ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [นิยายแปล] Kyuuketsu hime wa barairo no yume o miru

    ลำดับตอนที่ #34 : 2-13 Interlude 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.93K
      89
      19 ต.ค. 59

    Chapter 2Turbulence in Royal Capital

    Interlude 2 คำสารภาพที่แตกสลาย

    **นี่เป็นเรื่องราวของคาร์โล

    เป็นส่วนเล็กๆ ของส่วนเสริมเพิ่มเติมจากเรื่องหลัก

     

    ชื่อจริงของฉัน จันคาร์โลเอริโกเบอโทนี่ (GiancarloEriccoBertoni)

    ถึงแม้ว่าตระกูลเบอโทนี่จะเป็นตระกูลขุนนาง ก็เป็นแค่บารอนระดับล่าง จึงเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะได้รับเลือกให้รับใช้ใกล้ชิดเชื้อพระวงศ์ แต่ทว่าเมื่อตอนที่พ่อของฉันยังหนุ่มเคยเป็นองครักษ์หลวงในราชาองค์ปัจจุบัน และสร้างสร้างมิตรภาพที่ข้ามเรื่องชนชั้นวรรณะไป, อย่างน้อยก็เท่าที่ฉันได้ยินมา

    ฉันกับฝ่าบาทนะเหรอ? อา ไม่รู้สิ สุดท้ายแล้ว,มันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าความจงรักภักดีต่อราชวงศ์

    เพราะความสัมพันธ์ที่ห่อของฉันมี แม่ผู้ให้กำเนิดฉันจึงได้เป็นแม่นมให้ฝ่าบาทซึ่งเกิดหลังฉันได้ไม่นาน

    อา ก็มีแม่นทคนอื่นนอกจากแม่ฉันอยู่หรอก แต่เพราะอะไรบางอย่างฝ่าบาทดูจะไม่ชอบแม่นมคนอื่น--บางทีอาจเป็นความจู้จี้จุกจิกเหมือนผู้หญิงที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดก็ได้

    ด้วยความสัตย์จริง ฉันไม่เคยเจอใครที่งดงามอย่างท่านหญิงฮิยูกิมาก่อน ฉันจึงเข้าใจได้ดีเมื่อเห็นฝ่าบาทมองอย่างตะลึงงัน

    ถึงแม้ว่าแม่ของฉันจะไม่เคยสนใจฉันเลยตั้งแต่เกิด และหันไปดูแลฝ่าบาทตลอดทั้งวัน

    ก็นะ เหตุผลของมันก็เข้าใจได้ง่าย ถึงเป็นภรรยาขุนนางคนอื่นๆ ฉันก็คิดว่าพวกเขาก็คงทำไม่ต่างกัน

    ผลสุดท้าย ก่อนที่ฉันจะรู้สึกตัว ฉันก็ถูกเลี้ยงอยู่ในพระราชวังร่วมกับฝ่าบาทแล้ว

    เหมือนพี่น้องแท้ๆ? ไม่, ตั้งแต่ที่ฉันรู้ความ ก็มักถูกเตือนอยู่เสมอ พวกเขาทำทุกอย่างให้พวกเรารู้จักฐานะของตัวเอง ทำให้ฉันไม่มีความคิดที่จะเข้าใกล้เกินความจำเป็น

    ที่สำคัญ ฉันเองก็มีพี่น้องคนอื่น ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน แน่ละ ไม่ว่าจะเป็นขุนนางหรือสามัญชน ก็มีความแตกต่างอย่างชัดเจนอยู่แล้วระหว่างลูกคนแรก คนที่สองและคนที่สาม (TL: ประมาณว่าแต่ละคนจะได้รับความสำคัญไม่เท่ากัน ;ผู้แปลอังกฤษกระซิบมาว่าคาร์โลเป็นลูกคนที่สาม หัวเลยเน่า-เฮ้ย เลยโดดเดี่ยวเป็นพิเศษ)

    --ใช่ อย่างที่คุณคิดนั่นละ ในส่วนของฝ่าบาท ไม่สนใจในเรื่องที่ควรใส่ใจ เพิกเฉยคำเตือนต่างๆ แล้วยังลากฉันไปไหนมาไหนตามแต่ที่ตัวเองต้องการอีก

    อืม ถ้าจะให้พูด ความเอื้ออาทรของฝ่าบาทก็ไม่รู้ว่าเพราะเป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่งหรือคนโง่สมองทึบกันแน่ แต่เพราะอย่างนั้นฉันถึงรู้สึกสนุกได้จากใจจริง

    ด้วยเหตุนั้นผมเป็นเพื่อนเล่นของฝ่าบาท และยังถือว่าเป็นของเล่นของเจ้าชายอีกด้วย

    หน้าที่ของฉันเปลี่ยนไปตั้งแต่ฝ่าบาทอายุได้ 11 ปี ใช่, หลังจากที่เกิดเหตุลอบทำร้ายโดยพวกนักฆ่า

    ฉันเข้าโรงเรียนตั้งแต่อายุได้ 7 ปี ทำให้ไม่ค่อยมีโอกาสพบฝ่าบาทบ่อยอย่างเคย แต่ว่าไม่กี่วันหลังจากการลอบทำร้ายครั้งนั้น พ่อของฉันและฉันก็ถูกเรียกตัวโดย องค์ราชา และฉันก็กลายเป็นข้ารับใช้ส่วนพระองค์ที่ต้องเฝ้าจับตามองและรายงานพฤติกรรมทุกอย่างของฝ่าบาท

    บางทีองค์ราชาอาจจะเป็นคนแรกที่นึกหวาดกลัวต่อฝ่าบาท, ผู้ซึ่งอายุเพียง 11 ปี, ที่มีความสามารถจนสังหารนักฆ่าได้ถึง 8 คน

    และเพราะฝ่าบาทไม่เคยหวาดระแวงในตัวฉัน องค์ราชาจึงให้ฉันเป็นกระดิ่งบนคอแมว(TL: กระดิ่งบนคอแมว = อุปกรณ์เตือนภัยล่วงหน้า)

    แน่นอนว่าฉันไม่สามารถปฏิเสธได้ ด้วยคำสั่งเช่นนั้น ฉันจึงรายงานทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นเป็นเอกสารฉบับหนึ่ง

    อา ฝ่าบาท? ฉันสงสัยว่าเขาจะเข้าใจถึงเหตุผลที่ฉันได้มาเป็นช้ารับใช้ส่วนพระองค์หรือเปล่า แต่เขาก็มีความสุขอย่างแท้จริง

    ในที่สุดพวกเราก็ได้อยู่ด้วยกัน!” พูดเช่นนั้นแล้วหัวเราะอย่างมีความสุข

    ตั้งแต่นั้นมาทุกวันก็ช่างสนุกสนานเหลือเกิน

    แสร้งเล่นเป็นนักผจญภัยกับฝ่าบาท—แน่นอนว่ามีบัตรรับรองของ Rank C

    เหอๆ ไม่ไหวๆ ทั้งที่กว่าครึ่งเป็นผลจากความช่วยเหลือของฝ่าบาทแท้ๆ

    ตั้งแต่ที่ฉันมาอยู่กับฝ่าบาทได้ประมาณ 2 ปี เขาก็ไปถึง Rank S, ระดับที่มีแค่ 50 คนในทวีปนี้

    อา ฉันไม่เคยรู้สึกอิจฉาเลยแม้แต่น้อย

    กลับกัน ฉันออกจะรู้สึกภูมิใจที่อย่างน้อยฉันก็สามารถเดินไปกับคนที่วิเศษเช่นนี้ได้

    สำหรับฉันแล้ว ตัวตนของฝ่าบาทราวกับภาพฝันที่ฉันไม่อาจสัมผัสได้--ฉันจึงไม่กล้าแต่จะอิจฉา

    ในช่วงที่คบค้าสมาคมกับสามัญชน, ก่อนที่ใครจะตระหนักถึงได้, ความแตกต่างของความร่ำรวยและชนชั้นก็ส่งผลอย่างมากต่อฝ่าบาท ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แสดงออกมาแต่คงรู้สึกละอายอยู่ในใจ—แล้วคนที่สามารถได้กลิ่นเหล่านั้นก็มา

    ด้วยถ้อยคำประโลมโลกเหล่านั้น พวกเขาเข้าใกล้ฝ่าบาทและหล่อหลอมให้มีอุดมการณ์ที่ไม่มีวันเป็นจริง...อา แน่ละ อุดมการณ์จะเป็นจริงถ้าพวกเขาจะลงแรงทำงานหนักด้วยตัวเอง

    ฉันพยายามแยกฝ่าบาทจากพวกเขา แต่ทว่าอุดมการณ์ที่ว่าก็ดูจะถลำลึกลงไปในใจของฝ่าบาทเกินกว่าที่ฉันจะคาดคิด และกลืนกินความตั้งใจทั้งหมดของฝ่าบาทไป เขาทำแม้กระทั่งลอบไปพบพวกนั้นด้วยตัวเองนอกสายตาของฉัน

    ตอนนั้นเอง ฝ่ายราชวังก็รู้สึกได้ถึงภัยร้ายแรงและสั่งให้ฉันสืบข้อมูลลับต่างๆ

    อย่างไม่เต็มใจ, ผมฝืนแสดงความเห็นใจและร่วมงานกับฝ่าบาท

    ด้วยข้อมูลที่ผมหามา ไม่ว่าจะเป็นองค์กร ที่ซ่อนหรือจำนวนคน ฉันก็รายงานไปทั้งหมด ฉันกล้าพูดเลยว่าพวกเขาถูกกวาดล้างเพราะฉันเอง

    อา ฉันไม่รู้สึกอะไร เพราะมันก็เป็นเพียงแค่ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงตั้งแต่แรก และพวกเขาก็ดึงฝ่าบาทไปก็เพื่อประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น

    คำสั่งสุดท้ายที่ได้รับคือ ถ้าฝ่าบาทเข้ามายุ่งเรื่องนี้ ให้จบชีวิตฝ่าบาทด้วยมือของตัวเอง

    จะพูดว่าฉันไม่ลังเลเลยก็คงจะโกหกเกินไป บอกตามตรงฉันไม่เคยแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำว่ามันจะเกิดขึ้น ฉันคิดว่าฝ่าบาทเพียงแค่กระตือรือร้นชั่วครั้งชั่วคราว ฝ่าบาทเป็นคนฉลาด ไม่นานก็ต้องมองเห็นความเป็นจริง

    แต่ถึงอย่างนั้นฝ่าบาทก็ยังคงผลักดันแนวคิดการปกครองนั้นต่อไป และทำข้อเสนอไปยังนครปีศาจ

    วังหลวงตกอยู่ในความโกลาหล

    แน่นอนว่าการพบกันของทั้งสองฝ่ายถูกคาดการณ์ไว้แล้ว—ฉันไม่นึกเลยว่าท่านหญิงฮิยูกิจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้—คำสั่งฉุกเฉินที่ส่งมายังฉันคือให้กำจัดทันที ถ้ามีท่าทีคุกคามต่อประเทศ

    ฉันได้แต่วิตกขณะมองไปยังแผ่นหลังที่ปราศจากการป้องกันของฝ่าบาท

    ฉัน, ด้วยมือคู่นี้, ต้องจบชีวิตฝ่าบาทจริงๆหรือ?

    คนที่ก้มหัวให้คนอื่นเพื่อตัวฉัน และเรียกฉันว่าเพื่อนคนสำคัญฉันอยากจะสารภาพทุกอย่างและขอโทษเหลือเกิน

    ผมไม่คู่ควรกับคำพูดเช่นนั้นหรอก! ได้โปรดลงโทษผมด้วยมือของท่านเถิด!”

    กอดขาอ้อนวอนอาจจะยังดีเสียกว่า

    แต่ฉันทำไม่ได้ ความผิดพลาดของฉันจะดึงให้ตระกูลเบอโทนี่ล้มสลายได้

    ไม่มีประโยชน์ถึงแม้เพื่อนสนิทของพ่อจะเป็นองค์ราชา...ไม่สิ ถ้าให้คิดตรงกันข้าม คนจากสภาขุนนางสามารถใช้ความผิดพลาดของฉันล้มล้างตระกูลของฉันที่เป็นเพียงตระกูลขุนนางระดับล่างได้สบายๆ

    ระหว่างความเชื่อใจของฝ่าบาทกับความอยู่รอดของครอบครัว, ฉันจึงเลือกทรยศฝ่าบาท

    อย่างไรก็ดี ฝ่าบาทไม่ได้รับความช่วยเหลือจากจักรวรรดิสีเลือด ฉันจึงยังพอมีเวลา

    มันเป็นการเดิมพันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉัน, ที่จะแยกฝ่าบาทจากอุดมการณ์

    ด้วยการจบชีวิตของแองเจริกา-ซามะ จะแสดงให้ฝ่าบาทได้เห็นความแตกต่างของอุดมการณ์และความจริง และยังแสดงให้เห็นว่าประชาชนที่ทรงเพียรปกป้อง, ได้พรากสิ่งที่รักมากไปตลอดกาล

    การจัดหาผู้คนจากสถานพักฟื้นและระดมคนหนุ่มสาวที่มีปัญหาเป็นเรื่องที่ง่ายมาก

    เพียงแค่ฉันพูดกับพวกเขา

    ในขณะที่พวกเราทำงานอย่างหนักเพื่อซุปสักถ้วย เชื้อพระวงศ์กลับไม่ต้องทำอะไร ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา อาศัยอยู่ด้วยภาษีที่พวกเราจ่าย มันไม่คงไม่เป็นไร ถ้าพวกเราจะเอามันคืนมา?”

    เพียงเท่านั้น พวกเขาก็เชื่อกันอย่างเต็มเปี่ยม

    ใช่แล้ว คนพวกนั้น, แค่ให้เหตุผลอะไรอย่างเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะทำ, ไม่ว่าอะไรก็ยินดีทำโดยไม่ลังเลเลย

     

    แต่……ฉันตั้งใจจะทำอะไรกันแน่นะ?

    ทำไมฉันถึงไม่ยอมหยุดฝ่าบาทให้มากกว่านี้

    นี่ละผลลัพธ์

    ◆◇◆◇

    ....แล้ว, สารภาพจบหรือยัง?”

    แสดงออกถึงความไม่สนใจอยู่บนเก้าอี้ที่เคยเป็นของเจ้าชายแอชชิว, ฮิยูกิที่สวม pagoda sleeveที่เน้นสีแดงมากกว่าสีดำ ถามกับเซอร์คาร์โล

    (TL: pagoda sleeve หมายถึง ชุดกระโปรงสตรีที่มีข้อมือเป็นชั้นๆ สามารถดูรูปได้ที่อากู๋)

    ห้องส่วนตัวของเจ้าชายแอชชิวถูกใช้เป็นที่ประดิษฐานศพก่อนจะนำไปไว้ในสุสานหลวงวันพรุ่งนี้ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะนักบวชศักดิ์สิทธิ์

    คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายก่อนจากลาที่ข้ารับใช้ส่วนพระองค์จะมาอยู่ใกล้ๆได้ ขณะมองไปยังใบหน้าที่ดูราวกับนอนหลับ สายลมอ่อนๆก็พัดผ่านม่านลูกไม้ให้สั่นไหว เมื่อเขารู้สึกตัว บนขอบหน้าต่างที่เปิดกว้าง, เด็กสาวผู้งดงามราวกับอวตารของจันทรา..... แทนที่จะแปลกใจ เขากลับรู้สึกโล่งอก เขาถามจากส่วนลึกของหัวใจ

    ขอรับ ท่านหญิงฮิยูกิต้องการลงโทษผมหรือไม่?”

    เมื่อได้ยินคำพูดราวกับเชิญชวนให้ลงโทษตัวเองของคาร์โล ฮิยูกิก็มองอย่างดูแคลนแล้วตอบ

    ทำไม? มันเป็นปัญหาของนาย ฉันไม่มีเหตุผลที่ต้องลงโทษ

    ถึงอย่างนั้น ผมเป็นต้นเหตุให้สภาขุนนางโยนความผิดทั้งหมดไปที่ท่านหญิงกับอาณาจักรของท่านหญิง แค่นี้ก็น่าจะเป็นเหตุผลพอให้ลงโทษผมแล้ว

    คาร์โลพูดอีกครั้งด้วยท่าทีราวกับบ้าคลั่งผิดจากปกติ

    อา นายก็ไม่ได้อยากเป็นออย่างนี้นี่? แล้วนายก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าหุ่นเชิดคอยรับคำสั่งโง่ๆจากคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง

    เมื่อถูกบอกราวกับชีวิตของเขาไม่มีค่าใด คาร์โลก็กัดริมฝีปากแน่น

    ขณะนั้นเองฮิยูกิก็ลุกออกจากที่นั่งและเดินไปยังโลงศพที่ประดับประดาไปด้วยดอกกุหลาบ จ้องมองไปยังใบหน้าของจ้าชายแอชชิว

    ฉันนะ คิดอยู่เสมอเลยว่าเขาช่างโง่เขลานัก ไม่นึกเลยว่าแม้จนกระทั่งตาย ก็ยังโง่เขลาเช่นเดิม ฉันเคยได้ยินมาว่าความเขลาสามารถรักษาได้ด้วยความตาย ช่างน่าสงสัยเสียจริงว่ามันเป็นจริงหรือไม่กันนะ?”

    เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาจนไม่อาจไปถึงหูของคาร์โล ฮิยูกิเงยหน้าขึ้นแล้วเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

    ฉันอยากจะลาครั้งสุดท้ายเสียหน่อย หันไปทางอื่นทีได้ไหม?”

    อา ขอรับ

    เขายืนขึ้นอย่างนอบน้อมแล้วเดินหันหน้าไปทางผนัง

    เมื่อแน่ใจแล้วว่าคาร์โลไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เธอทำได้ เธอก็เคลื่อนหน้าเข้าใกล้ร่างที่เย็นชืดเบาๆ

    คาร์โลคล้ายได้ยินเสียงหยดน้ำหยดลงเล็กน้อย--เพียงไม่กี่อึดใจเขาก็รู้สึกได้ว่าฮิยูกิได้กลับสู่ท่วงท่าเดิมแล้ว

    “—อา, ถ้าเป็นอย่างที่คิดละก็ คงต้องพึ่งดวงของเจ้าตัวละนะ

    ทันทีที่เขาได้รับอนุญาตให้หันกลับไป เขาก็รีบหันกลับไปอย่างร้อนรน

    ท่านจะกลับแล้วหรือ?”

    ใช่ เพราะถ้าฉันอยู่ต่อคงวุ่นวายน่าดู”

    พูดเช่นนั้น, ฮิยูกิก็แย้มยิ้มออกมาโดยปราศจากซึ่งความหวั่นกลัว และเผยเขี้ยวที่ยาวอย่างผิดปกติให้เห็น

    “…ท่านจะไม่ลงโทษผมจริงๆหรือ? ทั้งที่ผมสารภาพทุกอย่างไปแล้ว

    ก็อย่างที่บอก มันไม่ใช่หน้าที่ของฉัน ฉันก็แค่อยากรู้ว่าทำไมบัตรผ่านที่ฉันทิ้งไว้กับเจ้าชายถึงถูกตัดขาด เอาเถอะ การทิ้งให้นายจมอยู่กับความรู้สึกผิดนั้นไปทั้งชีวิตก็ออกจะเป็นการลงโทษที่เจ็บปวดดีไม่ใช่หรอ?” (TL: บัตรผ่านที่ฮิยูกิพูดถึงคือดอกกุหลาบที่ฝากแอชชิวไปให้แองเจริกา)

    “……”

    ฮิยูกิพลันยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

    อา แต่ถ้านายโชคดีพอ อีกไม่นานคงมีคนที่คู่ควรจะลงโทษนายมาเยี่ยมก็ได้

    “—ท่านหมายความว่ายังไง?”

    แค่อาจจะละนะ ตอนนี้ก็ประมาณ 30% ส่วนที่เหลือ... อืม นายก็ลองสวดภาวนาต่อพระเจ้าเอาแล้วกัน”

    ทิ้งคาร์โลที่กำลังสับสนไว้เบื้องหลัง, ฮิยูกิสาวเท้าไปทางหน้าต่าง

    จะว่าไป, พวกนายนี่เหมือนกันเสียจริง

    “—ห๊ะ?”

    ต้องการฆ่าตัวตายด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง แต่กลับยืมมือคนอื่นมาฆ่า ถ้าไม่บอกว่าเป็นเพื่อนกัน ก็เป็นประเภทเดียวกันอยู่ดีไม่ใช่หรอ?

    ได้ฟังเช่นนั้นแล้ว คาร์โลก็เบิกตากว้าง, ตะลึงงันพูดไม่ออก

    กว่าเขาจะรู้สึกตัว ร่างของฮิยูกิก็หายไปราวกับภาพลวงตา

    เพื่อน…”

    สายลมพัดพาเสียงพึมพำที่หลุดลอดจากริมฝีปากคาร์โล ปลิวออกไปนอกหน้าต่าง และหล่นหายไปในความมืดที่โรยตัวลงมาของยามเย็น

     

    End

    Author Notes

    ในขณะที่เรารู้จักเซอร์คาร์โลเป็นบุคคลที่สาม เราก็ควรรู้ถึงความรู้สึกของบุคคลนั้น นั่นคือคาร์โล

    เพราะยศขุนนางญี่ปุ่นทั้งหมดถูกรวมเป็นเซอร์ จึงใช้เป็นเซอร์ แทนลอร์ด

    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ

    สำหรับการเป็นเครือญาติของแวมไพร์ จะไม่สามารถเป็นได้ ถ้าแวมไพร์ที่จะกลายเป็นผู้ปกครองไม่ได้มอบเลือดของตัวเองจำนวนหนึ่งให้อีกฝ่าย แม้ว่าจะจูบไม่ว่าที่ปากหรือที่คอ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×