คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #65 : บทที่หกสิบเอ็ด -- ณ ร้านดอกไม้
บทที่หกสิบเอ็ด
อากาศในตอนบ่ายค่อนข้างร้อน พ่อของเขากำลังนอนหลับสนิทบนเก้าอี้โยกภายในห้องนั่งเล่น ทั้งๆที่ยังมีหนังสือคติธรรมเล่มเล็กกางหราอยู่บนอก
วันหยุดที่แสนว่าง...พ่อมักจะนอนกลางวันอย่างนี้เสมอ พวกเขาจึงเดินผ่านเข้าไปในครัวเพื่อหาน้ำเย็นมาดื่มให้ชื่นใจ
“ แล้วจะทำอะไรต่อดี ? ” พี่สนถามขึ้น
“ ปกติณัฐก็อยู่แบบนี้แหละ...ถึงบอกว่าน่าเบื่อไง ”
“ แล้วณัฐไม่ไปเฝ้าร้านกับแม่เหรอ ? ”
“ ปกติก็ไปเกือบทุกวัน แต่วันนี้พี่สนโผล่มาตั้งแต่เช้า ณัฐก็เลยยังไม่ได้ไปเลยน่ะสิ ”
“ ฮ่ะ ๆ งั้นก็ออกไปตอนนี้สิ ”
“ ไม่ได้หรอก...แม่บอกให้อยู่เป็นเพื่อนพี่สน ”
‘รุ่นพี่มาหาทั้งที่...อยู่เป็นเพื่อนพี่เขานะลูก’ ก็แม่เขาบอกไว้อย่างนี้น่ะสิ แล้วเขาจะปฏิเสธได้ยังไงกันล่ะ ?
พี่สนพยักหน้าเบาๆสองสามที แล้วก้มลงมองแก้วน้ำที่เขาพึ่งยื่นให้เมื่อครู่
“ แม่ณัฐนี่ใจดีจังเลยน้า...พ่อณัฐก็ด้วย เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากเลยล่ะ ณัฐเติบโตมาแบบนี้เองหรอกเหรอ เห็นแล้วมีความสุขแทน ”
ทั้งๆที่เป็นคำชม แต่ทำไมพอออกมาจากปากของพี่สนถึงได้รู้สึกเศร้ายังไงไม่รู้
เท่าที่รู้...บ้านพี่สนฐานะค่อนข้างดีมาก บ้านหลังใหญ่โตมีคนใช้อยู่เต็มบ้านแตกต่างจากบ้านของเขาลิบลับ ถึงแม้ว่าผู้เป็นแม่จะรักและเลี้ยงดูมาอย่างดีแต่ก็มาด่วนจากไปตั้งแต่รุ่นพี่ยังเป็นเด็ก ส่วนพ่อนั้นก็ไม่ค่อยสนใจมาดูแลสักเท่าไหร่นัก พี่ชายก็อยู่ไกลถึงเมืองนอกเมืองนา
เพราะพี่สนเติบโตมาแบบนั้น บางที...ครอบครัวที่แสนจะธรรมดาของเขา อาจจะทำให้พี่สนรู้สึกว่า ‘อบอุ่น’ ก็ได้
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ” เขาหลุดจากภวังค์ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของคนตรงหน้า
“ ตอนแรกก็ยังคิดอยู่เลยนะว่าพ่อแม่ณัฐจะเป็นคนยังไง...แล้วพี่จะรับมือไหวหรือเปล่า ? ”
“ แต่ตอนนี้ขอบอกว่า ‘โล่งอก’ เลยล่ะ พ่อแม่ณัฐใจดีกว่าที่คิดซะอีก เรียกว่า...ใจดีเกินไปด้วยซ้ำ ”
เขายิ้มบางกลับคืน
“ แล้วไม่ดีหรือไงล่ะ ? ”
“ ก็ดีน่ะสิ อย่างนี้ถ้าฝากตัวเป็น ‘ลูกเขย’ อาจจะง่ายหน่อย ” อีกฝ่ายกระซิบพร้อมกับทำหน้าทะเล้น
เขาถลึงตาใส่หนึ่งทีเพราะไม่กล้าโวยวาย กลัวว่าพ่อจะตื่นเอาได้
“ ณัฐ ?? ” พี่สนเรียกเขาอีกครั้ง
“ อะไรล่ะ ? ”
“ อยากไปร้านดอกไม้จัง ”
หา !!! เขาแปลกใจ
“ พี่สนจะไปทำไม ? ที่ร้านไม่มีอะไรน่าสนุกหรอก ”
แน่นอนอยู่แล้ว...เพราะนอกจากการนั่งเฝ้าร้านอยู่เฉยๆหรือนั่งเล่นคอมพิวเตอร์แก่เบื่อแล้ว โชคดีหน่อยก็อาจจะได้ขายดอกไม้บริการลูกค้าบ้าง แต่ถ้าเป็นช่อใหญ่ๆก็คงต้องเป็นหน้าที่ของแม่และพี่นวล
“ ก็พี่อยากเห็นนี่นา ว่าแต่ละวันณัฐทำอะไร อยู่ยังไง ? ”
“ ก็อยู่บ้านนี่ไงล่ะ ”
“ ไม่ใช่...อยากเห็นตอนที่อยู่ร้านดอกไม้น่ะ ”
“ นะ นะ นะ แค่แวะไปดูก็ได้ ” ฝ่ายนั้นส่งสายตาอ้อนมาให้
“ ........................... ” เขาเงียบพลางนึกคิด
อุตส่าห์ได้อยู่บ้านอย่างสงบแล้ว พี่สนยังจะหาเรื่องออกไปที่นั่นที่นี่อีก ถ้าเป็นแบบนี้...คนที่รับรู้ถึงตัวตนพี่สนก็จะมีเพิ่มเป็นสามคน นั่นก็คือ พ่อ...แม่...แล้วก็พี่นวล
แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆมันก็คงไม่แตกต่างกันเท่าไหร่
คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง ?
“ ณัฐจะให้ไปก็ได้ ” ฝ่ายนั้นทำหน้าดีใจขึ้นมาทันที
“ แต่ว่า !! ” เขารีบดักคอ
“ พี่สนห้ามทำอะไรรุ่มร่ามให้คนอื่นสงสัยนะ ไม่งั้น... ”
ไม่งั้น...อะไรดีหว่า ? อยู่ดีดีก็นึกบทลงโทษไม่ออก
เขาเชิดหน้าขึ้นเหมือนเป็นฝ่ายเหนือกว่า
“ ไม่งั้น...ณัฐจะให้พี่สนกลับทันทีเลย !! ”
“ โอเคค้าบบบบ ” อีกฝ่ายยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้างไม่ได้สะทกสะท้านแม้แต่น้อย แล้วแอ บบ่นกับตัวเองเบาๆว่า ‘แฟนใครวะ ? ดุจัง’ จนเขาต้องรีบถามขึ้นอีกครั้ง
“ ว่าไงนะ ?! ”
“ เปล่าค้าบบบบ ”
เขาจัดการโทรศัพท์ไปบอกที่ร้านว่ากำลังจะออกไป ส่วนแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร มิหนำซ้ำยังเอ่ยปากชวนพี่สนให้ออกมาด้วยกันอีกต่างหาก
นั่นไง !! แม่ใจดีเกินไปจริงๆด้วย
“ จะเดินไปเหรอ ? ” รุ่นพี่ถามขึ้นเมื่อเดินออกมาจากตัวบ้าน
“ ใช่...ไม่ไกลหรอก แค่นี้เอง ” เขาพยายามชี้มือว่าร้านอยู่ไม่ไกล
“ แล้วนั่น !!?? ” อีกฝ่ายชี้นิ้วไปยังโรงรถข้างบ้าน
“ ขับไปได้ไหม ? ”
หา !! จะให้เอารถยนต์ไปเลยเหรอ ? เดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว !!
แต่แล้วก็ต้องรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิด เมื่อพี่เดินผ่านรถยนต์ไป แล้วจูงสิ่งหนึ่งออกมาแทน
“ ขับจักรยานไปกันเถอะ !! ” ฝ่ายนั้นพยักหน้าชวนพร้อมกับยิ้มกว้างมาให้
จักรยานทรงแม่บ้านคันนี้...ที่แม่ของเขาซื้อมาเมื่อหนึ่งปีก่อน ตอนนั้นแม่ตั้งใจว่าจะปั่นออกกำลังกายรอบหมู่บ้านทุกเย็นเพื่อสุขภาพ แต่สุดท้ายแล้ว...แม้แต่ปั่นไปร้านดอกไม้หน้าปากซอยแม่ยังไม่ทำเลย เพราะได้ให้เหตุผลไว้ว่า... ‘ไม่ไหวอ่ะ...แม่เหนื่อย เดินเอาดีกว่า’
จนสุดท้ายก็ต้องจอดทิ้งไว้อย่างนี้ แต่ยังดีที่พ่อของเขายังคอยเช็คสภาพรถให้อยู่เรื่อยๆ เผื่อวันไหนที่แม่เกิดใจฮึดอยากรักสุขภาพขึ้นมาอีก
“ ขับได้หรือเปล่าก็ไม่รู้...ไม่ใช่พังแล้วเหรอ ? ” เพราะเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าช่วงที่ผ่านมานี้พ่อกับแม่ของเขาได้ใช้งานบ้างหรือเปล่า ?
พี่สนสำรวจจักรยานคันนั้นสักพัก ก็แหงนหน้าขึ้นมาบอก
“ ไม่พังหรอก...มาสิ ”
ชั่งใจอยู่สักพัก...แต่สุดท้ายก็ค่อยๆเดินเข้าไปนั่งซ้อนท้ายพี่สนแต่โดยดี
“ จะไปล่ะนะ ” กำลังจะถีบเท้าแต่รุ่นพี่ก็ทำท่าเหมือนพึ่งนึกอะไรออก
“ อ๊ะ !! ”
ฝ่ายนั้นเอี้ยวตัวไปด้านข้างเพื่อถอดหมวกสีดำของตนออกจากเอว
เขามองแล้วก็ต้องเข้าใจ เพราะตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองกว่าๆ แสงแดดกำลังจ้าอยู่เลย พี่สนก็ต้องใส่ไว้บังแดดสินะ...คิดแล้วก็ต้องแอบขำอยู่คนเดียว ก็ตอนนี้พี่สนผิวคล้ำขึ้นตั้งเยอะ ก็คงต้องป้องกันไว้บ้าง ฮ่ะ ๆ ๆ
ปุ๊ !! เสียงหมวกกระทบลงบนศีรษะของเขา
เอ๋ ????
“ ใส่ไว้...แดดมันร้อน ”
ฝ่ายนั้นใส่หมวกให้เขาจนเกือบจะมิด เขาจึงค่อยๆเลื่อนขึ้นเพื่อให้เห็นทัศนียภาพข้างหน้า พร้อมกับที่รุ่นพี่เคลื่อนตัวขับจักรยานออกไป
สายตาจับจ้องที่แผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายพลันรู้สึกใจเต้นตึกตักขึ้นมาทันที
เฮ้อ...พี่สนชอบทำเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ให้เสมอ...ตรงนี้แหละที่น่ารักที่สุดเลย...
มือที่เกาะเบาะรถไว้อย่างหลวมๆ...ค่อยๆเลื่อนขึ้นมาจับชายเสื้อของคนตรงหน้าอย่างช้าๆเพราะไม่กล้าที่จะจับเอวโดยตรง
จะว่าไปแล้วก็ไม่เคยนั่งจักรยานกับพี่สนเลย...พอมานั่งแบบนี้แล้วรู้สึกดีจังเลยแฮะ
แผ่นหลังกว้างของรุ่นพี่คล้ายกับเป็นเกราะกำบังให้เขารู้สึกปลอดภัย...กลิ่นหอมอ่อนๆเฉพาะตัวลอยตามลมมาปะทะจมูกทำให้รู้สึกสบายใจ
...พูดแล้วก็...เขินจังเลยวุ้ย...
“ จอดตรงนี้แหละ ” เขารีบบอกเมื่อมาถึงร้านดอกไม้หน้าปากซอย
เราทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้าน ก็พร้อมกับที่แม่ร้องเรียกทักพอดี
“ อ้าว...มากันแล้วเหรอ ? ”
“ ครับ ” เราทั้งคู่ตอบออกมาพร้อมกัน แล้วหันมองหน้ากันอย่างงงๆ
แม่หัวเราะในท่าทางนั้น แล้วรีบพูดต่อทันที
“ นวลจ้ะ...นี่ชื่อ ‘สน’ นะ เป็นรุ่นพี่ที่คณะของณัฐ ” อีกฝ่ายบอกกับพี่นวลที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ ส่วนสน...นี่ก็พี่นวลนะ เป็นผู้ช่วยแม่ที่ร้านเองจ้ะ ”
พี่สนยกมือไหว้พี่นวลแล้วยกยิ้มหวานให้ ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับตกตะลึงตาค้างอยู่นานหลายวินาที
เขาพึ่งรู้สาเหตุอาการตาค้างของพี่นวล เมื่ออีกฝ่ายมากระซิบบอกเขาทีหลังนั่นเอง
‘รุ่นพี่น้องณัฐนี่หล่อยังกะดาราเลยเนอะ’
เขาพาพี่สนนั่งทำตัวอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ตรงบริเวณเคาเตอร์ เมื่อแม่ของเขาบอกว่าจะย้ายเข้าไปนั่งในห้องพักที่แยกออกไปเพราะจะทำบัญชีส่วนที่ค้างไว้ต่อ ส่วนพี่นวลก็ออกไปทำธุระข้างนอกให้แม่ เพราะเห็นว่ามีคนมาช่วยเฝ้าร้านให้แล้ว
“ วันทั้งวันก็อยู่แบบนี้แหละ...เพราะลูกค้าก็มีมาตลอด ถ้าแค่ซื้อไม่กี่ดอกก็จัดการขายให้ได้เลย แต่ถ้าลูกค้าอยากได้ช่อดอกไม้ใหญ่ๆหรืออยากติดต่อพวกงานนอกสถานที่อะไรแบบนี้ ก็ค่อยเข้าไปเรียกแม่ข้างใน...ไม่ค่อยมีอะไรหรอก ” เขาอธิบาย
รุ่นพี่นั่งเท้าคางทำหน้ากรุ้มกริ่ม
“ อืมม...พูดต่อสิ ”
“ ก็แค่นี้แหละ ” เขารีบหลบสายตาหันไปทางหน้าจอคอมพิวตอร์ทันที...ก็พี่สนมองเขาแบบนี้อีกแล้ว
“ ณัฐ ?? ”
“ ....................... ” เขาหันไปมองก็เห็นฝ่ายนั้นชี้ไปทางช่อดอกไม้ช่อใหญ่ช่อหนึ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ชั้นที่สองที่เรียงรายวางอยู่กลางร้าน
“ นั่นน่ะ...ดอกอะไรเหรอ ? ”
เขามองตามแล้วตอบออกไป “ ดอกยาวๆน่ะเหรอ...ดอกแกลดิโอลัส...หรือว่าดอกซ่อนกลิ่นฝรั่ง ”
“ อืมเหรอ ? แล้วนั่นล่ะ ? ”
“ ดอกปักษาสวรรค์...สีสวยใช่มั้ยล่ะ ? ” เขาถามต่อ เพราะดอกไม้จะสีส้มเหลืองสะดุดตามาก
“ อื้อ...มีดอกไม้ที่พี่ไม่รู้จักตั้งเยอะแน่ะ ”
หลังจากคุยกันสักพัก พี่สนก็เดินดูดอกไม้ทั่วร้านอย่างสบายใจ ส่วนเขาก็นั่งเล่นคอมพิวเตอร์ที่เคาเตอร์เหมือนเดิม
เขาเข้าโปรแกรมเอ็มเอสเอ็นเหมือนทุกวัน เพราะจะได้สนทนากับทั้งเพื่อนสมัยมัธยมปลายและเพื่อนมหาลัย
เอ๋ ??...วันนี้แพรออนเอ็มด้วย !!
ตั้งแต่ปิดเทอมมา พวกเขายังคงคุยโทรศัพท์ติดต่อกันบ้างเป็นบางครั้ง แต่นานๆทีแพรจะออนเอ็มแบบนี้ เขาจึงรีบเข้าไปทักทายเพื่อนทันที
ตอนนี้เขาได้ยินแต่เสียงกุกกักอยู่ทางด้านหลัง แต่ก็ไม่สนใจ ยังคงคุยกับแพรต่อ...
แต่คุยกันได้ไม่ทันไร เธอก็ขอตัวออกก่อนเพราะกำลังจะออกไปข้างนอก และได้บอกแต่ว่า...ตอนเย็นจะโทรมาหาอีกที...
เฮ้อ...คุยกันแค่นิดเดียว...เสียดายจัง
แต่แล้วทันใดนั้น !!!!!
เขาก็ต้องตกใจจนสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมีสิ่งหนึ่งโผล่มาอยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
หือ ???
เขาพิจารณามอง ‘ดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่’ ที่อยู่ตรงหน้า แล้วก็ต้องหันไปมองคนที่กำลังนั่งเท้าคางแล้วยื่นดอกกุหลาบอีกมือมาให้
“ อะไร ? ” เขาถามออกไปแต่หัวใจกลับพองโตออกมาน้อยๆ
“ ดอกไม้ ” ฝ่ายนั้นคลี่ยิ้มบาง พร้อมกับยื่นมือมาให้จนสุดแขน
เขาพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองเผลอยิ้มออกไป
“ รู้แล้ว...ก็เห็นอยู่ว่าดอกไม้ ”
“ ให้ !! ” สั้นๆง่ายๆ
ใบหน้ารู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที ใจหนึ่งก็กลัวว่าจะเผลอหน้าแดงออกมา
พี่สนมอบดอกไม้ให้เขางั้นเหรอ ? ดีใจจังเลยแฮะ อยากจะยื่นมือออกไปรับใจจะขาด...แต่ก็ต้องทำวางท่าต่อ
“ แต่ณัฐชอบดอกกุหลาบขาวนะ ”
พอสิ้นเสียงนั้นรุ่นพี่ก็เหยียดตัวขึ้น แล้วเดินตรงไปยังถังเก็บดอกกุหลาบขาวทันที ฝ่ายนั้นก้มลงพิจารณาเลือกดอกที่สวยที่สุดมาเพียงหนึ่งดอก แล้วเดินกลับมาที่ที่เขากำลังนั่งอยู่
พี่สนทำให้เขาแปลกใจ เพราะฝ่ายนั้นแทรกดอกกุหลาบขาวหนึ่งดอกไว้กลางช่อดอกกุหลาบแดง แทนที่จะให้ดอกกุหลาบขาวเพียงแค่ดอกเดียวอย่างที่เขาคิดไว้
แปลกคนจริงๆ...
“ อ๊ะ ” อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างแล้วยื่นช่อดอกไม้ที่เกิดจากฝีมือตัวเองมาให้
เป็นช่อที่แปลกจริงๆเลย ดอกกุหลาบขาวดอกเดียวในดอกกุหลาบแดงเนี่ยนะ ?? แต่พี่สนก็อุตส่าห์จัดให้เขาเองกับมือ ถึงแม้ว่าจะเป็นดอกไม้ในร้านของเขาเองก็เถอะ ถ้าจะทำเล่นตัวต่อไปก็จะดูใจร้ายไปหน่อย
เขาค่อยๆเอื้อมมือไปรับช่อดอกไม้นั้นด้วยหัวใจที่เต้นโครมครามจนกลัวว่าจะเผลอมือสั่นให้อีกฝ่ายรู้ ก่อนที่จะเผลออมยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“ ขอบคุณนะ ”
พี่สนจ้องมองมาที่เขาจนแทบจะหลอมละลาย
“ ณัฐนับดูสิ...ว่ากุหลาบแดงมีกี่ดอก ? ”
เอ๋ ??? เขารีบนับตามอย่างที่รุ่นพี่บอกอย่างว่าง่าย
1..2..3
.7..8
“ 9 ดอก...ทำไมเหรอ ? ”
“ รู้หรือเปล่า ? ว่าดอกกุหลาบแดงเก้าดอกมีความหมายว่ายังไง ? ”
เขากลอกตา “ ใครจะไปรู้กันล่ะ ? ”
รุ่นพี่คลี่ยิ้มบาง แล้วมองมาที่เขาอย่างอ่อนโยน กระแสความอบอุ่นแผ่ซ่านมาจนถึงหัวใจ
“ ดอกกุกลาบแดงเก้าดอกแปลว่า......
“.....เราสองคนจะรักกันตลอดไป... ”
หัวใจของเขาอุ่นวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...รู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาทันที
...เราสองคนจะรักกันตลอดไป...งั้นเหรอ ?
“ แต่ณัฐบอกว่า...ณัฐชอบดอกกุหลาบสีขาว ”
“ แปลกมากเลยนะ ฮ่ะ ๆ ๆ ” รุ่นพี่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ แปลกตรงไหน ? ” เขาทำหน้างง
“ ก็ถ้าดอกกุหลาบขาวกับแดงรวมกัน...จะแปลว่า... ‘สองเราเป็นหนึ่งเดียวกัน’ ไงล่ะ ? ”
“ ................................. ” ใบหน้าร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม ร่างกายร้อนระอุจนแทบจะหลอมละลาย แล้วยิ่งสายตาคมของรุ่นพี่ที่มองมาจนทำให้อ่อนระทวยไปทั้งร่างนั่นอีกล่ะ ?
อะไรจะหวานเยิ้มปานนั้น...พี่สนนะพี่สน...ชอบมาทำให้เขินอยู่เรื่อยเลย
“ ................................ ” เขาก้มหน้าก้มตาพยายามจัดดารกับความเขินของตัวเอง
“ อยากจูบอ่ะ ” อยู่ดีดีเสียงแผ่วเบาของตรงหน้าก็เอ่ยขึ้น
“ หา !! ” เขาตกใจทำตาโต พร้อมกับเอียงคอมองด้านหลังรุ่นพี่อย่างหวาดๆ เพราะกลัวว่าแม่อาจจะออกมาเห็นเข้า
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ” รุ่นพี่หัวเราะในท่าทางของเขาอย่างพอใจ
“ ถึงอยากจูบพี่ก็ไม่จูบตรงนี้หรอกน่า...เก็บไว้ก่อน แล้วเย็นนี้ค่อยเคลียร์รวดเดียว ”
“ บ้า !! ทะลึ่ง ” เขารีบหมุนเก้าอี้กลับทันที เพราะความเขินมาถึงขีดสุด
ทำไงดีเนี่ย !!?? ขนาดแม่ของเขานั่งอยู่ข้างในไอ้พี่สนยังมาทำหวานจนแทบคลั่งได้อีกแหนะ
แต่ว่า...
เขาก้มลงมองช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือพลางรู้สึกเต็มตื้นในอก
‘...สองเราเป็นหนึ่งเดียวกัน...’
และ
‘...เราสองคนจะรักกันตลอดไป...’ งั้นเหรอ ?
เขากับพี่สน...จะรักกันตลอดไป...
เป็นอะไรที่ฟังดูห่างไกลจังเลยแฮะ แต่ก็...ฟังแล้วรู้สึกดีมากเลยล่ะ
ร่างเพรียวแอบยิ้มกว้างกับตัวเองคนเดียวด้วยความดีใจ
แต่แล้วเขาก็นึกอะไรออก !!
อะไรที่เขาสามารถทำได้โดยไม่ให้รู้สึกเขินไปมากกว่านี้
“ พี่สน ?? ” เขาเปลี่ยนสีหน้าแล้วหันกลับมาหาอีกฝ่ายทันที
“ อยากให้จูบเหรอ ? ” รุ่นพี่ยิ้มทะเล้น
“ จะบ้าเหรอ ?!! ”
“ ไม่ต้องมาทำเนียนเลย...ดอกไม้ก็ดอกไม้ร้านณัฐ...แค่จัดให้นิดหน่อย ไม่เห็นลงทุนอะไรเลย ”
“ ใครว่าไม่ลงทุน ”
“ ลงทุนอะไร ? ”
“ ก็อุตส่าห์ท่องความหมายของดอกไม้มาจากในเน็ต จะเอาความหมายอื่นอีกมั้ยล่ะ ? ”
คำตอบนั้นทำเอาเขาแทบจะขำพรืดออกมา แต่แล้วก็ต้องรีบกลั้นไว้
“ บ้า !! ถ้างั้นจ่ายมาเลย ”
เขาแกล้งกวักมือหยอยๆพร้อมกับยักคิ้วให้
“ 500 บาท จ่ายมา..จ่ายมา คิดให้ถูกๆละกัน ราคาคนกันเอง ”
“ จ่ายแล้ว ! ” รุ่นพี่ตอบด้วยเสียงเรียบเฉย
“ จ่ายอะไร ? อย่าขี้ตู่ ”
“ จ่ายแล้ว...ณัฐรับไปแล้ว ”
อีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยเสียงกระซิบ
“ เพราะพี่ จ่ายด้วย ‘หัวใจ’....จ่ายไป ‘หมดทั้งใจ’ เลยด้วย ”
คำตอบนั้นทำเอาเขาแทบจะกระอักเลือดตาย ทั้งๆที่เป็นมุขฝืดแท้ๆ แต่กลับรู้สึก...เขินจนทำอะไรไม่ถูก
“ อี๊...แหวะ ”
เขาแกล้งทำเป็นจะอ้วกแต่ใบหน้าร้อนผ่าวไปจนถึงใบหู แล้วหันร่างกลับไปเล่นคอมตามเดิมโดยที่มือยังกำช่อดอกไม้ไว้แน่น
เขาอมยิ้มแล้วแกล้งทำเป็นบ่นให้อีกฝ่ายได้ยิน
“ ถ้าจ่ายมาแล้วก็ไม่เป็นไร...แต่...”
“...ณัฐ ‘ไม่ทอนคืน’ ให้หรอกนะ ”
*****************************
ช่วงที่กำลังเขินอายพี่สนอยู่นั้น อยู่ดีๆก็มีเสียงกริ่งจากประตูดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศโรแมนติกของพวกเราในทันที
เขาแหงนหน้าขึ้นไปมองก็เห็นลูกค้าคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในร้าน...และเขาจำหน้าคนๆนี้ได้ดี เพราะว่าในช่วงสองสัปดาห์นี้ อีกฝ่ายมาเป็นครั้งที่ 5 แล้วน่ะสิ
“ ร้านกาสะลองยินดีต้อนรับครับ ” เขากล่าวทักทายด้วยความเคยชิน
ผู้ชายคมเข้มที่เคยมาซื้อช่อดอกไม้ให้น้องสาวเมื่อสองสัปดาห์ก่อนนั่นเอง !! ฝ่ายนั้นยิ้มกว้างมาให้ด้วยความเป็นมิตร ส่วนเขาก็ยิ้มบางๆกลับไปให้เช่นกัน
คนๆนี้มาซื้อดอกไม้ที่ร้านของเขาบ่อยจนน่าแปลกใจ บางครั้งก็มาซื้อดอกไม้แค่ไม่กี่ดอก บางครั้งก็ซื้อเป็นช่อใหญ่ แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ...แต่ละครั้งก็จะมาชวนคุยเรื่องต่างๆนานาสารพัด จนเขาเองชักจะแปลกใจว่าอยากจะมาซื้อดอกไม้หรืออยากจะมาคุยกับเขากันแน่ เพราะฝ่ายนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจดอกไม้ที่ตั้งใจมาซื้อเท่าไหร่นัก
“ สวัสดีครับ น้องณัฐ ? ” ฝ่ายนั้นรีบกล่าวทักทายด้วยความสนิทสนม
พี่สนที่นั่งอยู่ข้างๆ ปิดนิตยสารที่กำลังอ่านแล้วแหงนหน้าขึ้นมามองบ้าง
“ สวัสดีครับ...เอ่อ...วันนี้จะซื้อดอกอะไรดีครับ ? ” เขาเอ่ยถาม
ฝ่ายนั้นส่งสายตาหวานๆแบบเดิมมาให้ จนเขารู้สึกสยิว
“ เอ...วันนี้นึกไม่ออก น้องณัฐช่วยคิดหน่อยสิครับ ? ”
นั่นไง !! ประโยคลักษณะนี้...ท่าทางแบบนี้
ชวนให้ขนลุกดีจริงๆ
“ .................................... ”
แต่เมื่อกำลังจะอ้าปากตอบ เสียงหนึ่งกลับดังขึ้นมาเสียก่อน...พี่สนนั่นเอง !!
“ ให้ผมช่วยคิดมั้ยครับ ?!! ”
ชายตรงหน้าเหลือบไปมองรุ่นพี่แวบหนึ่ง ก่อนที่จะตอบด้วยท่าทางเมินเฉย
“ ไม่เป็นไรครับ ผมอยากฟังความคิดเห็นของ ‘น้องณัฐ’ ”
คำตอบนั้นทำเอาพี่สนหรี่ตาลงทันที
เมื่อรู้สึกว่าสถานการณ์อาจจะไม่สู้ดี เขาจึงต้องรีบทำอะไรสักอย่าง
“ เอ่อ...ถ้างั้น ให้ผมแนะนำก็ได้ครับ ” เขาละล่ำละลักพูด
“ พี่อยากได้เป็นดอก หรือเป็นช่อดีล่ะครับ ? แล้วจะซื้อไปฝากใคร ? ผมจะได้แนะนำถูก ”
อีกฝ่ายยิ้มกว้างมาให้โดยที่ไม่สนใจสายตาของคนอีกคนที่จ้องตนเขม็ง
“ คือวันนี้พี่อยากได้เป็นช่อ...เอาช่อใหญ่ๆนะ เพราะพี่จะซื้อไปให้คนที่พี่ ‘แอบชอบ’ น่ะ ”
พูดแล้วก็ส่งสายหวานมาให้เขาอีกแหนะ
ฮึ่ย !!! ขนลุก
“ เอ่อ..ถ้างั้นดูแคตตาล็อกก่อนมั้ยครับ ? จะได้เลือกได้ถูกใจ ”
“ ไม่ต้องหรอกครับ พี่อยากให้น้องณัฐจัดเองเลย เอาตามใจชอบเลยนะ เพราะถึงยังไงก็ออกมาสวยอยู่แล้ว ”
คราวนี้ทำเอาคนที่อยู่ข้างๆนั่งไม่ติดที่ !!
เพราะรุ่นพี่เหยียดตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แล้วยืนประจันหน้ากับอีกฝ่ายที่มีความสูงไล่เลี่ยกัน พร้อมกับฉีกยิ้มอย่างเยือกเย็นจนเขารู้สึกกลัว
“ วันนี้น้องณัฐมือเจ็บ คงจัดดอกไม้ให้ไม่ได้ แต่ถ้ายังอยากได้ช่อดอกไม้ใหญ่ๆล่ะก็ มีคนที่สามารถทำให้ได้...นั่งอยู่ด้านใน จะให้ไปเรียกให้มั้ยครับ ? ”
หือ ?? มือเจ็บอะไรกัน ?? เขาตามไม่ทัน
แต่แล้ว !!!
“ น้องณัฐเจ็บมือเหรอ ? เป็นอะไรมากหรือเปล่า ? ”
ชายคนนั้นโผเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเอื้อมมือหวังจะมาจับแขนของเขา
แต่ก็ช้ากว่าอีกคนที่รีบเข้ามาขวางไว้เสียก่อน !!!
‘หมับ’ !! พี่สนจับเข้าที่ข้อมือของฝ่ายตรงข้ามทันที แล้วมาบังเขาเอาไว้พร้อมกับมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
“ คุณลูกค้าครับ ?!! ยังอยากได้ดอกไม้อยู่หรือเปล่าครับ ผมจะได้จัดการให้ ” รุ่นพี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่แข็งกร้าวในที
ชายคนนั้นมองด้วยสายตาขุ่นเคือง
“ เอ๊ะ ? คุณนี่ยังไง !!! เป็นใครเนี่ย ? พนักงานใหม่เหรอ ? ทำไมไม่มีมารยาทกับลูกค้าแบบนี้ ”
“ เอ่อ.... ” ณัฐไม่รู้จะแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้านี้ยังไง จึงต้องรีบจับมือของรุ่นพี่ออกมาจากฝ่ายนั้น.... ‘พี่สน...ปล่อยมือก่อน’ เขาแอบกระซิบบอก แล้วหันไปพูดคุยกับอีกฝ่ายทันที
“ คือว่า...ถ้าเป็นช่อใหญ่ๆ ผมคงจะจัดไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวผมจะไปเรียกแม่มาจัดให้ ” เขาก้มหน้าก้มตาตอบ แต่ใจจริงแล้วเขาก็ไม่อยากให้แม่ออกมาตอนนี้หรอก เดี๋ยวได้เห็นบรรยากาศอึมครึมแบบเมื่อกี้แน่
“ เฮ้อ...ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรหรอก ” ชายตรงหน้าเอ่ยขึ้น
“ ถ้าวันนี้ณัฐจัดไม่ได้ก็ไม่เป็นไร งั้นพี่เอาดอกทิวลิป แค่ 3 ดอกละกัน ”
เขาแอบรู้สึกโล่งอกในใจ เพราะอย่างน้อยเขาจะได้ไม่ต้องเรียกแม่ให้ออกมา
“ ตกลงเอาตามนี้นะครับ ได้ครับ...ถ้างั้นรอแป๊บนึง ” เขารีบกุลีกุจอไปจัดการให้ตามที่อีกฝ่ายต้องการทันที
ระหว่างนั้น...สนก็รีบหันหน้ามามองอีกฝ่ายทันที !!!
จ้องมองด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงแผ่วเบาเพราะไม่ต้องการให้ร่างเพรียวที่อยู่ไม่ไกลได้ยิน
“ นี่ !! คุณลูกค้า...ไม่บอกฉันก็รู้ว่านายคิดอะไรอยู่ ”
“ อะไร ? นายพูดเรื่องอะไร ” อีกฝ่ายทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ ถ้านายกำลังคิดจะแอ้ม ‘คนนั้น’ อ่ะนะ ขอบอกไว้ว่านายหมดสิทธิ์แล้ว ”
อีกฝ่ายคิ้วขมวด ทำหน้าไม่พอใจทันที
ร่างสูงหัวเราะแค่นจมูก แล้วพูดต่อด้วยท่าทางสบายใจ
“ จะบอกให้เอาบุญนะ !! ว่า ‘ผู้ชายที่แสนจะน่ารักคนนั้น’... ” เขาชี้มือไปยังร่างที่กำลังง่วนอยู่กับการผูกริบบิ้นดอกไม้อย่างตั้งอกตั้งใจ
“ เขาเป็น ‘ของฉัน’ !!!! ” พร้อมกับชี้นิ้วเข้าอกตัวเอง
“ .................................. ”
“ หรือถ้าจะให้พูดง่ายๆเลยก็คือ...เขาเป็นแฟนฉัน...และฉันก็เป็นแฟนเขา เข้าใจหรือยัง ?!! ”
“ เพราะฉะนั้น... ” เขาเปลี่ยนเป็นมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดันจริงจัง
“ นายอย่ามายุ่ง !!! ”
ชายตรงหน้ากัดฟันกรอดด้วยความโมโห แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ พร้อมกับที่ร่างเพรียวส่งเสียงขึ้นมาพอดี
“ เสร็จแล้วครับ !! ” ณัฐยิ้มร่ามาพร้อมกับดอกทิวลิปที่ผูกโบว์อย่างเรียบร้อยในมือ
ร่างเพรียวแปลกใจเพราะเห็นทั้งสองฝ่ายเอาแต่ยืนจ้องหน้ากันเขม็งอยู่นาน จึงรีบเอ่ยขึ้นทันที
“ เอ่อ...ดอกไม้ที่สั่ง เสร็จแล้วนะครับ ”
“ นี่ครับ ”
รีบยื่นดอกไม้ให้...รีบคิดเงิน...ก่อนที่ชายคนนั้นจะเดินออกจากร้าน
ฟู่ววว !!
เฮ้อ...โล่งอกไปที
“ วันหลังมาใช้บริการใหม่นะครับ ! ” เขาบอกตามหลังด้วยความเคยชิน พร้อมกับที่มีอีกเสียงหนึ่งพูดขึ้นมาพร้อมกันพอดี
“ วันหลังไม่ต้องมาอีกแล้วนะครับ !!!! ”
พี่สนยิ้มกวนโบกมือลาหยอยๆ โดยไม่สนใจอีกฝ่ายที่หันมาจ้องหน้าตนเขม็ง แต่สุดท้ายชายคนนั้นก็ยอมเดินออกจากร้านไปแต่โดยดี
เขาหันขวับไปมองแล้วถลึงตาใส่คนพูดทันที !!!
“ พี่สนทำไมพูดกับลูกค้าแบบนั้นล่ะ ?!! ”
รุ่นพี่นั่งกอดอกแล้วทำเป็นไม่สนใจ
“ ลูกค้าแบบนั้น...ไม่ต้องมาอีกน่ะแหละดีแล้ว ”
“ แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นลูกค้านะ ” เขาโวยกลับ
“ นี่ !!! ถามจริงเหอะ ลูกค้าแบบนี้มีเยอะหรือเปล่า ? ”
“ แบบไหน ? ”
“ แบบที่ทำเหมือนว่ากำลัง ‘จีบ’ ณัฐอยู่นี่ไง ”
เขาก้มหน้าก้มตาลงทันที “ ไม่มีนี่นา... ”
“ ไม่มี...หรือ...ไม่รู้ว่ามี ” พี่สนสวนกลับอย่างรวดเร็ว
“ บอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิ !! ” เขาตวาด แต่แล้วเมื่อเห็นสายตาของรุ่นพี่ก็ต้องนั่งทำหน้าหงอยเหมือนเดิม
“ ที่จริง...ก็มีแค่คนนี้เนี่ยแหละ ที่ชอบมาชวนคุยผิดปกติ แล้วบางครั้งก็ชอบใช้สายตามองแบบแปลกๆอีก แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านี้หรอกนะ แค่มาซื้อดอกไม้บ่อยๆเท่านั้นเอง ”
“ ก็นั่นแหละ หา ‘ข้ออ้าง’ ล่ะไม่ว่า ”
“ ................................. ” เขารู้สึกว่าบรรยากาศอึมครึมยังไงไม่รู้แฮะ
“ ดีซะอีก!!! จะได้ขายดอกไม้ได้เยอะๆไง ” เขาทำท่าร่าเริงพยายามพูดให้ตลก
“ ปัญญาอ่อนหรือเปล่า ?!! ”
“ มันไม่ได้ตั้งใจมาซื้อดอกไม้สักหน่อย ”
“ ขนาดพี่นั่งอยู่ด้วย มันยังมองโลมเลียซะขนาดนั้น แล้วยังถึงเนื้อถึงตัวอีก ถ้าพี่ไม่อยู่มันคงลากณัฐไปปล้ำเลยมั้ง ? ”
“ พี่สนก็พูดเกินไป...เขาไม่ทำแบบนั้นสักหน่อย ”
“ เฮ้อ...อยู่ห่างตัวไม่ได้เลย ” รุ่นพี่บ่นกับตัวเองเบาๆ
“ อะไรกัน...ณัฐไม่ผิดสักหน่อย !! ”
“ พี่รู้...ว่าณัฐไม่ผิด ”
“ แต่ต่อไปนี้ห้ามพูดกับมันนะรู้ไหม ?!! ” อีกฝ่ายออกคำสั่งเด็ดขาด
“ ได้ไงล่ะ ? เขาเป็นลูกค้านะ ”
“ ถ้างั้น...ให้พูดด้วยก็ได้...แต่เท่าที่จำเป็นนะ ”
“ อ้อ !! แต่จะดีมาก ถ้าณัฐจะอยู่บ้านเฉยๆไม่ต้องมาให้มันเจออีกเลยยิ่งดี !!! ”
เฮ้อ...ทำไมเขาจะไม่รู้ ว่าพี่สนกำลังอยู่ในอาการ ‘หึงจัด’
แต่เขาไม่ได้อยากจะมาทะเลาะกันเพราะเรื่องแค่นี้ และก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอีกฝ่ายด้วย ออกจะดีใจด้วยซ้ำ...
แต่...คิดดูอีกทีก็ตลกดีชะมัด
เขาแอบอมยิ้ม...แต่แล้วก็หลุดหัวเราะออกมาเพราะคำพูดที่เหมือนเด็กของฝ่ายนั้น
“ ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ ”
“ หัวเราะทำไม ? ” ฝ่ายนั้นทำหน้าคิ้วขมวด
“ ................................ ”
เขาไม่สนใจที่รุ่นพี่ถาม แต่หันไปหยิบ ‘ช่อดอกกุหลาบของเรา’ ที่อยู่ข้างโต๊ะคอมพิวเตอร์ขึ้นมาหอมฟอดให้ชื่นใจหนึ่งที
เหยียดตัวลุกขึ้นยืน แล้วจับที่ข้อมือของพี่สนพร้อมกับยิ้มกว้าง
“ พี่สน...เย็นแล้ว ” เขาพยักหน้าชวน
“ กลับบ้านกันเถอะ ”
อีกฝ่ายแหงนขึ้นมามองด้วยสีหน้าแบบเดิม
“ .............................. ”
เขาพยักหน้ายิ้มบางและกระตุกข้อมือรุ่นพี่อีกครั้ง
“ .............................. ”
รุ่นพี่ถอนหายใจ แล้วเอ่ยออกมาในที่สุด
“ ณัฐปั่น...พี่ซ้อนนะ ”
ร่างเพรียวยิ้มกว้างจนตาหยี ดูแล้วน่ารักน่าชังเป็นที่สุด
“ อื้ออ ก็ได้ ”
**********************************
โอ้ววว จอร์จ.....เป็นบทที่ยาวที่สุดในประวัติศาสตร์การอัพ T^T ซาบซึ้ง ๆ (เป็น2เท่าของเดิม--เหมือนผงซักฟอกหรือน้ำยาปรับผ้านุ่มอะไรแบบนั้นเลยแฮะ) ไม่กล้าตัดตอนเพราะกลัวมันเลยเถิด..ขอแบบรวบรัด ฮ่า ๆ
ปล. ใครรอใบหม่อนบทหน้ามาแน่ 555 (เอ๊ะ ? แอบคล้องจอง ฮี่ ๆ ๆ)
ความคิดเห็น