คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : ตอนที่ 28 : ผลกรรม (100%)
My Love My Slave
ตอนที่ 28 : ผลกรรม
รอยยิ้มมุมปากยกขึ้นเมื่อหญิงสาวร่างบางสลบไม่ได้สติเพราะฤทธิ์ของยานอนหลับ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ตั้งแต่ที่ยางฮงซอกเข้าไปทำความรู้จักกับคิมจีฮเยที่บริษัทโดยอาศัยความเป็นลูกค้ากระเป๋าหนักทำให้เธอต้องคอยดูแลเขา ชายหนุ่มพยายามทำทุกอย่างให้หญิงสาวตายใจและไว้วางใจเพื่อจะได้ใกล้ชิดเธอมากขึ้น แต่ทว่าคิมจีฮเยยังคงรักษาระยะห่างและความสัมพันธ์ในฐานะลูกค้าคนสำคัญได้ดีเสมอมา
ทำให้เขาต้องเริ่มใช้วิธีอื่น
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมดเป็นแผนการของเขาเช่นกัน ยางฮงซอกขับรถตามคิมจีฮเยมาจากบริษัท ทำทีว่ามารับประทานอาหารเย็นและชวนเธอร่วมโต๊ะ ชายหนุ่มสั่งไวน์ราคาหลายล้านวอนเพื่อลวงอีกฝ่าย เขารู้ดีว่าเธอระวังตัวมากแค่ไหนเวลาอยู่ด้วยกัน ถ้าเลี่ยงได้เธอจะไม่แตะของมึนเมาเลยแม้แต่น้อยและเขารู้ว่าวันนี้เธอต้องเลี่ยงมันอีกโดยใช้การขับรถกลับบ้านเป็นข้ออ้าง ดังนั้นเขาจึงเลือกวางยานอนหลับในน้ำเปล่าแทนไวน์ชั้นเลิศ เพียงเท่านี้ร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขนจะช่วยล่อ 'เสือ' ตัวใหญ่ให้ออกมาติดกับเขาจนได้
ยางฮงซอกประคองหญิงสาวที่ไม่ได้สติออกนอกร้านแต่ความตั้งใจของเขานั้นไม่สามารถผ่านบอดี้การ์ดร่างยักษ์และผู้จัดการร้านหน้าคมนามว่ามิโนไปได้
มิโนนั้นรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคิมจีฮเยมาที่ร้านนี้ เขาให้บอดี้การ์ดฝีมือดีคอยจับตาดูหญิงสาวเอาไว้ ลางสังหรณ์ของเขาไม่เคยพลาด และยิ่งคนที่มาด้วยเป็นโจทย์เก่าของกูจุนฮเวด้วยแล้ว คิดว่างานนี้คงไม่ได้แค่มากกินข้าวธรรมดาแน่
อย่างไรเสียควรจะกันไว้ดีกว่าแก้
ใบหน้าคมจ้องหน้าหล่ออย่างเอาเรื่องก่อนจะเอ่ยถาม
“ไม่ทราบว่าจะไปไหนกันครับ"
“พอดีเพื่อนผมเมามาก ผมเลยจะไปส่งเธอที่บ้าน รบกวนหลีกทางด้วยครับ" เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอ่ยด้วยวาจาสุภาพ ยางฮงซอกจึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำเรื่องนี้ให้เอะอะ เขาจึงตอบกลับไปด้วยถ้อยคำที่แสนสุภาพเช่นกัน
“คิดว่าคงจะไม่ได้หรอกครับ เพราะเพื่อนคุณที่ว่าเนี่ยก็เพื่อนผมเหมือนกัน ผมไม่ไว้ใจ ยังไงให้เธอพักทีนี่จนกว่าจะฟื้นดีกว่านะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะไปส่งเธอกลับบ้านเอง" มิโนส่งยิ้มแต่ตาของเขาไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย
“ไม่รบกวนดีกว่าครับ" ฮงซอกพยายามจะประคองจีฮเยที่ไม่ได้สติผ่านการ์ดร่างยักษ์สองคนที่ยืนขนาบข้างมิโนแต่ทว่าไม่เป็นผล
“ผมว่าหน้าที่ดูแลคุณจีฮเยปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมดีกว่านะครับ" พูดเสร็จผู้จัดการหน้าคมก็โน้มลงมากระซิบข้างหูอีกฝ่าย
“ส่วนมึงมาทางไหนกลับไปทางนั้นดีกว่า นอกเสียจากว่ามึงจะมารนหาที่ตายที่นี่ เดี๋ยวกูจะได้จัดให้สมใจ" พูดจบก็ดึงรั้งร่างเล็กที่ไม่ได้สติเข้ามาประคองไว้
ยางฮงซอกปล่อยให้มิโนขโมยร่างในอ้อมแขนไปโดยง่าย กรามกัดแน่นขึ้นรูปแต่เขายังคงรักษาสีหน้าได้เป็นอย่างดี เขาประเมินกูจุนฮเวและเพื่อนพ้องผิดไปถนัด
เดิมทีเขาคิดว่าคนที่มีพิษสงร้ายกาจคงมีแค่คิมจีวอนผู้ที่เป็นทายาทชินกิกรุ๊ปที่สามารถชี้เป็นชี้ตายใครได้ แต่ทว่าคนตรงหน้าที่ชื่อ มิโน ก็ไม่สามารถประมาณได้เลยจริงๆ เขาอุตส่าห์มาที่นี่เงียบๆคนเดียวไม่พาลูกน้องมาด้วยเพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจ และพยายามหามุมสงบที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากทั้งกล้องวงจรปิดและโซนวีวีไอพีที่เขารู้ดีว่ากูจุนฮเวมักจะนั่งตรงนั้นเป็นประจำ แต่นั้นไม่ได้ทำให้เขารอดพ้นตาเหยี่ยวของอีกฝ่ายไปได้เลย มิหนำซ้ำยังไม่สามารถล่อ เสือ ตัวใหญ่ออกมาได้อีกต่างหาก
น่าเจ็บใจจริงๆ
“ฝากไว้ก่อนละกัน" ยางฮงซอกพูดเสียงเรียบก่อนจะเดินออกไป คราวนี้การ์ดที่ยืนกันอยู่ปล่อยให้เขาผ่านออกไปได้โดยง่าย มิโนมองตามแผ่นหลังกว้างก่อนจะส่งสัญญาณให้หนึ่งในบอดี้การ์ดเดินตามหลังแขกที่ไม่ได้รับเชิญออกไปเพื่อดูให้เรียบร้อยว่าคุณชายยางแห่งแก๊งค์เต่าทองจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับร้านของเขา
รอเพียงไม่นานร่างสูงโปร่งของคุณชายแห่งตระกูลกูปรากฏอยู่ในห้องทำงานของผู้จัดการ เสื้อเชิ้ตสีดำเข้าชุดกับกางเกงสแล็กและรองเท้าหนังสีดำห่อหุ้มร่างสูงเสริมความภูมิฐาน ทว่าหน้าตาเอาเรื่องของเขาทำให้ผู้คนใกล้เคียงรับรู้ได้ถึงความดุดันและแรงอาฆาตรบางอย่าง ตาคมมองร่างที่นอนสลบไม่ได้สติอยู่บนโซฟาก่อนจะถอนหายใจ
“เรียกฉันมามีเรื่องอะไร" ถึงพี่ชายคนสนิทจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังและบอกให้เขารีบมายังที่เกิดเหตุแต่ทว่ากูจุนฮเวถามราวกับไม่รู้เรื่องราวใดมาก่อน
"ฉันอุตส่าห์ช่วยคุณจีฮเยให้รอดจากปากเสือนะ แกไม่คิดจะขอบใจฮยองหน่อยเหรอ"
"หึ!" คนถูกทวงบุญคุณหัวเราะในลำคออย่างขบขัน
"ก็ไม่มีอะไรต้องขอบใจหนิ" จุนฮเวไหวไหล่อย่างไม่สะทกสะท้าน
คนอาวุโสกว่ายกยิ้มก่อนจะหัวเราะในความสาระแนของตัวเอง
"เออ ไม่ต้องขอบใจก็ได้ งั้นนายช่วยพาคุณจีฮเยเขาไปส่งบ้านหน่อยละกัน พอดีฮยองไม่รู้ว่าบ้านเธออยู่ไหน" ผู้จัดการหน้าคมขยับเดินเข้าใกล้คนเป็นน้องก่อนจะยกมือตบบ่าแกร่ง
"แล้วเผื่อว่าอาจจะเป็นฮยองเองที่อดใจไว้ไม่ไหว ลิ้มลองความอร่อยเสียเอง แล้วจะหาว่าไม่เตือน" มิโนทำท่าเลียปากพร้อมกับทำตาแพรวพราวโดยไม่รู้เลยว่าคนที่เขากำลังท้าทายอยู่นั้นกำหนัดแน่นพร้อมเหวี่ยงใส่หน้าคมเข้มของเขา
พูดจบเจ้าของห้องก็ออกไปดูความเรียบร้อยของร้าย ปล่อยให้กูจุนฮเวมองดูร่างของคิมจีฮเยที่กำลังอยู่ในห้วงนิทรา
หลังจากจัดการข่มอารมณ์กรุ่นโกรธของตัวเองแล้วเขาจึงนั่งลงยังบนโซฟาเดี่ยวตรงข้ามมองดูอีกคนหลับไหลไม่ได้สติ
สำหรับกูจุนฮเวนี่คือสัญญาณเตือน ศัตรูของเขารู้แล้วว่า 'ใคร' หรือ 'อะไร' คือจุดอ่อนของเขา สมองครุ่นคิดอยู่นานในขณะที่สายตายังไม่ยอมละจากร่างบาง ความสับสนมากมายก่อเกิดในจิตใจ
ทำไมเขาต้องสนใจผู้หญิงคนนี้ด้วย
ทำไมต้องให้ความสำคัญกับเธอ
ทำไมต้องเป็นห่วงกลัวเธอจะได้รับอันตราย
ทำไมต้องขับรถไปบ้านเธอทุกวันเพื่อดูให้เห็นกับตาว่าเธอปิดไฟเข้านอนแล้วจริงๆ
ทำไมต้องส่งคนมากมายตามเฝ้าดูเธอเพราะกลัวว่าเธอจะเกิดเรื่องร้าย
หรือว่าเขากำลังตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้จริง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชายหนุ่มนึกถึงคำของพ่อบ้านยู พ่อบ้านคนสนิทที่ทำงานรับใช้ตระกูลของเขามาตั้งแต่รุ่นพ่อ
“คุณชายรู้อะไรมั๊ยครับ สิ่งที่คุณชายทำกับคุณหนูคนนั้นเหมือนกับที่คุณท่าน...คุณพ่อของคุณชายเคยทำกับคุณแม่ของคุณชายเลยนะครับ คนเราถ้าไม่รักมากก็คงไม่หวงมาก ไม่ทะนุถนอมมากขนาดนี้หรอกใช่มั๊ยครับ"
รัก อย่างนั้นหรือ
เขารักคิมจีฮเยอย่างนั้นหรือ
เขาจะรักผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร
เขาปฏิเสธเรื่องนี้กับตัวเองเป็นพันๆครั้ง พยายามหาเหตุผลเป็นร้อยเป็นพันมาสนับสนุนความคิดตัวเองที่ว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับคิมจีฮเย ที่ทำไปทั้งหมดเพราะมนุษยธรรมทั้งนั้น และเขาพยายามยิ่งกว่าที่จะไม่คิดถึงเธอ แต่ทว่าหัวใจของเขากลับดื้อด้านไม่ยอมฟัง แถมยังคอยพาร่างกายของเขาไปหาเธอทุกครั้งที่มีโอกาสทั้งที่เธอรู้ตัวและไม่รู้ตัว
และเหตุการณ์ที่เกิดนี้ทำให้เขาต้องยอมรับความจริงที่ว่า 'เขาตกหลุมรักคิมจีฮเย' เข้าเสียแล้ว เขาแทบบ้าที่รู้เรื่องราวทั้งหมดจากมิโน ใจจริงเขาอยากจะไปถล่มยางฮงซอกแต่เขารู้ดีกว่าใครถึงผลร้ายที่จะตามมา ดังนั้นเขาจึงพาตัวเองมาอยู่ตรงนี้แทนที่จะเป็นย่านของแก๊งค์เต่าทอง
อย่างน้อยที่สุดเพื่อมาให้เห็นกับตาว่าคิมจีฮเยปลอดภัย
เขารู้ดีว่าอนาคตข้างหน้าระหว่างเขากับคิมจีฮเยจะเป็นเช่นไร มันช่างมืดมัวกว่าคืนที่พระจันทร์ไม่สาดแสงเสียอีก และเหตุผลที่สำคัญยิ่งกว่าคือ แม้ว่าหัวใจของเขาจะมีเธออยู่ทว่าหัวใจของเธอเล่ามีเขาอยู่หรือเปล่า
เปล่าเลย หัวใจของเธอมีแต่คิมดงฮยอกเท่านั้น
“เฮ้อ...กูจุนฮเว ถึงเวลาต้องปีนขึ้นมาจากหลุมที่นายตกลงไปได้แล้ว" พูดเสร็จก็ลุกขึ้นจากที่เดิมและเดินจากไป เขากระซิบกับการ์ดที่ยืนเฝ้าประตูห้องก่อนที่หนึ่งในนั้นจะหายไปกับฝูงชน ร่างสูงกลับเขามาในห้องของผู้จัดการอีกครั้ง
รอเพียงไม่นานเจ้าของห้องก็ปรากฏตัวขึ้น
“ฮยอง...ไปส่งคิมจีฮเยที่บ้านเถอะ" กูจุนฮเวเอ่ยปากขอร้อง มิโนทำหน้าไม่เข้าใจนิดหน่อยก่อนจะถามหาเหตุผล คนเป็นน้องยังคงเงียบก่อนจะเอ่ยบางอย่าง
“คราวหลังไม่ว่าคิมจีฮเยจะเกิดเรื่องอะไรไม่ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยอีก ถ้าฮงซอกมันจะทำอะไรก็ปล่อยมัน"
“เห้ย กูจุนฮเว พูดแบบนี้ได้ไงวะ" มิโนพูดออกไปทันทีที่ได้ยิน นึกสงสัยว่าน้องชายคนสนิทของเขากินอาหารผิดสำแดงมาหรือเปล่า
“ได้ยินชัดแล้วหนิ คิมจีฮเยกับฉันเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ถ้ายัยนี่จะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวกับฉัน" พูดจบก็เดินจากไปทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทักท้วงอะไรอีก
มิโนมองตามจุนฮเวอย่างงุนงง เขาไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคดังกล่าวจากปากของกูจุนฮเว
.
.
.
.
.
25%
“ดาจอง ดาจอง หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันสั่งให้เธอหยุด ไม่ได้ยินรึไง" คิมจีวอนตะโกนเรียกเจ้าของชื่อแต่ทว่าไม่มีท่าทีว่าเธอจะยอมหยุดตามที่เขาต้องการ คิมจีวอนจึงต้องออกแรงวิ่งน้อยๆตามโถงทางเดินของห้องพักชั้นพิเศษสำหรับตระกูลคิมเพื่อหยุดยั้งอีกฝ่าย
ร่างสูงขวางทางหญิงสาวไว้ได้ในที่สุด
และเช่นเดิม...เธอไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา
“ดึกแล้ว ให้ฉันไปส่งเถอะ"
เนื่องจากอาการของคุณนายยุนเริ่มทรุดลงเรื่อยๆ ดาจองจึงตัดสินใจอยู่ดูแลแม่ของตัวเองตลอด 24 ชม. ดีกว่าให้พยาบาลพิเศษที่คิมจีวอนจ้างมาคอยดูแล เมื่อคนป่วยหลับสนิทดาจองจึงใช้โอกาสนี้กลับบ้านเพื่อเก็บข้าวของที่จำเป็นมาเพิ่ม แต่กว่าแม่ของเธอจะหลับได้ก็ต้องใช้เวลาจนล่วงเลยมาเกือบค่อนคืนเช่นนี้
ดาจองไม่ได้สนใจคำพูดของคิมจีวอนเลยแม้แต่น้อย เธอพยายามหลบเลี่ยงไปอีกทางแต่คิมจีวอนยังคงตามมาขวางไว้ได้ เมื่อหมดหนทางที่จะเดินต่อดาจองจึงหันหลังกลับไปยังห้องพักผู้ป่วยเช่นเดิม คิมจีวอนทำได้แค่ส่ายหัวเบาๆให้กับความดื้อรั้นของอีกฝ่าย จะว่าไปทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเขาเองจะโทษใครได้
ดาจองทิ้งตัวลงบนโซฟาในห้องพักผู้ป่วยก่อนจะล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้า แค่เรื่องอาการป่วยของแม่เพิ่งอย่างเดียวก็ทำให้เธอแทบหมดแรงอยากจะร้องไห้วันละหลายๆรอบแล้ว ยังมีเรื่องของผู้ชายที่คอยหลอกลวงเธออีก นึกถึงทีไรน้ำตามันคอยจะรื้นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
เมื่อเห็นหญิงสาวหลับสนิทคิมจีวอนจึงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้รับแขกที่ดูทางท่าจะนั่งสบายแต่ให้นอนคงไม่สบายนัก ยังดีที่เก้าอี้ตัวนี้มาที่วางแขนให้แขนยาวของเขาได้วางเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าได้บ้าง ศีรษะพิงกำแพงเอนนอนบนก้าอี้ หลายวันมานี้เขาแทบไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านเลยเพราะเป็นห่วงเรื่องของคุณนายยุน และเป็นห่วงดาจองด้วยเช่นกัน แต่การอดทนนอนบนเก้าอี้เช่นนั้นทำให้ชายหนุ่มมีอาการปวดเมื่อยหลังจากตื่นนอนไม่น้อย
ยังไม่ทันที่พระอาทิตย์จะโผล่พ้นฟากฟ้า. พยาบาลพิเศษที่คิมจีวอนจ้างมาทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ หญิงสาวเปิดประตูห้องพักพิเศษก่อนจะเข็นเครื่องวัดความดันและอุปกรณือีกสองสามอย่างเข้ามาในห้อง. เสียงดังเพียงเล็กน้อยของพยาบาลสาวที่เข้ามาวัดความดันให้คุณนายยุนในตอนเช้าทำให้ดาจองรู้สึกตัวตื่น หญิงสาวบิดขี้เกียจน้อยๆก่อนจะลุกจากโซฟาไปยังข้างเตียงบุพการีแต่สายตาเจ้ากรรมดันเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้หงุดหงิดใจแต่เช้า
สภาพของคิมจีวอนทำให้ดาจองไม่สามารถเดินต่อไปได้ แขนทั้งสองข้างที่เคยวางไว้บนที่วางแขนบัดนี้กอดอกแน่นด้วยความหนาว ศีรษะที่เคยพิงกำแพงตอนนี้พับลงหาไหล่ของตัวเอง ชุดที่ใส่นอนก็เป็นชุดที่เขาใส่ไปทำงานเมื่อวาน ดูแล้วไม่น่าจะนอนสบาย ดาจองได้แต่ส่ายหัวให้กับความดื้อด้านของอีกฝ่าย เธอไม่เข้าใจว่าเขาจะมาทรมานตัวเองแบบนี้ทำไมกัน
คนที่ยังหลับอยู่เพราะความเหนื่อยล้ากระชับกอดของตัวเองทำให้ดาจองคิดเอาเองว่าเขาคงจะหนาว หญิงสาวตัดสินใจหยิบผ้าห่มที่เธอใช้ห่มคลุมกายเมื่อคืนบรรจงบางลงบนร่างของชายหนุ่มอย่างเบามือไม่ให้เขารู้สึกตัว ก่อนจะเดินไปกระซิบกระซากบางอย่างกับพยาบาล
ในเวลาเช้าเช่นนี้การจราจรยังไม่ติดขัดมากนักทำให้ดาจองใช้เวลาเดินทางจากโรงพยาบาลมาถึงบ้านด้วยเวลาไม่นาน หญิงสาวรีบจัดแจ้งข้าวของที่จะเอาไปโรงพยาบาลเพิ่มและไม่ลืมนำเสื้อผ้าเก่าที่เตรียมไปคราวก่อนกลับมาเปลี่ยน หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเธอจึงลงมาในครัวหวังว่าจะทำซุปและอาหารง่ายๆสองสามอย่างไปให้แม่ที่โรงพยาบาลแต่ทว่าในตู้เย็นกลับว่างเปล่า หญิงสาวแทบไม่ได้สังเกตเลยว่าน้องชายคนเดียวไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้อย่างที่เธอเข้าใจด้วยซ้ำ
ร่างบางระหงตระเตรียมสิ่งของทุกอย่างก่อนจะหอบหิ้วของทั้งหมดไปยังรพ. แต่ก่อนนั้นหญิงสาวแวะไปยังสถานที่หนึ่งก่อน
เพื่อสอบถามความคืบหน้าเรื่องสำคัญ
"ยังไม่มีใครรับซื้อบ้านของคุณเลยครับ" ชายวัยห้าสิบกว่ากล่าวอย่างหนักใจ
"ฉันไม่ได้ตั้งราคาสูงเกินไปใช่มั๊ยคะ คุณบอกเองว่าสามารถขายได้ถึง 3 พันล้านวอน"
"ครับ...แต่ว่า" นายหน้าขายบ้านถอนใจ ไม่รู้จะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี
"ตอนนี้ฉันต้องการใช้เงินมาก ฉันรบกวนคุณหน่อยได้มั๊ยคะ ถ้ามีใครต้องการซื้อให้คุณติดต่อฉันได้ทันทีเลย" หญิงสาวทำหน้าอ้อนวอน
"คะ ครับ" จะปฏิเสธไปก็ทำไม่ได้ จะบอกความจริงยิ่งทำไม่ได้ใหญ่ นายหน้าขายบ้านได้แต่ยิ้มแหย่
ดาจองออกจากสำนักงานนายหน้าขายบ้านด้วยความผิดหวัง สิ่งที่เขาพูดวันนี้ไม่เหมือนกับสิ่งที่เขาพูดกับเธอเมื่อสัปดาห์ก่อนแม้แต่น้อย เช่นนี้แล้วเมื่อไหร่เธอจะหลุดพ้นจากคิมจีวอนเสียที
ร่างบางในชุดเดรสสีชมพูหวานเข้ากับฤดูใบไม้ผลิสวมทับเสื้อโอเวอร์โค้ทสีน้ำตาลอ่อนเพิ่มช่วยเพิ่มความอบอุ่น ผมยาวสลวยยาวถึงกลางหลังถูกมัดรวบเป็นหางม้าต่ำช่วยให้ใบหน้าหวานเด่นชัดยิ่งขึ้น ชัดเสียจนใครบางคนต้องเอ่ยทัก
"ดาจองอ่า~"
หญิงสาวหันไปตามเสียงเรียก ใบหน้าที่หมนหมองมาหลายวันประดับด้วยรอยยิ้มจางตามมารยาท
"คุณฮันบิน"
"ฮันบินครับ บอกกี่ครั้งแล้ว" แม้จะหงุดหงิดใจที่หญิงสาวไม่เคยเรียกชื่อเขาตรงๆเลยแต่เมื่อเห็นหน้าหวานเขาก็อดหลงลืมความหงุดหงิดนั้นไปเสียหมด
"ค่ะ ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่คะ" เป็นอีกครั้งที่ดาจองหลีกเลี่ยงที่จะเรียกชื่อเขา คำว่าคุณจึงเข้ามาแทนที่
"มาทำธุระนิดหน่อย แล้วดาจองมาทำอะไรแถวนี้ล่ะ"
"มาธุระเหมือนกันค่ะ"
ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะเหลือบมองมือของหญิงสาวที่หอบกระเป๋าใบเล็กมาด้วย
"ดาจองกำลังจะไปไหนครับ"
"เออ..ไปโรงพยาบาลค่ะ"
"ไม่สบายตรงไหนเหรอครับ" เมื่อได้ยินคำว่าโรงพยาบาลชายหนุ่มหน้าหวานก็ตกอกตกใจขึ้นมาทันที ท่าทีห่วงใยที่เขาแสดงออกอย่างไม่ปิดบังทำให้ดาจองเป็นกังว
กลัวว่าจะทำให้เขาต้องผิดหวัง
"ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ" แต่เธอไม่ได้ปล่าวต่อว่าเป็นแม่ของธอที่ไม่สบาย ดาจองเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวจึงไม่มีความจำเป็นต้องบอกให้เขารับรู้
“แต่คุณบอกว่า..."
"ขอโทษนะคะ ฉันต้องรีบไปแล้ว" ทว่าก่อนที่ดาจองจะทันได้เดินจากไป กระเป๋าใบน้อยที่เธอหอบหิ้วมาด้วยถูกชิงไปเสียดื้อๆ
"ให้ผมไปส่งนะ" เป็นคิมฮันบินที่รั้งหญิงสาวไว้ เขาอยากใช้เวลากับเธอมากกว่านี้
"แต่ว่า.."
"ดาจองบอกเองนะว่ารีบ ให้ผมขับรถไปส่งเถอะ รถผมจอดอยู่ทางนั้น เดินไปอีกนิดเดียว"
ดูเหมือนว่ายิ่งดื้อดึงยิ่งทำให้เธอไปถึงที่หมายได้ช้าลงเพราะท่าทางของชายหนุ่มนั้นคงจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ดาจองจึงจำใจขึ้นรถคันหรูไปกับเขา
ระหว่างทางนอกจากคิมฮันบินจะถามสารทุกข์สุขดิบของหญิงสาวแล้วยังคงวนเวียนถามถึงเหตุผลที่หญิงสาวหอบกระเป๋าไปโรงพยาบาลเช่นนี้
"หรือจะเป็นเพราะเจ้านายคนนั้น"
"ไม่ใช่เพราะเขาหรอกค่ะ และอีกอย่างเขาก็ไม่ใช่เจ้านนายของฉันแล้ว"
ฮันบินสังเกตเห็นสีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปเมื่อเขาพูดถึงผู้ชายคนนั้น ถ้าเดาไม่ผิดคงจะเกิดอะไรบางอย่างในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ ตาแดงๆคู่นั้นทำให้เขาไม่ลังเลที่จะหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทาง
"เขาทำอะไรคุณรึเปล่าครับ ที่ผมถามไม่ใช่เพราะผมอยากรู้ แต่เพราะผมเป็นห่วง" คิมฮันบินจ้องเข้าไปในตาคู่สวยที่กำลังแดงและรื้นไปด้วยน้ำตา
ถ้าผู้ชายคนนั้นดีจริงเขาคงไม่ทำให้คนตรงหน้าต้องเสียน้ำตาหรอก
ดาจองเบือนหน้าหนีก่อนจะใช้นิ้วปาดน้ำตาที่กำลังพยายามจะไหลออกมา เธอใช้เวลาซักพักเพื่อสงบอารมณ์ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆและตอบคำถามของฮันบิน
"ถ้าคุณเป็นห่วงฉันจริงๆ คุณอย่าพูดถึงผู้ชายคนนั้นอีกได้มั๊ยคะ"
เมื่อเห็นจมูกและตาแดงๆคู่นั้นคิมฮันบินก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเหยียบคันเร่งกลับเข้าสู่เส้นทางเพื่อไปยังจุดหมายของหญิงสาว แต่แววตาที่ฉายชัดบนใบหน้าของคิมฮันบินนั้นบ่งบอกว่าเขาไม่มีทางยอมแพ้แค่นี้แน่ ไม่ว่าจะอย่างไรเขาจะต้องทำให้เธอหลุดพ้นจากผู้ชายคนนั้นให้ได้
"อย่าลืมนะครับว่าดาจองยังมีผม ไม่ว่าจะเรื่องอะไรผมพร้อมช่วยเต็มที่"
ดาจองรู้สึกขอบคุณในน้ำใจของคนข้างๆเหลือเกิน แต่เธอคงรับไว้ได้เพียงน้ำใจเท่านั้น ส่วนความช่วยเหลือเธอไม่ต้องการ
เธอไม่อยากให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะเธออีก
รถคันหรูจอดสนิทอยู่หน้ารพ.ที่แม่ของดาจองพักรักษาตัวอยู่ คิมฮันบินไม่หลงลืมความเป็นสุภาพบุรุษเปิดประตูรถให้หญิงสาว ดาจองส่งรอยยิ้มแทนคำขอบคุณ ก่อนที่คนทั้งคู่จะเอ่ยคำลา ดาจองยืนรอให้รถของฮันบินจากไปจนพ้นสายตาจึงค่อยพาตัวเองเข้าไปในอาคารที่มีผู้ป่วยมากมายมารักษาตัวที่นี่ก่อนจะสบกับตาคมที่จ้องมองเธออยู่ และดูเหมือนว่าจะมองดูเธออยู่นานแล้ว
สายตาขุ่นเคืองใจอย่างไม่ปิดบังฉายอยู่บนใบหน้าคม ทันทีที่เขาตื่นมาในห้องคนป่วยก็ไร้ซึ่งเงาของร่างบาง เหลือไว้เพียงแค่ผ้าห่มคลุมกายเขาเท่านั้น แม้พยาบาลพิเศษที่เขาจ้างมาจะบอกว่าตนเองเป็นผู้นำผ้ามาห่มให้เขาแต่ทว่ากลิ่นสบู่อ่อนๆที่เขาสัมผัสได้จากผ้าห่มผืนนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าแท้จริงแล้วใครกันแน่ที่เป็นคนห่มผ้าให้เขา นึกถึงตรงนี้หัวใจที่เคย่อเหี่ยวก็ลิงโลดขึ้นมาทันที เขารีบลงมาด้านล่างเพราะคิดว่าเธออาจะแอบหนีกลับบ้านไปในตอนเช้า และเขาก็เดาถูกเสียด้วย
แต่สิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะอยู่นอกเหนือความคาดหมายของคิมจีวอนคือเจ้าของรถคันหรูที่ขับมาจอดเมื่อครู่. ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มเจ้าของรถนั้นเขาจำได้ดี ผู้ชายคนนั้นคือผู้ชายที่เกาะเชจู และคนที่เขาเคยเจอที่โรงพยาบาลก่อนหน้านี้จนหวิดจะมีเรื่องกับเขา ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายคนนั้นจะยังไม่ยอมเลิกวุ่นวายกับดาจองอีก
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดใจ มือทั้งสองกำหมัดแน่นจะเส้นเลือดปูดโปน หัวใจที่เคยพองโตเมื่อก่อนหน้าห่อเหี่ยวลงแทบจะทันทีและแทนที่ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลด้วยความขุ่นเคือง
ตากลมโตสบเข้ากับใบหน้าของคิมจีวอน สายตาตัดพ้อของเขาทำให้เธออยู่สงสารอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่มากพอที่จะทำให้เธอให้อภัยกับสิ่งต่างๆที่เขาทำกับเธอมาก่อนหน้าได้และนั่นทำให้คิมจีวอนกลายเป็นอากาศธาตุที่ไร้ตัวตนทันที
ความว่างเปล่าในแววตาของดาจองทำให้คนมองยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น ในจังหวะที่หญิงสาวเดินสวนทางกับเขามือหนาคว้าข้อมือกลมกลึงของหล่อนไว้ และมันเล็กกว่าเดิมมากเหลือเกิน
ตลอดระยะเวลาที่หญิงสาวคอยดูแลเขาที่แกล้งตาบอดจนมาถึงตอนนี้ที่เธอต้องคอยดูแลแม่ของตัวเองทำให้หญิงสาวซูบลงอย่างเห็นได้ชัด ข้อมือเล็กยิ่งเล็กลงกว่าเดิม มันให้ความรู้สึกว่าถ้าเขากำมันแน่นมากกว่านี้มันจะต้องแหลกละเอียดในมือเขาเป็นแน่น จีวอนกัดกรามแน่นนึกโทษตัวเองอยู่ในใจ
ตาคมเหลียวมองร่างเล็กที่ยืนห่างจากเขาไม่มากมายนัก พนันได้เลยว่าถ้ามือของเขาไม่รั้งไว้เธอคงเดินจากเขาไปไกล ไม่เหลียวมองเขาแน่นอน แต่ถึงขนาดมือหนารวมข้อมือเรียวไว้เธอยังไม่สนใจ
ไม่แม้แต่ชายตามองเขาเลยด้วยซ้ำ
ดวงตาที่เคยดุดัน ทะนงตน มองคนอื่นด้วยความเหยียดหยามของทายาทเพียงหนึ่งเดียวแห่งชินกิกรุ๊ปบัดนี้มีน้ำใสเคลือบไว้ปริมจะไหลลงมา เวลาผ่านไปนานกว่าสิบนาทีแต่จองดาจองยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง คิมจีวอนคงยินดีกว่านี้ถ้าเธอด่าทอเขา ทุบตีเขา หรือทำอะไรก็ได้เพื่อให้เขาปล่อยมือจากเธอ แต่ทว่าเธอกลับนิ่งเฉยราวกับรอให้เขาปล่อยมือจากเธอไปเอง
ในที่สุดความอดทนของคิมจีวอนก็หมดลง
เขาปล่อยมือจากเธอพร้อมกับหยดน้ำตาที่ร่วงหล่น
จองดาจองเดินจากไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่คิมจีวอน น้ำตาของเขายังร่วงหล่น. ผู้หญิงคนเดียวสามารถมีอิทธิพลกับใจของเขาได้มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ตื่นขึ้นมาตอนเช้าด้วยหัวใจที่พองโตยามเมื่อรู้ว่าเธอยังคงเป็นห่วงเขา จากนั้นแปรเปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองเมื่อเห็นเธออยู่กับผู้ชายคนอื่น และท้ายที่สุดมันแหลกสลายเพราะเขาได้รับรู้แล้วว่าเธอยังคงทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนเช่นเดิม
เหมือนแผลที่กำลังจะได้รับการรักษาแต่สุดท้ายกลับถูกมีดเล่มเดิมทิ่มแทงอีกครั้ง
มันเจ็บยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
นี่ใช่ไหมผลกรรมที่เขาต้องได้รับ
และเขาต้องรับผลกรรมนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่
60%
คิมจีวอนพาร่างที่ไร้ซึ่งหัวใจเพราะมันได้แหลกสลายไปเพราะความหมางเมินของผู้หญิงคนหนึ่ง ตาคมทอดมองแผ่นหลังบางของหญิงสาวผ่านกระจกใส ดูเหมือนว่าเธอกำลังอ่านหนังสือบางอย่างให้คนป่วยบนเตียงฟัง มือหนาเลื่อนจับลูกบิดเพื่อเปิดประตูแต่ทว่าเสียงหนึ่งดังขึ้นแทรกเสียก่อน
"คุณจีวอน"
ร่างบางระหงกำลังเยื่องย่างเข้ามายังบริเวณที่เขายื่นอยู่ ตามหลังมาด้วยผู้ชายหน้าหวานที่ถือกระเช้าดอกหมายใหญ่ในมือ คิมจีวอนมองคนที่มากับหญิงสาวอย่างเอาเรื่องเพราะไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่
คิมจินฮวานไม่ได้สะทกสะท้านกับสายตาของคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังจ้องเขากลับอย่าถือดีเช่นกัน
"ฉันได้ยินมาว่าคุณแม่ของดาจองไม่สบาย ฉันกับจินฮวานโอปป้าเลยมาเยี่ยมค่ะ"
สำหรับคิมจีฮเยชายหนุ่มไม่เคยคิดขัดขวาง เธออยากเจอดาจองเมื่อไหร่เขาไม่ว่า
แต่ไม่ใช่กับคิมจินฮวาน
สายตาจองคิมีวอนจ้องมองคิมจินฮวานอย่างเอาเรื่อง ถ้าสายตาของเขาฆ่าคนได้คิมจินฮวานคงตาไปซักร้อยรอบแล้ว
จู่ๆประตูห้องเปิดออกอย่างรู้สถานการณ์ ดาจองชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนสนิทและพี่ชายเพื่อนสนิทอย่างคิมจินฮวาน
วินาทีแรกที่จองดาจองเห็นใบหน้าของคิมจินฮวาน ความรู้สึกหน่วงที่หัวใจเข้าจู่โจมเธออย่างไม่มีสาเหตุ ด้วยเพราะยังคงโทษตัวเองที่ทำให้ชายหนุ่มต้องเจ็บตัว อีกทั้งยังเพราะถูกแม่ของเขาสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งวุ่นวายกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอีก แม้ว่าตอนนี้ความรู้สึกที่มีให้กับคิมจินฮวานจะไม่ได้เป็นดังเช่นเมื่อก่อน แต่เพราะเธอรู้ดีกว่าเขายังรู้สึกกับเธอเช่นเดิม ยืนยันจากสายตาที่มองมาไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเลยแม้แต่น้อย นั่นยิ่งทำให้ดาจองรู้สึกผิดต่อเขาที่ไม่สามารถตอบรับหัวใจอันบริสุทธิ์ของอีกฝ่ายได้
เพราะหัวใจของเธอมันอาจจะไม่ใช่ของเธอแล้วเช่นกัน
"ฉันได้ยินว่าคุณน้าป่วย ฉันกับจินฮวานโอปป้าเลยมาเยี่ยม"
หลังจากฟื้นคืนสติเพราะถูกฮงซอกวางยาคิมจีฮเยจึงได้รับรู้เรื่องราวของเพื่อนสาวจากมิโน เธอไม่รอช้ารีบหาเวลาว่างมาเยี่ยมแม่ของดาจองทันที
ดาจองไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มจางๆ น้ำใสเริ่มคลอหน่วย ดาจองพยายามกลั้นมันเอาไว้
เพื่อนที่คบหน้ากันมานานมีหรือจะไม่รู้ว่าตอนนี้คนที่ฝืนยิ้มอยู่รู้สึกอย่างไร คิมจีฮเยไม่รอช้าสวมกอดเพื่อนสาวที่กำลังแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง และทันทีที่อ้อมกอดอุ่นของเธอสวมกอดดาจองคิมจีฮเยก็สัมผัสได้ถึงความชื้นแชะที่ไหล่ข้างขวาของเธอ มือบางลูบหลังเพื่อปลอมโยนและปล่อยให้คนอ่อนแอได้รเบายน้ำตาออกมาจนหมดสิ้น
ยิ่งเห็นน้ำตาของดาจอง ยิ่งเห็นเธอร้องไห้จนตัวโยน หัวใจที่แข็งแกร่งก็เหมือนจะขาดลงให้ได้
จินฮวานขยับเข้าใกล้สองสาวก่อนจะเอื้อมมือลูบศีรษะของดาจองอย่างนุ่มนวลคล้ายจะปลอบโยน คิมจีวอนมองการกระทำของคนมาใหม่อย่างหงุดหงิด แต่จะเอะอะโวยวายไม่พอใจก็ไม่ได้เพราะหนึ่งตัวเองยังมีความผิดติดตัวและสองเพราะเขาไม่อยากให้คิมจินฮวานรู้ว่าดาจองกำลังโกรธเขาอยู่ คิมจีวอนกลัวว่าคิมจินฮวานจะใช้โอกาสนี้แทรกกลางระหว่างเขากับดาจอง
เขายอมไม่ได้เด็ดขาด
ใช้เวลาเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจคนป่วยอยู่ไม่นาน. คิมจินฮวานและคิมจีฮเยก็ขอตัวกลับเพื่อให้คุณนายยุนได้พักผ่อน. ดาจองอาสาไปส่งทั้งสองคนด้านล่าง. คิมจีวอนเตรียมก้าวเดินตามคนทั้งสามแต่คุณนายยุนเอ่ยปากรั้งเขาไว้ก่อน
“คุณจีวอนอยู่เป็นเพื่อนน้าก่อนได้มั๊ยคะ” รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาให้เจ้าของชื่อ. คิมจีวอนมองคุณนายยุนก่อนจะเลื่อนสายตามองลูกสาวของเธอ.
นี่คงเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่ดาจองมองมาที่เขา. ไม่ทำราวกับว่าเขาเป็นธาตุอากาศอีกต่อไป. และสายตาของเธอมันบ่งบอกถึงความกังวลอย่างชัดเจน.
กังวลว่าเขาอาจจะพูดเรื่องระหว่างเขากับเธอ
คิมจีวอนรู้สึกว่าโอกาสของเขามาถึงแล้ว. พนันได้เลยว่าดาจองจะเลิกปฏิบัติกับเขาราวอากาศธาตุและยอมพูดกับเขาอย่างแน่นอน. แม้ว่าเหตุผลที่เธอยอมพูดด้วยจะเป็นเพราะแม่ของเธอก็ตาม
“แม่คะหนูไปไม่นานแล้วจะรีบกลับมานะคะ”
“ไม่ต้องรีบหรอกจ๊ะ. แม่อยากกินซุปกระดูกวัวที่อีมุนซอลลงทัง ไปซื้อให้แม่หน่อยได้มั๊ยจ๊ะ” อีมุนซอลลงทังเป็นร้านอาหารเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อเรื่องซุปกระดูกวัวมาก. และร้านอาหารแห่งนั้นอยู่ค่อนข้างไกลจากโรงพยาบาล. ถ้าเดินทางไปกลับด้วยถยนต์ก็ต้องให้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง
“เดี๋ยวผมไปซื้อให้ก็ได้ครับคุณน้า” คิมจีวอนอาสา
“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ดาจองจ๊ะไปซื้อให้แม่หน่อยนะ”. รอยยิ้มของบุพการีทำให้ดาจองไม่สามารถปฏิเสธได้
หลังจากหญิงสาวจากไปคุณนายยุนก็เรียกให้คิมจีวอนเข้าไปนั่งข้างๆเตียงก่อนจะเริ่มพูดคุยบางอย่างกับเขา
.
.
.
.
.
ขาทั้งสองข้างของคิมจีวอนค่อยๆก้าวออกมาจากห้องพักผู้ป่วยอย่างอ่อนแรง. แม้จะปิดประตูเรียบร้อยแล้วแต่ทว่าขาทั้งสองข้างกลับไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินต่อเสียอย่างนั้น. ร่างสูงค่อยๆทรุดลงกับพื้นในที่สุด. ดวงตาของเขาแดงกล่ำและน้ำใสกำลังแข่งกันไหลรินออกจากตาคมทั้งสองข้างโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
คิมจีวอนได้แต่ภาวนาในใจให้เรื่องทั้งหมดที่เขาเพิ่งได้ยินจากปากของคุณนายยุนนั้นเป็นเรื่องโกหก.
เพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องที่แม่ของดาจองพูดคือความจริง. ชายหนุ่มตัดสินใจไปที่บ้านของหญิงสาว. โดยระหว่างทางเขายังได้โทรหาใครบางคนเพื่อขอข้อมูลบางอย่าง. ไม่นานสิ่งที่เขาต้องการถูกส่งเขามายังโทรศัพท์เครื่องหรูของเขา. คิมจีวอนหายใจติดขัดไปชั่วขณะก่อนจะพยายามทำใจไม่ให้เชื่อสิ่งที่เห็นจนกว่าเขาจะได้ไปพิสูจน์มันด้วยตาของตัวเอง
80%
รถคันหรูจอดสนิทอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งที่คุ้นเคย. คนที่นั่งอยู่บนเบาะคนขับมองข้อความในโทรศัพท์สมาร์ทโฟนอย่างไม่เชื่อสายตา. บ้านหลังสองชั้นไม่เล็กไม่ใหญ่ตรงหน้าเป็นบ้านหลังเดียวกันกับที่จองดาจองอาศัยอยู่ตั้งแต่ลืมตาดูโลก. คิมจีวอนยังคงไม่ปักใจเชื่อแต่ถึงกระนั้นก็ยากที่จะปฏิเสธว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเหตุบังเอิญ
ขายาวก้าวขึ้นไปชั้นสองอย่างรู้ทิศทาง. มือหนาเอื้อมเปิดประตูสีขาวตรงหน้า. แม้จะมีความลังเลในสายตาแต่นั่นไม่ได้ทำให้คิมจีวอนหยุดค้นหา.
และคิมจีวอนหวังว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่คิด
ภาพเด็กผู้หญิงตัวน้อยในชุดกระโปรงสีขาวลายหัวใจสีชมพูที่ส่งยิ้มมาให้เขาในวันนั้นยังคงชัดเจนในความทรงจำ. รอยยิ้มของเธอทำให้โลกทั้งใบของเด็กชายเอาแต่ใจคนหนึ่งหยุดหมุน. ถึงอยากจะยิ้มตอบแต่ก็ยังทำฟอร์มไม่สนใจเด็กหญิงคนนั้นอยู่ดี. แต่ทว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารอยยิ้มนั้นไม่ได้หายไปจากความทรงจำของเขาเลย. และมันยังคงประทับแน่นอยู่ในหัวใจของเขา
แต่หลังจากได้เจอกับผู้หญิงที่ชื่อจองดาจอง. ภาพของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ค่อยๆเลื่อนหายไปจากหัวใจของเขา. กลายเป็นภาพของจองดาจองเข้ามาแทนที่. เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น. แต่ในทุกครั้งที่เขาได้อยู่ใกล้เธอหัวใจที่เคยเย็นชาและหยาบกระด้างของเขาค่อยๆหลอมละลายลง. จนในที่สุดเขาก็หลงลืมเด็กผู้หญิงคนนั้นจนหมดสิ้น.
ทว่าความทรงจำวัยเด็กของเขาถูกขุดขึ้นมาอีกครั้งด้วยฝีมือของจองดาจอง. ผู้หญิงที่ลบภาพเด็กผู้หญิงคนนั้นไปจนหมดสิ้น. ตอนแรกคิมจีวอนยังลังเลใจที่จะตามหาเด็กผู้หญิงในอดีตคนนั้น. จนกระทั่งเหล่าเพื่อนของเขาเป็นคนเตือนสติ. ทำให้เขาได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เขาควรตามหาหรือรักษาเอาไว้.
และเขาเลือกที่จะรักษาหัวใจตัวเองเอาไว้
ขาคู่แกร่งหมดไร้ซึ่งเรี่ยวแรงยืนอีกครั้งเมื่อรูปถ่ายใบหนึ่งปรากฏขึ้นแก่สายตา. ภาพนี้ยืนยันเรื่องราวต่างๆได้ชัดเจน เด็กผู้หญิงในวันวานคนนั้นกับตุ๊กตาหมีพูห์ในมือ. รอยยิ้มที่สดใสหลังจากได้รับตุ๊กตาเป็นของขวัญวันเกิดจากบิดา. ทว่าเป็นเขาเองที่แย่งมันมาจากเธอ
เมื่อนึกถึงตรงนี้จิตใจของคิมจีวอนยิ่งบีบรัดอย่างเจ็บปวด. ความรู้สึกผิดถาโถม. จองดาจองที่ผู้หญิงคนเดียวกันกับเด็กผู้หญิงที่เขาตามหา. แต่ทว่าเธอก็คือคนเดียวกันกับคนที่เขาต้องการรักษาไว้มาที่สุดเช่นกัน. เขาควรจะมีความสุขเมื่อได้รับรู้ความจริงข้อนี้. แต่เขากลับไม่รู้สึกเช่นนั้น. เพราะสิ่งที่เขาทำกับเธอนั้นยากเหลือเกินที่เธอจะให้อภัยเขา
นี่คงเป็นผลกรรมที่เขาสมควรได้รับ
.
.
.
.
.
หลังจากคุณนายยุนรับประทานซุปกระดูกวัวที่ลูกสาวสุดที่รักซื้อมาให้ เธอก็นั่งเอนหลังบนเตียงพร้อมกับนึกถึงชายหนุ่มทายาทเพียงหนึ่งเดียวของชินกิกรุ๊ป. ไม่รู้ว่าตนเองคิดถูกหรือคิดผิดที่พูดกับชายหนุ่มออกไปแบบนั้น. แต่ในฐานะคนเป็นแม่ย่อมต้องปกป้องลูกของตัวเองเสมอ. แม้ว่ามันอาจจะสายเกินไปแล้วก็ตาม
สายตาห่วงใยของผู้เป็นแม่มองแผ่นหลังบางที่กำลังขมักเขม่นปอกผลไม้ที่ตนชอบให้ได้รับประทาน. เห็นลูกสาวเพียงคนเดียวคอยดูแลตนเองยามป่วยไข้ยิ่งอดปลาบปลื้มใจไม่ได้. คุณนายยุนคงจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าโรคที่เธอเป็นสามารถรักษาให้หายได้ไม่ใช่นอนรอวันหมดลมหายใจเช่นนี้. นิ้วเรียวแอบปาดน้ำตาก่อนที่ลูกสาวของเธอจะทันได้เห็น. ผลไม้หลายชนิดที่เธอชอบถูกจัดวางใส่จานพร้อมรับประทานอยู่ตรงหน้า. คุณนายยุนยิ้มให้ลูกสาวก่อนจะหยิบสตอเบอร์ร่ีขึ้นทาน
“อร่อยมั๊ยคะแม่” ดาจองเอ่ยถาม
“อร่อยสิจ๊ะ”
“แม่ทานเยอะๆนะคะ ช่วงนี้แม่ดูผอมลงไปเยอะเลย” เพราะได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดและยาแก้ปวดชนิดรุนแรงทำให้ร่างกายของคนสูงวัยเกินจะรับไหว. คุณนายยุนทานอาหารไม่ค่อยได้ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว. ดังนั้นเมื่อดาจองรู้ว่าแม่ของเธอต้องการทานอะไรเธอจะดั้นดนเสาะหามาให้ทันที.
“เอ่อ...แม่คะ” ดาจองเม้มปากลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม
“แม่คุยอะไรกับคุณจีวอนเหรอคะ”
ถ้าไม่เพราะคิมจีวอนเคยข่มขู่เธอไว้หลายครั้งหลายคราว่าจะเปิดเผยเรื่องระหว่างเธอกับเขาให้แม่ของเธอได้ทราบ. จึงทำแปลกที่ดาจองจะกังวลกลัวว่าความลับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคิมจีวอนจะถูกเปิดเผย
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ. แม่แค่ขอบคุณเขาที่เขาคอยช่วยเหลือครอบครัวของเรา. แล้วก็ขอร้องอะไรเขานิดหน่อย”
“ขอร้อง...ขอร้องเรื่องอะไรคะแม่”
คนเป็นแม่ลูบศีรษะลูกสาวอย่ารักใคร่พร้อมส่งยิ้มละไม. ดาจองเป็นลูกสาวที่เธอรัก. ใครไม่เห็นค่าลูกของเธอก็ไม่เป็นไร. แต่สำหรับคุณนายยุนดาจองเป็นลูกสาวที่แสนล้ำค่าสำหรับเธอเสมอ. และเธอสัญญากับตัวเองว่าจะทำหน้าที่แม่จนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต.
เพื่อไม่ให้ลูกสาวของเธอต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้
“ซักวันหนูก็จะรู้เองจ๊ะ”
“แต่แม่คะ...” ก่อนที่ดาจองจะได้คัดค้านหรือถามอะไรอีก. แม่ของเธอกลับเอ่ยขึ้นมาก่อน
“แม่เลี้ยงหนูมา. แม่รักหนูที่สุดหนูรู้ใช่มั๊ย” กล่าวถึงตรงนี้คุณนายยุนก็มีน้ำตารื้นขึ้นมา. ดาจองเองก็เช่นกัน. เธอโผลกอดมารดาผู้เป็นที่รัก
“เพราะแม่รักหนูมาก. แม่ถึงอยากเห็นหนูมีความสุข”.
“งั้นแม่ก็รีบๆหายสิคะ. หนูจะได้มีความสุขเสียที”. ดาจองพูดติดตลกแต่มันคือความปรารถนาที่แท้จริงของเธอ. ในชีวิตนี้เธอไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากขอให้แม่หายดีและมีชีวิตอยู่กับเธอไปอีกนาน. แต่ดาจองรู้ดีว่าความปรารถนาของเธอเป็นจริงได้ยากเหลือเกิน
ทุกวันเธอต้องเห็นแม่ทรมานจากโรคร้าย. ทั้งอาการปวด. ทั้งคลื่นไส้อาเจียนอยู่ตลอดเวลา. เธอแอบเห็นว่าแม่ร้องไห้อยู่หลายครั้งและนั่นยิ่งทำให้เธอเจ็บปวด. ในฐานะคนเป็นลูกแล้วเธอยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้แม่ของเธอหายป่วย
“ดาจอง. สัญญาอะไรซักอย่างกับแม่ได้มั๊ย...” คุณนายยุนลูกเส้นผมนุ่มที่ทิ้งตัวสลายอยู่บนแผ่นหลังบาง.
“ได้สิคะ” นาทีนี้ขอเพียงแม่มีความสุขและสบายใจจะให้เธอทำอะไรก็ยอมทุกอย่าง
คุณนายยุนประคองไหล่มนของลูกลาวที่ทำลังโอบกอดเธอ. ดวงตาของคนเป็นแม่มองลูกด้วยความรักและปรารถนาดีอย่างจริงใจ
“แม่อยากให้หนูเห็นแก่ตัวบ้าง”. ดาจองมองหน้าแม่อย่างฉงน. เหตุใดแม่ของเธอจริงขอร้องให้เธอกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว. ยิ่งคิดยิ่งหาคำตอบไม่ได้
“สัญญากับแม่ว่าต่อไปนี้หนูจะเห็นแก่ตัว. เห็นแก่ความสุขของตัวเอง”
“แม่คะ...หนูจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรคะ”. ดาจองค้านหัวชนฝา
“แม่ผิดเองที่เลี้ยงหนูมาให้เป็นเด็กดีเกินไป. แม่ขอโทษนะลูก. ถ้าเพียงแต่แม่จะสอนให้หนูเห็นแก่ตัวบ้างก็คงจะดี” คุณนายยุนเริ่มมีน้ำใสไหลอาบแก้ม
“แม่คะ” หญิงสาวเช็ดน้ำตาให้ผู้เป็นบุพการีก่อนจะสวมกอดคนตรงหน้าให้แน่นกว่าเดิม
“ความสุขของแม่. ความสุขของชานอูก็เหมือนความสุขของหนู. ถ้าหนูจะเสียสละเพื่อให้คนที่หนูรักมีความสุข. หนูก็ยินดีค่ะ”.
ถึงแม้ว่ามันจะต้องแลกกว่าความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสจากผู้ชายที่ชื่อว่าคิมจีวอนก็ตาม
100%
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Talk
ครบ 100% แล้วนะคะ มันก็จะสั้นๆหน่อย ต้องขออภัย
ยังคงเป็นปริศนาอยู่ว่าแม่ของดาจองคุยอะไรกับจีวอน. แต่ที่แน่ๆจีวอนรู้แล้วว่าดาจองเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้น. ดีใจกับพี่เขาด้วยนะคะ. ตาสว่างเสียที. ต่อไปนี้ก็อยู่ที่ว่าพี่จะง้อนางเอกอย่างไรแล้วค่ะ. รับรองว่าหน่วงกันอีกแน่นอน 555 (ฉันไม่ยอมให้เธอสมหวังง่ายๆหรอก คิมจีวอน // ยกยิ้มมุมปาก)
สำหรับใครที่รอคู่รองไม่รู้ว่าน้องเน่ไปอยู่ไหน. ทำไมไม่มาช่วยจีฮเยของเรา. คือพี่เขามีเหตุผลนะคะ. อย่าเพิ่งเกลียดพี่เขานะ. เดี๋ยวพี่เขาก็ได้สติแล้ว. แต่อาจจะต้องใช้เวลาหน่อย 5555
อย่าลืมเม้นต์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะ หรือจะเข้าทวิตแทค #ทาสจีวอน ก็ได้ค่ะ รอฟังความคิดเห็นของทุกคนอยู่นะคะ // กราบ
สัปดาห์หน้าไม่อัพฟิคนะคะ มีภารกิจนิดหน่อย เจอกัน 29 นะคะ
ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น