การป่วยไข้หากทราบสาเหตุจะช่วยให้แก้ไขเยียวยาเร็วขึ้น แต่บางครั้งก็ป่วยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยโดยไม่ทราบสาเหตุ
น.พ.วิวัฒน์ วิริยกิจจา บอกเล่าไว้ในนิตยสาร "ชีวจิต" ฉบับเดือนก.พ.ถึงอาการป่วยของตนเอง ที่จู่ๆ ก็เกิดหนาวสั่น ปวดเมื่อย ปวดท้องปั่นป่วนไปหมด คุณหมอสันนิษฐานว่า อาจจะเกิดจากอาการของโรคต่อไปนี้
1.ไข้เลือดออก
"ถ้ามีอาการเลือด กำเดาไหล เลือดออกได้ง่าย เพลียมากๆ ปวดเบ้าตา และไม่รู้สาเหตุเกิดจากอะไร ควรตรวจเลือดดูบ้างนะครับ ผมเคยวินิจฉัยพบว่าผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นไข้เลือดออก และมีผู้ใหญ่หลายคนต้องเสียชีวิตไปเพราะไม่รู้ว่าเป็นโรคนี้"
2.ไข้มาลาเรีย
"บางคนไปอยู่ใน พื้นที่ที่มีโรคมาลาเรีย แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นไข้มาลาเรียเพียงเพราะว่าลงไปปัสสาวะ ผมเพิ่งไปจังหวัดนราธิวาส ยังถามผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุคิรินว่า "ที่นี่มีโรคมาลาเรียหรือไม่" ผู้อำนวยการบอกว่า "มีเต็มไปหมด" ผมเลยไม่ไว้ใจ"
3.ถุงน้ำดีอักเสบ
"ใครที่อายุกลางคน ท้วมๆ ค่อนข้างอ้วนหน่อย ส่วนใหญ่จะมีนิ่วในถุงน้ำดี และอาจจะทำให้ถุงน้ำดีอักเสบจนเป็นไข้ได้"
4.การอักเสบในทางเดินปัสสาวะ
"ถ้า ฉี่บ่อยๆ ปวดเวลาฉี่ เป็นตัวบ่งบอกว่า มีการอักเสบในทางเดินปัสสาวะ ผมมีอาการแบบนี้ แต่ปรากฏว่าผลการตรวจปัสสาวะปกติ ซึ่งอาจเกิดจากต่อมลูกหมากอักเสบก็ได้"
5.หาไม่เจอจริงๆ ไม่รู้เกิดจากอะไร
"หลาย ครั้งหมอเองก็หาไม่เจอ สิ่งที่เรารู้ว่าเรารู้มีอยู่ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ สิ่งที่เรารู้ว่าเราไม่รู้มีอยู่ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งที่เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้มีอยู่ 98 เปอร์เซ็นต์"
แล้วควรทำอย่างไร?
1.กินยาลดไข้ แต่ต้องหลีกเลี่ยงแอสไพริน เพื่อป้องกันการเกิดโรคกระเพาะอาหารและมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร
2.จัดการ กับสิ่งทั่วๆ ไป เช่น การขับถ่าย แปรงฟัน ทำความสะอาดในช่องปากให้เรียบร้อย
3.เตรียม ช่องทางที่จะขอให้ใครมาช่วยเหลือได้เมื่อถึงคราวจำเป็น บางครั้งคนเราก็ต้องมีใครสักคนที่เราขอความช่วยเหลือได้ ถ้าใครได้รับการขอความช่วยเหลือ ขอให้เชื่อว่า ท่านเป็นคนสำคัญสำหรับคนๆ นั้น
4.นอนพัก ให้ระบบภูมิต้านทานของตนเองได้แก้ไขตนเอง
5.ถ้า ไม่สามารถฟื้นได้ด้วยตัวเองต้องหาหมอสถานเดียว |
|
ความคิดเห็น