คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Omega Queen | 2
KOOKV | Omega Queen - 2
♛
นัยน์ตาอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์บ่งบอกสายเลือดที่ครอบครองอย่างสีซิลเวอร์จากบิดาที่เจือไปด้วยสีน้ำทะเลจากมารดากำลังจับจ้องไปยังเหล่าทหารกล้าและนางกำนัลที่บ้างก็อยู่ในร่างหมาป่า
บ้างก็อยู่ในต่างมนุษย์ต่างกำลังจัดเตรียมงามสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นของอาณาจักรคาร์โรซินเวีย
หนึ่งในอาณาจักรหมาป่าผู้ยิ่งใหญ่ที่ครั้งนี้ถึงคราวเวียนบรรจบมาเป็นเจ้าภาพ
โดยเจ้าชายจัสติน
องค์ชายรัชทายาทแห่งอาณาจักรคาร์โรซินเวียได้รับหมอบหมายให้เป็นหัวเรือหลักในการจัดงานครั้งนี้
การประลองไตรภาคีจากสามอาณาจักรหมาป่า คาร์โรซินเวีย
เวสฮาร์ท และโฟเวลตัส
ที่จัดขึ้นเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีในทุกๆห้าปีได้เวียนมาถึงอีกครั้ง
แน่นอนว่าการที่คาร์โรซินเวียได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการประลองในครั้งนี้
จัสตินไม่อาจยอมให้งานครั้งนี้น้อยหน้าครั้งก่อนๆที่อาณาจักรอื่นเป็นเจ้าภาพอย่างแน่
และแน่นอนความร่ำรวยมั่งคั่งของคาร์โรซินเวียก็สามารถเนรมิตและดลบันดาลทุกอย่างให้ออกมาอย่างใจนึก
งานเฉลิมฉลองจะถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และยาวนานต่อเนื่องถึงเจ็ดวัน
เริ่มต้นที่พิธีเปิดงานประลองไตรภาคีและสิ้นสุดที่งานเฉลิมฉลองวันเกิดขององค์ชายรัชทายาท
อัลฟ่าหนุ่มผู้ที่กำลังเป็นที่คลั่งไคล้ของบรรดาผู้ที่ยังถือพรมจารีย์ไร้คู่ครองไม่ว่าจะเป็นอัลฟ่า
เบต้า หรือโอเมก้า ก็ต่างหลงใหลในรูปร่างหน้าตาที่ราวกับพระเจ้าสร้างมา และการเป็นว่าที่พระราชาคนต่อไปทำให้ตระกูลชนชั้นสูงแทบทุกตระกูลพยายามเป็นอย่างมากในการจับคู่บุตรหลานของตนเองกับเจ้าชาย
ทว่ากลับไร้การเหลียวแลจากหมาป่าขนสีขาวอย่างจัสตินทุกครั้งไป
แต่ถึงอย่างนั้นหลายคนก็ยังคาดหวังว่าบุตรหลานของตนเองคนใดคนหนึ่งจะเป็นคนที่โชคชะตากำหนดไว้ของเจ้าชาย
และงานเต้นรำในคืนวันเกิดอายุสิบแปดของเจ้าชายอาจเป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้ว
ชายผ้าคลุมสีแดงปักทอด้วยเส้นด้ายทองคำเป็นรูปมังกรทางด้านหลังพลิ้วไสวไปตามจังหวะการก้าวเดินของชายหนุ่ม
ปลายเท้าชะงักลงเมื่อได้กลิ่นหอมของคุกกี้ข้าวโอ๊ตที่ลอยคลุ้งมาจากห้องเครื่องในปราสาท
ก่อนที่รอยยิ้มกว้างจะถูกมอบให้กับผู้ที่มีรูปร่างหน้าตาโฉมงามราวกับตุ๊กตา
โดยที่กาลเวลาไม่อาจทำให้ความงดงามของมารดาของเขาลดลงได้เลยแม้แต่น้อย
“เสด็จแม่ทำท้องชายร้องแต่หัววันเลยนะพะยะค่ะ”
อัลฟ่าหนุ่มเอ่ยทักทายผู้เป็นที่แม่หรือที่ใครต่อใครรู้จักกันในนามหนูน้อยหมวกแดงผู้เลอโฉม
ราชินีแห่งอาณาจักรคาร์โรซินเวีย พร้อมทั้งตรงเข้าไปหอมแก้มซ้ายทีขวาทีจนโอเมก้าวัยกลางคนต้องหลุดหัวเราะออกมาให้กับความขี้เล่นของลูกชายตัวเอง
ก่อนจะส่งคุกกี้ของโปรดเข้าปากลูกชายตัวน้อยในวันวานที่ตอนนี้โตเป็นหนุ่มจนตัวโตกว่าเขาไปเสียแล้ว
“หิวก็เอาไปกินรองท้องก่อนสิองค์ชาย
ยังพอมีเวลาก่อนจะเข้าเฝ้าเสด็จพ่อไม่ใช่เหรอลูก”
“แน่นอนครับ ชายจะกินให้หมดนี่เลย”
“ได้ยังไงกัน ชายไม่ยอมนะพะยะค่ะเสด็จแม่”
น้ำเสียงขุ่นมัวที่นำมาก่อนตัว เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากราชินีคนงามและจัสตินได้เป็นอย่างดี
ก่อนที่หน้าประตูจะปรากฏร่างของอัลฟ่าเด็กวัยเพิ่งแตกเนื้อหนุ่มใหม่ๆอย่างเจ้าชายโจชัว
เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีพุ่งเข้าไปคลอเคลียผู้เป็นแม่
ใบหน้าที่ถอดแบบพ่อและแม่มาอย่างลงตัว ทั้งยังคับคล้ายคับคากับผู้เป็นพี่ชายซบลงบนอกอันแสนอบอุ่นอย่างออดอ้อน
นิสัยตามแบบฉบับลูกคนเล็กที่ถูกทุกคนในครอบครัวเอาอกเอาใจมาตลอดเผยออกมาโดยไม่รู้ตัว
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้โจชัวเพิ่งจะบอกกับจัสตินเองว่าจะหัดเป็นอัลฟ่าที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วเสียที
“ข้าอุตส่าห์เดินไปเอาหนังสือที่หอดูดาวให้ท่านพี่
ดูสิเสด็จแม่ ท่านพี่แกล้งข้าอีกแล้ว” เจ้าคนเล็กหันไปฟ้องผู้เป็นแม่
พลางเลื่อนหนังสือดาราศาสตร์เล่มหนาที่วางอยู่ตรงหน้าไปให้พี่ชาย
“ใครว่าล่ะ
ข้าให้เจ้าไปเอาเพราะเจ้าอยากเรียนไม่ใช่เหรอ”
“ท่านพี่จะสอนข้าเหรอพะยะค่ะ”
“อืม ยังพอมีเวลาก่อนงานประลองไตรภาคี –
ส่วนนี่คุกกี้ของเจ้า ข้าไม่ใช่คนใจร้ายเสียหน่อย”
“ก็แล้วไป ถ้าท่านพี่ไม่แบ่งให้ข้า
ข้าจะให้เสด็จแม่ทำให้ใหม่แล้วกินคนเดียวให้พุ่งกางไปเลย”
ราชินีคนงามยกยิ้มให้กับการเย้าแหย่ของลูกชายทั้งสอง
นั่งถามไถ่เกี่ยวกับความก้าวหน้าในทักษะต่างๆและการเล่าเรียนของเจ้าชายทั้งสองอยู่พักใหญ่
ก็ถึงเวลาที่จัสตินต้องปลีกตัวไปเข้าเฝ้าองค์ราชาแห่งคาร์โรซินเวีย
จัสตินโค้งคำนับให้ผู้เป็นพ่อ ก่อนจะตรงไปนั่งบนโซฟาที่พ่อของเขานั่งอยู่ก่อนหน้านี้
“เสด็จพ่อเรียกชายมาพบด่วนแบบนี้
มีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่าพะยะค่ะ”
“อันที่จริงก็ค่อนข้างสำคัญ
เจ้ารู้ใช่ไหมจัสตินว่าคาร์โรซินเวียของเรามีความสัมพันธ์อันดีกับเวสฮาร์ทมาตั้งแต่อดีต”
ชายหนุ่มพนักหน้ารับ “แต่ว่าตั้งแต่ที่ผู้ครองบัลลังก์คนก่อนสิ้นพระชนม์ไป
ชายยังไม่เคยมีโอกาสได้พบกับองค์ราชินีคนใหม่ของเวสฮาร์ทเลย –
เขาจะมาที่งานประลองด้วยหรือเปล่าพระยะค่ะเสด็จพ่อ”
อัลฟ่าหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความตื่นเต้น
ได้ยินมาว่าตอนนี้ผู้ที่สืบสายเชื้อครอบครองบัลลังก์ของเวสฮาร์ทอยู่คือบุตรชายคนเล็กของพระราชาองค์ก่อน
ผู้ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในกรงทองไม่ค่อยมีผู้ใดได้พบเห็นหน้าคาตาบ่อยเท่าไหร่นัก
ผิดกับผู้เป็นพี่ชายอย่างเจ้าชายมิเกลที่เขามีโอกาสได้พบอยู่บ่อยครั้ง ก่อนที่จะมีข่าวลือหนาหูว่าอีกฝ่ายหายตัวไป
นับตั้งแต่การจากไปของราชินีผู้เป็นแม่
อาณาจักรเวสฮาร์ทก็ราวกับปิดตายลง แม้จะไม่ได้เปิดประตูเมืองไม่ต้อนรับใครเข้าออก
แต่ทว่าประตูปราสาทที่ปิดลงก็มิต่างอะไรจากการปิดตายอาณาจักร ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าสถานการณ์ทางการเมืองของเวสฮาร์ทไม่สู้ดีมานับตั้งแต่ตอนนั้น
และอีกหนึ่งข่าวลือที่จัสตินได้ยินมาคือความงดงามของราชินีองค์ปัจจุบันของเวสฮาร์ท
โอเมก้าที่มีสายเลือดสีน้ำเงินของกษัตริย์ที่ขึ้นครองบัลลังก์อย่างชอบธรรม
ว่ากันว่าโอเมก้าคนนั้นงดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์ จัสตินไม่รู้หรอกว่าข่าวลือนั่นเป็นเรื่องที่ชาวบ้านอุปโลกน์กันไปเอง หรือราชินีองค์นั้นจะเป็นโอเมก้าจริงๆ เพราะเขาไม่เคยพบอีกฝ่ายและในฐานะอัลฟ่าที่เป็นว่าที่พระราชาและว่าที่จ่าฝูงคนต่อไป
เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องยากที่อัลฟ่าจะต้องก้มหัวยอมให้โอเมก้าเป็นผู้นำง่ายๆ
มิใช่ว่าเขาดูถูกดูแคล้นโอเมก้าหรอกนะ
เขาจะกล้าคิดอย่างนั้นได้อย่างไรกันในเมื่อผู้ให้กำเนิดเขาก็เป็นโอเมก้า
แต่ทว่ามันเป็นเพราะสัญชาตญาณของอัลฟ่า เราถูกสร้างให้เป็นผู้นำ มันทุกจาลึกลงในสายเลือดมานับตั้งแต่บรรพบุรุษว่าอัลฟ่าต้องเป็นผู้นำ
ส่วนเบต้า และโอเมก้าต้องเป็นผู้ตาม
“พ่อก็อยากให้หนูวาเนสซ่ามาเหมือนกัน
จะได้ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง – แต่ตอนนี้สถานการณ์ในเวสฮาร์ทค่อนข้างน่าเป็นห่วง
พ่อได้ข่าวมาว่าปีนี้พวกกบฏแอบลักลอบเข้าไปในปราสาทเพื่อลอบฆ่าหนูวาเนสซ่าหลายครั้งแล้ว”
ชื่อวาเนสซ่างั้นเหรอ ...
อืม เป็นชื่อที่ไพเราะยิ่งนัก
“เหตุใดสถานการณ์ถึงได้เลวร้ายขนาดนั้นกันล่ะเสด็จพ่อ” จัสตินเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
“ลูกคงเคยได้ยินข่าวลือว่าวาเนสซ่าเป็นโอเมก้า”
“พะยะค่ะ
แต่ชายคิดว่ามันน่าจะเกินจริงไปหน่อย”
“ผิดแล้วลูกรัก – ข่าวลือนั่นเป็นความจริง
หนูวาเนสซ่าเป็นโอเมก้า”
“พระเจ้า ...”
นัยน์ตาสีซิลเวอร์เบิกกว้างอย่างไม่คิดว่าเลยข่าวลือที่พูดกันหนาหูจะเป็นความจริง
เขาไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมสถานการณ์ทางเมืองเวสฮาร์ทไม่สู้ดีอย่างที่ควรจะเป็น
เพราะอย่างไรเสียพวกที่หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีและอีโก้สูงเฉียดฟ้าอย่างอัลฟ่าไม่มีทางยอมก้มหัวให้กับวาเนสซ่าอย่างแน่นอน
แม้ว่าเจ้าตัวจะครอบครองบัลลังก์อย่างชอบธรรมก็ตาม ซึ่งดูเหมือนว่าหนทางเดียวที่จะสามารถช่วยชีวิตวาเนสซ่าจากชะตากรรมที่แสนโหดร้ายที่จัสตินพอจะมองเห็นหนทาง
คือวาเนสซ่าจะต้องมีคู่เป็นอัลฟ่าที่มีคุณสมบัติมากพอที่จะสามารถครอบครองบัลลังก์และเป็นราชาที่ทุกคนยอมรับเท่านั้น
“พ่อส่งราชทูตไปเวสฮาร์ทแล้ว
อีกไม่นานคงได้คำตอบ – ถ้าหนูวาเนสซ่าจะมาร่วมงาน พ่ออยากให้องค์ชายคอยอารักษ์ขาการมาเยือนอาณาจักรของเราครั้งแรกของหนูวาเนสซ่าในฐานะองค์ราชินีอย่างสมเกียรติ”
“น้อมรับพระบัญชาพะยะค่ะเสด็จพ่อ”
“พ่อคิดว่าพวกกบฏคงใช้โอกาสนี้ลงมืออีกแน่
ยังไงเตรียมตัวให้พร้อมล่ะองค์ชาย”
“หากมันคิดจะทำร้ายนกน้อยในกรงทอง
ก็คงต้องข้ามศพหมาป่าตัวนี้ไปก่อนแล้วล่ะพะยะค่ะ”
ดวงตากลมโตเสมองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่างของรถม้าล้อลากหลังงามที่กำลังสั่นโครงเครงไปตามจังหวะการเดินของม้าสายพันธุ์ดีตัวเขื่อง
ห่างไปจากจุดที่เขาอยู่ราวไม่ถึงสิบไมล์เป็นที่ตั้งของกำแพงเมืองสูงใหญ่เฉียดฟ้าอันเป็นอาณาเขตของอาณาจักรเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษอย่างอาณาจักรคาร์โรซินเวีย
ทว่ารถม้ากลับหยุดอย่างกะหันทัน เสียงกรี๊ดร้อง เสียงคู่คำรามของหมาป่า
รวมทั้งเสียงดาบที่กระทบกันก็ทำให้นัยน์ตาสีโกเมนสั่นไหว ร่างกายหดเกร็งพร้อมกับลมหายใจที่ตื้นถี่ขึ้นเมื่อรับรู้ถึงอันตรายที่คืบคลานเข้ามา
มือเรียวจับฮูดของผ้าคลุมสีขาวขึ้นมาคลุมศีรษะพลางหยิบดาบที่วางอยู่ข้างกายขึ้นมาจับแน่น
เป็นอีกครั้งที่ความหวาดกลัวเข้ามาเกาะกุมหัวใจ เป็นอีกครั้งที่วาเนสซ่าต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายแบบนี้
เรดควีนแห่งเวสฮาร์ทได้แต่ตัดพ้ออยู่ในใจ
ก่อนที่จะดึงดาบออกมาจากปลอกที่เก็บและในเสี้ยววินาทีต่อมาประตูรถม้าก็ถูกเปิดออก
ดาบเล่มยาวถูกใช้เป็นเครื่องมือป้องกันตัวทันที วาเนสซ่าไม่รู้ว่าคนที่ใส่ชุดดำปิดหน้าปิดตา
และหมาป่าหลายตัวพวกนี้เป็นใครแต่เขาตั้งใจจะสู้จนสุดชีวิตเพื่อเอาชีวิตตัวเองให้รอดพ้นจากพญาเพชรฆาต
นัยน์ตาสีโกเมนสั่นไหวอีกครั้งเมื่อเห็นทหารและนางกำนัลของตัวเองต่างทำหน้าที่ปกป้องเขาจนตัวตาย
คนตัวเล็กพลิกตัวหลบปลายดาบที่แท่งมาที่ลำตัวได้อย่างหวุดหวิด
ก่อนจะอาศัยความว่องไวและจังหวะที่คนใจร้ายตรงหน้าเผลอแทงดาบเข้าไปทันที
ปลายดาบที่ปักอยู่กลางอกของคนใจร้ายตรงหน้าทำเอาเรดควีนตัวสั่นระริก
เมื่อความผิดชอบชั่วดีก่อตัวขึ้นในจิตใจหยาดเลือดเหม็นคาวของคนผู้นั้นเปรอะเปื้อนผ้าคลุมสีขาวของเขาเป็นวงกว้าง
ก่อนที่นัยน์ตาสีโกเมนจะเบิกตากว้างเมื่อปลายดาบอีกด้ามถูกจ่อมาที่ลำคอของเขา
“ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องมอบชีวิตให้กับความตายแล้วล่ะองค์ราชินี – อั่ก!”
ทว่ายังไม่ทันที่มันจะพูดจบ เสียงหวีดร้องของราชินีแห่งเวสฮาร์ทก็ดังขึ้นพร้อมกับดวงตากลมสวยที่ปิดลงด้วยความหวาดกลัว
หลังจากที่เห็นศีรษะของมันหลุดออกจากบ่าต่อหน้าต่อตา
วาเนสซ่าทรุดตัวลงอย่างไร้เรี่ยวแรง เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวอย่างน่าสงสาร
ภาพตรงหน้าปรากฏร่างไร้วิญญาณและไร้ศีรษะของคนที่สั่นวาจาจะเอาชีวิตของเขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
หยาดโลหิตไหลทะลักออกมาจากสวนที่ถูกตัดขาดเจิ่งนองเป็นวงกว้าง
กระเด็นเปรอะเปื้อนไปตามรถม้าจนดูน่าสยดสยอง รวมถึงเสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่และใบหน้าปานตุ๊กตาที่ถูกเลือดกระเด็นใส่
กลิ่นสนิมคละคลุ้งไม่ทั่วบริเวณ ก่อนที่นัยน์ตาสีโกเมนจะสบขากับนัยน์ตาสีซิลเวอร์ของหมาป่าขนสีขาวร่างใหญ่ที่ในปากของมันคาบศีรษะส่วนที่ขาดหายไปของร่างไร้วิญญาณตรงหน้า
โอเมก้าตัวน้อยผงะถอยหลังด้วยความหวาดกลัว
เนื้อตัวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคาวเลือดสั่นเทาอย่างไม่อาจห้าม
เมื่อหมาป่าขนสีขาวตรงหน้าสะบัดศีรษะที่คาบอยู่กระเด็นไปไกลพร้อมกับก้าวเท้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
กลิ่นอายของอัลฟ่าชั้นสูงที่กดข่มและสร้างความกดดันในบรรยากาศ
ทำให้โอเมก้าคนงามอึดอันจนหายไม่ออก ร่างกายไร้เรี่ยวแรงจนมิอาจควบคุมตัวเองได้
หยาดน้ำตาเอ่อล้นจนไหลรินออกมาอย่างไม่อาจห้ามราวกับกำแพงที่เก็บซ่อนเอาอ่อนแอเอาไว้
ถูกอัลฟ่าตรงหน้าทลายลงอย่างไม่เหลือชิ้นดี
“อึก!”
เสียงสะอื้นที่วาเนสซ่าพลางเก็บซ่อนมันเอาไว้ เล็ดลอดออกอย่างน่าสงสาร
แต่ใครจะคิดเล่าว่าเพียงเสียงสะอื้นของเรดควีนคนงามจะทำให้บรรยากาศกดดันเมื่อครู่ผ่อนคลายลง
“บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
โอเมก้าตัวน้อยส่ายหน้าแทนคำตอบ
ก่อนที่นัยน์คู่สวยจะเบิกกว้างอีกครั้งเมื่อร่างของหมาป่าที่ตัวใหญ่กว่าหมาป่าทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่ง
ผ้าคลุมปักลายมังกรสีแดงเพลิงที่มีคนรีบเอามาให้ชายหนุ่มสวมทำให้วาเนสซ่ารู้ได้ทันทีว่าอัศวินขี่ม้าขาวที่มาช่วยชีวิตเขาไว้คือใคร
องค์รัชาทายาทแห่งคาร์โรซินเวีย – เจ้าชายจัสติน
“ก็ดีแล้วล่ะที่เจ้าไม่เป็นอะไร ลุกขึ้นเถอะ ... ขอโทษด้วยที่ทำให้เจ้าตกใจ”
อัลฟ่าหนุ่มพยุงโอเมก้าที่แสนเปราะบางตรงหน้าให้ลุกยืนขึ้น
ขณะที่นัยน์ตาสีซิลเวอร์ก็สำรวจร่างกายของคนตรงหน้าอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าแขกคนสำคัญของอาณาคาร์โรซินเวียไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนตามที่พูดจริงๆ
โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเพียงเสี้ยววินาทีหนึ่งนัยน์ตาสีเคยเป็นสีซิลเวอร์คู่นั้นเปล่งประกายเฉดสีอันงามดังดอกลาเวนเดอร์ออกมา
ก่อนที่มันจะหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของโอเมก้าคนงามทุกอย่าง
วาเนสซ่าหลบสายตาที่จ้องมาหา
ก่อนที่ภาพรอบกายจะทำให้โอเมก้าตัวน้อยสั่นผวาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ารอบกายหยาดโลหิตสีแดงชาดและกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้ง
ทั้งยังเต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณทั้งของผู้หมายเอาชีวิตของเขา
และผู้ที่ปกป้องชีวิตของเขาจนต้องจบชีวิตของตัวเอง แม้แต่คนที่รอดชีวิตก็ต่างได้รับบาดเจ็บปางตาย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างบาดแผลในจิตใจให้กับราชินีแห่งเวสฮาร์ทไม่น้อยเลยทีเดียว
กี่ครั้งแล้วที่เขาต้องสูญเสียคนของตัวเองไปแบบนี้
กี่ครั้งแล้วที่คนของเขาต้องเสียเลือดเสียเนื้อบาดเจ็บจนปางตายแบบนี้
ความเสียใจก่อตัวขึ้นในหัวใจของเรดควีนจนหยาดน้ำตาเอ่อล้นอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้มันกลับจางหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นในวินาทีต่อมา
ทว่าท่าทางไร้เรี่ยวแรงเหมือนจะล้มลงอีกครั้งก็ทำให้อัลฟ่าหนุ่มรีบช้อนตัวโอเมก้าคนงามเข้าสู่อ้อมกอดทันที
ก่อนที่คนตัวเล็กจะถูกจับให้นั่งลงบนอานม้า
ผ้าคลุมสีขาวที่อาบย้อมโลหิตถูกชายหนุ่มปลดออกไปอย่างถือวิสาวะ
กลิ่นหอมหวานเฉกเช่นดอกกุหลาบฟุ้งขึ้นมาทันที ก่อนที่มันจะเบาบางลงเมื่อผ้าคลุมสีแดงของเขาถูกสวมลงบนร่างกายอันแสนบอบบาง
ไม่มีคำพูดใดๆปริปากออกมาจากคนทั้งสอง
จัสตันเลือกที่จะใช้ความเงียบปลดปล่อยให้โอเมก้าตัวน้อยในอ้อมกอดที่นั่งอยู่บนหลังม้าจมอยู่กับห้วงความคิดของตัวเอง
คนที่เผชิญกับความโหดร้ายมาหมาดๆหากจะขวัญหนีตีฝ่อก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ดังนั้นเขาจึงเลือกให้อีกฝ่ายใช้ความคิดอยู่กับตัวเองไปก่อน
“ขอบคุณนะ ...”
เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นเรียกรอยยิ้มจากคนที่กระโดดขึ้นมานั่งซ้อนหลังแล้วออกแรงกระชับบังเหียนม้าให้ก้าวเดิน
“รู้ไหมว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าที่พวกมันคิดเยอะเลย”
“ไม่หรอก ความอ่อนแอต่างหากที่ข้ามี”
“แต่โอเมก้าที่สามารถจับดาบขึ้นมาปกป้องตัวเองได้มันมีไม่กี่คนหรอกนะ”
อัลฟ่าหนุ่มเอ่ยค้าน
“นั่นคือสิ่งที่ข้าจำเป็นต้องเรียนรู้มันต่างหาก หากข้าไม่สู้ คนที่ตายก็เป็นข้า”
วาเนสซ่าเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มขมขื่น เหตุการณืที่ต้องเผชิญก่อนหน้านี้มันทำให้คนตัวเล็กรู้สึกแย่ไม่น้อย
ก่อนที่เปลือกตาที่มุกจะปิดลงใช้ความเงียบเป็นกำแพงกั้นระหว่างคนที่นั่งซ้อนหลังตัวเองอยู่บนหลังม้า
ทว่าความอ่อนล้าที่เกิดขึ้นก็ทำให้กายเล็กเอนหลังพิงอกคนตัวสูงกว่าและจมสู่ห้วงนิทราไปโดยไม่รู้ตัว
อัลฟ่าหนุ่มก้มมองคนที่หลับคอพับคออ่อน ก่อนจะกระชับกายบางให้แนบชิดมากขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้คนตัวเล็กตกลงไป
ยิ่งใกล้ก็ยิ่งได้กลิ่นกายอันแสนหอมหวานที่หอมฟุ้งติดจมูกจนจัสตินต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนี
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาใกล้เป็นอัลฟ่าวัยเจริญพันธุ์อย่างสมบูรณ์ หรือเป็นเพราะโอเมก้าตัวน้อยในอ้อมกอดมีกลิ่นฟีโรโมนที่หอมกว่าโอเมก้าทั่วไป
เขาถึงได้กลิ่นอีกฝ่ายมากถึงขนาดนี้ ทั้งๆที่ก่อนหน้าโอเมก้าคนเดียวที่เขาได้กลิ่นฟีโรโมนอย่างชัดเจนคือแม่ของเขาคนเดียวเท่านั้น
หากเป็นคนอื่นเขาจะได้กลิ่นเพียงจางๆ
เพียงไม่นานม้าตัวเขื่องก็ก้าวเข้ามาในเขตเมืองหลวงของคาร์โรซินเวีย
ผู้คนที่พบเห็นเจ้าชายของอาณาจักรต่างพากันแสดงความเคารพ จัสตินทำเพียงพยักหน้าตอบรับก่อนจะกระชับบังเหียนเพื่อให้ม้าวิ่งเร็วขึ้น
เพราะอุณหภูมิในร่างกายของคนตัวเล็กที่สูงขึ้นมาก
ประกอบกับใบหน้าที่ซีดเซียวลงอย่างเห็นได้ชัดเป็นสิ่งที่กำลังทำให้อัลฟ่าหนุ่มร้อนใจ
ประตูพระราชวังฝั่งที่อยู่ใกล้กับที่พักที่แม่ของเขาจัดเตรียมไว้ให้ราชินีแห่งฮาร์ทถูกเปิดออกเพื่อให้ม้าตัวเขื่องที่พาบุคคลสำคัญทั้งสองเข้าไป
องค์ราชาและราชินีที่กำลังรอคอยการกลับมาของลูกชายและแขกคนสำคัญของอาณาจักรรีบเข้าไปผู้มาใหม่ทั้งสองทันที
ร่างเล็กที่หลับใหลอยู่ในอ้อมกอดของลูกชายประกอบใบหน้าซีดเซียว
ทำเอาราชินีแห่งคาร์โรซินเวียนึกใจคอไม่ดี รีบสั่งให้คนไปตามหมอหลวงกับช่วยลูกชายพาวาเนสซ่าไปที่ห้องนอน
ทว่าอัลฟ่าหนุ่มกลับปฏิเสธหลวงข้าหลวงที่จะเข้ามาช่วย รีบอุ้มคนตัวเล็กไปยังห้องนอนที่อยู่จัดไว้ทันที
“จัสติน เกิดอะไรขึ้นกับหนูวาเนสซ่ากันลูก”
“ชายคิดว่าวาเนสซ่าถูกพิษพะยะค่ะเสด็จแม่”
“พระเจ้า ... พวกเจ้า หมอหลวงอยู่ไหน รีบไปตามมาให้ไวเดี๋ยวนี้!”
ยอมรับเลยว่าตอนแรกจัสตินไม่คิดว่าการที่จู่วาเนสซ่าหลับไปจะเป็นเพราะการถูกพิษ
เขาคิดเพียงว่าโอเมก้าตัวน้อยคงจะอ่อนเพลียกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญเท่านั้น แต่หลังจากที่สังเกตเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวมากขึ้นประกอบกับอุณหภูมิที่สูงอย่างน่าตกใจ
ก็ทำให้อัลฟ่าหนุ่มรู้ได้ทันที่ว่านี่ไม่ใช่การหลับไปเพราะอ่อนเพลีย ทว่าเป็นเพราะพิษต่างหาก
“มันคือพิษอะไรกัน”
“อัสโฟเดลกับวูฟส์เบนพะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”
อัสโฟเดล ดอกไม้ในทุ่งหญ้าที่เป็นหนึ่งในส่วนผสมของน้ำยาตายทั้งเป็น และวูฟส์เบนสมุนไพรดอกสีม่วงที่เป็นพิษร้ายสำหรับหมาป่า
To be continue
ดีใจๆที่หลายคนรอคอยเรื่องนี้นะคะ สำหรับนักอ่านที่เคยอ่านเรื่องนี้ฉบับแรกเราอยากให้ลองอ่านกันใหม่นะคะ
ช่วงแรกอาจมีความคล้ายคลึงกับฉบับเดิมบ้าง แต่รับรองว่าฉบับรีไรท์ใหม่เส้นเรื่องจะเจ้มจ้นข้นมากทั้งสองปมของจัสตินและเรดควีนอย่างที่เคยบอกไปเลยนะคะ
หวังว่าจะชื่นชอบกัน และได้ผ่อนคลายความตึงเครียดต่างๆในแต่ละวันไปกับงานเขียนของเราค่ะ
ขอส่งกำลังใจให้กับนักอ่านที่กำลังเผชิญกับอุทกภัยทุกท่านค่ะ
ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้โดยวัย รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ขอให้คนไทยทุกคนผ่านพ้นกลียุคที่มีทั้งโรคระบาด
ภัยธรรมชาติ และรัฐบาลที่บริหารงานล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเหล่าไปได้โดยไวค่ะ ท้ายที่นี้ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ
ความคิดเห็น