ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fic: taokacha -134340-

    ลำดับตอนที่ #2 : 134340. -CH1-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 144
      0
      18 มิ.ย. 57

     

    CHAPTER 1



    ช่วงยามค่ำคืนมีดวงตาเป็นของตัวเอง และคืนแล้วคืนเล่า มันจ้องมองผมจากเส้นขอบฟ้าซึ่งปริแตกออก พระจันทร์เสี้ยวลอยดวงกลางละอองเมฆ พระจันทร์ที่เขาชี้ชวนให้ผมดู
    ในคืนนั้น 
    ผมรักดาวระยิบหรี่แสงมากกว่า แต่เมื่อเขากล่าวว่า สำหรับกู มึงเหมือนดวงจันทร์ที่กำลังมองกูแบบนี้ในตอนกลางคืน และหาหนทางที่จะกลับมาที่นี่อีกครั้งเสมอ ผมก็เลิกหลงรักดวงดาว

     

    เพียงดวงตาสีดำใสแจ๋วคู่นั้นจ้องมองพระจันทร์โพ้นไก ผมก็มองมันอยู่ด้วยเช่นกัน 

     

    ห้องหับที่ไม่มีใครอีกคนอยู่ ปรากฏตัวใครคนนั้นมากกว่าที่เคยเป็น ร่องรอยพลิ้วไหวของม่านสีขาว ในห้องน้ำเงินเข้มด้านหนึ่งซึ่งคนเลือกสีบอกว่าเป็นสีของท้องทะเล คน ๆ นั้นอยู่ตรงนั้น อยู่ตรงนี้ อยู่ในดวงตาของผม และในดวงตาของยามค่ำคืน
     

    แน่นอนว่าผมรอคอยอยู่เสมอจริง ๆ อย่างที่มีคนบอกไว้

     

     

     

     

     

     

     

    รู้สึกแปลกอย่างไรพิกล ที่ต้องค้อมยอมรับอย่างจำนน ว่าผมมีความรัก

    ความรักยาวนานจนไม่อาจนับ กับคนที่ไม่เคยคิดว่าตนเองจะรู้สึกถึงคำว่ารักได้

     

     

     

     

     

     

     

    “วันนี้เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม”

     

    ผมนอนตะแคงขวา หนีบโทรศัพท์ไว้ระหว่างหมอนและหูตัวเอง ในมือเปิดพลิกหนังสือที่ค่อนข้างยับเยินในมือไปมา

     

    “มึงเหนื่อยกว่ากูอีก”

     

    “ผมถามคุณต่างหากครับ เป็นยังไง เหนื่อยใช่ไหมล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว เดี๋ยวก็นอนได้แล้ว”

     

    ดึกแล้วที่ผมพูดถึงคือเวลาห้าทุ่มสามสิบสามนาทีจากเวลาในมือถือ ช่วงเวลา’ดึกแล้ว’ของเด็กอนามัยที่มักจะง่วงตั้งแต่สี่ทุ่มหากไม่มีงาน

     

    “ไม่”

     

    ใช่ อนามัย แล้วก็ดื้อ

     

    “ปะ อ่านหนังสือกัน ฟังแล้วหลับไปเลยนะ โอเคไหม”

     

    ไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่ผมรู้ว่าเขาฟังอยู่ หนังสือที่คั่นหน้าเอาไว้ถูกกางเปิดออก ผมเริ่มต้นเหมือนทุกที
     

    “สปุตนิกสวีทฮาร์ท หน้าสองร้อยสามสิบเอ็ด...”

    ผมทอดจังหวะนิดหน่อย กระแอมไอให้โล่งคอ แล้วเริ่มอ่าน


    “อีกครั้งที่ผมรับทราบถึงความสำคัญที่สุมิเระมีต่อผม บุคคลที่ไม่อาจหาอื่นใดมาแทนที่ได้ เธอเป็นผู้เหนี่ยวรั้งผมให้สังกัดโลกนี้ ทุกคราวที่ผมคุยกับเธอ อ่านนิยายของเธอ ห้วงความคิดของผมจะขยายเบ่งพอง ผมจะมองเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ต้องพยายามแต่อย่างใด เราสองคนเคลื่อนเข้าชิดใกล้กัน เหมือนคู่รักหนุ่มสาวเปลื้องอาภรณ์แช่มช้าต่อหน้ากัน ผมกับสุมิเระเปลื้องหัวใจให้อีกฝ่ายได้เห็น ประสบการณ์ที่ผมไม่เคยได้รับจากผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เราฟูมฟักสิ่งมีค่าที่เราร่วมแบ่งปันกัน แม้เราจะไม่เคยเปล่งถ้อยออกมาเลยว่าความพันผูกนั้นเลอค่าเพียงใดต่อเราทั้งสอง...”

    คนฟังยังคงฟังอย่างเงียบเชียบ ไม่เอ่ยแทรก ไม่มีแม้เสียงใดนอกจากเสียงลมหายใจผะแผ่วแว่วมาในโทรศัพท์ ผมรู้ว่าเขาไม่ได้หลับ เขาไม่เคยหลับระหว่างที่ผมอ่านหนังสือให้เขาฟัง ไม่ว่าจะต่อหน้าที่สามารถมองเห็นกันได้ หรือในเวลาห่างไกลที่ได้ยินกันแต่เสียงเช่นนี

    ผมอ่านหนังสือต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงวรรคหนึ่งที่ผมเผลอหลุดยิ้ม และเว้นจังหวะชั่วระบายลมหายใจ ก่อนอ่านต่อ

    “...ผมรักสุมิเระมากกว่าใครในโลก และต้องการเธอมากกว่าสิ่งใด ๆ ที่เคยต้องการจากโลกนี้ ผมไม่อาจเก็บงำซุกความรู้สึกนั้นไว้ เพราะไม่มีสิ่งใดจะเข้ามาแทนที่ห้วงว่างเปล่าในหัวใจได้”

    นานจนหน้ากระดาษหมดไปอีกหลายหน้า กะเวลาได้ประมานสิบนาที ผมก็หยุด ปิดหนังสือและวางไว้ข้างหมอน หันมาพูดกับคนในสาย

    “ไว้อ่านต่อพรุ่งนี้ หลับได้แล้วครับ ไม่ง่วงรึไง”
     

    “ไม่ แต่อยากให้นอนใช่ไหม ต้องง่วงใช่ปะถึงจะถูกใจ งั้นไปนอนก็ได้”

    ผมส่ายหัวกับน้ำคำประชดประชันที่ฟังจนชินเสียแล้ว ถอนใจอย่างนึกขำมากกว่าจะมองว่าอีกฝ่ายโกรธจริงจัง

    “ไม่ได้หมายความอย่างนั้นเลย เป็นห่วงหรอก ดึกแล้ว คุณตื่นเช้าทุกวัน นอนเถอะ”

    “อือ”

    แต่ก็ยังไม่ยอมวางสาย

    “หลับซ้า...” ผมทอดเสียงอ่อน “หลับซะครับ นอนนะ หลับให้สนิท”

    “ฝันดี”

    ฝ่ายนั้นเอ่ยออกมาเบา ๆ ครู่หนึ่งสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป ผมยิ้มให้กับหน้าจอโทรศัพท์ที่เป็นรูปกระดาษแผ่นหนึ่ง บนนั้นมีข้อความเขียนไว้ด้วยลายมือ




     

     

    อีกวันที่ความรักเนิ่นยาวออกไปดูเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุด เนิ่นนานจนทิ้งร่องรอยรวดร้าวของการรอคอยลงบนเรือนร่างไร้รูปทรงในหัวใจของผม  เรือนร่างที่แท้จริงแล้วก็เกิดขึ้นมาจากการรอคอยเช่นกัน

     

    การใช้จ่ายวันเวลาไปด้วยกัน การหมดเปลืองความคิดถึงทั้งหมดทั้งสิ้น ทำให้รูปร่างใหม่ก่อตัวขึ้น การมองหาเขาจากที่ไกล ๆ ทำให้หลงคิดไปหลายต่อหลายครั้งว่าเขาเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว ความรักหล่อเลี้ยงชีวิตในรูปแบบนั้นเสมอ

     

    ผมปล่อยให้ลมหายใจทุกลมหายใจมีเขาปนเปื้อน สรรพสิ่งใด ๆ ก็ตามในโลกระหว่างเราดูคล้ายไม่สมจริงค่อนไปทางทำนองความฝันซะมากกว่า แต่เขากลับเป็นจริงอยู่เสมอ ผมเชื่อมั่นอย่างนั้น
     

    ไกลแสนไกล แต่จริงแสนจริง


    เราไม่ได้อยู่ไกลกันมาก แต่ก็ไม่ได้อยู่ใกล้กันนัก ซ้ำ เมื่อคราวที่ได้อยู่ใกล้ ก็ยังไม่อาจอยู่ใกล้กันได้มากเท่าที่เราวาดหวัง แน่นอนว่าผมรอคอยวันแล้ววันเล่าให้เขาเข้ามาใกล้ชิดอยู่ร่วม จนกระทั่งการรอคอยสิ้นสุด และมีการรอคอยใหม่ ๆ เกิดหนุนขึ้นแทนที่ การรอคอยเชื่อมต่อสายสัมพันธ์ระหว่างเรา จนผมแน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเองว่าเราต่างรอคอยกันและกัน

     

    และคิดถึงกันตลอดเวลาอันยาวนาน

     

     


     

     

     

    ความอดทนรอคอยมีอีกชื่อหนึ่งเรียกว่าความรัก


     

     

     

     

     

    ค่ำคืนนั้นผมฝัน ฝันถึงครั้งล่าสุดที่ผมนอนกอดเขาเอาไว้แล้วหลับไปด้วยกัน
    ซึ่งนั่นก็ผ่านมานานมากแล้ว
     






     

    To be continued.


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×