ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกเทพอสูรมหาสงคราม

    ลำดับตอนที่ #47 : สังหาร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 317
      0
      3 ก.พ. 49

    ศึกเทพอสูรมหาสงคราม

    ตอนที่ ๔๗ สังหาร

     

                วกกลับมาที่ หัสกัณฐ์ และ เปมิกา ซึ่งกำลังเปิดศึกอยู่กับขุนพลมาร แสงฤทธิ์ เวลานี้ หัสกัณฐ์ แผ่ซ่านพลังออกจากดาบมหาจักรพรรดิปราบไพรี ครอบคลุม ตัวของ แสงฤทธิ์ หมายสังหาร เขาให้ได้

     

    บ้าจริง พลังดาบของมันทำเอาข้าขยับตัวไปไหนไม่ได้

     

    พลังดาบของ หัสกัณฐ์ แม้จะออกมาจากจุดเดียวแต่กลับพุ่งเป้าเข้าหา แสงฤทธิ์ จากทุกทิศทาง ทำให้ แสงฤทธิ์ ไม่กล้าวู่วามเพราะหากเขาขยับตัวแม้แต่นิดเดียวก็จะถูกกระบวนดาบของ หัสกัณฐ์ ปิดตายในทันที

     

    จะออมมือให้มันไม่ได้เป็นอันขาด

     

    หัสกัณฐ์ รู้ดีว่าถึงแม้พลังดาบของเขาจะกดดัน แสงฤทธิ์ อย่างไร สุดท้าย แสงฤทธิ์ ก็ต้องหาวิธีการสลายพลังดาบของเขาได้ ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องออมมือและปิดบังพลังของตัวเองอีกต่อไป

     

    วูบบบๆๆ

     

    เกิดพลังแสงขึ้นรอบตัวของ หัสกัณฐ์ อย่างช้าๆ พร้อมกับบางส่วนของร่างกายของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วย

     

    ปึกๆๆๆๆๆ

     

    กล้ามเนื้อบางส่วนขยายใหญ่ขึ้น ทั้งยังมีบางสิ่งที่แปลกปลอมผุดออกมาจากร่างกาย ลักษณะคล้ายกับหางของสัตว์ประเภทหนึ่งโผล่ออกมาจากด้านหลัง ฟันที่เป็นลักษณะของเผ่าพันธุ์ยักษ์ เกิดการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอีกรูปแบบหนึ่งแทนที่จะหงายขึ้นกับแหลมและคว่ำลง ลักษณะแปลกไปกว่าปกติ

     

    นี้นะหรือ... พระองค์

     

    เป็นครั้งแรกที่ เปมิกา ได้เห็นอีกร่างหนึ่งของ หัสกัณฐ์ ร่างที่เขาไม่คิดอย่างจะใช้มาก่อน

     

    อสูรวานร!!!!!

     

    ที่แท้ครึ่งหนึ่งของมันเป็นวานรหรือนี้!!!! ’

     

    แม้แต่ แสงฤทธิ์ เอง ก็คิดไม่ถึงเช่นกัน

     

    หัสกัณฐ์ เป็นอสูรวงค์พรหมที่สืบทอดเชื้อสายมาจากกรุงมลิวัน ซึ่งลูกหลานในรุ่นหลังต่างสืบทอดเชื้อสายมาจาก พญาหนุราช ( มัจฉานุ ) กับนางรัตนมาลี ( ธิดายักษ์เจ้ากรุงมลิวัน ท้าวจักรวรรดิ ) ดังนั้นเขาจึงมีร่างอยู่สองร่างคือร่างที่เป็นอสูร และร่างที่เป็นวานร นี้จึงนับเป็นครั้งแรกที่เขาคืนร่างเป็นวานรในขณะทำสงคราม ( แต่ มัจฉานุ ก็เป็นลูกของ นางสุพรรณมัจฉา ธิดาของ ทศกัณฐ์ ที่เกิดกับนางมัจฉา ดังนั้นจึงถือได้ว่า มัจฉานุ เองก็ไม่ใช่วานรแท้ๆ คงเป็นครึ่งวานรครึ่งยักษ์ครึ่งมัจฉานั้นเองแต่ร่างกายหลักคงได้รับอิทธิพลจาก หนุมาน ผู้เป็นพระบิดา จึงมีรูปร่างที่เป็นวานรมากกว่าที่จะเป็นยักษ์หรือมัจฉา ซึ่งต่างกับ พญามารนุราช หรือ อสุรผัด ที่อยู่ร่างเดียวเป็นครึ่งวานรครึ่งยักษ์ แต่เนื่องจาก พระราม ได้ทรงตัดหางของ มัจฉานุ ออกตามคำขอของ หนุมาน ทำให้ทายาทรุ่นต่อมาจึงไม่หางของเหล่ามัจฉาอีกเลย คงเหลือแต่ลักษณะของครึ่งยักษ์และครึ่งวานรเท่านั้นแต่คุณสมบัติของหมู่มัจฉาที่แอบแฝงอยู่ในร่างก็ยังคงหลงเหลือไม่ได้จางหายไปกับกาลเวลา )

     

    หาง ของ หัสกัณฐ์ ที่โผล่ออกมา กำลังเหวี่ยง ปัดไป ไปมา ก่อนที่จะยืดไปตวัดตบเข้าที่ใบหน้าของ แสงฤทธิ์

     

    เพลี๊ยะ

     

    แสงฤทธิ์ รู้สึกทั้งเจ็บทั้งชาที่ใบหน้า ทั้งยังปรากฏรอยแดงๆฝากไว้ เป็นการท้าทายและข่มขู่จากอสูรกึ่งวานร

     

    บัดซบ

     

    ไม่รู้ว่า แสงฤทธิ์ ถูกความโกรธเข้าครอบงำหรือรู้สึกอับอายที่ถูกตบหน้า ออกกระบวนดาบเบนเข้าสู่ศูนย์กลางพลังดาบของ หัสกัณฐ์

     

    กระบวนดาบตามแสง แสงอาทิตย์ยามเย็น

     

    พลังดาบของ หัสกัณฐ์ ที่สะกด แสงฤทธิ์ เอาไว้จู่โจมเป้าหมายในทันทีที่ แสงฤทธิ์ ขยับตัว ถึงแม้ว่าพลังดาบของ หัสกัณฐ์ จะพุ่งมาเหมือนมือยักษ์ที่ขยุ้มร่างทั้งร่างแต่อสูรร้ายก็ยังไม่เปลี่ยนกระบวนต้านรับยังคงใช้กระบวนดาบบุกฟันที่จุดเดิม

     

    ร้ายกาจมากคิดไม่ถึงว่ามันจะใช้วิธีนี้ต้านพลังดาบของข้า

     

    ดูเผินๆในสายตาของคนทั่วไป แสงฤทธิ์ ดูเหมือนคนโง่ก็ไม่ปาน แต่แท้ที่จริงแล้วกลับเข้าใจหาวิธีต้านรับและจู่โจมคู่ต่อสู้ได้อย่างดียิ่ง  พลังดาบของ หัสกัณฐ์ รุนแรงและครอบคลุมทุกพื้นที่ก็จริงแต่ก็ล้วนออกมาจากจุดเดียวนั้นก็คือ ดาบมหาจักรพรรดิปราบไพรี ดังนั้นหากเป็นคนอื่นย่อมไม่กล้าบุกฝ่าเข้าใจกลางของพลังเป็นแน่ เพราะกว่าสลายพลังที่ออกมาจากดาบได้ ตัวเองคงถูกพลังดาบฟาดฟันเข้าจนตายเสียก่อน แต่ แสงฤทธิ์ มีกระบวนดาบที่ไวดุจแสงอาทิตย์ ดังนั้นเมื่อเขามองจุดอ่อนตรงนี้ออกจึงตัดสินใจฟาดฟันดาบเพื่อทำลายศูนย์กลางของพลัง ทั้งยังถือโอกาสจู่โจม หัสกัณฐ์ ไปในตัว

     

    นับว่าเจ้าตาแหลมใช้ได้

     

    หัสกัณฐ์ หยุดพลังดาบกลางคัน วาดดาบเป็นรูปวงกลม เปลี่ยนกระบวนดาบเป็นตั้งรับ

     

    แปดกระบวนดาบวานรนรลักษณ์ ลูกพระพายกลืนพระอวตาล

     

    กระบวนนี้ยิ่งกว่าพลังดาบเมื่อครู่นี้เสียอีก กระบวนดาบของ แสงฤทธิ์ เหมือนวิ่งเข้าหาจุดอับแสงทั้งยังถอนคืนไม่ได้

     

    แย่แล้วถอนพลังคืนไม่ได้

     

    หัสกัณฐ์ ไม่ปล่อยโอกาสนาทีทองให้ผ่านพ้น

     

    แสงฤทธิ์ เจ้าไปลงนรกได้แล้ว

     

    เสียงที่ดังก้องกัมปนาท ทำเอา แสงฤทธิ์ หนาวถึงขั้วหัวใจ มองเห็นเงาดาบฝ่าเข้ามาหาอย่างเร็ว ต่อให้ต้านไว้ได้ก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส

     

    แปดกระบวนดาบวานรนรลักษณ์ วายุบุตรบดสุริยะ

     

    ฟ้าวววววววววว

     

    ขณะที่แสงฤทธิ์ กำลังจะถูกคมดาบของ หัสกัณฐ์ ฟาดฟันจู่ๆกลับมีเสียงหนึ่งคำรามก้อง

     

    วิชาสี่พยัคฆ์คำรณ พยัคฆ์ฟ้าก้องคำราม

     

    เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงง

     

    แสงฤทธิ์ รอดตายอย่างหวุดหวิด ในขณะเดียวกันเจ้าของเสียงก็ปรากฏพร้อมทั้งร่างที่สะบักสะบอม จากการต่อสู้

     

    พยัคฆ์วารี!!!!??????

     

    เปมิกา ทั้งตกใจและไม่เข้าใจว่าทำไม พยัคฆ์วารี ถึงได้ช่วยเหลือศัตรู ไม่เฉพาะเพียงแค่ เปมิกา เท่านั้น ทุกคนรวมทั้ง หัสกัณฐ์ ก็ตกใจด้วย แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ กองรบพยัคฆ์สวรรค์ ที่ติดตาม พยัคฆ์วารี ต่างร่นถอยมาสมทบไม่ถึงครึ่ง ซ้ำร้ายพยัคฆ์บางตนยังบินตกมาขาดใจตายตรงหน้าพวกนางอีกด้วย

     

    นี้มันเรื่องอะไรกัน พยัคฆ์วารี ทำไมเจ้าถึงได้ทำอย่างนี้?.......

     

    พยัคฆ์วารี มอง เปมิกา ด้วยสายตาที่เลื่อนลอย ไม่ตอบแต่ประการใด

     

    หึๆ เกือบไปแล้วไหมล่ะ แสงฤทธิ์

     

    แม่ทัพใหญ่ที่สุดในกองทัพอสูร พุ่งทะยานมาพร้อมกับกำลังที่เหลือเกือบทั้งหมด และทหารเชลยจำนวนเกือบสองพันคน

     

    อังกลาตู

     

    อังกลาตู หยุดมาอยู่ข้างกายของ แสงฤทธิ์ ทั้งสีหน้าและแววตารู้สึกดูดุดันยิ่งนัก

     

    พระธิดา พระเจ้าข้า ช่วยโอรสด้วย โอรสถูกมันควบคุม หนึ่งในกองรบพยัคฆ์สวรรค์ที่เหลือรอดบอก เปมิกา

     

    ว่าไงนะ!!!!

     

    คำพูดของ กองรบพยัคฆ์สวรรค์ ทำเอา เปมิกา แทบไม่เชื่อหูตัวเอง นางไม่คิดว่า พยัคฆ์วารี จะพลาดท่าได้ง่ายๆเช่นนี้ ต่อให้วิชาควบคุมจิตใจของศัตรูร้ายกาจแค่ไหน ก็ไม่น่าจะมีทางควบคุม พยัคฆ์วารี ได้เต็มร้อยถึงขนาดนี้ได้

     

    ขอบใจที่ช่วยข้า ข้าประมาทมันไปหน่อย แสงฤทธิ์ กล่าวขอบคุณ

     

    ไม่เป็นไร เจ้าเองก็คงเหนื่อยมามากแล้ว ทางนี้ข้าจะจัดการเอง อังกลาตู ต้องการกำจัดศัตรูโดยเร็วเผื่อป้องกันสถานการณ์พลิกเปลี่ยน

     

    ......แต่ แสงฤทธิ์ ยังยกดาบขึ้นเหมือนจะสู้ต่อ

     

    ไม่....ข้ายังสู้ไหว อีกอย่างถ้าไม่เอาคืนบ้างคงเสียชื่อข้าแย่

     

    เห็น แสงฤทธิ์ ยืนยันเช่นนั้น อังกลาตู ก็ไม่อยากขัดใจ

     

    ตามใจเจ้า งั้นเจ้าหมอนั้นข้ายกให้เจ้า ส่วนนังหนูนั้นข้าจะจัดการเอง

     

    แสงฤทธิ์ ตกใจรีบพูดร้องห้าม

     

    อย่าอังกลาตู!!!!!

     

    เพราะอะไร? อังกลาตู สงสัยและถาม

     

    แสงฤทธิ์ ไม่ตอบแต่พูดว่า

     

    คนอื่นเป็นตายอย่างไรก็ช่างแต่เจ้าห้ามทำร้ายนางเด็ดขาด

     

    อังกลาตู เห็นท่างทางของ แสงฤทธิ์ ประกอบกับ เปมิกา มีน่าตาที่สะสวยจึงเริ่มเข้าใจ

     

    อ๋อ..... อย่างนี้ๆเอง.......เจ้านี้จริงๆเลย .....อืม  อังกลาตู เอามือกอดเองและส่ายหน้าก่อนนิ่งคิดนิดหนึ่ง

     

    ก็ได้แต่เพื่อความปลอดภัยของเจ้ากับข้าจะทำให้นังหนูนี้เหมือนกับเพื่อนของมัน เจ้าเห็นว่าไง

     

    ขอเพียงเจ้าไว้ชีวิตนางก็พอแล้วเรื่องอื่นข้าไม่สน แสงฤทธิ์ตอบ

     

    งั้นก็ดีแล้ว

     

    อังกลาตู คลายมือออก เตรียมพร้อมสู้ แต่ เปมิกา ไม่ใช่ตุ๊กตาที่ใครคิดจะมาบ่งการได้ง่ายๆ

     

    พูดพอแล้วหรือยัง คิดว่าจะควบคุมข้าได้ง่ายอย่างนั้นหรือ

     

    เปมิกา ไม่รั้งรอให้ศัตรูเตรียมพร้อมไปมากกว่านี้ ใช้ ดาบปราบลิขิตฟ้า บุกฟันใส่ อังกลาตู ด้วยความเร็วที่ใครจะคาดถึง

     

    หึๆๆ  อังกลาตู หัวเราะในลำคอเมื่อเห็น เปมิกา บุกเข้ามาและไม่หลบคมดาบแต่ประการใด

     

    เคร้งงงงงงงงงง

     

    เหตุที่ไม่หลบก็เพราะว่าคนที่จะสู้กับนางหาใช่เขาไม่

     

    พยัคฆ์วารี!!!!!! ”

     

    พยัคฆ์วารี ที่ถูก อังกลาตู ควบคุม พุ่งร่างเขาสกัดพร้อมใช้ดาบเขี้ยวพยัคฆ์ ต้านทาน ดาบปราบลิขิต ปกป้อง อังกลาตู เต็มกำลัง

     

    อย่ามาขวางข้า  ถึง เปมิกา จะรู้อยู่แก่ใจว่า พยัคฆ์วารี ถูกควบคุมและไม่รับรู้ในสิ่งที่นางพูดแต่ก็อดมีอารมณ์ไม่ได้

     

    วิชาสี่พยัคฆ์คำรณ พยัคฆ์คำรามแปดทิศ

     

    เงาพยัคฆ์ ดาหน้าล้อมหน้าหลัง เปมิกา จนขยับไปไหนไม่ได้ เปมิกา ทั้งสุดแค้นและเจ็บใจ

     

    บอกแล้วไงว่า อย่ามาขวางข้า

     

    กระบวนดาบมัจฉาแหวกม่านน้ำ น้ำป่าทะลักสู่ที่ราบ

     

    คมดาบฟาดฟันดุจลำน้ำใหญ่ เป็นกระบวนที่รุนแรงและต่อเนื่อง โหมกระหน่ำดุจน้ำป่าที่พังเขื่อนให้พังทลาย พยัคฆ์วารี ที่บาดเจ็บจากการต่อสู้รับมือด้วยท่าทางที่ซวนเซ แต่เนื่องจากถูกบังคับจากฝ่ายตรงข้ามแม้เจ็บหนัก ก็ยังคงใช้ดาบต้านรับไม่ท้อถอย

     

    ......พยัคฆ์วารี

     

    เปมิกา กัดฟันพูดอย่างลำบากและอึดอัดใจ ทุกครั้งที่ดาบของนางปะทะกับดาบของพยัคฆ์วารี เกิดประกายแสงดุจน้ำตาพร่างพราวและระยิบระยับ ตลอดเวลา แสงนั้นก็คือน้ำตาของดาบ ดาบเขี้ยวพยัคฆ์ที่ไม่ต้องการต่อสู้

     

    พยัคฆ์วารี เจ้าได้สติ ซักทีซิ ......ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้าไปมากกว่านี้แล้ว

     

    คำที่ออกมาจากใจแต่ไร้ประโยชน์อันใดต่อลูกพยัคฆ์

     

    ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆ  อังกลาตู หัวเราะชอบใจที่เห็นการต่อสู้ระหว่างนางกับเด็กน้อยที่อยู่ในกำมือของเขา

     

    นังหนู ถ้าเจ้าอยากช่วยเจ้าหนูนั้นจริงๆ ก็จงฆ่าเขาเสียสิ

     

    ว่าไงนะ !!!!????

     

    อังกลาตู พูดต่อว่า

     

    ใครก็ตามที่ถูก พลังอสุรมาร ของข้าควบคุม มันจะต้องตกเป็นทาสของข้าตลอดไปจนกว่ามันจะตาย ถ้าเจ้าอยากจะช่วยมันจริงๆก็จงฆ่ามันซะซิ หึๆๆๆ

     

    พูดเพ้อเจ้อไปหน่อยแล้ว ฆ่าเจ้าซะ พยัคฆ์วารี ก็จะมีสติคืนมาเหมือนเดิม

     

    เปมิกา กระโดดถีบ พยัคฆ์วารี ก่อนขวางดาบเข้าหา อังกลาตู หมายฆ่าเขาให้ได้

     

    เคร้งงงงงงงงง   พยัคฆ์วารี ที่ล้มกลิ้งกลับทะยานตัวเข้ามาปกปกปัดดาบกระเด็นออก ก่อนที่ดาบจะย้อนคืนกลับมาหาเจ้าของ

     

    ฟังดูเข้าทีดีนิ แต่จะทำได้จริงเหรอ? อสูรชั่วท้ายทายก่อนยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง

     

    เจ้าหนู จงฆ่าพวกมันให้หมดซะ จงฆ่าคนที่คิดร้ายข้า เจ้านายของเจ้า จงพวกฆ่ามันให้หมด

     

    พลังอสุรมาร กดดันจิตใจ ยิ่งกว่าเก่า บังคับให้ พยัคฆ์วารี ลงมืออย่างหนัก

     

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก   พยัคฆ์วารี ส่งเสียงร้องลั่นก่อนท้องฟ้าจะแปรปรวนอย่างรุนแรง

     

    ครืนนนนนนนนนนนนนนนน

     

    วิชาสี่พยัคฆ์คำรณ พยัคฆ์ทลายไตรภูมิ

     

    ร่างราชาพยัคฆ์ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เตรียมกลืนกินทุกคนที่อยู่ตรงหน้า

     

    พยัคฆ์วารี!!!!! หัสกัณฐ์ แทบไม่เชื่อว่าพลังอสุรมารจะมีอำนาจมากขนาดนี้

     

    พยัคฆ์วารี......   เปมิกา ก้มหน้านิ่งไม่รู้จะทำอย่างไรดีหากไม่ทำอะไรซักอย่างพวกนางทั้งหมดจะต้องแย่แน่ๆ

     

    อังกลาตู!!!!!! ” แสงฤทธิ์ รีบทักท้วงเพราะคิดว่า อังกลาตู คงลืมเรื่องที่ตกลงไปแล้ว แต่ อังกลาตู กลับยกมือขึ้นห้ามเหมือนบอกว่าไม่ต้องห่วงและกังวลอะไร

     

    กรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร

     

    เสียงของราชาพยัคฆ์ ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับร่างพยัคฆ์ร้ายที่บ้าเลือด

     

    พยัคฆ์วารี!!!!!!!!!!!!!    เปมิกา เงยหน้าขึ้นมามอง พยัคฆ์วารี ก่อนที่น้ำตาของนางจะร่วงออกมาและทะยานร่างพุ่งเข้าหา

     

    กระบวนมัจฉาแหวกม่านน้ำ ร้อยมัจฉาทลายมหาสมุทร

     

    เปรี้ยงงงงงงงงงงงงง  

     

    เกิดเสียงจากการปะทะดังสนั่นหวั่นไหว

     

    กรรรรรรรรรร

     

    เสียงของราชาพยัคฆ์ ค่อยๆแผ่วเบาและหยุดนิ่งอย่างช้าๆ กลายเป็นร่างของ พยัคฆ์วารี แทน ร่างของเขาซบอยู่ที่ไหล่ของ เปมิกา มองไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น

     

    พยัคฆ์วารี.... เปมิกา......

     

    หัสกัณฐ์ เอ่ยชื่อทั้งสองอย่างแผ่วเบาเพราะเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

     

    อ๊อคคคคคคคคคค

     

    พยัคฆ์วารี กระอักเลือดออกมาหนึ่งครั้งก่อนที่ร่างจะเกร็งสะท้านหงายหลังลงไปนอนต่อหน้าทุกคน

     

    ตึงงงงงงงงง  

     

    อึกกกกกกกกๆๆ

     

    ลูกพยัคฆ์ หายใจเข้าออกอย่างแรงก่อนที่ดวงตาจะไร้แววแห่งความมีชีวิตอีกต่อไป

     

    เปาะๆๆๆๆ เยี่ยมมาก ฉากสังหารเมื่อครู่นี้เยี่ยมจริงๆ ฮะๆๆๆๆ

     

    เปมิกา เงยหน้าขึ้นมามอง อังกลาตู น้ำตาเอ่อล้นทั้งสองข้างพร้อมทั้งความโกรธแค้น

     

    ข้าจะฆ่าเจ้า จะฆ่าเจ้าให้ได้

     

    ย๊ากกกกกกกกกกกก กระบวนดาบแฝงไอสังหารมากที่สุดเท่าที่นางเคยใช้มา

     

    ฆ่าพวกมันซะ   อังกลาตู ออกคำสั่ง

     

    กองรบมารทั้งหมดรวมทั้งทหารเชลยที่ต่างเหม่อเมื่อครู่นี้ถูกเสียงสั่งการปลุกประสาทกลับคืนก่อนยกพลบุกเข้าปะทะกับกองทัพนครอัญจารี การที่ เปมิกา สังหาร พยัคฆ์วารี ทำให้ขวัญกำลังใจของเหล่าทหารลดลงไปมากถึงแม้จะรู้ว่านางทำเพราะความจำเป็นก็ตาม

     

    ปึก

     

    อ๊อคค

     

    เปมิกา ไขว้ดาบไว้ด้านหลังใช้เพียงแค่หมัดของนาง เดินฝ่าเข้าหากองรบมาร หมายบุกเข้าไปหา อังกลาตู ให้ได้ โดยมี หัสกัณฐ์ ตามมาช่วยติดๆแต่ก็ถูกกันออกมาโดยฝีมือของ แสงฤทธิ์

     

    จะรีบไปไหน บัญชีเมื่อครู่นี้ข้ายังไม่ได้คิดเลย แสงฤทธิ์ว่า

     

    หึ... กลัวว่าจะไม่ได้ตายหรือไง หัสกัณฐ์ตอบ

     

    ส่วน เปมิกา บุกฝ่าเข้ามาถึงตัวของ อังกลาตู จนได้และนางก็เริ่มใช้ดาบฟาดฟันศัตรู

     

    เอาชีวิตมาให้ข้า

     

    ไม่ว่าดาบจะมาเร็วแค่ไหน อังกลาตู ก็เพียงแค่โยกตัวหลบ

     

    มีปัญญาทำได้เพียงแค่นี้หรือ? ช่างน่าสงสารซะจริงๆ อังกลาตู พูดจาเยาะเย้ย

     

    ไอ้บ้าเอย

     

    เปมิกา ตวัดดาบคืนกลับมาคมดาบฟาดฟันมาทางลำตัวเต็มๆ อังกลาตู แทนที่จะโยกหลบกลับยืนนิ่งอยู่เฉย

     

    หึๆๆๆ  

     

    เหตุที่ อังกลาตู ไม่หลบเพราะเขาดึงตัวทหารเชลยผู้หนึ่ง มาเป็นโล่ให้กับตัวเอง

     

    หา.....

     

    เมื่อเห็นชีวิตของผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ตรงหน้า เปมิกา รีบถอนดาบเพื่อไม่ให้ดาบของนางต้องเข่นฆ่าผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้อง ทั้งพยามรวบรวมสมาธิ เพื่อระงับความโกรธที่กำลังพลุ่นพล่านขึ้นมาเรื่อยๆ

     

    ชั่วช้า

     

    หึๆๆ อะไรแค่นี้ก็ไม่กล้าฟันข้าแล้วหรือ งั้นแบบนี้เป็นไง?

     

    อังกลาตู ที่สุดแสนเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็น เปมิกา ไม่เข้ามา ก็ทำในสิ่งที่ใครเกิดจะคาดคิด

     

    แคล็ก

     

    อ๊อคค

     

    เพียงทีเดียวร่างของเชลยคนนั้นถึงกับสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่จะสิ้นใจในลักษณะที่หัวหมุนกลับไปอีกด้านหนึ่ง

     

    เจ้า... ตั้งแต่นางเกิดมายังไม่เคยพบอสูรตนไหนที่ชั่วร้ายได้ถึงขนาดนี้มาก่อน

     

    อังกลาตู จับตัวทหารเชลยเข้ามาเป็นโล่ให้กับตัวเองอีกคน พร้อมทั้งออกกำลังเค้นไว้ที่มือเตรียมหักคอทหารเชลยคนนั้น

     

    ถ้าหากเจ้าไม่กล้าเข้ามา ข้าก็จะฆ่าพวกมันไปเรื่อยๆ จนกว่าเจ้าจะเข้ามา ข้าจะพวกมันได้รู้ว่าคนที่พวกมันหวังจะให้ช่วยเหลือสุดท้ายก็ช่วยพวกมันไม่ได้

     

    เจ้าเดรัชฉาน

     

    เปมิกา ไม่อาจระงับความโกรธแค้นได้อีกต่อไป ออกกระบวนดาบที่เร็วเกินคาด

     

    กระบวนดาบ มัจฉาแหวกม่านน้ำ มัจฉาทวนลำธาร

     

    เป็นกระบวนดาบที่เร็วมาก เลือกจู่โจมแขนทั้งสองข้างของ อังกลาตู

     

    มาไวเป็นบ้า

     

    กระบวนดาบที่รวดเร็วนี้แม้แต่ อังกลาตู ยังรับไม่ทันจนต้องปล่อยมือออกจากตัวทหารเชลยที่เขาใช้เป็นโล่เพื่อไม่ให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ

     

    พลังอสุรมาร ปุณฑริกสราญรมย์

     

    พลังลำแสงสีดำปรากฏอยู่ที่มือทั้งสองของ อังกลาตู ก่อนจะกางกรงเล็บต้านทานสกัด ดาบปราบลิขิตฟ้า ที่ฟาดฟัดเข้ามา

     

    เคร้งงงงงงงงงงงงงๆ

     

    เสียงดาบและกรงเล็บ ปะทะกันดังสะนั่นจนแสบแก้วหู

     

    เจ้าว่าข้าเป็นเดรัชฉานอย่างนั้นหรือ? เจ้าเองก็เพิ่งจะฆ่าเพื่อนมาเหมือนกันไม่ใช่หรือ เจ้ากับข้ามันก็ไม่ต่างกันหรอก เพื่อเป้าหมายของตัวเองเมื่อแต่เพื่อนพ้องหรือญาติมิตร ก็ไม่คำนึงถึงเหมือนกันนั้นแหละ

     

    คำพูดของ อังกลาตู เหมือนคมมีดที่กรีดหัวใจของ เปมิกา อย่างสุดแสนจะเจ็ดปวดและทรมาน เมื่อคิดถึงว่าเมื่อครู่นางต้องลงมือสังหาร พยัคฆ์วารี ด้วยน้ำมือของนางเอง

     

    หุบปาก  ข้าขอสาบาน หากเจ้าไม่ตายด้วยน้ำมือข้า ข้าไม่ขออยู่เป็นคน

     

    แม้แต่ แสงฤทธิ์ ที่กำลังต่อสู้อยู่กับ หัสกัณฐ์ ก็ยังรู้สึกว่านอกจาก อังกลาตู จะชั่วร้ายเกินกว่าที่เขาจะคาดคิดแล้ว เรื่องทำลายความรู้สึกของคนอื่นก็แทบไม่เป็นรองเลยแม้แต่น้อย

     

    หึๆ นังหน้าโง่ โกรธเข้าไปอีกสิ เคียดแค้นเข้าไปสิ ข้าจะได้ทำให้เจ้าเหมือนกับไอ้หนูนั้นอีกคน

     

    เวลานี้ เปมิกา โกรธแค้นจนเลือดขึ้นหน้า กระบวนดาบที่นางใช้จึงเต็มไปด้วยช่องโหว่ พริบตาที่นางทุ่มกำลังฟาดฟันดาบ อังกลาตู ก็ได้โอกาส เข้าถึงตัว

     

    นังหนูหน้าโง่ ข้าจะให้เจ้าเป็นทาสของข้าตลอดไป ฮะๆๆๆ

     

    อังกลาตู หลบคมดาบอีกครั้งพลิกเปลี่ยนตำแหน่งมายังด้านหลังของ เปมิกา ซึ่งกำลังเปิดช่องว่างอย่างเต็มๆ ก่อนใช้กรงเล็บตะปบเข้าที่ศีรษะของนางพร้อมทั้งเร่ง พลังอสุรมาร ขึ้น

     

    พลังอสุรมาร ภูติจุติแดนมาร

     

    ปรากฏ พลังอสุรมาร อันมหาศาลจากกรงเล็บนั้น แทรกซึมเข้าร่างของ เปมิกา ทั้งยังกระตุ้นจิตใจให้เกิดความชั่วร้ายเพื่อเข้าครอบงำ

     

    กรี๊ดดดดดดดดดดด เปมิกา ส่งเสียงกรีดร้อง

     

    เปมิกา!!!

     

    หัสกัณฐ์ ตกใจ รีบพยายามเข้าไปช่วย

     

    จะรีบไหนเล่า คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้าต่างหาก

     

    หัสกัณฐ์ ถูก แสงฤทธิ์ ขวางทาง

     

    หึมมมมม  ไสหัวไปเดี๋ยวนี้

     

    แปดกระบวนดาบวานรนรลักษณ์ จ้าววานรถล่มบาดาล

     

    หัสกัณฐ์ ทั้งโมโหและเป็นห่วงความปลอดภัยของ เปมิกา  ออกกระบวนดาบที่รุนแรงหมายสังหาร แสงฤทธิ์ ในดาบเดียวแต่ แสงฤทธิ์ หลบเหลี่ยงไม่ปะทะเพราะเข้าต้องการขัดขวางไม่ให้ หัสกัณฐ์ เข้าไปช่วย เปมิกา ได้เท่านั้น

     

    ฮะๆๆๆ นังหนู จงมาเป็นทาสของข้าซะ  ฮะๆๆๆๆ

     

    ท่ามกลางเสียงหัวเราะของ อังกลาตู และพลังอสุรมารที่สุดแสนร้ายกาจ   เปมิกา ก็ยังไม่ยอมแพ้ ต่อสู้กับพลังความชั่วร้ายอย่างสุดฤทธิ์

     

    ฝันไปเถอะ ใครจะไปยอมเป็นทาส ของเจ้ากัน ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกก

     

    เปมิกา รวบรวมพลังทั้งหมดเข้าสู่สมาธิ อันแน่วแน่

     

    เคล็ดพลังปราณจิต สมาบัติญาณกระจ่างแจ้ง

     

    ทั่วร่างของนางเปล่งแสงสว่างขจัดจิตมารและพลังอันชั่วร้าย

     

    อะไรกัน!!!

     

    อังกลาตู ไม่คาดคิดว่า เปมิกา จะมีวิชาที่ต่อกรกับพลังอสุรมารได้ ไม่ทันระวัง ถูกพลังปราณจิต กระแทกเข้าอย่างแรง

     

    เปรี้ยงงงงงงงงงงงง

     

    อ๊อคคคคคคคคคค อังกลาตู กระอักเลือด ปล่อยมือจาก เปมิกา

     

    ผลของความประมาทและชะล่าใจ ทำให้ อังกลาตู ต้องได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งแรกในศึกนี้ แต่ถึงอย่างไร อังกลาตู ก็ยังเป็นชนชั้นระดับขุนพลมาร เพียงเวลาชั่วครู่ก็สามารถตั้งหลักได้

     

    อึกกก อังกลาตู พยายามฝืนกลั้นความเจ็ดปวด

     

    กรอดดด เบญจมหาโยคี!!

     

    พลังอสุรมาร เป็นวิชาของโยคีดำซึ่งเคยพ่ายให้กับ นันทสีดาบส  หนึ่งในเบญจมหาโยคีดังนั้นเมื่อมาเจอกับวิชาของ อารยะดาบส ซึ่งเป็นหนึ่งในเบญจมหาโยคีเช่นกัน จึงเปรียบเสมือนเจอดาวข่มของตัวเองเข้า หาก เปมิกา ใช้พลังปราณจิต เข้าต่อสู้ตั้งแรก อังกลาตู คงจะระมัดระวังตัวมากกว่าและไม่เพลี่ยงพล้ำง่ายๆ

     

    แฮ่กๆๆ เนื่องจากใช้พลังไปไม่น้อย เปมิกา เองถึงกับเหนื่อยหอบแต่โชคยังดีที่ว่า อังกลาตู ยังไม่หายจากการอาการตกตะลึงจึงทำให้มีเวลาได้พักหายใจ

     

    เบญจมหาโยคี เจ้าพวกฤษีเฒ่า

     

    อังกลาตู ส่งเสียงคำรามหลังจากได้สติก่อนพุ่งพรวดเข้าหา เปมิกา ทั้งยังผนึกพลังอสุรมารไว้ที่หมัดทั้งสองข้าง

     

    พลังอสุรมาร มหาภูมิมารทำลายโลกเล็ก

     

    เป็นการแบ่งพลังจากลูกพลังขนาดใหญ่เอาไว้ที่หมัดแทนที่จะปล่อยลูกพลังเข้าทำลาย ใช้สำหรับเข้าจู่โจมในระยะประชิดตัวโดยเฉพาะ

     

    เข้ามา

     

    เปมิกา ไม่ยอมแพ้ กัดฟัน ฟาดฟันดาบเข้าต่อกรอีก

     

    พระเวทย์อวตาล ๕ ธาตุ ร่างเทวะอัคคี กระบวนดาบมหาจักรพรรดิปราบไพรี กระบวนที่ ๓ ทลายหน้าด่านกำแพงศึก

     

    พลังดาบแฝงพลังเพลิงเข้าต้านทานสองหมัดที่พุ่งเข้าหา อังกลาตู คล้ายกับเหมือนจะเสียสติหรือหวาดกลัวก็ไม่ทราบแน่ชัด ระดมหมัดเข้าหา เปมิกา ไม่เว้นจังหวะให้หายใจ

     

    เคร้งงงงงงงงงงงงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

     

    เปมิกา ที่อ่อนล้าจากการใช้พลังไปมากสุดท้ายก็ออกกระบวนดาบได้ช้าลง เป็นโอกาสให้กับ อังกลาตู ได้ลงมือ

     

    ตายซะนังหนู

     

    อังกลาตู ไม่ออมมือแม้แต่น้อยรวมพลังไว้ที่จุดๆเดียว เตรียมซัดเข้าที่ช่วงท้อง หมายต้องการสังหาร เปมิกา ให้ได้ จนลืมไปแล้วว่าเคยให้สัญญาอะไรกับ แสงฤทธิ์ เอาไว้

     

    แย่แล้ว เปมิกา สุดปัญญาที่จะต้านทานได้

     

    พลังอสุรมาร มหาภูมิมารทำลายโลก

     

    ช่วงจังหวะนั้นเอง จู่ๆ ก็ปรากฏศรขึ้นมาดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาหา อังกลาตู

     

    ศรพรหมเมศเมฆา ( ลิขิตแผ่นฟ้า )

     

    ฟ้าววววววววววววววววววววววววววววว

     

    ศรประหลาดที่พุ่งเข้ามาหาอสูรร้ายพุ่งมาด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ทำให้ อังกลาตู ต้องเปลี่ยนเป้าหมายปล่อยพลังอสุรมาร ออกมาต้านทานศรดอกนั้นแทนที่จะได้ปลิดชีพของ เปมิกา

     

    ฟ้าวววววววววววววว

     

    ตูมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

     

    เกิดการระเบิดอย่าง สนั่นหวั่นไหว ลูกพลังอสุรมารแตกสลาย ก่อนที่ศรพรหมเมศเมฆาจะพุ่งปักเข้าบริเวณหน้าอกของ อังกลาตู

     

     ฉึก

     

    หากไม่ใช่เพราะพลังอสุรมารที่ปล่อยออกไปช่วยลดทอนพลังจากศรพรหมเมศเมฆาแล้ว ตัวเขาของ อังกลาตู คงต้องไปอยู่ที่ปรโลกเป็นแน่ แต่ศรพรหมเมศเมฆานั้นกลับไม่ได้ทำให้อังกลาตู เกิดบาดแผลแต่อย่างใดนั้นก็เพราะศรนั้นปักถูกกล่องสีดำใบหนึ่งแทน

     

    ตูม

     

    พริบตาที่ศรปักถูกที่กล่องใบนั้น กล่องใบนั้นก็ระเบิดออกมาพร้อมทั้งคีมภีร์สองเล่มก็กระเด็นหลุดออกมาด้วย

     

    คัมภีร์อสุมาร

     

    คีมภีร์ของข้า อังกลาตู ตกใจรีบกระโดดรับคีมภีร์อสุรมารคืนกลับมา

     

    หมับ อังกลาตู หยิบได้เล่มหนึ่ง

     

    ส่วนอีกเล่มลอยละลิ่วไปอีกทาง

     

    หมับ  ก่อนตกอยู่ในมือของ เปมิกา

     

    จบตอนที่ ๔๗ ครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×