ผลเสียของการทิ้งฟันคุดไว้ในช่องปากมีมากมาย บางครั้งอาจร้ายแรงจนคาดไม่ถึง นั่นคือ เยื่อหุ้มฟันคุดอาจทำให้เกิดถุงน้ำโตขึ้นเรื่อยๆ และอาจเกิดมะเร็งกรามช้างตามมาได้ อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปผลเสียของการมีฟันคุดที่มักพบ ได้แก่
* การอักเสบปวดบวมของเหงือกที่ปกคลุมฟันคุดอยู่ รวมถึงบริเวณฟันข้างเคียงด้วย นอกจากนั้น ยังพบว่าฟันข้างเคียงจะผุง่าย เนื่องจากเศษอาหารติดง่าย และทำความสะอาดยาก ฟันคุดมีแรงดันต่อฟันข้างเคียง ทำให้มีการละลายของรากฟันซี่นั้นๆ และยังทำให้เกิดการบิดเกของฟันข้างเคียง ฟันซี่หน้า และซี่ถัดไปด้วย
* ฟันคุดทำให้เกิดการปวดบริเวณกระดูกขากรรไกร เนื่องจากการติดเชื้อ หรือแรงกดดันต่อโพรงประสาทฟันที่มาหล่อเลี้ยงฟัน ซึ่งทอดยาวมาอยู่ใกล้ปลายรากฟันมากๆ และบางครั้งทำให้เกิดอาการปวดศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุได้
* บริเวณฟันคุดเป็นจุดอ่อนให้ขากรรไกรหักง่าย หากเกิดอุบัติเหตุ หรือได้รับแรงกระแทก
โดยปกติแล้ว ฟันกรามซี่สุดท้ายซึ่งมักเกิดฟันคุดได้บ่อย ควรจะขึ้นในช่องปากเมื่ออายุ 16-22 ปี ถ้าปรากฏว่าเมื่ออายุถึงแล้วยังไม่พบฟันซี่นี้ ควรไปปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อตรวจหาความผิดปกติเสียแต่เนิ่นๆ ซึ่งทันตแพทย์จะทราบว่ามีฟันคุดหรือไม่ ก็โดยการถ่ายภาพรังสีนั่นเอง หากพบก็ควรทำการผ่าฟันคุดออกก่อนที่จะมีอาการปวด การทอดระยะเวลาออกไปจะทำให้การผ่าฟันยากขึ้นเรื่อยๆ ปกติทันตแพทย์จะแนะนำให้ผ่าฟันคุดออก ในช่วงอายุ 16-20 ปี ซึ่งจะผ่าได้ง่ายกว่าปกติ และมีผลข้างเคียงน้อยกว่า
การรักษาโดยการผ่าตัดฟันคุดออก เป็นการผ่าตัดเล็กซึ่งใช้เพียงยาชาเฉพาะที่เท่านั้น ยกเว้นฟันเขี้ยวบน ซึ่งอาจใช้วิธีการจัดฟันร่วมด้วย เพื่อดึงฟันขึ้นมาในตำแหน่งที่ปกติ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็เพื่อความสวยงามของฟันนั่นเอง ส่วนในรายที่ฟันคุดโผล่พ้นเหงือกออกมาบางส่วน ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ถอนออก ซึ่งจะใช้วิธีใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทันตแพทย์
หลังการถอนหรือผ่าฟันคุด ผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ดังต่อไปนี้
* ใน 2 ชั่วโมงแรก หลังการถอนฟัน หรือผ่าตัด ควรกัดผ้าก๊อซให้แน่น ซึ่งในขณะที่กัดผ้าจะมีน้ำลาย และเลือดซึมออกมาเล็กน้อยซึ่งถือว่าปกติ ไม่จำเป็นต้องบ้วนทิ้ง ผู้ป่วยสามารถกลืนได้
* ถ้าเลือดไหลไม่หยุด ห้ามอมน้ำแข็ง ควรประคบนอกปากบริเวณที่ถอนฟัน หรือผ่าตัด แต่ถ้าเลือดออกมากผิดปกติให้รีบมาพบแพทย์ทันที
* ห้ามบ้วนน้ำ หรือน้ำยาใดๆ ในวันแรก ส่วนในวันที่ 2 ให้ใช้น้ำยาบ้วนปาก หรือน้ำเกลืออุ่นๆ บ้วนปากเบาๆ โดยเฉพาะภายหลังรับประทานอาหาร
* ในผู้ป่วยเด็กที่ถอนฟันหน้า หลังการถอนฟันจะยังคงมีฤทธิ์ยาชาหลงเหลืออยู่ ดังนั้น ผู้ปกครองควรระมัดระวังไม่ให้เด็กเผลอกัดริมฝีปาก เพราะจะทำให้เป็นแผลได้
* ผู้ป่วยสามารถแปรงฟันทำความสะอาดในช่องปากได้ตามปกติ เพียงแต่ให้ระมัดระวังแผลที่ถอน หรือผ่าตัด
* หากมีอาการปวด ให้รับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอล ขนาด 500 มิลลิกรัม ครั้งละ 1-2 เม็ด โดยห่างกันประมาณ 4 ชั่วโมง หรือตามที่แพทย์สั่ง นอกจากนั้น ให้รับประทานยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษาของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
* ห้ามเอานิ้วมือ หรือไม้จิ้มฟันแคะแผล หรือดูดแผลเล่น รวมถึงหลีกเลี่ยงการดื่มสุราของมึนเมา อาหารเผ็ดจัด หรือร้อนจัด
* ในกรณีมีการเย็บแผล ให้กลับมาตัดไหมภายหลังการผ่าตัด ประมาณ 7 วัน
โดยทั่วไป หลังการผ่าตัดฟันคุด อาจมีอาการปวดแผลผ่าตัดบ้าง หรืออาจมีอาการบวม โดยการบวมจะบวมมากที่สุดในวันที่ 3 ของการผ่าตัด แล้วหลังจากนั้นก็จะค่อยๆ ยุบลงเรื่อยๆ จนกลับเป็นปกติ แต่ถ้าอาการบวมไม่ยุบ หรือรู้สึกผิดปกติ ควรกลับไปให้ทันตแพทย์ตรวจทันที
อย่างไรก็ตาม เพื่อหลีกเลี่ยงอาการข้างเคียงของการผ่าตัดฟันคุด นอกจากผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตนตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัดแล้ว ทันตแพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญ ก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยที่จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพของช่องปากในระยะยาว
ความคิดเห็น