ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกเทพอสูรมหาสงคราม

    ลำดับตอนที่ #29 : พญาหงส์เริงระบำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 338
      1
      26 พ.ย. 47

    ศึกเทพอสูรมหาสงคราม

    ตอนที่ ๒๙ พญาหงส์เริงระบำ



        อินทรนาคราชพุ่งตัวเข้าหา ทมิฬดำ สุดกำลัง หวังถ่วงเวลาไว้ให้ได้นานที่สุด เพื่อให้ทุกคนสามารถหนีรอดไปได้ ทมิฬดำ แทนที่จะเข้าปะทะด้วยกลับลอยตัวถอยห่างออกมา ทั้งยังส่งสัญญาณให้กองรบทมิฬบุกเข้าจับอินทรนาคราช แทน



    “ เล่นหมาหมู่นี้น่า “



    ทมิฬดำ ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนตอบกลับไปว่า



    “ ข้าเป็นนักวางแผน ไม่ใช่นักรบเหตุใดต้องออกแรงให้เมื่อยด้วยเล่า “



    กองรบทมิฬนับร้อยเหาะทะยานเข้าหา อินทรนาคราช หวังจับตัวเขาไว้ให้ได้



    “ ไม่ต้องกลัว อินทรนาคราช ข้ามาช่วยแล้ว “



    เสียงของ จลนันทนาคราช ดังอยู่เบื้องหลัง เขาตาม อินทรนาคราช มาได้ทันเวลา มือข้างหนึ่งเนรมิตดาบยาวมีลักษณะคล้ายง้าวแต่ตัวด้ามดาบนั้นสั้นกว่ามากและตัวดาบก็ยาวกว่าง้าวโดยทั่วไปเช่นกัน ส่วน อินทรนาคราช เองก็เนรมิตดาบโค้งเล่มหนึ่งออกมา เพื่อใช้โรมรันกับเหล่าศัตรู ทั้งสองเปิดฉากสู้กับกองรบทมิฬอย่างไม่เกรงกลัว และด้วยฝีมือที่เหนือชั้นกว่า กองรบทมิฬ จึงถูก อินทรนาคราช และจลนันทนาคราช สังหารล้มตายลงเกินครึ่ง ทำให้เหล่าอสูรกองรบทมิฬ จำต้องเปลี่ยนวิธีจากที่บุกเข้าหาตรงๆ เปลี่ยนเป็นนำกำลังล้อมกรอบพวกเขาไว้แทน และคอยหาจังหวะเข้าจับกุม



    ‘ โอ๊ะโอ! เจ้างูยักษ์สองตัวนี้จัดการไม่ได้ง่ายๆจริงๆด้วย ’  ทมิฬดำ คิดไว้ไม่ผิดว่าเพียงแค่นี้ยังไม่อาจทำอะไรอินทรนาคราช และจลนันทนาคราช ได้



    ‘ แต่นี้เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น หึๆๆ ’



    ทั้งสองสู้อยู่นานสังหารกองรบทมิฬไปหลายร้อยตนแต่กองรบทมิฬก็ยังส่งกำลังสมทบขึ้นมาเรื่อยๆ



    “ อินทรนาคราช ลิ้วล้อพวกนี้ให้ข้าจัดการเอง ท่านรีบจัดการเจ้าอสูรปีกดำนั้นเถอะ “



    อินทรนาคราช พยักหน้า ก่อนพุ่งตัวตวัดดาบในมืออย่างเร็ว เกิดคลื่นพลังดาบใหญ่ทลายกองรบทมิฬที่อยู่ด้านหน้าจนล้มตายลงระเนระนาด พร้อมทั้งฉวยโอกาสพุ่งตัวเข้าหาทมิฬดำในทันที



    “ ลองรับดาบข้าดูหน่อยเป็นไร “



    อินทรนาคราช บุกถึงตัว ทมิฬดำ และฟันดาบลงไปอย่างรวดเร็ว



    “ ฟ้าวๆๆ “



    ทมิฬดำ ไม่ได้ร้อนรนกับการบุกเข้ามาของ อินทรนาคราช  ค่อยๆใช้กรงเล็บของตนรับดาบของอินทรนาคราช เอาไว้อย่างใจเย็น



    “ เคร้งงงงงงงงงงงง “



    เสียงกรงเล็บกระทบกับโลหะดังจนแสบแก้วหู ฝีมือของ ทมิฬดำ ไม่ใช่ย่อยๆเลย



    “ สามารถต่อกรกับท่านอินทรนาคราช นับว่าเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับข้า “



    กรงเล็บของ ทมิฬดำ เปล่งพลังออกมากระแทก อินทรนาคราช ออกไป ร่างของ อินทรนาคราช ลอยกระเด็นออกมาจากกำแพงพลังที่แข็งแกร่ง ยังไม่ทันได้พักหายใจ ทมิฬดำก็กระพือปีกเหาะไล่ตามมาติดๆ  พร้อมส่งมือทั้งสองข้างเข้าหา อินทรนาคราช  ทมิฬดำไม่รอช้า เกร็งกรงเล็บของตนในทันที พลันปรากฏเล็บที่งอกยาวและแหลมคม อีกทั้งยังแข็งดุจเหล็กกล้าออกมาด้วย



    “ วิชาอสูรคืนชีพ กรงเล็บพญายม “



    รวดเร็วเกินกว่า อินทรนาคราช จะได้ทันตั้งตัว กรงเล็บทั้งสองข้างขยุ้มเข้าที่หน้าอกและท้องของ อินทรนาคราช ภายในพริบตา



    “ ฉึกๆ “ เสียงเหมือนเนื้อถูกของแหลมคมแทงเข้าอย่างจัง หากเป็นจริงผู้ที่ถูกกระทำต้องเจ็ดปวดและทรมานเจียนตายเป็นแน่ แต่ อินทรนาคราช ก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดนี้ขึ้นเลย นั้นเป็นเพราะอินทรนาคราชใช้....



    “ พระเวทย์เพชรมหากาฬ ขั้นที่๑ มหาต่อต้าน “



    คมเล็บของ ทมิฬดำ หาทำอะไรร่างกายที่แกร่งดุลเพชรได้ไม่



    “ โอ หนังเหนียวด้วยหรือ? “ ทมิฬดำ ไม่มีท่าทางตกใจเลยแม้แต่น้อย



    จังหวะนั้นเอง อินทรนาคราช ใช้มือข้างหนึ่งจับตัวของ ทมิฬดำ เอาไว้และฉุดร่างของ ทมิฬดำ ให้เข้ามาใกล้เขา ก่อนแทงดาบที่อยู่ในมือเข้าที่ท้อง ทมิฬดำ จนมิดด้าม



    “ ซวบ “ เสียงของดาบผ่านทะลุร่างไป  ที่หลังของ ทมิฬดำ ปรากฏคมดาบยื่นออกมา



    “ ตายซะเถอะ “



    ดาบเล่มนั้นทะลุร่าง ทมิฬดำ ไปได้อย่างง่ายดาย ชีวิตของ ทมิฬดำ คงจบไปด้วยดาบเล่มนี้แล้ว แต่ทว่า…..



    “ อะ…อะไรกัน!!! “  อินทรนาคราช ส่งเสียงร้องอย่างตกใจ



    ทมิฬดำ ยังคงมีชีวิตอยู่และพูดจากับเขาอย่างไม่สะทกสะท้านอีกทั้งไม่มีความเจ็บปวดใดๆ ให้เห็นเลย



    “ อิๆๆ เจ็บจังเลย ดาบของท่านอินทรนาคราช ทำข้าเจ็บเสียเหลือเกิน ฮะๆๆๆ “



    ถึงจะยังตกตะลึงแต่ อินทรนาคราช ก็ตั้งสติได้ทัน รีบชักดาบออกมาฟันแขนของทมิฬดำจนขาด แต่ ทมิฬดำ ก็ยังคงส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยเขาอยู่



    “ ฟันสิ ฟันอีก สนุกดี ฟันให้เยอะๆ ฮะๆๆๆ “



    อินทรนาคราช ไม่สนใจว่า ทมิฬดำ จะพูดอะไร ไล่ฟัน ทมิฬดำ จนตัวของเขา ขาดเป็นท่อนๆ ทมิฬดำ เองก็ไม่ได้ตอบโต้เลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้ อินทรนาคราช ฟันตัวเขาไปเรื่อยๆ พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะเยาะตลอดเวลา



    “ ฉับๆๆ  “



    “ ดี ข้าชอบ เอาอีก เอาอีก ฮะๆๆๆ “



    ในที่สุด อินทรนาคราช ก็ทนไม่ไหว



    “ ชอบนักใช่ไหม? ข้าจัดให้ “



    อินทรนาคราช ตวัดดาบอีกครั้งฟันหัวของ ทมิฬดำ จนขาด ก่อนจะยกดาบฟันอีกครั้งเพื่อแยกหัวของ ทมิฬดำ ออกจากกันเป็นสองซีก



    “ ที่นี้ยังจะชอบอีกไหม? “



    แต่……….



    “ แหม! เลิกเล่นแล้วหรือ? ข้ากำลังสนุกเชียว “ ทมิฬดำ ยังคงพูดได้ทั้งๆที่ทั้งตัวเป็นแค่เศษชิ้นส่วนเท่านั้น



    “ ไอ้…เจ้านี้ มันไม่รู้จักตายหรือไงกัน? “  อินทรนาคราช ถึงกับเหงื่อตกไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับ ทมิฬดำดี และต้องตกใจยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นค่อยๆ ลอยและมาประกบรวมตัวกันเป็น ทมิฬดำ อีกครั้ง



    “ เอาล่ะในเมื่อท่านเลิกเล่นกับข้าแล้ว ก็ถึงตาข้าเล่นกับท่านบ้าง “ ทมิฬดำ ดีดนิ้วหนึ่งครั้ง กองรบทมิฬก็ถอยร่นออกไปแต่พลันปรากฏกลุ่มอสูรอีกกลุ่มขึ้นมา



    “ เด็กๆของข้า เล่นกับท่านอินทรนาคราชให้สนุกเถอะนะ ฮะๆๆๆ “



    กลุ่มอสูรกลุ่มนั้นเหมือนเป็นคนบ้าและคลุ้มคลั่งตรงเข้ากลุ้มรุมทำร้ายอินทรนาคราช ในทันที อินทรนาคราช เองก็ตวัดดาบในมือเข้าเข่นฆ่าฟันเหล่านอสูรกลุ่มนั้นเช่นกัน อสูรหลายตนถูกฟันจนหัวขาดแต่พวกมันก็ยังสามารถลุกขึ้นมาได้อีก



    “ อสูรพวกนี้ มันตัวอะไรกันแน่ ทำไมถึงฆ่าไม่ตาย? “



    ถึงแม้ไม่ได้ตั้งใจจะถาม แต่คำตอบก็ถูกเฉลยเช่นกัน



    “ สงสัยหรือท่านอินทรนาคราช? ข้าจะบอกให้ก็ได้ พวกนี้คือกองรบอสูรอมตะ ไม่ว่าท่านจะฆ่าพวกมันอย่างไร มันก็ไม่รู้จักเจ็บจักตายหรอก “



    อินทรนาคราช ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าในกองทัพอสูรมีอสูรแบบนี้อยู่ด้วย



    ‘ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคนที่อาจจะตายก็คือข้าเองก็ได้ ’



    จลนันทนาคราช เมื่อเห็น อินทรนาคราช ตกอยู่ในที่นั่งลำบากก็รีบฝ่าวงล้อมบุกเข้ามาช่วยในทันที



    “ ฉับ “ อสูรกองรบอสูรอมตะล้มลงในทันที



    “ อินทรนาคราช ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? “



    “ ยังไหวอยู่ แต่อสูรพวกนี้ ข้าฆ่าอย่างไรมันก็ไม่ตาย “



    จลนันทนาคราช ก็รู้ว่าที่ อินทรนาคราช เป็นเรื่องจริง เพราะอสูรที่ถูกเขาฆ่าก็ลุกเข้ามาเล่นงานเขาอีกครั้งแล้ว ยิ่งสู้ก็ยิ่งเสียเปรียบแต่อสูรพวกนี้ ถึงจะเข้าทำร้ายพวกเขาแต่ก็ไม่ได้ฉวยโอกาสเขาเล่นงานพวกเขาในช่วงเผลอเลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะอะไร?



    “ อินทรนาคราช ท่านรู้สึกไหมว่าอสูรพวกนี้เหมือนไม่ตั้งใจสู้กับเราซักเท่าไร? “



    อินทรนาคราชตอบรับ



    “ ข้าก็รู้สึกเหมือนท่าน ทำไมถึงพวกมันถึงทำอย่างนี้ก็ไม่รู้? “  ยิ่งสู้ก็ยิ่งผิดสังเกต ยิ่งมองทมิฬดำ ก็ยิ่งพบรอยยิ้มที่แปลกประหลาด



    ‘ เอ๊ะ! หรือว่า? ’ ในที่สุดอินทรนาคราชก็หาคำตอบจนพบ



    “ แย่แล้ว จลนันทนาคราช พวกมันตั้งใจจะถ่วงเวลาเราเอาไว้ “



    จลนันทนาคราช ไม่ใช่คนโง่ ฟังแค่นี้มีหรือจะไม่รู้



    “ เป้าหมายของมันอยู่ที่เรือหงส์เหิน!!!! “



    หากพวกแก้วกุสุมาลย์และพระนางมัณนิยาถูกจับตัวมีหรือ อินทรนาคราช และจลนันทนาคราช จะไม่ยอมแพ้



    “ รู้ตอนนี้ก็สายเสียแล้ว ท่านทั้งสองจะมีปัญญาฝ่าวงล้อมกองรบอสูรอมตะของข้าไปได้หรือ? “ ว่าแล้วก็หัวเราะเยาะศัตรูอีกครั้ง



    สองนาคราช โกรธถึงขีดสุด



    “ ในเมื่อฆ่ามันไม่ตายก็เผามันให้สิ้นซากไปเลย “



    “ อะไรนะ!!! “ ทมิฬดำ ตกใจที่อยู่ๆ ทั้งสองเหาะลอยตัวขึ้นสู่เบื้องบนก่อนพุ่งตัวกลับมาอย่างแรง และยิ่งต้องตกตะลึงอ้าปากค้าง เมื่อเห็นมองเห็นทั้งสองแผ่พลังเพลิงที่มหาศาลออกมา



    “ หนึ่งในสุดยอดพระเวทย์เผ่าพันธุ์นาคา ราชันย์นาคราชอัคคี สยบ ปักษี สองเพลิงผลาญโลกันย์ “



    “ ไอ้บ้าเอ๊ย “ ทมิฬดำ สบถออกมาเสียงดังไม่คิดว่าจะถูก อินทรนาคราช และ จลนันทนาคราช แก้ลำอย่างนี้ รีบกระโดดหลบในทันที



    “ ตูมมมมมมมมมมม  อ๊าคคคคคคคคคค “



    อสูรกองรบทมิฬและกองรบอสูรอมตะ ทั้งหมด ถูกเผาจนมอดไหม้ พร้อมกับนาคราชเพลิงสองสายก็ทะยานร่างออกจากที่ตรงนั้น รีบติดตามไปช่วยเหลือทุกคนในเรือหงส์เหิน โดยมีสายตาของอสูรปีกดำจ้องมองตามอย่างเครียดแค้น



    “ เชอะ ปล่อยให้มันสองคนหนีไปจนได้ “



    แต่จู่ๆสายตาที่เครียดแค้นอยู่นั้นพลันค่อยๆเปลี่ยนเป็นรื่นเริงภายในพริบตา ช่างเป็นอุปนิสัยและท่าทางที่แปลกประหลาดจริงๆ



    “ ช่างเถอะ ไหนๆก็หนีไปได้แล้วค่อยจัดการพวกมันทีหลังก็ได้ อีกอย่างศัตรูที่เก่งๆแบบนี้ปล่อยให้ตายไปง่ายๆ มันก็น่าเสียดายเหมือนกัน หึๆๆ “



    ทมิฬดำ ไม่ได้กระพือปีกไล่ตามทั้งสองไป เพียงแต่ยืนมองอยู่ตรงนั้นอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆเลือนหายไปคงเหลือไว้แต่เพียง ซากศพของเหล่าอสูรที่มอดไหม้ไปด้วยเพลิงแห่งนาคา



    .........ทางด้านแก้วกุสุมาลย์กับพระนางมัณนิยา ในเวลานี้ถูก ขุนพลมารมันจาปา ขวางหน้าไว้อยู่ เรือหงส์เหินไม่สามารถบุกฝ่าออกไปได้ เมื่อเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้ พระธิดาทั้งสาม จึงไม่สนใจความเป็นความตายของตัวเองอีกต่อไป ต่างกระโจนตัวเข้าหา มันจาปา เพื่อหาทางรักษาชีวิตทุกคนเอาไว้



    “ เมธาวดี กุสุมาวดี กรรณิการ์นาคี!!! “ เสียงร้องที่แผดขึ้นอย่างห่วงใย เป็นของพระนางมัณนิยานั้นเอง



    “ อย่าตามไปเพคะ พระมเหสีมัณนิยา “ แก้วกุสุมาลย์ห้ามพระนางเอาไว้



    “ สามคนนั้นสู้อสูรตนนั้นไม่หรอก ข้าต้องออกไปช่วยพวกนาง “



    แก้วกุสุมาลย์ กลัวว่าพระนางมัณนิยา จะทรงได้รับอันตราย จึงยื้อยุดฉุดพระนางเอาไว้ แต่พระนางก็ไม่ทรงรับฟังยังทรงดื้อดึงจะออกไปให้ได้ จนกระทั่งได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น



    “ ให้หม่อมฉันออกไปเอง พระเจ้าข้า “



    ทั้งสองหันพระพักตร์มามองเจ้าของเสียงเมื่อครู่นี้



    “ โภคินันท์ “



    โภคินันท์ ไม่รอว่าพระนางทั้งสองจะรับสั่งว่ากระไร หันหน้ามากำชับ นิลบุตรปักษี



    “ ดูแลทางนี้ด้วย “  นิลบุตรปักษี พยักหน้า



    กระเรียนหงส์ ไม่รอช้าอีกต่อไปทะยานร่างไล่ตาม พระธิดาทั้งสามไป เขามองเห็นแต่ไกลแล้วว่าทั้งสามกำลังเปิดฉากสู้กับ มันจาปา อย่างดุเดือด เหล่าอสูรเห็นเขาพุ่งตัวออกจากเรือหงส์เหินตามมาอีกคน ต่างกรูเข้าหาหวังจับตัวเขาไว้ให้ได้



    “ จับมันให้ได้ “



    โภคินันท์ เหินตัวอย่างเร็ว เพียงเหาะผ่านเหล่าอสูรเท่านั้น อสูรทั้งหมดถึงกับส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด



    “ อ๊าคคคคคค “



    เลือดสาดกระจายออกจากร่างในทันที ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า โภคินันท์ ใช้อาวุธอะไร แต่ที่แน่ๆก็คืออสูรเหล่านั้นตายไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนร่างจะร่วงร่นลงสู่พื้นเสียงดั่งสะนั่น แต่ด้วยจำนวนอสูรที่มากมายเช่นนี้ย่อมทำให้เข้าฝ่าวงล้อมไปช่วย สามสาวไม่ได้ง่ายๆ ด้านสามสาวในตอนนี้ต่างใช้สุดฝีมือต่อสู้อยู่กับ มันจาปา     เมธาวดี นั้นใช้หอกเป็นอาวุธเหมือนเสด็จพ่อของนาง กุสุมาวดี ใช้ดาบลักษณะเช่นเดียวกับจลนันทนาคราชผู้เป็นเสด็จพ่อ ส่วน กรรณิการ์นาคี ใช้ห่วงโลหะสองห่วงเป็นอาวุธ ทั้งสามต่างแยกกันจู่โจม มันจาปา ทั้งด้านบน ด้านล่าง ด้านข้าง และ ด้านหลัง



    “ ย๊ากกกก “



    นับตั้งแต่ อัคคีนาคา ออกจากนครบาดาลไป ทั้งสามต่างฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างหนัก ทำให้ฝีมือของทั้งสามพัฒนาขึ้นมาก แต่เมื่อต้องต่อสู้กับ ขุนพลมารมันจาปา แล้วยังต้องถือว่าพวกนางยังห่างชั้นอยู่มากแต่โชคยังดีที่ว่า ทั้งสามรวมมือกันต่อกรกับ มันจาปา จึงทำให้สามารถต่อสู้กับ มันจาปา ได้อย่างคู่คี่



    ‘ นังหน้าสวยสามคนนี้รวมมือกัน ประมาทไม่ได้เลย ‘ มันจาปา เองก็ได้รับแรงกดดันไม่น้อย



    เมธาวดี แทงหอกจู่โจมส่วนหัวของ มันจาปา ทำให้ มันจาปา ต้องรีบใช้หอกด้ามหนึ่ง ต้านรับเอาไว้ จังหวะนั้นเอง กุสุมาวดี ก็ฟันดาบเข้าที่ท้องพอดี หอกที่เหลืออีกด้ามจึงถูกส่งเข้ามาปิดสกัดอีกเช่นกัน แต่นั้นก็เป็นการเปิดโอกาสให้คนที่เหลืออีกคนหนึ่งได้จู่โจม



    “ เจ้าอสูรชั่วตายซะ “



    กรรณิการ์นาคี อ้อมตัวมาทางด้านหลัง มันจาปา ฟาดห่วงทั้งสองเข้าใส่อย่างแรง



    “ นังเด็กเมื่อวานซีน “



    มันจาปา โมโหไม่น้อยที่ถูกเด็กรุ่นหลัง ลูบคมแบบนี้ เร่งพลังกระแทกทั้งสามออกมาในทันที



    “ หอกซัดมารฟ้า กระบวนที่ ๑ หันเหเปลี่ยนทิศ “



    พริบตาเดียว ปรากฏกระแสหอกนับร้อย กระแทกทั้งสามออกมาในทันที ทั้งกระแสหอกยังแยกเป็ฯสามทิศทางจู่โจมพวกนางทั้งสามจุดพร้อมกัน



    “ บ้าจริง มันยังหาวิธีโต้กลับได้อีก “ กรรณิการ์นาคี เสียดายไม่น้อยที่พลาดโอกาสสังหารมันจาปา



    เมื่อโอกาสกลับกลายมาเป็นของ มันจาปา มีหรือเขาจะยอมปล่อยไปง่ายๆ



    “ นังตัวดีสามคนนี้ ทำข้าแสบนัก พวกเจ้าจะต้องสำนักไว้ในหัวตลอดไปมา กล้ามาต่อกรกับข้าแล้วผลมันจะเป็นอย่างไร “



    มันจาปา เลือกจู่โจมเมธาวดีก่อน



    “ หอกซัดมารฟ้า กระบวนที่ ๒ อสูรคู่ล้างเมือง “



    หอกสั้นทั้งสอง ถูกนำมาไขว้กันพร้อมเปล่งพลังทำลายล้างศัตรูในทันที เมธาวดี ก็ส่งหอกเข้าต้านอย่างไม่เกรงกลัว



    “ เพลิงนาคา “



    หอกของ เมธาวดี เต็มไปด้วยเปลวเพลิงทั้งด้าม นางพุ่งหอกเข้าหา มันจาปา พร้อมทั้งทะยานร่างตามไปด้วย



    “ ย๊ากกกกก “  เปลวเพลิงที่หอกร้อนแรงยิ่งกว่าเดิม



    “ หนึ่งในสุดยอดพระเวทย์เผ่าพันธุ์นาคา ราชันย์นาคราชอัคคี สยบ ปักษี “



    “ เปรี้ยงงงงงง ตูมมมมม “



    เกิดเสียงระเบิดดังสะนั่น หลังการปะทะ ร่างของ เมธาวดี ลอยละลิ่วปลิวอย่างแรง พลังของนางยังสู้ มันจาปา ไม่ได้



    “ สำนึกแล้วใช่ไหมนังหนู? “  มันจาปา ไม่ช้าอีก ส่งหอกสั้นเข้าหา เมธาวดี ในทันที ร่างของ เมธาวดี ที่ปลิวกระเด็นว่าเร็วแล้ว ยังไม่เท่า มันจาปา ที่เหาะไล่ตามมา



    “ เมธาวดี ข้ามาช่วยแล้ว “ กรรณิการ์นาคี เห็นเมธาวดี ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก รีบเหาะเข้ามาช่วยเหลือในทันที นางใช้ห่วงทั้งสองต้านหอกสั้นของ มันจาปา ไว้ได้ทัน แต่ด้วยความห่วงเพื่อนมากเกินไปทำให้นางได้แต่รับจนลืมรุก



    “ ได้ เจ้าตายก่อน “  มันจาปา ซัดด้ามหอกเข้าที่ท้องนาง จนกระอักเลือด ความเจ็ดปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ร่างของ กรรณิการ์นาคี ร่วงหล่นลงสู่พื้น มันจาปา รีบตามซ้ำ



    “ ตายซะ “



    กุสุมาวดี รีบตามเข้ามาช่วยเหลือ กรรณิการ์นาคี แต่ระยะห่างของนาง อยู่ห่างเกินไป หอกของ มันจาปา ใกล้จะถึงตัวของ กรรณิการ์นาคี แล้ว



    “ ครืนนนนนนนนนน “  พลัดเกิดลมพายุใหญ่เข้าขวาง มันจาปา เอาไว้ ทั้งยังซัดเขาให้กระเด็นกลับออกมา ลมพายุใหญ่นั้นหอบพัดพาร่างของ กรรณิการ์นาคี จากไปในทันที ท่ามกลางสายตานับร้อยที่มองเห็น เหล่าอสูรรีบไล่ตามไปแต่ก็ไม่อาจไล่ตามลมพายุนั้นไปได้ทัน



    “ บ้าชิบ “  มันจาปา โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่เขาพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย แต่เขาลืมไปว่ายังมีอีกคนที่พุ่งตัวมาหาเขา



    “ ย๊ากกกกกก   ฉับบบบบ  “ เวลานั้น มันจาปา ไม่ทันระวังตัวถูกดาบของ กุสุมาวดี ฟันเข้าให้ แต่ระดับขุนพลมารอย่างเขาก็ยังไม่สิ้นท่าง่ายๆ ถึงจะได้รับมาหนึ่งแผล แต่ตัวเขาก็เอี้ยวตัวหลบไปข้างหลัง ซ้ำยังซัดด้ามหอกเข้าที่กลางหลัง กุสุมาวดี อย่างแรงจนร่างของนางตกลงไปกระแทกกับพื้น มันจาปา ชิงบุกเข้าหาตัวนางพร้อมทั้งร่ายมนต์ทั้งให้นางเคลื่อนไหวไม่ได้



    “ ฮะๆๆ พลาดไปหนึ่ง แต่ก็ได้กลับมาหนึ่งเหมือนกันไม่เสียแรงเปล่า “



    กุสุมาวดี ขยับตัวไม่ได้ได้แต่ใช้สายตาจ้องมอง มันจาปา เท่านั้น



    “ นังหนูนี้ ก็สวยไม่ใช่ย่อย ยังไงก็น่าจะหาความสุขซักคืนก่อนก็ท่าจะดี “



    เมธาวดี พยายามลุกขึ้นเพื่อช่วยเหลือเพื่อนรักแต่ทว่าร่างกายไม่ได้เป็นดั่งที่ใจต้องการ



    “ กุ...สุมาวดี “



    นางพยายามลุกขึ้นอีกครั้งแต่ก็ต้องล้มลง แต่มีคนประลองให้นางลุกขึ้นมา เมื่อนางเหลีวมองก็พบว่าคนๆนั้นคือ



    “ โภคินันท์!!! “



    “ เจ้ากลับไปที่เรือหงส์เหินก่อน ข้าจะช่วยนางเอง “ ว่าแล้ว โภคินันท์ ก็ร่ายมนต์ ส่งร่างนางขึ้นไปบนเรือในทันที ส่วนตัวเองก็ พุ่งร่างฝ่าเหล่าอสูรเข้าไปช่วยเหลือ กุสุมาวดี



    “ อ๊าคคค “ เหล่าอสูรที่ขวางเขาไว้ถูกสังหารจนตายเกลี้ยง



    มันจาปา รีบหันหลังกลับมามองก็พบว่ามีคนๆคนหนึ่งพุ่งตัวมาอย่างรวดเร็ว ด้วยสายตาของเขามองออกว่าท่าร่างที่ปราดเปรียวและว่องไวเช่นนี้ มีน้อยคนนักที่จะทำได้ ดังนั้นผู้ที่พุ่งตัวเข้ามาหาเขาย่อมมีฝีมือที่ไม่ธรรมดา



    ‘ เจ้านี้มันเป็นใครกัน? ‘



    เวลาเช่นนี้ มันจาปา ไม่อาจจะคิดได้นาน



    “ ฆ่ามันก่อนแล้วค่อยว่ากัน “ มันจาปา ผละตัวออกจาก กุสุมาวดี พุ่งหอกเข้าหา โภคินันท์ อย่างแรงเหมือนกับมีร่างของอสูรนับร้อยกู่เข้าหาเขา  กระเรียนหงส์ ไม่ได้ประหวั่นพรั่นพรึงแต่อย่างใด ค่อยๆคลี่พัดออกมาอย่างใจเย็นก่อนซัดพลังโต้



    “ ระบำมยุรา สายลมพัดเปลี่ยนหมุนเวียนชีวิต “



    พลังจากพัดกลบพลังจากหอกของ มันจาปา ทั้งยังส่งพลังกลับคืนทำร้ายเหล่าอสูรที่อยู่รอบๆ ด้วย



    “ อ๊าคคคคค “



    มันจาปา พาร่างของตัวเอง หลบออกจากกระแสพลังที่ย้อนคืนกลับมา โภคินันท์ ไม่ทิ้งโอกาส ไล่ตาม มันจาปา อย่างกระชิดจนตามทัน



    “ หากกล้าแตะต้องนางแม้แต่เส้นผม ข้าจะให้เจ้าตายอย่างไร้ที่กลบฝั่ง “



    โดนเด็กที่ไหนไม่รู้ว่าอย่างนี้ มันจาปา หรือจะยอม



    “ ไอ้เด็กสามหาว ดูสิว่าใครกันแน่ที่จะตายอย่างไร้ที่กลบฝั่ง “



    “ หอกซัดมารฟ้า กระบวนที่ ๓ เลือดหลั่งพสุธา “



    พลังจากหอกคู่เหมือนสายน้ำที่ไหลบ่าลงจากเขาและปิดทางหนีของ โภคินันท์ เอาไว้ทั้งหมด หงส์หนุ่มหาได้หวั่นเกรงไม่ รวบพัดที่อยู่ในมือก่อนตวัดพัดไปมารอบตัว ๑๒ จุดสกัดพลังของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย



    “ ระบำมยุรา เทพเนรมิตพิทักษ์สิบสองสถาน “



    มันจาปา ไม่เคยพบเห็นคนที่มีวิชาแปลกประหลาดเช่นนี้ ตกตะลึงไม่น้อย แต่ยังไม่ละสายตาไปจาก เขา



    “ เจ้าเป็นใคร? เกี่ยวข้องอะไรกับนาง? “



    ระบำหนุ่ม ไม่ได้ตอบคำถามของอสูรร้าย พาร่างประชิดตัว มันจาปา ในทันที



    “ เคร้ง “  เสียงพัดกระทบกับหอกของ มันจาปา อย่างแรง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและพิสดารของพัดเล่มนั้นเป็นอย่างดี



    ‘ พัดนี้แข็งจริงๆ ขนาดหอกข้ายังสั่นไปหมด ’ ฝีมือของเด็กหนุ่มเกินคาด มันจาปา จึงตัดสินใจทุ่มสุดฝีมือหวังสังหารอีกฝ่ายให้ได้



    “ หอกซัดมารฟ้า กระบวนที่ ๕ หมู่มารทรงฤทธิ์ “



    ดั่ง มันจาปา กลายร่างเป็นพญามาร หอกทั้งสองเปล่งพลังแสงสีแดงสะท้อนไปทั่ว ทลายพลังคุ้มกายของชายหนุ่มเข้าไปเกือบครึ่ง หากหอกซัดถูกตัวเมื่อไรคงได้ไปเกิดใหม่แน่ ในขณะที่ มันจาปา กำลังได้เปรียบ ระบำหนุ่มกลับพลิกมืออีกข้างหนึ่งปรากฎพัดขึ้นอีกเล่มก่อนนำพัดทั้งสองคลี่ออกมาพร้อมกัน



    “ ระบำมยุรา หงส์คู่ผงาดฟ้าฝากอาลัยด้วยน้ำตา “



    “ เปรี้ยงงงงงงงงงง “  ผลการปะทะพลังจากพัดทะลวงผ่านเข้าหา มันจาปา อย่างแรง แขนซ้ายได้รับบาดเจ็บเป็นแผลยาวเลือดไหลนอง มันจาปา ต้องเป็นฝ่ายร่นถอยออกมา ส่วนหงส์หนุ่มได้โอกาสรีบพุ่งตัวเข้าไปหา กุสุมาวดี และคว้าตัวนาง ก่อนทะยานขึ้นสู่เบื้องบน



    “ นิลบุตรปักษี ข้าจะเปิดทางให้ เจ้ารีบพาทุกคนหนีไป แล้วข้าจะตามไปพบเจ้าทีหลัง “



    “ เจ้าจะทำอะไร โภคินันท์ “  โภคินันท์ ไม่ตอบคำถามของนิลบุตรปักษี กลายร่างเป็นพญาหงส์ก่อนเร่งพลังในร่างจนลำตัวเปล่งแสงได้



    มันจาปา ยังไม่ยอมตัดใจ สั่งการให้เหล่าอสูรที่เหลือสกัดเขาเอาไว้ให้ได้ พร้อมกันนั้นก็รวมพลังไว้ที่หอกสั้นทั้งสองเตรียมปล่อยลูกพลังขนาดใหญ่เข้าหาศัตรู



    “ ข้ามศพข้าไปก่อน “



    โภคินันท์ ไม่ปล่อยโอกาสให้ศัตรูได้ใช้พลัง รีบใช้วิชาของตนในทันที



    “ วิชาหงส์พระอาทิตย์ “



    “ วาบบบบบบบบบบบบบบ ฟ้าวววววววววววว“



    “ อ๊าคคคคคคค ตาข้า “



    เกิดแสงสว่างจ้าที่ดุจดวงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วบริเวณ เหล่าอสูรถูกแสงที่สว่างจ้าแย้งตาจนลืมตาไม่ขึ้น มันจาปา เองก็ถูกแสงแย้งตาจนรู้สึกปวดตาไปหมด ไม่อาจใช้พลังได้ กว่าจะหายจากอาการนั้นก็เสียเวลาไปครู่หนึ่งแล้ว



    “ ขอบคุณที่ออมมือ “ เสียงของระบำหนุ่มดังสะท้อนให้ได้ยิน แต่นั้นก็เป็นแค่เสียงเท่านั้น เพราะทั้งคนและเรือหงส์เหินได้หนีไปไกลลิบแล้ว



    มันจาปา แค้นจนแทบกระอักเลือดจ้องมองไปทั่วบริเวณและออกค้นหาแต่ก็ไม่พบเห็นศัตรูเลย



    “ เจ้าแน่มาก “  ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น



    “ ข้า มันจาปา ขอสาบานว่าสักวันหนึ่งข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ “



    มันจาปา โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแต่ทำอะไรไม่ได้ได้แต่นำพาทหารและร่างที่โชกเลือดกลับไปยังกองทัพประตูสวรรค์ นอกจากจะจับใครไม่ได้แล้ว ยังต้องสูญเสียทหารในบังคับบัญชาไม่ต่ำกว่า ๔-๕๐๐ แผนการที่วางไว้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง



    …….ในป่าที่ไกลห่างออกมา ระบำหนุ่มโอบร่างกุสุมาวดี เหาะหนี จากพวก มันจาปา มา จนเห็นว่าไกลพอสมควรแล้วจึงร่อนตัวลงมาที่พื้น ช่วงระหว่างที่เขาใช้วิชาหงส์พระอาทิตย์หลบหนี ถึงเขาจะทำให้ทุกคนหนีรอดมาได้แต่ก็โชคร้ายกลับพลัดหลงกับเรือหงส์เหิน เวลานี้ก็ใกล้จะมืดค่ำแล้วด้วย



    “ มันคงจะไม่ตามแล้ว เจ้าบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า? “ กุสุมาวดี ไม่ได้เอ่ยตอบเขาเพราะต้องมนต์อยู่มิอาจตอบอะไรได้



    “ จริงสิ ข้าลืมไปว่าเจ้ายังถูกมนต์อยู่ ข้าจะแก้ให้ “ ชายหนุ่มยกฝ่ามือเข้าหานางก่อนใช้พระเวทย์คลายมนต์ เพียงครู่เดียว กุสุมาวดี ก็ขยับตัวได้ พอขยับตัวได้เท่านั้นนางก็รีบวิ่งในทันที แต่ชายหนุ่มก็คว้าข้อมือของนางไว้ได้ทัน



    “ เจ้าจะไปไหน? “



    “ ข้าจะออกตามหาเสด็จอา กับเสด็จพ่อของข้า เจ้าไม่ต้องมายุ่ง “



    “ เวลานี้ทุกคนอยู่ที่ไหนยังไม่มีใครรู้ นี้ก็จะค่ำแล้ว ข้าว่ารอไว้ให้ถึงพรุ่งนี้ก่อนแล้วค่อยออกตามหาเถอะ “



    กุสุมาวดี ไม่ยินยอม



    “ แต่ข้าเป็นห่วงคนอื่น กรรณิการ์นาคี ก็หายไปไหนไม่รู้ เสด็จลุงกับเสด็จพ่อของข้า ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง? “



    “ ก่อนที่จะห่วงคนอื่น ห่วงตัวเองก่อนจะดีกว่า เจ้าสู้อยู่กับ มันจาปา เมื่อครู่นี้ได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง? “



    “ ข้าไม่เป็นอะไร ข้ามีพระเวทย์คุ้มกันร่าง โดนแค่นั้นข้าไม่เป็นอะไรหรอก ข้าจะออกตามหาทุกคน “



    โภคินันท์ ระอาในความดื้อรั้นของนางเสียเหลือเกิน



    “ เจ้านี้ดื้อจริงๆ “



    “ เอ๊ะ! ข้าจะดื้อหรือไม่ มันเรื่องอะไรของเจ้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะออกตามหาคนอื่นๆ “



    “ เสียใจด้วยข้าให้เจ้าไปไม่ได้ “ โภคินันท์ ไม่ยอมปล่อยนางหนำซ้ำยังกอดรัดนางไว้อีกด้วย



    “ ปล่อยข้านะ เจ้าถือดีอย่างไรมาทำกับข้าอย่างนี้ ปล่อยยยย “



    โภคินันท์ เป่ามนต์ต้องร่างนาง



    “ นอนพักเสียก่อนเถอะ อย่าเพิ่งรีบร้อนเลย “



    เพียงต้องมนต์ ร่างของ กุสุมาวดี ก็อ่อนระทวยไปในบัดดล



    “ เจ้า...... เจ้าทำ....อะไรกับข้า “ ร่างของ กุสุมาวดี โงนเงนอยู่นิดหนึ่งก่อนค่อยผลุบหลับอยู่ในอ้อมกอดของโภคินันท์ ส่วนระบำหนุ่มถือโอกาสเพ่งมองวงหน้างามที่นอนหลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของเขา



    “ เวลาที่เจ้าไม่ดื้อนี้ ก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะ “ ระบำหนุ่มอมยิ้ม



    แต่สิ่งที่เขากระทำในเวลานี้อาจจะทำให้ สุบรรณ ไม่พอใจก็เป็นได้ เพราะอยู่นอกเหนือคำสั่งที่ได้รับมา



    “ ถ้าเสด็จลุงรู้เข้าคงกริ้วน่าดู “



    คิดแล้วก็น่าหวาดเสียวไม่น้อย



    “ ช่างเถอะ นี้มันเหตุสุดวิสัย “



    โภคินันท์ จ้องมองดูท้องฟ้าที่ใกล้จะเข้าสู่ราตีกาล



    “ นครตรีสุวรรณ ยิ่งมายิ่งน่าสนใจ จะด้วยเหตุใดก็ช่าง คำสั่งของเสด็จลุงอย่างไรก็ต้องทำอยู่ดี “



    โภคินันท์ ค่อยพาร่างของกุสุมาวดี ไปไว้ที่ต้นไม้ใหญ่ วางร่างของนางนอนลง โดยใช้ตักของเขาแทนหมอนหนุน เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองข้างบนก็พบกระรอกน้อยอยู่ ๔-๕ ตัว โภคินันท์ จึงยิ้มและเอื้อนเอ่ยวาจาว่า



    “ กระรอกน้อย เจ้าช่วยหาผลไม้ให้ข้าได้หรือไม่? “



    กระรอกเหล่านั้นเหมือนรับคำสั่งจากนายผู้เป็นใหญ่ ต่างพยักหน้าและพากันแยกย้ายไป โดยปล่อยให้ทั้งสองอยู่ ณ ที่แห่งนั้นตามลำพัง



    จบตอนที่ ๒๙ ครับ  เอ! แค่ระบำมยุรานี้น่า ถ้างั้นอีกวิชาต้องเก็บไว้ใช้ทีหลัง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×