ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เซวานเนญ่า โรงเรียนแห่งเวทมนต์

    ลำดับตอนที่ #18 : ภาค 1)นักเวทย์มือใหม่ : 18. ราตรีแรก ณ แดนแห่งไฟ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 422
      0
      27 มิ.ย. 56

    ราตรีแรก ณ แดนแห่งไฟ

     

                  “เอวี่! เธอมาช่วยฉันหาของหน่อยได้มั้ย” คริสเต้ที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่แถวโต๊ะในห้องเรียนแสง-เงายืดตัวขึ้นก่อนจะสะบัดหน้าหันมาหาเอวี่ทำให้ผมยาวสลวยสีส้มสดใสของเธอสะบัดไปโดนหน้าเมอร์เดนที่อยู่ด้านหลัง

                     “โอ๊ย! มันเข้าตานะ คริสเต้!” หนุ่มกวนของห้องโวยวายขึ้นทันทีก่อนที่ผู้ประทุษร้ายจะหันมาแลบลิ้นใส่แล้วจึงหันไปมองเอวี่ที่เดินเข้ามาหาเธอ

                    “อะไรหายเหรอจ๊ะ?” เอวี่เอ่ยถามพร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้

                     “หนังสือน่ะ เมื่อกี้ฉันวางมันไม้ใต้โต๊ะแต่พอเดินกลับมาอีกทีก็หายไปแล้วน่ะ เธอเห็นใครมาหยิบไปมั้ย?” คริสเต้กล่าวพลางมองสำรวจไปทั่วห้อง

                     “เมื่อกี้ฉันว่าฉันเห็นคนแถวนี้แอบหยิบออกไปนา” นอเอลเดินเข้ามาทางด้านหลังของเอวี่ว่าพร้อมกับเหล่ตาไปทางเมอร์เดนที่กำลังจะแอบย่องออกไปพอดี

                     “เมอร์เดน! นายขโมยหนังสือของฉันไปเหรอ ตายซะเถอะ!

                     ทุกคนในห้องพากันขำเมอร์เดนที่วิ่งหนีลูกถีบของคริสเต้จ้าละหวั่น รวมถึงเอลและ

    ฟรานซ์ที่นั่งอยู่มุมห้องด้วย

                     “เฮ้! พวกนายสองคนน่ะ ช่วยฉันด้วยสิ!” คนขี้ขโมยวิ่งมาทางสองหนุ่มกะว่าจะเข้าไปหลบข้างหลัง แต่ที่พึ่งพาของเมอร์เดนกลับหลบข้างไปจังหวะเดียวกับที่เจ้าตัวพุ่งเข้ามาพอดี ทำให้เมอร์เดนหน้าทิ่มลงไปกับกองผ้าคริสเต้จึงเข้ามากระทืบเมอร์เดนทันที

                     บรรยากาศในห้องเรียนเป็นไปอย่างครื้นเครงตามปกติ แต่หารู้ไม่เลยว่า เพื่อนห้าคนในห้อง ไม่ใช่ตัวจริง...

     

                     กลางดึกอันเงียบสงัดของเมืองคบเพลิง ทุกคนในเมืองต่างหลับใหล แต่หน้าโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง กลับมีคนห้าคนยืนจังก้าเงยหน้ามองดูโรงแรมอยู่

                     “ที่นี่ใช่มั้ยนะ?” เสียงหวานเล็กดังขึ้นจากคนที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม

                     “คิดว่าใช่นะ แถวนี้ก็เห็นมีแค่โรงแรมนี้นี่” ชายตัวสูงผมสีดำสนิทเอ่ยตอบ

                     “งั้นก็เข้าไปกันเถอะ” หญิงสาวอีกคนในกลุ่มว่าก่อนจะเดินนำเข้าไปในโรงแรม

                    การตกแต่งอันหรูหราของโรงแรมทำให้ทุกคนเบิกตากว้างอย่างตื่นตาตื่นใจ ก่อนที่พนักงานต้อนรับจะเดินเข้ามาหาพวกเขาและพาไปเช็กอินที่เคาน์เตอร์

                    “นี่เมอร์เดน  นายมีเงินติดตัวบ้างมั้ย” เอวี่หันมาถามเมอร์เดนขณะที่เอลยื่นเอกสารที่ ลุงเอคอร์เจ้าเมืองคบเพลิงแห่งนี้แนบมาพร้อมกับแผนที่ที่พักของพวกเขาและบอกให้ยื่นเอกสารนี้ให้เจ้าหน้าที่โรงแรม ในตอนแรกพวกเขาก็เปิดเอกสารดู แต่ก็พบความจริงอันโหดร้ายว่า...มันเป็นภาษาของเผ่า...

                    “มีพอซื้อน้ำได้ขวดนึงอ่ะ” เมอร์เดนตบพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ นั่นให้ให้เอวี่ปากระดาษทิชชูในมือใส่อย่างไม่ต้องคิด

                     “เรียบร้อยแล้วค่ะ เรื่องค่าใช้จ่ายเนี่ย ท่านเอคอร์เป็นคนจัดการให้หมดแล้วค่ะ เพราะเมืองของเรามีนโยบายเพื่อนักท่องเที่ยวน่ะค่ะ พวกคุณจะอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ก็ได้ จะซื้ออะไรก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลยค่ะ เพียงแค่ใช้บัตรนี้เท่านั้น” พนักงานสาวยื่นซองสีขาวให้ฟรานซ์พร้อมกับส่งสายตาหวานเยิ้มไปให้ซึ่งนั่นทำให้นอเอลเริ่มเขม่นสายตาไปยังพนักงานต้อนรับหนาสวยคนนี้ “พวกคุณได้ห้องสวีทสองห้องนะคะ ที่นี่ไม่มีการใช้กุญแจหรือคีย์การ์ดนะคะ เราจะใช้วิธีการแสกนลายนิ้วมือกัน เชิญทางนี้ด้วยค่ะ” สาวตาหวานผายมือไปยังเครื่องแสกนลายนิ้วมือก่อนจะเดินนำทุกคนเข้าไป สอดคีย์การ์ดแล้วบอกพวกเอวี่ให้สแกนลายนิ้วมือ

                     “เรียบร้อยแล้วนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะพาไปที่ห้องนะคะ เชิญทางนี้เลยค่ะ” ว่าแล้วก็เดินนำไปตามทางหินอ่อนเลียบสระว่ายน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลของโรงแรม

     

                     “เฮ้ออ! ได้พักเสียที” เสียงของเมอร์เดนดังออกมาจากห้องหมายเลข 1904 ที่ผู้ชายทั้งสามคนพักอยู่ด้วยกัน โชคร้ายที่กฎของโรงแรมคือห้องนึงพักได้สามคนเพราะลูกค้าที่นี่เยอะมาก ดีที่ห้องใหญ่พอสมควร ไม่งั้นคงได้เบียดกันตาย

                     ความจริงแล้วตอนที่แสกนลายนิ้วมือทั้งห้าไม่ทันสังเกตว่าลำดับการแสกนนั้นคือการจัดห้อง สองคนแรกได้อยู่ห้อง 1902 ซึ่งก็คือเอวี่กับเอล และสามคนที่เหลือได้อยู่ห้องข้างกันก็คือห้อง 1904 มารู้ตัวอีกทีก็ตอนพนักงานสาวคนนั้นอธิบายเมื่อมาถึงห้อง ทั้งหมดจึงสลับห้องกัน โดยที่คนเปิดประตูห้องก็ต้องเป็นคนที่อยู่ในรายชื่อของห้องนั้นตั้งแต่แรก

                    “นั่นสิ เหนื่อยจะตายอยู่แล้วเนี่ย ดีนะที่ลุงเอคอร์จัดเสื้อผ้าไว้ให้แล้วสองสามชุด ไม่งั้นคืนนี้คงได้ใส่ชุดคลุมอาบน้ำนอนกัน” เอลว่าพร้อมกับหยิบเสื้อผ้าที่เอคอร์เตรียมไว้ให้ออกมาจากถุงชุดหนึ่ง เนื้อผ้าเป็นผ้าแบบบางใส่สบายสีน้ำตาลอ่อนกับกางเกงสีขาว เนื่องจากที่นี่เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งไฟที่มีอากาศค่อนข้างร้อนจึงมีการปลูกพืชเฉพาะถิ่นที่ใยพืชสามารถนำมาทำเป็นเสื้อผ้าได้ ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของผ้าชนิดนี้คือบางเบา ผิวผ้านุ่มสบาย แต่ไม่โปร่งแสง

                     “ใครจะอาบน้ำก่อน?” ฟรานซ์ที่เดินสำรวจห้องอยู่เอ่ยถามขึ้นก่อนที่เมอร์เดนจะฉวยเสื้อผ้าวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันทีเป็นคำตอบ สองหนุ่มจึงได้แต่ส่ายหน้าระอาใจพร้อมรอยยิ้มขำๆที่มุมปาก

       

                     ทางฝั่งสองสาวที่จัดของเข้าที่หมดแล้วก็นั่งอ้าปากหวออยู่ที่เตียงก่อนที่จะทำหน้าราวกับจะร่ำไห้ ในมือของทั้งสองถือเสื้อผ้าที่เพิ่งหยิบออกมาจากถุงที่เอคอร์มอบให้

                     เสื้อผ้าของทั้งสองก็ใช้เนื้อผ้าเช่นเดียวกับของพวกผู้ชาย เพียงแต่...มันเป็นเพียงแค่ผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างเกาะอกที่จับจีบทิ้งชายลงมาถึงสะดือกับกางเกงขาสั้นเท่านั้น!!

                     ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าพวกนี้จะนุ่มสบายหรือมีลูกไม้น่ารักๆประดับก็ตาม แต่ทั้งสองก็ไม่คิดอยากใส่อยู่ดี!

                     คือมันไม่ใช่อ่ะ!!’

                     “เอวี่ เราต้องใส่เศษผ้าพวกนี้จริงๆเหรอ” นอเอลน้ำตาคลอเบ้า...

                     “คงไม่มีทางเลือกแล้วล่ะนอเอล ไว้พรุ่งนี้เราลองไปหาดูที่ตลาดหรืออะไรทำนองนี้ก็แล้วกันนะ” เอวี่ปลงตก...

                     “จ้ะ ว่าไงว่าตามกัน พรุ่งนี้เราจะเริ่มสำรวจกันเลยมั้ย?”

                     “คงงั้นแหละ” เอวี่นั่งมองนอเอลที่กำลังเตรียมของเพื่ออาบน้ำ “คงต้องเริ่มหาเบาะแส อยู่ที่นี่นานคงไม่ดีนักหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยคุยกับพวกผู้ชายก็แล้วกัน”

                     “โอเคจ้ะ ฉันขออาบน้ำก่อนน้า” เอวี่ยิ้มตอบนอเอลที่เดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกไปนอกระเบียงห้อง

                     ห้องของพวกเธออยู่ชั้นที่หกจากทั้งหมดสิบชั้น วิวจากห้องของเธอมองลงไปเห็นสระว่ายน้ำ เธอเอาแขนเท้าราวระเบียงแล้วเหม่อมองดวงดาวที่ส่องแสงสกาวอยู่บนฟากฟ้า เธอเป็นคนชอบดูดาวมาแต่เด็กแล้ว มองนานเท่าไรก็ไม่เคยเบื่อ

                     “เฮ้!” เสียงที่ดังขึ้นจากทางด้านขวาทำให้เอวี่ที่กำลังเหม่อเพลินๆสะดุ้ง เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นเอลล์นั่นเอง

                     “ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอ” เขาเอ่ยถามทำให้เอวี่สังเกตเห็นว่าเอลอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เมื่อเขาอยู่ในชุดสบายๆอย่างนี้ทำให้เธอแล้วแทบลืมว่าเขาเป็นคนๆเดียวกับผู้ชายมาดหยิ่งหน้ากวนในครั้งแรกที่ได้พบกัน

                     “นอเอลอาบอยู่น่ะ นายน่ะล่ะ ยังไม่ไปนอนอีกเหรอ พรุ่งนี้ฉันกะว่าจะไปเดินดูในเมืองแต่เช้านะ จะไปด้วยหรือเปล่า” เอวี่ว่าพลางม้วนปอตผมเล่น

                     “ไปสิ ฉันก็คุยกับพวกนั้นอยู่ว่าจะไปสำรวจเมืองพรุ่งนี้ รวมถึงหาเบาะแสด้วย” น้ำเสียงของเขาจริงจังขึ้นเล็กน้อย “เราไม่ควรปล่อยเวลาทิ้งไปนานนัก”

                    “เราควรจะรีบตามหามงกุฎให้เจอให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะมีใครมาเอาไปซะก่อน” เอวี่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดกว่าปกติ

                    “ยิ่งเราไม่รู้ว่าพวกนั้นเป็นยังไงด้วย ดีไม่ดีฝ่ายนั้นอาจจะรู้จักเราแล้วก็ได้ เราคงต้องระวังตัวให้ดีและรีบจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุด”

                     เอวี่พยักหน้ารับ “ใช่ พวกเราถึงต้องเร่งทำภารกิจกันเร็วขนาดนี้ พอมาถึงขั้นนี้ฉันล่ะไม่อยากเสียเวลาไปซักวินาทีเลย... งั้นเจอกันพรุ่งนี้ที่ห้องอาหารตอนแปดโมงเช้านะ” เธอเอ่ยนัดแนะก่อนจะทำหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่งเอลจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถาม

                     “เป็นอะไรรึเปล่า?”

                     “เอ่อ...คือ” เอวี่ครุ่นคิดอีกเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามออกไป “ฉันถามอะไรนายหน่อยได้มั้ย”

                     เอลเลิกคิ้วขึ้นเหมือนจะถามว่ามีอะไร

                     “ก็...นายกับเพลล่าน่ะ เป็นอะไรกันเหรอ?” เอวี่หลับหูหลับตากลั้นใจถามออกไป

                    เมื่อเขาได้ยินก็ต้องข่มรอยยิ้มเอาไว้ เก็บท่าทางให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ “เป็นเพื่อนกันน่ะสิ ฉันคิดกับเพลล่าได้แค่เพื่อนเท่านั้นแหละ ส่วนฟรานซ์กับเดวีนก็เหมือนกันนั่นแหละ ทำไมเหรอ หรือว่าเธอ...” เอลเว้นช่วงไปทำให้เอวี่ต้องถามกลับ

                    “ฉันอะไร...?”

                    “หรือว่าเธอจะ...หึง?” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากทำให้เอวี่หน้าขึ้นสีก่อนจะเถียงกลับ

                     “บะ...บ้าเหรอ! ใครหึงยะ! ก็แค่ถาม เห็นอยู่ด้วยกันตลอดเวลา” สาวน้อยเสมองไปทางอื่น เก๊กนิ่งไม่สะทกสะท้าน ทั้งๆที่หลักฐานแดงๆบนใบหน้าก็แสดงอยู่ชัดเจน

                     “อ๋อออ อย่างนี้นี่เอง ท่าทางฉันจะคิดไปเอง” เอลยิ้มแล้วพยักหน้าน้อยๆแบบล้อเลียนเต็มที่ เอวี่จึงถลึงตาใส่พร้อมทำแก้มป่อง

                     “อะไรของนายเนี่ย ไม่รู้ละ ฉันไปอาบน้ำนอนดีกว่า” ว่าแล้วก็รีบจรลีหนีเข้าห้องไปทันใด

                     เอลยังคงยืนยิ้มอยู่ตรงนั้นสักพักก่อนจะเข้าห้องไป

     

                     “เอวี่ ตื่นๆๆๆๆ! ใครบอกว่าจะไปเดินข้างนอกแต่เช้าฮะ นี่เจ็ดโมงครึ่งแล้วนะ เธอนัดพวกนั้นไว้ตอนแปดโมงไม่ใช่เรอะ!” นอเอลพยายามปลุกเอวี่มาสิบนาทีเห็จะได้ แต่สาวเจ้าที่นอนคลุมโปงอยู่นี้ก็เอาแต่อิดออดไม่ยอมลุก จนเมื่อปลุกครั้งที่ร้อยแปดนี่ถึงได้ค่อยๆถีบผ้าห่มออกจากตัว

                      “งืมมม เจ็ดโมงครึ่งแล้วเหรอออ ขออีกห้านาทีได้ม้ายย” เอวี่เอ่ยเสียงยานคางก่อนจะหาวโชว์อีกรอบแล้วทำท่าว่าจะดึงผ้าห่มขึ้นมาอีกรอบ

                     พรึบ!

                     “ตื่นย่ะ ตื่นนนน! ไปๆ ลุกไปอาบน้ำ!” คราวนี้นอเอลเล่นบทโหด กระชากผ้าห่มออกจากเตียงแล้วชี้นิ้วไปทางห้องน้ำถลึงตาใส่เอวี่ ทำให้สาวน้อยขี้เซารีบเด้งตัวขึ้นวิ่งเข้าห้องน้ำไปเลย         

     

                     ทางเดินไปห้องอาหารมีผู้คนเดินประปราย แขกแต่ละคนต่างแต่งตัวด้วยผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยทั้งสิ้นแลดูเป็นเรื่องปกติ แต่สองสาวเอวี่และนอเอลกลับไม่มั่นใจเอาเสียเลย ถึงพวกเธอจะไม่มีไขมันส่วนเกินอะไรแต่ก็อดรู้สุกหวิวๆไม่ได้

                     นอเอลสวมเสื้อกล้ามสีครีมประดับลูกไม้และลูกปัดทิ้งชายพลิ้วลงมาถึงแค่สะดือเข้าคู่กับกระโปรงสั้นผ้าพลิ้วสีขาวที่มีซับในสีชมพูอ่อน

                     ส่วนเอวี่ก็ใส่เสื้อเกาะอกเข้ารูปสีครีมเข้มมีเข็มขัดหนังเส้นเกสองเส้นอยู่บริเวณเอวสวมคู่กับกางเกงยีนส์สั้น ทั้งคู่ใส่รองเท้าแบบเดียวกันเป็นบูทหนังหุ้มข้อมีส้นแต่ใส่สบาย

                     นอเอลนั้นถักเปียสองข้าง ส่วนเอวี่ก็ได้แต่ปล่อยผมสยายเพราะตื่นสายมีเวลาจัดการตัวเองจำกัด สภาพจึงออกมาแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่เมื่อเดินเข้ามาในห้องอาหารแล้วเห็นเพื่อนๆนั่งอยู่ก็ได้ตื่นเต็มตาเพราะชุดที่ใส่อยู่นี้ทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นใจอย่างแรง...

                      เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปเมอร์เดนก็เอ่ยแซวคนแรก

                      “วู้ววว! แต่งตัวสวยนะ”

                      “ก็ลุงเอคอร์ให้มาเท่านี้อ่ะ ฉันจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย” นอเอลโอดครวญ

                      “ก็เห็นเขาใส่กันทั่วไป ไม่แปลกหรอกน่ะ” ฟรานซ์เอ่ยยิ้มๆพลางลอบมองนอเอลไปด้วย “เธอใส่ก็...ดูดีออก” คงไม่ต้องเดาว่าเมื่อฟรานซ์เอ่ยจบปฏิกิริยาของนอเอลจะเป็นเช่นไร บัดนี้คุณเธอก็เดินดุ่มๆไปทางโซนตักอาหารแล้ว เมื่อเห็นดังนั้นเอวี่จึงอมยิ้มน้อยๆแล้วเดินตามนอเอลไป

                      เมื่อสองสาวเดินออกไป สามหนุ่มจึงมองหน้ากัน

                      “สองคนนี้คงเขินน่าดู” เมอร์เดนว่ายิ้มกวนๆ

                      “นั่นสิ แต่ก็แต่งตัวขึ้นกันนี่” ฟรานซ์ว่าต่อพลางลอบยิ้มเล็กๆก่อนจะหันไปมองเอลที่เงียบมาสักพักแล้ว “เอล เป็นอะไรน่ะ”

                      เอลหันมามองพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก “เปล่าๆ ไม่มีอะไร”

                     เมื่อสองสาวเดินกลับมาทั้งหมดก็เริ่มสนทนากันตามปกติพร้อมกับรับประทานอาหารเช้าเพื่อเตรียมพลังงานให้พร้อมต่อการสำรวจวันแรก!

     

    ***********************************

     

    คุยกันนิด!!

    สวัสดีค่า ก่อนอื่นไรเตอร์ก็ต้องขอโทษที่คราวนี้ลงช้ามากๆๆๆ

    ช่วงนี้งานเยอะมากจริงๆค่ะ แต่ตอนนี้พายุการบ้านก็ได้ผ่านพ้นไปแล้วหนึ่งลูก

    ตอนต่อไปกะว่าน่าจะไม่เกินอาทิตย์นิดๆนะคะ J

    ขออ่านให้สนุกนะคะ ตอนไหนขัดหูขัดตาก็บอกได้เลยค่ะ ไรเตอร์จะนำไปปรับปรุงค่ะ

    ขอบคุณค่า ><

    แก้แล้วว :D แต่ยังแก้ไม่เสร็จดีนะคะ เดี๋ยวมาแก้ต่อ

    สู้ตายเพื่อนิยายและนักอ่านทุกคนฮับ ></!!

     

     

     

     

                     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×