คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 ชายแปลกหน้า
โยฮันเดินกลับไปหยิบเบียร์ในตู้มาดื่มอย่างใจเย็นเขารอเวลานี้มาสองเดือนเต็ม การตามหาเธอนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะมีแค่ชื่อกับรูปถ่ายเพียงใบเดียว เขาลงทุนจ้างนักสืบเอกชนเพื่อตามหาเธออยู่สองเดือนเต็มแต่ก็ยังดูเหมือนจะไร้ผล กระทั่งเมื่อสองอาทิตย์ก่อนเขาตัดสินบินตรงมาเมืองไทยเอง และเขาก็เจอผู้หญิงคนนี้ อาจเพราะโชคชะตาลิขิตก็เป็นได้ เพราะมันช่างบังเอิญที่เขามีเพื่อนเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ตอนนั้นเขาเหมือนแทบจะหมดหวังในการตามหาผู้หญิงคนนี้ ลดสายตาลงมองรูปถ่ายในมือหลังจากพินิจพิเคราะห์อยู่นาน รูปหน้าคิ้วคาง ที่เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนเขาจึงลงความเห็นว่าเป็นคนๆ เดียวกันแน่นอน ยิ่งมองก็ยิ่งแค้น นึกถึงเมื่อสองอาทิตย์ก่อน จุดเริ่มต้นที่ทำให้เขามานั่งอยู่ตรงนี้
ยามสายของอีกวัน พจนิชาตื่นมาด้วยอาการอิดโรย หลังจากที่นั่งทำงานยันเช้า เมื่อเธอส่งต้นฉบับไปให้เพื่อนสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงได้ลุกขึ้นบิดขี้เกียจเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า จากนั้นก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยเธอนั้นสวมกางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดลายขวางก่อนจะออกไปยังห้องอาหารของรีสอร์ท
พจนิชาสั่งอาหารจากเมนูสามอย่าง ก่อนจะเดินไปหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านฆ่าเวลา หญิงสาวนิ่วกับข่าวหน้าหนึ่งที่ครึกโครมมาหลายวัน พักนี้มีข่าวแม่อุ้มบุญเป็นประเด็นให้พูดถึงกัน เธอเองนั้นไม่เห็นด้วยนัก และยังคิดว่าสักวันหนึ่งเธอหากอยากจะมีลูก เธอจะต้องเป็นคนอุ้มท้องเองเท่านั้น เพราะมันคือสายใยรักระหว่างแม่กับลูก ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังเข้าใจคู่แต่งงานบางคู่ที่โชคร้ายไม่อาจมีบุตรเองได้ จึงต้องพึ่งแม่อุ้มบุญเหล่านี้ แต่เธอก็ยังแอบคิดว่าพวกเธอเหล่านั้นทำใจยอมยกบุตรในครรภ์ได้โดยไม่รู้สึกอะไรงั้นหรือ หากเป็นเธอ เธอคงทำใจไม่ได้แน่นอน
ระหว่างนั้นเอง เธอรู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ตลอดเวลา เมื่อเงยหน้าเธอเห็นชายคนหนึ่งนั่งมองเธออยู่โต๊ะถัดไป พอสบตาดวงตาอันคมกริบนั้น เหมือนจะรู้สึกเสียววาบอย่างไม่มีเหตุผล แววตาของเขามันดูน่ากลัวยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก นัยน์ตาสีอำพันผสมเหล็กสะท้อนแสงแวววาวเหมือนเหยี่ยวที่เธอเห็นตามสารคดี เวลาที่มันกำลังจะกระโจนใส่เหยื่อมันช่างเหมือนกันเสียจริง เธอสบตาเขาอยู่ชั่วครู่ก่อนที่เขาจะเมินหน้าไปทางอื่น ดูลักษณะแล้วเป็นชายชาวต่างชาติ เธอให้ความสนใจเขาไม่นานนักก็กลับมาสนใจหนังสือพิมพ์ต่อ สงสัยเธอคิดมากไปเอง เธอว่าเธอไม่ได้มีแรงดึงดูดมากพอที่จะทำให้หนุ่มหล่อหน้าตาดีคนนั้นมองด้วยความเสน่หาเลยสักนิด มันคงเป็นเรื่องบังเอิญแหล่ะ หมู่นี้ไม่รู้เป็นไงเธอรู้สึกเหมือนมีคนคอยตามติด สงสัยเธอวิตกจริตมากไปกระมัง อาจเพราะเขียนนิยายมากไปจนแทบแยกไม่ออกอันไหนโลกแห่งความจริงอันไหนจินตนาการ เอหรือเธอควรหยุดเขียนนิยายสักพักดีนะ จะได้เลิกหลอนเสียที
หญิงสาวปิดหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นลงเมื่อพนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟ เธอจัดการอาหารตรงไปหน้าไปพลาง ใจก็ครุ่นคิดไปพลาง หลังจากที่หมกตัวอยู่แต่ในห้องมาหลายวัน ตอนนี้เหมือนจะโล่งไปเลย เธอหยิบเอาโปสการ์ดที่ถือติดมือมาจากมุมหนังสือ
“เอ...ไปไหนดีนะ ไหนๆ ก็ปิดต้นฉบับได้แล้ว ไปเที่ยวสักหน่อยดีกว่า “
พจนิชามองดูรายการท่องเที่ยวในมือ มันบอกว่าแถวๆ นี้มีบริการเช่าจักยานอยู่ เธอคิดว่ามันไม่เลวเลย ยิ่งใกล้ๆ กันนี้มีอุทยานแห่งชาติอยู่ด้วย เมื่อคิดได้เช่นนั้นเธอจึงรู้สึกสดชื่นขึ้นมา เธอจ่ายค่าอาหารเสร็จก็ตรงไปยังร้านที่ว่าซึ่งมันอยู่ใกล้รีสอร์ทนั่นเอง
“มาคนเดียวเหรอหนู เก่งนะ ไม่กลัวรึไง”
หญิงวัยสูงเจ้าของร้านเช่าจักยานเอ่ยถามด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ขณะมองดูลูกค้าสาวเดินเลือกจักยานอย่างอารมณ์ดี หญิงสาวหันกลับมามองพลางย้อนถามอย่างฉงนเล็กน้อย
“ทำไมต้องกลัวด้วยคะ มีอะไรน่ากลัวเหรอ”
“เปล่าหรอก เห็นพวกที่มาส่วนใหญ่มากันเป็นครอบครัว หรือไม่ก็เป็นกลุ่ม แต่เพิ่งเคยเห็นสาวๆ หน้าตาดีแบบหนูนี่แหล่ะที่กล้ามาเที่ยวคนเดียว ยังไงก็ระวังตัวหน่อยนะ อ้อ...ปั่นย้อนไปทางโน้นไม่ไกลก็ถึงน้ำตกแล้วล่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
พจนิชายิ้มรับคำเตือนเจ้าของร้านเช่าจักยานด้วยน้ำเสียงแจ่มใส หลังจากจ่ายค่าเช่าสำหรับหนึ่งวันเต็ม และตั้งใจว่าจะปั่นเที่ยวให้หนำใจไปเลย โดยขณะนั้นเธอไม่รู้ว่ามีคนๆ สะกดรอบตามเธอตลอด
แม้จะสายมากแล้วแต่อากาศดีเอามากๆ พจนิชาเพลินกับทิวทัศน์ข้างทาง มีต้นหางนกยูงตามรายทาง ออกดอกสีแสดบานสะพรั่งดูสวยงามนัก ยามเมื่อมันปลิดขั้วร่วงโรยลงพื้นจนดูเหมือนพื้นเบื้องล่างลุกไหม้ด้วยกลีบดอกสีแดง พจนิชาเลี้ยวเข้าไปในบริเวณอุทยาน ระหว่างทางแทบไม่มีรถสวนมาเลย กระทั่งมาถึงทางลาดอยู่ๆก็ มีรถยนต์คันหนึ่งแล่นมา และรถคันนั้นชะลอความเร็วก่อนจะขับปาดหน้าเธอแบบกระชั้นชิด อารามตกใจเธอจึงหักเลี้ยวลงข้างทาง พจนิชาร้องกรี๊ดก่อนที่จักยานของเธอจะล้มคว่ำลงข้างทาง หญิงสาวร้องโอดโอยพลางกุมแขนของตน
“โอ๊ย...แขนฉัน หักรึเปล่าเนี่ย”
เธอมองไปที่รถคู่กรณี เมื่อเขาเปิดประตูออกมาหญิงสาวตาค้างไปชั่วครู่ รูปร่างสูงโย่งพร้อมใบหน้าบึ้งตึง นั่นมันนายคนนั้นที่เธอเห็นอยู่ห้องอาหารของรีสอร์ทนี่ เธอกำลังอยู่ในอาการโมโหสุดขีด ยันกายบางของตนลุกขึ้นอย่างกระปลกกระเปลี้ย ก่อนด่ากราดออกไปเป็นภาอังกฤษ
“ขับรถภาษาอะไรมองไม่เห็นคนรึไง หน้าตาก็ดีแต่สะเพร่าชะมัด นี่ถ้าฉันหลบไม่ทันจะว่าไงเฮอะ”
“แต่ก็ยังไม่ตายนี่ ฉันรู้เธอมันหนังเหนียวด้านไปหมดทั้งตัว”
อีกฝ่ายตอบกลับได้กวนอารมณ์ให้ขุ่นมัวมาก อะไรวะขับรถเกือบจะชนคน ไม่เพียงไม่มีสีหน้าสลดกลับยังยิ้มเยาะแถมพูดจาสุนัขไม่รับประทาน หาว่าเธอด้านไปทั้งตัว คนเรานี่ดูแค่หน้าตาไม่ได้จริงๆ
“อุเหม่...ช่างเป็นสุภาพบุรุษเสียจริง ขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือยังพอว่า นี่กลับไม่สำนึกผิดสักนิด ขอโทษนะ แต่บ้านคุณอยู่หลังเขารึไง เคยมีใครอบรมมารยาทรึเปล่า รู้จักไหมสมบัติผู้ดี”
เธอยืนเท้าสะเอวพร้อมตอกกลับด้วยคำพูดหวังว่าเขาจะเจ็บแสบ แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เขาไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด แถมยังอากัปกิริยาเหมือนจะเป็นฝ่ายโกรธเธอเสียมากกว่า แววตานั้นดูขึงขังน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
“พล่ามพอรึยังถ้าพอแล้วตามฉันมา”
เขาจบบทสนทนาเอาแบบดื้อๆ และยังเอื้อมมือมาหา พจนิชาเบี่ยงหลบอย่างว่องไว เธอไม่รู้เขาเป็นใครและต้องการอะไรกันแน่ แต่ที่รู้คือตอนนี้เธอชักรู้สึกไม่ปลอดภัยเสียแล้ว
“เฮ้ยๆ ทำอะไร แต๊ะอั๋งเหรอ อย่าเชียว หนอยมาทำฟอร์มขับรถชน ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ไอ้โจรโรคจิต...อย่าเข้ามานะ ฉันสู้นะ”
พจนิชาแกล้งขู่และถอยหลังไปเรื่อย ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ผลและเขาตัวโตกว่าเธอมาก ปากเธอว่าแต่สายตากวาดหาความช่วยเหลือซึ่งมันแทบไม่มีเลย
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่พิศวาสเธอเลยสักนิด ผู้หญิงหน้าจืดอย่างเธอบอกตรงๆ ไม่ได้มาตรฐาน ไม่รู้โนอาไปหลงเธอได้ยังไง ไม่เห็นมีอะไรดีสักอย่างแม้แต่สามัญสำนึก ต่อให้มานอนแก้ผ้าฉันยังไม่เอาเลย จืดชืดเสียจนไม่สามารถไปกระตุ้นต่อมความอยากฉันได้เลย และที่ฉันมานี่เพราะมันจำเป็นหรอก เธอต้องมากับฉัน”
เขายิ่งพูดเธอก็ยิ่งงง แต่คำพูดเสียดสีที่แทงใจเธอย่างจังจนพจนิชาแทบจะกรี๊ดออกมาเสียให้รู้แล้วรู้รอด ผู้ชายคนนี้ตาต่ำจริงๆ เขาช่างกล้าว่าเธอจืดสนิท ยิ่งอยู่นานเธอยิ่งเหม็นขี้หน้าชายคนนี้อยู่ดีๆ จะให้ไปกับเขาประสาทรึเปล่าเนี่ย
“ฉันไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น เราไม่รู้จักกันเสียหน่อย อยู่ดีๆ จะให้ไปด้วย บ้ารึเปล่าเนี่ย จ่ายค่าเสียหายมาเสียดีๆ ไม่งั้นนะ”
“ฉันไม่บ้าหรอก เธออาจไม่รู้จักฉัน แต่ฉันรู้จักเธอดีเชียวล่ะ”
“นี่อย่ามาโมเมนะ คุณจะรู้จักฉันดีได้ยังไง ในเมื่อเราเพิ่งเคยพบกัน โรคจิตรึเปล่าเนี่ย”
พจนิชาปรายตามองด้วยสายตาไม่ไว้ใจ หน้าตารึก็ดีแต่ขี้ตู่ชะมัด รูปร่างเขาทะมัดทะแมง สูงโปร่งเสียจนเธอต้องเงยหน้ามองเวลาพูด ยิ่งนัยน์ตาคมปลาบสีอำพันนั้นนั้นมันส่อแววไม่ดีเอาเลยจนเธอชักจะหวาดๆ
แต่อีกคนดูหงุดหงิดเหลือประมาณ ยิ่งเธอทำหน้าใสซื่อเขาก็ยิ่งหมั่นไส้ ผู้หญิงคนนี้ตีสองหน้าได้เนียนนักเหมือนว่าตัวเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา มารยาล่ะสิไม่ว่า โยฮันตวัดเอาแขนเรียวเล็กมาอยู่ในอุ้งมือพจณิชาจึงร้องลั่นด้วยความตกใจ
“ว๊าย! ปล่อยฉันนะไอ้โรคจิต ช่วยด้วย!”
ความคิดเห็น