ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พานภพ fic.iKon [BJin/JunJin l BinHwan/JunHwan]

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 254
      1
      24 ธ.ค. 58

    CHAPTER 1


     


    Los Angeles, USA

    มือหนาตวัดปลายดินสอบรรจงสรรสร้างงานศิลปะที่เลอค่าด้วยอารมณ์ยิ้มแย้มใต้แสงแดดอ่อนยามเช้า

    “วาดผู้หญิงคนนี้อีกแล้วหรอ” เสียงรบกวนทำให้ศิลปินหนุ่มหยุดกิจกรรมเพียงครู่เพื่อหันไปมองผู้มาเยือน ก่อนจะกลับมาตั้งใจวาดอีกครั้ง

    “อื้อ”

    Did you dream about her again?” เพื่อนของเขาถามอย่างสงสัย

    yeh!” บ๊อบบี้ส่ายหัว เพื่อนของเขามักเป็นแบบนี้เสมอ แทบจะถามคำตอบคำถ้าหากได้นั่งวาดรูป

    Who's she?  นายวาดรูปเธอเป็นร้อยรูปได้แล้วมั้งบีไอ” คนถูกเรียกชื่อหยุดกิจกรรมลง เขาเองก็สงสัยเช่นกันว่าเธอคนนี้เป็นใคร

    “ไม่รู้วะ” เขาทำได้เพียงจ้องมองเข้าไปในรูปอย่างสับสน

    “เอ้า! แต่youวาดรูปเขาเนี่ยนะ”

    “ก็...เออ”

    “เห้ย! บ้าไปแล้ว การที่เราจะวาดรูปใครซ้ำๆได้โดยที่หน้าตาไม่เปลี่ยนไปเลยแปลว่าเราต้องรู้จักเขาจนจำได้ขึ้นใจ แต่นี้นายไม่รู้เลยหรอว่าเขาเป็นใคร” บ๊อบบี้ให้ความเห็น

    “นายจะกลับเกาหลีเมื่อไหร่” บีไอรีบเปลี่ยนเรื่อง

    “คงสองเดือนหน้ามั้ง ฉันต้องอยู่กับแม่ต่ออีกหน่อย นายกลับไปก่อนก็ได้นะ เพราะไงนายก็เป็นเด็กแลกเปลี่ยน ที่บ้านคงคิดถึงแล้วมั้งไม่เจอกันตั้ง 3 ปี”

    “อื้อ ฉันจองตั๋วกลับวันเสาร์นี้แล้ว ถ้านายกลับเมื่อไหร่ก็ไลน์มานะ ฉันจะได้ไปรับ”

    “บีไอ ฉันไปอยู่บ้านนายได้จริงป้ะ เกรงใจพ่อแม่นายวะ”

    “เออ ไม่เป็นไรหรอก มาเถอะ ตอนฉันมาอยู่แอลเอก็ไม่มีใครเลย นายเป็นเพื่อนคนแรกของฉัน พ่อแม่ฉันเข้าใจอยู่แล้วเขาเลี้ยงฉันแบบฝรั่ง ไม่ได้หัวโบราณนักหรอก”

    Ok, see you boy!

     

    Pusan , KOREA

    เสียงโทรทัศน์ดังระงมไปทั่วบ้าน เรียกให้จินฮวานเดินลงมาดูในห้องรับแขก เขาได้แต่ส่ายหน้าระอาเมื่อเห็นน้องชายตัวดีกำลังจดจ้องกับรายการทีวีอย่างตั้งอกตั้งใจ แถมยังมีขนมนมเนยเต็มมือเต็มปากอีกต่างหาก ทำตัวอย่างกับเด็กไม่เลิก

    จินฮวานเอ็นดูดงฮยอกเหมือนน้องชายแท้ๆ หลังจากที่พ่อแม่ของดงฮยอกแยกทางกัน น้องชายของแม่เขาก็ได้นำดงฮยอกมาฝากเลี้ยงไว้ ก่อนจะเข้าไปหางานทำในโซล ทั้งคู่จึงเติบโตมาด้วยกัน

    ดงฮยอกเองขาดแม่ ส่วนเขาก็ขาดพ่อเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่เด็กผู้ชายสองคนจะสนิทสนมกันมาก ทั้งที่ไม่ใช่พี่น้องที่คลานตามกันมาก็ตาม เพราะลำพังแค่แม่ของเขาซึ่งเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ จะหาเลี้ยงเด็กผู้ชายหัวรั้นทั้งสองคนให้โตมาได้ก็นับว่ายากแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยมีเวลาให้กับเขาทั้งคู่เนื่องจากต้องออกไปดำน้ำจับปลาแลกกับค่าอาหารให้ได้อิ่มปากท้องกันทั้งบ้าน

    ยังดีที่ได้รับเงินจากพ่อของดงฮยอกที่ส่งมาให้ทุกเดือน จึงช่วยแบ่งเบาภาระได้บ้าง เมื่อแม่ไม่มีเวลาให้พวกเขาจึงมีกันเพียงสองคน เมื่อมีเหตุการณ์อะไรก็มักจะมาแลกเปลี่ยนเล่าให้กันฟังเสมอ รวมถึงเรื่องความฝันของจินฮวานที่ไม่ค่อยกล้าเล่าให้ผู้เป็นแม่ฟังเท่าไรนัก และก็ดูเหมือนทุกครั้งที่เล่าแม่จะไม่ค่อยสนใจเพราะในตอนนั้นเธอคงคิดเพียงว่าเป็นความฝันของเด็กน้อย

    “ลำพังแค่เสียงโทรทัศน์ก็ดังมากแล้วนะดงฮยอก แต่พอมาเจอเสียงปรบมือเสียงหัวเราะของนายนี่พี่ยิ่งปวดหูกว่าเดิม เสียงรายการสู้นายไม่ได้จริงๆ” พี่ชายตัวเล็กอดไม่ได้ที่จะตำหนิน้อง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ มันดูอะไรอยู่วะ

    “ผมก็ไม่ตั้งใจจะดูหรอกนะ แต่ดูไปดูมาก็ติดเลยอ้ะฮยอง”

    “มันคือ?”

    “ละครไทย ตอนแรกก็ดังแค่ในจีนแหละ ไปมาๆ ก็ลามมาญี่ปุ่น พอดีเพื่อนผมยูโตะที่เคยเล่าให้ฟังไง คนนั้นอ้ะ เออ..มันส่งลิ้งค์มาให้ดู ผมเลยเอามาเชื่อมจอใหญ่ สนุกนะฮยอง มุมมองละครบ้านเขาต่างกับบ้านเรามากเลย” ดงฮยอกนำเสนอทั้งที่ตายังไม่ละจากจอ

    พี่ชายตัวเล็กเกิดสงสัย อะไรมันจะสนุกขนาดนั้นวะ? พลันเบือนสายตาคู่หวานไป จากดวงตาเล็กๆ ก็เบิกโตขึ้นทันทีเมื่อเห็นภาพในโทรทัศน์

    “นี่มันละครอะไรหรอ” จินฮวานเหงื่อตกกลัวกับคำตอบที่จะได้ แต่ก็ยังอยากรู้

    “ก็...เป็นละครพีเรียตของเขาล่ะมั้ง เพราะเห็นมีเรื่องราวประวัติศาสตร์ด้วย”

    “...คนไทย...เขาแต่งตัวกันแบบนี้หรอ” จิฮวานพูดติดขัดเพราะรู้สึกจุกขึ้นมาที่คออย่างบอกไม่ถูก

    “อื้อ...ในสมัยก่อนนะ”

    ร่างบางลุกขึ้นฉับพลันก่อนจะรีบเร่งสาวเท้าออกมาจากตรงนั้น ใจเต้นตุบตับราวกับจะระเบิดออกมาข้างนอก มันเหมือนกับเวลาเขาตื่นเต้นเมื่อเข้าใกล้ความจริงบางอย่างที่เขาไม่รู้ และมันคาใจอยู่เรื่อยมา ถึงจะเป็นเพียงข้อมูลสั้นๆ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่า

    ผู้หญิงคนนั้น...เป็นคนไทย!!

    คนตัวเล็กรีบรุดเข้ามาหลบซ่อนตัวในห้องนอน หลังบางพิงแนบกับบานประตูทันทีที่เขาลงกรมัน ใจยังคงเต้นแรงไม่หยุด มือเรียวกำเข้าหากันแน่นก่อนจะยกขึ้นมาทุบอกเพื่อปลอบให้มันหยุดการเต้นอย่างหนักเสียที จินฮวานใช้เวลากับตัวเองสักพักเพื่อสงบสติอารมณ์

    เมื่อตั้งสติได้ร่างเล็กรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาไม่รอช้าที่จะเข้าเว็บไซน์สำหรับค้นหา นิ้วเรียวเร่งรีบพิมพ์คำว่า ประเทศไทย ลงไปอย่างลนลาน เขายังตกใจกับข้อมูลหลากหลายที่เขาได้รับรู้

    ข้อมูลที่เขาอยากรู้มานาน แต่ก็เป็นข้อมูลที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวกับบางสิ่งบางอย่าง

    วันนั้นทั้งวัน คิม จินฮวานจึงได้ใช้เวลาหมดไปกับโทรศัพท์เครื่องเล็ก จนกระทั่งตกดึกที่ลูกพี่ลูกน้องหน้าหวานเข้ามาในห้องเมื่อถึงเวลานอน

    “ฮยองหายไปไหนทั้งวัน คุณน้าถามหาแหนะ”

    “พี่อยู่บนนี้”

    “ทั้งวันเลยอ้ะนะ!!” ดงฮยอกอ้าปากค้างอย่างตกใจกับคำตอบที่ได้รับ พี่ชายเขาเป็นโรคซึมเศร้าหรืออย่างไร

    “อื้อ ดงฮยอก ละครที่นายดูตอนนั้น...”

    “อ้อ! ทำไมหรอ”

    “ผู้หญิงที่อยู่ในฝันฉัน...เขาใส่เสื้อผ้าแบบนั้น แล้วก็อยู่ในสังคมแบบนั้น เหมือนในละครที่นายดู” ดงฮยอกที่กำลังเช็ดหัวให้แห้งจากการอาบน้ำต้องหยุดชะงักมือของตัวเอง ก่อนจะทำหน้าตาแตกตื่นราวกับโลกจะแตก

    “ฮยอง!! ผีแน่ๆ ต้องเป็นผีผู้หญิงในยุคนั้น ฮยองไปทำอะไรไว้กับคนไทยรึเปล่า”

    “ใช่ที่ไหนเล่า พี่ไม่เคยเจอคนไทยเลยสักคนในชีวิต จะเอาอะไรไปทำใคร” น้องชายหยุดอาการแตกตื่นแล้วพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย

    “แต่ยังไงผมก็ว่าเป็นผีอ้ะ ไม่งั้นเขาจะมาเข้าฝันฮยองได้ไงทุกวัน”

    “นั่นแหละที่ฮยองสงสัย นายพอจะรู้มั้ยว่าทำไมพี่ถึงฝันเห็นเขา” ดงฮยอกใช้ความคิดสักครู่ก่อนตอบ

    “..อื้ม...ผมเคยได้ยินมานะ ว่าที่ประเทศไทยเขามีความเชื่ออย่างหนึ่ง แบบเรื่องภพ เรื่องชาติ เรื่องกลับมาเกิดใหม่อะไรแบบนี้อ้ะ”

    “กลับมาเกิดใหม่?” จินฮวานนั่งตัวตรงมองหน้าน้องชายอย่างใคร่รู้ เป็นสัญลักษณ์บอกให้เล่าต่อไป

    “ก็ประมาณว่าแบบ ฮยองอยู่ในยุคโชซอนใช่มั้ย ล่ะพอตายไปก็มาเกิดในโซลในปัจจุบันอีก แบบชาติที่แล้วฮยองอาจจะเคยเป็นบัณฑิตหนุ่มแห่งโชซอนก็ได้ แล้ว...บางทีผู้หญิงคนนั้นก็อาจจะเคยเป็นอะไรกับฮยองในชาติที่แล้วไง เขาเลยตามมาหา”

    “นายว่า...เขาเป็น เออ...สิ่งลี้ลับใช่มั้ย”

    “คงงั้นแหละ ไม่งั้นจะเข้าฝันฮยองได้ไงตั้งแต่เล็กจนโต... เห้ย!!” จู่ๆ ดงฮยอกก็ทำท่าทางหวานกลัวจนจินฮวานอดขนลุกตามไม่ได้

    “ทำไม!! มีอะไร”

    “ฮยองอ้ะ มาพูดเรื่องนี้ตอนนี้เนี่ยนะ แล้วผมจะหลับลงได้ไง บรึ๋ยย”

    “ไอป๊อดเอ้ย นึกว่าอะไร”

    “งั้นวันนี้ฮยองมานอนด้านนอกบ้างมั้ยล่ะ ผมจะเข้าไปนอนข้างในเอง” โอ้โห! มันท้าเว้ย

    นึกหรอว่า คิม จินฮวานจะกลัวของพรรค์นี้ เขาโตเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าจะจินตนาการถึงเรื่องผีๆ

    ดังนั้นคำตอบของจินฮวานจึงตอบออกมาด้วยความเต็มใจ

    “ไม่!!!” ร่างเล็กพูดเสียงดังฟังชัดใส่หน้าน้องชายก่อนจะมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม แล้วคลุมโปรงอย่างแน่นหนา

    ดงฮยอกหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะรีบมุดตามเข้าไปพร้อมกับนอนหันหลังให้กับสิ่งที่เขาจะมองไม่เห็น

    วันนี้ดงฮยอกรู้สึกหลงรักแผ่นหลังของพี่ชายมากเหลือเกิน เขาอุ่นใจที่ได้มองข้างหลังของจินฮวานมากกว่าจะหันหน้าไปมองนอกหน้าต่างห้องนอนที่ถูกเปิดทิ้งไว้เพื่อรับลมเย็นในตอนกลางคืนเช่นทุกวัน

    ดงฮยอกหลับตาปี๋พร้อมแก่การนอนแล้ว ต่างจากพี่ชายตัวเล็กที่ยังคงตาสว่างใต้ผ้าห่ม เขาไม่ได้นึกกลัวหากผู้หญิงคนนั้นจะเป็นผี เขาจะสบายใจกว่าถ้าเป็นจริงอย่างที่น้องของเขากังวล

    แต่ทว่า...ใจของเขามันประท้วงบอกว่าสิ่งที่ดงฮยอกคิด มันผิด!!!

    เขารู้ดีแก่ใจว่ามันไม่ได้จบง่ายดายแบบนั้น มันมีอะไร....มากกวานี้

    และด้วยเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เช้าวันนี้จินฮวานที่มีสอบในวันพรุ่งนี้ต้องเร่งรีบทบทวนบทเรียน สำหรับการสอบในมหาวิทยาลัยนั้นค่อนข้างโหดกว่าการสอบของมัธยม แต่เนื่องจากสาขาที่เขาเลือกเป็นเรื่องที่เขาชอบ ทำให้ทุกอย่างมันดูง่าย

    “ฮยองจะสอบอยู่แล้วพรุ่งนี้ ยังจะมาอ่านนิยายอีกหรอ” ดงฮยอกแซวทั้งที่รู้คำตอบอยู่ในใจ

    “ไม่ใช่นิยาย นี่วรรณกรรมร่วมสมัยของอิตาลี่ พี่ต้องสอบพรุ่งนี้ก็เรื่องนี้แหละ”

    “เอ...ผมว่าพี่น่าจะลองหาพวกวรรณกรรมไทยมาอ่านบ้างนะ ไหนๆพี่ก็ต้องศึกษาของยุโรปแล้ว เอาเอเชียเพิ่มเข้าไปจะเป็นไร เผื่อพี่จะรู้จักผู้หญิงในฝันของพี่มากขึ้นไง” จู่ๆ ดงฮยอกก็เริ่มมีประโยชน์

    ร่างบอบบางผละจากหน้าหนังสือที่กำลังบรรยายถึงฉากรักหวาบหวามของตัวละครเอก

    จะว่าไปเหมือนเขาเคยเห็นวรรณคดีไทยที่ถูกแปลอยู่หลายเรื่องเช่นกันในหอสมุดมหาวิทยาลัย เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจจะหยิบออกมาอ่านเท่านั้น เพราะมีรายงานหลายชิ้น และเรื่องสอบเข้ามาตามๆ กัน เขาจึงต้องคร่ำเคร่งแต่หนังสือที่จำเป็นต้องอ่านเท่านั้น

    “เทอมหน้า...เหมือนพี่จะต้องเรียนวรรณคดีไทยเป็นตัวเสริม มันเป็นเรื่องราวที่อยู่ในยุคสมัยก่อน เห็นว่าเป็นเรื่องที่ทั่วโลกต่างก็ศึกษากัน เขาว่ากวีที่เขียนเรื่องนี้มีชื่อเสียงมาก” จินฮวานพูดเหมือนท่องคำจากอาจารย์ในห้องออกมา

    “งั้นก็ดีเลย พี่จะได้มีคนให้ถามคำถามที่พี่สงสัยไง”

    คนตัวเล็กไม่เข้าใจที่น้องชายพูด

    “ใคร?”

    “เอ้า ก็อาจารย์ที่จะสอนวรรณคดีไทยของพี่ไง ถ้าความฝันของพี่มันมาจากสมัยนั้น วรรณคดีไทยก็ตีแผ่สังคมในสมัยนั้น คนที่มาสอนก็ต้องรู้เรื่องตอนนั้นบ้างสิ ว่าวิธีไล่ผีที่มาจากยุคนั้นต้องทำไง”

    โอ้ว! เป็นอีกครั้งที่ดงฮยอกมีประโยชน์ แต่จินฮวานไม่ได้คิดถึงการไล่ผี เขาคิดถึงคำถามมากมายที่เขานึกสงสัยและอาจจะได้รับคำตอบจากอาจารย์อย่างที่ดงฮยอกว่า

    จินฮวานจ้องมองน้องชายของเขาด้วยความรู้สึกเอ่อล้น ดงฮยอกช่างวิเศษจริงๆ

    “ฮยอง ผมไปเรียนล่ะนะ เดี๋ยวครูใหญ่เฉ่งหัวผมอีก เข้าห้องสายบ่อยล่ะ นี่การบ้านคณิตศาสตร์ก็ยังไม่ได้ลอกเลย ต้องรีบไปเช้าหน่อย ...เผื่อเวลาไปลอก”

    เออ..เขาขอถอนคำพูด ดงฮยอกไม่ได้วิเศษอย่างนั้นหรอก



    MV นางมาแล้วนะ!! กดดู กดไลค์ กดแชร์กันเยอะๆ เลยนาจา



    Twitter : #ฟิคพานภพ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×