ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SEHUN X YOU BEGIN AGAIN

    ลำดับตอนที่ #2 : BEGIN AGAIN CHAPTER 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.28K
      7
      7 เม.ย. 59

    S Q W E E Z   T H E M E  @  D E K - D  

     


     

    Chapter 1

     

     

     

    Begin Again

     

     

     

     

         “เฮ้ยพวก... ฉันว่าเซฮุนเป็นแน่เลยอ่ะ ดูนู้น...”

     

        “เออ นั่นดิ... ผู้ชายที่ไหนเขาเดินจับมือกัน...ว่าป่ะ”

     

        ฉันกรอกตาไปมาด้วยความเบื่อขณะที่นั่งฟังเพื่อนตัวเองนั่งนินทาผู้ชายคนเดียวอยู่ซ้ำๆไหนจะหนังสือตรงหน้าอีก อยากจะเป็นโรคประสาทซะให้ได้ ไม่มีเลยวันไหนเลยที่จะไม่ได้ยินเสียงเจาะแจะนินทาผู้ชายของเพื่อนพวกนี้

        “เงียบหน่อยจีมิน...ฉันอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง” ฉันฟาดปกคณิตศาสตร์เล่มหนาเข้าที่หัวเธอเบาๆแต่ยัยนี่ก็ไม่สนใจอะไรกลับเหยียดปากใส่ฉันแล้วหันไปนินทาอย่างเมามันส์กับพวกเพื่อนๆต่อ

        “ฉันว่าเป็น ชัวร์เลย! นี่จีมินเธอช่วยเอาหนังสือของเซน่าไปเผาหน่อยสิเห็นแล้วรกหูรกตา ฮ่าๆ”

        “เล่มนั้นแพงจะตาย ฉันไม่มีปัญญาซื้อใช้หรอกนะ” จีมินหันมาพูดกรอกหูฉันหนักๆแล้วเค้นเสียงหัวเราะดังลั่นโรงอาหาร รุ่นพี่หันมามองเป็นแถว...-_-

          แล้วคิดว่าฉันอยากอ่านนักหรือไง ถ้าไม่ถูกอาจารย์บังคับให้ไปแข่งโอลิมปิกคณิตศาสตร์ ถ้าไม่ใช่เพราะเกรด A อันล้ำค่า ฉันไม่มีทางหยิบมันขึ้นมาอ่านหรอกไอ้หนังสือน่าปวดหัวพวกนี้

     

        “แล้วดูมือแทยงแม่งกุมมือเซฮุนไว้แน๊นแน่น...”

     

        “มีส่งยิ้มให้กันด้วยอ่ะ...อร๊ายยย”

     

        “แต่...ฉันได้ข่าวว่าเซฮุนเพิ่งเลิกกับแฟนนะเว้ย”

     

        “โหย... เขาคบกันปิดบังความจริงป่ะมึง...”

     

        “แต่ที่ฉันรู้เซฮุนก็คบไปหมดไม่ใช่หรอ ใครอยากจะควงก็แค่เดินเข้าหา ไม่หรือใช่ไง?

     

        “เธอก็พูดเกินไป...หมอนั่นไม่เข้าใกล้ผู้หญิงด้วยซ้ำ”

     

        อะไรคือเซฮุน?

        คนหรืออะไร?

        ฉันมองเพื่อนตัวเองแต่ละคนแล้วส่ายหน้าออกมา ยิ่งที่นี่เป็นโรงอาหารและเสียงยิ่งดังเข้าไปใหญ่ นินทาเข้าไปสิ...

        ฉันเงยหน้ามองซูจองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วยิ้มออกมา เธอไม่นินทาพวกผู้ชายเหมือนคนข้างๆฉันอย่างจีมินและคนอื่นๆ แต่กลับนั่งมองฉันยิ้มๆแล้วยื่นช็อกโกแลตยี่ห้อโปรดมาให้

     

        จะน่ารักก็ตรงนี้แหละ...

     

        “น้ำตาลเป็นบ่อเกิดของพลังงาน”

        “^^ขอบคุณ” ฉันรับเฮอร์ชี่มาปลอกเปลือกขิมรสชาติหวานๆ...

        มันทำให้สมองฉันโล่งและคลายเครียดลงอย่างรวดเร็ว ในสถานการณ์เช่นนี้มีเพียงเราสองคนที่เข้าใจกันและกันดีที่สุด

        “ขอบคุณนะ”

        “^-^” เรามัวแต่ยิ้มให้กันโดยลืมมองรอบข้างว่ามีสายตากี่คู่ที่กำลังจ้องเราสองคน

        “ฉันว่าเซน่ากับซูจองก็น่าสงสัยนะ ชอบยิ้มหวานๆให้กัน”

        “ฉันชอบผู้ชาย!” ขึ้นเลย...ฉันตะโกนใส่หน้าจีมินอย่างเดือดๆ

     

        สำหรับฉันแล้วเรื่องนี้ค่อนข้างไวต่อความรู้สึกนะ มาแหย่แบบนี้เดี๋ยวแม่ต่อยคว่ำเลย...

     

        “แรงอะเซน่า” อ่าว... ก็แค่ตอบไปตามความเป็นจริง จะตกใจอะไรนักหนา ตาโตเป็นไข่ห่านกันเลยทีเดียว ถ้าฉันรู้แต่แรกว่าพูดแบบนี้ออกไปแล้วเพื่อนๆพากันเงียบนะ...ฉันพูดตั้งนานแล้ว

     

        แต่ยังไม่ถึงหนึ่งนาที...

     

        “เฮ้ยเดินมานู้นแล้วมึงดู”

     

        “แต่ฉันว่าคู่พี่จงอินกับพี่แทมินก็น่าสงสัยกว่าเซฮุนกับแทยงอีกนะเว้ย”

     

        “สองคนนั้นไม่น่าสงสัยหรอก ใช่แน่ๆ ฮ่าๆ”

     

        เมื่อเสียงชะนีเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆฉันจึงเลือกที่จะลุกออกจากโต๊ะพร้อมกระเป๋าเป้และถือหนังสือคณิตศาสตร์เล่มหนาเหวี่ยงตามแรงโน้มถ่วงไปมาก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าร้านชานมไข่มุกของโปรด

     

        “ชานมเผือกไข่มุกค่ะ/ชานมเผือกไข่มุกครับ”

     

        ฉันหันไปมองหน้าคนข้างๆและจ้องเขาอยู่สักสามวิก่อนจะเบนสายตาไปมองกลุ่มเพื่อนตัวเองที่เริ่มเงียบเสียงไปแล้ว แต่กลับจ้องมองมาทางฉัน ถ้าให้เดาคงไม่ได้มองฉันหรอก...แต่น่าจะเป็น...คนข้างๆ

     

        พวกบ้า!’

     

        จะด่า จะว่า จะเกลียด จะนินทาใครฉันไม่เคยว่าเพื่อนเลยจริงๆแต่ของอย่างเดียวคือช่วยลดเสียงลงหน่อยได้ไหม? ฉันอายแทน...

     

        “ให้เธอก่อนเลยครับ”

     

        “ขอบคุณคะ” ฉันส่งเงินไปให้คุณน้าเจ้าของร้านแล้วยิ้มให้คนข้างๆเล็กน้อยเป็นการขอบคุณก่อนเดินออกมา

     

     

     

     

        ฉันคิดว่าควรลากซูจองไปห้องสมุดด้วย แต่พอจะก้าวไปหาเธอก็มองเห็นเพื่อนสุดสวยนั่งหัวเราะอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งนั่งแทนที่ตัวเอง พอเห็นแบบนั้นจึงต้องเปลี่ยนความคิด สุดท้ายก็ต้องไปห้องสมุดคนเดียว...

     

        ที่นี่เป็นสวรรค์ของเด็กเรียนบางคน และเป็นสวรรค์ของเด็กหลับ เพราะอุณหภูมิห้องที่เย็นสบายเหมาะแก่การนอนซึ่งฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น

        ฉันไม่ใช่เด็กเรียน ไม่ชอบอ่านหนังสือหรือท่องจำ แต่ฉันคิดว่าตัวเองมีสมองที่เด็กหลายคนอิจฉาคือเวลาทำข้อสอบ ฉันสามารถเดาคำตอบที่ถูกต้องที่สุดได้อย่างน่าอัศจรรย์

        “อ่าวเซน่า... ใครขโมยไอพอดไป หน้าบึ้งเชียว” หน้าฉันเป็นแบบนี้อยู่แล้วต่างหาก...

        “ฉันไม่ปัญญาอ่อนขนาดนั้นนะชอนจี”

        “ก็เห็นชอบฟังเพลง” ฉันตบหัวรุ่นพี่ที่แสนสนิทในชมรมอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ

        “กวน...”

        มีแต่เด็กปฐมเท่านั้นแหละที่ร้องไห้เพราะไอพอดหาย ถ้าฉันเป็นคนอย่างเขาว่า ป่านนี้แม่คงตามมานั่งเฝ้าที่โรงเรียนแล้ว

        “เธอนี่เป็นประโยชน์ต่อชื่อเสียงโรงเรียนดีจังนะ ส่งแข่งแล้วส่งแข่งอีก”

        ชอนจีหยิบหนังสือคณิตศาสตร์ในมือฉันพลิกไปมาอย่างรังเกียจ เขาทำคล้ายกับว่ามันเป็นพาหะนำเชื้อโรคสุดสยอง ใบหน้าสวยหวานกว่าผู้หญิงหันมามองฉันแล้ววางหนังสือลงบนหัวจากนั้นก็แย่งแก้วชานมไข่มุกในมือไปก่อนจะเดินออกจากห้องสมุด...

     

          ยังไม่ทันกินเลยนะ =_=

     

        “เซน่าที่รัก... เห็นชอนจีป่ะ”

     

        “เดินออกไปเมื่อกี้อ่ะไอ้เตี้ย” ฉันหันไปบอกริกกี้แล้วเดินหนีก่อนที่มันจะจับหักคอ... คำที่ฉันพูดไปเมื่อกี้มันค่อนข้างไว้ต่อความรู้สึกของคนอย่างเขาน่ะ “เฮ้อ... ชานมก็ไม่ได้กิน...”

     

        “โอเซน่า...เมื่อกี้ครูเห็นเธอถืออาหารเข้ามานะ เอาไปซ่อนไว้ตรงไหน”

         บ้าจริง...

         ฉันลืมไปได้ยังไงว่าวันนี้คุณครูซูฮยอนสุดเนี๊ยบเข้าเวรห้องสมุด ดีนะที่ชอนจีถือออกไปก่อนไม่งั้นคงถูกเรียกผู้ปกครองอีกแน่ จากนั้นแม่ก็ต้องบีบคอฉันจนหมดลมหายใจ และตายไปในที่สุด... -_-

        แค่คิดก็...ตาย...

     

        “เปล่าค่ะ... ไม่มี”

        “แต่ฉันเห็น...” เธอลากเสียงยาวให้มันดูน่าขนลุก ฉันเลยเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้วยื่นกระเป๋าเป้ไปให้ ก่อนจะกางแขนทั้งสองข้างออกเพื่อให้อาจารย์ตรงหน้าค้นตัว

         เธอจับป่ายตัวฉันไปมาแล้วรูดซิบกระเป๋าไนกี้สีแดงทุกช่องเพื่อตรวจดูของด้านในท่ามกลางความสนใจของพวกหนอนหนังสือ เด็กเรียน และพวกที่มาติว

     

         ใบหน้าสวยของครูซูฮยอนที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเริ่มนิ่งจนน่ากลัว เธอขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฉันอย่างจับผิดแล้วเก็บของที่ค้นตรวจเมื่อครู่ใส่เข้าไว้ในกระเป๋าให้ดั่งเดิมก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะบรรณลักษณ์

     

        อะไรของเขา...

     

        “เฮ้อ” ฉันถอนหายใจออกมาแล้วนั่งลงที่ประจำของตัวเอง ก่อนจะหยิบหนังสือในกระเป๋ามาอ่านอย่างจำใจ...ToT

     

         ฉันใช้เวลาพักเที่ยงอันแสนล้ำค่าจำสูตรคณิตศาสตร์และทำแบบฝึกหัดตามไปด้วย พยายามจดจำมันให้เข้าสมองมากที่สุดเพราะเหลือเวลาอีกแค่หนึ่งอาทิตย์ แต่ที่ฉันต้องจำและทำให้ได้ภายในวันนี้เพราะเดี๋ยวไม่มีเวลาเที่ยวเล่น

        คนบ้าที่ไหนเขาจะอ่านหนังสือได้ทั้งวันและทุกๆวัน ฉันไม่ใช่พวกสมองกรวงความจำสั้นสักหน่อยที่จะจำเรื่องแค่นี้ไม่ได้

     

     

     

     

     

        “ซูจองหนุ่มที่ไหนมาคุยด้วยว่ะ” ฉันหันไปแซวเธอเล่นๆแต่กลับถูกฝ่ามือเล็กๆทุบเข้าที่แขนใบหน้าที่เคยเรียบนิ่งยังแสดงความเขินอายให้เห็นอีก

        “บ้า”

        “อ๋อ...แจบอมน่ะ มานี่เซน่าเดี๋ยวน้องจีมินจะเล่าอะไรให้ฟัง” ฉันถามซูจองนะเมื่อกี้แต่ทำไมอีกคนถึงอยากจะแสดงความเห็น?

        ร่างกายอันอวบอั๋นดึงแขนฉันเข้าไปคล้องไว้แน่นแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้ซูจองที่กำลังส่ายหน้าอย่างปฏิเสธ

        “เล่ามา...”

        “ก็...” จีมินซบแก้มลงที่ไหล่ฉันแล้วถูไปมาเหมือนแมว เพื่อนทั้งกลุ่มหัวเราะอย่างถูกใจเมื่อมือของเพื่อนโรคจิตลูบอยู่ที่หน้าอกฉัน...ยัยบ้า

        “จะลูบอีกนานไหม เสียว...”

        “แหม่เซน่าถ้าพูดอย่างนี้ก็เข้าโรงแรมกันเลยป่ะ ลูบนิดเดียวของขึ้นเลยหรอ?” เสียงหัวเราะดังตามทางเดินไม่มีหยุด จะขำให้ตายกันไปเลยหรอฮะ “เพราะตัวเองไซต์ใหญ่ไงเค้าเลยชอบจับ อย่ามองเค้าอย่างนั้นนะเซน่า เค้าไม่ทำกับใคร แค่เซน่าคนเดียวก็พอ คนอื่นมันแบน”

        “อ่าวยัยนี่” ว่าหน้าอกฉันใหญ่ทำไมไม่มองฮยอนอาบ้าง?

        “ดูผู้คนบ้างก็ดีนะ ปล่อยมือออกได้แล้ว...” ฉันเอ่ยขึ้นแล้วจับมือจีมินออกจากหน้าอกก่อนจะถูกหาว่าโรคจิต “จะพูดอะไรก็พูดมา”

        “ก็แจบอมไง จำได้ป่ะ? คนที่ไปแข่งคณิตศาสตร์กับเธออ่ะ” ฉันพยักหน้ารับคำพูดจีมิน “เขาตามจีบซูจองแฟนเธออยู่”

        “จริงดิ?” ฉันไม่ได้ตกใจที่แจบอมมันตามจีบซูจองหรอกแต่ตกใจที่ตัวเองกับซูจองไปเป็นแฟนกันตอนไหน ยัยมั่ว!

        “ใช่!!!....” เสียงเพื่อนๆฉันที่เงียบฟังจีมินเล่าตอบรับพร้อมเพรียงกันเสียงดังฟังชัด ฉันเลยหันไปมองซูจอง เธอเกาแก้มแดงๆของตัวเองอย่างเขินอาย...

     

        ชอบละสิ เขาทั้งหล่อทั้งเก่งขนาดนี้...

     

        “แล้วพวกเธอคิดว่าซูจองของเราชอบแจบอมป่ะ”

     

        “ชอบบบบบบบ!.......”

        “ฮิ้วววววววว”

        “จริงดิ?” ฉันถามขึ้นเมื่อเห็นแจบอมเดินผ่านพวกเรา เขาพยักหน้าให้ฉันแล้วหันไปมองซูจอง เขินแทน...^^

        “จรี๊ง!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

         หลังจากหมดวิชาสุดท้ายเราทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน หลังจากออกมานอกรั้วโรงเรียนฉันก็นั่งหงอยตามเดิม

        เป็นอีกวันที่ซูจองทิ้งฉันไปเดทแอบๆกับแจบอม ทุกวันฉันจะติดรถที่พี่สาวเธอส่งมารับกลับไปด้วยกันเพราะมันเป็นทางผ่านคอนโดฉันพอดี ขี้เกียจเสียค่ารถเมล์...มันเปลือง

        อยู่คนเดียวก็ต้องประหยัดหน่อยเพราะพ่อแม่และน้องชายสุดที่รักของฉันอยู่ที่ไทยครอบครัวฉันทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำหอมอยู่ที่นั่น ฉันเป็นลูกครึ่งมั้ง...ไม่รู้สิแม่ฉันเป็นคนเกาหลีส่วนพ่อไทย-จีนแต่ฉันมีเชื้อชาติไทย-เกาหลี-จีน แต่เป็นสัญชาติไทยแท้ๆ

        โอเซน่าเป็นชื่อเกาหลีที่คุณยายโอสุดที่รักของแม่ตั้งให้ส่วนชื่อไทยอย่างที่คุณกำลังคิดอยู่นั่นแหละชื่อฉัน...

     

     

        กว่าจะขอคุณยายมาอยู่คอนโดได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันต้องอดข้าวอดน้ำประชดเลยทีเดียว แต่ยังไงก็ดีกว่าการอยู่บ้านกับคุณตาคุณยาย ไม่อย่างนั้นฉันได้ขาดใจตายเพราะความเป็นกุลสตรีของตัวเองแน่ๆ

     

        “เซน่า!” ฉันหันหลังไปมองบุคคลที่เรียกชื่อตัวเองก็เห็นว่าชอนจีกำลังวิ่งมา เขาหยุดเหนื่อยหอบอยู่ตรงหน้าฉันแล้วหายใจแรงๆ พอเห็นแบบนี้ด้วยความมีน้ำใจฉันจึงลูบแผ่นหลังให้เบาๆ “ฉันเอาชานมเธอมาคืน...”

        “?” ฉันรับมันมาจากมือเขาแล้วเจาะกินทันทีด้วยความหิว ชอนจีเบะปากใส่แล้วผลักหัวฉันอย่างแรงจนแทบคว่ำ ส่วนชานมในปากพุ่งออกมาเปื้อนเสื้อนักเรียนฉันเป็นแถบ

        “มันเปื้อนไหมห๊ะ!!

        “ก็เปื้อนไง ไม่เห็นหรอ?”

        “ไอ้บ้าเอ้ย” ฉันหยิบผ้าเช็ดหน้าในมือชอนจีมาเช็ดเสื้อตัวเองลวกๆแล้วส่งกลับคืน “ฉันนึกว่านายกินไปแล้วซะอีก”

        “บ้าหรอ ฉันอุตสาห์เป็นคนดีกลัวว่าอาจารย์ซูฮยอนจะฆ่าเธอเลยช่วย ขอบคุณสักคำก็ไม่มี ผู้หญิงอะไร”

        “อ่าว...”

        “อีกอย่างฉันเป็นพี่แกนะเว้ยเซน่า เมื่อไหร่จะเรียกว่าฉันว่าโอปป้าบ้างห๊ะ?” ถ้าเขาบ่นยาวขนาดนี้ฉันก็ต้องตัดปัญหาที่...

        “ยังไงก็ขอบคุณนะ” ฉันยิ้มสวยๆไปให้คนตรงหน้าแต่เขากลับถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆแล้ววิ่งกลับไปหาริกกี้ที่ยืนเท้าเอวพิงรถมินิอยู่ไม่ไกล

        “เซน่าสุดที่รัก”

        “อะไร?”

        “ให้ไปส่งป่ะ”

        “ไม่ต้อง... ไปไหนก็ไป” ฉันเกลียดไอ้เตี้ยนั่น ทำเป็นปากหวาน เป็นผู้ชายใจดี ไม่มองดูเลยว่าประชากรในรถมีเยอะขนาดไหนถึงได้กล้าชวน

        “ฮ่าๆ”

     

     

     

     

         รถเมล์อยู่ไหน?

     

         ฉันยืนรอเป็นชั่วโมงกับนักเรียนอีกสามสี่คนที่เหลืออยู่ ที่จริงมันไม่มีหรอกไอ้รถเมล์ที่ว่ามีแต่รถรับส่งนักเรียนและพวกรถส่วนตัวของคุณครู แต่ฉันมักเรียกแบบนั้นเพราะความเคยชิน...

     

        “ว้า...น่ารักจัง”  อิจฉาบางคนที่มีพ่อแม่มารับจัง

     

        “เธอ...เอ่อ...เซน่าหรือเปล่า?

     

        ฉันหันไปมองผู้มาใหม่ แต่ไม่เห็นหน้า เห็นแค่ลำคอ คาง และไหล่กว้างๆ ขนาดฉันไม่ใช่คนเตี้ยอะไรความสูงของตัวเองยังอยู่ในระดับอกอีกคนเลย

        ฉันเงยหน้ามองคนผิวขาว จมูกโด่ง ริมฝีปากสีชมพู และโครงหน้าที่ได้รูปแล้วบอกคำเดียวว่าสวยมาก แต่สู้ชอนจีไม่ได้ เขาสวมชุดโรงเรียนเดียวกับฉันเลย แต่...ทำไมหน้าคุ้นๆเหมือนเคยเจอที่ไหน...

        “- -

        “เอ่อ อื้ม... มีอะไรค่ะ” มือขาวๆเสยผมตัวเองขึ้นอย่างลวกๆเมื่อได้รับคำตอบจากฉันก่อนจะยิ้มออกมาจนเรียวตาแทบปิด

        “เธอลืมเงินทอน คุณน้าร้านชานมฝากมาให้”

     

         อะไรนะ! ลืมเงิน

     

        “ลืม?”

        “ใช่...ลืม”

     

         อย่างฉันนี่นะจะลืมอะไรง่ายๆโดยเฉพาะเงิน ฉันแบมือรับตังจากอีกคนอย่างซึ้งใจแล้วเก็บเข้ากระเป๋าไว้ก่อนจะเงยหน้ามองเขาอย่างสงสัยอีกครั้ง จากนั้นความทรงจำก็เริ่มกลับมา..ผู้ชายคนนี้คือคนที่เพื่อนๆฉันชอบมองใช่ไหม แล้วเขาก็คือคนที่ยกชานมเผือกแก้วแรกให้ฉันก่อนหน้านี้ใช่หรือเปล่า...

        “...” ใช่หรือเปล่านะ

        “ไม่มีชานมที่ไหนเป็นหมื่นวอนหรอกนะ”

        “ขอบคุณค่ะ”

        “แล้วไม่กลับบ้านหรอ?

         “ฉันรอรถโรงเรียนอยู่น่ะ” เขาหรี่ตามองฉันแล้วเอามือล่วงกระเป๋าก่อนจะยิ้มตาหยีออกมาอีกครั้ง...

     

        เป็นบ้าป่ะเนี่ย

     

        “เธอเนี่ยนะ เอ่อ...โทษที เธอชอบนั่งรถโรงเรียนหรอ” เขามองฉันอย่างไม่เชื่อสายตา คิ้วหนาขมวดเข้ากันเหมือนกำลังประเมินบางอย่างอยู่

        “อื้ม ฉันชอบนั่ง”

        “อยากนั่งบ้างจัง”

        “?”

        ฉันตอบคำถามเขาและก้าวขาขึ้นรถรับ-ส่งในทันทีที่มันจอดเมื่อสายตาของอีกคนเริ่มชัดเจนมากขึ้น เห็นหน้าฉันดูเหมือนเด็กเรียนอย่างนี้แต่ฉันไม่โง่นะ ใบหน้าเขามันบ่งบอกมากว่ากำลังคิดเรื่องไม่ดีกับร่างกายฉันแน่ๆ

        ไม่น่าเชื่อว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่ดูไร้เดียงสาจะซ่อนสายตาอันชั่วร้ายไว้...

     

     

     

     

     

     

     

    CR.SQW

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×