ลำดับตอนที่ #29
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : พญาหงส์เริงระบำ
ศึกเทพอสูรมหาสงคราม
ตอนที่ ๒๙ พญาหงส์เริงระบำ
    อินทรนาคราชพุ่งตัวเข้าหา ทมิฬดำ สุดกำลัง หวังถ่วงเวลาไว้ให้ได้นานที่สุด เพื่อให้ทุกคนสามารถหนีรอดไปได้ ทมิฬดำ แทนที่จะเข้าปะทะด้วยกลับลอยตัวถอยห่างออกมา ทั้งยังส่งสัญญาณให้กองรบทมิฬบุกเข้าจับอินทรนาคราช แทน
“ เล่นหมาหมู่นี้น่า “
ทมิฬดำ ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนตอบกลับไปว่า
“ ข้าเป็นนักวางแผน ไม่ใช่นักรบเหตุใดต้องออกแรงให้เมื่อยด้วยเล่า “
กองรบทมิฬนับร้อยเหาะทะยานเข้าหา อินทรนาคราช หวังจับตัวเขาไว้ให้ได้
“ ไม่ต้องกลัว อินทรนาคราช ข้ามาช่วยแล้ว “
เสียงของ จลนันทนาคราช ดังอยู่เบื้องหลัง เขาตาม อินทรนาคราช มาได้ทันเวลา มือข้างหนึ่งเนรมิตดาบยาวมีลักษณะคล้ายง้าวแต่ตัวด้ามดาบนั้นสั้นกว่ามากและตัวดาบก็ยาวกว่าง้าวโดยทั่วไปเช่นกัน ส่วน อินทรนาคราช เองก็เนรมิตดาบโค้งเล่มหนึ่งออกมา เพื่อใช้โรมรันกับเหล่าศัตรู ทั้งสองเปิดฉากสู้กับกองรบทมิฬอย่างไม่เกรงกลัว และด้วยฝีมือที่เหนือชั้นกว่า กองรบทมิฬ จึงถูก อินทรนาคราช และจลนันทนาคราช สังหารล้มตายลงเกินครึ่ง ทำให้เหล่าอสูรกองรบทมิฬ จำต้องเปลี่ยนวิธีจากที่บุกเข้าหาตรงๆ เปลี่ยนเป็นนำกำลังล้อมกรอบพวกเขาไว้แทน และคอยหาจังหวะเข้าจับกุม
‘ โอ๊ะโอ! เจ้างูยักษ์สองตัวนี้จัดการไม่ได้ง่ายๆจริงๆด้วย ’  ทมิฬดำ คิดไว้ไม่ผิดว่าเพียงแค่นี้ยังไม่อาจทำอะไรอินทรนาคราช และจลนันทนาคราช ได้
‘ แต่นี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น หึๆๆ ’
ทั้งสองสู้อยู่นานสังหารกองรบทมิฬไปหลายร้อยตนแต่กองรบทมิฬก็ยังส่งกำลังสมทบขึ้นมาเรื่อยๆ
“ อินทรนาคราช ลิ้วล้อพวกนี้ให้ข้าจัดการเอง ท่านรีบจัดการเจ้าอสูรปีกดำนั้นเถอะ “
อินทรนาคราช พยักหน้า ก่อนพุ่งตัวตวัดดาบในมืออย่างเร็ว เกิดคลื่นพลังดาบใหญ่ทลายกองรบทมิฬที่อยู่ด้านหน้าจนล้มตายลงระเนระนาด พร้อมทั้งฉวยโอกาสพุ่งตัวเข้าหาทมิฬดำในทันที
“ ลองรับดาบข้าดูหน่อยเป็นไร “
อินทรนาคราช บุกถึงตัว ทมิฬดำ และฟันดาบลงไปอย่างรวดเร็ว
“ ฟ้าวๆๆ “
ทมิฬดำ ไม่ได้ร้อนรนกับการบุกเข้ามาของ อินทรนาคราช  ค่อยๆใช้กรงเล็บของตนรับดาบของอินทรนาคราช เอาไว้อย่างใจเย็น
“ เคร้งงงงงงงงงงงง “
เสียงกรงเล็บกระทบกับโลหะดังจนแสบแก้วหู ฝีมือของ ทมิฬดำ ไม่ใช่ย่อยๆเลย
“ สามารถต่อกรกับท่านอินทรนาคราช นับว่าเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับข้า “
กรงเล็บของ ทมิฬดำ เปล่งพลังออกมากระแทก อินทรนาคราช ออกไป ร่างของ อินทรนาคราช ลอยกระเด็นออกมาจากกำแพงพลังที่แข็งแกร่ง ยังไม่ทันได้พักหายใจ ทมิฬดำก็กระพือปีกเหาะไล่ตามมาติดๆ  พร้อมส่งมือทั้งสองข้างเข้าหา อินทรนาคราช  ทมิฬดำไม่รอช้า เกร็งกรงเล็บของตนในทันที พลันปรากฏเล็บที่งอกยาวและแหลมคม อีกทั้งยังแข็งดุจเหล็กกล้าออกมาด้วย
“ วิชาอสูรคืนชีพ กรงเล็บพญายม “
รวดเร็วเกินกว่า อินทรนาคราช จะได้ทันตั้งตัว กรงเล็บทั้งสองข้างขยุ้มเข้าที่หน้าอกและท้องของ อินทรนาคราช ภายในพริบตา
“ ฉึกๆ “ เสียงเหมือนเนื้อถูกของแหลมคมแทงเข้าอย่างจัง หากเป็นจริงผู้ที่ถูกกระทำต้องเจ็ดปวดและทรมานเจียนตายเป็นแน่ แต่ อินทรนาคราช ก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดนี้ขึ้นเลย นั้นเป็นเพราะอินทรนาคราชใช้....
“ พระเวทย์เพชรมหากาฬ ขั้นที่๑ มหาต่อต้าน “
คมเล็บของ ทมิฬดำ หาทำอะไรร่างกายที่แกร่งดุลเพชรได้ไม่
“ โอ หนังเหนียวด้วยหรือ? “ ทมิฬดำ ไม่มีท่าทางตกใจเลยแม้แต่น้อย
จังหวะนั้นเอง อินทรนาคราช ใช้มือข้างหนึ่งจับตัวของ ทมิฬดำ เอาไว้และฉุดร่างของ ทมิฬดำ ให้เข้ามาใกล้เขา ก่อนแทงดาบที่อยู่ในมือเข้าที่ท้อง ทมิฬดำ จนมิดด้าม
“ ซวบ “ เสียงของดาบผ่านทะลุร่างไป  ที่หลังของ ทมิฬดำ ปรากฏคมดาบยื่นออกมา
“ ตายซะเถอะ “
ดาบเล่มนั้นทะลุร่าง ทมิฬดำ ไปได้อย่างง่ายดาย ชีวิตของ ทมิฬดำ คงจบไปด้วยดาบเล่มนี้แล้ว แต่ทว่า ..
“ อะ อะไรกัน!!! “  อินทรนาคราช ส่งเสียงร้องอย่างตกใจ
ทมิฬดำ ยังคงมีชีวิตอยู่และพูดจากับเขาอย่างไม่สะทกสะท้านอีกทั้งไม่มีความเจ็บปวดใดๆ ให้เห็นเลย
“ อิๆๆ เจ็บจังเลย ดาบของท่านอินทรนาคราช ทำข้าเจ็บเสียเหลือเกิน ฮะๆๆๆ “
ถึงจะยังตกตะลึงแต่ อินทรนาคราช ก็ตั้งสติได้ทัน รีบชักดาบออกมาฟันแขนของทมิฬดำจนขาด แต่ ทมิฬดำ ก็ยังคงส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยเขาอยู่
“ ฟันสิ ฟันอีก สนุกดี ฟันให้เยอะๆ ฮะๆๆๆ “
อินทรนาคราช ไม่สนใจว่า ทมิฬดำ จะพูดอะไร ไล่ฟัน ทมิฬดำ จนตัวของเขา ขาดเป็นท่อนๆ ทมิฬดำ เองก็ไม่ได้ตอบโต้เลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้ อินทรนาคราช ฟันตัวเขาไปเรื่อยๆ พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะเยาะตลอดเวลา
“ ฉับๆๆ  “
“ ดี ข้าชอบ เอาอีก เอาอีก ฮะๆๆๆ “
ในที่สุด อินทรนาคราช ก็ทนไม่ไหว
“ ชอบนักใช่ไหม? ข้าจัดให้ “
อินทรนาคราช ตวัดดาบอีกครั้งฟันหัวของ ทมิฬดำ จนขาด ก่อนจะยกดาบฟันอีกครั้งเพื่อแยกหัวของ ทมิฬดำ ออกจากกันเป็นสองซีก
“ ที่นี้ยังจะชอบอีกไหม? “
แต่ .
“ แหม! เลิกเล่นแล้วหรือ? ข้ากำลังสนุกเชียว “ ทมิฬดำ ยังคงพูดได้ทั้งๆที่ทั้งตัวเป็นแค่เศษชิ้นส่วนเท่านั้น
“ ไอ้ เจ้านี้ มันไม่รู้จักตายหรือไงกัน? “  อินทรนาคราช ถึงกับเหงื่อตกไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับ ทมิฬดำดี และต้องตกใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นค่อยๆ ลอยและมาประกบรวมตัวกันเป็น ทมิฬดำ อีกครั้ง
“ เอาล่ะในเมื่อท่านเลิกเล่นกับข้าแล้ว ก็ถึงตาข้าเล่นกับท่านบ้าง “ ทมิฬดำ ดีดนิ้วหนึ่งครั้ง กองรบทมิฬก็ถอยร่นออกไปแต่พลันปรากฏกลุ่มอสูรอีกกลุ่มขึ้นมา
“ เด็กๆของข้า เล่นกับท่านอินทรนาคราชให้สนุกเถอะนะ ฮะๆๆๆ “
กลุ่มอสูรกลุ่มนั้นเหมือนเป็นคนบ้าและคลุ้มคลั่งตรงเข้ากลุ้มรุมทำร้ายอินทรนาคราช ในทันที อินทรนาคราช เองก็ตวัดดาบในมือเข้าเข่นฆ่าฟันเหล่านอสูรกลุ่มนั้นเช่นกัน อสูรหลายตนถูกฟันจนหัวขาดแต่พวกมันก็ยังสามารถลุกขึ้นมาได้อีก
“ อสูรพวกนี้ มันตัวอะไรกันแน่ ทำไมถึงฆ่าไม่ตาย? “
ถึงแม้ไม่ได้ตั้งใจจะถาม แต่คำตอบก็ถูกเฉลยเช่นกัน
“ สงสัยหรือท่านอินทรนาคราช? ข้าจะบอกให้ก็ได้ พวกนี้คือกองรบอสูรอมตะ ไม่ว่าท่านจะฆ่าพวกมันอย่างไร มันก็ไม่รู้จักเจ็บจักตายหรอก “
อินทรนาคราช ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในกองทัพอสูรมีอสูรแบบนี้อยู่ด้วย
‘ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคนที่อาจจะตายก็คือข้าเองก็ได้ ’
จลนันทนาคราช เมื่อเห็น อินทรนาคราช ตกอยู่ในที่นั่งลำบากก็รีบฝ่าวงล้อมบุกเข้ามาช่วยในทันที
“ ฉับ “ อสูรกองรบอสูรอมตะล้มลงในทันที
“ อินทรนาคราช ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? “
“ ยังไหวอยู่ แต่อสูรพวกนี้ ข้าฆ่าอย่างไรมันก็ไม่ตาย “
จลนันทนาคราช ก็รู้ว่าที่ อินทรนาคราช เป็นเรื่องจริง เพราะอสูรที่ถูกเขาฆ่าก็ลุกเข้ามาเล่นงานเขาอีกครั้งแล้ว ยิ่งสู้ก็ยิ่งเสียเปรียบแต่อสูรพวกนี้ ถึงจะเข้าทำร้ายพวกเขาแต่ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเขาเล่นงานพวกเขาในช่วงเผลอเลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะอะไร?
“ อินทรนาคราช ท่านรู้สึกไหมว่าอสูรพวกนี้เหมือนไม่ตั้งใจสู้กับเราซักเท่าไร? “
อินทรนาคราชตอบรับ
“ ข้าก็รู้สึกเหมือนท่าน ทำไมถึงพวกมันถึงทำอย่างนี้ก็ไม่รู้? “  ยิ่งสู้ก็ยิ่งผิดสังเกต ยิ่งมองทมิฬดำ ก็ยิ่งพบรอยยิ้มที่แปลกประหลาด
‘ เอ๊ะ! หรือว่า? ’ ในที่สุดอินทรนาคราชก็หาคำตอบจนพบ
“ แย่แล้ว จลนันทนาคราช พวกมันตั้งใจจะถ่วงเวลาเราเอาไว้ “
จลนันทนาคราช ไม่ใช่คนโง่ ฟังแค่นี้มีหรือจะไม่รู้
“ เป้าหมายของมันอยู่ที่เรือหงส์เหิน!!!! “
หากพวกแก้วกุสุมาลย์และพระนางมัณนิยาถูกจับตัวมีหรือ อินทรนาคราช และจลนันทนาคราช จะไม่ยอมแพ้
“ รู้ตอนนี้ก็สายเสียแล้ว ท่านทั้งสองจะมีปัญญาฝ่าวงล้อมกองรบอสูรอมตะของข้าไปได้หรือ? “ ว่าแล้วก็หัวเราะเยาะศัตรูอีกครั้ง
สองนาคราช โกรธถึงขีดสุด
“ ในเมื่อฆ่ามันไม่ตายก็เผามันให้สิ้นซากไปเลย “
“ อะไรนะ!!! “ ทมิฬดำ ตกใจที่อยู่ๆ ทั้งสองเหาะลอยตัวขึ้นสู่เบื้องบนก่อนพุ่งตัวกลับมาอย่างแรง และยิ่งต้องตกตะลึงอ้าปากค้าง เมื่อเห็นมองเห็นทั้งสองแผ่พลังเพลิงที่มหาศาลออกมา
“ หนึ่งในสุดยอดพระเวทย์เผ่าพันธุ์นาคา ราชันย์นาคราชอัคคี สยบ ปักษี สองเพลิงผลาญโลกันย์ “
“ ไอ้บ้าเอ๊ย “ ทมิฬดำ สบถออกมาเสียงดังไม่คิดว่าจะถูก อินทรนาคราช และ จลนันทนาคราช แก้ลำอย่างนี้ รีบกระโดดหลบในทันที
“ ตูมมมมมมมมมมม  อ๊าคคคคคคคคคค “
อสูรกองรบทมิฬและกองรบอสูรอมตะ ทั้งหมด ถูกเผาจนมอดไหม้ พร้อมกับนาคราชเพลิงสองสายก็ทะยานร่างออกจากที่ตรงนั้น รีบติดตามไปช่วยเหลือทุกคนในเรือหงส์เหิน โดยมีสายตาของอสูรปีกดำจ้องมองตามอย่างเครียดแค้น
“ เชอะ ปล่อยให้มันสองคนหนีไปจนได้ “
แต่จู่ๆสายตาที่เครียดแค้นอยู่นั้นพลันค่อยๆเปลี่ยนเป็นรื่นเริงภายในพริบตา ช่างเป็นอุปนิสัยและท่าทางที่แปลกประหลาดจริงๆ
“ ช่างเถอะ ไหนๆก็หนีไปได้แล้วค่อยจัดการพวกมันทีหลังก็ได้ อีกอย่างศัตรูที่เก่งๆแบบนี้ปล่อยให้ตายไปง่ายๆ มันก็น่าเสียดายเหมือนกัน หึๆๆ “
ทมิฬดำ ไม่ได้กระพือปีกไล่ตามทั้งสองไป เพียงแต่ยืนมองอยู่ตรงนั้นอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆเลือนหายไปคงเหลือไว้แต่เพียง ซากศพของเหล่าอสูรที่มอดไหม้ไปด้วยเพลิงแห่งนาคา
.........ทางด้านแก้วกุสุมาลย์กับพระนางมัณนิยา ในเวลานี้ถูก ขุนพลมารมันจาปา ขวางหน้าไว้อยู่ เรือหงส์เหินไม่สามารถบุกฝ่าออกไปได้ เมื่อเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ พระธิดาทั้งสาม จึงไม่สนใจความเป็นความตายของตัวเองอีกต่อไป ต่างกระโจนตัวเข้าหา มันจาปา เพื่อหาทางรักษาชีวิตทุกคนเอาไว้
“ เมธาวดี กุสุมาวดี กรรณิการ์นาคี!!! “ เสียงร้องที่แผดขึ้นอย่างห่วงใย เป็นของพระนางมัณนิยานั้นเอง
“ อย่าตามไปเพคะ พระมเหสีมัณนิยา “ แก้วกุสุมาลย์ห้ามพระนางเอาไว้
“ สามคนนั้นสู้อสูรตนนั้นไม่หรอก ข้าต้องออกไปช่วยพวกนาง “
แก้วกุสุมาลย์ กลัวว่าพระนางมัณนิยา จะทรงได้รับอันตราย จึงยื้อยุดฉุดพระนางเอาไว้ แต่พระนางก็ไม่ทรงรับฟังยังทรงดื้อดึงจะออกไปให้ได้ จนกระทั่งได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น
“ ให้หม่อมฉันออกไปเอง พระเจ้าข้า “
ทั้งสองหันพระพักตร์มามองเจ้าของเสียงเมื่อครู่นี้
“ โภคินันท์ “
โภคินันท์ ไม่รอว่าพระนางทั้งสองจะรับสั่งว่ากระไร หันหน้ามากำชับ นิลบุตรปักษี
“ ดูแลทางนี้ด้วย “  นิลบุตรปักษี พยักหน้า
กระเรียนหงส์ ไม่รอช้าอีกต่อไปทะยานร่างไล่ตาม พระธิดาทั้งสามไป เขามองเห็นแต่ไกลแล้วว่าทั้งสามกำลังเปิดฉากสู้กับ มันจาปา อย่างดุเดือด เหล่าอสูรเห็นเขาพุ่งตัวออกจากเรือหงส์เหินตามมาอีกคน ต่างกรูเข้าหาหวังจับตัวเขาไว้ให้ได้
“ จับมันให้ได้ “
โภคินันท์ เหินตัวอย่างเร็ว เพียงเหาะผ่านเหล่าอสูรเท่านั้น อสูรทั้งหมดถึงกับส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
“ อ๊าคคคคคค “
เลือดสาดกระจายออกจากร่างในทันที ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า โภคินันท์ ใช้อาวุธอะไร แต่ที่แน่ๆก็คืออสูรเหล่านั้นตายไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนร่างจะร่วงร่นลงสู่พื้นเสียงดั่งสะนั่น แต่ด้วยจำนวนอสูรที่มากมายเช่นนี้ย่อมทำให้เข้าฝ่าวงล้อมไปช่วย สามสาวไม่ได้ง่ายๆ ด้านสามสาวในตอนนี้ต่างใช้สุดฝีมือต่อสู้อยู่กับ มันจาปา    เมธาวดี นั้นใช้หอกเป็นอาวุธเหมือนเสด็จพ่อของนาง กุสุมาวดี ใช้ดาบลักษณะเช่นเดียวกับจลนันทนาคราชผู้เป็นเสด็จพ่อ ส่วน กรรณิการ์นาคี ใช้ห่วงโลหะสองห่วงเป็นอาวุธ ทั้งสามต่างแยกกันจู่โจม มันจาปา ทั้งด้านบน ด้านล่าง ด้านข้าง และ ด้านหลัง
“ ย๊ากกกก “
นับตั้งแต่ อัคคีนาคา ออกจากนครบาดาลไป ทั้งสามต่างฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างหนัก ทำให้ฝีมือของทั้งสามพัฒนาขึ้นมาก แต่เมื่อต้องต่อสู้กับ ขุนพลมารมันจาปา แล้วยังต้องถือว่าพวกนางยังห่างชั้นอยู่มากแต่โชคยังดีที่ว่า ทั้งสามรวมมือกันต่อกรกับ มันจาปา จึงทำให้สามารถต่อสู้กับ มันจาปา ได้อย่างคู่คี่
‘ นังหน้าสวยสามคนนี้รวมมือกัน ประมาทไม่ได้เลย ‘ มันจาปา เองก็ได้รับแรงกดดันไม่น้อย
เมธาวดี แทงหอกจู่โจมส่วนหัวของ มันจาปา ทำให้ มันจาปา ต้องรีบใช้หอกด้ามหนึ่ง ต้านรับเอาไว้ จังหวะนั้นเอง กุสุมาวดี ก็ฟันดาบเข้าที่ท้องพอดี หอกที่เหลืออีกด้ามจึงถูกส่งเข้ามาปิดสกัดอีกเช่นกัน แต่นั้นก็เป็นการเปิดโอกาสให้คนที่เหลืออีกคนหนึ่งได้จู่โจม
“ เจ้าอสูรชั่วตายซะ “
กรรณิการ์นาคี อ้อมตัวมาทางด้านหลัง มันจาปา ฟาดห่วงทั้งสองเข้าใส่อย่างแรง
“ นังเด็กเมื่อวานซีน “
มันจาปา โมโหไม่น้อยที่ถูกเด็กรุ่นหลัง ลูบคมแบบนี้ เร่งพลังกระแทกทั้งสามออกมาในทันที
“ หอกซัดมารฟ้า กระบวนที่ ๑ หันเหเปลี่ยนทิศ “
พริบตาเดียว ปรากฏกระแสหอกนับร้อย กระแทกทั้งสามออกมาในทันที ทั้งกระแสหอกยังแยกเป็ฯสามทิศทางจู่โจมพวกนางทั้งสามจุดพร้อมกัน
“ บ้าจริง มันยังหาวิธีโต้กลับได้อีก “ กรรณิการ์นาคี เสียดายไม่น้อยที่พลาดโอกาสสังหารมันจาปา
เมื่อโอกาสกลับกลายมาเป็นของ มันจาปา มีหรือเขาจะยอมปล่อยไปง่ายๆ
“ นังตัวดีสามคนนี้ ทำข้าแสบนัก พวกเจ้าจะต้องสำนักไว้ในหัวตลอดไปมา กล้ามาต่อกรกับข้าแล้วผลมันจะเป็นอย่างไร “
มันจาปา เลือกจู่โจมเมธาวดีก่อน
“ หอกซัดมารฟ้า กระบวนที่ ๒ อสูรคู่ล้างเมือง “
หอกสั้นทั้งสอง ถูกนำมาไขว้กันพร้อมเปล่งพลังทำลายล้างศัตรูในทันที เมธาวดี ก็ส่งหอกเข้าต้านอย่างไม่เกรงกลัว
“ เพลิงนาคา “
หอกของ เมธาวดี เต็มไปด้วยเปลวเพลิงทั้งด้าม นางพุ่งหอกเข้าหา มันจาปา พร้อมทั้งทะยานร่างตามไปด้วย
“ ย๊ากกกกก “  เปลวเพลิงที่หอกร้อนแรงยิ่งกว่าเดิม
“ หนึ่งในสุดยอดพระเวทย์เผ่าพันธุ์นาคา ราชันย์นาคราชอัคคี สยบ ปักษี “
“ เปรี้ยงงงงงง ตูมมมมม “
เกิดเสียงระเบิดดังสะนั่น หลังการปะทะ ร่างของ เมธาวดี ลอยละลิ่วปลิวอย่างแรง พลังของนางยังสู้ มันจาปา ไม่ได้
“ สำนึกแล้วใช่ไหมนังหนู? “  มันจาปา ไม่ช้าอีก ส่งหอกสั้นเข้าหา เมธาวดี ในทันที ร่างของ เมธาวดี ที่ปลิวกระเด็นว่าเร็วแล้ว ยังไม่เท่า มันจาปา ที่เหาะไล่ตามมา
“ เมธาวดี ข้ามาช่วยแล้ว “ กรรณิการ์นาคี เห็นเมธาวดี ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก รีบเหาะเข้ามาช่วยเหลือในทันที นางใช้ห่วงทั้งสองต้านหอกสั้นของ มันจาปา ไว้ได้ทัน แต่ด้วยความห่วงเพื่อนมากเกินไปทำให้นางได้แต่รับจนลืมรุก
“ ได้ เจ้าตายก่อน “  มันจาปา ซัดด้ามหอกเข้าที่ท้องนาง จนกระอักเลือด ความเจ็ดปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ร่างของ กรรณิการ์นาคี ร่วงหล่นลงสู่พื้น มันจาปา รีบตามซ้ำ
“ ตายซะ “
กุสุมาวดี รีบตามเข้ามาช่วยเหลือ กรรณิการ์นาคี แต่ระยะห่างของนาง อยู่ห่างเกินไป หอกของ มันจาปา ใกล้จะถึงตัวของ กรรณิการ์นาคี แล้ว
“ ครืนนนนนนนนนน “  พลัดเกิดลมพายุใหญ่เข้าขวาง มันจาปา เอาไว้ ทั้งยังซัดเขาให้กระเด็นกลับออกมา ลมพายุใหญ่นั้นหอบพัดพาร่างของ กรรณิการ์นาคี จากไปในทันที ท่ามกลางสายตานับร้อยที่มองเห็น เหล่าอสูรรีบไล่ตามไปแต่ก็ไม่อาจไล่ตามลมพายุนั้นไปได้ทัน
“ บ้าชิบ “  มันจาปา โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่เขาพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย แต่เขาลืมไปว่ายังมีอีกคนที่พุ่งตัวมาหาเขา
“ ย๊ากกกกกก  ฉับบบบบ  “ เวลานั้น มันจาปา ไม่ทันระวังตัวถูกดาบของ กุสุมาวดี ฟันเข้าให้ แต่ระดับขุนพลมารอย่างเขาก็ยังไม่สิ้นท่าง่ายๆ ถึงจะได้รับมาหนึ่งแผล แต่ตัวเขาก็เอี้ยวตัวหลบไปข้างหลัง ซ้ำยังซัดด้ามหอกเข้าที่กลางหลัง กุสุมาวดี อย่างแรงจนร่างของนางตกลงไปกระแทกกับพื้น มันจาปา ชิงบุกเข้าหาตัวนางพร้อมทั้งร่ายมนต์ทั้งให้นางเคลื่อนไหวไม่ได้
“ ฮะๆๆ พลาดไปหนึ่ง แต่ก็ได้กลับมาหนึ่งเหมือนกันไม่เสียแรงเปล่า “
กุสุมาวดี ขยับตัวไม่ได้ได้แต่ใช้สายตาจ้องมอง มันจาปา เท่านั้น
“ นังหนูนี้ ก็สวยไม่ใช่ย่อย ยังไงก็น่าจะหาความสุขซักคืนก่อนก็ท่าจะดี “
เมธาวดี พยายามลุกขึ้นเพื่อช่วยเหลือเพื่อนรักแต่ทว่าร่างกายไม่ได้เป็นดั่งที่ใจต้องการ
“ กุ...สุมาวดี “
นางพยายามลุกขึ้นอีกครั้งแต่ก็ต้องล้มลง แต่มีคนประลองให้นางลุกขึ้นมา เมื่อนางเหลีวมองก็พบว่าคนๆนั้นคือ
“ โภคินันท์!!! “
“ เจ้ากลับไปที่เรือหงส์เหินก่อน ข้าจะช่วยนางเอง “ ว่าแล้ว โภคินันท์ ก็ร่ายมนต์ ส่งร่างนางขึ้นไปบนเรือในทันที ส่วนตัวเองก็ พุ่งร่างฝ่าเหล่าอสูรเข้าไปช่วยเหลือ กุสุมาวดี
“ อ๊าคคค “ เหล่าอสูรที่ขวางเขาไว้ถูกสังหารจนตายเกลี้ยง
มันจาปา รีบหันหลังกลับมามองก็พบว่ามีคนๆคนหนึ่งพุ่งตัวมาอย่างรวดเร็ว ด้วยสายตาของเขามองออกว่าท่าร่างที่ปราดเปรียวและว่องไวเช่นนี้ มีน้อยคนนักที่จะทำได้ ดังนั้นผู้ที่พุ่งตัวเข้ามาหาเขาย่อมมีฝีมือที่ไม่ธรรมดา
‘ เจ้านี้มันเป็นใครกัน? ‘
เวลาเช่นนี้ มันจาปา ไม่อาจจะคิดได้นาน
“ ฆ่ามันก่อนแล้วค่อยว่ากัน “ มันจาปา ผละตัวออกจาก กุสุมาวดี พุ่งหอกเข้าหา โภคินันท์ อย่างแรงเหมือนกับมีร่างของอสูรนับร้อยกู่เข้าหาเขา  กระเรียนหงส์ ไม่ได้ประหวั่นพรั่นพรึงแต่อย่างใด ค่อยๆคลี่พัดออกมาอย่างใจเย็นก่อนซัดพลังโต้
“ ระบำมยุรา สายลมพัดเปลี่ยนหมุนเวียนชีวิต “
พลังจากพัดกลบพลังจากหอกของ มันจาปา ทั้งยังส่งพลังกลับคืนทำร้ายเหล่าอสูรที่อยู่รอบๆ ด้วย
“ อ๊าคคคคค “
มันจาปา พาร่างของตัวเอง หลบออกจากกระแสพลังที่ย้อนคืนกลับมา โภคินันท์ ไม่ทิ้งโอกาส ไล่ตาม มันจาปา อย่างกระชิดจนตามทัน
“ หากกล้าแตะต้องนางแม้แต่เส้นผม ข้าจะให้เจ้าตายอย่างไร้ที่กลบฝั่ง “
โดนเด็กที่ไหนไม่รู้ว่าอย่างนี้ มันจาปา หรือจะยอม
“ ไอ้เด็กสามหาว ดูสิว่าใครกันแน่ที่จะตายอย่างไร้ที่กลบฝั่ง “
“ หอกซัดมารฟ้า กระบวนที่ ๓ เลือดหลั่งพสุธา “
พลังจากหอกคู่เหมือนสายน้ำที่ไหลบ่าลงจากเขาและปิดทางหนีของ โภคินันท์ เอาไว้ทั้งหมด หงส์หนุ่มหาได้หวั่นเกรงไม่ รวบพัดที่อยู่ในมือก่อนตวัดพัดไปมารอบตัว ๑๒ จุดสกัดพลังของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
“ ระบำมยุรา เทพเนรมิตพิทักษ์สิบสองสถาน “
มันจาปา ไม่เคยพบเห็นคนที่มีวิชาแปลกประหลาดเช่นนี้ ตกตะลึงไม่น้อย แต่ยังไม่ละสายตาไปจาก เขา
“ เจ้าเป็นใคร? เกี่ยวข้องอะไรกับนาง? “
ระบำหนุ่ม ไม่ได้ตอบคำถามของอสูรร้าย พาร่างประชิดตัว มันจาปา ในทันที
“ เคร้ง “  เสียงพัดกระทบกับหอกของ มันจาปา อย่างแรง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและพิสดารของพัดเล่มนั้นเป็นอย่างดี
‘ พัดนี้แข็งจริงๆ ขนาดหอกข้ายังสั่นไปหมด ’ ฝีมือของเด็กหนุ่มเกินคาด มันจาปา จึงตัดสินใจทุ่มสุดฝีมือหวังสังหารอีกฝ่ายให้ได้
“ หอกซัดมารฟ้า กระบวนที่ ๕ หมู่มารทรงฤทธิ์ “
ดั่ง มันจาปา กลายร่างเป็นพญามาร หอกทั้งสองเปล่งพลังแสงสีแดงสะท้อนไปทั่ว ทลายพลังคุ้มกายของชายหนุ่มเข้าไปเกือบครึ่ง หากหอกซัดถูกตัวเมื่อไรคงได้ไปเกิดใหม่แน่ ในขณะที่ มันจาปา กำลังได้เปรียบ ระบำหนุ่มกลับพลิกมืออีกข้างหนึ่งปรากฎพัดขึ้นอีกเล่มก่อนนำพัดทั้งสองคลี่ออกมาพร้อมกัน
“ ระบำมยุรา หงส์คู่ผงาดฟ้าฝากอาลัยด้วยน้ำตา “
“ เปรี้ยงงงงงงงงงง “  ผลการปะทะพลังจากพัดทะลวงผ่านเข้าหา มันจาปา อย่างแรง แขนซ้ายได้รับบาดเจ็บเป็นแผลยาวเลือดไหลนอง มันจาปา ต้องเป็นฝ่ายร่นถอยออกมา ส่วนหงส์หนุ่มได้โอกาสรีบพุ่งตัวเข้าไปหา กุสุมาวดี และคว้าตัวนาง ก่อนทะยานขึ้นสู่เบื้องบน
“ นิลบุตรปักษี ข้าจะเปิดทางให้ เจ้ารีบพาทุกคนหนีไป แล้วข้าจะตามไปพบเจ้าทีหลัง “
“ เจ้าจะทำอะไร โภคินันท์ “  โภคินันท์ ไม่ตอบคำถามของนิลบุตรปักษี กลายร่างเป็นพญาหงส์ก่อนเร่งพลังในร่างจนลำตัวเปล่งแสงได้
มันจาปา ยังไม่ยอมตัดใจ สั่งการให้เหล่าอสูรที่เหลือสกัดเขาเอาไว้ให้ได้ พร้อมกันนั้นก็รวมพลังไว้ที่หอกสั้นทั้งสองเตรียมปล่อยลูกพลังขนาดใหญ่เข้าหาศัตรู
“ ข้ามศพข้าไปก่อน “
โภคินันท์ ไม่ปล่อยโอกาสให้ศัตรูได้ใช้พลัง รีบใช้วิชาของตนในทันที
“ วิชาหงส์พระอาทิตย์ “
“ วาบบบบบบบบบบบบบบ ฟ้าวววววววววววว“
“ อ๊าคคคคคคค ตาข้า “
เกิดแสงสว่างจ้าที่ดุจดวงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วบริเวณ เหล่าอสูรถูกแสงที่สว่างจ้าแย้งตาจนลืมตาไม่ขึ้น มันจาปา เองก็ถูกแสงแย้งตาจนรู้สึกปวดตาไปหมด ไม่อาจใช้พลังได้ กว่าจะหายจากอาการนั้นก็เสียเวลาไปครู่หนึ่งแล้ว
“ ขอบคุณที่ออมมือ “ เสียงของระบำหนุ่มดังสะท้อนให้ได้ยิน แต่นั้นก็เป็นแค่เสียงเท่านั้น เพราะทั้งคนและเรือหงส์เหินได้หนีไปไกลลิบแล้ว
มันจาปา แค้นจนแทบกระอักเลือดจ้องมองไปทั่วบริเวณและออกค้นหาแต่ก็ไม่พบเห็นศัตรูเลย
“ เจ้าแน่มาก “  ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น
“ ข้า มันจาปา ขอสาบานว่าสักวันหนึ่งข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ “
มันจาปา โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแต่ทำอะไรไม่ได้ได้แต่นำพาทหารและร่างที่โชกเลือดกลับไปยังกองทัพประตูสวรรค์ นอกจากจะจับใครไม่ได้แล้ว ยังต้องสูญเสียทหารในบังคับบัญชาไม่ต่ำกว่า ๔-๕๐๐ แผนการที่วางไว้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
.ในป่าที่ไกลห่างออกมา ระบำหนุ่มโอบร่างกุสุมาวดี เหาะหนี จากพวก มันจาปา มา จนเห็นว่าไกลพอสมควรแล้วจึงร่อนตัวลงมาที่พื้น ช่วงระหว่างที่เขาใช้วิชาหงส์พระอาทิตย์หลบหนี ถึงเขาจะทำให้ทุกคนหนีรอดมาได้แต่ก็โชคร้ายกลับพลัดหลงกับเรือหงส์เหิน เวลานี้ก็ใกล้จะมืดค่ำแล้วด้วย
“ มันคงจะไม่ตามแล้ว เจ้าบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า? “ กุสุมาวดี ไม่ได้เอ่ยตอบเขาเพราะต้องมนต์อยู่มิอาจตอบอะไรได้
“ จริงสิ ข้าลืมไปว่าเจ้ายังถูกมนต์อยู่ ข้าจะแก้ให้ “ ชายหนุ่มยกฝ่ามือเข้าหานางก่อนใช้พระเวทย์คลายมนต์ เพียงครู่เดียว กุสุมาวดี ก็ขยับตัวได้ พอขยับตัวได้เท่านั้นนางก็รีบวิ่งในทันที แต่ชายหนุ่มก็คว้าข้อมือของนางไว้ได้ทัน
“ เจ้าจะไปไหน? “
“ ข้าจะออกตามหาเสด็จอา กับเสด็จพ่อของข้า เจ้าไม่ต้องมายุ่ง “
“ เวลานี้ทุกคนอยู่ที่ไหนยังไม่มีใครรู้ นี้ก็จะค่ำแล้ว ข้าว่ารอไว้ให้ถึงพรุ่งนี้ก่อนแล้วค่อยออกตามหาเถอะ “
กุสุมาวดี ไม่ยินยอม
“ แต่ข้าเป็นห่วงคนอื่น กรรณิการ์นาคี ก็หายไปไหนไม่รู้ เสด็จลุงกับเสด็จพ่อของข้า ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง? “
“ ก่อนที่จะห่วงคนอื่น ห่วงตัวเองก่อนจะดีกว่า เจ้าสู้อยู่กับ มันจาปา เมื่อครู่นี้ได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง? “
“ ข้าไม่เป็นอะไร ข้ามีพระเวทย์คุ้มกันร่าง โดนแค่นั้นข้าไม่เป็นอะไรหรอก ข้าจะออกตามหาทุกคน “
โภคินันท์ ระอาในความดื้อรั้นของนางเสียเหลือเกิน
“ เจ้านี้ดื้อจริงๆ “
“ เอ๊ะ! ข้าจะดื้อหรือไม่ มันเรื่องอะไรของเจ้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะออกตามหาคนอื่นๆ “
“ เสียใจด้วยข้าให้เจ้าไปไม่ได้ “ โภคินันท์ ไม่ยอมปล่อยนางหนำซ้ำยังกอดรัดนางไว้อีกด้วย
“ ปล่อยข้านะ เจ้าถือดีอย่างไรมาทำกับข้าอย่างนี้ ปล่อยยยย “
โภคินันท์ เป่ามนต์ต้องร่างนาง
“ นอนพักเสียก่อนเถอะ อย่าเพิ่งรีบร้อนเลย “
เพียงต้องมนต์ ร่างของ กุสุมาวดี ก็อ่อนระทวยไปในบัดดล
“ เจ้า...... เจ้าทำ....อะไรกับข้า “ ร่างของ กุสุมาวดี โงนเงนอยู่นิดหนึ่งก่อนค่อยผลุบหลับอยู่ในอ้อมกอดของโภคินันท์ ส่วนระบำหนุ่มถือโอกาสเพ่งมองวงหน้างามที่นอนหลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“ เวลาที่เจ้าไม่ดื้อนี้ ก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะ “ ระบำหนุ่มอมยิ้ม
แต่สิ่งที่เขากระทำในเวลานี้อาจจะทำให้ สุบรรณ ไม่พอใจก็เป็นได้ เพราะอยู่นอกเหนือคำสั่งที่ได้รับมา
“ ถ้าเสด็จลุงรู้เข้าคงกริ้วน่าดู “
คิดแล้วก็น่าหวาดเสียวไม่น้อย
“ ช่างเถอะ นี้มันเหตุสุดวิสัย “
โภคินันท์ จ้องมองดูท้องฟ้าที่ใกล้จะเข้าสู่ราตีกาล
“ นครตรีสุวรรณ ยิ่งมายิ่งน่าสนใจ จะด้วยเหตุใดก็ช่าง คำสั่งของเสด็จลุงอย่างไรก็ต้องทำอยู่ดี “
โภคินันท์ ค่อยพาร่างของกุสุมาวดี ไปไว้ที่ต้นไม้ใหญ่ วางร่างของนางนอนลง โดยใช้ตักของเขาแทนหมอนหนุน เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองข้างบนก็พบกระรอกน้อยอยู่ ๔-๕ ตัว โภคินันท์ จึงยิ้มและเอื้อนเอ่ยวาจาว่า
“ กระรอกน้อย เจ้าช่วยหาผลไม้ให้ข้าได้หรือไม่? “
กระรอกเหล่านั้นเหมือนรับคำสั่งจากนายผู้เป็นใหญ่ ต่างพยักหน้าและพากันแยกย้ายไป โดยปล่อยให้ทั้งสองอยู่ ณ ที่แห่งนั้นตามลำพัง
จบตอนที่ ๒๙ ครับ  เอ! แค่ระบำมยุรานี้น่า ถ้างั้นอีกวิชาต้องเก็บไว้ใช้ทีหลัง
ตอนที่ ๒๙ พญาหงส์เริงระบำ
    อินทรนาคราชพุ่งตัวเข้าหา ทมิฬดำ สุดกำลัง หวังถ่วงเวลาไว้ให้ได้นานที่สุด เพื่อให้ทุกคนสามารถหนีรอดไปได้ ทมิฬดำ แทนที่จะเข้าปะทะด้วยกลับลอยตัวถอยห่างออกมา ทั้งยังส่งสัญญาณให้กองรบทมิฬบุกเข้าจับอินทรนาคราช แทน
“ เล่นหมาหมู่นี้น่า “
ทมิฬดำ ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนตอบกลับไปว่า
“ ข้าเป็นนักวางแผน ไม่ใช่นักรบเหตุใดต้องออกแรงให้เมื่อยด้วยเล่า “
กองรบทมิฬนับร้อยเหาะทะยานเข้าหา อินทรนาคราช หวังจับตัวเขาไว้ให้ได้
“ ไม่ต้องกลัว อินทรนาคราช ข้ามาช่วยแล้ว “
เสียงของ จลนันทนาคราช ดังอยู่เบื้องหลัง เขาตาม อินทรนาคราช มาได้ทันเวลา มือข้างหนึ่งเนรมิตดาบยาวมีลักษณะคล้ายง้าวแต่ตัวด้ามดาบนั้นสั้นกว่ามากและตัวดาบก็ยาวกว่าง้าวโดยทั่วไปเช่นกัน ส่วน อินทรนาคราช เองก็เนรมิตดาบโค้งเล่มหนึ่งออกมา เพื่อใช้โรมรันกับเหล่าศัตรู ทั้งสองเปิดฉากสู้กับกองรบทมิฬอย่างไม่เกรงกลัว และด้วยฝีมือที่เหนือชั้นกว่า กองรบทมิฬ จึงถูก อินทรนาคราช และจลนันทนาคราช สังหารล้มตายลงเกินครึ่ง ทำให้เหล่าอสูรกองรบทมิฬ จำต้องเปลี่ยนวิธีจากที่บุกเข้าหาตรงๆ เปลี่ยนเป็นนำกำลังล้อมกรอบพวกเขาไว้แทน และคอยหาจังหวะเข้าจับกุม
‘ โอ๊ะโอ! เจ้างูยักษ์สองตัวนี้จัดการไม่ได้ง่ายๆจริงๆด้วย ’  ทมิฬดำ คิดไว้ไม่ผิดว่าเพียงแค่นี้ยังไม่อาจทำอะไรอินทรนาคราช และจลนันทนาคราช ได้
‘ แต่นี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น หึๆๆ ’
ทั้งสองสู้อยู่นานสังหารกองรบทมิฬไปหลายร้อยตนแต่กองรบทมิฬก็ยังส่งกำลังสมทบขึ้นมาเรื่อยๆ
“ อินทรนาคราช ลิ้วล้อพวกนี้ให้ข้าจัดการเอง ท่านรีบจัดการเจ้าอสูรปีกดำนั้นเถอะ “
อินทรนาคราช พยักหน้า ก่อนพุ่งตัวตวัดดาบในมืออย่างเร็ว เกิดคลื่นพลังดาบใหญ่ทลายกองรบทมิฬที่อยู่ด้านหน้าจนล้มตายลงระเนระนาด พร้อมทั้งฉวยโอกาสพุ่งตัวเข้าหาทมิฬดำในทันที
“ ลองรับดาบข้าดูหน่อยเป็นไร “
อินทรนาคราช บุกถึงตัว ทมิฬดำ และฟันดาบลงไปอย่างรวดเร็ว
“ ฟ้าวๆๆ “
ทมิฬดำ ไม่ได้ร้อนรนกับการบุกเข้ามาของ อินทรนาคราช  ค่อยๆใช้กรงเล็บของตนรับดาบของอินทรนาคราช เอาไว้อย่างใจเย็น
“ เคร้งงงงงงงงงงงง “
เสียงกรงเล็บกระทบกับโลหะดังจนแสบแก้วหู ฝีมือของ ทมิฬดำ ไม่ใช่ย่อยๆเลย
“ สามารถต่อกรกับท่านอินทรนาคราช นับว่าเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับข้า “
กรงเล็บของ ทมิฬดำ เปล่งพลังออกมากระแทก อินทรนาคราช ออกไป ร่างของ อินทรนาคราช ลอยกระเด็นออกมาจากกำแพงพลังที่แข็งแกร่ง ยังไม่ทันได้พักหายใจ ทมิฬดำก็กระพือปีกเหาะไล่ตามมาติดๆ  พร้อมส่งมือทั้งสองข้างเข้าหา อินทรนาคราช  ทมิฬดำไม่รอช้า เกร็งกรงเล็บของตนในทันที พลันปรากฏเล็บที่งอกยาวและแหลมคม อีกทั้งยังแข็งดุจเหล็กกล้าออกมาด้วย
“ วิชาอสูรคืนชีพ กรงเล็บพญายม “
รวดเร็วเกินกว่า อินทรนาคราช จะได้ทันตั้งตัว กรงเล็บทั้งสองข้างขยุ้มเข้าที่หน้าอกและท้องของ อินทรนาคราช ภายในพริบตา
“ ฉึกๆ “ เสียงเหมือนเนื้อถูกของแหลมคมแทงเข้าอย่างจัง หากเป็นจริงผู้ที่ถูกกระทำต้องเจ็ดปวดและทรมานเจียนตายเป็นแน่ แต่ อินทรนาคราช ก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดนี้ขึ้นเลย นั้นเป็นเพราะอินทรนาคราชใช้....
“ พระเวทย์เพชรมหากาฬ ขั้นที่๑ มหาต่อต้าน “
คมเล็บของ ทมิฬดำ หาทำอะไรร่างกายที่แกร่งดุลเพชรได้ไม่
“ โอ หนังเหนียวด้วยหรือ? “ ทมิฬดำ ไม่มีท่าทางตกใจเลยแม้แต่น้อย
จังหวะนั้นเอง อินทรนาคราช ใช้มือข้างหนึ่งจับตัวของ ทมิฬดำ เอาไว้และฉุดร่างของ ทมิฬดำ ให้เข้ามาใกล้เขา ก่อนแทงดาบที่อยู่ในมือเข้าที่ท้อง ทมิฬดำ จนมิดด้าม
“ ซวบ “ เสียงของดาบผ่านทะลุร่างไป  ที่หลังของ ทมิฬดำ ปรากฏคมดาบยื่นออกมา
“ ตายซะเถอะ “
ดาบเล่มนั้นทะลุร่าง ทมิฬดำ ไปได้อย่างง่ายดาย ชีวิตของ ทมิฬดำ คงจบไปด้วยดาบเล่มนี้แล้ว แต่ทว่า ..
“ อะ อะไรกัน!!! “  อินทรนาคราช ส่งเสียงร้องอย่างตกใจ
ทมิฬดำ ยังคงมีชีวิตอยู่และพูดจากับเขาอย่างไม่สะทกสะท้านอีกทั้งไม่มีความเจ็บปวดใดๆ ให้เห็นเลย
“ อิๆๆ เจ็บจังเลย ดาบของท่านอินทรนาคราช ทำข้าเจ็บเสียเหลือเกิน ฮะๆๆๆ “
ถึงจะยังตกตะลึงแต่ อินทรนาคราช ก็ตั้งสติได้ทัน รีบชักดาบออกมาฟันแขนของทมิฬดำจนขาด แต่ ทมิฬดำ ก็ยังคงส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยเขาอยู่
“ ฟันสิ ฟันอีก สนุกดี ฟันให้เยอะๆ ฮะๆๆๆ “
อินทรนาคราช ไม่สนใจว่า ทมิฬดำ จะพูดอะไร ไล่ฟัน ทมิฬดำ จนตัวของเขา ขาดเป็นท่อนๆ ทมิฬดำ เองก็ไม่ได้ตอบโต้เลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้ อินทรนาคราช ฟันตัวเขาไปเรื่อยๆ พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะเยาะตลอดเวลา
“ ฉับๆๆ  “
“ ดี ข้าชอบ เอาอีก เอาอีก ฮะๆๆๆ “
ในที่สุด อินทรนาคราช ก็ทนไม่ไหว
“ ชอบนักใช่ไหม? ข้าจัดให้ “
อินทรนาคราช ตวัดดาบอีกครั้งฟันหัวของ ทมิฬดำ จนขาด ก่อนจะยกดาบฟันอีกครั้งเพื่อแยกหัวของ ทมิฬดำ ออกจากกันเป็นสองซีก
“ ที่นี้ยังจะชอบอีกไหม? “
แต่ .
“ แหม! เลิกเล่นแล้วหรือ? ข้ากำลังสนุกเชียว “ ทมิฬดำ ยังคงพูดได้ทั้งๆที่ทั้งตัวเป็นแค่เศษชิ้นส่วนเท่านั้น
“ ไอ้ เจ้านี้ มันไม่รู้จักตายหรือไงกัน? “  อินทรนาคราช ถึงกับเหงื่อตกไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับ ทมิฬดำดี และต้องตกใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นค่อยๆ ลอยและมาประกบรวมตัวกันเป็น ทมิฬดำ อีกครั้ง
“ เอาล่ะในเมื่อท่านเลิกเล่นกับข้าแล้ว ก็ถึงตาข้าเล่นกับท่านบ้าง “ ทมิฬดำ ดีดนิ้วหนึ่งครั้ง กองรบทมิฬก็ถอยร่นออกไปแต่พลันปรากฏกลุ่มอสูรอีกกลุ่มขึ้นมา
“ เด็กๆของข้า เล่นกับท่านอินทรนาคราชให้สนุกเถอะนะ ฮะๆๆๆ “
กลุ่มอสูรกลุ่มนั้นเหมือนเป็นคนบ้าและคลุ้มคลั่งตรงเข้ากลุ้มรุมทำร้ายอินทรนาคราช ในทันที อินทรนาคราช เองก็ตวัดดาบในมือเข้าเข่นฆ่าฟันเหล่านอสูรกลุ่มนั้นเช่นกัน อสูรหลายตนถูกฟันจนหัวขาดแต่พวกมันก็ยังสามารถลุกขึ้นมาได้อีก
“ อสูรพวกนี้ มันตัวอะไรกันแน่ ทำไมถึงฆ่าไม่ตาย? “
ถึงแม้ไม่ได้ตั้งใจจะถาม แต่คำตอบก็ถูกเฉลยเช่นกัน
“ สงสัยหรือท่านอินทรนาคราช? ข้าจะบอกให้ก็ได้ พวกนี้คือกองรบอสูรอมตะ ไม่ว่าท่านจะฆ่าพวกมันอย่างไร มันก็ไม่รู้จักเจ็บจักตายหรอก “
อินทรนาคราช ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในกองทัพอสูรมีอสูรแบบนี้อยู่ด้วย
‘ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคนที่อาจจะตายก็คือข้าเองก็ได้ ’
จลนันทนาคราช เมื่อเห็น อินทรนาคราช ตกอยู่ในที่นั่งลำบากก็รีบฝ่าวงล้อมบุกเข้ามาช่วยในทันที
“ ฉับ “ อสูรกองรบอสูรอมตะล้มลงในทันที
“ อินทรนาคราช ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? “
“ ยังไหวอยู่ แต่อสูรพวกนี้ ข้าฆ่าอย่างไรมันก็ไม่ตาย “
จลนันทนาคราช ก็รู้ว่าที่ อินทรนาคราช เป็นเรื่องจริง เพราะอสูรที่ถูกเขาฆ่าก็ลุกเข้ามาเล่นงานเขาอีกครั้งแล้ว ยิ่งสู้ก็ยิ่งเสียเปรียบแต่อสูรพวกนี้ ถึงจะเข้าทำร้ายพวกเขาแต่ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเขาเล่นงานพวกเขาในช่วงเผลอเลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะอะไร?
“ อินทรนาคราช ท่านรู้สึกไหมว่าอสูรพวกนี้เหมือนไม่ตั้งใจสู้กับเราซักเท่าไร? “
อินทรนาคราชตอบรับ
“ ข้าก็รู้สึกเหมือนท่าน ทำไมถึงพวกมันถึงทำอย่างนี้ก็ไม่รู้? “  ยิ่งสู้ก็ยิ่งผิดสังเกต ยิ่งมองทมิฬดำ ก็ยิ่งพบรอยยิ้มที่แปลกประหลาด
‘ เอ๊ะ! หรือว่า? ’ ในที่สุดอินทรนาคราชก็หาคำตอบจนพบ
“ แย่แล้ว จลนันทนาคราช พวกมันตั้งใจจะถ่วงเวลาเราเอาไว้ “
จลนันทนาคราช ไม่ใช่คนโง่ ฟังแค่นี้มีหรือจะไม่รู้
“ เป้าหมายของมันอยู่ที่เรือหงส์เหิน!!!! “
หากพวกแก้วกุสุมาลย์และพระนางมัณนิยาถูกจับตัวมีหรือ อินทรนาคราช และจลนันทนาคราช จะไม่ยอมแพ้
“ รู้ตอนนี้ก็สายเสียแล้ว ท่านทั้งสองจะมีปัญญาฝ่าวงล้อมกองรบอสูรอมตะของข้าไปได้หรือ? “ ว่าแล้วก็หัวเราะเยาะศัตรูอีกครั้ง
สองนาคราช โกรธถึงขีดสุด
“ ในเมื่อฆ่ามันไม่ตายก็เผามันให้สิ้นซากไปเลย “
“ อะไรนะ!!! “ ทมิฬดำ ตกใจที่อยู่ๆ ทั้งสองเหาะลอยตัวขึ้นสู่เบื้องบนก่อนพุ่งตัวกลับมาอย่างแรง และยิ่งต้องตกตะลึงอ้าปากค้าง เมื่อเห็นมองเห็นทั้งสองแผ่พลังเพลิงที่มหาศาลออกมา
“ หนึ่งในสุดยอดพระเวทย์เผ่าพันธุ์นาคา ราชันย์นาคราชอัคคี สยบ ปักษี สองเพลิงผลาญโลกันย์ “
“ ไอ้บ้าเอ๊ย “ ทมิฬดำ สบถออกมาเสียงดังไม่คิดว่าจะถูก อินทรนาคราช และ จลนันทนาคราช แก้ลำอย่างนี้ รีบกระโดดหลบในทันที
“ ตูมมมมมมมมมมม  อ๊าคคคคคคคคคค “
อสูรกองรบทมิฬและกองรบอสูรอมตะ ทั้งหมด ถูกเผาจนมอดไหม้ พร้อมกับนาคราชเพลิงสองสายก็ทะยานร่างออกจากที่ตรงนั้น รีบติดตามไปช่วยเหลือทุกคนในเรือหงส์เหิน โดยมีสายตาของอสูรปีกดำจ้องมองตามอย่างเครียดแค้น
“ เชอะ ปล่อยให้มันสองคนหนีไปจนได้ “
แต่จู่ๆสายตาที่เครียดแค้นอยู่นั้นพลันค่อยๆเปลี่ยนเป็นรื่นเริงภายในพริบตา ช่างเป็นอุปนิสัยและท่าทางที่แปลกประหลาดจริงๆ
“ ช่างเถอะ ไหนๆก็หนีไปได้แล้วค่อยจัดการพวกมันทีหลังก็ได้ อีกอย่างศัตรูที่เก่งๆแบบนี้ปล่อยให้ตายไปง่ายๆ มันก็น่าเสียดายเหมือนกัน หึๆๆ “
ทมิฬดำ ไม่ได้กระพือปีกไล่ตามทั้งสองไป เพียงแต่ยืนมองอยู่ตรงนั้นอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆเลือนหายไปคงเหลือไว้แต่เพียง ซากศพของเหล่าอสูรที่มอดไหม้ไปด้วยเพลิงแห่งนาคา
.........ทางด้านแก้วกุสุมาลย์กับพระนางมัณนิยา ในเวลานี้ถูก ขุนพลมารมันจาปา ขวางหน้าไว้อยู่ เรือหงส์เหินไม่สามารถบุกฝ่าออกไปได้ เมื่อเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ พระธิดาทั้งสาม จึงไม่สนใจความเป็นความตายของตัวเองอีกต่อไป ต่างกระโจนตัวเข้าหา มันจาปา เพื่อหาทางรักษาชีวิตทุกคนเอาไว้
“ เมธาวดี กุสุมาวดี กรรณิการ์นาคี!!! “ เสียงร้องที่แผดขึ้นอย่างห่วงใย เป็นของพระนางมัณนิยานั้นเอง
“ อย่าตามไปเพคะ พระมเหสีมัณนิยา “ แก้วกุสุมาลย์ห้ามพระนางเอาไว้
“ สามคนนั้นสู้อสูรตนนั้นไม่หรอก ข้าต้องออกไปช่วยพวกนาง “
แก้วกุสุมาลย์ กลัวว่าพระนางมัณนิยา จะทรงได้รับอันตราย จึงยื้อยุดฉุดพระนางเอาไว้ แต่พระนางก็ไม่ทรงรับฟังยังทรงดื้อดึงจะออกไปให้ได้ จนกระทั่งได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น
“ ให้หม่อมฉันออกไปเอง พระเจ้าข้า “
ทั้งสองหันพระพักตร์มามองเจ้าของเสียงเมื่อครู่นี้
“ โภคินันท์ “
โภคินันท์ ไม่รอว่าพระนางทั้งสองจะรับสั่งว่ากระไร หันหน้ามากำชับ นิลบุตรปักษี
“ ดูแลทางนี้ด้วย “  นิลบุตรปักษี พยักหน้า
กระเรียนหงส์ ไม่รอช้าอีกต่อไปทะยานร่างไล่ตาม พระธิดาทั้งสามไป เขามองเห็นแต่ไกลแล้วว่าทั้งสามกำลังเปิดฉากสู้กับ มันจาปา อย่างดุเดือด เหล่าอสูรเห็นเขาพุ่งตัวออกจากเรือหงส์เหินตามมาอีกคน ต่างกรูเข้าหาหวังจับตัวเขาไว้ให้ได้
“ จับมันให้ได้ “
โภคินันท์ เหินตัวอย่างเร็ว เพียงเหาะผ่านเหล่าอสูรเท่านั้น อสูรทั้งหมดถึงกับส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
“ อ๊าคคคคคค “
เลือดสาดกระจายออกจากร่างในทันที ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า โภคินันท์ ใช้อาวุธอะไร แต่ที่แน่ๆก็คืออสูรเหล่านั้นตายไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนร่างจะร่วงร่นลงสู่พื้นเสียงดั่งสะนั่น แต่ด้วยจำนวนอสูรที่มากมายเช่นนี้ย่อมทำให้เข้าฝ่าวงล้อมไปช่วย สามสาวไม่ได้ง่ายๆ ด้านสามสาวในตอนนี้ต่างใช้สุดฝีมือต่อสู้อยู่กับ มันจาปา    เมธาวดี นั้นใช้หอกเป็นอาวุธเหมือนเสด็จพ่อของนาง กุสุมาวดี ใช้ดาบลักษณะเช่นเดียวกับจลนันทนาคราชผู้เป็นเสด็จพ่อ ส่วน กรรณิการ์นาคี ใช้ห่วงโลหะสองห่วงเป็นอาวุธ ทั้งสามต่างแยกกันจู่โจม มันจาปา ทั้งด้านบน ด้านล่าง ด้านข้าง และ ด้านหลัง
“ ย๊ากกกก “
นับตั้งแต่ อัคคีนาคา ออกจากนครบาดาลไป ทั้งสามต่างฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างหนัก ทำให้ฝีมือของทั้งสามพัฒนาขึ้นมาก แต่เมื่อต้องต่อสู้กับ ขุนพลมารมันจาปา แล้วยังต้องถือว่าพวกนางยังห่างชั้นอยู่มากแต่โชคยังดีที่ว่า ทั้งสามรวมมือกันต่อกรกับ มันจาปา จึงทำให้สามารถต่อสู้กับ มันจาปา ได้อย่างคู่คี่
‘ นังหน้าสวยสามคนนี้รวมมือกัน ประมาทไม่ได้เลย ‘ มันจาปา เองก็ได้รับแรงกดดันไม่น้อย
เมธาวดี แทงหอกจู่โจมส่วนหัวของ มันจาปา ทำให้ มันจาปา ต้องรีบใช้หอกด้ามหนึ่ง ต้านรับเอาไว้ จังหวะนั้นเอง กุสุมาวดี ก็ฟันดาบเข้าที่ท้องพอดี หอกที่เหลืออีกด้ามจึงถูกส่งเข้ามาปิดสกัดอีกเช่นกัน แต่นั้นก็เป็นการเปิดโอกาสให้คนที่เหลืออีกคนหนึ่งได้จู่โจม
“ เจ้าอสูรชั่วตายซะ “
กรรณิการ์นาคี อ้อมตัวมาทางด้านหลัง มันจาปา ฟาดห่วงทั้งสองเข้าใส่อย่างแรง
“ นังเด็กเมื่อวานซีน “
มันจาปา โมโหไม่น้อยที่ถูกเด็กรุ่นหลัง ลูบคมแบบนี้ เร่งพลังกระแทกทั้งสามออกมาในทันที
“ หอกซัดมารฟ้า กระบวนที่ ๑ หันเหเปลี่ยนทิศ “
พริบตาเดียว ปรากฏกระแสหอกนับร้อย กระแทกทั้งสามออกมาในทันที ทั้งกระแสหอกยังแยกเป็ฯสามทิศทางจู่โจมพวกนางทั้งสามจุดพร้อมกัน
“ บ้าจริง มันยังหาวิธีโต้กลับได้อีก “ กรรณิการ์นาคี เสียดายไม่น้อยที่พลาดโอกาสสังหารมันจาปา
เมื่อโอกาสกลับกลายมาเป็นของ มันจาปา มีหรือเขาจะยอมปล่อยไปง่ายๆ
“ นังตัวดีสามคนนี้ ทำข้าแสบนัก พวกเจ้าจะต้องสำนักไว้ในหัวตลอดไปมา กล้ามาต่อกรกับข้าแล้วผลมันจะเป็นอย่างไร “
มันจาปา เลือกจู่โจมเมธาวดีก่อน
“ หอกซัดมารฟ้า กระบวนที่ ๒ อสูรคู่ล้างเมือง “
หอกสั้นทั้งสอง ถูกนำมาไขว้กันพร้อมเปล่งพลังทำลายล้างศัตรูในทันที เมธาวดี ก็ส่งหอกเข้าต้านอย่างไม่เกรงกลัว
“ เพลิงนาคา “
หอกของ เมธาวดี เต็มไปด้วยเปลวเพลิงทั้งด้าม นางพุ่งหอกเข้าหา มันจาปา พร้อมทั้งทะยานร่างตามไปด้วย
“ ย๊ากกกกก “  เปลวเพลิงที่หอกร้อนแรงยิ่งกว่าเดิม
“ หนึ่งในสุดยอดพระเวทย์เผ่าพันธุ์นาคา ราชันย์นาคราชอัคคี สยบ ปักษี “
“ เปรี้ยงงงงงง ตูมมมมม “
เกิดเสียงระเบิดดังสะนั่น หลังการปะทะ ร่างของ เมธาวดี ลอยละลิ่วปลิวอย่างแรง พลังของนางยังสู้ มันจาปา ไม่ได้
“ สำนึกแล้วใช่ไหมนังหนู? “  มันจาปา ไม่ช้าอีก ส่งหอกสั้นเข้าหา เมธาวดี ในทันที ร่างของ เมธาวดี ที่ปลิวกระเด็นว่าเร็วแล้ว ยังไม่เท่า มันจาปา ที่เหาะไล่ตามมา
“ เมธาวดี ข้ามาช่วยแล้ว “ กรรณิการ์นาคี เห็นเมธาวดี ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก รีบเหาะเข้ามาช่วยเหลือในทันที นางใช้ห่วงทั้งสองต้านหอกสั้นของ มันจาปา ไว้ได้ทัน แต่ด้วยความห่วงเพื่อนมากเกินไปทำให้นางได้แต่รับจนลืมรุก
“ ได้ เจ้าตายก่อน “  มันจาปา ซัดด้ามหอกเข้าที่ท้องนาง จนกระอักเลือด ความเจ็ดปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ร่างของ กรรณิการ์นาคี ร่วงหล่นลงสู่พื้น มันจาปา รีบตามซ้ำ
“ ตายซะ “
กุสุมาวดี รีบตามเข้ามาช่วยเหลือ กรรณิการ์นาคี แต่ระยะห่างของนาง อยู่ห่างเกินไป หอกของ มันจาปา ใกล้จะถึงตัวของ กรรณิการ์นาคี แล้ว
“ ครืนนนนนนนนนน “  พลัดเกิดลมพายุใหญ่เข้าขวาง มันจาปา เอาไว้ ทั้งยังซัดเขาให้กระเด็นกลับออกมา ลมพายุใหญ่นั้นหอบพัดพาร่างของ กรรณิการ์นาคี จากไปในทันที ท่ามกลางสายตานับร้อยที่มองเห็น เหล่าอสูรรีบไล่ตามไปแต่ก็ไม่อาจไล่ตามลมพายุนั้นไปได้ทัน
“ บ้าชิบ “  มันจาปา โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่เขาพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย แต่เขาลืมไปว่ายังมีอีกคนที่พุ่งตัวมาหาเขา
“ ย๊ากกกกกก  ฉับบบบบ  “ เวลานั้น มันจาปา ไม่ทันระวังตัวถูกดาบของ กุสุมาวดี ฟันเข้าให้ แต่ระดับขุนพลมารอย่างเขาก็ยังไม่สิ้นท่าง่ายๆ ถึงจะได้รับมาหนึ่งแผล แต่ตัวเขาก็เอี้ยวตัวหลบไปข้างหลัง ซ้ำยังซัดด้ามหอกเข้าที่กลางหลัง กุสุมาวดี อย่างแรงจนร่างของนางตกลงไปกระแทกกับพื้น มันจาปา ชิงบุกเข้าหาตัวนางพร้อมทั้งร่ายมนต์ทั้งให้นางเคลื่อนไหวไม่ได้
“ ฮะๆๆ พลาดไปหนึ่ง แต่ก็ได้กลับมาหนึ่งเหมือนกันไม่เสียแรงเปล่า “
กุสุมาวดี ขยับตัวไม่ได้ได้แต่ใช้สายตาจ้องมอง มันจาปา เท่านั้น
“ นังหนูนี้ ก็สวยไม่ใช่ย่อย ยังไงก็น่าจะหาความสุขซักคืนก่อนก็ท่าจะดี “
เมธาวดี พยายามลุกขึ้นเพื่อช่วยเหลือเพื่อนรักแต่ทว่าร่างกายไม่ได้เป็นดั่งที่ใจต้องการ
“ กุ...สุมาวดี “
นางพยายามลุกขึ้นอีกครั้งแต่ก็ต้องล้มลง แต่มีคนประลองให้นางลุกขึ้นมา เมื่อนางเหลีวมองก็พบว่าคนๆนั้นคือ
“ โภคินันท์!!! “
“ เจ้ากลับไปที่เรือหงส์เหินก่อน ข้าจะช่วยนางเอง “ ว่าแล้ว โภคินันท์ ก็ร่ายมนต์ ส่งร่างนางขึ้นไปบนเรือในทันที ส่วนตัวเองก็ พุ่งร่างฝ่าเหล่าอสูรเข้าไปช่วยเหลือ กุสุมาวดี
“ อ๊าคคค “ เหล่าอสูรที่ขวางเขาไว้ถูกสังหารจนตายเกลี้ยง
มันจาปา รีบหันหลังกลับมามองก็พบว่ามีคนๆคนหนึ่งพุ่งตัวมาอย่างรวดเร็ว ด้วยสายตาของเขามองออกว่าท่าร่างที่ปราดเปรียวและว่องไวเช่นนี้ มีน้อยคนนักที่จะทำได้ ดังนั้นผู้ที่พุ่งตัวเข้ามาหาเขาย่อมมีฝีมือที่ไม่ธรรมดา
‘ เจ้านี้มันเป็นใครกัน? ‘
เวลาเช่นนี้ มันจาปา ไม่อาจจะคิดได้นาน
“ ฆ่ามันก่อนแล้วค่อยว่ากัน “ มันจาปา ผละตัวออกจาก กุสุมาวดี พุ่งหอกเข้าหา โภคินันท์ อย่างแรงเหมือนกับมีร่างของอสูรนับร้อยกู่เข้าหาเขา  กระเรียนหงส์ ไม่ได้ประหวั่นพรั่นพรึงแต่อย่างใด ค่อยๆคลี่พัดออกมาอย่างใจเย็นก่อนซัดพลังโต้
“ ระบำมยุรา สายลมพัดเปลี่ยนหมุนเวียนชีวิต “
พลังจากพัดกลบพลังจากหอกของ มันจาปา ทั้งยังส่งพลังกลับคืนทำร้ายเหล่าอสูรที่อยู่รอบๆ ด้วย
“ อ๊าคคคคค “
มันจาปา พาร่างของตัวเอง หลบออกจากกระแสพลังที่ย้อนคืนกลับมา โภคินันท์ ไม่ทิ้งโอกาส ไล่ตาม มันจาปา อย่างกระชิดจนตามทัน
“ หากกล้าแตะต้องนางแม้แต่เส้นผม ข้าจะให้เจ้าตายอย่างไร้ที่กลบฝั่ง “
โดนเด็กที่ไหนไม่รู้ว่าอย่างนี้ มันจาปา หรือจะยอม
“ ไอ้เด็กสามหาว ดูสิว่าใครกันแน่ที่จะตายอย่างไร้ที่กลบฝั่ง “
“ หอกซัดมารฟ้า กระบวนที่ ๓ เลือดหลั่งพสุธา “
พลังจากหอกคู่เหมือนสายน้ำที่ไหลบ่าลงจากเขาและปิดทางหนีของ โภคินันท์ เอาไว้ทั้งหมด หงส์หนุ่มหาได้หวั่นเกรงไม่ รวบพัดที่อยู่ในมือก่อนตวัดพัดไปมารอบตัว ๑๒ จุดสกัดพลังของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
“ ระบำมยุรา เทพเนรมิตพิทักษ์สิบสองสถาน “
มันจาปา ไม่เคยพบเห็นคนที่มีวิชาแปลกประหลาดเช่นนี้ ตกตะลึงไม่น้อย แต่ยังไม่ละสายตาไปจาก เขา
“ เจ้าเป็นใคร? เกี่ยวข้องอะไรกับนาง? “
ระบำหนุ่ม ไม่ได้ตอบคำถามของอสูรร้าย พาร่างประชิดตัว มันจาปา ในทันที
“ เคร้ง “  เสียงพัดกระทบกับหอกของ มันจาปา อย่างแรง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและพิสดารของพัดเล่มนั้นเป็นอย่างดี
‘ พัดนี้แข็งจริงๆ ขนาดหอกข้ายังสั่นไปหมด ’ ฝีมือของเด็กหนุ่มเกินคาด มันจาปา จึงตัดสินใจทุ่มสุดฝีมือหวังสังหารอีกฝ่ายให้ได้
“ หอกซัดมารฟ้า กระบวนที่ ๕ หมู่มารทรงฤทธิ์ “
ดั่ง มันจาปา กลายร่างเป็นพญามาร หอกทั้งสองเปล่งพลังแสงสีแดงสะท้อนไปทั่ว ทลายพลังคุ้มกายของชายหนุ่มเข้าไปเกือบครึ่ง หากหอกซัดถูกตัวเมื่อไรคงได้ไปเกิดใหม่แน่ ในขณะที่ มันจาปา กำลังได้เปรียบ ระบำหนุ่มกลับพลิกมืออีกข้างหนึ่งปรากฎพัดขึ้นอีกเล่มก่อนนำพัดทั้งสองคลี่ออกมาพร้อมกัน
“ ระบำมยุรา หงส์คู่ผงาดฟ้าฝากอาลัยด้วยน้ำตา “
“ เปรี้ยงงงงงงงงงง “  ผลการปะทะพลังจากพัดทะลวงผ่านเข้าหา มันจาปา อย่างแรง แขนซ้ายได้รับบาดเจ็บเป็นแผลยาวเลือดไหลนอง มันจาปา ต้องเป็นฝ่ายร่นถอยออกมา ส่วนหงส์หนุ่มได้โอกาสรีบพุ่งตัวเข้าไปหา กุสุมาวดี และคว้าตัวนาง ก่อนทะยานขึ้นสู่เบื้องบน
“ นิลบุตรปักษี ข้าจะเปิดทางให้ เจ้ารีบพาทุกคนหนีไป แล้วข้าจะตามไปพบเจ้าทีหลัง “
“ เจ้าจะทำอะไร โภคินันท์ “  โภคินันท์ ไม่ตอบคำถามของนิลบุตรปักษี กลายร่างเป็นพญาหงส์ก่อนเร่งพลังในร่างจนลำตัวเปล่งแสงได้
มันจาปา ยังไม่ยอมตัดใจ สั่งการให้เหล่าอสูรที่เหลือสกัดเขาเอาไว้ให้ได้ พร้อมกันนั้นก็รวมพลังไว้ที่หอกสั้นทั้งสองเตรียมปล่อยลูกพลังขนาดใหญ่เข้าหาศัตรู
“ ข้ามศพข้าไปก่อน “
โภคินันท์ ไม่ปล่อยโอกาสให้ศัตรูได้ใช้พลัง รีบใช้วิชาของตนในทันที
“ วิชาหงส์พระอาทิตย์ “
“ วาบบบบบบบบบบบบบบ ฟ้าวววววววววววว“
“ อ๊าคคคคคคค ตาข้า “
เกิดแสงสว่างจ้าที่ดุจดวงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วบริเวณ เหล่าอสูรถูกแสงที่สว่างจ้าแย้งตาจนลืมตาไม่ขึ้น มันจาปา เองก็ถูกแสงแย้งตาจนรู้สึกปวดตาไปหมด ไม่อาจใช้พลังได้ กว่าจะหายจากอาการนั้นก็เสียเวลาไปครู่หนึ่งแล้ว
“ ขอบคุณที่ออมมือ “ เสียงของระบำหนุ่มดังสะท้อนให้ได้ยิน แต่นั้นก็เป็นแค่เสียงเท่านั้น เพราะทั้งคนและเรือหงส์เหินได้หนีไปไกลลิบแล้ว
มันจาปา แค้นจนแทบกระอักเลือดจ้องมองไปทั่วบริเวณและออกค้นหาแต่ก็ไม่พบเห็นศัตรูเลย
“ เจ้าแน่มาก “  ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น
“ ข้า มันจาปา ขอสาบานว่าสักวันหนึ่งข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ “
มันจาปา โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแต่ทำอะไรไม่ได้ได้แต่นำพาทหารและร่างที่โชกเลือดกลับไปยังกองทัพประตูสวรรค์ นอกจากจะจับใครไม่ได้แล้ว ยังต้องสูญเสียทหารในบังคับบัญชาไม่ต่ำกว่า ๔-๕๐๐ แผนการที่วางไว้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
.ในป่าที่ไกลห่างออกมา ระบำหนุ่มโอบร่างกุสุมาวดี เหาะหนี จากพวก มันจาปา มา จนเห็นว่าไกลพอสมควรแล้วจึงร่อนตัวลงมาที่พื้น ช่วงระหว่างที่เขาใช้วิชาหงส์พระอาทิตย์หลบหนี ถึงเขาจะทำให้ทุกคนหนีรอดมาได้แต่ก็โชคร้ายกลับพลัดหลงกับเรือหงส์เหิน เวลานี้ก็ใกล้จะมืดค่ำแล้วด้วย
“ มันคงจะไม่ตามแล้ว เจ้าบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า? “ กุสุมาวดี ไม่ได้เอ่ยตอบเขาเพราะต้องมนต์อยู่มิอาจตอบอะไรได้
“ จริงสิ ข้าลืมไปว่าเจ้ายังถูกมนต์อยู่ ข้าจะแก้ให้ “ ชายหนุ่มยกฝ่ามือเข้าหานางก่อนใช้พระเวทย์คลายมนต์ เพียงครู่เดียว กุสุมาวดี ก็ขยับตัวได้ พอขยับตัวได้เท่านั้นนางก็รีบวิ่งในทันที แต่ชายหนุ่มก็คว้าข้อมือของนางไว้ได้ทัน
“ เจ้าจะไปไหน? “
“ ข้าจะออกตามหาเสด็จอา กับเสด็จพ่อของข้า เจ้าไม่ต้องมายุ่ง “
“ เวลานี้ทุกคนอยู่ที่ไหนยังไม่มีใครรู้ นี้ก็จะค่ำแล้ว ข้าว่ารอไว้ให้ถึงพรุ่งนี้ก่อนแล้วค่อยออกตามหาเถอะ “
กุสุมาวดี ไม่ยินยอม
“ แต่ข้าเป็นห่วงคนอื่น กรรณิการ์นาคี ก็หายไปไหนไม่รู้ เสด็จลุงกับเสด็จพ่อของข้า ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง? “
“ ก่อนที่จะห่วงคนอื่น ห่วงตัวเองก่อนจะดีกว่า เจ้าสู้อยู่กับ มันจาปา เมื่อครู่นี้ได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง? “
“ ข้าไม่เป็นอะไร ข้ามีพระเวทย์คุ้มกันร่าง โดนแค่นั้นข้าไม่เป็นอะไรหรอก ข้าจะออกตามหาทุกคน “
โภคินันท์ ระอาในความดื้อรั้นของนางเสียเหลือเกิน
“ เจ้านี้ดื้อจริงๆ “
“ เอ๊ะ! ข้าจะดื้อหรือไม่ มันเรื่องอะไรของเจ้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะออกตามหาคนอื่นๆ “
“ เสียใจด้วยข้าให้เจ้าไปไม่ได้ “ โภคินันท์ ไม่ยอมปล่อยนางหนำซ้ำยังกอดรัดนางไว้อีกด้วย
“ ปล่อยข้านะ เจ้าถือดีอย่างไรมาทำกับข้าอย่างนี้ ปล่อยยยย “
โภคินันท์ เป่ามนต์ต้องร่างนาง
“ นอนพักเสียก่อนเถอะ อย่าเพิ่งรีบร้อนเลย “
เพียงต้องมนต์ ร่างของ กุสุมาวดี ก็อ่อนระทวยไปในบัดดล
“ เจ้า...... เจ้าทำ....อะไรกับข้า “ ร่างของ กุสุมาวดี โงนเงนอยู่นิดหนึ่งก่อนค่อยผลุบหลับอยู่ในอ้อมกอดของโภคินันท์ ส่วนระบำหนุ่มถือโอกาสเพ่งมองวงหน้างามที่นอนหลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“ เวลาที่เจ้าไม่ดื้อนี้ ก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะ “ ระบำหนุ่มอมยิ้ม
แต่สิ่งที่เขากระทำในเวลานี้อาจจะทำให้ สุบรรณ ไม่พอใจก็เป็นได้ เพราะอยู่นอกเหนือคำสั่งที่ได้รับมา
“ ถ้าเสด็จลุงรู้เข้าคงกริ้วน่าดู “
คิดแล้วก็น่าหวาดเสียวไม่น้อย
“ ช่างเถอะ นี้มันเหตุสุดวิสัย “
โภคินันท์ จ้องมองดูท้องฟ้าที่ใกล้จะเข้าสู่ราตีกาล
“ นครตรีสุวรรณ ยิ่งมายิ่งน่าสนใจ จะด้วยเหตุใดก็ช่าง คำสั่งของเสด็จลุงอย่างไรก็ต้องทำอยู่ดี “
โภคินันท์ ค่อยพาร่างของกุสุมาวดี ไปไว้ที่ต้นไม้ใหญ่ วางร่างของนางนอนลง โดยใช้ตักของเขาแทนหมอนหนุน เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองข้างบนก็พบกระรอกน้อยอยู่ ๔-๕ ตัว โภคินันท์ จึงยิ้มและเอื้อนเอ่ยวาจาว่า
“ กระรอกน้อย เจ้าช่วยหาผลไม้ให้ข้าได้หรือไม่? “
กระรอกเหล่านั้นเหมือนรับคำสั่งจากนายผู้เป็นใหญ่ ต่างพยักหน้าและพากันแยกย้ายไป โดยปล่อยให้ทั้งสองอยู่ ณ ที่แห่งนั้นตามลำพัง
จบตอนที่ ๒๙ ครับ  เอ! แค่ระบำมยุรานี้น่า ถ้างั้นอีกวิชาต้องเก็บไว้ใช้ทีหลัง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น