คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ล่ารัก 12
ด้านชายหนุ่ม หลังจากที่ไปส่งเธอแล้ว เขากลับมานั่งฟังรายงานเรื่องที่เธอก่อเอาไว้ด้วยแววตาเรียบนิ่ง เมื่อฝ่ายนั้นเรียกร้องความรับผิดชอบจากเขา
“ตอนแรกเหมือนเอนริเก้จะไม่ยอมครับ เขาคิดว่าเราหยามหน้าส่งเธอไปป่วนถึงถิ่น จะเอาเรื่องให้ได้ แต่สุดท้ายก็ยอมเจรจา ผมจ่ายค่ารักษาไอ้นั่นไปแล้ว” บารอนรายงานเสียงขรึม
“มันทำฟอร์มไปอย่างงั้นแหล่ะ ไอ้นี่มันแผนสูง ช่างหัวมันเงินเล็กน้อยแค่นั้นฉันไม่เสียดายหรอก”
เขารู้ว่าคนอย่างเอนริเก้ไม่ได้อยากได้เงินหรอก แต่ที่ยอมเพราะหวังอย่างอื่นเสียมากกว่า แต่ไม่ว่ายังไงเขาไม่มีทางเข้าพวกกับคนพวกนั้นโดยเด็ดขาด คิดถึงคนก่อเหตุขึ้นมา เธอเข้าไปทำอะไรที่นั่นนะนพิษฐา ไปตามหาเพื่อนจริงหรือ เพราะหากเป็นเช่นนั้นเขาก็พร้อมที่จะช่วยเธอ แต่หากเธอเป็นแบบเดียวกับผู้หญิงคนนั้นเล่าใช่ว่าจะดูไม่ออกว่าเธอพยายามจะเข้าใกล้เขา แต่ด้วยเหตุผลอะไรนั้นเขาก็ยังข้องใจอยู่ แต่ถ้าเธอเป็นพวกเดียวกับอริเขาคงไม่โดนไล่จนหนีหัวซุกหัวซุนแบบนั้นหรอก เธออยู่ข้างไหนกันแน่นพิษฐา
นพิษฐาออกมาทำงานตอนค่ำ เธอคิดว่าจะโดนตำหนิที่หยุดงานกะทันหันโดยไม่ลาล่วงหน้า แต่กลับแปลกใจสุดๆ ที่เฟร็ดดริกไม่ได้ว่าอะไรสักคำจนเมื่อเขาบอกเธอ ว่าเมื่อวานแอนเดรสโทรมาลางานให้เธอเรียบร้อยแล้ว นึกไม่ถึงว่าเขาจะละเอียดรอบคอบขนาดนี้ ขนาดไม่ใช่เรื่องของตนเขาก็ยังใส่ใจ ตกลงเขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ กิตติศัพท์ที่ได้ยินมานั้น เขาเป็นคนร้ายกาจและเย็นชา แต่เธอกลับพบว่าคนที่ร้ายกาจสำหรับคนอื่น กลับยื่นมือมาช่วยยามที่เธอลำบาก ทั้งที่เขาจะเมินเฉยเสียก็ได้ เพราะเธอกับเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอยู่แล้ว คนบางคนรู้หน้าไม่รู้ใจดูเผินๆ ไม่ได้เลยจริงๆ เธออยากรู้จักเขาให้มากกว่านี้ ชายคนนี้มีหลายด้านหลากมิติ แต่ด้านที่เขาแสดงต่อคนอื่นนั้นเป็นด้านที่แข็งกระด้าง
เมื่อเข้างานและจัดการหน้าที่ของตนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่ยังไม่ค่อยมีลูกค้าเธอจึงไปยืนคุยกันแคลร์ที่เคาน์เตอร์บาร์
“ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่าเธอไปนอนค้างกับเขาได้ยังไงกัน แถมยังบอกไม่มีอะไร เป็นไปได้หรือ” แคลร์ยังสงสัยไม่เลิก
“จริง..ไม่มีอะไร เมื่อวานพอฉันกินยาแก้แพ้เลยหลับเป็นตาย เขาไม่รู้ฉันพักอยู่ที่ไหนเลยพาไปเพ้นท์เฮาส์ของเขาแทน” หญิงสาวพยายามอธิบายโดยที่สายตานั้นหลบเลี่ยงที่จะมองตรงๆ เพราะจะว่าไม่มีอะไรเลยคงพูดได้ไม่เต็มปากนัก มันก่ำกึ่ง เธอโดนเขาลวนลามตอนสะลึมสะลือ แม้เธอจำได้บ้างไม่ได้บ้างก็เถอะแต่ก็รู้ว่ามันยังไม่เลยเถิดไปถึงขั้นนั้น
“เธอนี่จริงๆ เลย รู้ว่าแพ้แอลกอฮอล์ก็ยังดื่มอีก สมควรแล้วล่ะ”
“แหม..รักกันดีจริง ไม่เพียงไม่เห็นใจ ยังซ้ำเติมอีก”
“ก็มันจริงนี่ อย่างเธอนะ ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ระวังเหอะสักวันจะแพ้ภัยตัวเอง ถ้าขืนยังทำอะไรแบบไม่กลัวตายแบบนี้สักวันจะเจอดีเข้าจริงๆ” เมื่อโดนว่าเช่นนั้น ไม่เพียงเจ้าตัวจะไม่สลดกลับหัวเราะร่วนหน้าตาเฉย ไม่นำพาต่ออันตรายที่อาจนำมาซึ่งชีวิต ล้อเล่นกับโชคชะตา แม้รู้ว่าสิ่งที่ทำมันจะทำให้ชีวิตเธอไม่มีวันได้อยู่สงบสุข โดยเฉพาะภัยร้ายนั้นกำลังกร้ำกรายเข้ามาทีล่ะนิด และมันก็สาดใส่หน้าเธอเต็มๆ นพิษฐาสะดุ้งเฮือกเมื่อของเหลวสีเข้มอาบอยู่บนใบหน้าก่อนจะเห็นคนที่ทำกำลังยืนมองอย่างชิงชังจับใจ ในมือกำแก้วไวน์แน่น
“ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับเขา หูหนวกรึไง คิดฉันว่าพูดเล่นรึ อยากลองดีกับฉันใช่ไหม”
“คุณพูดอะไร” หญิงสาวใช้หลังมือปาดเอาคราบไวน์ออกจากใบหน้าอย่างมึนงง เสียงของเจ้าหล่อนนั้นดังคับร้านจนเวลานี้พนักงานทั้งหมดต่างมองทั้งคู่เป็นตาเดียวกัน แอบสยองแทนเธอเพราะรู้ความร้ายกาจของผู้จัดการสาวคนนี้ดี ไม่มีใครกล้าขัดใจหล่อน
“อย่ามาทำหน้าใสซื่อต่อหน้าฉัน เพราะมันไม่ทำให้หลงกลเธอได้หรอก ฉันมองแวบเดียวก็รู้เธอมันจอมเสแสร้ง ผู้หญิงชั้นต่ำไม่ต่างจากโสเภณี อย่าคิดนะว่าเขาจะหลงเธอได้นาน คนอย่างแอนเดรสก็เล่นชั่วคราวเท่านั้นแหล่ะ เชื่อฉันสิไม่นานหรอกเดี๋ยวเขาก็เขี่ยเธอทิ้ง” วาจาเยาะเย้ยถากถางนั้นจงใจเสียดให้เธออับอาย เพราะรู้ว่ามีคนมองเธอเต็มไปหมดตั้งใจจะประจานให้เธอไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป แต่คำที่ย้อนกลับมาทำเอาเดือดขึ้นหน้า
“เหมือนที่คุณกำลังเป็นอยู่ตอนนี้ใช่ไหม” นพิษฐาตอกกลับอย่าไม่สะทกสะท้าน แม้จะรู้ว่าที่หล่อนเป็นเช่นนี้เพราะหึงหวง แต่เพราะไม่ถามหรือฟังคำอธิบายจากเธอแบบนี้ มันเกินไป เธอไม่ได้คิดอะไรอย่างที่หล่อนว่า ที่เธอเข้าหาแอนเดรสเพราะมีเหตุผล แต่เมื่อโดนวาจาดูหมิ่นจะยืนเฉยๆ ให้หล่อนด่าก็กระไร เพราะนิสัยดื้อรั้นไม่ยอมใคร แบบนี้มันต้องตาต่อตา เลน่าขยับเข้ามาใกล้อีกนิดกระซิบให้เธอได้ยินเพียงคนเดียว
“อยากเป็นเหมือนกังสดาลใช่ไหม ความอวดดีมันทำให้หล่อนจบลงอย่างอนาถ ถ้าคิดว่ามีปัญญาจะงัดข้อกับฉันได้ เธอเล่นผิดคนแล้ว”
“งั้นเหรอ...ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ ก็ฉันมีดีให้อวดจนมันโดดเด้งไปสะดุดตาเขา คุณก็แค่คนเก่าที่เขาไม่เอาแล้ว ทำได้แค่ขู่ฉันไปวันๆ คุณทำแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันสงสัย คุณรู้จุดจบของกังสดาลดีว่าเป็นยังไง หรือนั่นเพราะคุณเป็นคนทำ...เกิดอะไรขึ้นกับกังสดาล”
“จุ๊ๆ นพิษฐา เธอมันอ่อนหัด ความอยากรู้อยากเห็นไม่เคยทำให้ใครจบดี สิ่งที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของเธอมันก็สาสมแล้ว ริอาจทำตัวเป็นสายให้คนอื่น พอโดนจับได้ก็เลยต้องหนีหัวซุกหัวซุน เขาไม่เคยปล่อยคนทรยศให้ลอยนวล” คำเยาะที่หล่อนกล่าวออกมาทำเอานพิษฐาตาค้าง
“เขาทำเหรอ” หญิงสาวโพล่งออกมาด้วยความลืมตัว
“คิดเอาเองสิ แอนเดรสเขาร้ายกว่าที่เธอคิด แต่ก็นั่นแหล่ะนะ แม่คนนั้นแส่หาเรื่องเอง แอนเดรสยังไม่ทันทำอะไรหล่อนก็ถูกใครไม่รู้จับตัวไป คงจะสร้างศัตรูไว้เยอะสมน้ำหน้าพวกช่างสอดมันต้องโดนแบบนี้ เธอเองก็ระวังไว้เถอะอย่าทำอะไรให้เขาจับได้ ไม่งั้นนะ...หึ ทางที่ดีเธอถอนตัวไปเลยดีกว่า คนอย่างเธอตามใครไม่ทันหรอก กลับไปซะ กลับไปตอนที่ยังมีโอกาส ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ”
นพิษฐานิ่งคิด คำพูดของเลน่ามันยังกำกวม ยังชี้ชัดไม่ได้ว่าเขาเป็นคนทำ ใครกันที่จับตัวเธอไป แอนเดรส เลน่า หรือมาเฟียกลุ่มนั้นกันแน่
“ไม่! ฉันกลับไม่ได้”
“เธอนี่มันหน้าด้านหน้าทนจริงๆ เธอคิดเหรอเขาจะเอาเธอจริงๆ ผู้หญิงหน้าโง่” เลน่าปรายตามองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างเย้ยหยันช่างไม่เจียมตัวเสียบ้าง ขู่ขนาดนี้ยังรั้นที่จะอยู่
“หึ! เรามันก็พอกันแหล่ะ ทั้งคุณกับฉัน คุณว่าฉันโง่ แล้วคุณมิยิ่งโง่กว่าหรือ ผู้ชายเขาไม่สนใจยังตามตื้ออยู่ได้ เที่ยวระรานคนนั้นที ขู่คนนี้ที ทำไปแล้วได้อะไร นอกจากทำให้คนอื่นนึกสมเพช” เธอโต้กลับอย่างดุเดือดผู้หญิงคนนี้เหมือนสุนัขบ้ากัดไม่เลือกโดยที่อีกฝ่ายกำหมัดแน่น
“ปากดีจริง ฉันอยากรู้นัก ถ้ามันโดนมือฉันยังจะกล้าเผยอปากพูดแบบนี้อยู่อีกไหม ไม่เคยมีใครท้าทายฉัน เพราะอะไรรู้ไหม เพราะพวกมันจะโดนแบบนี้ไง”
มือเรียวนั้นง้างขึ้น แต่ก่อนที่มันจะมาถึงหน้าเธออย่างที่ตั้งใจ เธอคว้ามันไว้ได้ก่อน เพราะเป็นคนไม่ยอมใครและเธอก็จะไม่ยืนเฉยให้ตบฟรี แต่อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนใจ ปล่อยแขนเรียวนั้น ฝ่ามือกระทบลงบนใบหน้านวลเข้าอย่างจังจนปวดแสบกลิ่นคาวเลือดคลุ้งอยู่ในปากพลันมีเสียงหนึ่งห้ามก่อนที่จะลงมือซ้ำเป็นรอบที่สอง
“หยุดนะ!” เสียงห้าวดังกังวาน ทำให้เจ้าตัวจึงหยุดค้างทันที มองแอนเดรสที่รีบเข้ามาดูนพิษฐา ยืนกุมแก้มของตน เพราะเธอเห็นเขาเดินเข้ามาจึงไม่ตอบโต้ แต่หล่อนนี่มือหนักชะมัด ล่อเสียเธอปากแตกเลย
“เธอทำอะไร” ดวงตาวาวโรจน์ยามเมื่อมองคนหาเรื่อง เลน่าจึงต้องลดมือลงอย่างเสียไม่ได้ เขาพยุงนพิษฐาให้ยืนตรงๆ ก่อนจะหันไปขึงตามองอย่างเอาเรื่อง
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” เสียงขู่เข้มของชายหนุ่มสร้างรอยเจื่อนบนใบหน้าให้ปรากฏอย่างช้าๆ เลน่าเม้มปากพร้อมกลืนคำตอบโต้ลงคอเพราะรู้หากพูดอะไรตอนนี้ ก็เหมือนยิ่งทำให้เสถียรภาพของตนยิ่งแย่ พลันคิดว่าไม่น่าวู่วามเลย ผู้หญิงคนนี้ร้ายกว่าที่คิด พลาดไปแล้วที่คิดว่าเธอเป็นหมูในอวย ที่จะกำจัดได้ง่ายเหมือนคนอื่นๆ มองนพิษฐาอย่างเจ็บใจเป็นที่สุด จากนั้นชายหนุ่มก็พานพิษฐาออกไปต่อหน้าต่อตาเธอ
ภายในรถคันหรู แอนเดรสนั่งมองนพิษฐาเอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำประคบหน้า มุมปากสวยเริ่มมีรอยช้ำขึ้นให้เห็น พลันพรูลมหายใจเบาๆ มือหนาเอื้อมไปประคองหน้าเล็กให้หันมาตรงๆ
“เจ็บไหม”
“แค่นี้เล็กน้อย ฉันเคยเจอเยอะกว่านี้ นี่มันแค่จิบๆ” พูดพลางนิ่วหน้าไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เพราะพวงแก้มนั้นกำลังบวมเป่งและเห่อแดงเป็นริ้วๆ
“เลน่าตบเธอเพราะฉันใช่ไหม” เสียงใหญ่เอ่ยถาม
“ช่างมันเถอะค่ะ ฉันไม่โกรธเธอหรอก เธอคงจะหวงคุณมาก เป็นฉันถ้าแฟนพาผู้หญิงอื่นมานอนค้างด้วยแบบนี้ ก็โกรธเหมือนกัน” พูดพลางเหล่ตามอง ชายหนุ่มขยับขาขึ้นซ้อน พลันเอนหลังแข็งแรงพิงเบาะ
“ดีแล้วที่ไม่โกรธ ไม่งั้นสุขภาพจิตจะไม่ดีเอาเสียเปล่าๆ แล้วเลน่าก็ไม่ได้เป็นแฟนฉันด้วย”
“แต่คุณกับเธอ แบบว่า...” เธอว่าพลางขมวดคิ้วเรียวสวยอย่างไม่เข้าใจ เลน่าออกอาการเสียขนาดนั้นเขากลับปฏิเสธอย่างไม่แยแส มิหนำซ้ำยังหัวเราะร่วนราวกับมันเป็นเรื่องตลกขบขัน
“หึ!ถ้าฉันต้องนับผู้หญิงที่นอนด้วยทุกคนเป็นแฟนหมด ป่านนี้ฉันมิมีแฟนเป็นร้อยแล้วหรือ”
เพียงได้ยินคำนี้ อารมณ์เธอพุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันที ผู้ชายเห็นแก่ตัว เที่ยวฟาดผู้หญิงไปทั่วไม่เลือกหน้า ยังกล้าพูดแบบนี้ช่างไร้จิตสำนึกเสียจริง ตอนนี้เธอล่ะเห็นใจเลน่าขึ้นมาตงิดๆ
“เธอไม่ต้องห่วงหรอก ฉันกับเลน่าก็แค่สนุกกันเท่านั้น” เมื่อเขาพูดมือข้างหนึ่งค้ำศีรษะตน นิ้วเรียวยาวนั้นยื่นมาฉวยเอาเส้นผมพลิ้วสลวยของเธอไปพันเล่น
ดวงตาเจ้าเสน่ห์คู่นั้นส่องแสงระยับภายในเงามืดคล้ายยมทูตที่คอยดูดกลืนวิญญาณในยามราตรี เพียงแต่ยมทูตตนนี้งามสง่าและน่าเกรงขาม เล่ห์พราวพร้อมเสน่ห์มากล้นจนสะกดใจหญิงสาวให้หยุดนิ่ง แม้ใบหน้าที่หล่อเหลาจะดูเย็นชาแต่กลับกลายเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดเพศตรงข้าม หากว่าไม่เพราะเธอมาเพื่อกังสดาลแล้วล่ะก็เธออาจหลงเสน่ห์ยมทูตตนนี้แล้วก็เป็นได้ ระหว่างที่เธอประเมินค่าอีกฝ่ายอยู่นั้นวงหน้าเข้มยื่นเข้ามาใกล้ แตะปลายจมูกลงบนไหล่สวย ไล่ระดับไปตามพวงแก้มเนียน เธอแกล้งเอียงหลบด้วยอาการขวยเขิน มือเล็กยันอกเขาไว้
“อย่าสิค่ะ ฉันอายคนของคุณ” แสร้งพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน ชะม้อยชายตาสุดฤทธิ์ทั้งที่ใจอยากผลักเขาให้เต็มแรงให้สมกับความมือไวใจเร็ว คุยกันไม่ถึงสิบนาทีก็ออกลวดลายเสียแล้ว คิดเหรอว่าเธอจะยอมง่ายๆ แต่จำต้องทำเป็นกระมิดกระเมี้ยนด้วยความเขินอายเพราะเธอยังต้องสืบความลับของเขาอีกมาก แต่ทว่าเมื่อสิ้นคำเธอ พ่อบอดี้การ์ดหุ่นกระบอกกลับเลื่อนผ้าม่านที่คั่นกลางมาบังทันที จากนั้นจึงได้ยินเสียงเปิดปิดประตู บอกให้รู้ว่าทั้งบอดี้การ์ดทั้งคนขับรถลงไปรอข้างนอกเรียบร้อยแล้วแหมช่างรู้ใจเจ้านายเสียนี่กระไร
“เห็นไหม ไม่มีใครเห็นแล้ว” จบคำมือนั้นก็ยื่นออกมาตวัดเอวกิ่วเข้าหารวดเร็วจนถอยหลบไม่ทัน เธอจึงสะดุ้งฮึกเมื่อดวงหน้าสวยอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงคืบ ภายในร่างใจดวงน้อยกระหน่ำรัวเต้นไม่เป็นจังหวะ นัยน์ตากลมสวยไหวระริกราวกับไก่ตื่นที่กำลังจะถูกสัตว์ร้ายขย้ำ กลืนก้อนน้ำลายที่ตอนนี้มันคล้ายกับก้อนกรวดลงคออย่างลำบากยากเย็น ริมฝีปากเย็นชืดของเธอถูกครอบงำได้โดยง่ายความร้อนแผ่กระจายไปไม่กี่วินาที ราวกับร่างทั้งร่างถูกหลอมด้วยเตาไฟยักษ์ที่โหมกระหน่ำ คล้ายถูกสูบลงสู่พื้นธรณี จุมพิตดูดวิญญาณที่กลืนกินเธอพร้อมกับเรี่ยวแรงจนอ่อนปวกเปียก เธอเพิ่งจะคิดอยู่แหมบๆ ว่าจะไม่ยอมเขาแต่แค่จูบนี้ของเขาก็ทำเอาอ่อนระทวยน่าอายเสียจริง กลั้นใจดันเขาออกไป
“อย่าเพิ่งได้ไหมคะ คุณยังไม่รู้จักฉันดีพอเลย และฉันเองก็ยังไม่รู้จักคุณดีเช่นกัน แบบนี้ฉันว่ามันเร็วไป” พูดพลางปนหอบ แววตาหวานหวามไหว จนคนมองแทบข่มตนไม่อยู่ไปชั่วขณ ะความไม่พอใจฉาบวาบผ่านม่านตาสีน้ำตาลอ่อนก่อนจะเลือนหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
“ได้สิ อยากรู้จักฉันเหรอ อยากรู้อะไร” ผละกายกำยำออกห่างเล็กน้อยพร้อมคลายยิ้มมุมปาก แต่ใจกลับคิดว่าเธอช่างเล่นตัวนัก คงคิดว่าเขาดูไม่ออกสินะ ว่าเธอแกล้งปล่อยให้เลน่าตบหน้าเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเขา น่าสนใจจริงๆ เธอทำเพื่ออะไรกันนะ
“ก็อย่างเช่น คุณชอบอะไรบ้าง ชอบไปไหน ทำงานเกี่ยวกับอะไร” แกล้งเปรยลอยๆ แบบไม่คิดอะไร แต่มันทำเขาสะดุด กระนั้นรอยยิ้มก็ยังมิได้จางไป “อ้อ..ฉันยังไม่ได้ถามเลย เรื่องเมื่อวานมีปัญหารึเปล่าคะ”
“เรื่องที่เธอก่อไว้นะเหรอ มันก็มีนิดหน่อยนะ เจ้านายไอ้พวกนั้นไม่ยอม เธอน่าจะรู้นะว่าที่นั่นมีมาเฟียคุมอยู่ เขาไม่พอใจมากที่เธอไปทำร้ายลูกน้องเขา จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
“แต่นายนั่นคิดจะปล้ำฉันก่อนนะคะ ฉันแค่ป้องกันตัว” เธอรีบแย้งเสียงแข็งอย่างกรุ่นโกรธ ก่อนจะผ่อนมันลงปรายตามองชายหนุ่มเล็กน้อย “แล้วคุณตอบเขาว่ายังไง”
“เขาอยากให้ฉันส่งตัวเธอให้เขา”
“คุณคงไม่ทำแบบนั้นใช่ไหมคะ”
“กำลังคิดอยู่” พอเขาบอกดวงตากลมโตจึงพองขึ้นด้วยความตกใจแอนเดรสจึงหัวเราะร่วน เอนตัวเข้ามากระซิบริมใบหูสวยเสียงเบา “ฉันล้อเล่น ฉันจะกล้าส่งเธอไปได้ยังไงกัน” ขยับริมปากหนางับติ่งหูเป็นเชิงหยอกเย้า หญิงสาวสะดุ้งวาบ
“คุณนี่ ทำเอาฉันตกอกตกใจหมดเลย” ส่งสายตาค้อนประหลักปะเหลือกไปให้ จนเขาอมยิ้มกับท่าทีไร้จริต แต่ดูเหมือนจะเป็นมายาสำหรับเขา เพราะนี่มันอาจจะไม่ใช่กิริยาที่แท้จริงของเธอ ใช่! เขายังต้องเรียนรู้เธออีกมาก” แล้วยังไงอีกคะ คุณทำยังไง” ตากลมใสวาววับด้วยความอยากรู้
“เขาเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ไม่ต้องห่วงฉันจ่ายไปเรียบร้อยแล้ว”
“แบบนี้ฉันก็เป็นหนี้คุณนะสิ “ เธอพูดพลันย่นหน้าอย่างไม่สบายใจ “เยอะไหมคะ ฉันจะได้รู้ว่าฉันต้องใช้หนี้คุณเท่าไหร่”
“เงินแค่นั้นมันเล็กน้อยสำหรับฉันมาก ฉันไม่ต้องการมันคืนหรอก”
“ไม่ได้หรอกคะ คนอย่างฉันเป็นหนี้ต้องชดใช้ ฉันไม่เคยเอาของใครฟรีๆ” หญิงสาวรีบออกตัวด้วยสีหน้าจริงจัง ถึงจะเป็นหนี้ที่เธอไม่ได้ตั้งใจก่อ แต่เมื่อเขายอมชดใช้แทนเธอ เธอก็จะไม่เอาเปรียบเขาเด็ดขาด แต่ทว่าเธอคิดผิดถนัด เมื่อคนตาคมกระตุกยิ้มแบบมีความนัย
“ฉันไม่อยากได้คืนหรอกเงิน แต่ฉันอยากได้อย่างอื่น” มือเขานั้นเกลี่ยอยู่ข้างแก้มเนียนอย่างนุ่มนวลวงแขนแกร่งวางอยู่ด้านหลังที่นั่งเธอราวกับจะกักขังเธอไว้อ้อมแขนเขา จนหญิงสาวรู้สึกเหมือนโดนต้อนจนค่อยๆ จนมุมทีล่ะน้อย
“อยากได้อะไรคะ” ถามด้วยใบหน้าใสซื่อทั้งที่รู้ความหมายอยู่เต็มอก
“ลองทายดูสิ ว่าฉันอยากได้อะไร” นิ้วแกร่งลากวนอยู่ปลายคางมนเชยมันขึ้น พร้อมความหมายที่เธอเข้าใจได้แจ่มแจ้ง
นั่นไง! ยมทูตเผยตัวตนออกมาจากความมืดแล้วคนหัวใสอย่างแอนเดรสมีหรือจะให้ใครฟรีๆ ทำเป็นสุภาพบุรุษมาช่วยเธอจากตัวร้าย แต่เขากลับกลายเป็นคนร้ายเสียเอง หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นข้อเสนอที่ยวนใจ หากว่าเธอได้อยู่ใกล้เขาอาจจะทำอะไรได้ง่ายขึ้น
“ขอเวลาฉันคิดหน่อยได้ไหมคะ” แกล้งถ่วงเวลาออกไปก่อน เธอต้องคิดให้ถ้วนถี่ถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา
“เพื่อเธอได้อยู่แล้ว” ตอบอย่างหน้าชื่นพอใจกับของเล่นแสนสวยที่เขากำลังจะสอยไปครอบครอง “งั้นวันนี้เราไปเที่ยวกันดีกว่า เพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น” คนเจ้าแผนการเอ่ยชวน
“แต่นี่มันเวลางานของฉันนะคะ เกรงว่าคุณเฟร็ดดริกจะไม่พอใจเอา เมื่อวานฉันก็เพิ่งหยุดโดยไม่บอกกล่าว”
“ไม่ต้องห่วง คนทั้งร้านเขาก็รู้เธอมากับฉัน เฟร็ดดริกไม่ว่าอะไรเธอหรอก อย่ากังวล” พูดจบเขาก็เคาะนิ้วเรียกคนด้านนอก ไม่นานรถคันหรูก็แล่นออกไปพร้อมกับเจ้าของที่กำลังอารมณ์ดีสุดๆ ใจครุ่นคิดอย่างหมายมั่น
หากเธอเป็นวิหคน้อยที่ถลามาซบอกเพื่อหาที่คุ้มภัย เขาก็ยินดีที่จะอ้าแขนรับ แต่หากเป็นอีกาที่จะมาสาวไส้ให้คนอื่นกิน กรงทองที่เขาเตรียมไว้สำหรับเธอจะกลายเป็นกรงขังทันที
ความคิดเห็น