คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #116 : [SF] ~ * 8 years withTVXQ *~
เสียงเปิดประตูไม่สามารถทำให้คนที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารรู้ตัวเลยว่าตอนนี้ได้มีแขกบุกรุกเข้ามาในบ้านของตัวเองถึงสองคน ยุนโฮเพียงปรายตามองไปยังส่วนของห้องครัวก่อนจะเดินเลี่ยงไปทิ้งตัวนอนลงบนโซฟาเมื่อเห็นร่างบางกำลังวุ่นอยู่กับหม้อแกงตรงหน้าต่างจากชางมินที่แทบจะพุ่งเข้าไปหาทันทีที่ได้กลิ่นหอมฉุยลอยมาจากในครัว
“ อ้าว....มาถึงนานแล้วเหรอ ” เสียงหวานเอ่ยทักทายเมื่อชางมินยื่นหน้าหล่อๆมาชะโงกดูแกงในหม้อ แจจุงหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นเจ้าน้องเล็กมองแกงกิมจิในหม้อตาละห้อยตอนที่เขาปิดฝาหม้อ “ มันยังไม่สุก ” บอกกลั้วเสียงหัวเราะ
“ พี่ยูชอนกับพี่จุนซูยังไม่มาเหรอฮะ ” พาร่างโปร่งของตัวเองมานั่งท้าวคางมองอยู่ที่โต๊ะก่อนจะถามหาพี่ชายอีกสองคน
“ มาแล้ว...แต่ออกไปซื้อของน่ะ ” บอกก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบผลไม้ออกมาวางไว้บนโต๊ะ “ อีกนานกว่าสองคนนั้นจะกลับมา ทานผลไม้รองท้องไปก่อนก็แล้วกัน ”
จุนซูกับยูชอนพึ่งออกไปซื้อของก่อนที่ชางมินจะมาถึงไม่กี่นาทีคิดว่าอีกสักพักใหญ่นู้นแหละทั้งคู่ถึงจะกลับมา แต่เดี๋ยวก่อนนะทำไมเขาถึงเห็นแค่ชางมินคนเดียวล่ะยุนโฮไม่ได้มาพร้อมกันเหรอ คิ้วสวยเริ่มขมวดนิดๆถ้ายุนโฮไม่ได้มาพร้อมชางมินแล้วตอนนี้ยุนโฮไปไหน
“ ยุนโฮไม่ได้มาพร้อมกันเหรอ ”
ชางมินพยักหน้าหงึกๆก่อนจะกลืนแอ๊ปเปิ้ลลงคอ “ มาฮะ....สงสัยว่าอยู่ในห้องนั่งเล่นเห็นบ่นเหนื่อยมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ”
“ งั้นเหรอ... ” พยักหน้ารับเบาๆโล่งอกไปนึกว่าแอบไปกับกิ๊กที่ไหน “ ชางมินพี่ฝากดูแกงแป๊บนึงนะ ถ้าเดือดแล้วก็ปิดแก๊สได้เลย ” ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะฝากให้น้องเล็กดูหม้อแกงให้ แต่ก่อนออกไปก็ไม่วายหันมาสั่งแกมกำชับไม่ได้หรอกกับชางมินน่ะให้เฝ้าทีไรแอบกินก่อนทุกทีเลย “ แค่ดูเฉยๆ ห้ามแอบกินนะ ”
“ คร๊าบ บ บ ” รับคำเสียงยานคาง อุตส่าห์ว่าจะแอบชิมซะหน่อยแต่ก็โดนดักจนได้พี่แจ
จุงนะพี่แจจุงรู้ทันชางมินตล๊อด
ขาเรียวเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อพบเพียงความเงียบเท่านั้นแต่แล้วตากลมก็ต้องสะดุดกับร่างหมีๆที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา หน้าคมที่ดูอิดโรยบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของใบหน้านั้นไม่ได้พักผ่อนเท่าที่ควรมือบางแตะลงบนหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิโล่งใจได้เปาะหนึ่งที่มันยังปกติ
“ ยุนโฮ .... ” เสียงหวานเรียกเบาๆพร้อมกับเขย่าร่างหนาเบาๆ
ร่างที่นอนนิ่งค่อยๆขยับก่อนที่เปลือกตาหนาจะค่อยๆเปิดออกยิ่งเผยให้เห็นว่าดวงตาเรียวเล็กที่ซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกตาหนานั้นอ่อนล้าเพียงใด รอยยิ้มอ่อนๆถูกส่งมาจากปากหยักก่อนที่กายหนาจะดันตัวลุกขึ้นนั่งพิงโซฟา
“ เห็นยุ่งอยู่ก็เลยไม่อยากกวนน่ะ ”
“ ทำไมไม่เข้าไปนอนในห้องดีๆล่ะ ” เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความห่วงใย เดินทางตลอดแบบนี้แจจุงไม่แปลกใจเลยที่ร่างกายของยุนโฮจะหมดสภาพแบบนี้
“ ไม่เป็นไรนอนนี้ก็ได้....แล้วชางมินไปไหนล่ะ ” ตาคมมองหาร่างน้องชายที่เดินเข้ามาพร้อมกันก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อแจจุงบอกว่าชางมินอยู่ที่ไหน
“ ทานผลไม้อยู่ในครัวน่ะ ”
“ มาถึงก็กินเลย....ตะกละจริงๆ ” บอกกลั้วรอยยิ้ม สำหรับชางมินแล้วเรื่องกินต้องมาก่อนทุกอย่างสินะที่บ่นอยากมาที่นี่เร็วๆไม่รู้ว่าคิดถึงพี่อีกสามคนหรือว่าคิดถึงของกินในตู้เย็นแจจุงกันแน่ “ ยูชอนกับจุนซูล่ะ ”
“ ไปซื้อของเดี๋ยวมา.....อาหารยังไม่เสร็จเลยฉันว่านายเข้าไปนอนในห้องดีกว่านะ ” เพราะอยากให้ยุนโฮได้พักแจจุงจึงบอกแกมบังคับให้ร่างสูงเข้าไปนอนในห้องดีๆ
ไม่ใช่ว่าโซฟาในห้องนั่งเล่นมันเล็กจนนอนไม่ได้หรอกนะแต่เพราะแจจุงรู้ดีว่าอีกไม่นานยูชอนกับจุนซูก็จะกลับมา แน่นอนว่าความวุ่นวายก็ต้องเกิดขึ้นยิ่งจุนซูกับชางมินสองคนนี้เจอกันทีไรไม่พ้นต้องมีเสียงเอะอะโวยวายทุกครั้งไหนจะเสียงหยอกล้อนั่นอีกแจจุงมั่นใจได้ว่ายุนโฮไม่มีทางได้นอนอย่างสงบแน่ๆ
“ แต่ฉันอยากเจอจุนซูกับยูชอนก่อน ” ยุนโฮอิดออดแต่ก็ยอมเดินไปที่ห้องนอนตามแรงดึงของแจจุง
ช่วงนี้ทางบริษัทให้เขากับชางมินเดินทางตลอดทำให้ไม่มีเวลาปลีกตัวมาหาแจจุง จุนซู ยูชอนเลย แต่พอมาถึงก็ถูกแจจุงไล่เข้าห้องซะงั้น ยุนโฮรู้ว่าแจจุงเป็นห่วงอยากให้เขาพักแต่เขาอยากใช้เวลาที่มีเพียงน้อยนิดอยู่กับสมาชิกให้ได้มากที่สุดไหนๆคืนนี้ก็เป็นวันสำคัญของพวกเขาทั้งห้าคน
“ ถ้าสองคนนั่นมาแล้วเดี๋ยวจะมาปลุก ” บอกพร้อมกับดันร่างหนาๆให้นั่งลงบนเตียงปากอิ่มยกยิ้มขำให้กับสายตาคมดุที่ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นสายตางอนๆของเด็กดื้อ “ เป็นห่วง ”
สองคำสั้นๆแต่กลับทำให้ยุนโฮยอมนอนลงบนเตียงอย่าง่ายดาย “ ถ้าน้องมาแล้วเดี๋ยวจะมาปลุก ” บอกทิ้งท้ายก่อนจะปิดไฟแล้วเดินออกมาจากห้อง
ชางมินมองดูร่างบางของพี่ชายคนโตที่กำลังปิดประตูห้องนอนคิ้วหนาขมวดนิดๆเมื่อไม่เห็นร่างของพี่ชายคนรองอยู่ในห้องนั่งเล่นแต่คนฉลาดอย่างชางมินก็พอจะเดาออกว่ายุนโฮหายไปไหน
“ พี่ยุนโฮไม่สบายเหรอฮะ ”
“ เปล่า....แค่เพลียน่ะ ” แจจุงบอกยิ้มๆก่อนจะมองกล่องไอติมในมือของน้องชายก่อนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ “ อร่อยมั๊ยชางมิน ”
“ อร่อยฮะ...พี่ซื้อไว้ให้ผมเหรอ ” มือหนาตักไอศกรีมคำโตเข้าปากเพื่อยืนยันว่ามันอร่อยจริงๆ
“ เปล่าพี่ไม่ใช่ซื้อ...ของจุนซูน่ะ ”
“ ของพี่จุนซู.... ” ชางมินชะงักมือที่กำลังตักไอศกรีมก่อนจะมองหน้าพี่ชายคนสวยรอยยิ้มร้ายๆปรากฏอยู่บนมุมปากหยัก “ งั้นผมจะกินให้หมดเลย ”
สองพี่น้องหัวเราะสนุกเมื่อนึกรู้ว่าจุนซูจะโวยวายแค่ไหนเมื่อกลับมาแล้วรู้ว่าของโปรดถูกขโมย งานนี้คงได้เห็นโลมาฟาดคีบฟาดหางแน่ๆ
“ พี่ยุนโฮกับชางมินมาแล้วเหรอฮะ ” นั่นไงพูดถึงก็มาพอดี จุนซูเดินเร็วๆเข้ามาในห้องเมื่อเห็นรองเท้าสองคู่ถอดวางอยู่หน้าห้องข้าวของที่ถูกแจจุงใช้ให้ไปซื้อถูกส่งต่อให้ยูชอนเป็นคนถือ
“ ยังไม่มามั้ง ” เสียงกวนๆดังออกมาจากคนที่อายุน้อยที่สุดก่อนที่เสียงทุ้มจะร้องดังลั่นเมื่อโดนร่างอวบๆกระโดดเข้าใส่ “ อ๊าก ก ก คิมจุนซูเอาก้นใหญ่ๆของพี่ออกไปจากขาผ๊ม ”
“ ไม่ ! ” นอกจากไม่เอาออกแล้วยังกระโดดไปมา กวนประสาทดีนักมันก็ต้องโดนแบบนี้แหละเสียงร้องโอดครวญของชางมินที่ดังขึ้นเรื่อยๆทำให้แจจุงต้องรีบปรามเพราะกลัวว่าจะทำให้
ยุนโฮตื่น
“ เบาๆหน่อย ยุนโฮนอนอยู่ ”
“ อ้าว....ผมนึกว่าพี่ยุนโฮยังไม่มาซะอีก ” ยูชอนที่พึ่งเดินออกมาจากในครัวเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เข้ามาก็เห็นแค่พี่แจจุงกับชางมินเขาก็นึกว่าพี่ยุนโฮยังไม่มาซะอีก
“ มาพร้อมชางมินแล้ว....แต่พี่เห็นเหนื่อยๆก็เลยให้ไปนอนพัก ”
“ อ๋อ... ” สองผู้มาใหม่พยักหน้าเบาๆ เจอบริษัทหน้าเลือดใช้งานเยี่ยงหุ่นยนต์แบบนั้นไม่เหนื่อยก็อึดเกินคนแล้ว
“ ว่าแต่ของที่ให้ไปซื้อครบรึเปล่า ”
“ ระดับนี้แล้วไม่มีพลาด ” จุนซูยืดอกบอก ระดับคิมจุนซูแล้วซื้อของแค่นี้จิ๊บๆไม่มีทางตกหล่นแน่นอน
ดูเหมือนว่าตอนนี้จุนซูกำลังลืมว่าตัวเองทำอะไรอยู่เพราะถ้าไม่ลืมคงจะพอสังเกตเห็นสีหน้าเจ็บปวดของชางมิน มักเน่ของวงรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายผลักร่างอวบๆลงจากตักของตัวเอง
“ ว่างๆก็ลดน้ำหนักบ้างนะพี่ ” ปากบ่นไปมือก็ทุบต้นขาของตัวเองไป ทับลงมาได้ไม่รู้รึไงว่าตัวเองพุงยื่นจนจะเท่าพี่ยุนโฮอยู่แล้วคนอะไรนอกจากอ้วนแล้วตูดยังใหญ่อีกด้วย
“ อย่ามาว่าฉันอ้วนนะ ” จุนซูโวยวายทันที ล้อเรื่องอะไรก็ล้อได้แต่มาล้อเรื่องอ้วนนี่คิมจุนซูไม่ยอมเด็ดขาดบอกกี่ทีแล้วว่าไม่ได้อ้วนแค่อวบๆเท่านั้นเอง
แจจุงกับยูชอนมองหน้ากันก่อนจะส่ายหน้าขำๆดูเหมือนว่าสงครามเล็กๆกำลังจะก่อตัวขึ้นอีกแล้วก็นะคนไม่ได้เจอกันนานพอเจอกันก็ต้องลับฝีปากกันเป็นธรรมดา แจจุงเดินไปตบไหล่ยูชอนเบาๆเพื่อบอกว่างานนี้พี่เสียสละให้นายเป็นกรรมการนะ
“ ฝากห้ามมวยด้วย....พี่จะไปปลุกยุนโฮ ”
พูดจบก็เดินหายายเข้าไปในห้องนอนปล่อยให้ยูชอนเป็นกรรมการห้ามมวยอยู่คนเดียว และดูเหมือนว่าเสียงโวยวายของจุนซูจะดังขึ้นเรื่อยๆเมื่อเจ้าตัวเหลือบไปเห็นกล่องไอศกรีมของตัวเองวางอยู่บนโต๊ะจากเสียงโวยวายเมื่อเวลาผ่านไปก็กลายเป็นน้ำเสียงงอนๆดูท่าว่าชางมินคงจะหาเรื่องแกล้งอีกแน่ๆ แต่แทนที่จะเข้าไปช่วยยูชอนกลับเดินไปเปิดทีวีดูซะงั้นที่ไม่เข้าไปช่วยก็เพราะยูชอนรู้น่ะสิว่าชางมินรู้ว่าจะควรทำยังไงจุนซูถึงจะหายงอน
ยุนโฮเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยสภาพที่ยังเบลอๆอยู่เล็กน้อย คิ้วเข้มขมวดขึ้นเมื่อเห็นชางมินกับจุนซูกำลังนั่งทำอะไรบางอย่างอยู่ที่พื้นหน้าคมหันไปมองยูชอนเพื่อขอคำตอบว่าสองคนนั้นกำลังทำอะไร
“ เตรียมเพลงสำหรับงานคืนนี้น่ะ ” หลังจากที่ลับฝีปากกันพอใจสุดท้ายชางมินก็ง้อจุนซูด้วยการยอมเล่นเกมส์ด้วยทั้งคืน
พอได้ยินว่าชางมินยอมเล่นเกมส์เป็นเพื่อนแค่นั้นแหละจุนซูก็ยิ้มกว้างแล้วชวนน้องชายไปเลือกซีดีเพลงก่อนจะหัวเราะคิกคักกันอยู่สองคนเมื่อเห็นรูปเก่าๆอยู่บนหน้าปกซีดี
“ อ่อ ” ยุนโฮพยักหน้าเบาๆก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา
“ ถึงกับหมดสภาพเลยเหรอพี่ ” ถามยิ้มๆเมื่อเห็นยุนโฮยกมือขึ้นนวดขมับ
“ หึ ช่วงนี้บริษัทต้องการดันลูกรักให้เป็นที่ยอมรับของตลาดโลกก็เลยต้องทำงานหนักหน่อย ”
เสียงหัวเราะในลำคอดังออกมาจากบุคคลทั้งสามพวกเขาทุกคนรู้ดีว่าสำหรับบริษัทหน้าเลือดนั้นแล้วพวกเขามีค่าแค่เป็นเครื่องตัดหญ้าที่มีไว้สำหรับถางทางให้ลูกรักของพวกมันเดินได้อย่างง่ายดาย ใช่ว่าที่ทำอยู่ในตอนนี้พวกเขาเต็มใจที่จะทำแต่พวกเขาไม่มีทางเลือกต่างหากล่ะ
“ อดทนอีกนิดนะ....อีกไม่นานหรอกมันจะเป็นวันของเรา ” จุนซูวางกล่องซีดีลงก่อนจะตบไหล่ให้กำลังพี่ชายกับน้องชาย
“ อืม....อีกไม่นาน ” แววตามุ่งมั่นฉายออกมาจากดวงตาคมดุของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าวงก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสบายๆเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาไม่ควรพูดเรื่องบริษัทหน้าเลือดให้เสียบรรยากาศ ในเมื่อวันนี้เป็นวันสำคัญของพวกเขาก็ควรพูดแต่เรื่องดีๆสิ
“ พอแล้ว....วันนี้งดดราม่า ” ยุนโฮบอกขำๆ
จุนซูพยักหน้าเห็นด้วยวันดีๆแบบนี้ไม่ควรเอาเรื่องแย่ๆของคนกลุ่มหนึ่งมาทำให้เสียฤกษ์ จุนซูกำลังจะชวนชางมินเลือกเพลงต่ออยู่แล้วเชียวแต่เสียงของแจจุงที่ดังมาจากในครัวก็ทำให้สามหนุ่มที่ได้รับมอบหมายจากพี่ชายคนโตให้จัดโต๊ะต้องรีบตารีตาเหลือกไปยกโต๊ะมาวางไว้ที่ห้องนั่งเล่น
“ อาหารเสร็จแล้ว....พวกนายจัดโต๊ะเสร็จหรือยัง ”
.........................................................
เสียงพูดคุยตามประสาคนที่ไม่เจอกันพร้อมหน้านานดังสลับกับเสียงเพลงเก่าๆของทงบังชินกิบทเพลงที่พวกเขาร่วมกันร้องร่วมกันสร้างความทรงจำตั้งแต่อัลบั้มแรก เรื่องราวที่ได้พบเจอในระหว่างที่แยกกันทำงานถูกหยิบยกมาถ่ายทอดให้กันและกันฟัง
“ นี่ผมอ่านเจอในเน็ต แฟนคลับเขาถามพี่จุนซูว่านักร้องกับนักฟุตบอลอาชีพหลักของพี่คืออะไรกันแน่ ” จบคำถามกวนๆของชางมินทุกคนก็พร้อมใจกันหัวเราะดังลั่น อย่าว่าแต่แคสสิโอเปียเลยที่สงสัยพวกเขาก็สงสัยเหมือนกัน
“ ก็ต้องนักร้องสิ ” จุนซูบอกเสียงดัง
“ นักร้องแน่เหร๊อ ผมว่านักฟุตบอลมากกว่านะ ” ชางมินยังไม่เลิกแหย่โดยมีอีกสามคนพยักหน้าเห็นด้วย ทุกวันนี้เวลาเขาเช็คข่าวทีไรก็เล่นรูปจุนซูเตะบอลตลอดเลย มันเยอะซะจนบางทีชางมินยังอดคิดไม่ได้ว่าตกลงจุนซูเลิกเป็นนักร้องแล้วหันไปเอาจริงเอาจังกับฟุตบอลแล้วเหรอ
“ อย่ามารุมดิ ” หน้ากลมๆยู่ลงเมื่อถูกรุมล้อ
“ ไม่ได้รุมแค่พูดความจริง ” ยุนโฮบอกกลั้วเสียงหัวเราะ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่จุนซูก็ยังเป็นคนที่น่าแกล้งที่สุดในวง
“ จะเที่ยงคืนแล้ว เดี๋ยวฉันไปหยิบเค้กก่อนนะ ” แจจุงบอกก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบเค้กในตู้เย็นส่วนยูชอนก็เดินไปหยิบเทียนกับไฟแช็กมาเตรียมไว้
เค้กก้อนโตที่มีเลขแปดตัวโตอยู่บนนั้นถูกวางไว้กลางโต๊ะ แจจุงมองดูนาฬิกาก่อนจะพยักหน้าบอกให้ชางมินเดินไปปิดไฟ เทียนรูปเลขแปดถูกปักลงบนเค้กก่อนที่แจจุงจะส่งไฟแช็กให้ยุนโฮเป็นคนจุดสมาชิกทั้งห้านั่งล้อมวงอยู่บนโต๊ะก่อนที่ยุนโฮจะเป็นคนเริ่มพูดก่อน
“ แปดปีแล้วสินะ ” เสียงทุ้มบอกพร้อมกับรอยยิ้มภูมิใจที่ปรากฏอยู่บนหน้าคม “ แปดปีที่พวกเราได้ทำตามความฝันร่วมกัน แปดปีที่เราทั้งห้าได้ร่วมแบ่งปันสุขและทุกข์มาด้วยกันถึงแม้วันนี้อาจจะมีอุปสรรคมากมายเข้ามาแต่ฉันอยากจะบอกว่าไม่เคยมีวันไหนที่ฉันไม่ภูมิใจในความเป็นทงบังชินกิ และที่สำคัญฉันดีใจที่มีพวกนายเข้ามาในชีวิต ”
เพลง Hug เริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้งบทเพลงที่ทำให้พวกเขาทั้งห้าได้เริ่มต้นในถนนสายนี้ บทเพลงที่ทำให้เขาได้พบกับแคสสิโอเปีย เส้นเสียงห้าเสียงที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวเริ่มขับร้องบทเพลงแรกของตัวเองภาพวันเก่าๆเริ่มไหลย้อนเข้ามาในห้วงแห่งความทรงจำความกดดันในช่วงเวลาที่ผ่านมาทำให้ชางมินปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย
อยู่ต่อหน้าคนอื่นชางมินอาจจะดูเข้มแข็งในเพราะความจำเป็นบีบบังคับให้เขาทำ นับตั้งแต่วันที่ต้องแยกกันทำงานอาจจะเห็นชางมินยิ้มหัวเราะเป็นปกติแต่คนรอบตัวต่างรู้ว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะนั้นไม่ได้มาจากใจเลยแม้แต่นิด ชางมินจะยิ้มจะหัวเราะได้เต็มที่ก็ต่อเมื่อเขาอยู่พร้อมหน้ากับพี่ชายอีกสี่คน เช่นเดียวกับเวลานี้ที่ชางมินสามารถร้องไห้ออกมาเพราะที่แห่งนี้มีเพียงเขาและพี่ชายอีกสี่คนพี่ชายที่พร้อมจะดูแลปกป้องน้องเล็กคนนี้
ไม่ใช่แค่ชางมินแต่แจจุง ยุนโฮ จุนซู ยูชอนเองก็เช่นกัน ทุกคนจะมีความสุขและเป็นตัวของตัวเองที่สุดก็ต่อเมื่อได้อยู่กันพร้อมหน้าเพราะพวกเขารู้ว่าตราบใดที่พวกเขายังอยู่ด้วยกันก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกังวล
ทงบังชินกิเริ่มต้นด้วยสมาชิกห้าคนความสัมพันธ์ของพวกเขามันมากกว่าเพื่อนร่วมงานพวกเขาคือครอบครัวของกันและกัน ครอบครัวที่แท้จริงไม่ใช่ครอบครัวจอมปลอมเหมือนอย่างที่ใครบางคนกำลังสร้างภาพให้มันสวยหรูในสายตาของคนภายนอก หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจในสิ่งทีพวกเขาทำในวันนี้แต่เชื่อว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงทุกคนจะเข้าใจว่าทุกอย่างที่ทำลงไปก็เพื่อรักษาทงบังชินกิไว้
อาจจะถูกแยกตัวออกจากกัน แต่เชื่อเถอะว่าไม่มีใครแยกใจของพวกเขาออกจากกันได้
“ อนาคตอย่างหน้าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะไม่ท้อเด็ดขาด เราจะสู้จนกว่าจะได้กลับมายืนด้วยกันอีกครั้ง สู้เพื่อทงบังชินกิ สู้เพื่อแคสสิโอเปีย ” แจจุงบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนที่จะยื่นมือออกไปคนแรกตามมาด้วยชางมิน จุนซู ยูชอน และยุนโฮเป็นคนสุดท้ายที่วางมือไว้บนสุด
“ ทงบังชินกิ ไฟท์ติ้ง ”
***** แปดปีแล้ว ว ว ถ้าเป็นคนก็เป็นเด็กกำลังซนเลยสินะ แต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน
ก็ยังรักเหมือนเดิมนะ รักมากขึ้นทุกวัน ไม่รู้จะพูดยังอะไรเพราะวันนี้พูดไปเยอะแล้ว
ตอนนี้ก็ยังพูดและฉลองกับเพื่อนๆอยู่เลย ขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้เราได้เจอกัน
ขอบคุณที่เป็นทงบังชินกิที่แคสสิโอเปียภูมิใจ สุดท้ายขอบคุณตัวเองที่คิดไม่ผิดที่รัก
ผู้ชายห้าคนนี้ และไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ยังรอให้พวกเขากลับมายืนบนเวทีด้วยกัน
อีกครั้ง
ความคิดเห็น