คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 2 ตอนที่ 2
‘ …You hold me in your arms, and say once again you love me.
And that your love is true, everything will be just as wonderful… ’[1]
“ไม่เห็นน่าฟังเลย เวเรน่า... ”
เขาทำริมฝีปากบิดเบี้ยว แต่เธอไม่ใส่ใจ
“มันฟัง -- ” เขาพยายามอีก “ประโลมโลก”
“ให้ความรู้สึกที่สวยงามต่างหาก! ”
เธอเท้าสะเอว จ้องมองเขาอย่างขุ่นเคืองใจ คำพูดของเธอดูมั่นหมายจนเขาไม่อยากจะต่อปากต่อคำ
อาเธอร์เร่งเสียงเพลง ‘ประโลมโลก’ ให้ดังขึ้นอีก
เตียงนอนที่นุ่มนิ่มมากเกินไปอ่อนยวบเมื่อเขาทิ้งตัวใส่ เวลาค่ำมาเยือนพร้อมกับอาการหมดสิ้นเรี่ยวแรงจากการทำงานตลอดทั้งวันและความกังวลที่ไม่สามารถจะหาคำอธิบายได้
หลับสักตื่น -- เขาบอกตนเองอย่างนั้นมาตลอดทาง ถ้าโชคดี บางทีเขาอาจจะคิดอะไรดี ๆ ออกบ้าง
เพล้ง!
อาเธอร์อยู่ในช่วงครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่ถูกเสียงแตกฉุดกลับเข้ามาสู่การตื่นเต็มตา เขามองหาต้นเสียง ก่อนจะยกมือขึ้นลูบบนใบหน้าและถอนหายใจพร้อม ๆ กัน
มันเป็นกรอบรูปเล็ก ๆ เก่า ๆ ที่เขาแทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ รูปข้างในถูกแสงแดดและการเก็บรักษาที่ไม่ได้ความของเขาทำร้ายจนกลายเป็นสีเหลืองซีเปีย เด็กชายในรูปยืนขมวดคิ้วใส่เลนส์กล้อง ขณะที่เด็กหญิงข้าง ๆ ยิงฟันยิ้ม ทั้งสองคนมีใบหน้าและทรงผมเหมือนกัน ความแตกต่างระหว่างทั้งคู่มีเพียงอารมณ์ที่แสดงออกกับเสื้อผ้าที่สวมใส่เท่านั้น
แรงลมอาจจะพัดมันที่วางอย่างหมิ่นเหม่จนตกลงมา แต่มันยังดูเป็นปกติ อย่างน้อยก็ในฝั่งของเด็กชาย เพราะบานกระจกแตกร้าวลากรอยยาวผ่านใบหน้าของเด็กหญิงเหมือนฟ้าผ่า
มันทำให้อาเธอร์คิดถึงน้องสาวฝาแฝดจับใจ แต่ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย
“ข้าพบนาง” ‘เด็กบ่มเหล้าองุ่น’ พูด
“มิน่า... ” สายตาของของเธอไม่ได้แสดงความประหลาดใจหรือตกตะลึงเลย “เจ้ากำลังพูดถึงสิ่งที่ไม่อาจเป็นจริงได้”
“แต่มันเกิดขึ้นจริง”
“ถ้าเช่นนั้นก็ปาฏิหาริย์”
“เช่นนั้นก็ปาฏิหาริย์! ” ไดโอนีซุสเสียงดัง “และมันเกิดขึ้นจริง! ”
“ที่ไหน -- เมื่อไหร่”
“สถานที่อันพลุกพล่าน ใต้เงาแห่งอะโครโพลิส ใต้จมูกอธีน่า[2]เลยทีเดียว! ”
อาร์เทมีสสูดหายใจ “เจ้าไม่ควรเอ่ยชื่อนางดัง ๆ ” เธอกระซิบ “เจ้ารู้ดีว่าพี่น้องของเราคนนี้ [3]จะไม่ยอมให้ใครคนใดเอ่ยถึงนางโดยไร้เหตุผล”
“ข้าจะไม่ทำอีก”
“แต่ -- จริงหรือ” เธอยังไม่ยอมปักใจเชื่อ “แล้วคำสาบานเล่า”
“ข้ารู้” ไดโอนีซุสยกสองมืออย่างอ่อนล้า “เพียงแต่ข้าเชื่อมั่นอย่างที่สุดว่าเราพบนางแล้ว”
“แล้ว -- ” อาร์เทมีสกลืนน้ำลาย “เจ้ารู้ได้ยังไง”
“ข้ารู้สึกว่าทุกพืชพรรณในวิมานมีชีวิตชีวา มันเหมือนกับเวลาที่นางมาเยือน” เขาหยุด และเล่าต่อ “แล้วข้าก็พบนาง เป็นนางแน่ -- แค่สำเนียงพูดแปร่งไป และผิวของนางก็เผือดขาวกว่าเดิม”
“เดี๋ยว! ” เทพีร้องเสียงหลง “นางเป็นมนุษย์! ”
“ใช่”
“ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ใช่เพอร์ซีโฟเน่”
“ต้องเป็นนนาง” เขายืนกราน “ดวงตาของนาง -- อาร์เทมีส มันไม่มีทางจะเป็นแก้วตาของมนุษย์ไปได้! ข้ามั่นใจว่าหญิงสาวคนนั้นคือนาง! ”
“แม้แต่อาร์เทมีสก็ต้องรับฟังหรือนี่” อพอลโลขัดขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวอย่างเกียจคร้าน “ข้ารู้ -- เราทั้งสามรักและห่วงหาเพอร์ซีโฟเน่อย่างบริสุทธิ์ใจเหมือนน้องสาวแท้ ๆ แต่นางจะไม่มีวันหวนคืนมา แล้วเจ้าจะทำอะไร... ขอเปิดประชุมสภาเทพโอลิมเปียนหรือ”
อพอลโลไม่ได้หวังให้เป็นอย่างนั้น แต่ความเชื่อมั่นของไดโอนีซุสเข้มข้นเกินไป
“ถ้าเจ้าคิดว่าอย่างนั้น... ” เขายืนเหยียดตรง ยืดแขนขวาชูสูง ที่กลางฝ่ามือมีสัญลักษณ์เทพโอลิมเปียนซึ่งเปล่งแสงเรืองรองโบกไหวเหมือนเปลวไฟกลางพายุ
“ข้า! ไดโอนีซุส เทพแห่งโอลิมปัสอันสูงส่งลำดับสุดท้าย น้อมคำนับพระบิดา ขอเปิดประชุมสภาแห่งเหล่าทวยเทพโอลิมเปียนด้วยความเคารพและภักดียิ่ง! ”
ได้ยินเสียงท้องฟ้าคำราม การประชุมของเทพเจ้าทั้งสิบสองผู้ทรงอำนาจที่สุดกำลังจะเริ่มต้นขึ้น!
เอเรอาญ์นอนลืมตาโพลง
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอฝันร้าย แต่ก็ไม่เคยรู้สึกว่าจะชินกับมันเสียที พอ ๆ กับที่ยังคงรู้สึกว่าแสงแดดและเสียงโบกสะบัดของผ้าม่านเป็นสิ่งแปลกที่แปลกทาง
“เอเรล ฉันไม่อยากให้เธอไป”
“ฉันจะไปที่ไหนล่ะ พี่คิดอะไรอยู่กันแน่”
มันเป็นความฝัน และแววตาสิ้นหวังของอาเธอร์ก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในชั่วชีวิตของฝาแฝด
“เธอต้องไปแน่”
“อาเธอร์! พอได้แล้ว! ฉันไม่ไปไหนหรอก!”
“เธอต้องไป ไม่ว่าใครก็ปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้ -- เธอต้องไป”
แล้วพี่ชายฝาแฝดก็ปล่อยมือเธอ หรือพูดให้ถูกต้องคือไม่มีใครสามารถรั้งมือของกันไว้ได้ เอเรอาญ์ล่องลอยอยู่ในที่ไหนสักแห่งซึ่งมืดสนิทและเปียกชื้น ไม่มีอาเธอร์ ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีหนทางจะไป
จากนั้นเธอเห็นใครกัน เอเรอาญ์ไม่แน่ใจ ใบหน้าของเขาซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมมิดชิด เขายื่นผลทับทิมผลหนึ่งให้เธอ เธอรู้สึกไม่ไว้ใจเขาเอาเสียเลย แต่แล้วก็รับมันมา
เขาไม่พูด ไม่แม้แต่จะส่งเสียง เอเรอาญ์ควรจะกลัวเขา แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น แล้วเขาก็ดึงเธอเข้าไปกอด มันอบอุ่นที่สุดเท่าที่ความฝันจะมอบให้ได้
“เหนื่อย... เหลือเกิน”
เขาอาจจะพูดอะไรมากกว่านั้น เพียงแต่เธอสะดุ้งตื่นขึ้นเสียก่อน
ในเวลาไล่เลี่ยกัน ตัดข้ามแผ่นดินและท้องทะเลไป ในห้องนอนที่ใหญ่โตหรูหราที่สุดห้องหนึ่ง อาเธอร์ลืมตาตื่นขึ้น
ว่ากันว่าฝาแฝดมีความเชื่อมโยงถึงกันอย่างพิเศษเสมอ และคู่แฝดอาร์เรห์นก็ดูจะไม่ได้รับการยกเว้นจากกรณีนั้น
“เธอต้องไป ไม่ว่าใครก็ปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้ -- เธอต้องไป”
มันเป็นเสียงสุดท้ายก่อนเขาสะดุ้งตื่น แต่อาเธอร์ไม่เชื่อว่าการปล่อยมือจากเอเรอาญ์อย่างง่ายดายจะเป็นเรื่องธรรมดาสามัญสำหรับเขา ความฝันทำให้อาเธอร์รู้สึกกระอักกระอ่วน ท้องไส้บิดเป็นเกลียวแบบเดียวกับเวลาที่เคร่งเครียด เขาสะบัดตัวออกจากเตียงนอน ท้องฟ้านอกหน้าต่างยังมืด พอเห็นแสงรำไรเป็นเสี้ยวบาง ๆ จากที่ไหนสักแห่งไกล ๆ เท่านั้น ถ้าเขาคิดจะทำอะไร ก็ควรจะเริ่มเสียตอนนี้ --
ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเสี่ยงโทรศัพท์ติดต่อฝาแฝดเลยแม้แต่ครั้งเดียว นอกจากการพูดคุยสั้น ๆ ทางอินเตอร์เน็ตเพื่อเป็นข้อมูลในการเล่าสู่กันฟังของแม่ และมันก็ประสบความสำเร็จอย่างดี อย่างน้อยก็ในแง่ที่ว่าแม่ไม่เคยนึกเอะใจสงสัยจนต้องโทรศัพท์ตามหาเธอ หรืออย่างมากก็คือการที่ทุกคนยังคงเชื่อว่าเอเรอาญ์อยู่ในออสเตรีย
เขากดโทรศัพท์และรอคอย สายที่หนึ่งผ่านไปโดยไม่มีการตอบรับ
อาเธอร์ชั่งใจ ท้องฟ้าสว่างขึ้นแล้ว แต่คงไม่เสี่ยงเกินไปนักสำหรับสายที่สอง...
“สวัสดี อาเธอร์”
คราวนี้เอเรอาญ์รับสายทันทีหลังจากสิ้นเสียงกริ่งแรก
“เอเรล!” เขาแทบจะตะโกนออกมา “ตอนนี้เธออยู่ไหนน่ะ”
“ในห้องนอน ฉันกำลังแต่งตัวอยู่” ฝาแฝดตอบ “จวนจะแปดโมงเช้าแล้ว อีกเดี๋ยวก็ได้เวลาเปิดร้าน”
“ร้าน? ”
“ใช่ เรามีร้านกาแฟที่ชั้นล่างของบ้าน”
“ไม่มีอะไรใช่ไหม”
ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงถามอย่างนั้น และเอเรอาญ์ก็คงจะคิดไม่ต่างกัน น้ำเสียงของเธอจึงแผ่วลง “ทำไมล่ะ หรือว่าเกิดอะไรขึ้น”
“เปล่าหรอก” อาเธอร์ถอนใจ “ฉันแค่ไม่สบายใจนิดหน่อย”
“นิดหน่อย? ”
“คือ... อันที่จริง ฉันฝันร้ายน่ะ”
คราวนี้เอเรอาญ์หัวเราะเสียงดัง “ฝันร้าย! ”
“จริง ๆ นะ” เขาเล่าความฝันให้เธอฟังเร็วปรื๋อ “เธอคิดว่ายังไงล่ะ”
เสียงของน้องสาวฝาแฝดแผ่วเบาลงอีกครั้ง “รู้ไหม พี่ฝันเหมือนฉันเลย”
“เฮ้... ”
มันเบายิ่งกว่าเสียงกระซิบ ความกลัวคืบคลานเข้ามาอย่างคุกคาม และมันเป็นความกลัวแบบเดียวกันกับผลทับทิมบนพื้นถนนในอุบัติเหตุวันนั้น ซึ่งอาเธอร์ไม่สามารถอธิบายได้
“อย่าใส่ใจดีกว่า” เอเรอาญ์พูด “พี่ก็รู้ว่าเราฝันเหมือนกันออกบ่อย เราเป็นฝาแฝดกันนี่! ”
“ใช่... ”
“ถ้าพี่เจอเรื่องแปลก ๆ ที่เกี่ยวกับผลทับทิมยังจะดูน่ากลัวกว่านี้อีก”
ความหนาวเหน็บไต่ไปตามร่างกายของเขา “อะไรนะ” อาเธอร์ถาม
“ผลทับทิม” ปลายสายตอบ “วันก่อน ๆ มีลูกค้าคนหนึ่งมาตอนที่ร้านใกล้จะปิดเต็มที เขาสั่งลาเต้ แต่ตอนที่ฉันยกกาแฟไปให้เขา เขาก็หายไปแล้ว เหลือแต่ทับทิมผลเดียววางอยู่ เผอิญเขานั่งหลบมุมร้านด้วยสิ ฉันเลยมองไม่เห็นว่าเขาหายไปตอนไหน”
ทับทิม...
ภาพของเนื้อทับทิมสีแดงสุกปลั่งสะท้อนแสงอาทิตย์ในอุบัติเหตุวันนั้นกำลังเต้นเป็นจังหวะเดียวกับชีพจรของเขา
“ละ... แล้ว” อาเธอร์เลียริมฝีปาก รู้สึกว่าลำคอแห้งเป็นผง “ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เธอได้งานหรือยัง”
“ยัง แต่ก็เร็ว ๆ นี้ ฉันพอคุ้นที่คุ้นทางบ้างแล้ว และอาจจะได้ทำงานเป็นมัณฑนากรในบริษัทเดียวกับเขาด้วย เขาเปิดร้านกาแฟ แต่จริง ๆ แล้วมีอาชีพเป็นสถาปนิกน่ะ เพียงแต่ไม่ค่อยมีงานมาถึงมือเท่าไหร่”
“อย่างนั้น? ”
“ใช่”
“โอเค เอเรล” เขากระแอม “ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้วล่ะ ตอนนี้ใกล้เช้าแล้วด้วย ฉันกลัวใครจะมาได้ยินเข้า แค่นี้แล้วกันนะ”
สองฝาแฝดล่ำลากันและวางสาย หัวใจของพี่ชายเต้นรัวจนเจ็บแปลบ
WRITER : ชอบกันหรือเปล่าเอ่ย? ถ้าชอบ โรมจักรก็ขอกำลังใจหน่อยนะคะ
และถ้ามีข้อที่อยากให้ปรับปรุงแก้ไข สามารถวิจารณ์ได้เลยนะคะ น้อมรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ
[1] เพลง A lover’s concerto โดย Kelly Chen
[2] อะโครโพลิสเป็นเนินแห่งหนึ่งในเอเธนส์ เป็นที่ตั้งของวิหารพาร์เธนอน ซึ่งเป็นวิหารสักการะอธีน่า เทพีแห่งสติปัญญา
[3] เทพเจ้าแทบทุกองค์ล้วนแล้วแต่เป็นญาติพี่น้องกันไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น เทพไดโอนีซุส เทพีอธีน่า เทพ อพอลโล เทพีอาร์เทมีส เทพเฮอร์มีส เทพีเพอร์ซีโฟเน่ เป็นพี่น้องร่วมบิดาเดียวกัน คือเทพซุส ราชันแห่งทวยเทพ
ความคิดเห็น