chai2v8
ดู Blog ทั้งหมด

พบ!..ผักพื้นบ้านต้านอนุมูลอิสระชะลอความแก่

เขียนโดย chai2v8
Converter Box Coffee Pod Maker Coffee Makers Best Coffee Makers Bunn Coffee Makers Cuisinart Coffee Makers Single Cup Coffee Makers 4 Cup Coffee Makers Braun Coffee Makers Keurig Coffee Makers Melitta Coffee Makers Best Price On Bunn Coffee Makers Krups Coffee Makers Grind And Brew Coffee Makers Drip Coffee Makers Mill And Brew Coffee Makers Under Cabinet Coffee Makers Hamilton Beach Coffee Makers Consumer Review Coffee Makers Grind & Brew Coffee Makers Kuerig Coffee Makers Mini Travel Coffee Makers Discount Bunn Coffee Makers One Cup Coffee Makers Senseo Coffee Makers Top Rated Coffee Makers Delonghi Coffee Makers Red Coffee Makers The Best Type Of Coffee Makers Commercial Coffee Makers Bunn Coffee Maker Coffee Maker Keurig Coffee Maker Krups Coffee Maker Braun Coffee Maker Best Coffee Maker Cuisinart Coffee Maker Who Makes The Best Coffee Maker One Cup Coffee Maker Delonghi Coffee Maker French Press Coffee Maker Espresso Coffee Maker Single Cup Coffee Maker Vacuum Coffee Maker Senseo Coffee Maker Travel Coffee Maker Hamilton Beach Coffee Maker How To Clean Coffee Maker Thermal Coffee Maker Capresso Coffee Maker
 
ความสนใจเรื่อง "อนุมูลอิสระ" (Free Radical) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสื่อมสภาพของเซลล์ การเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า รอบดวงตาและผิวพรรณ รวมไปถึงโรคจากระบบภูมิคุ้มกันและโรคมะเร็ง กลายเป็นพลังผลักดันให้นักวิจัยสนใจที่จะค้นคว้าเพื่อเอาชนะกับปัญหาเหล่านี้ และล่าสุดก็พบว่า ผักท้องถิ่นของแต่ละพื้นที่ของไทยมีฤทธิ์ต้านสารอนุมูลอิสระสูง เหมาะที่จะนำมาปรุงอาหารสร้างเสริมสุขภาพ

อาจารย์เพลินใจ ตังคณะกุล นักวิจัยจากสถานบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และคณะ ได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสารต้านอนุมูลอิสระของผักพื้นบ้านในอาหารเหนือและอาหารอีสาน โดยพบว่ามีอาหารท้องถิ่นในแต่ละภาคของไทยหลายชนิดที่ใช้ผักพื้นบ้านมาเป็นส่วนประกอบในการปรุง และนำผักพื้นบ้านของแต่ละภาคมาศึกษาเกี่ยวกับคุณค่าของสารอาหาร

พบว่าส่วนใหญ่มีคุณค่าสร้างเสริมสุขภาพเพราะมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอนุมูลอิสระนี้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพ เช่น ภาวะความจำเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ ระบบภูมิคุ้มกันลดลง และโรคมะเร็ง



แต่ขณะเดียวกัน ร่างกายก็สามารถจัดการกับอนุมูลอิสระได้ โดยการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระออกมาในกระแสเลือดเพื่อจับกับอนุมูลอิสระได้ถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์ คงเหลือทำลายเซลล์ 0.1 เปอร์เซ็นต์ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายก็สร้างสารต้านอนุมูลอิสระลดลง แต่อัตราการผลิตสารอนุมูลอิสระยังคงเท่าเดิม หรืออาจเพิ่มขึ้นตามปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ภายในร่างกาย

ดังนั้นจึงต้องรับประทานอาหารที่มีคุณสมบัติเพิ่มฤทธิ์ต้านสารอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยให้เซลล์ในร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระหรือสารแอนติออกซิแดรต์ จะได้จากวิตามินซีใน ฝรั่ง ส้ม มะขามป้อม วิตามินอีในธัญพืช ซีลีเนียมในอาหารทะเล เนื้อสัตว์ และธัญพืชที่ไม่ขัดขาว เบต้าแคโรทีนในผักสีเหลือง ส้ม และสีเขียวเข้มต่างๆ วิตามินเอและพฤกษาเคมีต่างๆ เช่น สารประกอบฟีโนลิกจากชา และสมุนไพรบางชนิด สารไอโซฟลาโวนจากถั่วเหลือง

จากผลการวิจัยในการหารสารต้านอนุมูลอิสระในผักพื้นบ้านของไทย โดยการนำมาปรุงเป็นอาหารประจำถิ่นพบว่า

ภาคอีสานก็มีผักสะเม็กหรือประทัดดอย เป็นพุ่มมีรากขนาดใหญ่อุ้มน้ำ เกาะตามไม้ใหญ่ที่มอสส์ปกคลุม ผักติ้วเป็นไม้ผลัดใบสูง 10-20 เมตร ดอกสีชมพูมีกลิ่นหอมอ่อนๆ กระโดนน้ำใบมนสีเขียวเข้มมีรสมันและฝาด

ผักพื้นบ้านภาคใต้พบในยอดมันปู หรือมันอียาง หรือนกนอนทะเล เป็นไม้พุ่มมีรสชาติมันและฝาด สะตอ เป็นฝักยาวเป็นช่อ แต่ละช่อมีประมาณ 10-15 ฝัก แต่ละฝักมี 10-20 เม็ด เนื้อเม็ดกรอบมีกลิ่นฉุน

ส่วนในภาคเหนือมีผักพื้นบ้านที่ต้านอนุมูลอิสระคือ ดอกสะแลเป็นพืชไม้พุ่ม ออกช่อดอกเป็นกลุ่ม ช่อดอกจะมีลักษณะเป็นเม็ดกลมสีเขียว รสชาติมัน ผักฮ้วน รับประทานยอดอ่อน ใบอ่อนและดอกอ่อน มีรสขมอมหวานมัน ผักเซียงดา เป็นเถาไม้เลื้อย ใบสีเขียวเข้มคล้ายใบชะพลู ขนุนอ่อน มีรสฝาด

ภาคกลางที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระคือ ใบชะมวง ยอดอ่อนและใบมีรสเปรี้ยว ใบยอ ใบใหญ่หนาสีเขียวสด ผลกลมยาวรีมีตาเป็นปุ่มรอบผล ลูกอ่อนมีสีเขียวสดกลิ่นฉุน ผักกระเฉด พืชล้มลุกต้นลอยน้ำตอนแก่จะมีนมหนาสีขาวหุ้นปล้องเป็นช่วงๆ รับประทานต้นอ่อนและยอดอ่อน รสกรอบหวาน

ผักพื้นบ้านเหล่านี้สามารถรับประทานได้ทั้งสดและนำมาปรุงสุก จากการวิจัยพบว่าไม่ว่าจะรับประทานแบบสดหรือนำมาปรุงประกอบอาหาร ก็ยังมีปริมาณสารประกอบฟีโนลิกและคงฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระคงที่

ดังนั้น การนำผักพื้นบ้านประจำท้องถิ่นมาปรุงประกอบอาหาร ก็นับว่าเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษในการสร้างเสิรมสุขภาพและรักษาโรคโดยไม่ต้องพึ่งยาและสารเคมีใดๆ เลย

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น