คะแนน 5/5
นักวิจารณ์ กุมภ์กรณ์,หนามMelon
หากคุณคิดว่าตัวเอกของเรื่องนี้ ร่างเป็นชายใจเป็นหญิง หรือร่างหญิงใจเป็นชาย คุณคิดผิด! หากคุณคิดใหม่แล้วสรุปว่าตัวเอกในเรื่องนี้เป็นชายแต่ปลอมตัวเป็นหญิง หรือเป็นหญิงแต่ปลอมตัวเป็นชาย คุณก็ยังคิดผิด! เพราะตัวเอกเรื่องนี้มีความแปลกแต่ไม่แหวกความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด เพราะเขาหรือเธอในเรื่องนี้มีตัวตนอยู่จริงและกำลังรอให้คุณพิสูจน์ว่าจริงๆแล้วตัวเอกของเรื่องเป็นชายหรือหญิงกันแน่?!
1. โครงเรื่อง: ได้อ่านชื่อเรื่องแล้ว ‘หัวใจข้าพเจ้า’ ให้ความรู้สึกราวกับว่าเรื่องราวที่เรากำลังจะอ่านต่อไปนี้ เป็นนิยายรักโรแมนติกที่ออกไปทางอารมณ์เศร้าๆเคล้าน้ำตายังไงยังงั้นเลย จากชื่อเรื่องมันหมายถึงหัวใจของตัวเอกที่มีต่อความรักที่กำลังจะพบเจอ ณ ขณะนี้ล่ะสิ (เราลองเดาดูน่ะ=[]=;) ‘วรินท์ หรือ รินทร์ต้องเข้าไปเรียนโรงเรียนหญิงล้วนแห่งหนึ่งซึ่งเป็นครั้งแรกโดยต้องปลอม ไม่สิ !! ต้องบอกว่าแกล้งเป็นผู้หญิงเพื่อเข้าไปเรียนในโรงเรียนแห่งนี้มากกว่า’ อ่านประโยคเกริ่นนำจบลงปุ๊บในหัวของเราก็เกิดความสงสัยขึ้นมาปั๊บ จริงๆแล้วรินทร์เป็นชายแต่ต้องปลอมเป็นหญิง หรือเป็นหญิงจริงๆแต่แกล้งว่าไม่จริง หนุ่มหล่อหน้าสวย หรือสาวสวยหน้าหล่อ เอ๊ะ! ยังไง แต่จะว่าไปชื่อนี้ก็แมนอยู่นะ หรือจะก้ำกึ่งดีล่ะ เชื่อได้เลยว่านักอ่านทั้งหลายคงตั้งคำถามและสงสัยไม่ต่างไปจากเราหรอกว่า... สรุปแล้วตัวเอกเป็นชายหรือหญิงกันแน่! สงสัยใคร่รู้ขนาดนี้ เชื่อว่านักอ่านหลายๆคนคงต้องติดตามเรื่องราวนับจากนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากที่เริ่มต้นอ่านตอนที่1จบ ความสงสัยที่ว่าตัวเอกของเรื่องนี้เป็นชายหรือหญิงก็กระจ่างชัดขึ้นมาทันใด ทั้งๆที่ตอนแรกเรามัวแต่หลงคิดและจินตนาการไปไกลเกี่ยวกับประเด็นของเรื่องรูปร่างหน้าตาอย่างเดียว แต่เรื่องนี้ไม่ใช่อย่างที่คิด แถมความคิดของเราที่คาดเดาเอาไว้ก็ผิดถนัด นั่นเพราะ... ตัวเอกของเรื่องนี้มีสองเพศในร่างเดียวต่างหากล่ะ! อื้อหือ~ แนวเรื่องน่าสนใจและแปลกใหม่สำหรับเราทีเดียวค่ะ
จริงๆแล้วเราคิดว่าคุณน่าจะใส่ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้ลงไปในหน้าหลักของบทความเพื่อจูงใจนักอ่านเพิ่มอีกทางก็น่าจะดีนะ เราคิดว่าข้อมูลเบื้องต้นเล็กๆน้อยที่สื่อถึงเค้าโครงหลักของเรื่องมันจะช่วยกระตุ้นให้นักอ่านสะดุดตาสะดุดใจ และอยากลองคลิกเข้าไปอ่านนิยายของคุณในตอนต่อๆไป ยังไงก็ลองดูล่ะกันเนอะ
สรุปว่าเค้าโครงของเรื่องนี้ น่าจะพูดถึงเรื่องราวของเด็กมัธยมปลายคนหนึ่งซึ่งก่อนหน้านี้เขาเข้าใจมาโดยตลอดว่าตัวเองเป็นผู้ชาย แต่จู่ๆร่างกายที่เจริญเติมโตตามวัยก็ส่งผลให้สภาพร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลกตามไปด้วย และนั่นเป็นเหตุให้เขาต้องเปลี่ยนสถานะเพศชายกลายเป็นเพศหญิงตามฮอร์โมนเพศดังกล่าวที่มีมากกว่า จากการใช้คำนำหน้าว่า ด.ช. มาเกือบ 15ปี ต้องเปลี่ยนมาเป็น ด.ญ. หรือ นางสาว แล้วแบบนี้ถิวีชีวิตของหนุ่มน้อยอย่างเธอ อ๊ะ! ต้องบอกว่าสาวน้อยอย่างเธอสิถึงจะถูก จะดำเนินไปเช่นไร? นักอ่านทั้งหลายคงต้องตามติดชีวิตของเธอนับจากนี้แล้วล่ะ
2. ตัวละคร: ในที่นี้เราขอเอ่ยถึงตัวเอกของเรื่องเพียงคนเดียวล่ะนะ นั่นเพราะตัวละครสำคัญตัวอื่นๆมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันไป และคงไว้ในความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น พลอย หัวหน้าห้องผู้จริงจัง แถมยังใจดีและมีมนุษย์สัมพันธ์อันเป็นกันเองต่อผู้อื่น มิ้ว สาวYผู้ร่างเริงสดใส ตลกด้วยในที พูดเก่งหรือพูดมากก็ยังไม่แน่ใจ ชอบหยิกแกมหยอกเพื่อนสนิทเสมอ กิ๊ฟต์ สาวน้อยน่ารัก ภายนอกดูเรียบร้อยและพูดน้อยก็จริง แต่ภายในอาจจะแอบโหดและขยันขันแข็งไม่ใช่เล่น (นั่นไง! ว่าจะเอ่ยแค่พระเอกหรือนางเอกหว่า? คนเดียวแล้วเชียว-///-;) วรินทร์ หนุ่มน้อยที่เชื่อว่าตัวเองเป็นผู้ชาย แต่จู่ๆก็ดันกลายมาเป็นผู้หญิง จริงๆแล้วเราก็ไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่ว่าเขาหรือเธอคนนี้มีนิสัยใจคอยังไง แต่เท่าที่สัมผัสได้ ก็ประมาณ นิ่งเงียบเรียบร้อยหรือโนบังคับก็ไม่แน่ใจ จะเรียกว่าสุภาพบุรุษหรือสุภาพสตรีดีล่ะ ขี้อาย ขี้เกรงใจ
3. การใช้ภาษา: ขอสรุปโดยรวมเกี่ยวกับการบรรยายตั้งแต่ตอนต้นจนกระทั่งตอนปัจจุบันล่ะนะ จะเรียกได้ว่าคุณใช้บุรุษที่สองกับบุรุษที่หนึ่งบรรยายก็คงไม่ผิด (ในความคิดของเราน่ะนะ^^;) จะว่าไปเราก็รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆเหมือนกันนะที่มีโอกาสได้อ่านนิยายในมุมมองของบุรุษสอง แทนที่จะเป็นสามเหมือนอย่างที่เคย โดยรวมแล้วคุณใช้ภาษาได้นุ่มนวล ละมุนละไม เข้าใจง่าย อ่านแล้วให้ความรู้สึกเรียบง่าย สบายๆ สามารถอ่านได้เรื่อยๆ
สำหรับ ตอนพิเศษ เล่าโดยบุรุษที่สาม ใช้ในการไขอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของตัวละครสำคัญอื่นๆนอกเหนือจากตัวเอก บอกได้คำเดียวว่า เป๊ะมาก! ยอมรับเลยว่าคุณบรรยายโดยบุรุษที่สามได้ดีเหลือเกิน จากตอนที่หนึ่งถึงหกที่เราอ่านแล้วรู้สึกว่ามันเหมือนกับการอ่านบทความที่เต็มไปด้วยเนื้อหาล้วนๆ จึงไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่พอได้อ่านบทนี้มันให้ความรู้สึกของเราเปลี่ยนไป เหมือนกับว่ามันจับต้องได้ และตัวเราเองคล้อยตามสถานการณ์นั้นๆไปพร้อมๆกับตัวละคร ที่สำคัญราวกับว่าเรากำลังดูละครทีวีก็ไม่ปาน (แอบเชียร์ให้คุณเขียนเล่าโดยใช้บุรุษที่สามตั้งแต่ต้น แหะๆ เพราะคุณเขียนได้ดีและเข้าถึงอารมณ์ตัวละครนั้นๆได้มากกว่าบุรุษที่หนึ่งเยอะมาก)
คราวนี้ขอติงเกี่ยวกับการบรรยายที่มีเค้าว่าจะยืดเยื้อและเรื่อยๆจนเกินไป จุดนี้เองที่เราคิดว่ามันกำลังส่งผลให้นิยายของคุณไม่ค่อยน่าลุ้น หรือน่าติดตามต่อเท่าไหร่ เอ่อ... จะว่ายังไงดีล่ะ ลองทำความเข้าใจกับประโยคของเราดูนะ สำนวนภาษาที่คุณใช้ถือว่าดีมากทีเดียวค่ะ แต่ลักษณะการบรรยายความในเนื้อหานิยายมันให้อารมณ์และความรู้สึกมิติเดียว (ไม่งงนะ-O-;) นั่นคือการบรรยายความของคุณมันไม่หวือหวา ไม่ตื่นเต้น เป็นเส้นตรง นอกจากนี้จากข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเรื่องมนุษย์สองเพศตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ตัวคุณเองน่าจะมีความรู้และหารายละเอียดของข้อมูลเหล่านี้มามากพอสมควร ซึ่งเรื่องดังกล่าวมันเป็นอะไรที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนพอดู ยิ่งเอามารวมกับสำนวนภาษาอันนุ่มนวล ละมุนละไมของคุณเข้าด้วยกันแล้ว มันยิ่งนิ่งสลวย (ประมาณว่า อ่านได้แต่ไม่ติด สนุกก็จริงแต่ไม่อินตาม= =;) ส่งผลให้การถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวหนังสือของคุณมันแลดูเป็นทางการจนเกินไป จะว่ายังไงดีละ มันให้อารมณ์เหมือนเรากำลังอ่านบทความวิทยาศาสตร์ประยุคอะไรสักอย่างที่เกิดขึ้นจริงและสามารถพิสูจน์ได้ มากกว่าที่จะเป็นการอ่านนิยายรัก ตลกขบขัน (ในความคิดเรานะ-O-;) คนอ่านสนใจข้อมูลที่คุณสื่อ แต่ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมหรือประทับใจไปกับเรื่องราวของตัวละครที่คุณสร้างขึ้นเลย สรุปว่าตอนนี้คุณมีทฤษฎีที่น่าสนใจ แต่ยังไม่สามารถถ่ายทอดออกมาให้เป็นไปในรูปแบบของนิยายที่น่าลุ้นน่าติดตามได้ (บรรยายส่วนที่เป็นข้อมูลของเนื้อหาสาระได้ละเอียดและรื่นไหลไร้ที่ติ แต่พอเข้าสู่เรื่องราวของตัวละครกลับถ่ายทอดออกมาได้ไม่ค่อยละรื่นนัก มันขาดๆเกินๆ ไม่เป็นเรื่องราวและไม่ปะติดปะต่อ) อาจจะเป็นไปได้ว่าคุณเน้นบทบรรยายมากจนเกินไป ส่งผลให้การกระทำหรือบทพูดรวมถึงอารมณ์ตัวละครมันแลดู ราบเรียบ เอื่อยๆ เรื่อยๆ นิ่งสงบราวกับสายน้ำที่ไร้คลื่น
การแก้ไขก็ไม่ยากค่ะ เพียงแค่คุณใส่อารมณ์ของตัวเอกที่บรรยายความให้ตื่นตัว และกระฉับกระเฉงในถ้อยประโยคมากขึ้นกว่านี้หน่อย เพราะเท่าที่อ่านคุณเธอแลดูนิ่งสงบ เอื่อยๆ เฉื่อยๆ ราวกับเด็กที่ไม่ได้ออกกำลังกายมานานแสนนานซะเหลือเกิน หรือถ้าจะให้ดีก็บรรยายโดยใช้บุรุษที่สามไปเลยเพราะดูท่าคุณจะเหมาะกับทางนี้นะ (มีย้ำ แฮะๆๆ) ตัวอย่างการบรรยายที่ตัวเราคิดว่ามีหลากหลายมิติ และพอจะช่วยให้นักอ่านอินไปพร้อมๆกับตัวเอกหรือคล้อยตามไปกับเหตุการณ์ของเรื่องราวต่างๆที่มีได้บ้างน่ะนะ
เริ่มจากแนวนิยาย เห็นคุณแจ้งว่าเป็นแนวดราม่า คอมเมดี้ แสดงว่าต้องตลกและเจือความเศร้า และเท่าที่อ่านตัวคุณเองก็น่าจะนำเรื่องด้วยอารมณ์ตลกก่อนแล้วค่อยมาเศร้า ดังนั้นการบรรยายของตัวเอกควรจะมีการหยอดมุกและเล่นคำกับคนอ่านบ้าง อย่างเช่นในตอนต้นที่คุณบรรยายและตัวเอกยังยึดติดอยู่กับความเป็นชาย คุณน่าจะใส่ ครับ ลงไปเพื่อสื่อให้นักอ่านทราบว่าตัวเอกยังไม่ชินที่จะเป็นหญิง และเมื่อตกใจก็มักจะแสดงความเป็นชายออกมา อะไรประมาณนี้
จริงๆแล้วเสียงโวยวายของตัวเอกไม่จำเป็นต้องเซ็นเซอร์ไว้ก็ได้นะ เพราะทำแบบนั้นแล้วมันจะลดความประหลาดใจหรือความตกใจอันเกิดจากจากสถานการณ์ตรงหน้าลงไปถนัดตาเลยค่ะ เราขออนุญาตแนะนำเป็นแนวทางตรงช่วงที่คุณใส่ข้อความ “(เซ็นเซอร์)!!!” ไว้นะ
“เฮ้ย!” ฉันอุทานออกมาเสียงดังเมื่อพบว่าของข้างในมีอะไรเพิ่มขึ้นมาบ้าง
ทั้งแป้งทาหน้าแบบพกพา กระดาษทิชชู่ กระดาษซับมัน ลิปกลอส กระจกส่งหน้า หรือแม้แต่ผ้าอนามัย! นอกจากนี้มันยังมีอะไรอีกประมาณสามถึงสี่อย่างที่ฉันไม่รู้จักรวมอยู่
ฉันเดินกลับไปหาแม่และโวยวายเสียงดังกับสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งถามหาเหตุผล “แม่เอาอะไรมาใส่ในกระเป๋านักหนาเนี่ย ผม เฮ้ย! รินทร์ไปเรียนนะไม่ได้ไปเที่ยว (บลาๆๆอะไรก็ว่าไป)”
“นี่แค่เบาะๆนะ ถ้าจัดเต็มตะลึงกว่านี้อีก” นั่นคือคำอธิบาย
ฯลฯ
จะว่าไปแล้วตัวเอกของคุณดูท่าจะ กลัว เฮ้ย! เชื่อฟังคุณแม่เหลือเกิน ดังนั้นเราขอเสนอแนะสิ่งที่เราคิดและอยากให้คุณลองพิจารณา นั่นคือ ให้คุณบรรยายความตอนแรกโดยการแทนตัวว่าผม แต่พอคุณแม่มาก็ค่อยแทนตัวว่าฉัน เหอๆ เราคิดว่าการเขียนแบบนี้มันจะเน้นไปยังตัวเอกว่าเขา เฮ้ย! เธอไม่ชินกับการเป็นเด็กผู้หญิงสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องจำใจปรับเปลี่ยนทัศนคติให้ชินโดยไว เพราะไม่อาจขัดใจคนเป็นแม่ได้
แนะนำเพิ่มเติม
ถ้าหากเป็นความรู้สึกนึกคิดถึงคำพูดใดๆ แนะนำให้ใส่เครื่องหมายนี้ ‘ ‘ แทนเครื่องหมาย “ ” นั่นเพราะเครื่องหมายแรกถือเป็นความคิด ส่วนเครื่องหมายหลังถือเป็นบทพูดตามปกติค่ะ หากเป็นการคิดในใจแล้วไม่ได้พูดออกมาก็สามารถใส่ตัวเอียงแทนเครื่องหมายนี้ “ ” ได้เลยค่ะ
เครื่องหมายนี้ ? จริงๆแล้วคุณโซลสติกส์ไม่จำเป็นต้องใส่หลังประโยคคำถามเสมอๆก็ได้นะ คือเรารู้สึกว่าคุณใส่ถี่เกินไปราวกับจะเป็นอิโมฯแสดงอารมณ์ในหน้านิยายรักแบ้วๆก็ไม่ปาน เอาเป็นว่าถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงนะ เพราะประโยคที่คุณเขียนก็สื่อให้นักอ่านทราบโดยทั่วกันแล้วว่านั่นคือคำถาม ที่สำคัญตัวคุณเองยังมีการบรรยายกำกับเพิ่มเข้าไปตลอดว่านั่นคือคำถาม
สุดท้ายก็เป็นเรื่องของเอฟเฟก อันได้แก่ ตุบ! พลั่ก อัก กรี๊ดดด ว๊าย! โอ๊ย เฮ้ย! เอี๊ยดดด แอ๊ด ก๊อกๆๆ กึก อึก เพล้ง! อ๊อดดด แปะ ปัง! ซึ่งจะช่วยให้เนื้อหาในหน้านิยายสมจริงมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญจะช่วยให้การบรรยายของคุณเป็นระลอกคลื่น หนัก เบา และไม่เป็นเส้นตรงอีกต่อไป ในความคิดเห็นของเรานะ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าคุณชอบใสเอฟเฟกมากน้อยแค่ไหน เพราะเท่าที่อ่านเจอก็แทบไม่เห็นเลย
4. แก่นเรื่อง: เรื่องราวชีวิตของเด็กมัธยมปลายคนหนึ่ง ซึ่งเกิดมาพร้อมความผิดปกติของร่างกาย นั่นคือเขาหรือเธอคนนี้มีสองเพศในร่างเดียว ‘สถานเพศกำกวม’ จากการวินิจฉัยทางการแพทย์สามารถระบุและคงสถานะเพศให้เด็กคนนี้เป็นชาย แต่แล้วจู่ๆเมื่ออายุของเขาใกล้เข้าสู่ช่วยวัย 15ปี ร่างกายกลับมีรังไข่เกิดขึ้นทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แวว ส่งผลให้สถานะเพศของเขาถูกเปลี่ยนแปลงให้กลายมาเป็นเพศหญิงตามผลการวินิจฉัยครั้งใหม่ของแพทย์ จากคนที่เคยใช้ชิวิตในแบบของเด็กผู้ชายมา 14ปีกว่า แต่ต้องเปลี่ยนสถานะมาเป็นเด็กหญิงเพราะฮอร์โมนเพศ แต่ในทะเบียนราษฎร์ยังคงปรากฏคำนำหน้าที่ระบุเป็นเพศชายตามปกติ หนำซ้ำสภาพของเธอตอนนี้ก็ยังคงแปลกแยกกว่าเด็กสาวในวัยเดียวกันอยู่ดี หน้าอกราบเรียบเสมือนชาย ร่างกายบอบบางเสมือนหญิง และน้ำเสียงโทนก่ำกึ่ง เขาที่กลายมาเป็นเธอ จะทำใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้ไหม แล้วไหนยังจะต้องเข้าไปเรียนในโรงเรียนหญิงล้วนเพราะเหตุผลการเกิดผิดแปลกกว่าคนปกติอีก ชีวิตนับจากนี้ชีวิตของเขาที่ถูกเรียกว่าเธอจะเป็นเช่นไร เรียบง่าย หรือวุ่นวายอย่างที่ไม่เคยสัมผัส ร่วมลุ้นไปกับเธอได้ใน ‘หัวใจข้าพเจ้า’
ความคิดเห็นที่ 1
แต่เรื่องนี้ก็น่าสนใจค่ะ
By rosala อัพเดท 2013-10-27 18:39