คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 สูญเสีย
บ่วงพญามาร
บทที่ 1
ร่างสูงใหญ่กำยำก้าวขึ้นไปตามบันไดวนอย่างรีบร้อน ใบหน้าคมนั้นดูวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง คิ้วเข้มดกหนาเรียงกันเป็นแพพาดระกับดวงตาสีเหลืองอำพันประดุจเหยี่ยวภูเขา จมูกโด่งคมสันต์รูปทรงหยดน้ำมันช่างเข้ากับเรียวปากรูปกระจับสีส้มแบบธรรมชาติ โยฮัน ฟริตซ์ ชายหนุ่มวัยสามสิบสาม เจ้าของเหมืองเพชรที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเยอรมัน ผู้ซึ่งมีลักษณะนิสัยอารมณ์ร้อน และสิ่งที่ทำให้เขาต้องยอมทิ้งเหมืองกลับมาหนนี้ก็เนื่องด้วย โนอา ฟริตซ์ น้องชายคนเดียวของเขาป่วยหนัก
เมื่อชายหนุ่มขึ้นมาถึง ภายในห้องช่างดูหดหู่นัก เขามองร่างอ่อนแรงของผู้เป็นน้องชายที่อยู่บนเตียงนอน โดยที่ข้างเตียงนั้นมีหญิงสูงวัยยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าเศร้าสลด พอโนอาเห็นพี่ชายเขาพยายามที่จะยิ้มให้ หากแต่เป็นรอยยิ้มเฝื่อนๆ ใบหน้าที่ครั้งหนึ่งเคยร่าเริงกลับกลายเป็นหมองเศร้าเพียงเพราะคนๆ หนึ่งที่ไร้หัวใจ เขารู้มาตลอดว่าโนอายังอาลัยอาวรณ์คนๆ นั้นอยู่
“โยฮัน มาเสียที ผมนึกว่าพี่จะมาไม่ทันเสียแล้ว” เสียงแหบห้าวแสนแผ่วของน้องชายทำเอาโยฮันรู้สึกเศร้าใจนัก
“ไม่ทงไม่ทันอะไรกัน พูดเสียน่ากลัวเชียว แล้วนี่แกเป็นยังไงบ้าง ป่วยหนักขนาดนี้ทำไมเพิ่งบอกพี่”
น้ำเสียงคล้ายตำหนิอยู่ในที เพียงแต่มันเต็มไปด้วยความห่วงใย เป็นเพราะชีวิตของเขามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง พ่อกับแม่ของทั้งคู่เสียไปนานแล้ว เหลือแต่ผู้เป็นป้าที่คอยเลี้ยงดูมาเขาจึงรักและผูกพันกับน้องชายคนนี้มาก
“เพราะตอนแรกผมคิดว่ามันจะไม่เป็นไร แต่ตอนนี้เหมือนมันจะไม่ใช่แบบนั้นแล้ว หมอเพิ่งตรวจพบก้อนเนื้อร้าย ซึ่งผมอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานนัก” โนอาพยายามจะบอกเพื่อให้พี่ชายเข้าใจ
ตลอดเวลาเขาพยายามที่จะต่อสู้กับมัน ที่เขาไม่ยอมบอกโยฮันตั้งแต่แรกเพราะไม่อยากให้พี่ชายเป็นกังวล หากแต่เวลานี้ก้อนเนื้อร้ายนั้นบั่นทอนสภาพร่างกายของเขาจนตอนนี้มันอ่อนแรงเต็มทน
“ไม่หรอก อย่าพูดแบบนั้น เดี๋ยวนี้หมอเก่งๆ มีเยอะ แกอย่าห่วงเลย แกจะต้องไม่เป็นไร ฉันจะหมอที่ดีที่สุดมารักษาแก”โยฮันบอกทั้งที่ใจหวาดหวั่น เมื่อคนตรงหน้าดูซีดเซียว มันทำให้เขากลัวจับใจ เส้นชีวิตที่แสนบอบบางของโนอาเหมือนจะค่อยขาดลงไปอย่างช้าๆ
“ที่ผมให้พี่มาวันนี้ เพราะผมรู้ว่าผมสู้มันไม่ไหวแล้วพี่ รู้ว่าอีกไม่นานผมคงต้องไป แต่ผมยังมีห่วงอยู่...พี่คงยังไม่เคยเห็นไลลา แกน่ารักมาก...ผม...อยากให้พี่เห็นแกจริงๆ”
“ฉันก็อยากเห็นหลานสาวของฉันเหมือนกัน กี่เดือนแล้วล่ะ คงจะจ้ำหม้ำมากสิใช่ไหม”
โยฮันกุมมือน้องชายไว้ตลอดไม่ยอมห่าง ขณะที่ผู้เป็นป้ายืนร้องไห้อยู่เงียบๆ เขาพยายามไม่แสดงออกมาว่าเขาหวั่นใจแค่ไหน เสียงของโนอาแผ่วลงทุกที แต่ดูมีความสุขเมื่อพูดถึงลูกสาวตัวน้อยที่โยฮันเองไม่เคยเห็นหน้า หลานสาวตัวน้อยที่น่าสงสาร
“แกมี...ดวงตาเหมือนแม่ของแก”
“จะพูดถึงผู้หญิงใจยักษ์คนนั้นทำไม คนใจไม้ไส้ระกำแบบนั้น”
เมื่อได้ยินน้องชายเอ่ยถึงโยฮันรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที เพราะหลังจากคลอดลูกได้เพียงวันเดียว ผู้หญิงคนนั้นก็หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งลูกน้อยเอาไว้กับโนอาโดยไม่ใยดี ช่างเป็นผู้หญิงที่เลือดเย็กนัก ทิ้งได้แม้แต่ลูกในไส้ของตัวเอง
“ผมเชื่อว่าลลิสาต้องมีเหตุผลที่เธอทำแบบนั้น เธอไม่ใช่คนใจร้าย ถึงผมไม่รู้ว่าเธอไปเพราะอะไร” โนอาบอกด้วยรอยยิ้มอย่างคนไม่ถือโกรธ เขานึกถึงความทรงจำดีๆ มากมาย หญิงสาวผู้แสนอ่อนหวานและอ่อนไหวยังคงอยู่ในใจเขา แม้เธอจะทอดทิ้งเขาเหลือทิ้งไว้เพียงพยานรักที่เขาหวงแหนยิ่งกว่าชีวิต
“ทิ้งก็คือทิ้ง จะมีเหตุผลอะไรอีกล่ะ ผู้หญิงคนนี้ใจดำยิ่งกว่าอีกา”
“เรื่องนั้น...ช่างมันเถอะครับ แต่ตอนที่ผมเป็นห่วงมากที่สุด คือไลลา แกน่าสงสารมาก ตอนแรกผมตั้ง...ใจจะดูแลแกอย่างดี แต่...ตอนนี้ผมคงจะทำไม่ได้แล้ว พี่...ช่วยดูแลแกแทนผมได้ไหม ให้ความ...รัก...ความอบอุ่นแก่แทน...ผม” น้ำเสียงของโนอาเริ่มขาดห้วงจนโยฮันใจไม่ดี
“ไม่...ฉัน...แกต้องอยู่ดูแลลูกแกสิ โนอา!”
“ผม...ทำไม่ได้ ขอร้อง...ดูแลไลลา...ด้วย”
โยฮันมือไม่สั่นเทา เขามองน้องชายเอ่ยย้ำเหมือนจะเป็นการสั่งเสียครั้งสุดท้าย ใจชายหนุ่มเหมือนจะขาดเสียให้ได้ จำเป็นต้องรับปากออกไป
“ดะ..ได้ ฉันจะดูแลไลลาเอง”
เพียงนี้เมื่อได้ยิน โนอาเหยียดกว้างที่สุดเท่าทีจะทำได้ เขาเหมือนจะขอบคุณ แต่กระนั้นก็ไมได้เปล่งอะไรออกมา มีเพียงแววตาเท่านั้นที่เต็มไปด้วยความตื้นตันก่อนที่มันจะไร้ซึ่งแววใดๆ เมื่อสายใยชีวิตที่แสนเปราะบางได้ขาดไปเสียแล้ว
โยฮันซบหน้าอยู่กับมือของน้องชาย ที่ยามนี้มันช่างเย็นชืดเหลือเกิน ชายหนุ่มร่ำไห้กับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของตน ปล่อยน้ำตาร่วงรินลง ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความโศกเศร้าอาดูร เสียงคร่ำครวญอย่างโศกสรรค์ของชายหนุ่มกายใหญ่สั่นเทิ้มอย่างสุดจะกลั้น ผู้เป็นป้าถึงกับทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรงปล่อยโฮออกมา โยฮันนั้งเงยมองน้องชาย มือหนาลูบศีรษะแล้วเอ่ยกับเขาเบาๆ แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้ยินแล้วก็ตาม
“ไม่ต้องห่วงนะน้องชาย ไลลาจะต้องมีคนดูแล”
เมื่อเขาบอกเช่นนั้น นัยน์ตาคมกริบนั้นแดงก่ำแลดูแข็งกร้าว พลันคิดในใจว่า เธอจะต้องกลับมารับผิดชอบในสิ่งที่เธอทำ ลลิสา
สองเดือนต่อมา....
ภายในห้องพักของรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ใกล้ๆ อุทยานแห่งชาติวังน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นเวลาดึกมาแล้ว แต่หญิงสาวร่างเพรียวบางยังนั่งก้มหน้าอยู่บนจอโน๊ตบุ๊คตัวเก่ง นิ้วเรียวสวยรัวลงไปบนแป้นพิมพ์อย่างต่อเนื่องเมื่อพล๊อตนิยายไหลมาราวกับเขื่อนแตก ซึ่งมันไม่บ่อยนักที่จะเป็นแบบนี้ สำหรับ พจนิชา ศานติบูณ์ นักเขียนสาวผู้เต็มไปด้วยไฟฝัน ปีนี้เธอเข้าวัยเบญจเพศพอดิบพอดี เธอมีรูปร่างผอมบางสมส่วน นัยน์กลมใสสีดำแวววาว ปากจิ้มลิ้มสีชมพูน่ารัก จมูกรั้นนิดพอๆ กับนิสัยที่ค่อนข้างจะออกไปแนวเอาแต่ใจหน่อยๆ
เธอมักหาแรงบันดาลใจโดยการหลบมาอยู่คนเดียวเงียบๆ ตัดขาดจากโลกภายนอกอยู่บ่อยครั้ง แต่กระนั้นก็ยังมีคนมารังควานไม่เลิก หญิงสาวเบนสายตาจากหน้าจอเมื่อโทรศัพท์มือถือดังไม่หยุด เธอพยายามไม่ใส่ใจ แต่คนทางนั้นไม่ล่ะความพยายามเสียทีจนเธอทนไม่ไหวหยิบมันกดรับเพื่อหยุดเสียงรบกวนนั่นเสียก่อนที่เธอจะสติแตก
“อะไรกันนักกันหนาฮึ มาริน”
“ต้นฉบับฉันเมื่อไหร่จะได้”
ทันทีที่เธอกดรับรับ ฝ่ายนั้นรีบทวงจนพจนิชาต้องยกมือกุมขมับ เมื่อถูกมารินเพื่อนสาว และยังเป็นบ.กของสำนักพิม์ของเธอตามทวงชิดที่ว่าโทรฯจิกไม่ให้เธออยู่ดีเลย แต่เพราะทั้งคู่มีความสนิทสนมกันดี เธอกับมารินรู้จักกันมานานเกือบสิบปีแล้ว
“โอย...มารินฉันก็รีบอยูนี่ไง ทวงจัง รู้ไหมเธอทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่ามีผีจูออนเกาะหลัง แล้วคอยเอาแต่พูดว่า เอาต้นฉบับฉันมา...เอาต้นฉันมาเลย ฉันปั่นจนไฟแลบแล้วนะเนี่ย รับรองคืนนี้ฉันจะปิดต้นฉบับส่งเธอแน่ เพราะงั้นเลิกจิกฉันเหมือนแม่ห่านหวงลูกเสียที”
“รับปากแล้วนะ พรุ่งนี้ฉันต้องได้ตันฉบับของเธอนะ ไม่งั้นฉันจะตามทวงแบบนี้ต่อไปแน่...แล้วนี่เมื่อไหร่จะเลิกปลีกวิเวกเสียทีเฮอะหญ้าหวาน ชอบหายเข้ากลีบเมฆจนฉันจะปิดประกาศตามหาคนหายแล้วรู้รึเปล่า แม่นักเขียนติสแตกเอ๊ย กลับมาเสียทีเถอะ ทางบ้านให้อภัยแล้ว”
เสียงจากทางนั้นบ่นอุบและยังเย้าแหย่เล่นจนพจนิชาหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี เพราะมารินพูดได้ตรงประเด็นนั่นคือเธอมักจะเก็บตัวอยู่เงียบๆ ตะเวนไปตามสถานที่ต่างๆ แม้แต่บ้านเธอเองก็ยังไม่ค่อยจะกลับจนผู้เป็นแม่ต้องโทรฯ ตามอยู่บ่อยๆ เพราะเป็นลูกสาวคนเดียวแม่ของเธอจึงหวงราวกับไข่ในหิน กระนั้นเธอก็ยังแอบหนีแม่มาโบยบินหาอิสรภาพ เธออยู่กับแม่เพียงสองคนเท่านั้น ส่วนพ่อเธอแม่บอกว่าเสียไปตั้งแต่เธอเกิดได้เพียงไม่กี่วัน แต่ก็น่าแปลกที่แม่ไม่มีรูปพ่อเก็บไว้เลยสักใบเธอจึงไม่รู้เลยว่าพ่อของเธอมีหน้าตาเป็นอย่างไร
“ฉันกลับไปเมื่อไหร่เธอก็เห็นเองแหล่ะ แค่นี้ก่อนนะ ฉันจะรีบไปปั่นงานไม่งั้นพรุ่งฉันไม่มีส่งไม่รู้ด้วยนะ”
พจนิชาตัดสายไป โดยเธอนั่งมองจอคอมพิวเตอร์อยู่ แต่เวลานี้หมดอารมณ์จะปั่นงานเสียแล้ว เพราะแม่บ.กตัวดีนั่นเชียว เธอลุกไปเปิดตู้เย็นขนาดมินิอยู่ที่มุมห้องหยิบเอากระป๋องน้ำอัดลมมาเปิดดื่มก่อนเดินออกไปที่ระเบียงด้านนอก
รีสอร์ทแห่งนี้แบ่งออกเป็นหลังๆ แวดล้อมไปด้วยแมกไม้อันแสนจะร่มรื่น มันเงียบสงบมากทีเดียวเหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงแบบเธอ ค่ำคืนนี้อากาศเย็นสบายนัก ท้องฟ้าก็เปิดโล่งสบายตา พระจันทร์กลมเกลี้ยงสีเหลืองนวลประดับอยู่บนผืนฟ้าสีน้ำเงินเย็นตานัก เธอยืนชื่นชมบรรยากาศอยู่พักใหญ่เลยทีเดียวจึงได้กลับไปทำงานต่อ
แต่ขณะนั้นเอง มีดวงตาคู่หนึ่งมองออกมาจากห้องพักฝั่งตรงข้าม ดวงสีอำพันนั้นมันเต็มไปด้วยความชิงชัง ไหล่หนานั้นอิงอยู่ที่ผนัง ขณะที่มือยังเปิดแง้มผ้าม่าน มองร่างเพรียวระหงเดินกลับเข้าไป ช่างมีความสุขเสียจริง ไมทุกข์ไม่ร้อนกับอะไร เธอจะรู้ไหมนะว่ามีคนทุกข์ทรมานเพราะเธอ ดื่มด่ำไปเถอะชีวิตอิสระ เพราะอีกไม่นานเขาจะเอามันไปจากเธอ
................................................................................................
ป.ล ขอย้ำนะคะว่านิยายเรื่องนี้หวานแหวว แต่เปิดมาดราม่าเชียว ชื่นชอบ อย่าลืมแอดแฟน เม้น โหวตเป็นกำลังใจกันนะคะ ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น