คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #35 : 2-14 Episode 11
Chapter 2
– Turbulence in Royal
Capital
Episode 11 การต่อสู้ที่สับสนวุ่นวาย
“สุภาพบุรุษทั้งหลาย,
จงน้อมรับถ้อยคำจากองค์หญิง! จงเงียบสงัดเพื่อรับฟัง
และตราตรึงมันสู่ดวงวิญญาณของพวกเจ้า! ได้เวลาแล้วที่จะเชิดเกียรติ
จงทุ่มลมหายใจจนเฮือกสุดท้าย จงต่อสู้จนกว่าจะจบสิ้นกันไปข้างหนึ่ง!!”
“—โอ่ววว--------------------------------------!!!”
เช่นเคย, ถูกถาโถมโดยมอนเตอร์ที่กำลังตื่นเต้น (x10000)
ซึ่งถูกกระตุ้นด้วยฝีมือของคนที่คุณก็รู้ว่าใครที่มีอารมณ์ดีอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุที่ว่ามา ผมจึงเรียก(ดาบ)กุหลาบแห่งเหล่าคนบาปและสวมชุดพร้อมรบด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
จากตำแหน่งบนหัวของเท็นไกในร่างมังกร ผมกวาดสายตามองโดยรอบของกองทัพฝ่ายผม
สายตาพราวระยับและเปล่งประกายที่ส่งมาจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของผมจนไม่สามารถผิดพลาดได้
ความตั้งใจจึงเหมือนถูกกดดันอยู่ไม่น้อย
อุหว่า~ รู้สึกปวดกระเพาะเสียจริง
การได้พูดคุยกับองค์หญิงเป็นความยินดีเกินจะคาดฝัน,
นั่นคือคำร้องที่ผมได้รับมาจากเท็นไก
นี่ผมควรจะพูดยังไงดีละ? ถึงจะแค่ 2-3
ครั้ง,หรือควรจะพูดเหมือนตอนก่อนออกรบกับสมาชิกกิลด์ดี?
“อืม
ถ้าเช่นนั้นจะขอแนะนำตัวก่อน เราคือฮิยูกิ หัวหน้ากิลด์— อุ หมายถึง
นายเหนือหัวแห่งจักรวรรดิสีเลือด
เมื่อสักครู่มีรายงานว่าพบผู้ซุ่มโจมตีอยู่ทางป่าด้านขวาของพวกเจ้าราวๆ 150
คน ใครยังว่างอยู่ก็ให้ไปจัดการซะ
ไม่จำเป็นต้องปกป้องศูนย์บัญชาการ
เช่นนั้นแล้วให้เคลื่อนไหวตามความเหมาะสมแล้วกำจัดศัตรูเสีย
จะดีมากถ้าใครว่างแล้วไปคุ้มกันให้มอนเตอร์ที่ใช้เวทมนต์
ในสงครามนี้ถึงจะไม่ชนะก็ช่าง เราคุมทุกอย่างไว้แล้ว พวกเจ้าไม่ต้องกดดันจนตัวตาย อา
แต่ถึงจะตาย เราก็ยังสามารถจัดการได้
เพราะฉะนั้นวันนี้ทุกคนก็ไปสู้ให้เต็มที่ซะ!!”
ชั่วขณะนั้น กองทัพมอนเตอร์ก็ทำหน้าราวกับจะพูดว่า ห๊ะ? ออกมา, เท็นไกขู่คำรามด้วยเสียงกังวาน
“ชิ สุภาพบุรุษทั้งหลาย ยังไม่เข้าใจอีกรึ!
ตราบที่พวกเรายังอยู่ที่นี้, จักรวรรดิสีเลือดอันยิ่งใหญ่ย่อมไม่มีวันพ่ายแพ้!
ไม่ต้องหนี ไม่ต้องถอย ไม่ต้องกลัว ไร้ทางเลือกแล้วอย่างไร
จงมุ่งไปข้างหน้า! จนกว่าจะได้มาซึ่งชัยชนะ แม้เจ้าจะปรารถนาที่จะตายก็ไม่ได้รับอนุญาต!
ตราบเท่าที่องค์หญิงสนับสนุนพวกเจ้า
ย่อมไม่มีอ่อนล้าหรือทอดกายเป็นซากศพ! จงอย่าหวั่นเกรงที่จะล้ม
จงปลดปล่อยพลังทั้งหมดของเจ้า! จงต่อสู้จนกว่าดวงวิญญาณของเจ้าจะดับสูญ!!
----นี่คือสิ่งที่องค์หญิงกล่าว!!!”
หลังจากนั้นชั่วอึดใจ
“อุโห่ววว-----------------------------------------!!!!!”
“ฮุเร่ จักรวรรดิสีเลือด------------------!!!”
“ชัยชนะแด่ฮิยูกิ-ซามะ!!!”
“ชีวิตนี้ถวายแด่ฮิยูกิ-ซามะ----------------!!!”
มอนเตอร์ทั้งหมดชูกำปั้นขึ้นเหนือหัว และระเบิดเสียงดังกึกก้อง
ไม่นะ ไม่ได้หมายความอย่างนั้นซะหน่อย…. อา ส่วนการซุ่มโจมตีกับการคุ้มกันหายไป คงไม่เป็นไรสินะ
อา-, เห็นละ ดูท่าทางจะพุ่งเข้าไปหาตรงๆกันเลยสินะ
ระวังลูกธนูในป่ากันหน่อยสิ อ๊า มีคนเจ็บจนได้ ผมบอกเรื่องนี้ไปแล้วนะ!
“…ช่วยไม่ได้
เราจะเข้ารบเหมือนเคย เท็นไก ฝากศูนย์บัญชาการด้วย”
“ไม่ให้กระผมไปด้วยจะดีหรือขอรับ?”
“ถ้าเจ้าไปด้วย
พวกหน้าใหม่พวกนั้นคงไม่ได้ประสบการณ์อะไร
แล้วเท่าที่เห็นการโจมตีของศัตรูก็ไม่ถึงขั้นสะกิดเราได้ด้วยซ้ำไป,
ไม่เป็นปัญหาหรอก”
อา แต่ถ้าผมยืนเงียบๆแล้วถูกอะไรอย่างเวทมนต์ที่โจมตีเป็นวงกว้าง
ผมก็อาจจะตายได้
“รับทราบแล้วขอรับ
แต่ถึงอย่างนั้นก็โปรดระวังตัวด้วย”
เท็นไกส่งผมลงนิ่มๆด้วยขาหน้าอย่างนอบน้อม ก่อนจะบินห่างออกไปอย่างเคารพ
“—มิโคโตะ ฝากเจ้าสนับสนุนด้วย”
“ตามแต่ท่านประสงค์เจ้าค่ะ
องค์หญิง”
มิโคโตะที่อยู่ในชุดพร้อมรบบินมาอยู่ข้างผม, เธอโค้งคำนับ
หลังจากที่ผมเก็บดอกกุหลาบแห่งเหล่าคนบาปใส่ช่องเก็บของ ผมก็เรียกอุปกรณ์เฉพาะอีกชิ้น,
ไม้เท้ายาวของอาชีพนักบุญที่ทำจากเงิน
มีดีไซน์การตกแต่งเป็นรูปดอกกุหลาบและมียอดบนสุดเป็นพระจันทร์เสี้ยว
『ดอกกุหลาบแห่งความลับ』
ผมแกว่งมันครั้งหนึ่งเพื่อตรวจสอบสภาพ อืม, ไม่มีปัญหา ใช้งานได้
มันเป็นไอเทมเฉพาะของสายอาชีพนักบวชซึ่งสร้างผ่านสกิลของช่างตีเหล็ก
การสร้างเป็นพิเศษและตีเสริมถึง 7 ครั้ง (ปกติ พวกบ้าเกมจะเสริมความแข็งแกร่งมากกว่า 7 ครั้ง
เพราะแค่นี้ไม่เพียงพอ....เฮ, ผมนะเหรอบ้าเกม?
ผมแค่ตัดสินใจไว้ตั้งแต่วันแรกที่เล่นแล้วต่างหาก)
ส่งผลให้ผลการฟื้นฟูเพิ่มขึ้นมาก จากค่าพื้นฐาน
เพราะอัตราการใช้ MP ต่อสกิลยังเหมือนเดิม
สำหรับผมที่วิ่งไปทั่วไม่ต่างจากอากาศธาตุในสนามรบจึงเป็นปัญหาไม่น้อย (TL:
วิ่งไปใช้สกิลทั่วสนาม)
และคงไม่มีทางอื่น นอกจากใช้ของอย่าง MP potions.
ด้วยเหตุนั้น ผมจึงตัดสินใจใช้อาวุธลับอีกอย่าง
“อามาริ”
(เสมือนไม่มี)
“—เจ้าค่ะ องค์หญิง”
ทันใดนั้นหยดน้ำสีแดงราวกับหยดเลือดก็ปรากฏขึ้นกลางฟากฟ้า
คลื่นน้ำก่อตัวเป็นรูปร่างบอบบางที่ปกปิดสัดส่วนไว้ด้วยเสื้อคลุมผลึกอันเบาบาง,
ร่างที่ดูราวกับเด็กสาวที่ทั้งร่างเป็นรูปสลักน้ำแข็งสีแดงฉาน
เธอคืออามาริ –เจ็ดสัตว์ร้ายแห่งภัยพิบัติลำดับที่ 0, จิตวิญญาณน้ำระดับสูงสุด
(ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เธอเปลี่ยนจากสีฟ้าสว่างมาเป็นสีแดง
เมื่อตอนกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงของผม) และเป็นคู่หูในตอนที่ผมเข้าสู่สภาพนักบุญ
เหตุผลคือ--
“ฉันจะคอยดูแลพันธมิตร ใช้『Pet Unison』เหมือนเคย!”
“รับทราบเจ้าค่ะ, องค์หญิง”
ชั่วขณะที่เธอพูดจบ เธอก็กลายเป็นลำแสงพุ่งเข้ามาอยู่ในอกของผม
ผลคือ ค่าสถานะตอนนี้รวมจากที่ใสอุปกรณ์แล้ว เพิ่มสูงขึ้น
เผ่าพันธุ์
: เจ้าหญิงแวมไพร์ {ผู้สืบเชื้อสายพระเจ้า}
ชื่อ : ฮิยูกิ
ฉายา : ท่านหญิงแห่งฟากฟ้า
HP: 1,428,000 (+1,350,000)
MP: 13,796,000 (+13,700,500)
▼
ปริมาณ MP ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นเพราะความโดดเด่นเฉพาะด้านของอามาริ
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อดีคือเมื่อใช้สกิล อัตราการใช้ MP จะลดลงครึ่งหนึ่ง
และอัตราการฟื้นฟู MP โดยธรรมชาติเพิ่มขึ้น 30%
ด้วยเหตุนั้น ถึงแม้ว่าอามาริจะไม่ได้เด่นมากในเชิงการต่อสู้
(อา ถึงตอนนี้เธอจะแข็งแกร่งกว่าผมไปมากเลยก็ตาม), เธอก็ยังจำเป็นมากสำหรับผมในสภาพนักบุญ
เพราะอย่างนั้น เมื่อผมอยู่ในสภาพนี้เลยถูกเรียกว่า『ยมทูตในคราบนักบุญ』หรือ『แม่พระของผู้วายชนม์』สองอันแรกก็ยังพอเข้าใจละนะ แต่อันสุดท้ายนี่สิ『นักบุญผู้สร้างกองศพทุกที่ที่ย่างกราย』มันไม่หยาบคายกันไปหน่อยหรือไง
“เอาละ, ไปกันเถอะ มิโคโตะ!
อามาริ!”
“『เจ้าค่ะ, องค์หญิง』” (TL: มิโคโตะกับอามาริ; แต่อามาริผสานร่างกับฮิยูกิไปแล้วจึงใช้『』)
ในตอนที่พวกเราจะมุ่งไปยังสนามรบอย่างฮึกเหิม มาโรโดะก็ร้องผมให้หยุดลง
“จะเป็นอะไรไหมขอรับ,
ถ้าจะขออนุญาตไปแนวหน้าด้วยคน?”
“…อา ก็ได้อยู่นะ, ทำไมหรอ?”
“ดูเหมือนแรงผลักดันของพวกขุนนางจะจงใจให้ทหารกับชาวบ้านเป็นเครื่องสังเวย”
“ก็เรื่องปกตินี่,
ถึงทหารอาสาจะมีมากจนนับว่าเป็นกองทัพได้ แต่ก็ยังเป็นเพียงมือสมัครเล่น
ไม่มีทางทำอะไรมากไปกว่าเป็นกำแพงมนุษย์ ถึงจะดูไม่ยุติธรรม
แต่นี่เป็นวิธีใช้ประโยชน์ที่ดีที่สุดแล้ว”
อา ศึกที่เมืองอาระก็ใช้วิธีการแบบนี้เหมือนกัน (TL: คอนราดใช้วิธีนี้ถ่วงเวลาให้เด็กกับผู้หญิงหนี)
แต่ถึงอย่างนั้น
“—อา เจ้าคงไม่ได้ต้องการพูดอะไรอย่าง「ผมอยากปกป้องพวกเขา」หรอกนะ?”
ตอบสนองต่อคำพูดของผมและคำตอบของเขา--เท็นไกและมิโคโตะเกร็งตัวเตรียมป้องกันอย่างตึงเครียด
อา ถึงไม่ทำอย่างนั้น, สิทธิ์ความเป็นตายของวงศ์วานก็อยู่ในมือของผมอยู่ดี
หรือจะให้พูด แค่เท็นไกปล่อยลมหายใจสายฟ้าออกมาครั้งเดียว ผมนี่ละจะตายก่อน
“ไม่ไม่, ผมไม่กล้าถึงขนาดนั้น
ขุนนางพวกนั้นชักใยให้ประชาชนตาดำๆ มาต่อสู้แก้แค้นให้เจ้าชายโดยไม่รู้อะไรเลย ผมเลยอยากจะเล่นไฟกับพวกเขาสักหน่อย” (TL: ใครรู้บ้างว่าเผาถ่านคืออะไร..?)
ถึงคำตอบจะดูซับซ้อนไม่ตรงประเด็น
แต่ทั้งหมดนั้นก็เพราะอยากจะช่วยพวกเขาอยู่ดี
ผมมองไปที่ดวงตาหลังหน้ากากของเขาอย่างต้องการหาความต้องการที่แท้จริง...
แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจดี
อาจจะเป็นเพราะหน้ากากก็ได้ ผมถึงมองไม่เห็นอะไรเลย แย่จัง …
เท็นไกกับมิโคโตะมองถามผมอย่างสงสัย
“อา…ทำตามที่เจ้าต้องการเถอะ
ถึงยังไงพวกเราก็ต้องถูกโจมตีอยู่แล้ว เชิญจุดไฟตามสบาย แต่, ความสามารถของเจ้าลดลงครึ่งหนึ่งในช่วงกลางวัน
อย่าลืมซะละ”
ด้วยคำพูดของผม ทำให้เท็นไกกับมิโคโตะคลายท่าทีลง
“เข้าใจแล้วขอรับ
ถ้าเช่นนั้นผมขอตัวสักครู่”
พูดเช่นนั้นแล้ว, มาโรโดะก็ชักดาบยาวที่ได้รับจากผม –ที่ตกได้จากบอสระดับสูง,『อสุราร่ายรำ』และมุ่งหน้าไปทางสนามรบอย่างใจเย็น
“—ถึงจะเป็นความต้องการขององค์หญิง,
แต่ชายผู้นั้นดูไม่น่าไว้วางใจเท่าไรนักนะขอรับ”
เท็นไก, ที่ยังอยู่ในรูปมังกร, กล่าวกับผมเสียงเบา ผมพยักหน้าตอบ
“ถึงแม้ว่าเราจะถูกทรยศจริงก็ปล่อยให้เป็นเช่นนั้นเถอะ,
และถึงเป็นเช่นนั้นก็ยังน่าชมดูไม่น้อย”
อา ถึงเขาอยากทรยศผมจริงๆ เขาก็ไม่กล้าปฏิวัติตรงๆหรอก
“—ประทานอภัย,
เป็นกระผมเองที่กังวลมากเกินไป”
“ไม่หรอก ช่วยได้มากเลย”
“อ๊า! …กระผมไม่กล้ารับหรอกขอรับ”
เมินมอนเตอร์ยักษ์ที่กำลังซาบซึ้งอย่างล้ำลึก (เท็นไก),
ผมมองไปที่มิโคโตะครั้งหนึ่งแล้วมองไปที่สนามรบ ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
“พื้นที่รบกว้างมาก
ดังนั้นเราต้องเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เราจะไม่หยุดรอเจ้าหรอกนะ มิโคโตะ”
“ดิฉันจะติดตามท่านไปทุกที่แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตามเจ้าค่ะ”
มิโคโตะก้มโค้งคำนับ, ผมก็ก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว
“ดี, มาเริ่มช่วงเวลา「ศึกซอมบี้」กันเลยเถอะ!” (TL: ถึงตายก็จะถูกชุบให้ฟื้น
= ไม่ยอมตาย= ซอมบี้)
End
Author Notes
ด้วยเหตุว่า, ความสามารถในการต่อสู้ของอามารินั้นต่ำ
เธอจึงไม่ได้ปรากฏตัวชัดบ่อยนัก แต่เธอก็เป็นสมาชิกสภาโต๊ะกลมจริงๆ
Talk: อีกตอนตามที่บอกคะ ;แก้ไขคำผิด
ความคิดเห็น