คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : L O N E W O L F | I came, I saw, I conquered.
Chapter
2
I came, I saw, I conquered.
(ข้ามา ข้าเห็น ข้าชนะ)
แบคฮยอนมองดูคฤหาสน์หลังนั้นด้วยอารมณ์จงชังลึกซึ้ง
บ้านสองชั้นหลังใหญ่
อาณาบริเวณกว้างขวาง หญ้าเขียวสด รถยนต์สามคัน ทางเดินโรยกรวด รวมถึงน้ำพุน้อย ๆ
ทำจากหินอ่อน ทั้งหมดนี้ประกอบกันขึ้นเป็นฉากแห่งความสุขราวกับฉีกออกจากหน้านิตยสาร
เกือบจะได้กลิ่นขนมปังอบใหม่ ๆ เคล้ากลิ่นหอมหวานของดอกไม้ บ้านที่เขาต้องการจะมี (และไม่มีวันสมปรารถนา)
บ้านที่คนอีกครึ่งหรือกว่าค่อนประเทศได้แต่ฝันถึง ชานยอลถือครองของสิ่งนี้
โดยไม่เคยถามตัวเองว่า... ได้มาอย่างไร
“คุณคงรู้ว่าผมเป็นลูกชายคนเดียวของพลเรือเอกปาร์คมินกู”
จู่ ๆ ชายหนุ่มร่างสูงก็พูดขึ้น “แต่บ้านหลังนี้ไม่ใช่ของพ่อ
บ้านหลังนี้เป็นของผม”
“ของท่าน! ” แบคฮยอนตกใจ “ของท่านเนี่ยนะ”
“ใช่...
เป็นของผม ของผมคนเดียวด้วย”
“ท่านอยู่ที่นี่...
คนเดียว” เขาอ้าปากค้าง พรั่นพรึงครึ่งหนึ่ง คั่งแค้นอีกครึ่ง “อย่างนั้นหรือครับ”
“เปล่า ผมอยู่กับจีซู พ่อครัว
คนงานสองคน และแม่บ้านสองคน ทั้งหมดพักอยู่ที่ห้องด้านหลัง ชั้นล่าง” อีกฝ่ายชี้ไปที่หน้าต่างบานใหญ่ซึ่งเปิดออกสู่ระเบียงแคบ
ๆ แน่นพรืดด้วยกระถางไม้ดอก “ห้องของผมอยู่ตรงนั้น ชั้นสอง ปีกตะวันออก ของคุณอยู่อีกฝั่งหนึ่ง”
ชายหนุ่มร่างเล็กหันไปมองหน้าต่างแบบเดียวกันที่ชั้นสอง
ปีกตะวันตก ระเบียงแคบ ๆ นั้นว่างเปล่า เพียงแต่บนกระจกหน้าต่างมีป้ายผ้าเขียนคำว่าโชซอนอินมินกุน
(กองทัพประชาชน) แขวนอยู่ แบคฮยอนแบะปาก ขณะสัญญากับตัวเองว่ามันจะถูกเผา... ทันทีที่เขาไปถึง
“บ้านเดิมของผมอยู่ห่างออกไปสองหลัง”
ร้อยโทปาร์คว่าต่อ “พ่อ แม่ อาศัยอยู่กับคนงาน ผู้ติดตาม นายทหารชั้นประทวนจำนวนหนึ่ง
บ้านหลังนั้นจึงออกจะคับแคบและจอแจเกินไปสำหรับผม คุณว่าอย่างนั้นไหม”
ชานยอลคงกำลังหมายถึงนิสัยรักสันโดษของตัวเอง
เพียงแต่ความรู้สึกอยุติธรรมทำให้เขาโคลงศีรษะ อ้าปากประชดประชัน “ไม่ทราบครับ...
ที่มูซาน มีความคับแคบและจอแจเป็นธรรมดา ทางเลือกไม่ใช่ของสามัญสำหรับคนชั้นเรา
ความฝันและการทำตามใจปรารถนาเป็นเรื่องของคนมีฐานะ... ของคนมีฐานะเท่านั้น”
อีกฝ่ายขมวดคิ้ว “เท่าที่จำได้
บ้านเรือนในมูซานเป็นระเบียบดี เด็ก ๆ ที่เล่นกับผมก็ดูมีสุขภาพดี”
แล้วใครเขาจะคัดเอาเด็กหย็องกรอด
ผอมกะหร่อง พุงป่อง หัวโต ไปเล่นสนุกกับลูกนายพล
แบคฮยอนไม่ตอบ รอจนแม่บ้านคนหนึ่งวิ่งเหย่า
ๆ ตรงมาที่รถ จึงขอตัวโดยไม่พูดถึงมูซานอีก ท่าทางชานยอลไม่ติดใจสงสัย
อีกฝ่ายเดินเตร่เข้าไปในบ้านโดยชายคนหนึ่งซึ่งมีแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ด้านซ้ายของศีรษะถือกระเป๋าให้
จีซูนั่นเอง
ด้วยความเห็นใจ แบคฮยอนหันไปยิ้มน้อย
ๆ ให้พลขับอับโชค อีกฝ่ายมีท่าทีงงงวย ก่อนจะยิ้มตอบ “บยอนแบคฮยอนครับ
ผมจะถือของขึ้นไปที่ห้องเอง” เขาบอกอย่างเป็นมิตร “แค่บอกทางก็พอ คุณอายุมากแล้ว
กระเป๋าของผมหนัก”
“ใจดีจริง ๆ ทางนู้นครับ
ขึ้นบันไดฝั่งนี้ ” จีซูผงกศีรษะให้ “คุณชายว่าคุณมาจากมูซาน จริงหรือเปล่า ผมเป็นคนแพกัม
อยู่ไม่ไกลจากบ้านเดิมของคุณ”
ตำบลแพกัม ส่วนหนึ่งของจังหวัดรยังกังอยู่ไม่ไกลจากมูซานจริง
ๆ ชายหนุ่มร่างเล็กกลืนน้ำลาย ระหว่างชำเลืองดูแผลเป็นของอีกฝ่ายด้วยหางตา “คุณ...
คิดถึงแพกัมบ้างหรือเปล่า”
“โอย... คิดถึงจะแย่ แต่ถ้าเลือกได้ ขออยู่ที่นี่ดีกว่า
ร้อยโทปาร์คดีต่อผมมากจริง ๆ ”
อารมณ์เวทนาถูกแทนที่ด้วยอาการดูแคลนอย่างรวดเร็ว
เฮอะ... ไม่อยากกลับไป เพราะไม่มีอะไรจะกินต่างหาก แบคฮยอนเหยียดริมฝีปากออก
กลายเป็นยิ้มอันชืดชา ชายหนุ่มร่างเล็กหุนหันขึ้นบันได
กว่าจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรเดินลงส้นเท้า ก็ตอนที่มาหยุดอยู่หน้าประตูห้องแล้ว
บ่อยครั้ง... เขานึกกลัว
แบคฮยอนหมุนลูกบิด
กลัวโทสะของตัวเอง มันแผดเผาทุกสิ่ง
ไม่เว้นแม้แต่หัวใจซึ่งเคยโลดเต้นอย่างรื่นเริงในวัยเยาว์
รวมถึงผลักไสแบคฮยอนจากฝูง ต้องโดดเดี่ยวตัวเองอย่างสุนัขป่าที่กำลังบาดเจ็บ
ป้ายผ้าเขียนคำว่าโชซอนอินมินกุนไหวพะเยิบพะยาบด้วยแรงลม
ไม่มีประโยชน์ที่จะหลบซ่อนตัวเพื่อเลียแผล
รอยบาดลึกที่ว่านี้ไม่มีวันหาย มันกลืนเอาแบคฮยอนคนเดิมลงท้องไปแล้ว ปล่อยให้เข็มทิศแห่งความพยาบาทหมุนติ้ว
ชี้ไปยังผู้ต้องหา...
ผู้สร้างบาดแผลนี้คือปาร์คมินกู
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของแบคฮยอน
ชานยอลหันไปสบตาจีซูแล้วพยักหน้า
คนขับรถกวักมือเรียกคนงานซึ่งตาบอดข้างหนึ่ง
“ให้คนขึ้นไปทำความสะอาดห้องของผู้ติดตาม” ร้อยโทปาร์คกระซิบ “พรุ่งนี้
ห้องนั้นจะถูกติดตั้งเครื่องดักฟังและกล้องวงจรปิด”
“คุณชาย” จีซูคราง
“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้”
“เขาเป็นคนของพลเอกชเว”
“แต่เขาเป็นคนมูซาน”
คนขับรถว่าอย่างซื่อ ๆ “ไม่ไกลจากแพกัม และไม่ต่างจากผม คนอย่างเราเติบโตมาในหมู่บ้านเล็ก
ๆ ผู้ชายถลุงเหล็ก ผู้หญิงดองผัก ตื้นลึกหนาบางในกองทัพ คงจะไม่มีเอี่ยว”
ชานยอลพยายามอธิบาย “คุณเป็นคนใจดี...
ใจดีเสมอ” ชายหนุ่มร่างสูงถอนหายใจ “แต่จะเสี่ยงไม่ได้ พลเอกชเวกับพ่อไม่ถูกกัน
ไม่มีเหตุผลที่แร้งเฒ่าจะส่งใครมาเป็นผู้ติดตามผม
ต่อให้ฉากหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส บอกว่าเพื่ออนาคตของแบคฮยอน
หรือเพื่อใช้แบคฮยอนเป็นสะพานเชื่อมสัมพันธ์ ฉากหลังก็ยังมืดมน
ผู้ติดตามของผมคนนี้เข้าเรียนที่พยองยางอึยกุกกอแทฮักเมื่อปีจูเชที่หนึ่งร้อย
โดยคยองซูไม่พบชื่อผู้ให้ทุนการศึกษา นี่มันอะไรกัน... เหมือนเขาถูกสร้างมาเพื่อทำลายผม”
“คุณชาย... เป็นกังวลจนเกินไป”
“คุณรู้ความลับของผม จีซู”
ร้อยโทปาร์คว่า “คุณกับคยองซูรู้ ผมมีช่องให้เขาทำร้าย
ขึ้นอยู่กับว่าจะเปิดช่องให้ทำลายหรือเปล่า แบคฮยอนไว้ใจไม่ได้ เขาจึงต้องถูกสอดแนมเป็นเวลาหนึ่งเดือน
ทำใจให้สบายเถอะ แน่ใจเมื่อไหร่ว่าผู้ติดตามคนนี้ไม่มีลับลมคมใน ผมจะให้ถอดเครื่องดักฟังและกล้องวงจรปิดออกทันที”
อีกฝ่ายพยักหน้าช้า ๆ “เข้าใจแล้วครับ
ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่เคยตามเรื่องทำนองนี้ทัน ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย”
“เหมือนจังกี (หมากรุกเกาหลี)
ที่คุณสอนให้ผมเล่น พลเอกชเวส่งโชลหรือเบี้ยมาให้เราตัวหนึ่ง แต่... ไม่รู้ซิจีซู แบคฮยอนดูจะมีค่ามากกว่าโชล
เขาอาจเป็นม้าก็ได้ ใครจะรู้”
“ถ้าการที่พลเอกชเวส่งแบคฮยอนมา
ส่วนหนึ่งเพื่อประกาศว่าระหว่างแร้งเฒ่ากับพ่อของคุณยังกลมเกลียว” จีซูครุ่นคิด “พูดก็พูดเถอะ
คุณชาย ถ้าเด็กคนนั้นเป็นผู้หญิง กับเหตุผลเดียวกันนี้ คงเหมือนพลเอกชเวส่งแบคฮยอนมาเป็นเมียคุณ”
เหมือนถูกสาดน้ำใส่
“เลอะเทอะใหญ่แล้ว!
” ชายหนุ่มร่างสูงพูดเสียงดังขึ้น “บอกในครัวให้เตรียมอาหาร
หิวจะแย่”
“คุณชายไม่เคยเปลี่ยนไปเลย”
“อะไรที่ไม่เคยเปลี่ยนไป...
”
“หู”
คนขับรถตอบง่าย ๆ “หูของคุณไม่เคยโกหก เมื่อเริ่มทำตัวไม่ถูก หูของคุณจะกลายเป็นสีแดง”
ร้อยโทปาร์คใช้มือปิดหูสองข้างโดยอัตโนมัติ
“ถ้าว่างพอจะจับผิดผมล่ะก็”
ชานยอลคำราม “ไปล้างรถเถอะจีซู ไปเดี๋ยวนี้เลย! ”
มือของแบคฮยอนมีรอยไหม้
เขาถูกไฟลวกจากความพยายามในการเผาทำลายป้ายผ้า ชานยอลเป็นผู้มาปลุกเขาด้วยตัวเอง
โดยชายหนุ่มร่างเล็กไม่รู้เหตุผล
ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับนายทหารชั้นสัญญาบัตรกับผู้ติดตามหรือเปล่า ชานยอลไม่กินอาหารเช้า
ไม่แตะต้องอะไรนอกจากกาแฟถ้วยหนึ่ง อีกฝ่ายอธิบายว่า “เช้า ๆ
อย่างนี้ยังไม่หิว” ประโยคบอกเล่านั้นทำให้แบคฮยอนแค่นหัวเราะ ลูกชายคนเดียวของพลเรือเอกเขี้ยวลากดินบอกปัดมื้ออาหารได้เมื่อท้องไส้ยังไม่ร้อง
ขณะที่เขากับจงอินต้องกินทุกอย่าง ไม่มีใครในครอบครัวปฏิเสธสิ่งที่กินได้
เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีอะไรตกถึงท้องอีก
ชายหนุ่มร่างเล็กไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายไร้สมอง
ถึงอย่างนั้น ชานยอลกลับไม่มีท่าทีระแวดระวัง ตลอดการเดินทางบนเบาะหลัง
โดยจีซูกลับมาเป็นพลขับ ร้อยโทปาร์คเอาแต่จ้อ
เล่าให้เขาฟังว่าชีวิตที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
แน่นอนว่าเรื่องราวเหล่านั้นฟังดูราวกับเทพนิยาย แบคฮยอนซึ่งไม่อาจมีอารมณ์ร่วมกับชีวิตอันผาสุกที่ว่าได้ไม่พูดอะไรจนตลอดทาง
เขาตื่นจากภวังค์เมื่อชานยอลแนะนำให้รู้จักกับคยองซู
“โดคยองซูเป็นต้นห้องของผม เลขานุการกลาย ๆ น่ะ
ทั้งตรวจสอบข้อมูลและจัดแจงเรื่องจิปาถะ”
ทันทีที่สบตาเด็กหนุ่มซึ่งสูงพอ
ๆ กับตัวเอง แบคฮยอนสัมผัสได้ถึงความหวาดระแวงเป็นอย่างแรก “ยินดีที่ได้รู้จัก”
คยองซูบอก “โต๊ะทำงานของคุณพร้อมแล้วในห้องทำงานของร้อยโท หวังว่าคุณจะชอบ”
“จะแบบไหนก็ชอบทั้งนั้น”
“คุณมาจากมูซาน
ใกล้กับเหมืองเหล็ก เคยมีพี่ชาย ตอนนี้ไม่มีพี่น้อง โต๊ะของคุณทำจากไม้ชนิดเดียวกับนั่งร้านในเหมือง
มีเบาะรองนั่งและพนักพิง ที่ทับกระดาษ... ผมเลือกตุ๊กตาเด็กผู้ชายทำจากปูนปลาสเตอร์
เผื่อว่าคุณจะคิดถึงหรือโหยหา... อดีตพี่ชายของตัวเอง”
แบคฮยอนกลืนน้ำลาย
ความหวาดผวาเพิ่มพูน
คยองซูอันตราย!
“ขอบคุณ”
ชายหนุ่มร่างเล็กแบ่งรับแบ่งสู้
“ไม่เห็นบอกผมว่าคุณมีอดีตพี่ชาย”
แบคฮยอนยังไม่ทันหาข้อแก้ต่างให้ตัวเอง ต้นห้องของชานยอลก็ส่งที่ทับกระดาษ หรือตุ๊กตาเด็กผู้ชายทำจากปูนปลาสเตอร์ให้ ภายในไม่กี่วินาที นิ้วชี้ของเขาก็สัมผัสถูกบางอย่างซึ่งซุกซ่อนอยู่ใต้ฐาน ราวกับอีกฝ่ายจงใจให้ชายหนุ่มร่างเล็กเกิดผิดสังเกตขึ้นมาเดี๋ยวนั้น แบคฮยอนสบตาคยองซู น่าเสียดายที่มันว่างเปล่า ไม่บอกอารมณ์
“คุณยังไม่ตอบคำถามผม”
ด้วยความสงสัย
เขาพลิกดู เห็นรอยขูดขีดที่ฐานตุ๊กตา ตัวหนึ่งเขียนว่าจุนมยอน อีกตัว...
ชายหนุ่มร่างเล็กเกือบจะอ้าปากค้าง
แบคฮยอนตัวสั่น
อีกตัวเขียนว่าจงแด!
“คุณ... ”
เขาสะอึก “คุณ... ”
“ไม่ชอบหรือครับ”
ชานยอลขมวดคิ้ว
ดังนั้นแบคฮยอนจึงกล้ำกลืนโทสะและถ้อยคำร้ายกาจ หลุบตาลงครู่หนึ่ง
เพื่อจะเงยหน้าขึ้นและตอบอย่างหนักแน่นว่า “ชอบครับ ชอบมากทีเดียว”
“ผมจะหามาให้อีก”
“คงไม่รบกวน...
”
“ถ้าผมไม่รู้ใจคุณ
ไม่รู้ใจใคร บริการไม่ถูกใจ คงไม่ได้มาเป็นต้นห้อง”
คยองซูสืบสาวราวเรื่องเอง
หรือชานยอลบอกให้สืบหา แบคฮยอนตกประหม่าและเริ่มหันไปมองทางซ้ายที
ทางขวาทีอย่างกลัดกลุ้ม เขาแค่สู่รู้ หรือชานยอลบอกให้ทำ
แต่หมอนั่นจะต้องไม่รู้ ชานยอลรู้แล้วหรือไง ฉันพลาดตรงไหน...
“อดีตพี่ชายของคุณคือใคร
จุนมยอนหรือจงแด”
แบคฮยอนสูดหายใจเข้าทางปาก
หันไปสบตาชานยอลอย่างเต็มที่ ประกายรื่นเริงในนั้นหายไปแล้ว
ชายคนนี้ไม่ใช่คนเดียวกับที่เล่าให้เขาฟังว่าชีวิตของตัวเองที่ผ่านมาเป็นอย่างไร
ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีท่าทีคุกคาม
ไม่ต่างจากเมื่อถามว่า “ถ้าอย่างนั้น พลเอกชเวส่งคุณมาหาผมทำไม” เมื่อวานนี้ ชานยอลไม่ได้คาดคั้น อีกฝ่ายล่อลวง... ล้วงเอาข้อมูลจากปากเขา
ด้วยน้ำเสียงและสถานการณ์ ด้วยสายตาซึ่งชวนให้รู้สึกราวกับถูกเอ็กซเรย์
คยองซูค้อมศีรษะให้
ก่อนจะหันไปมองอีกทางหนึ่ง แบคฮยอนขยับตัว รีบร้อนจะเข้าไปในห้องทำงาน
บริเวณนั้นไม่มีใครนอกจากพวกเขาทั้งสาม เมื่อชายหนุ่มร่างเล็กหันหลังกลับ ชานยอลก็โน้มตัวลง
คว้าต้นแขนทั้งสองข้างของเขาไว้ได้ จากนั้นออกแรงบีบ
“จะรีบไปไหน”
อีกฝ่ายกระซิบ “เป็นความลับหรือไง... ”
“ท่าน! ” แบคฮยอนดิ้นรน
“ร้อยโทปาร์ค! ”
“ถูกต้อง
ผมคือร้อยโทปาร์คชานยอล” ลมหายใจร้อน ๆ ของอีกฝ่ายรดริมฝีปากเขา
“และคุณคือบยอนแบคฮยอน ผู้ติดตามคนแรกของผม ที่เรายังไม่รู้ตอนนี้
คือพี่ชายของคุณเป็นใคร เอกสารรายงานตัวในฐานข้อมูลพรรคแรงงานบอกว่าคุณเป็นลูกโทน
แต่คยองซูพบบางอย่าง และโทรศัพท์มาบอกผมเมื่อคืนนี้... บางอย่างที่น่าสงสัย”
ถึงได้มาปลุกฉันด้วยตัวเอง
ดูให้รู้แน่ว่าไม่ได้กำลังทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ ! เขาคิดอย่างจนตรอก ร้อยโทปาร์คไม่ใช่เด็กอมมือจริง ๆ ฉันพลาดตรงไหนนะ... ตรงที่เป็นคนของพลเอกชเวใช่ไหม... ทำยังไงดี ทำยังไงดี จงอิน! จงอิน!
“ตลอดห้าปีในพยองยางอึยกุกกอแทฮัก
คุณส่งเงินกลับไปที่บ้านเป็นประจำทุกเดือน ระบุไว้ในฐานข้อมูลของที่ทำการไปรษณีย์มหาวิทยาลัยว่า
‘พี่ชาย’ ใครคือพี่ชาย... หือ... แบคฮยอน”
เขาลืมไปได้ยังไงนะ
ว่าในประเทศที่ไม่ว่าใครก็ถูกจับตามองนี้ ทั้งข้อมูลทั่วไปและข้อมูลส่วนตัวถูกสอบถาม บันทึกไว้อย่างเป็นกิจลักษณะ
“หรือว่าคุณส่งไป...
เพื่อใช้ประกอบธุรกิจอย่างอื่น” ชานยอลถามต่อ “ฟอกเงินใช่ไหม... นั่นน่ะร้ายแรงนะ”
ตั้งสติ! ฉันต้องตั้งสติ!
เขาสูดลมหายใจเข้าทางปากอีก
กลืนเอาลมหายใจของชานยอลลงไปด้วย
ชานยอลไม่รู้ว่าพลเอกชเวส่งฉันมาทำไม ยังไม่รู้หรอก หมอนี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น... ชายหนุ่มร่างเล็กรีบหาข้อสรุปให้ตัวเองอย่างร้อนรน
รู้แต่ว่ามินกูเป็นศัตรูกับดูฮวาน และคนของศัตรูย่อมไม่น่าไว้วางใจ จึงรับฉันไว้ เล่นละครฉากเดียวกับแร้งเฒ่า
“ผมมีพี่ชายจริง ๆ ”
แบคฮยอนแสร้งคร่ำครวญ “ผมมีพี่ชายจริง ๆ นะ”
“ใครล่ะ”
จะปฏิเสธ
ไม่รับฉันไว้ก็ไม่ได้ แต่จะรับมาโดยไม่ติดใจสงสัย ก็ไม่ใช่นักการเมืองแล้ว หมอนี่ตั้งใจจะยัดข้อหา
ปล่อยให้ฉันถูกลงโทษ ถูกปลดออกจากราชการโดยขาวสะอาด ได้เล่นเกมกับดูฮวาน
ได้หลอกใครต่อใคร ว่าพลเรือเอกปาร์คกับพลเอกชเวยังรักใคร่ และไม่แพ้ด้วย!
“พี่จงแด” ชายหนุ่มร่างเล็กเริ่มสะอื้น
แบคฮยอนเป็นเจ้าแห่งการบีบน้ำตา
เขาอ้าปาก
กลืนก้อนสะอื้นปลอม ๆ อย่างแนบเนียน ขณะโกหกคำโต “แต่พี่จงแดตายไปแล้ว
ผมไม่อยากพูดถึงมันอีก ไม่อยากพูดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นอีก”
ชานยอลปล่อยเขา
หันไปสบตาต้นห้อง คยองซูมีท่าทีสับสน ก่อนจะค่อย ๆ พยักหน้า
แบคฮยอนถลันเข้าไปในห้อง
ฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำงาน ทำซึมกระทือเป็นเวลาสามชั่วโมง
ในที่สุดชานยอลก็เป็นฝ่ายขอโทษ
หากการโรมรันเมื่อแปดปีที่แล้วคือยกแรกระหว่างเขากับร้อยโทปาร์ค
การโรมรันในวันนี้ก็พอจะนับเป็นยกที่สอง...
และนี่คือชัยชนะครั้งที่สองของแบคฮยอน
“ขอโทษครับ”
เขาไม่โกรธคยองซู
“ไม่เป็นไร ไม่ใช่ความผิดของคุณ” ชานยอลตอบ “ผมเองที่รีบร้อนเกินไป”
เลขานุการต้นห้องติดต่อไปเมื่อคืนนี้
เพื่อบอกว่าผู้ติดตามคนใหม่มีลับลมคมใน “อายุห้าปี แบคฮยอนเสียแม่”
คยองซูว่าอย่างนั้น “พ่อของเขาแต่งงานใหม่ในสี่ปีให้หลัง ผู้หญิงคนนั้นมีลูกติด ชื่อคิมจงอิน และมีลูกกับพ่อของแบคฮยอน ชื่อคิมจุนมยอน
ใช้นามสกุลของแม่ และเป็นโรคฮีโมฟีเลีย (โรคเลือดไหลไม่หยุด) ”
“เป็นโรคร้ายแรง”
ชานยอลซึ่งขณะนั้นนอนเหยียดยาว ประคองถ้วยชาอุ่น ๆ ด้วยสองมือพยักหน้า
“บยอนผู้พ่อเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเหมืองถล่มเมื่อแปดปีที่แล้ว
เขาได้รับทุนการศึกษาในสามปีต่อมา โดยไม่ปรากฏหลักฐานว่าเคยเข้ารับการศึกษานอกระบบโรงเรียน
หรือเข้ารับราชการทหาร เท่ากับว่า แบคฮยอนว่างเว้นจากการศึกษาถึงเจ็ดปี
ก่อนจะเริ่มต้นใหม่ในระดับมหาวิทยาลัย น่าประหลาดใจมาก”
ก่อนหน้านโยบายปฏิรูปการศึกษาซึ่งประกาศใช้เมื่อสี่ปีที่แล้ว
เด็ก ๆ จะเข้าสู่ระบบการศึกษาเมื่อมีอายุสี่ถึงห้าปี ใช้เวลาหนึ่งปีในระดับอนุบาล
สี่ปีในระดับประถมศึกษา และหกปีในระดับมัธยมศึกษา จากนั้น หากไม่ถลุงเวลาสามปี ห้าปี หรือสิบปีในกองทัพเสียก่อน
ก็จะเดินทางต่อ เข้าสู่ระดับอุดมศึกษา หรือออกจากระบบการศึกษาไปเลย
“คิมจงอินเข้าประจำการในกองทัพทันทีที่อายุครบเกณฑ์
คือสิบหกปี ปลดประจำการเมื่อห้าปีที่แล้ว พร้อม ๆ กับที่แบคฮยอนได้รับทุนการศึกษา”
คยองซูว่าต่อ “ระหว่างที่เป็นนักศึกษา แบคฮยอนมักส่งธนาณัติเป็นเงินจำนวนครึ่งหนึ่งของที่ได้รับต่อเดือนถึง
‘พี่ชาย’ ท่านครับ... พี่ชายที่ว่าไม่ใช่ทั้งคิมจงอิน หรือคิมจุนมยอน
พี่ชายคนนี้มีชื่อว่าคิมจงแด ไม่พบข้อมูลอื่นนอกจากปีเกิด
ที่อยู่ และระดับการศึกษา ช่าง... ลึกลับอะไรอย่างนี้”
“ได้การ! ”
ร้อยโทปาร์คตบเข่าฉาด รีบพูดอย่างตื่นเต้น “แน่ล่ะว่าผมไม่รับแบคฮยอนเป็นผู้ติดตามไม่ได้
ทำอย่างนั้นเท่ากับตบหน้าแร้งเฒ่ากลางที่ประชุมชน แต่คนของพลเอกชเวไม่มีทางมาดีแน่
ผมจะเอาผิดเขาด้วยเรื่องนี้ และปลดออกจากราชการ งานนี้มีแต่ได้กับได้
ทั้งไม่จำเป็นต้องเก็บแบคฮยอนไว้เป็นหอกข้างแคร่ ทั้งทำลายชื่อเสียงแร้งเฒ่า...
ได้การ! ขอบใจมาก”
“ครับ...
ยินดีครับท่าน”
แต่ผิดถนัด...
ชานยอลระบายลมหายใจ “ที่ไม่พบข้อมูล เพราะคิมจงแดตายไปแล้วนี่เอง จากนี้
ผมคงล้วงเอาอะไร ๆ จากแบคฮยอนได้ยาก เพราะเขาไม่ไว้ใจผม อย่างน้อยก็อีกพักใหญ่
วันนี้ไม่ใช่วันดีเลยจริง ๆ ”
“ท่านต้องระวัง”
ต้นห้องกระซิบ “ระหว่างที่ยังหาทางกำจัดเขาไม่ได้ อย่าให้แบคฮยอนรู้ความลับของท่าน
จุดอ่อนเดียวของท่าน เป็น-อัน-ขาด”
“ผมรู้ดี
ขอบคุณอีกครั้ง คยองซู แล้วผมจะพูดกับแบคฮยอนเอง”
แต่จะพูดยังไงล่ะ...
ก้าวเข้าไปในห้องและปิดประตู อ้าปาก
ตั้งใจจะร้องเรียกผู้ติดตาม และแล้ว
ชานยอลก็เห็นว่าอีกฝ่ายไม่อยู่ในอารมณ์จะตอบสนอง แบคฮยอนฟุบหน้ากับโต๊ะ
ตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์นอนแน่นิ่งกับพื้น... แตกละเอียด
“ผมขอโทษ...
จากใจจริง”
ผู้ติดตามไม่ตอบ
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นในอีกไม่นาที แต่กว่าจะกลับมาพูดกับเขา ใช้เวลากว่าสามชั่วโมง
“ท่านไม่ต้องการผมหรือครับ”
คือประโยคแรกที่ผู้ติดตามพูดกับเขา
เสียงของแบคฮยอนทำให้ชายหนุ่มร่างสูงสะดุ้งสุดตัว เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร
อีกฝ่ายมายืนอยู่ตรงหน้าเมื่อไหร่ ชานยอลตอบไม่ได้ นั่นทำให้เขาคิดสะระตะ... อย่างนี้แบคฮยอนจะย่องมาปาดคอฉันเมื่อไหร่ก็ได้
ร้อยโทปาร์คนึก ฝีเท้าเบาอย่างกับแมว
“ไม่ต้องการผมจริง
ๆ ด้วย”
“อะไรทำให้คุณคิดแบบนั้น”
ชานยอลตื่นจากภวังค์ “ผมไม่ได้พูดแบบนั้นเลย... จนคำเดียว”
“ท่านให้เลขานุการโดสืบเรื่องผมหรือเปล่าครับ
ท่านไม่ไว้ใจผมใช่ไหม หรือท่านเห็นว่าผมไม่มีความสามารถ
จึงพยายามปลดผมออกจากราชการ”
“นี่คุณ! ”
ร้อยโทปาร์คขึ้นเสียง “คุณกำลังสบประมาทผมอยู่ รู้ตัวหรือเปล่า”
“ขอโทษครับ
จะไม่ทำอีกแล้ว อันที่จริง... ผมไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ายังมีโอกาสทำ
หรือไม่ทำอะไรอีกไหม”
ใครสอนให้ตัดพ้อนะ
ชานยอลเม้มริมฝีปาก ขอบตาของอีกฝ่ายกลายเป็นสีแดง นั่นไง อย่าร้องไห้เชียวนะ
อย่าร้องไห้!
ความที่คุ้นเคยกับกองทัพ และเป็นส่วนหนึ่งของโชซอนอินมินกุนแต่เล็ก
ทำให้ร้อยโทปาร์คไม่รู้ว่าควรปฏิบัติต่อพลเรือนอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
พลเรือนที่กำลังจะร้องไห้ เขาอาจผูกเงื่อนได้ร้อยแบบ หลับตายิงเป้าบิน
หรือกำราบม้าพยศ แต่กับน้ำตานั้น ชานยอลมักแพ้หมดรูป
“ผมจำเป็นต้องรู้เรื่องของคุณ”
ชายหนุ่มร่างสูงพูดช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
แต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ไว้ใจคุณ คุณคงรู้ว่าผมเติบโตมาในกองทัพ
วิธีการที่ผมเลือกใช้ จึงออกจะ... หยาบกระด้างไปสักหน่อย แต่ไม่ได้มีเจตนาร้าย”
โกหกน่า
มีเจตนาร้ายแน่นอน ก็คิดจะกำจัดเขานี่...
ไม่รู้ว่าชายหนุ่มร่างเล็กอ่านสายตาของเขาออกหรือเปล่า
จึงไม่มีท่าทีสบายใจขึ้นเลย
“ท่านรู้อะไรเกี่ยวกับผมแล้วบ้าง”
แบคฮยอนถามเสียงเครือ “เลขานุการโดรู้อะไรแล้วบ้าง”
ร้อยโทปาร์คขมวดคิ้ว
ไม่มีทางที่เขาจะบอกอีกฝ่ายได้เลย ก็ทำอย่างนั้นเท่ากับแบไต๋
หงายไพ่ให้ฝ่ายตรงข้ามดูง่าย ๆ ถ้าแบคฮยอนไม่ซื่อสัตย์ เป็นคนที่พลเอกชเวส่งมาเพื่อทำลายชานยอลจริง
ๆ การบอกให้ผู้ติดตามคนนี้รู้ว่ารู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองแล้วบ้าง
ถือเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง
“เอ้อ... ”
น้ำตารื้น “ท่านครับ”
“ผมไว้ใจคุณนะ แบคฮยอน
ไม่คิดจะปลดคุณออกจากราชการ และก็ไม่คิดจะจับคุณใส่โหลดองด้วย”
อีกฝ่ายมีสีหน้าผิดหวัง
พร้อมจะกลับไปทำซึมกระทืออีกหน
“ก็ได้! ” ในที่สุดชานยอลก็ยอมแพ้
“คุณมีพี่ชายบุญธรรมชื่อคิมจงอิน และน้องชายบุญธรรมชื่อคิมจุนมยอน
คุณได้รับทุนการศึกษาเมื่ออายุยี่สิบสองปี ยังไม่ได้เข้าประจำการในกองทัพ คิมจงอินเข้าประจำการเมื่อมีอายุสิบหกปี
ปลดประจำการเมื่อห้าปีที่แล้ว อ้อ... พ่อของคุณเสียชีวิต เมื่อ... แปด... แปดปี...
ก่อน”
ราวกับได้ยินเสียงกระจกรถแตกออกเป็นเสี่ยง
ๆ อีกครั้ง เลือดพุ่งจากบาดแผลบนศีรษะของจีซูด้วยแรงดัน
เขาติดตามผู้ร้ายไปถึงใจกลางย่านวอลฮยาง และ...
โดยไม่รู้ตัว ชานยอลจับรอยบากลึก ขรุขระน้อย
ๆ ที่ริมฝีปากล่าง เขาเห็นแบคฮยอนสูดลมหายใจเข้าอย่างแรงทีหนึ่ง
ก่อนจะเม้มริมฝีปาก คิดว่าอีกฝ่ายกลั้นสะอื้นจึงพูดต่อ
“นั่นคือทั้งหมดที่ผมรู้
ขอโทษอีกครั้งจากใจจริง รับรองด้วยเกียรติของร้อยโทปาร์คชานยอลว่าจะไม่ปฏิบัติต่อคุณอย่างนั้นอีก”
กว่าร้อยโทปาร์คจะรู้สึกตัว
ก็ตอนที่ชายหนุ่มร่างเล็กหันหลังให้ และกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองแล้ว
มันเรื่องอะไรที่ฉันต้องลงให้ผู้ติดตามคนหนึ่งอย่างนี้นะ!
โชคร้ายที่ชานยอลไม่ใช่พลเรือเอกเขี้ยวลากดิน
ไม่ได้เก่งกาจ หรือแม้แต่ร้ายกาจเท่ากับแร้งเฒ่าแห่งเหล่าทัพ เขาไม่ทันเห็นว่าแบคฮยอนยิ้ม...
ยิ้มอย่างสาแก่ใจขณะหันหลังให้ด้วย
ไม่อย่างนั้นคงเจ็บใจไปจนตาย
เป็นอันว่าทั้งชานยอลและคยองซูไม่ใช่หมูในอวย
เขาจำเป็นต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง แบคฮยอนซ่อนรอยยิ้ม
เขาเป็นเจ้าแห่งการซุกซ่อนความพึงพอใจ พอ ๆ กับที่เป็นเจ้าแห่งการบีบน้ำตา
ชายหนุ่มร่างเล็กกลิ้งขวดแก้วขนาดจิ๋ว
เท่ากับนิ้วก้อยของเด็กหญิงคนหนึ่งไปมาในมือ ของเหลวข้างในกระฉอก
กระทบลูกกลิ้งพลาสติกด้านบน
ไม่รู้ว่าระหว่างน้ำส้มสายชูในขวดนี้กับแบคฮยอนแห่งมูซาน ใครหรืออะไรแน่ที่รู้จักกลอกกลับ
สับปลับกว่ากัน
บอกใคร ๆ ว่ามันคือน้ำมันหอมระเหยสำหรับบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ
ระหว่างเข้าห้องน้ำ แบคฮยอนเขียนลงบนกระดาษโรลสำหรับมวนยาเส้นด้วยของเหลวในขวดนั้น
รอจนแห้ง แล้วจึงพับกระดาษโรลเป็นรูปสามเหลี่ยมเล็ก ๆ เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ
มันจะถูกส่งต่อไปยังพลเอกชเวในไม่ช้า บอกเล่าความเป็นไปในแต่ละวัน แร้งเฒ่าจะลนมันด้วยเทียนไข
รอจนตัวอักษรปรากฏ กลเม็ดเด็ดพรายที่ใคร ๆ มองข้าม วิทยาศาสตร์ระดับประถมศึกษา
บางเวลาเป็นประโยชน์กว่าที่คิด
ราบรื่นดี เขาเขียนว่าอย่างนั้น ไม่มีปัญหา
แต่นั่นมันก่อนที่แบคฮยอนจะพบชายคนหนึ่ง...
เมื่อกลับไปถึงห้องทำงานของชานยอล
เขาได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากโต๊ะทำงานของคยองซู “เข้าไปไม่ได้! ”
เลขานุการต้นห้องกระชากเสียง “ร้อยโทปาร์คไม่อนุญาตครับ! ”
ชายคนนั้นสูงตระหง่าน
เท่ากับชานยอลหรือสูงกว่า กำลังยืนค้ำศีรษะคยองซูด้วยท่วงท่าราวกับเสือเกียจคร้าน ชายเครื่องแบบลุ่ย
สองมือล้วงกระเป๋า ยิ้มน้อย ๆ ความมั่นใจล้นปรี่จากทุกรูขุมขน
“เราเป็นเพื่อนกัน” ชายคนเดิมตอบ
“หมอนั่นไม่ใจร้ายกับฉันหรอกน่า”
“ร้อยโทปาร์คห้ามไม่ให้คุณเข้าพบ”
“บอกชานยอลว่าฉันมาพบผู้ติดตามคนใหม่ของเขา
ไม่ใช่เขา” แบคฮยอนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอย่างนั้น “บอกเขาว่าฉันมาพบบยอนแบคฮยอน”
คยองซูนิ่งอั้น
ขณะที่ชายคนนั้นยิ้มกว้าง “ทำไมล่ะ” เสียงต่ำ สาก และแหบแห้งนั้นไม่น่าฟังเสียเลย
“ชานยอลจับเด็กคนนั้น... กิน... ไปแล้วหรือไง”
“หุบปาก! ”
ชานยอลนั่นเอง
ลูกชายคนเดียวของพลเรือเอกเขี้ยวลากดินกระชากประตูเปิดออก
จ้องมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าถมึงทึง
“หุบปาก... ซงมินโฮ”
แบคฮยอนอ้าปากค้าง ร้อยตรีซงมินโฮหรือนี่...
ลูกชายของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพ นักเรียนเกือบดีเด่นในโครงการยุวชนแนวหน้าถ้าไม่กลายเป็นเสือผู้หญิงมีชื่อไปเสียก่อน
“ไง... ชานยอล
Long time no see (ไม่ได้พบเสียนาน)
”
“ได้ยินว่านายสนับสนุนพวกอเมริกัน”
ร้อยโทปาร์คกล่าวหา “แม่ครูสอนภาษาคนนั้น... ถึงใจดีไหมล่ะ”
“ชู่ว...
ถามแบบนี้ เสียมารยาทนะ”
“ไม่จำเป็นต้องรักษากิริยากับเสือผู้หญิงและคนขายชาติ”
คราวนี้มินโฮหัวเราะลั่น
“นายนี่นะ... ไม่เคยรู้อะไรเล้ย... ไม่เคยรู้อะไรเลย ชานยอล! ”
“ฉันไม่รู้อะไร”
ผู้บังคับบัญชาของเขาพูดลอดไรฟัน
“ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโลกกำลังหมุนอยู่”
ร้อยตรีซงออกเดิน วนรอบตัวชานยอลช้า ๆ อย่างจงใจ “ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองไม่รู้
หรือไม่เคยเห็นอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกหลอก... ”
เขากำลังจะพูดอะไรน่ะ!
แบคฮยอนขยับตัว ทำให้ชานยอลหันมามอง
ด้วยความตกใจ อีกฝ่ายเรียกเขาได้ครึ่งคำ “แบค... ”
มินโฮหยุดเดิน
หันมามองชายหนุ่มร่างเล็กบ้าง “อ้อ... อยู่นั่นเอง บยอนแบคฮยอน! ”
เสือผู้หญิงแห่งเหล่าทัพปรบมืออย่างล้อเลียน แล้วจึงก้าวยาว ๆ
มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา “ใช้ได้... ใช้ได้... ตัวเล็ก ปากนิด จมูกหน่อย ผิว... ”
แบคฮยอนสะดุ้ง อีกฝ่ายจับต้นแขนเขา แล้วรูดลงถึงข้อมือ “ขาวเหมือนไข่มุก นุ่มเหมือนผู้หญิง”
“คุณต้องการอะไร”
“อยู่ให้ห่างจากเขา! ”
ชานยอลพูดเสียงดังขณะย่างสามขุมตรงมา “ถอยออกมาเดี๋ยวนี้ แบคฮยอน ถอยไป”
“มิน่า... มิน่า... ” ร้อยตรีซงกระซิบ
“พลเอกชเวตาถึง... ตาถึงจริง ๆ ”
คนคนนี้รู้อะไร... ชายหนุ่มร่างเล็กตกประหม่า เขารู้อะไร
เขาอยู่ฝ่ายไหน ฝ่ายเรา หรือชานยอล หรือเป็นคนของใคร...
“สนใจเปลี่ยนเป้าหมายหรือเปล่า
จากชานยอลเป็นฉัน... สนุกกว่ากันแยะ เชื่อซี่”
แต่ชานยอลถึงตัวเขาแล้ว
ชายหนุ่มร่างสูงผลักเสือผู้หญิงแห่งเหล่าทัพอย่างแรง อีกฝ่ายเซถอยหลัง
ร้อยโทปาร์คคว้าข้อมือเขา ขณะก้าวออกมายืนขวางหน้า
ใช้ส่วนสูงและความกว้างของไหล่บังสายตา
“อย่ายุ่งกับเขา” ชานยอลมองอีกฝ่ายด้วยอารมณ์ชิงชัง
แทบจะฆ่าให้ตาย “อย่ายุ่งกับแบคฮยอน”
“ก็ได้... ก็ได้ ตุ๊กตาของใครของมัน”
“ชาติจิ้งจอก” ชายหนุ่มร่างสูงผรุสวาท
“เลี้ยงไม่เชื่อง! ”
“เปล่า” ร้อยตรีซงกลับตอบอย่างใจเย็น “เรากล้าหาญ
แค่ฉลาดพอจะรักษาหัวของตัวเองไว้ด้วย”
จากนั้น มินโฮโค้งให้ชานยอลอย่างเย้ยหยัน
หันมาขยิบตาให้เขาครั้งหนึ่ง แล้วจึงก้าวเร็ว ๆ จากไป ไม่หันกลับมามองอีกเลย
“อยู่ให้ห่างจากเขา”
ร้อยโทปาร์คซึ่งยังไม่ปล่อยมือจากแบคฮยอนบอก “เขาเป็นคนมีชื่อ
คุณรู้จักเขาอยู่แล้ว ซงมินโฮไว้ใจไม่ได้ เขาพร้อมจะหักหลัง...
พร้อมจะทำร้ายใครต่อใคร”
วันนั้น เขาได้แต่พยักหน้า
ร้อยตรีซงเป็นคนแรกซึ่งทำให้เขารู้สึก...
เช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายบอกชานยอลอย่างเวทนา
คือไม่รู้อะไรเลย!
#ฟิคเปียงยาง
ตัวละครที่ร้ายกาจที่สุดในเรื่องนี้ เดบิวต์แล้ว 555
จริง ๆ ยังไม่อยากใช้คำว่าร้ายกาจที่สุด อะไรก็เกิดขึ้นได้ จนจบเรื่องใครจะร้ายกาจที่สุดก็ไม่รู้
ชอบไม่ชอบยังไง ควรปรับปรุงตรงไหน บอกได้เน้อ
อยากได้กำลังโจยยย *อ้อนสุดลิ่มทิ่มประตู*
ถ้ารู้สึกว่าเรื่องนี้เครียดไป เรายังมี crawl (to) me baby! ไว้รองรับทุกท่าน (รวมถึงตัวเอง 555)
จิ้มสิจิ้ม > ctmb <
มีความโฆษณา
ความคิดเห็น