ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~ Happy Family 2 ~ { yunjae & TVXQ mpreg }

    ลำดับตอนที่ #94 : ~ Happy Family 2 ~ # 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.17K
      5
      15 ส.ค. 54

         

          “ อิ่มแล้วเหรอลูก ” คุณแม่คนสวยเอ่ยถามลูกชายยิ้มๆเมื่อเห็นว่ามือเล็กกำลังดันถาดพิซซ่าออกจากตรงหน้า


          เพราะมุนบินบอกว่าอยากทานพิซซ่าแจจุงก็เลยอยากเอาใจลูกชายเพื่อชดเชยที่ช่วงนี้เขาไม่ค่อยมีเวลาว่างให้กับมุนบินเท่าไหร่เพราะต้องคอยดูแลเยอึน   เมื่อกลางวันหลังจากที่แน่ใจว่ามุนบินหลับสนิทแล้วแจจุงจึงแอบโทรบอกให้ยุนโฮซื้อพิซซ่าหน้าโปรดของลูกชายกลับมาด้วย

         “ ครับ ” หลังจากที่ทานจนอิ่มแล้วร่างเล็กๆก็ค่อยๆเอนตัวลงนอนบนตักของพ่อหมีที่นั่งยิ้มดูลูกชายทานของโปรดอยู่ข้างๆ  ดูเอาเถอะชีวิตนี้จะมีใครสุขสบายเท่าชอง มุนบิน

          “ ไหนบอกว่าอยากกินไงลูก  กินไม่สมอยากแบบนี้คราวหลังคุณแม่ไม่ให้คุณพ่อซื้อมาแล้วดีกว่า ” เสียงหวานเอ่ยเย้าลูกรักก่อนจะได้รับค้อนวงโตกลับมา

           ร่างบางจัดการเก็บพิซซ่าที่ลูกหมีทานเหลือใส่กล่องให้เรียบร้อย    ก็เห็นนอนละเมอออกซะขนาดนั้นก็นึกว่าอยากทานจริงๆแต่พอเอาเข้าจริงๆทานได้สองชิ้นเจ้าลูกหมีก็โบกมือลาซะแล้ว

         “ ก็หนูอิ่มจริงๆนี่นา ” ปากเล็กยู่เข้ามาหันกันก่อนจะใช้มือป้อมลูบที่หน้าท้องที่นูนขึ้นมานิดๆของตน   ตอนนี้มุนบินแน่นท้องไปหมดแล้วอ่ะคุณแม่ขืนให้มุนบินกินเข้าไปอีกมีหวังท้องแตกตายแน่ๆ “ คุณแม่เก็บไว้ให้น้องสิ ” บอกไร้เดียงสาเพราะคิดว่าถ้าน้องตื่นขึ้นมาน้องก็คงจะหิวเหมือนตัวเอง

         คำพูดที่ไร้เดียงสาของลูกชายสร้างรอยยิ้มเอ็นดูให้ประดับบนใบหน้าของคนเป็นพ่อแม่  มือหนาสางผมนุ่มของลูกชายด้วยความเอ็นดูก่อนจะอธิบายให้ลูกชายเข้าใจ

         “ น้องทานไม่ได้ครับ ” เสียงยิ้มบอกพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ  เขาคิดว่าเขาเห็นแววพี่ชายที่ดีที่อยู่ในตัวของมุนบินแล้วล่ะ  เพราะถึงแม้จะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่อย่างน้อยมุนบินก็ยังนึกถึงน้องสาวที่นอนอยู่ในเปล

         “ ทำไมอ่ะ ” เอ่ยถามด้วยความสงสัยก่อนจะพลิกตัวนอนตะแครงปากเล็กอ้าออกเพื่อรอดูดน้ำส้มที่แม่บ้านพึ่งยกเข้ามาให้  ท่าทางที่แจจุงเดาได้ไม่ยากว่าลูกหมีกำลังบอกว่า  หนูจะกินน้ำส้ม  คุณแม่ป้อนหนูหน่อย

         “ มุนบินลุกขึ้นมาทานดีๆลูก ”  เพราะไม่อยากให้ลูกชายเสียนิสัยแจจุงเลยต้องทำใจแข็งปฏิเสธคำขอของลูกชายเพราะถ้าไม่อย่างนั้นเดี๋ยวมุนบินจะสบายจนเคยตัว

          “ ทำไมน้องถึงทานไม่ได้อ่ะคุณพ่อ ” ร่างป้อมๆค่อยๆดันตัวเองลุกขึ้นจากตักของผู้เป็นพ่อก่อนจะยื่นมือมารับแก้วน้ำส้มที่คุณแม่คนสวยยื่นให้หากแต่ปากเล็กก็ยังคงเอ่ยถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย

         ทำไมน้องถึงทานไม่ได้อ่ะ  แล้วน้องไม่หิวเหรอขนาดมุนบินทานข้าวครบสามมื้อตามที่คุณแม่บอกมุนบินยังหิวเลยอ่ะ  ตั้งแต่น้องเกิดมามุนบินยังไม่เห็นน้องกินอะไรเลยนอกจากน้ำกับนมคุณแม่

         “ เพราะน้องยังเด็กไงครับ  แล้วอีกอย่างตอนนี้น้องก็ยังไม่มีฟันด้วย ”

         “ ฟันแบบหนูน่ะเหรอ ” ไม่ว่าเปล่ายังยิ้มโชว์ฟันซี่เล็กๆของตัวเองให้พ่อหมีดูอีกด้วย

         “ ครับ... ”

         “ แล้วน้องไม่หิวเหรอ ” มุนบินยังคงสงสัยเรื่องนี้ไม่หาย  มุนบินอยากรู้จริงๆนะว่าน้องไม่หิวแล้วก็ไม่เบื่อเหรอที่ต้องทานเหมือนเดิมทุกวัน

         “ หิวครับ....แต่น้องก็ทานนมของคุณแม่ไงครับ ”

         “ แล้วน้องจะอิ่มเหรอ ”

         “ อิ่มสิครับ ”

          “ แต่หนูไม่เห็นอิ่มเลย ”  คิ้วเล็กขมวดเข้าหากัน  น้องอิ่มได้ไงอ่ะเวลาทานนมตอนเช้ามุนบินไม่เห็นอิ่มเลย เอ๋? หรือว่าน้องจะลดความอ้วนเหมือนอายูฮวานเพราะมุนบินเคยได้ยินอาชางมินบอกว่าอายูฮวานลดความอ้วนด้วยการกินแค่ผักกับน้ำเปล่า

          แจจุงกับยุนโฮได้แต่ยิ้มขำให้กับความช่างสงสัยของลูกชายแต่ไม่ว่ามุนบินจะสงสัยเรื่องอะไรพวกเขาก็พร้อมที่จะอธิบายให้เจ้าตัวเล็กเข้าใจเพราะการที่มุนบินสงสัยนั้นมันแสดงว่ามุนบินสังเกตสิ่งที่อยู่รอบตัว

         “ ก็ตอนนี้หนูโตแล้วหนูก็ต้องทานเยอะกว่าน้องสิลูก ” แจจุงบอกลูกชาย “ ตอนหนูอายุเท่าน้องหนูก็กินแค่นี้เหมือนกันนะ ”

         “ จริงเหรอ ” ถามด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อคุณแม่โกหกหรือเปล่าทำไมมุนบินไม่เห็นจะจำได้เลย 

          “ คุณพ่อถ่ายวีดีโอเก็บเอาไว้ด้วยนะ  มุนบินอยากดูมั๊ย ” ยุนโฮก้มลงบอกลูกชายเพื่อช่วยยืนยันคำพูดของแจจุง

          ครั้งแรกที่แจจุงให้นมมุนบินที่โรงพยาบาลเขาถ่ายวีดีโอเก็บไว้ด้วยนะ  จำได้ว่าวันนั้นแจจุง
    โวยวายไม่ยอมให้เขาถ่ายแต่พอเอาเข้าจริงๆก็ห้ามไม่ได้เหมือนเดิม   เขาล่ะอยากให้มุนบินเห็นจังเลยว่าครั้งแรกที่ให้นมมุนบินคุณแม่หน้าแดงมากแค่ไหนแต่จะว่าไปแล้วนอกจากเขากับแจจุงก็ยังไม่มีใครได้ดูวีดีโออันนั้นเลยนะเพราะแจจุงสั่งห้ามไม่ให้เปิดให้ใครดู

         “ อยากครับ ” พยักหน้าบอกอย่างตื่นเต้น   มุนบินชอบจริงๆนะเวลาที่ได้ดูหรือได้ฟังเรื่องของตัวเองตอนเด็กๆ  แต่อย่าว่าแต่มุนบินเลยยุนโฮกับแจจุงเองก็ชอบเหมือนกันเวลาที่ได้พูดถึงเรื่องเก่าๆ

        “ งั้นเดี๋ยวคืนนี้เราเปิดดูกันเนอะ ” บอกเอาใจลูกชายก่อนจะได้รอยยิ้มเห็นดีเห็นงามจากลูกรัก   แต่พอนึกอะไรขึ้นมาได้ใบหน้าน่ารักก็หงอยลงทันตา

        “ แต่คืนนี้หนูต้องไปนอนกับคุณย่า ” บอกด้วยน้ำเสียงเสียดาย   คุณพ่อน่าจะบอกมุนบินเร็วกว่านี้เพราะเมื่อเช้ามุนบินสัญญากับคุณปู่คุณย่าเอาไว้แล้วว่าคืนนี้มุนบินจะไปนอนด้วยแลกกับหุ่นยนต์ตัวใหม่ที่คุณปู่จะพาไปซื้อ

         “ แต่หนูไม่ได้นอนกับคุณแม่หลายวันแล้วนะลูก ” เสียงหวานของคุณแม่คนสวยตัดพ้อลูกน้อยเบาๆเมื่อได้ยินว่าคืนนี้จะเป็นอีกคืนที่มุนบินจะไปนอนห้องคุณปูคุณย่า  นึกว่าคืนนี้จะได้นอนกอดลูกหมีแล้วซะอีกนี่เขาไม่ได้นอนกอดมุนบินมาหลายคืนแล้วน่ะคิดถึงจะแย่แล้ว 

         “ ก็คุณย่าบอกว่าเหงา เลยอยากให้หนูไปนอนเป็นเพื่อน ” บอกหุผลก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะปีนลงจากโซฟาแล้วเดินมานั่งบนตักของคุณแม่แขนป้อมโอบรอบคอเขาเอาไว้ก่อนจะซบหน้าลงบนอกบางเพื่อง้อเมื่อเห็นว่าคุณแม่กำลังงอน

         “ คุณแม่ก็เหงาเหมือนกันนะ ” บอกเสียงงอนหากแต่แขนเรียวกลับกอดกระชับลูกชาย “ หนูจะไม่นอนกับคุณแม่จริงๆเหรอ ” คราวนี้ถึงทีคุณแม่เป็นคนอ้อนบ้าง

         “ แต่หนูสัญญากับคุณย่าแล้วนี่นา ” บอกเสียงเบา  มุนบินอยากนอนกับคุณพ่อคุณแม่อยู่นะแต่ว่ามุนบินสัญญากับคุณย่าเอาไว้แล้วนี่นาคุณพ่อเคยบอกมุนบินว่าลูกผู้ชายต้องรักษาสัญญา

         “ งั้นเอางี้มั๊ยเดี๋ยวคุณพ่อไปขออนุญาตคุณย่าให้ดีมั๊ย ” พ่อหมีที่นั่งเงียบอยู่นานเสนอความคิดเพราะใช่ว่าจะมีแค่แจจุงที่คิดถึงมุนบินเขาเองก็คิดถึงเสียงหัวเราะก่อนเข้านอนของลูกชายเหมือนกัน

          มุนบินหันไปมองคุณพ่อด้วยแววตามีหวังก่อนจะพยักหน้าบอกว่าดีที่สุดเลยครับ “ ดีครับ ”

          “ งั้นเราไปเตะบอลรอคุณปู่คุณย่าที่หน้าบ้านดีกว่าเนอะ  ” เสียงทุ้มชวนเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับชวนออกไปเล่นนอกบ้านเมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่แจจุงต้องไปเตรียมอาหารเย็นแล้ว

           “ วันนี้คุณพ่อจะเตะบอลกับหนูเหรอ ” ถามด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างปิดไม่มิด  นานเท่าไหร่แล้วที่มุนบินไม่ได้เตะบอลกับคุณพ่อตาเรียวเล็กหันไปมองคุณแม่คนสวยอย่างขอคำตอบ “ คุณแม่เตะกับหนูมั๊ย ”

          “ ขอคุณแม่ทำอาหารเย็นก่อนนะลูกแล้วเดี๋ยวคุณแม่จะตามไป ” บอกยิ้มๆ กว่าเขาจะเตรียมอาหารเย็นเสร็จเยอึนก็คงตื่นพอดี   ร่างบางคิดว่าคงจะดีไม่น้อยถ้าได้พาเยอึนไปนั่งดูคุณพ่อกับพี่ชายเตะบอลกัน

           “ จริงนะ ” ตาเรียวเล็กส่งมาขอคำยืนยันว่าคุณแม่จะตามไปจริงๆนะ

           “ จริงครับ  งั้นเดี๋ยวหนูไปรอที่สนามกับคุณพ่อก่อนนะลูกเดี๋ยวคุณแม่เอาลูกบอลไปให้ ” พยักหน้ายืนยันก่อนจะหลุดยิ้มขบขันเมื่อเห็นอาการดีใจจนเกินเหตุของลูกชาย

           “ ครับ ” รับคำแข็งขันก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วลากคุณพ่อออกไปยังสนามหน้าบ้าน “ ไปกันเถอะคุณพ่อ ”

           แจจุงมองตามสองคู่แฝดต่างวัยก่อนที่รอยยิ้มบางๆจะปรากฏอยู่บนใบหน้าสงสัยว่าวันนี้ยุนโฮคงต้องเหนื่อยซะแล้วเพราะดูเหมือนว่าเจ้าลูกหมีคงจะไม่ยอมหยุดเล่นง่ายๆแน่   ขาเรียวเดินไปดูลูกสาวที่นอนอยู่ในเปลก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นไปหยิบลูกฟุตบอลมาให้ลูกชาย

     

     

    …………………………………….


     

          “ มากันแล้วเหรอ ” เสียงหวานของคุณแม่ลูกสองดังมาจากบันไดบ้านพร้อมกับที่ร่างบางอุ้มลูกสาวตัวน้อยเดินลงมาพร้อมรอยยิ้ม

          “ พวกเราคงไม่ได้มาเช้าเกินไปใช่มั๊ย ” จุนซูถามด้วยน้ำเสียงเกรงใจ

          “ ไม่หรอก...ทานมื้อเที่ยงก่อนแล้วค่อยออกไปดีมั๊ย ” แจจุงบอกยิ้มๆก่อนจะเดินนำแขกทั้งสามไปที่ห้องรับแขก

           “ ก็ดีเหมือนกัน ” ยูชอนพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะมองไปรอบๆเหมือนหาอะไรบางอย่าง “ คู่แฝดไปไหนซะล่ะ ” เสียงทุ้มเอ่ยถามถึงเพื่อนรักกับหลานชายที่ตอนนี้ได้ฉายาใหม่ไปแล้วเรียบร้อย

           แจจุงยิ้มขำให้กับฉายาที่ยูชอนใช้เรียกยุนโฮกับมุนบิน   มันก็น่าให้เรียกแบบนี้อยู่หรอกก็นับมันยิ่งเหมือนกันอย่างกับเป็นคนๆเดียวกันทั้งหน้าตาทั้งนิสัย   ตอนนี้แจจุงคงได้แต่ภาวนาว่าถ้าเยอึนโตขึ้นคงเหมือนเขาบ้างเพราะถ้าอย่างนั้นเขาคงน้อยใจตายแน่

           “ อาบน้ำอยู่น่ะเดี๋ยวคงตามลงมา ”

           วันนี้เป็นวันหยุดครอบครัวหมีก็เลยตื่นสายกันทั้งบ้านแต่แทนที่ตื่นแล้วจะรีบไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยแต่พ่อหมีกับลูกหมีคนโตกลับนอนอืดดูการ์ตูนเรื่องโปรดจนจบเขาไล่ให้ไปอาบน้ำเท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป   พอการ์ตูนจบก็เล่นมวยปล้ำต่อนี่ถ้าเขาไม่บอกว่าวันนี้ต้องพาเยอึนไปฉีดยาตามนัดมีหวังได้นอนแช่อยู่บนเตียงถึงเย็นทั้งพ่อทั้งลูกแน่ๆ

           “ แล้วชานฮีเป็นยังไงบ้าง  เลี้ยงง่ายมั๊ย ” แจจุงเขยิบเข้าไปชิดจุนซูก่อนจะก้มมองเด็กชายที่อยู่ในอ้อมแขน  ปากอิ่มยกยิ้มเอ็นดูเมื่อปากเล็กๆนั่นอ้าหาวทั้งๆที่ยังหลับตา

          “ ก็ไม่ค่อยงอแงเท่าไหร่  แต่ถ้าได้ร้องไห้แต่ล่ะทีนี่ก็เอาเรื่องใช่เล่นเหมือนกัน ”  จุนซูบอกพร้อมรอยยิ้มบางๆลูกชายเขาจะว่าเลี้ยง่ายก็ง่ายแต่บทจะเอาแต่ใจก็ใช่หน่อยเหมือนกัน

          “ แต่ชานฮีไม่ค่อยอยากให้ฉันอุ้มเท่าไหร่อ่ะ ” ยูชอนได้ทีรีบฟ้อง  เพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นพ่อหัวเน่ายังไงก็ไม่รู้เพราะชานฮีอยู่กับเขาได้ไม่ถึงห้านาทีก็ร้องไห้ซะแล้วเขาล่ะอิจฉายุนโฮจริงๆที่ทั้งเยอึนแล้วก็มุนบินติดคนเป็นพ่อ

          “ หืม....จริงอ่ะ ” แจจุงเลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ 

          “ จริง... ” จุนซูช่วยยืนยันอีกคน  ร่างบางคิดว่าอาจจะเป็นเพราะยูชอนต้องออกไปทำงานกว่าจะกลับมาบางวันชานฮีก็เข้านอนไปแล้วเลยทำให้ชานฮีไม่คุ้นกับยูชอน   ซึ่งเรื่องนี้พวกเขาก็เป็นกังวลเช่นกันเพราะถ้าหากว่าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆมันก็อาจจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างพ่อกับลูกได้

          “ คงจะเป็นเพราะยูชอนต้องทำงานล่ะมั้ง ” แจจุงสันนิษฐานไปเรื่อย

          “ ยุนโฮก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน ” ยูชอนแย้ง  ยุนโฮก็ต้องออกไปทำงานเหมือนกันแต่ทำไมเจ้าลูกหมีสองตัวถึงได้ติดหนึบราวกับว่าด้วยกันทั้งวันทั้งคืนอย่างนั้นล่ะ

         “ เอ่อ...จริงด้วย ” แจจุงยิ้มแห้งๆเขาก็ลืมคิดถึงข้อนี้ไป  แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อเสียงวิ่งหนักๆที่มาพร้อมกับเสียงที่บอกว่าคู่แฝดของบ้านลงมาแล้ว

         “ คุณแม่หนูหล่อมั๊ย ” ทันทีที่วิ่งเข้ามาในห้องรับแขกเสียงเล็กๆก็เอ่ยถามคนป็นแม่ทันที   บนใบหน้าน่ารักนั้นมีแว่นกันแดดสำหรับเด็กสวมอยู่ด้วย

           แจจุงยิ้มบางๆให้กับคำถามของลูกชายก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากเพื่อบอกว่า จุ๊ จุ๊ น้องนอนอยู่อย่าเสียงดังครับลูกหมี  นิ้วเรียวชี้ไปยังยูชอนกับจุนซูเพื่อบอกให้ลูกชายทักทายคุณอาทั้งสองก่อนที่
    มุนบินจะโค้งทักทายแล้วค่อยๆเดินย่องไปหาคนเป็นแม่ท่าทางที่เรียกรอยยิ้มจากผู้ใหญ่ในห้อง

          “ คุณแม่หนูหล่อมั๊ย ” เอ่ยถามเสียงเบาราวกับกระซิบเพราะกลัวว่าตัวเองจะเสียงดังจนทำให้น้องของอาจุนซูตื่น ปากเล็กจุ๊บลงบนปากของน้องน้อยของตัวเองเบาๆ เพื่อทักทายยามเช้าเหมือนทุกวัน

          “ หล่อมากครับ ” จมูกรั้นกดลงบนแก้มนุ่มของลูกชาย “ ใครเป็นคนเลือกชุดให้เอ่ย? ”

          “ คุณพ่อครับ ” ตอบด้วยน้ำเสียงภูมิใจก่อนจะหันไปมองพ่อหมีที่เดินตามเข้ามาในห้องรับแขกพร้อมกับยักคิ้วบอกว่า คุณแม่บอกว่าหนูหล่อแหละคุณพ่อ

          แจจุงไม่แปลกใจเลยที่วันนี้เห็นมุนบินใส่แว่นกันแดดลงมาแบบนี้  ก็พ่อลูกคู่นี้ปล่อยให้เลือกซื้อผ้ากันเองทีไรไม่เคยมีคำว่าธรรมดาเพราะแบบนี้ไงล่ะแจจุงถึงไม่ค่อยอยากให้ยุนโฮแต่งตัวให้มุน
    บินเท่าไหร่   ก็ถือซะว่านานๆทีลูกหมีจะได้แปลกตาไปบ้าง

          “ มานานแล้วเหรอ ” ยุนโฮเอ่ยถามแขกทั้งสองพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาก่อนที่ร่างป้อมๆของลูกหมีจะตามขึ้นมานั่งบนตักอย่างรู้งาน

         “ สักพักแล้วล่ะ ”

          “ อืม....งั้นทานข้าวเลยมั๊ยจะได้ออกไปเลย ” ยุนโฮพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะมองนาฬิกาแล้วเอ่ยชวนเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็จะถึงเวลาที่เยอึนกับชานฮีต้องไปฉีดวัคซีนตามนัดแล้ว

          ยุนโฮจัดการอุ้มลูกหมีลงจากตักก่อนจะจูงเดินนำไปที่ห้องอาหารเมื่อเห็นว่าทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย   แจจุงหันไปเรียกแม่บ้านให้เข้ามาอยู่เป็นเพื่อเยอึนกับชานฮีในระหว่างที่ผู้ใหญ่กำลังทานอาหาร

     

     

    ..........................................

     


     

         “ เป็นอะไรทำไมถึงได้ทำหน้าเหมือนคนใกล้ตายอย่างนั้นล่ะ ” ยุนโฮเอ่ยถามเพื่อนรักในขณะที่กำลังนั่งรอคุณภรรยาทั้งสองพาลูกน้อยเข้าไปฉีดวัคซีน

         อันที่จริง ยุนโฮสังเกตตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่บ้านแล้วเพราะเหมือนว่ายูชอนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง   และยิ่งเห็นเพื่อนรักนั่งเงียบแถมทำหน้ากลุ้มใจเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากยุนโฮก็ยิ่งสงสัย

         ยูชอนปรายตามามองเพื่อนรักก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เขาไม่เคยปิดอะไรยุนโฮได้เลยใช่มั๊ย “ เฮ้อ.... ” เสียงถอนหายใจของยูชอนมันดังพอที่จะทำให้มุนบินที่นั่งดูการ์ตูนในไอแพดต้องหันมามอง “ ไม่ตายก็เหมือนตายล่ะวะ ” บอกเสียงเอื่อย  ตอนนี้ปาร์คยูชอนคนนี้ไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็นหรอก

         “ หืม... ”  ยุนโฮหันมามองด้วยน้ำเสียงแปลกใจก่อนจะขยับตัวเพื่อให้มุนบินขึ้นมานั่งบนตักพร้อมกับรับไอแพดจากเจ้าตัวเล็กมาถือเอาไว้ให้เมื่อลูกหมีบอกว่า

          คุณพ่อหนูเมื่อยแล้ว  คุณพ่อถือให้หน่อยสิ

          “ หมายความว่ายังไง ” เมื่อจัดท่านั่งให้มุนบินเรียบร้อยแล้วยุนโฮก็หันมาถามถึงเรื่องที่คุยค้างกันไว้เมื่อสักครู่

          “ ฉันรู้สึกว่าชานฮีไม่ชอบฉัน ” บอกเสียงเศร้า  จะเป็นอะไรมั๊ยถ้าหากปาร์คยูชอนคนนี้จะอิจฉาภรรยาตัวเองที่ลูกรักมากกว่า 

         มันน่าเศร้าน่ะที่มีลูกทั้งทีแต่กลับไม่ได้ทำหน้าที่ของพ่อได้เต็มที่เท่าไหร่   ยิ่งเห็นยุนโฮกับมุนบินเขาก็ยิ่งอิจฉาเขาเองก็อยากสนิทกับลูก  อยากกอด อยากฟัด อยากเล่นกับลูกเหมือนกับที่ยุนโฮทำบ้างแต่ดูเหมือนว่าชานฮีจะไม่อยากทำแบบนั้นกับเขาเท่าไหร่เพราะเมื่อใดที่อยู่กันตามลำพังลูกชายสุดที่รักก็จะเกิดอาการงอแงทันที

          “ พูดเป็นเล่นน่า ....มีที่ไหนลูกไม่ชอบพ่อ ” ยุนโฮพูดติดตลก 

          “ ฉันพูดจริงนะ ” บอกเสียงเครียด  “ ฉันต้องจะทำยังไงดี ” ปรึกษาเพื่อนด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

           ทั้งใบหน้าและน้ำเสียงที่เป็นกังวลของยูชอนทำเอายุนโฮไม่กล้าที่จะล้อเล่น   เขาเองก็ไม่เคยเจอแบบนี้ด้วยสิเพราะทุกครั้งที่มุนบินงอนหรือว่าเมินเขาก็จะรู้สาเหตุทุกครั้งและนั่นมันทำให้เขาง้อได้ตรงจุด   แต่กรณีของยูชอนนั้นต่างออกไปเพราะชานฮีเองก็ยังเด็กมากเลยทำให้ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เจ้าตัวเล็กไม่อยากให้ยูชอนเข้าใกล้แบบนี้

         “ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ” ส่ายหน้าบอกอย่างจนปัญญา  “ ฉันว่าแกลองปรึกษาคุณหมอดูสิเผื่อจะมีวิธี ”  ยุนโฮแนะนำเห็นทีว่าเรื่องนี้คนที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุดคงจะเป็นคุณหมอแล้วล่ะ

         “ ฉันก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน ” พยักหน้าเบาๆเขาก็เคยคิดเรื่องนี้เหมือนกันแต่คงต้องรอดูอีกสักพักก่อนเผื่อว่ามันจะมีอะไรดีขึ้นมาบ้างเพราะถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน

          “ แต่ฉันว่า  แกควรจะอยู่กับลูกบ่อยๆนะ  ช่วงแรกๆอาจจะให้จุนซูอยู่ด้วยแล้วพอชานฮีเริ่มคุ้นแกก็ลองอยู่กับลูกตามลำพังฉันว่ามันน่าจะช่วยได้ ” มือหนาข้างที่ว่างตบลงบนไหล่เพื่อนเพื่อให้กำลังใจ 

          ถึงแม้จะไม่รู้ว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลหรือเปล่าแต่ยุนโฮก็คิดว่ามันคงจะดีกว่าไม่ทำอะไรเลย   และพอเห็นยูชอนเป็นแบบนี้ยุนโฮก็อดที่จะคิดถึงตัวเองไม่ได้เพราะถ้าหากว่ามุนบินหรือเยอึนเป็นแบบนี้กับเขาบ้างเขาคงได้ไปแอบร้องไห้วันละสามเวลาหลังอาหารแล้วล่ะ  

          “ อืม...แล้วฉันจะลองดู  ขอบใจนะ ”

          “ ไม่เป็นไร  แกก็อย่าคิดมากเรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา ”

          “ อืม.... ”ยูชอนส่งยิ้มบางๆให้เป็นการขอบคุณก่อนจะมองหน้ายุนโฮนิ่งเขากำลังคิดว่าควรจะถามดีหรือเปล่าเพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัว “ เออ...ยุนโฮฉันมีอีกเรื่องอยากจะถามแกอ่ะ ”

          “ ว่ามาสิ ” คิ้วหนาเลิกขึ้นขณะที่กำลังเลือกการ์ตูนเรื่องใหม่ให้ลูกชาย

           ยูชอนมองหน้าเพื่อนก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอึกอัก “ เอ่อ...คือว่า  ตั้งแต่แจจุงคลอดเยอึน  แก เอ่อ  มีอะไรกับแจจุงยังวะ ” สาบานได้ว่าปาร์คยูชอนไม่ได้อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของเพื่อนแต่เขาแค่อยากจะรู้ว่ายุนโฮเป็นเหมือนเขาหรือเปล่า

            “ เฮ้ย.....คิดไงถึงถามเรื่องนี้ ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจเพราะไม่คิดว่ายูชอนจะถามเรื่องแบบนี้

            “ ก็ไม่คิดไงอ่ะ  ก็แค่อยากรู้  ” ตอบเสียงอ้อมแอ้ม 

            “ แล้วแกคิดว่าจะเหลือมั๊ยล่ะ ” ยุนโฮบอกกลั้วรอยยิ้มคิดว่าเขาจะปล่อยแจจุงให้รอดมาจนถึงตอนนี้เหรอไม่อยากจะบอกว่าตั้งแต่เดือนแรกแล้วล่ะ  แต่แล้วตาเรียวก็ต้องเบิกโตเมื่อฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ “ อย่าบอกนะว่าแกกับจุนซู..... ”

           “ เออ....จะปีนึงแล้วเนี่ย ” ยูชอนพยักหน้ารับเซ็งๆ  ตั้งแต่วันที่รู้ว่าจุนซูท้องนี่ก็เกือบมีแล้วเนี่ยที่เขากับจุนซูห่างหายจากเรื่องอย่างว่าจนตอนนี้ปาร์คยูชอนคนนี้จะเฉาตายอยู่แล้ว

           ลูกก็ไม่ได้กอด  เมียก็ไม่ได้แอ้ม เกิดเป็นปาร์คยูชอนมันช่างอนาถดีแท้

            “ จริงดิ ” ยุนโฮทำหน้าไม่อยากจะเชื่อตั้งเกือบปีเลยนะเป็นเขาลงแดงตายแน่ๆ  “ แกทนได้
    ไงวะ ”

            “ ทนไม่ได้ก็ต้องทน ” บอกปลงๆ ก็คนมันไม่มีทางเลือกนี่หว่าตอนนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องคิดถึงลูกในท้องเป็นอันดับแรกก็เลยไม่กล้าทำอะไร

            “ ตอนท้องก็ไม่เคยเหรอ.... ” คิ้วหนาขมวดมุ่นตอนนี้ยุนโฮแปลกใจจริงๆนะที่ได้ยินยูชอนพูดแบบนี้

            “ อืม... ”

           ยุนโฮอ้าปากค้างอย่างเหลือเชื่อเขานึกว่ายูชอนมันจะตบะแตกตั้งแต่ตอนที่จุนซูท้องซะแล้วเพราะเห็นมาถามว่าตอนที่แจจุงท้องเขากับแจจุงเคยทำเรื่องอย่างว่ากันมั๊ย   ซึ่งเขาก็บอกไปว่าเคยเพราะเคยถามคุณหมอแล้วคุณหมอบอกว่ามีอะไรกันได้ปกติแต่ต้องระวังเป็นพิเศษก็แค่นั้น  แต่วันนี้ยูชอนกลับมาบอกว่าไม่ได้มีอะไรกับจุนซูมาเกือบปีแล้วแบบนี้จะไม่ให้แปลกใจได้ยังไงไหว

            “ แล้วแกไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ  ตั้งเกือบปีน่ะเว้ย ” มันไม่ใช่เวลาน้อยๆเลยนะ  ยุนโฮไม่เชื่อหรอกว่าเวลาอยู่กับจุนซูแล้วยูชอนจะไม่รู้สึกอะไรขนาดเขาอยู่กับแจจุงเขายังรู้สึกเลย 

            “ รู้สึกสิ    ทำไมจะเขาจะไม่รู้สึกล่ะ  รู้สึกมากซะด้วยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากการแอบไปปลดปล่อยคนเดียว

           “ แล้ว? ” คิ้วหนาขมวดเป็นปม  รู้สึกแล้วทำไมไม่ทำล่ะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องปกติของคนเป็นผัวเมียกันนี่นา

           “ ฉันไม่กล้าขอ  เห็นช่วงนี้จุนซูดูเหนื่อยๆ กลัวว่าขอไปแล้วจะไม่ได้ ” บอกออกไปถามตรง  เพราะดูเหมือนว่าช่วงนี้จุนซูดูเหนื่อยๆเพราะต้องเลี้ยงลูกทั้งวันพอหัวถึงหมอนก็หลับสนิทไม่เปิดโอกาสให้เขาได้สะกิดเลยสักคืนเล่นแบบนั้นแล้วยูชอนก็ไม่อยากกวนใจคนรักเพราะกลัวว่านอกจากจะไม่ได้แล้วดีไม่ดีอาจจะได้ไปนอนนอกห้องอีกด้วย

           “ เรื่องแบบนี้ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอวะ ”

           “ แต่ว่า.... ” ยูชอนกำลังจะค้านหากแต่เสียงทุ้มของยุนโฮก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน

           “ ไม่แน่นะ  บางทีจุนซูอาจจะรอให้แกขอก็ได้ ”











    ***** หายไปนานมาก   ลืมกันรึยังเอ่ย ?  ช่วงนี้ไรเตอร์ยุ่งๆ ยังไงก็ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะจ๊ะ
               ตอนนี้อยากแต่งเมียแต่งเวอร์ชั่นยุนแจมากมาย  แต่เวลาอยู่ไหน น น น  555+

    ***** ขออีกนิด  " ปาร์คยูชอนไม่ชอบให้ใครมาทำร้าย  เพราะปาร์คยูชอนชอบทำร้ายตัวเอง "

         

        

      

    เครดิต :: ทวิตเตอร์หกพันสองเดอะมิคกี้

        

        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×