


               “ อื้อ...มีดอกไม้ที่พี่ไม่รู้จักตั้งเยอะแน่ะ ”



               หลังจากคุยกันสักพัก  พี่สนก็เดินดูดอกไม้ทั่วร้านอย่างสบายใจ  ส่วนเขาก็นั่งเล่นคอมพิวเตอร์ที่เคาเตอร์เหมือนเดิม

               เขาเข้าโปรแกรมเอ็มเอสเอ็นเหมือนทุกวัน  เพราะจะได้สนทนากับทั้งเพื่อนสมัยมัธยมปลายและเพื่อนมหาลัย


               เอ๋ ??...วันนี้แพรออนเอ็มด้วย !!

               ตั้งแต่ปิดเทอมมา พวกเขายังคงคุยโทรศัพท์ติดต่อกันบ้างเป็นบางครั้ง  แต่นานๆทีแพรจะออนเอ็มแบบนี้  เขาจึงรีบเข้าไปทักทายเพื่อนทันที

          
                ตอนนี้เขาได้ยินแต่เสียงกุกกักอยู่ทางด้านหลัง  แต่ก็ไม่สนใจ  ยังคงคุยกับแพรต่อ...


                แต่คุยกันได้ไม่ทันไร เธอก็ขอตัวออกก่อนเพราะกำลังจะออกไปข้างนอก  และได้บอกแต่ว่า...ตอนเย็นจะโทรมาหาอีกที...

                เฮ้อ...คุยกันแค่นิดเดียว...เสียดายจัง




                แต่แล้วทันใดนั้น !!!!! 

                เขาก็ต้องตกใจจนสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมีสิ่งหนึ่งโผล่มาอยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว



                หือ ???

                เขาพิจารณามอง ‘ดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่’ ที่อยู่ตรงหน้า  แล้วก็ต้องหันไปมองคนที่กำลังนั่งเท้าคางแล้วยื่นดอกกุหลาบอีกมือมาให้


     
                “ อะไร ? ”  เขาถามออกไปแต่หัวใจกลับพองโตออกมาน้อยๆ


                “ ดอกไม้ ”  ฝ่ายนั้นคลี่ยิ้มบาง พร้อมกับยื่นมือมาให้จนสุดแขน


                เขาพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองเผลอยิ้มออกไป

                “ รู้แล้ว...ก็เห็นอยู่ว่าดอกไม้ ”


                “ ให้ !! ”  สั้นๆง่ายๆ


                ใบหน้ารู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที  ใจหนึ่งก็กลัวว่าจะเผลอหน้าแดงออกมา  

                พี่สนมอบดอกไม้ให้เขางั้นเหรอ ? ดีใจจังเลยแฮะ   อยากจะยื่นมือออกไปรับใจจะขาด...แต่ก็ต้องทำวางท่าต่อ


                “ แต่ณัฐชอบดอกกุหลาบขาวนะ ”


                พอสิ้นเสียงนั้นรุ่นพี่ก็เหยียดตัวขึ้น แล้วเดินตรงไปยังถังเก็บดอกกุหลาบขาวทันที  ฝ่ายนั้นก้มลงพิจารณาเลือกดอกที่สวยที่สุดมาเพียงหนึ่งดอก  แล้วเดินกลับมาที่ที่เขากำลังนั่งอยู่

                พี่สนทำให้เขาแปลกใจ  เพราะฝ่ายนั้นแทรกดอกกุหลาบขาวหนึ่งดอกไว้กลางช่อดอกกุหลาบแดง  แทนที่จะให้ดอกกุหลาบขาวเพียงแค่ดอกเดียวอย่างที่เขาคิดไว้

                แปลกคนจริงๆ...


                “ อ๊ะ ”  อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างแล้วยื่นช่อดอกไม้ที่เกิดจากฝีมือตัวเองมาให้


                เป็นช่อที่แปลกจริงๆเลย  ดอกกุหลาบขาวดอกเดียวในดอกกุหลาบแดงเนี่ยนะ ??  แต่พี่สนก็อุตส่าห์จัดให้เขาเองกับมือ  ถึงแม้ว่าจะเป็นดอกไม้ในร้านของเขาเองก็เถอะ  ถ้าจะทำเล่นตัวต่อไปก็จะดูใจร้ายไปหน่อย


                เขาค่อยๆเอื้อมมือไปรับช่อดอกไม้นั้นด้วยหัวใจที่เต้นโครมครามจนกลัวว่าจะเผลอมือสั่นให้อีกฝ่ายรู้  ก่อนที่จะเผลออมยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้


                “ ขอบคุณนะ ”


                พี่สนจ้องมองมาที่เขาจนแทบจะหลอมละลาย

                “ ณัฐนับดูสิ...ว่ากุหลาบแดงมีกี่ดอก ? ”


                เอ๋ ???  เขารีบนับตามอย่างที่รุ่นพี่บอกอย่างว่าง่าย

                1..2..3…….7..8


                “ 9 ดอก...ทำไมเหรอ ? ”


                “ รู้หรือเปล่า ? ว่าดอกกุหลาบแดงเก้าดอกมีความหมายว่ายังไง ? ”


                เขากลอกตา  “ ใครจะไปรู้กันล่ะ ? ”


                รุ่นพี่คลี่ยิ้มบาง แล้วมองมาที่เขาอย่างอ่อนโยน กระแสความอบอุ่นแผ่ซ่านมาจนถึงหัวใจ

                “ ดอกกุกลาบแดงเก้าดอกแปลว่า......



                “.....เราสองคนจะรักกันตลอดไป... ”



                หัวใจของเขาอุ่นวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...รู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาทันที

                ...เราสองคนจะรักกันตลอดไป...งั้นเหรอ ?



               “ แต่ณัฐบอกว่า...ณัฐชอบดอกกุหลาบสีขาว ”

              
              “ แปลกมากเลยนะ ฮ่ะ ๆ ๆ ”  รุ่นพี่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี


              “ แปลกตรงไหน ? ” เขาทำหน้างง



              “ ก็ถ้าดอกกุหลาบขาวกับแดงรวมกัน...จะแปลว่า... ‘สองเราเป็นหนึ่งเดียวกัน’ ไงล่ะ ? ”



               “ ................................. ”  ใบหน้าร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม  ร่างกายร้อนระอุจนแทบจะหลอมละลาย  แล้วยิ่งสายตาคมของรุ่นพี่ที่มองมาจนทำให้อ่อนระทวยไปทั้งร่างนั่นอีกล่ะ ?

               อะไรจะหวานเยิ้มปานนั้น...พี่สนนะพี่สน...ชอบมาทำให้เขินอยู่เรื่อยเลย


     
                “ ................................ ”  เขาก้มหน้าก้มตาพยายามจัดดารกับความเขินของตัวเอง



                “ อยากจูบอ่ะ ”  อยู่ดีดีเสียงแผ่วเบาของตรงหน้าก็เอ่ยขึ้น



                “ หา !! ”  เขาตกใจทำตาโต พร้อมกับเอียงคอมองด้านหลังรุ่นพี่อย่างหวาดๆ เพราะกลัวว่าแม่อาจจะออกมาเห็นเข้า



                “ ฮ่ะ ๆ ๆ ” รุ่นพี่หัวเราะในท่าทางของเขาอย่างพอใจ 

                “ ถึงอยากจูบพี่ก็ไม่จูบตรงนี้หรอกน่า...เก็บไว้ก่อน  แล้วเย็นนี้ค่อยเคลียร์รวดเดียว ”



                 “ บ้า !! ทะลึ่ง ”  เขารีบหมุนเก้าอี้กลับทันที เพราะความเขินมาถึงขีดสุด



                 ทำไงดีเนี่ย !!??  ขนาดแม่ของเขานั่งอยู่ข้างในไอ้พี่สนยังมาทำหวานจนแทบคลั่งได้อีกแหนะ

                 แต่ว่า...

                 เขาก้มลงมองช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือพลางรู้สึกเต็มตื้นในอก


                 ‘...สองเราเป็นหนึ่งเดียวกัน...’ 


                 และ

     
                 ‘...เราสองคนจะรักกันตลอดไป...’  งั้นเหรอ ?


                 เขากับพี่สน...จะรักกันตลอดไป...

                 เป็นอะไรที่ฟังดูห่างไกลจังเลยแฮะ  แต่ก็...ฟังแล้วรู้สึกดีมากเลยล่ะ



                 ร่างเพรียวแอบยิ้มกว้างกับตัวเองคนเดียวด้วยความดีใจ



                 แต่แล้วเขาก็นึกอะไรออก !!  

                 อะไรที่เขาสามารถทำได้โดยไม่ให้รู้สึกเขินไปมากกว่านี้



                 “ พี่สน ?? ”  เขาเปลี่ยนสีหน้าแล้วหันกลับมาหาอีกฝ่ายทันที


                 “ อยากให้จูบเหรอ ? ” รุ่นพี่ยิ้มทะเล้น


                “ จะบ้าเหรอ ?!! ”
     
                “ ไม่ต้องมาทำเนียนเลย...ดอกไม้ก็ดอกไม้ร้านณัฐ...แค่จัดให้นิดหน่อย  ไม่เห็นลงทุนอะไรเลย ”


                “ ใครว่าไม่ลงทุน ”


                “ ลงทุนอะไร ? ”


                “ ก็อุตส่าห์ท่องความหมายของดอกไม้มาจากในเน็ต  จะเอาความหมายอื่นอีกมั้ยล่ะ ? ”


               คำตอบนั้นทำเอาเขาแทบจะขำพรืดออกมา แต่แล้วก็ต้องรีบกลั้นไว้

               
               “ บ้า !! ถ้างั้นจ่ายมาเลย ”

     
              เขาแกล้งกวักมือหยอยๆพร้อมกับยักคิ้วให้
     
              “ 500 บาท  จ่ายมา..จ่ายมา  คิดให้ถูกๆละกัน  ราคาคนกันเอง ”

     
              “ จ่ายแล้ว ! ” รุ่นพี่ตอบด้วยเสียงเรียบเฉย

     
              “ จ่ายอะไร ? อย่าขี้ตู่ ”

     
              “ จ่ายแล้ว...ณัฐรับไปแล้ว ”
     
     
              อีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยเสียงกระซิบ
     
               “ เพราะพี่ จ่ายด้วย ‘หัวใจ’....จ่ายไป ‘หมดทั้งใจ’ เลยด้วย ”


               คำตอบนั้นทำเอาเขาแทบจะกระอักเลือดตาย  ทั้งๆที่เป็นมุขฝืดแท้ๆ  แต่กลับรู้สึก...เขินจนทำอะไรไม่ถูก

     
               “ อี๊...แหวะ ” 


               เขาแกล้งทำเป็นจะอ้วกแต่ใบหน้าร้อนผ่าวไปจนถึงใบหู  แล้วหันร่างกลับไปเล่นคอมตามเดิมโดยที่มือยังกำช่อดอกไม้ไว้แน่น


                เขาอมยิ้มแล้วแกล้งทำเป็นบ่นให้อีกฝ่ายได้ยิน
     

                “ ถ้าจ่ายมาแล้วก็ไม่เป็นไร...แต่...”


                “...ณัฐ ‘ไม่ทอนคืน’ ให้หรอกนะ ”




    *****************************

     
     
                ช่วงที่กำลังเขินอายพี่สนอยู่นั้น  อยู่ดีๆก็มีเสียงกริ่งจากประตูดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศโรแมนติกของพวกเราในทันที
     
                 เขาแหงนหน้าขึ้นไปมองก็เห็นลูกค้าคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในร้าน...และเขาจำหน้าคนๆนี้ได้ดี  เพราะว่าในช่วงสองสัปดาห์นี้ อีกฝ่ายมาเป็นครั้งที่ 5 แล้วน่ะสิ

     
                 “ ร้านกาสะลองยินดีต้อนรับครับ ”  เขากล่าวทักทายด้วยความเคยชิน


                 ผู้ชายคมเข้มที่เคยมาซื้อช่อดอกไม้ให้น้องสาวเมื่อสองสัปดาห์ก่อนนั่นเอง !!  ฝ่ายนั้นยิ้มกว้างมาให้ด้วยความเป็นมิตร  ส่วนเขาก็ยิ้มบางๆกลับไปให้เช่นกัน

                 คนๆนี้มาซื้อดอกไม้ที่ร้านของเขาบ่อยจนน่าแปลกใจ  บางครั้งก็มาซื้อดอกไม้แค่ไม่กี่ดอก  บางครั้งก็ซื้อเป็นช่อใหญ่  แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ...แต่ละครั้งก็จะมาชวนคุยเรื่องต่างๆนานาสารพัด  จนเขาเองชักจะแปลกใจว่าอยากจะมาซื้อดอกไม้หรืออยากจะมาคุยกับเขากันแน่  เพราะฝ่ายนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจดอกไม้ที่ตั้งใจมาซื้อเท่าไหร่นัก

     
                 “ สวัสดีครับ น้องณัฐ ? ”  ฝ่ายนั้นรีบกล่าวทักทายด้วยความสนิทสนม

     
                 พี่สนที่นั่งอยู่ข้างๆ ปิดนิตยสารที่กำลังอ่านแล้วแหงนหน้าขึ้นมามองบ้าง

     
                 “ สวัสดีครับ...เอ่อ...วันนี้จะซื้อดอกอะไรดีครับ ? ”  เขาเอ่ยถาม

     
                ฝ่ายนั้นส่งสายตาหวานๆแบบเดิมมาให้  จนเขารู้สึกสยิว

                 “ เอ...วันนี้นึกไม่ออก  น้องณัฐช่วยคิดหน่อยสิครับ ?  ”
     

                 นั่นไง !! ประโยคลักษณะนี้...ท่าทางแบบนี้
     
                 ชวนให้ขนลุกดีจริงๆ
     
                  “ .................................... ”


                 แต่เมื่อกำลังจะอ้าปากตอบ  เสียงหนึ่งกลับดังขึ้นมาเสียก่อน...พี่สนนั่นเอง !!

                 “ ให้ผมช่วยคิดมั้ยครับ ?!! ”


                 ชายตรงหน้าเหลือบไปมองรุ่นพี่แวบหนึ่ง  ก่อนที่จะตอบด้วยท่าทางเมินเฉย

                 “ ไม่เป็นไรครับ  ผมอยากฟังความคิดเห็นของ ‘น้องณัฐ’ ”


                  คำตอบนั้นทำเอาพี่สนหรี่ตาลงทันที

                  เมื่อรู้สึกว่าสถานการณ์อาจจะไม่สู้ดี  เขาจึงต้องรีบทำอะไรสักอย่าง


                 “ เอ่อ...ถ้างั้น  ให้ผมแนะนำก็ได้ครับ ” เขาละล่ำละลักพูด

                 “ พี่อยากได้เป็นดอก  หรือเป็นช่อดีล่ะครับ ?  แล้วจะซื้อไปฝากใคร ? ผมจะได้แนะนำถูก ”



                 อีกฝ่ายยิ้มกว้างมาให้โดยที่ไม่สนใจสายตาของคนอีกคนที่จ้องตนเขม็ง

                “ คือวันนี้พี่อยากได้เป็นช่อ...เอาช่อใหญ่ๆนะ  เพราะพี่จะซื้อไปให้คนที่พี่ ‘แอบชอบ’ น่ะ ”


                 พูดแล้วก็ส่งสายหวานมาให้เขาอีกแหนะ

                 ฮึ่ย !!!  ขนลุก


                 “ เอ่อ..ถ้างั้นดูแคตตาล็อกก่อนมั้ยครับ ? จะได้เลือกได้ถูกใจ ”


                 “ ไม่ต้องหรอกครับ  พี่อยากให้น้องณัฐจัดเองเลย  เอาตามใจชอบเลยนะ เพราะถึงยังไงก็ออกมาสวยอยู่แล้ว ”



                  คราวนี้ทำเอาคนที่อยู่ข้างๆนั่งไม่ติดที่ !!

                  เพราะรุ่นพี่เหยียดตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว  แล้วยืนประจันหน้ากับอีกฝ่ายที่มีความสูงไล่เลี่ยกัน พร้อมกับฉีกยิ้มอย่างเยือกเย็นจนเขารู้สึกกลัว


                  “ วันนี้น้องณัฐมือเจ็บ  คงจัดดอกไม้ให้ไม่ได้  แต่ถ้ายังอยากได้ช่อดอกไม้ใหญ่ๆล่ะก็  มีคนที่สามารถทำให้ได้...นั่งอยู่ด้านใน  จะให้ไปเรียกให้มั้ยครับ ?  ”


                  หือ ?? มือเจ็บอะไรกัน ??  เขาตามไม่ทัน


                  แต่แล้ว !!!


                  “ น้องณัฐเจ็บมือเหรอ ? เป็นอะไรมากหรือเปล่า ?  ” 

                  ชายคนนั้นโผเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเอื้อมมือหวังจะมาจับแขนของเขา


                  แต่ก็ช้ากว่าอีกคนที่รีบเข้ามาขวางไว้เสียก่อน !!!

                 ‘หมับ’ !!  พี่สนจับเข้าที่ข้อมือของฝ่ายตรงข้ามทันที  แล้วมาบังเขาเอาไว้พร้อมกับมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง



                 “ คุณลูกค้าครับ ?!! ยังอยากได้ดอกไม้อยู่หรือเปล่าครับ  ผมจะได้จัดการให้ ”  รุ่นพี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่แข็งกร้าวในที


                 ชายคนนั้นมองด้วยสายตาขุ่นเคือง

                 “ เอ๊ะ ? คุณนี่ยังไง !!!  เป็นใครเนี่ย ? พนักงานใหม่เหรอ ? ทำไมไม่มีมารยาทกับลูกค้าแบบนี้ ”


                  “ เอ่อ.... ”  ณัฐไม่รู้จะแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้านี้ยังไง  จึงต้องรีบจับมือของรุ่นพี่ออกมาจากฝ่ายนั้น....  ‘พี่สน...ปล่อยมือก่อน’  เขาแอบกระซิบบอก  แล้วหันไปพูดคุยกับอีกฝ่ายทันที


                  “ คือว่า...ถ้าเป็นช่อใหญ่ๆ ผมคงจะจัดไม่ได้หรอกครับ  เดี๋ยวผมจะไปเรียกแม่มาจัดให้ ” เขาก้มหน้าก้มตาตอบ  แต่ใจจริงแล้วเขาก็ไม่อยากให้แม่ออกมาตอนนี้หรอก  เดี๋ยวได้เห็นบรรยากาศอึมครึมแบบเมื่อกี้แน่


                  “ เฮ้อ...ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรหรอก ”  ชายตรงหน้าเอ่ยขึ้น

                  “ ถ้าวันนี้ณัฐจัดไม่ได้ก็ไม่เป็นไร  งั้นพี่เอาดอกทิวลิป แค่ 3 ดอกละกัน ”


                  เขาแอบรู้สึกโล่งอกในใจ  เพราะอย่างน้อยเขาจะได้ไม่ต้องเรียกแม่ให้ออกมา


                 “ ตกลงเอาตามนี้นะครับ  ได้ครับ...ถ้างั้นรอแป๊บนึง ”  เขารีบกุลีกุจอไปจัดการให้ตามที่อีกฝ่ายต้องการทันที




                 
                 ระหว่างนั้น...สนก็รีบหันหน้ามามองอีกฝ่ายทันที  !!!

                 จ้องมองด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบาเพราะไม่ต้องการให้ร่างเพรียวที่อยู่ไม่ไกลได้ยิน



                 “ นี่ !! คุณลูกค้า...ไม่บอกฉันก็รู้ว่านายคิดอะไรอยู่ ”


                 “ อะไร ? นายพูดเรื่องอะไร ”  อีกฝ่ายทำเป็นไม่รู้เรื่อง


                  “ ถ้านายกำลังคิดจะแอ้ม ‘คนนั้น’ อ่ะนะ  ขอบอกไว้ว่านายหมดสิทธิ์แล้ว ”


                  อีกฝ่ายคิ้วขมวด ทำหน้าไม่พอใจทันที


                 ร่างสูงหัวเราะแค่นจมูก แล้วพูดต่อด้วยท่าทางสบายใจ

                 “ จะบอกให้เอาบุญนะ !! ว่า ‘ผู้ชายที่แสนจะน่ารักคนนั้น’... ”  เขาชี้มือไปยังร่างที่กำลังง่วนอยู่กับการผูกริบบิ้นดอกไม้อย่างตั้งอกตั้งใจ


                  “ เขาเป็น ‘ของฉัน’ !!!! ” พร้อมกับชี้นิ้วเข้าอกตัวเอง


                  “ .................................. ”


                  “ หรือถ้าจะให้พูดง่ายๆเลยก็คือ...เขาเป็นแฟนฉัน...และฉันก็เป็นแฟนเขา  เข้าใจหรือยัง ?!! ”


                  “ เพราะฉะนั้น... ”  เขาเปลี่ยนเป็นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดันจริงจัง



                  “ นายอย่ามายุ่ง !!! ”



                  ชายตรงหน้ากัดฟันกรอดด้วยความโมโห  แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ  พร้อมกับที่ร่างเพรียวส่งเสียงขึ้นมาพอดี



                  “ เสร็จแล้วครับ !! ”  ณัฐยิ้มร่ามาพร้อมกับดอกทิวลิปที่ผูกโบว์อย่างเรียบร้อยในมือ



                 ร่างเพรียวแปลกใจเพราะเห็นทั้งสองฝ่ายเอาแต่ยืนจ้องหน้ากันเขม็งอยู่นาน  จึงรีบเอ่ยขึ้นทันที

                 “ เอ่อ...ดอกไม้ที่สั่ง  เสร็จแล้วนะครับ ”

                 “ นี่ครับ ”



                  รีบยื่นดอกไม้ให้...รีบคิดเงิน...ก่อนที่ชายคนนั้นจะเดินออกจากร้าน



                  ฟู่ววว !!

                  เฮ้อ...โล่งอกไปที



                  “ วันหลังมาใช้บริการใหม่นะครับ ! ” เขาบอกตามหลังด้วยความเคยชิน  พร้อมกับที่มีอีกเสียงหนึ่งพูดขึ้นมาพร้อมกันพอดี


                  “ วันหลังไม่ต้องมาอีกแล้วนะครับ !!!! ”


                 พี่สนยิ้มกวนโบกมือลาหยอยๆ โดยไม่สนใจอีกฝ่ายที่หันมาจ้องหน้าตนเขม็ง  แต่สุดท้ายชายคนนั้นก็ยอมเดินออกจากร้านไปแต่โดยดี
     


                  เขาหันขวับไปมองแล้วถลึงตาใส่คนพูดทันที !!!

                  “ พี่สนทำไมพูดกับลูกค้าแบบนั้นล่ะ ?!! ”



                  รุ่นพี่นั่งกอดอกแล้วทำเป็นไม่สนใจ

                  “ ลูกค้าแบบนั้น...ไม่ต้องมาอีกน่ะแหละดีแล้ว ”


                  “ แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นลูกค้านะ ” เขาโวยกลับ


                  “ นี่ !!! ถามจริงเหอะ  ลูกค้าแบบนี้มีเยอะหรือเปล่า ? ”


                  “ แบบไหน ? ”


                  “ แบบที่ทำเหมือนว่ากำลัง ‘จีบ’ ณัฐอยู่นี่ไง ”


                  เขาก้มหน้าก้มตาลงทันที   “ ไม่มีนี่นา... ”


                 “ ไม่มี...หรือ...ไม่รู้ว่ามี ”  พี่สนสวนกลับอย่างรวดเร็ว


                 “ บอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิ !! ”  เขาตวาด  แต่แล้วเมื่อเห็นสายตาของรุ่นพี่ก็ต้องนั่งทำหน้าหงอยเหมือนเดิม


                  “ ที่จริง...ก็มีแค่คนนี้เนี่ยแหละ  ที่ชอบมาชวนคุยผิดปกติ  แล้วบางครั้งก็ชอบใช้สายตามองแบบแปลกๆอีก  แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านี้หรอกนะ แค่มาซื้อดอกไม้บ่อยๆเท่านั้นเอง ”


                   “ ก็นั่นแหละ  หา ‘ข้ออ้าง’ ล่ะไม่ว่า ”
     
     
                   “ ................................. ”  เขารู้สึกว่าบรรยากาศอึมครึมยังไงไม่รู้แฮะ


                   “ ดีซะอีก!!!  จะได้ขายดอกไม้ได้เยอะๆไง ”  เขาทำท่าร่าเริงพยายามพูดให้ตลก

     
                   “ ปัญญาอ่อนหรือเปล่า ?!! ”
     
                   “ มันไม่ได้ตั้งใจมาซื้อดอกไม้สักหน่อย ”
     
                   “ ขนาดพี่นั่งอยู่ด้วย  มันยังมองโลมเลียซะขนาดนั้น  แล้วยังถึงเนื้อถึงตัวอีก  ถ้าพี่ไม่อยู่มันคงลากณัฐไปปล้ำเลยมั้ง ? ”

     

                  “ พี่สนก็พูดเกินไป...เขาไม่ทำแบบนั้นสักหน่อย ”

     
                  “ เฮ้อ...อยู่ห่างตัวไม่ได้เลย ”  รุ่นพี่บ่นกับตัวเองเบาๆ

     
                  “ อะไรกัน...ณัฐไม่ผิดสักหน่อย !! ”

     
                  “ พี่รู้...ว่าณัฐไม่ผิด ”

                  “ แต่ต่อไปนี้ห้ามพูดกับมันนะรู้ไหม ?!! ”  อีกฝ่ายออกคำสั่งเด็ดขาด
     

                   “ ได้ไงล่ะ ? เขาเป็นลูกค้านะ ”

     
                  “ ถ้างั้น...ให้พูดด้วยก็ได้...แต่เท่าที่จำเป็นนะ ” 

                  “ อ้อ !!  แต่จะดีมาก  ถ้าณัฐจะอยู่บ้านเฉยๆไม่ต้องมาให้มันเจออีกเลยยิ่งดี !!! ”

     

                  เฮ้อ...ทำไมเขาจะไม่รู้ ว่าพี่สนกำลังอยู่ในอาการ ‘หึงจัด’  

                  แต่เขาไม่ได้อยากจะมาทะเลาะกันเพราะเรื่องแค่นี้   และก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอีกฝ่ายด้วย  ออกจะดีใจด้วยซ้ำ...

                  แต่...คิดดูอีกทีก็ตลกดีชะมัด

     

                  เขาแอบอมยิ้ม...แต่แล้วก็หลุดหัวเราะออกมาเพราะคำพูดที่เหมือนเด็กของฝ่ายนั้น
     
                 “ ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ ”

     

                 “ หัวเราะทำไม ? ” ฝ่ายนั้นทำหน้าคิ้วขมวด

     

                  “ ................................ ”
     


                 เขาไม่สนใจที่รุ่นพี่ถาม  แต่หันไปหยิบ ‘ช่อดอกกุหลาบของเรา’ ที่อยู่ข้างโต๊ะคอมพิวเตอร์ขึ้นมาหอมฟอดให้ชื่นใจหนึ่งที
     

                  เหยียดตัวลุกขึ้นยืน  แล้วจับที่ข้อมือของพี่สนพร้อมกับยิ้มกว้าง

     
                   “ พี่สน...เย็นแล้ว ” เขาพยักหน้าชวน


                   “ กลับบ้านกันเถอะ ”


                  อีกฝ่ายแหงนขึ้นมามองด้วยสีหน้าแบบเดิม
     
                   “ .............................. ”

     
                  เขาพยักหน้ายิ้มบางและกระตุกข้อมือรุ่นพี่อีกครั้ง
     
                  “ .............................. ”


     
                  รุ่นพี่ถอนหายใจ แล้วเอ่ยออกมาในที่สุด

                  “ ณัฐปั่น...พี่ซ้อนนะ ”



                   ร่างเพรียวยิ้มกว้างจนตาหยี  ดูแล้วน่ารักน่าชังเป็นที่สุด


                   “ อื้ออ  ก็ได้ ”




    **********************************


    โอ้ววว จอร์จ.....เป็นบทที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์การอัพ T^T ซาบซึ้ง ๆ (เป็น2เท่าของเดิม--เหมือนผงซักฟอกหรือน้ำยาปรับผ้านุ่มอะไรแบบนั้นเลยแฮะ)  ไม่กล้าตัดตอนเพราะกลัวมันเลยเถิด..ขอแบบรวบรัด ฮ่า ๆ

    ปล. ใครรอใบหม่อนบทหน้ามาแน่ 555 (เอ๊ะ ? แอบคล้องจอง ฮี่ ๆ ๆ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×