ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฤทธิ์รักคนเถื่อน ผ่านพิจารนาสำนักพิมพ์ แสนรัก (ไลต์ออฟเลิฟ)

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 14 RENEW

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.63K
      5
      31 มี.ค. 59



    SQWEEZ


     

    ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมือง แอร์เย็นฉ่ำแผ่กระจายไปทั่วร้าน ทั้งที่บรรยากาศก็ออกจะอบอุ่นสบายตา แถมพนักงานก็ยังบริการเป็นกันเองสร้างความประทับใจให้ผู้ที่เข้ามาใช้บริการได้เป็นอย่างดี แต่ทว่ามุมหนึ่งของร้านบรรยากาศบนโต๊ะกลับดูเคร่งเครียดเพราะคนที่นั่งอยู่ไม่รู้สึกผ่อนคลายกับบรรยากาศนี้เลยสักนิด [WU1] เจมส์นั่งจ้องอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ โดยมีสองสาวคั่นกลาง เอมมาลินส่งยิ้มเฝื่อนๆ ไปให้ภูเบศ เนื่องจากเจมส์ขอมาด้วยแบบกะทันหัน ทำให้เธอไม่ได้โทรบอกเขาก่อน ชายหนุ่มประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ฝืนยิ้มแม้จะมีความไม่ชอบใจอยู่ลึกๆ ที่โดนอีกฝ่ายเอาแต่เขม่นมอง

    บริษัทเป็นไงบ้างครับ ได้ข่าวว่ากำลังไปได้สวย” ภูเบศเอ่ยขึ้นเป็นเชิงชวนคุยตามมารยาท

    ก็ดีครับ ช่วงนี้ยอดทัวร์ค่อนข้างซาลงหน่อยช่วงโลว์ซีซั่นก็แบบนี้ ต้องทำใจ”

    พักหลังคุณมาอยู่นี่ แล้วบริษัทที่โน่นล่ะครับใครดูแล”

    เจมส์ย่นคิ้วมองด้วยความประหลาดใจนิดๆ รู้สึกชายคนนี้จะรู้เรื่องเขาดีเป็นพิเศษ เรื่องนั้น ผมมีคนที่ไว้ใจช่วยดูแลอยู่แล้วละครับ ถึงผมไม่อยู่มันก็ไม่เป็นไรหรอก” ชายหนุ่มบอกเสียงขรึม จริงๆ มันก็มีอยู่หรอก เพราะพอเขาไม่อยู่ตอนนี้ ทั้งเรือสำราญ ทั้งธุรกิจสถานบันเทิงอีกหลายแห่งกลายเป็นภาระลูกพี่ลูกน้องของเขาเป็นคนดูแล

    งั้นเหรอครับ ดีจังนะครับ ไม่ต้องทำอะไรเองก็มีคนทำให้”

    ไม่รู้เป็นไง เขารู้สึกเหมือนคำพูดคำจาของภูเบศมันคล้ายคนเหน็บแนมยังไงไม่รู้ รึเขาคิดมากไปเอง

    บอกตามตรงนะครับ ผมคุ้นชื่อบริษัทคุณมากเลย เรารู้จักกันมาก่อนรึเปล่า” เจมส์ตัดสินใจถามออกไปตรงๆ มองอีกฝ่ายที่นั่งอมยิ้มอย่างมีเลศนัย

    งั้นเหรอครับ คุณคงจะเคยผ่านตามั้ง ก็บริษัทผมอยู่อเมริกา”

    เจมส์ทำท่าเหมือนจะคล้อยตาม มันก็อาจใช่ ถึงอย่างนั้นมันก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดีและก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรเพิ่มเติม โดยภูเบศยังคงนั่งจิบเครื่องดื่มอย่างสบายอารมณ์โดยที่แอบยิ้มเย้ยอยู่ในใจ เจมส์อาจจะจำเขาไม่ได้ แต่ทว่าเขาจำเจมส์ได้แม่นชนิดที่ชาตินี้จะไม่มีวันลืมเลยทีเดียว

    ว่าแต่น้องเอม คุณลุงอำพลเป็นยังไงบ้างคะ” ภูเบศเบนความสนใจไปที่เอมมาลินต่อ

    อ๋อ..คุณพ่อสบายดีค่ะ ก็ตามประสาคนรักสันโดษนั่นแหล่ะค่ะ นี่เอมก็ไม่ค่อยมีเวลากลับไปเยี่ยมท่านด้วยสิ พูดแล้วก็คิดถึงจัง”

    ไว้คราวหน้าพี่มา เราไปเยี่ยมท่านกันนะ” ภูเบศแสดงท่าทีสนิทสนมจนออกนอกหน้า คล้ายจะแสดงให้เห็นว่าเขากับเธอสนิทชิดเชื้อกันปานใด

    ถ้างั้นดาขอไปด้วยคนนะ อยากไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนมานานแล้ว” ญารินดาพูดบ้าง หลังจากนั่งเงียบอยู่นาน

    ได้อยู่แล้วเนอะน้องเอมเนอะ นึกถึงปีสุดท้ายก่อนพี่เรียนจบ เรายังเคยไปตั้งแคมป์ คิดถึงวันเก่าๆ นะ อยากไปแบบนั้นอีกจัง” ภูเบศว่าไปยิ้มไปและยังส่งเสียงหัวเราะชอบใจ

    โดยที่เจมส์นั้นเอาแต่นั่งนิ่งเพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรดี พลางแอบคิดว่า นี่ตกลงเขามานั่งทำอะไรตรงนี้วะ รื้อฟื้นความหลังกันเหลือเกิน ช่างไม่เกรงอกเกรงใจคนนอกอย่างเขา ชายหนุ่มตวัดสายตาคมกริบมองภูเบศอย่างคนครุ่นคิด ประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายปี ทำให้เขามองปราดเดียวก็รู้ว่าชายคนนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลัง เพียงแต่ไม่รู้มันคืออะไร ที่แน่ๆ คือชายคนนี้รู้จักเขา มันทำเขาอดระแวงสงสัยไม่ได้ว่า ตนเคยไปทำอะไรให้ชายคนนี้เคืองขุ่นรึเปล่าหว่า เพราะสายตาที่มองมามันวาววับไม่น่าไว้ใจ แน่นอนว่าเขาย่อมมีศัตรูอยู่มากมาย ซึ่งส่วนมากก็เป็นคู่แข่งทางธุรกิจทั้งนั้น แต่กับชายคนนี้เขากลับไม่คิดอย่างงั้น มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ

     

    “คุณให้ฉันออกมาด้วยทำไมคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างไม่ใคร่พอใจนัก เพราะเธอยังทำงานไม่เสร็จเลยต้องมีเอกสารที่รอตรวจสอบอยู่ด้วย

    “วันเรามีนัดคุยงานกับลูกค้า เป็นรายใหญ่ด้วยคุณก็ต้องมาสิ”

    “แต่ปรกติคุณก็จัดการเองอยู่แล้วนี่คะ ไม่เห็นเคยเรียกฉันออกมาด้วยแบบนี้เลย เหลืองานค้างอยู่อีกตั้งมากด้วย” เธอบ่นอุบอิบ เพราะที่ผ่านมาหากเป็นงานต่างประเทศเจมส์จะจัดการเองทั้งหมด ชายหนุ่มเพียงแค่หัวเราะเมื่ออีกคนดูไม่เต็มใจเลย ตั้งแต่ที่มีเรื่องกันเมื่อวานเอมมาลินก็หมางเมินใส่อย่างเห็นได้ชัด

    การคุยงานเป็นไปอย่างเรียบร้อยดี บริษัทนี้ติดต่อทำสัญญาเพื่อที่จะส่งกรุ๊ปทัวร์จากต่างประเทศมาให้ ซึ่งถือเป็นงานใหญ่อีกหนึ่งงานสำหรับซีซั่นหน้า เอมมาลินยิ้มหน้าบานตลอดการทำสัญญา ระยะนี้มีบริษัทใหญ่ติดต่อมามากมายและบางรายจองล่วงหน้ายาวเลยทีเดียว เมื่อจรดปากเซ็นลงนามเสร็จสรรพและบอกลาคู่สัญญาเธอก็กลับมาหน้างอเหมือนเดิม

    “ยิ้มหน่อยสิคุณ นี่งานเราเพิ่งผ่านไปได้ด้วยดีนะ ไม่ดีใจหน่อยรึไง” เจมส์ว่าเมื่อกลับมาอยู่กันสองคนเธอก็หน้าบึ้งเชียว

    “คุยงานเสร็จแล้วเรากลับกันดีกว่านะคะ” บอกเสร็จเธอก็ลุกออกไปเฉย เขาล่ะเชื่อเลยคราวนี้เธอโกรธจริงจัง

    กว่าจะคุยงานเสร็จก็เย็นแล้วเอมมาลินนึกว่าเจมส์จะพาเธอกลับบ้าน แต่คนขับรถกลับพาทั้งคู่ไปที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งแทน

    “มานี่ทำไมคะ ฉันต้องการจะกลับไปพักผ่อนนะ”

    “เพื่อเป็นการฉลองให้กับงานของเราในวันนี้ ผมเลยจองโต๊ะที่นี่เอาไว้” เจมส์บอกเสียงนุ่ม

    “ไม่ถามฉันสักคำเลยใช่ไหม คุณคงต้องฉลองคนเดียวแล้วละค่ะ เพราะฉันไม่มีอารมณ์” เธอปฏิเสธออกไปตรงๆ ก่อนเปิดประตูลงไปเจมส์ถึงกับถอนหายใจชุดใหญ่เลยทีเดียว

    “เอม เดี๋ยวสิเอม คุณจะเมินใส่ผมแบบนี้ไปตลอดไม่ได้หรอกนะ โกรธก็พูดสิอย่าทำเฉย” ใจชื้นขึ้นเล็กน้อยเมื่อเธอยอมหยุดก่อนจะหันกลับมามองเขาตาขวาง

    “คุณมันใจร้ายที่สุดในโลก”

    “อันนี้ผมยอมรับ” เจมส์ยักไหล่นิด

    “โหดร้ายและป่าเถื่อนที่สุด”

    “แรงไปหน่อยนะสำหรับข้อนี้”

    “หรือว่าไม่จริง คุณรังแกฉัน” เสียงเธอเพิ่มระดับขึ้นตามอารมณ์ เจมส์ชูสองมือขึ้นในท่ายอมแพ้

    “โอเค รังแกก็รังแก เชิญระบายมาให้พอ เสร็จแล้วก็หายโกรธซะนะ” เขาพูดหน้าตาเฉย

    “นี่คือการขอโทษของคุณใช่ไหม”

    “มันคือการฉลองให้กับงานและการคืนดีของเรา” เจมส์รวบรัดเอาดื้อๆ มันทำให้คนฟังขุ่นเคืองใจนัก “มาน่า ไม่เหนื่อยรึไงเอาแต่ทำหน้าบูดตลอดเวลาน่ะฮึ” เจมส์ยื่นมืออกมากุมมือเล็กเอาไว้จูงเข้าไปในร้านโดยที่หญิงสาวก็ยังมีอาการขัดขืนอยู่

    เมื่อเข้ามาถึงด้านใน พนักงานได้พาทั้งคู่ไปยังมุมที่จัดเตรียมเอาไว้ให้ แสงเทียนถูกจุดไว้ตามมุมต่างๆ เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศให้กับดินเนอร์ในค่ำนี้ โต๊ะทรงสี่เหลี่ยมปูด้วยผ้าลินินสีขาวพร้อมอาหารและไวน์รออยู่ เจมส์เดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวนั่งก่อน

    “เชิญครับคุณผู้หญิง” มือใหญ่ผายเชื้อเชิญพร้อมรอยยิ้มนุ่มลึก เพียงแต่เธอยังไม่ขยับ ใบหน้าสวยยังคงไร้รอยยิ้มเช่นเดิมบอกให้รู้ว่าความโกรธยังไม่ได้คลายลง ก็โดนเขาทำแบบนั้นเป็นใครบ้างไม่โกรธ ร่างสูงเดินมาหามองคนเจ้าแง่แสนงอนด้วยความเอ็นดู “จะยืนอยู่ตรงนี้เลยหรือ ไม่หิวรึไงอาหารที่นี่อร่อยนะ”

    “ไม่ค่ะฉันไม่หิว” ปฏิเสธออกไปทั้งที่เวลานี้ท้องเธอกำลังร้องประท้วงอย่างหนักแต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมเสียหน้า

    “แต่ผมหิวแล้วนะ และผมก็ทานไม่ได้ถ้าคุณไม่นั่ง”

    “เจมส์ คุณทำแบบนี้ทำไม”

    “ผมไม่อยากให้เราโกรธกันนาน เราอยู่บริษัทเดียวกัน อยู่บ้านหลังเดียวกัน เจอหน้ากันทุกวัน มันรู้สึกไม่ดี”

    “คุณรู้สึกอะไรด้วยหรือคะ น่าแปลกนะสำหรับคนอย่างคุณ” คำพูดประชดประชันถูกส่งออกมาเป็นระยะ เหมือนโดนเขาตบหัวแล้วมาลูบหลัง

    “ผมเป็นคนนะเอมไม่ใช่ตอไม้ ย่อมต้องโกรธเป็นธรรมดา ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าที่ผมทำลงไปมันอาจรุนแรงไปหน่อย แต่คุณเป็นผู้หญิงของผม ผมก็ต้องหวงสิ...เราจะทนหิวอยู่ตรงนี้ หรือเราจะไปนั่งทานอาหารแล้วค่อยคุยกันดีล่ะ” เขาว่าต่อ แต่คนหัวดื้อก็ยังไม่ยอมขยับอยู่ดี “เฮ้อ...ก็เพราะคุณดื้อแบบนี้ไงผมถึงต้องลงโทษคุณ” พูดจบก็ฉวยเอาร่างเล็กขึ้นมาอยู่บนอ้อมแขนของตน

    “เจมส์!” เธอร้องขึ้นด้วยความไม่พอใจ “คุณว่าแต่ฉัน คุณเองก็จอมเผด็จการไม่ต่างกันหรอก” เธอว่าแขนเล็กก็ยังคล้องเขาไว้ด้วยกลัวตก

    “งั้นเราคงเหมาะกันดีใช่ไหม จอมเผด็จการมีหน้าที่กำราบเด็กดื้อไง” ชายหนุ่มวางร่างเล็กลงไปบนเก้าอี้โดยที่มือเขายังค้ำอยู่ที่โต๊ะรอยยิ้มลึกล้ำประดับบนเรียวปากหยัก ใบหน้าหวานยังคงเมินหนีก่อนจะถูกปลายจมูกโด่งกดเข้าที่แก้มนวลเอาตอนเธอเผลอ หญิงสาวหันมาพร้อมส่งค้อนวงโตให้

    “อย่ามาฉวยโอกาสได้ไหม”

    “ก็อย่าเผลอสิ ไม่งั้นจะโดนผมทำแบบนี้” เขาฉกวูบที่ริมฝีปากเล็กโดยไวก่อนที่จะได้มีโอกาสพูดอะไร ใบหน้าเล็กแดงก่ำนั่นเพราะบริเวณนั้นไม่ได้มีแค่เธอกับเขาทั้งโกรธทั้งอายเลย แต่ยังมีพนักงานอีกสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วย เขายังกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตนอย่างสบายอารมณ์พร้อมดีดนิ้วเรียกพนักงาน “ไวน์หน่อยไหม”

    “ไม่ค่ะ ฉันไม่ดื่มแอลกอฮอล์อีกแล้ว” คำตอบของเธอทำเอาอีกคนส่งเสียงหัวเราะร่วนเธอคงคิดถึงวันนั้นเหมือนกับเขา ต่างกันตรงที่เขาเห็นมันเป็นเรื่องที่ดีเพราะมันทำให้เกิดเป็นสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างเขาและเธอขึ้นมา

     


     





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×