ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BJin] I’M JUST ANOTHER BOY。

    ลำดับตอนที่ #5 : I'M JUST ANOTHER BOY ; CHAPTER 4

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 193
      0
      17 ก.พ. 57




    CHAPTER 4

     

     

     

    คืนนี้อารมณ์ไม่ดีเลย คู่รักทั้งหลายผมน่ะมันตัวร้ายนะ”

     

     

     

    ชายร่างสูงยืนพิงกำแพงอาคารเรียนด้วยหน้าตาไม่สู้ดีนัก ใบหน้าหล่อไม่แม้แต่จะเงยขึ้นมองสิ่งรอบข้างเลยสักนิด เขาไม่ต้องการให้ใครมาสนใจและทักทาย

    ก็มันใช่เรื่องปกติเสียที่ไหน ที่ คิม ฮันบิน จะมายืนรอคนอยู่หน้าคณะแบบนี้ หากใครรู้เข้ามีหวังได้ขายขี้หน้ากันยกใหญ่ ถึงจะพยายามปิดบังใบหน้าแล้วก็ตามที แต่ก็ดูคล้ายว่าจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เมื่อหญิงสาวหลายนางที่เดินผ่านไปเอาแต่ชักชวนเพื่อนให้มองดูเขา

    แล้วก็กระซิบกันสนุกปาก หัวเราะบ้าง ไม่พอใจบ้าง ปะปนกันไป อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เขาจะต้องมายืนอยู่ที่นี่

    หน้าตึกบริหารฯ

    ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ แต่ก็แค่อยากจะทำอะไรบางอย่าง อะไรที่เวลาเจอคนหน้าหวานแล้วเขาชอบทำ ก็แค่อยากแกล้ง

    แต่ตอนนี้ชักจะเริ่มโมโหบ้างแล้วสิ ก็เขามายืนรออยู่ได้เกือบชั่วโมงแล้ว ทำไมถึงยังไม่มาอีกนะ นี่มันเวลาพักทานข้าว หรือว่าเห็นเขาเลยแอบอยู่

    ร่างสูงสาดส่องสายตาเข้าไปภายในอาคารเรียน แต่ก็ไม่พบบุคคลที่ต้องการเจอตัว

    หรือว่าวันนี้จะไม่มีเรียน?

    เขาคงต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำมากที่สุดแล้วสินะ ร่างโปร่งเดินตรงไปยังหญิงสาวร่างบางที่ครั้งหนึ่งเขาเคยคบไว้ควงเล่นๆในมหาลัย

    “มินอาขอคุยด้วยหน่อย” เรียกอีกฝ่ายเสียงเบา

    เจ้าของชื่อหันมามองด้วยความงงในทีแรก แต่แล้วก็เปลี่ยนสายตาเป็นหยิ่งทะนงทันที นี่คิดว่าเขาจะมาขอคืนดีล่ะสิ เข้าข้างตัวเองมากไปมั้ย

    “อะไรล่ะ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าฉันมีเวลาไม่มากนัก” น้ำเสียงเชิดๆของเจ้าหล่อนทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด

    “รู้จักจินฮวานมั้ย อยู่ปีสาม” เหมือนว่านี่จะไม่ใช่คำถามที่อีกฝ่ายต้องการสักเท่าไหร่ เพราะสีหน้าการแสดงออกที่ดูจะเหวอไปชั่วครู่ก่อนจะเริ่มขึ้นสีด้วยความโกรธเอ๊ะ! รึว่าความอายก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

    “ไม่รู้จัก”

    “อืม ขอบใจมาก” คนตัวสูงกลับหลังหัน ไว้ค่อยมาใหม่ก็ได้ วันนี้คงไม่ได้เจอแล้วสินะ

    แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินไปมากกว่าสามก้าว มือเรียวก็คว้าแขนแกร่งของเขาไว้ให้หันไปเผชิญหน้า

    “มีอะไรก็พูดมาสิ ฉันไม่เล่นตัวแล้วก็ได้” สีหน้าแววตาเว้าวอนที่ใครมองดูแล้วก็คงจะสงสารแต่ไม่ใช่กับ คิม ฮันบิน

    ชายหนุ่มแกะมือบางออกจากการเกาะกุมอย่างเย็นชา

    “ที่จะคุยด้วย ก็มีแค่นี้แหละ”

    ไม่คิดจะถนอมน้ำใจคนตรงหน้าสักนิด ฮันบินหมุนตัวเดินจากไปและไม่หันกลับไปมอง

    ทิ้งให้อีกคนที่อยู่เบื้องหลังทำได้เพียงเคียดแค้นในใจ อยากจะร้องกรี๊ดให้แสบแก้วหูผู้ชายที่ทิ้งเธอเสียเหลือเกิน แต่จากประสบการณ์ที่เคยอยู่ในฐานะคู่ขาของชายหนุ่ม เธอย่อมรู้ดีว่าเขาเกลียดดารตอแยและทำตัวงี่เง่าแบบนั้น

    “คอยดูนะ คิม ฮันบิน นายจะต้องเสียดายที่ทำแบบนี้กับฉัน”

     

    เจ้าของขาเล็กกำลังก้าวเดินอย่างไม่เร่งรีบ จินฮวานเพิ่งเลิกเรียนเพราะอาจารย์ปล่อยเลทไปเกือบครึ่งชั่วโมง

    แต่การที่ได้ออกมาเลทมันก็เป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง ตรงที่เขาไม่ต้องไปแย่งอาหารกับใคร จินฮวานชอบทานอาหารในมหาวิทยาลัย เขาไม่ชอบออกไปหาอะไรจากข้างนอกกิน ทั้งเวลาเสียเวลาแล้วก็ยังเหนื่อยในการเดินอีกด้วย

    ดวงตาเรียวเล็กเบิกโตขึ้นเมื่อเห็นว่าร้านอาหารที่เขาเป็นขาประจำทำท่าจะปิด คตัวเล็กรีบรุดไปยังหน้าร้าน

    “อย่าเพิ่งปิดครับ!” จินฮวานโผล่มาแบบที่แม่ค้าไม่ทันตั้งตัว เธอเกือบทำช้อนตักอาหารล่วงจากมือแล้ว

    “เปล่าๆ ป้าไม่ได้จะปิด เอาของออกมาเช็ดทำความสะอาดเฉยๆ”

    “อ๋อ ครับ ผมเอา แกงกะหรี่ไก่แล้วกันครับ” ร่างบางรับจานอาหารมาไว้ในมือ เขาหยิบช้อนส้อมที่อยู่ในตะกร้าด้านข้าง ก่อนจะหันหน้าไปเตรียมเดินไปหาที่นั่ง

    แต่ยังไม่ทันที่ขาเล็กจะได้ก้าวเดิน จานแกงกะหรี่ไก่ของเขาก็ชนเข้ากับช่วงอกของใครบางคนจนคว่ำเลอะทั่วพื้นและตัวของผู้เคราะห์ร้าย

    “เห้ย! ขอโทษครับๆ” จินฮวานโค้งอยู่หลายรอบก่อนจะหยิบทิชชู่ในกระเป๋าสะพายมาเช็กเสื้อให้บุคคลปริศนา

    “ระวังหน่อยสิ รู้มั้ยว่าเสื้อนี่ราคาเท่าไหร่ ค่าส่งซักก็ไม่ใช่ถูกๆนะ” เสียงตำหนิที่ทำให้มือบางต้องชะงักลง ตาเรียวเงยขึ้นจ้องใบหน้าบุคคลปริศนานั้น

    อีกแล้วเหรอ!!

    “ขอโทษ” คำสำนึกผิดครั้งนี้ไม่ได้ออกมาจากใจแบบคราวแรก เขาตั้งใจกระแทกเสียงใส่คนตรงหน้า ก่อนจะหมุนตัวกลับไปสั่งรายการอาหารที่ยังไม่ทันได้ลิ้มลองรสชาติเลยสักคำ

    “แค่เนี๊ยะ?” น้ำเสียงยียวนมาพร้อมกับใบน้ากวนตีนของอีกคน

    “แล้วจะให้ทำไง” เขาชักเซ็งแล้วนะ

    “จะให้พี่เอาเสื้อผมไปซักก็กลัวว่าพี่จะทำมันพังซะเปล่าๆ งั้นเอาเป็นว่า เลี้ยงข้าวมื้อหนึ่งแล้วกัน” ไม่ลืมที่จะยักคิ้วกวนประสาทให้

    จินฮวานยิ้มรับให้ก่อนจะรับอาหารจานใหม่มา

    “ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย นายมายืนทั้งที่รู้ว่ามันคือทางเดินเองแท้ๆ แล้วนี่ข้าวของฉันก็หกไปแล้ว ต้องมาเสียเงินซื้อใหม่อีกรอบฉันยังไม่ได้เรียกเก็บเงินที่นายเลยนะ”

    นึกว่าเขาง่ายๆสินะ เรื่องอะไรเขาจะต้องยอมทำตามที่ไอ้เด็กเวรนี่บอก

    “อ้าว พูดงี้ผมก็เสียเปรียบดิ แล้วเสื้อผาล่ะ พี่จะรับผิดชอบยังไง”

    “ก็ไม่เป็นจะต้องรับผิดชอบเลยนี่” ว่าจบก็เดินเลี่ยงไปอีกทาง ร่างเล็กเลือกที่นั่งไม่ไกลจากร้านมากนัก เขาขี้เกียจเดินไกล แล้วถึงจะพยายามเดินไปไกลแค่ไหนไอ้เด็กบ้านี่ก็ตามไปอยู่ดี เพราะฉะนั้นนั่งใกล้ๆเนี่ยแหละ จะได้รีบๆกิน แล้วรีบๆไป

    “ได้ยังไง พี่นี่นิสัยเสียนะ ทำผิดแล้วไม่รับผิดอีก” ตามมาว่าแล้วนั่งลงตรงข้ามอีกคน

    จินฮวานไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้น เขาหลับตาอธิษฐานอยู่พักหนึ่งแล้วตักอาหารเข้าปากด้วยความสุข ก็นั่งหิวมาตั้งนานแล้วนี่นา

    “อร่อยนักเหรออาหารมหาลัยเนี่ย” คนพูดแสดงสีหน้าไม่ชอบใจ เขาไม่เคยคิดจะกินอาหารจากโรงอาหารเลย ปกติถ้าไม่ไปห้างก็ต้องร้านอาหารหรูๆ

    “ประสาทรับรสของคนเรามันไม่เหมือนกัน ต่อให้ฉันบอกว่าอร่อยแค่ไหนแต่ถ้าคนฟังไม่รู้สึกตาม มันก็ไม่อร่อยอยู่ดี” จินฮวานตั้งหน้าตั้งตาทานต่อไปโดยไม่สนใจคนตรงข้ามมากนัก

    “ตกลงพี่จะเลี้ยงข้าวผมมั้ย”

    ร่างบางไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองอีกคนด้วยซ้ำไป เขาไม่ค่อยอยากสนใจผู้ชายตรงหน้ามากนัก ถ้าเป็นไปได้อยากจะทำเป็นลืมไปด้วยซ้ำว่ามีคนนั่งอยู่ด้วย

    จริงอยู่ที่จินฮวานค่อนข้างเป็นคนเก็บตัว เขาไม่ค่อยมีเพื่อนที่ไหน

    วันๆก็เอาแต่เรียน ถ้าไม่มีเรียนก็หมกตัวอยู่ที่บ้าน ทำให้เขาไม่มีสังคมกับคนอื่นมากนัก และส่งผลมาถึงการคบเพื่อน

    ตอนที่ยังอยู่ปีหนึ่งเขามีเพื่อนเยอะด้วยรูปร่างหน้าตาที่น่าเอ็นดูนี้เองทำให้คนเข้ามาหาเยอะแยะ แต่เพราะว่าเขาไม่เคยไปเที่ยวกับใครเวลามีคนชวน เขาก็มักจะปฏิเสธโดยหาเหตุผลมาอ้างมากมาย

    และนั่นก็ทำให้เขาห่างหายจากโลกภายนอกไปมากทีเดียว จนปัจจุบันนี้จินฮวานก็ยังคงมานั่งทานข้าวเพียงลำพัง

    “พี่ไม่เหงาหรอ” เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ ร่างสูงก็เริ่มเปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่อยๆ เขาเริ่มจับไต๋ได้ว่าคนแบบจินฮวานต้องพูดไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็หลวมตัวต่อตอบมาเองแหละ

    เพราะชายหน้าหวานตรงหน้านี้ไม่ชอบยอมใคร และถ้าหากรบเร้ามากๆ เดี๋ยวก็ต้องรู้สึกอึดอัดใจและพูดออกมาจนได้

    ….” ยังคงไม่ตอบโต้ใดๆ สิ่งเดียวที่จินฮวานทำก็คือกิน กิน และกิน

    “เมื่อกี้ผมไปรอพี่ที่หน้าคณะด้วย แต่ไม่เจอ แล้วทำไมพี่ถึงมาโผล่ที่โรงอาหารได้ล่ะ ผมมั่นใจนะว่าเฝ้าหน้าคณะไว้อย่างดีแล้ว พี่ออกมาตอนไหน ไม่เห็นผมหรอ” เอาสี๊! รัวคำถามแบบนี้แล้ว ถ้าไม่ตอบมาสักอย่างก็ให้มันรู้ไป สัญชาตญาณการอยากเอาชนะของเขามันเริ่มพลุกพล่านอีกแล้ว

    ไม่รู้เป็นอะไรนักหนา พออยู่กับร่างบางนี่ทีไรเขามีเรื่องให้อยากเอาชนะอยู่เรื่อย

    “แล้วนายไปทำอะไรที่คณะฉัน” เขารู้สึกอับอายนิดหน่อยที่ฮันบินมารอถึงหน้าคณะ มันรู้สึกแปลกๆ ปกติก็ไม่มีใครมารอเขาแบบนี้หรอกนะ

    “ก็ไปหาพี่ไง”

    “ก็แล้วมาหาทำไมล่ะ” ทำไมเข้าใจอะไรยากนักนะ

    “ก็แค่อยากไปหา ทำไมอ๊ะ ไม่ได้เหรอ”

    จินฮวานมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง แล้วจัดการกับอาหารตรงหน้าต่อ เขาไม่อยากหงุดหงิดเพราะคำพูดกวนประสาทจากอีกคนอีกแล้ว ไม่อยากใส่ใจ ไม่อยากมีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆทั้งนั้น เพราะยิ่งเขามี ก็เหมือนจะได้ใจอีกคน ถ้าไม่อยากรู้สึกพ่ายแพ้ก็ต้องนิ่งเข้าไว้

    ยอมรับเลยว่าคิมฮันบินรู้สึกไม่พอใจกับท่าทีของอีกคนที่แปลกไป เขาอยากให้จินฮวานมีการโต้ตอบไม่ใช่แบบนี้ เขาอยากให้จินฮวานเถียงกลับ ด่าว่า ตำหนิ หรือโวยวายอะไรก็ได้ แต่วันนี้จินฮวานมีท่าทีเปลี่ยนไป จะเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อสามวันก่อนหรือเปล่า แต่ก็ไม่น่าจะเป็นขนาดนี้นี่

    เขาก็ใช่ว่าจะทำอะไรผิดต่อคนตัวเล็กหนักหนาอะไรเสียที่ไหนก็แค่เกือบทำให้ถูกรถชน

    “แต่พี่อย่ามาทำเนียนนะ ผมยังไม่ลืมเรื่องเสื้อ พรุ่งนี้ตอนเย็นผมจะไปหาพี่ที่คณะ เลิกเรียนแล้วรอผมด้วย ยังไงพี่ก็ต้องเลี้ยงข้าวผม แต่วันนี้มีภารกิจที่ต้องไปสะสาง เลยขอเป็นพรุ่งนี้แล้วกัน”

    “ฉันว่าฉันพูดไปแล้วนะว่าจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น”

    “ไม่ได้ พี่ทำผิดต้องรับผิดชอบ อย่าหนีล่ะ! พี่ก็รู้ว่าหนีผมไม่พ้นอยู่แล้ว จริงมั้ย” สีหน้ายียวนที่ส่งมานั่นทำให้จินฮวานรู้สึกอารมณ์ไม่ดี เขารู้สึกเหมือนถูกควบคุมจากคนตรงหน้าอย่างไรก็ไม่รู้ ซึ่งนั่นไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเลยสักนิด

    “ไปล่ะนะ มีเรียนต่อ เจอกันพรุ่งนี้นะพี่” เมื่อร่างสูงลุกออกไปแล้ว คนตัวบางก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก

    “ยุ่งจริง เรื่องอะไรฉันจะรอนาย” จินฮวานจัดการกับอาหารบนโต๊ะจนเสร็จสิ้นแล้วก็เดินกลับบ้าน

    เขามีเรียนแค่ช่วงเช้าหลังจากนี้ก็ว่าง

    ทีแรกจินฮวานตั้งใจจะกลับบ้านเลย แต่เพราะการที่ได้มาเจอกับร่างสูงนั้นกลับทำให้อารมณ์เขาไม่ดีเลย ไม่รู้ทำไมเจอกับฮันบินทีไรเขาต้องรู้สึกอารมณ์เสียอยู่เรื่อยไป

    ตั้งแต่สามวันที่แล้วเขายังหงุดหงิดไม่หาย หลังจากนั้นก็มีหลายครั้งที่พบร่างสูง ไม่รู้ทำไมต้องรู้สึกโมโหทั้งที่ยังไม่ทันจะได้คุยกันสักคำ หรือหลายครั้งที่ฮันบินไม่ทันได้สังเกตเห็นเขาด้วยซ้ำไป แต่เขาก็รู้สึกอารมณ์เสียอยู่ดี

    เขาเบื่อความรู้สึกนี้เต็มทน ไม่อยากเจอกับเจ้าของใบหน้ากวนประสาทนั่นอีกเลย แต่แล้ววันนี้ก็ดันมาเจออีกจนได้ ไม่ชอบเลยจริงๆ

     

    ความรู้สึกอัดอั้นจากสามวันที่แล้วของฮันบิน บัดนี้ได้มลายหายไปหมด เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้เจอกับจินฮวาน ช่วงสามวันที่ผ่านมาเหมือนว่าอีกฝ่ายจะพยายามหลบหน้าเขาอย่างไรก็ไม่รู้

    สองวันก่อนเขาเจอจินฮวานหน้ามหาลัย ดูเหมือนว่าร่างเล็กกำลังรอรถเมย์ แต่ทันทีที่เห็นหน้าเขาก็รีบรุดขึ้นรถเมย์ที่จอดเทียบไปทันที ทั้งที่ในตอนแรกก็ดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจขึ้นคันนั้นเสียด้วยซ้ำไป

    และเมื่อวานเขาเหมือนจะเห็นจินฮวานแว๊บๆอยู่ที่หน้าคณะ คล้ายว่าร่างบางกำลังเดินเข้าไปเรียน พอเขาเดินออกมาดูให้แน่ใจ คนตัวเล็กก้หายไปแล้ว

    และอีกหลายครั้งด้วยกันในสามวันที่ผ่านมาที่ดูเหมือนเขาจะถูกเห็นโดยอีกคน แต่เจ้าตัวแสบก็หนีเขา มันเป็นความรู้สึกที่น่าอึดอัดจริงๆ

    อาจจะเป็นเพราะในตอนแรกที่เขามักเจอกับจินฮวานโดยบังเอิญ ก็มักมีปากเสียงกันตลอด แต่ตอนนี้พอไม่ได้เจอก็เลยไม่รู้จะไประบายกับใครก็เป็นได้

    คิม ฮันบินสันนิษฐานตามรูปการที่เห็น ไม่ทันได้คิดว่าคนตัวเล็กหน้าหวานนั้น ได้เริ่มเข้ามามีอิทธิพลกับชีวิตของเขามากขึ้นทีละนิดๆ

     

    มือหนาของจุนฮเวจดจ่ออยู่กับการตอบไลน์ หลังจากวันเดทเขากับโบมีก็ติดต่อกันไม่ขาด

    เมื่อวานที่เขาแอบไปเดทกับโบมีอย่างลับๆโดยไม่บอกใครแม้แต่พี่จินฮวานเองก็ไม่รู้เรื่องนั้นมันช่างเป้นประสบการณ์ที่อัศจรรย์มาก เขาไม่เคยมีคนรัก หรือกิ๊กอะไรทั้งนั้น ครั้งนี้คือครั้งแรก

    เขารู้สึกดีกับโบมีมาก แต่เขาก็พอจะรู้ว่าความรู้สึกนี้ยังไม่ใช่ความรัก แต่ก็เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเขาคิดกับโบมีไปถึงไหนแล้ว

    “อิจฉาคนมีความรักจริงๆเลยโว้ย” เสียงแซวจากซึงยูนทำได้เพียงให้เขาปรายตามองเท่านั้น

    “เห้ยๆ ไม่สนเพื่อนเลยเว้ย! แหมะ ไอ้อ่อนของเรามีความรักกับเขาแล้วเหรอวะ” จินอูแทรกเมื่อได้จังหวะ

    “นี่ๆ อย่าไปแซวมันสิ ดูดิ! ไม่มีสมาธิพิมพ์แล้วเห็นมั้ย” มิโนตามมาเป็นลูกคู่

    จุนฮเวไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเกรียนของเพื่อนในกลุ่มมากนัก เขายังคงจดจ่อกับข้อความในไลน์ต่อไป

    “คนนี้เหรอที่ไปเดทพร้อมพี่จินฮวาน” ดงฮยอกที่เงียบอยู่นานถามขึ้น

    “อื้อ” ตอบแบบไม่ใส่ใจนัก

    “ทำไมแกไม่บอกฉันตอนนั้นว่าพี่จินฮวานจะไปเดท” จุนฮเวเงยหน้าขึ้นจากจอโทรศัพท์ เขาเข้าใจว่าดงฮยอกคงจะหมายถึงตอนที่คุยกันในไลน์ทีแรก เขาจำได้ว่าเพื่อนรักบอกว่าจะไปหาพี่ชายเขาที่คณะ

    แต่ก็นั่นมันก่อนที่เขาจะรู้ว่าพี่จินฮวานจะไม่ไปมหาลัยนี่หว่า เขาผิดตรงไหนวะ แล้วทำไมต้องทำหน้าเคร่งแบบนั้นด้วยเนี่ย แค่ไม่บอกแค่นี้เนี่ยนะ

    “ก็มันก่อนที่จะรู้ว่าต้องไปเดทนี่หว่า”

    “แล้วทำไมแกไม่ไลน์มาบอกทีหลังล่ะ”

    “เห้ย เป็นอะไรวะ ทำไมต้องขึ้นเสียงด้วย”

    ดงฮยอกเสมองไปทางอื่น ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และหายลับไปเพียงลำพัง

    “หมู่นี้มันเป็นอะไรวะ ทำไมไม่อยู่กับพวกเรา” มิโนถาม

    “นั่นดิ ช่วงนี้แม่งแปลกๆ ชวนไปไหนก็ไม่ไป โลกส่วนตัวชักสูงขึ้นทุกวัน” ซึงยุนตอบ

    “เป็นห่าไรมันวะ!” ยุนฮเวสบถด้วยอารมณ์เสีย ก็เขาทำผิดอะไรมากหรือยังไงถึงต้องฟากงวงฟาดงาใส่ขนาดนั้น ไม่เข้าใจเลยสักนิด

    “ใจเย็นเว้ยเพื่อน มันอาจจะอกหักจากสาวที่ไหนก็ได้นะเว้ย” จินอูปลอบ

    “อะไรของแกวะ” ซึงยุนถาม

    “ใช่ๆ ก็วันวาเลนไทน์ออ๊ะ ฉันเห็นมันถือกล่องช็อกโกแลตอยู่นะเว้ย แต่สักพักมันก็นอยด์ไรไม่รู้ สงสัยสาวไม่มาหา เห็นคองี้ตก เดินกลับบ้านไปเองคนเดียวเฉยเลย ถามอะไรก็ไม่ตอบ” มิโนร่ายยาว

    จุนฮเวพิจารณาการกระทำของเพื่อนรักจากคำพูดของเพื่อนเกรียนคนอื่น เขาก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์และความรู้สึกของดงฮยอกอยู่ดี มันเป็นอะไรของมันวะ

     

    ร่างบางของจินฮวานเดินไปตามทางเท้าในซอยแถวบ้าน เขายังรู้สึกหงุดหงิดไม่หาย มีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้เขาทำนู้นทำนี่กันนะ เบื่อจริงๆ นี่บอกเลย

    “พี่จินฮวาน” เสียงเรียกสดใสทำให้เจ้าของชื่อต้องหันไปมองตาม เมื่อรู้ว่าเป็นใครเขาก็ยิ้มกว้างตอบรับ

    “ไงดงฮยอก เรียนเสร็จแล้วเหรอ” ขาเรียวหยุดเดินแล้วรออีกคน

    “ครับ พี่กำลังจะกลับเข้าบ้านเหรอ” ดงฮยอกถามอีกคนหลังจากเห็นเส้นทางที่ร่างเล็กกำลังทำทีท่าว่าจะเดินไป

    “ใช่ แล้วนายล่ะ กลับด้วยกันเลยมั้ย”

    ในใจอยากจะตอบรับในทันที แต่สมองก็ยับยั้งไว้ได้ทัน ถ้าไม่อยากโดนเกลียดก็ต้องอยู่ให้ห่าง ตัดใจให้ได้ และจะได้ไม่ถูกหลบหน้า

    “ยังหรอกครับ เดี๋ยวผมต้องไปทำงานพิเศษต่อ” พูดทั้งที่ไม่สบตา ไม่กล้าสบตาจริงๆ ถึงเขาจะเคยโกหกคนตัวเล็กตรงหน้ามามากมายแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยเป็นการโกหกจริงจังแบบครั้งนี้

    “งานพิเศษอีกแล้วเหรอ” คนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้วเมื่อได้ฟัง

    “ไม่ใช่งานแบบนั้นแล้วล่ะครับ ผมไปเป็นคนส่งอาหาร เลิกงานสองทุ่ม ไม่กลับดึกหรอก”

    “ไว้ใจได้?” ถามย้ำเพื่อความชัวร์

    “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมโอเค”

    “ดงฮยอก ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้ซ้อมดนตรีกันเลยเน้อ ว่างๆนัดพวกจุนฮเวไปกันมั้ย”

    “นี่พี่จะชวนให้ผมไปเล่นดนตรีในร้านอาหารอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย ไม่ต้องห่วงหรอกครับพี่ ผมไม่ไปทำงานในที่แบบนั้นแล้วล่ะ ครั้งเดียวก็เข็ดแล้ว” ตอบยิ้มๆ

    “อ่าๆ ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ แต่ถ้านายสนมันก็ดี พี่กับครอบครัวจะได้มีรายได้ไปด้วย ฮ่าๆๆ” พูดติดตลกจนอีกคนอดขำไม่ได้

    ดงฮยอกรู้ดีว่าจินฮวานไม่ได้ร้อนเงินหรืออย่างไร แต่ก็ยังคงไม่ไว้ในในการทำงานของเขาอยู่ดี จากเหตุการณ์เมื่อสองเดือนก่อนจินฮวานรบเร้าให้เขาเลิกหางานประเภทนั้นทำ และให้ไปรับจ้างเล่นดนตรีในร้านอาหารด้วยกัน แต่เขาก็ปฏิเสธไป

    เพราะอะไรน่ะเหรอ ไม่อยากให้คนตัวบางต้องเหนื่อยน่ะสิ ไม่อยากเห็นคนที่เขารักกลายเป็นจุดสนใจด้วย ก็คนมันหวงนี่นา ถ้าหากไปเล่นดนตรีด้วยกัน ยังไงจินฮวานก็ต้องได้รับความสนใจจากทุคนเป็นแน่

    แต่หัวใจที่เต้นแรงมันบอกว่ากำลังรู้สึกดีที่เขามีความสำคัญต่อจินฮวานมากขนาดนี้ การออกไปหางานทำข้างนอกไม่ใช่แค่การประชดครอบครัวแบบที่จินฮวานและจุนฮเวเข้าใจเสียทีเดียว

    อีกนัยหนึ่งเขาเองอยากเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของร่างบางนี้ด้วย ยิ่งได้รู้ว่าอีกคนห่วงจนถึงขั้นตามไปทำงานด้วย หัวใจมันก็พองโตจนแทบระเบิดแล้ว

    “ครับพี่ ถ้าสนยังไงจะบอกนะ” จินฮวานพยักหน้ารับเบาๆ “ไปก่อนนะครับ” บอกลาทั้งที่ไม่อยากหันหลังให้อีกคนเลยสักนิด แต่ก็ต้องทำ

    จินฮวานมองดูแผ่นหลังของคนที่เขานับเป็นน้องชายอีกคนจนลับสายตา อดเป็นห่วงไม่ได้เลยจริงๆ ไม่รู้ว่าที่บอกให้วางใจได้นั้นเขาจะวางใจได้จริงๆน่ะเหรอ

    ดงฮยอกชอบทำอะไรตามความคิดของตัวเอง จนบางครั้งมันก็มากเกินไป นี่คือข้อเสียของน้องชายคนนี้ซึ่งเขาทราบดี ลึกๆอยากจะแก้ไขนิสัยนี้เสียให้หมดสิ้นไป แต่ก็ไม่กล้าไปขัดใจ เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ

    ถ้าเป็นจุนฮเวล่ะก็หึ! ไม่มีวันได้ทำอะไรที่เขาไม่เห็นด้วยแน่นอน

    “อีกแล้วเหรอเนี่ย! ฟ้าลิขิตหรือไง” น้ำเสียงที่ใครฟังก็ต้องรู้ว่าเป็นใครทำให้ใบหน้าหวานนิ่งลงทันที เป็นอีกครั้งที่ได้แต่พูดในใจว่า

    อีกแล้วเหรอ!

    “ตามมาถึงนี่เลยเหรอ” คนตัวเล็กพูดเสียงเหนื่อย

    “ไม่ได้ตาม เสียดายเกือบมาทันไอ้เด็กหน้ากวนนั่นแล้วเชียว”

    “ถามหรือยัง ว่าเขาอยากเจอมั้ย”

    “แหมะ! ไม่อยากก็ช่างประไร” จินฮวานเพิ่งสังเกตว่าฮันบินไม่ได้ใส่เสื้อตัวเดียวกันกับเมื่อตอนบ่าย

    “แล้วเสื้อที่เปื้อน” ไม่ต้องรอให้อีกคนถามจบ ร่างสูงพูดแทรกขึ้นมาก่อน

    “ทิ้งแล้ว”

    “อะไรนะ! นายบอกว่ามันแพงนี่” จินฮวานตาโต

    “แล้วไง ก็มันเปื้อนนี่” ตอบหน้ากวน

    “มันก็ซักได้มั้ย”

    “เอาน่า เสื้อผม พี่จะเดือดร้อนทำไม”

    “ก็นายมาโวยวายกับฉันก็เพราะเรื่องเสื้อนั่นไม่ใช่หรอ!” นั่นสิ ไอ้เด็กบ้านี่เอาแต่มาเรียกร้องการรับผิดชอบจากเขาก็เพราะเสื้อราคาแพงนั่น แล้วจู่ๆ ก็บอกว่าทิ้งแล้วเนี่ยนะ มันน่ามั้ยล่ะ?

    “พี่ก็ นี่เชื่อด้วยเหรอ เสื้อตัวตั้งหลายหมื่นวอน เรื่องอะไรจะเอาไปทิ้ง นึกว่าผมเป็นพระเอก F4 หรือไง ถึงจะได้ใส่เสื้อผ้าทิ้งขว้างๆ”

    “ตลกนักเหรอ” จินฮวานแสดงสีหน้าไม่พอใจให้เห็นได้ชัดเจน เรื่องอะไรมาล้อเขาเล่น

    “นู้น อยู่นู้น” ฮันบินว่าพร้อมชี้ไม้ชี้มือไปยังร้านซักรีด “ที่ผมมาอยู่นี่ก็เพราะเรื่องนี้แหละ เสื้อนี่ถ้าซักมือหรือเครื่องได้พังแน่ ต้องซักแห้งเท่านั้นอ่ะ”

    ส่ายหน้าเอือมก่อนที่จะเดินไปยังเป้าหมายในทีแรก แต่ก็เหมือนเคย คำพูดกวนประสาทที่ทำให้เขาต้องหยุดอีกจนได้

    “ผมบอกพี่แล้ว บอกผมมั้งดิ ไม่งั้นไม่แฟร์”

    “บอกอะไร”

    “พี่มาทำไรแถวนี้อ๊ะ”

    “เรื่องของฉัน”

    “อีกล่ะ ผมถามคำถามกับพี่ตั้งมากมาย ทำไมพี่ตอบทุกคำถามผมเหมือนกันหมดเลยล่ะ”

    “ไม่ยุ่งสักเรื่องจะตายมั้ย”

    “ก็อาจจะ ไม่รู้ดิ ยังไม่เคยลองเลย”

    “งั้นก็ลองให้รู้ซะนะ”

    “ไม่เอาอ๊ะ ผมชอบแบบที่เป็นอยู่ ไม่อยากลองอะไรใหม่ๆ”

    จินฮวานมองหน้ากวนตีนของอีกคนอย่างไม่หลบสายตา ทำไมมันกวนตีนอย่างนี้วะครับ!

    “ทำไม ตะลึงในความหล่อของผมไง๊?”

    “เหอะ!” จินฮวานหมุนตัวเดินไปทางอื่น เรื่องอะไรจะให้หมอนั่นรู้ทางเข้าบ้านล่ะ เดี๋ยวก็ได้ตามไปกวนประสาทถึงบ้านเป็นแน่

    “พี่ไม่เข้าบ้านเหรอ” ร่างเล็กรีบหมุนตัวกลับไปมองอีกคนด้วยความตกใจ ร่างสูงชี้ยังทางเข้าซอยบ้านของเขาด้วยใบหน้าที่มีเครื่องหมายคำถาม

    “อะไรนะ”

    “ผมถามว่าพี่ไม่กลับบ้านเหรอ เมื่อกี้เห็นเหมือนจะเดินกลับอยู่นี่”

    ไอ้บ้านี่รู้ที่อยู่อาศัยของผมได้ยังไง!

    “นายรู้ได้ยังไง”

    “มันมีวิธีแหละน่า ผมว่าพี่รีบจะกลับเข้าบ้านไปพักผ่อนได้แล้วนะ” บอกพร้อมยิ้มยียวน ไอ้หมอนี่มันต้องมีแผนร้ายอะไรแน่เลย

    “ทำไม”

    “ก็พี่เรียนกฎหมายมาทั้งวัน เหนื่อยแน่เลย ไปนอนพัก จะได้ไม่จำข้อหรือมาตราปนกันไง”

    ไอ้นี่มันรู้ว่าเขาอยู่คณะนิติศาสตร์ได้ยังไง!

    “อึ้งเลยอึ้ง ทำไมครับ ผมรู้แค่นี้ต้องตกใจขนาดนั้นเลยหรอ”

    “เลิกมายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของฉันสักที!!” ฮันบินตีหน้าหวนไม่เปลี่ยนถึงแม้ในใจจะตกใจมากก็ตาม เขาไม่เคยเห็นจินฮวานโมโหแบบนี้มาก่อน

    ร่างเล็กระเบิดลงใส่เขาแล้วรีบรุดเดินเข้าไปยังสถานที่ที่เขารู้ว่าต้องเป็นบ้านของร่างบางเป็นแน่

    สงสัยเรอว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดมาจากไหน

     

    B.I : พี่ว่างยัง

    G-DRAGON : อื้อ มีไร

    B.I : พี่สืบประวัติคนที่ชื่อจินฮวานให้หน่อยดิ

    G-DRAGON : มีนามสกุลหรือรายละเอียดอย่างอื่นมั้ย

    B.I :  นามสกุลเหมือนจะเป็นคู คู จินฮวาน เห็นว่าอยู่คณะบริหารนะ

    G-DRAGON : รอห้านาที เดี๋ยวส่งไปให้

    B.I : ครับๆ

    เขารอเวลาผ่านไปครบห้านาทีตามที่รุ่นพี่ที่รู้จักกันบอก โทรศัพท์สุดหรูก็สั่นเตือนบอกไลน์เข้า

    G-DRAGON : ไม่มีเลย ทั้งชื่อ ทั้งคณะ มั่วป่ะเนี่ย

    B.I : จริงๆผมก็ไม่มั่นใจทั้งนามสกุลกับคณะเขานะพี่ แต่ชื่อนี่รับรองว่าไม่มั่ว

    G-DRAGON : มีแค่ชื่อ จะทำไรได้วะ

    B.I : พี่ๆ ผมมีรูป ใช่ได้ป้ะ

    G-DRAGON : เอ่อ ส่งมา แต่มาแค่รูปงี้ อาจช้านิดหนึ่งนะ

    ฮันบินส่งภาพที่เขาเคยแอบถ่ายจินฮวานไว้ตอนที่เจอคนตัวเล็กมาออกเดท

    ร่างสูงรอไปเกือบสิบห้านาทีไลน์ก็สั่นเตือนให้เขาเปิดอ่าน

    G-DRAGON : ชื่อ คิม จินฮวาน เกิด 7 กุมภาพันธ์ 1994 กรุ๊ป B มีน้องชายร่วมบิดามารดาหนึ่งคนชื่อ คู จุนฮเว เรียนอยู่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยยอนเซ ที่บ้านทำกิจการร้านอาหารจัมปง ปัจจุบันอาศัยอยู่กับครอบครัวในย่านอิลซาน บ้านเลขที่xxx…..

    เขาเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ในหัวสมอง

    “มันเป็นอย่างนี้นี่เอง”

    เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงถามหาจากนัม แทฮยอนเพื่อนสมัยมัธยมปลายที่กำลังเรียนคณะบริหารฯไม่ได้เลย

     “ทำไมต้องอารมณ์เสียขนาดนั้นด้วย” พูดกับตัวเองก่อนจะยักไหล่แบบไม่ใส่ใจมากนัก

    เขาทำอะไรผิดมากนักหรือไง?

     

    จินฮวานกระแทกเท้าเดินขึ้นห้อง หลังจากปิดประตูก็โยนเป้ไปไว้ข้างประตู

    เขาโกรธมาก นี่บอกเลย! มีอย่างที่ไหนมาก้าวก่ายกับชีวิตส่วนตัวเขา เรื่องตัวก็ไม่ใช่ เป็นใครก็ต้องอารมณ์เสีย ยิ่งการไปสืบประวัติเขาโดยไม่ได้รับอนุญาตมันช่างน่าโมโหที่สุด

    ยิ่งมาทำหน้าตากวนโอ๊ยเหมือนว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่นั่นอีก เอาตามความเป็นจริงแล้วแค่มายุ่งกับข้อมูลส่วนตัวของคนอื่น มันก็เสียมารยาทมากพอแล้ว ไหนจะมาทำน้ำเสียงและหน้าตายั่วโมโหนั่นอีก

    คิดว่ามันเป็นเรื่องสนุกนักหรือยังไง ชีวิตคนอื่นมันคงเป็นเรื่องตลกมากสำหรับคนอย่างไอ้หมอนั่นสินะ

    “ทำไมต้องเป็นฉันด้วย!” นั่นสิ! ทำไมต้องเป็นเขาด้วยนะที่โชคร้ายมาเจอะเจอกับไอ้บ้านั่น

    ไม่รู้ว่าพระเจ้ากำลังเล่นตลกอะไรอยู่ เมื่อไหร่จะพาเด็กกวนประสาทนั่นออกไปจากชีวิตเขาเสียที คิม จินฮวาน ชักจะรำคาญกับการกระทำต่างๆของไอ้เด็กที่ชื่อ คิม ฮันบิน เต็มทีแล้วนะ

    เขาคงต้องจัดการอะไรบางอย่างเพื่อทำให้เจ้าเด็กเวรนั่นออกไปจากชีวิตเขาเสียที!!

    ถ้าหากปล่อยเลยไปไม่ทำอะไรมีหวังเขาคงต้องมีชีวิตที่ปวดหัวไปอีกนานแสนนานเป็นแน่

     

    ฮันบินกลับมาถึงบ้านได้สักพักแล้ว แต่เขายังไม่พบร่องรอยการอยู่อาศัยของคนในบ้าน สงสัยว่าพ่อจะยังไม่กลับจากที่ทำงาน ส่วนมารดาก็คงจะพา คิม ฮันบยอล น้องสาววัยสี่ขวบไปช็อปปิ้งยังไม่เสร็จ

    เมื่อมองหาคนในบ้านไม่เจอเขาจึงเดินขึ้นไปนอนเล่นในห้องส่วนตัว

    บ้านของตระกูลคิมไม่ได้ใหญ่จนเกินตัว แต่ก็มีพื้นที่มากพอสมควร พ่อของเขาทำงานในบริษัทส่งออกเครื่องประดับซึ่งก็มีตำแหน่งที่สูงอยู่พอตัว ส่วนแม่ไม่ได้ทำงานเป็นกิจจะลักษณะ

    เขารู้เพียงว่ามารดาเล่นหุ้นหลายแห่ง และได้กำไรปีละหลายล้านอยู่เหมือนกัน

    ร่างสูงเหยียดตัวเต็มพื้นที่เตียงขนาดคิงไซส์ เขากดเครื่องมือสื่อสารคุยกับ ผู้หญิงในสต๊อก เพื่อฆ่าเวลาระหว่างรออาหารเย็นฝีมือคุณแม่

    พลันก็เกิดนึกถึงใบหน้ายู่ยี่บอกไม่สบอารมณ์ของคนตัวบางเมื่อตอนเย็นแล้วก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เขาก็ไม่เห็นว่าตัวเองจะทำเรื่องอะไรใหญ่หลวง มันสร้างความเดือดร้อนให้กับจินฮวานขนาดนั้นเชียวหรือ?

    เขาก็แค่สืบหาข้อมูลของคนตัวเล็กบ้างเล็กน้อย ก็เท่านั้นเอง

    ถ้าหากจินฮวานจะถามถึงเรื่องราวชีวประวัติเขาบ้าง เขาเองก็ยินดีที่จะเล่าให้ฟังตั้งแต่เล็กจนโตเลยทีเดียว แล้วทำไมจะต้องโกรธมากมายขนาดนั้นด้วย

    หรือร่างเล็กเห็นว่ามันไม่แฟร์?

    เขาควรจะเขียนประวัติของตัวเองไปให้อีกคนบ้างดีมั้ยนะ

    “ฮันบินอปป้า!!” เสียงใสร้องเรียกชื่อเขาลั่นบ้าน บ่งบอกถึงการกลับมาจากห้างของแม่เป็นที่เรียบร้อย

    ฮันบินวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ลำพังบนเตียงแล้วลงไปตามหาเจ้าของเสียงนั้น

    “ว่าไงครับคนเก่ง” เมื่อลงจากบันไดขั้นสุดท้ายมาได้ ร่างน้อยของน้องสาวก็วิ่งเข้าโถมใส่เขาทันที ฮันบินรีบย่อตัวรอรับอีกคน

    แขนแกร่งโอบอุ้มร่างบอบบางไว้ในอ้อมอกแล้วยกขึ้นพลางโยกให้อีกคนสนุก

    “วันนี้เค้าไปซื้อเสื้อกับคุณแม่ด้วยนะ” ฮันบินยิ้มให้กับความน่ารักของน้องสาวช่างโม้

    “หรอๆ แล้วชอบมั้ย”

    “ชอบมากเลย แต่อยากให้ตัวไปด้วย”

    “ทำไมล่ะ ไปกับแม่ไม่สนุกหรอ”

    “เดี๋ยวเถอะฮันบิน” ไม่วายคนถูกกล่าวถึงก็หันมาส่งสายตาตำหนิแบบเด็กๆ สงสัยบ้านนี้จะมีเพียงเขาและพ่อเท่านั้นทีโตเป็นผู้ใหญ่

    “สนุกๆ แต่อยากให้ตัวไปช่วยเลือกด้วย ครั้งหน้าถ้าไปอีกสัญญานะว่าจะไปกับเค้า” ว่าพลางยื่นนิ้วก้อยป้อมๆส่งมาให้

    ฮันบินยิ้มรับก่อนจะแกล้งแหย่น้องสาว

    “บอกมาก่อนว่าถ้าไปด้วยแล้วตัวจะให้อะไร”

    “ตัวจะเอาอะไรอ๊ะ ถ้าเป็นเงินเค้ามีในกระปุกหมูอยู่ห้าพันวอน”

    “อู้หู เยอะจัง!” ใส่เอฟเฟคสีหน้าและอารมณ์ร่วมไปด้วย

    “แต่เค้าไม่ให้ตัวหรอก”

    “อ้าว ทำไมล่ะ”

    “ก็เค้าเก็บมาตั้งนาน เรื่องอะไรจะให้”

    คำนี้ดูคุ้นๆมั้ย? เรื่องอะไร เหมือนจะเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ

    “งั้นเค้าก็ไม่ไปกับตัวหรอก”

    “ง่า! ไม่เอาดิ ไปๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ร่างน้อยๆโวยวายพลางดิ้นพล่านอยู่ในอ้อมกอดของคนเป็นพี่

    “ฮันบยอลอย่าไปรบเร้าพี่เขาสิลูก ไม่น่ารักเลยนะ” ผู้เป็นมารดาตำหนิ เด็กสาววัยสี่ขวบหน้าเริ่มเหยเกคล้ายว่าจะร้องไห้

    “แม่ก็ไปว่าน้อง จะร้องไห้แล้วเนี่ย”

    “เราก็อย่าไปให้ท้ายมากได้มั้ย เดี๋ยวก็กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเองหรอก”

    “แต่ก็ไม่เห็นต้องว่าขนาดนั้นเลยนี่แม่” คนเป็นแม่ส่ายหน้าระอากับการให้ท้ายน้องของฮันบิน ก็เพราะมีพี่แบบนี้ยังไงเล่า ฮันบยอลถึงได้ดื้อนัก

    ถึงจะมีนิสัยที่ร่าเริง และน่ารักมากก็ตามที แต่ก็ยังคงดื้อและเอาแต่ใจอยู่มากทีเดียว

    เสียงเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเข้ามาจอดเทียบในโรงจอดรถทำให้คนในบ้านทั้งสามรู้ถึงการมาของบิดา

    ร่างเล็กๆในอ้อมกอดของฮันบินดิ้นรนจะหาทางออกจนร่างสูงต้องยอมวางตัวน้องสาวลงอย่างเบามือ ฮันบยอลเมื่อเป็นอิสระก็รีบวิ่งออกไปหาผู้มาใหม่

    มือน้อยๆยื้อเปิดประตูที่อยู่สูงกว่าตัวเกือบหนึ่งรอบอย่างลำบาก จนผู้เป็นแม่เดินมาช่วยเปิดให้ร่างน้อยนั้นถึงกระโดดโลดเต้นออกไปหาใครอีกคน

    ฮันบินยิ้มกับภาพของเด็กน้อย น้องสาวผู้น่ารักของเขา

    ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ความรู้สึกที่ห่วงใยนี้มันมีให้กับน้องสาวของเขาอย่างมากมายเหลือล้น เขาเข้าใจความเป็นพี่มากทีเดียว

    และมันก็ทำให้เขานึกถึงใครอีกคนที่ทำหน้าที่พี่ชายได้ดีจนเขารู้สึกชื่นชม

    ไม่รู้หมู่นี้เป็นอะไร จะขยับ จะเดิน หรือทำอะไรก็ตาม มันส่งผลให้เขานึกถึงผู้ชายเจ้าของใบหน้าคิ้วขมวดตลอดเวลาที่เห็นหน้าเขานั้นอยู่เรื่อย

    สงสัยว่าชีวิตปกติของเขาชักจะเริ่มไม่ปกติเสียแล้วสิ







    ขออภัยที่ไม่ได้อัพมาสองวันเต็มเลยนะคะ
    พอดีว่า เสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมาจินฮีไปสอบ
    O-Net
    เลยไม่มีเวลามาอัพเลย เค้ากำลังอยู่ในช่วงสอบเข้าอ๊ะ
    เหนื่อยยากลำบากกายเหลือเกิน ยังไงถ้าอัพช้า
    หรือดองไปนานๆบ้างก็อย่าโกรธกันน้าาาาาาา
    เป็นกำลังใจให้เค้าด้วยเน้อ จินฮีอยากติดคณะสื่อสารมวลชนฯ มช. ม๊ากมาก
    แต่เค้าพลาดโควตาไปแล้วรอบหนึ่งอ๊ะ
    ตอนนี้รอยื่นโครงการค่ะ ยังไงก็ช่วยเป็นกำลังใจให้เค้าด้วยน้า
    แล้วก็ขอบคุณรีดทุกคนที่ติดตามมาเสมอ
    จะพยายามมาอัพให้บ่อยๆนะคะ
    ถ้ายื่นโครงการแล้วติด จินฮีคงจะมีเวลาว่างเยอะแยะ
    จะมานั่งเขียนนั่งปั่นให้เลยน้าาาาาา
    รักรีดที่น่ารักทุกคน จ๊วฟฟฟ =3=

    http://www.aoonjai.com/images/column_1241198456/Isis%2001%2001.jpg
    เค้าเอาบ้านห่านบินมาฝากด้วยน๊าาาา
    http://www.homedd4u.com/wp-content/uploads/2013/06/%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%86.jpg
    เตียงนอนไอ้ห่าน เห้ยๆ เตียงใหญ่ไปป้ะแกร์
    เดี๋ยวฉันไปนอนเป็นเพื่อนนะจะได้ไม่เสียดายเนื้อที่ -.,-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×