ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BJin] I’M JUST ANOTHER BOY。

    ลำดับตอนที่ #4 : I'M JUST ANOTHER BOY ; CHAPTER 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 167
      0
      14 ก.พ. 57




    CHAPTER 3

     

     

    “คุณที่อยู่ตรงนั้นน่ะ ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้ คุณเหงาเหมือนกันบ้างหรือเปล่า”

     

     

     

    ร่างหนาตื่นขึ้นจากภวังค์ออย่างงัวเงีย เขายังรู้สึกง่วงอยู่เลย แต่เจ้าโทรศัพท์ที่สั่นเตือนไลน์เข้านี่สิ ทำให้เขาต้องกดดูจนได้

    Line Groups

    S.Yun : นางเลอค่ามาก

    Jinwoo : คณะไหนวะ ไปส่องนานยัง ไม่ไม่ชวนกัน!

    MiNo : ไม่เคยจะแบ่งปันเพื่อนเลยนะ

    S.Yun : เด็กนิติฯ เว้ย โคตรขาว โคตรเอ๊กซ์ คาวาอี้

    MiNo : เป็นหนักนะเนี่ย

    Jinwoo : แล้วเพื่อนของเธอล่ะ

    S.Yun : ไม่มีสำหรับพวกแก 5555555555

    DongHyukky : รบกวนแต่เช้า ไปตั้งกลุ่มคุยกันเองสามคนไป

    MiNo : ได้ไง พวกแกเป็นส่วนน้อย

    Jinwoo : แล้วถ้าฉันไปแจมตอนนี้ทันป่ะวะ น่านะซึงยูน เห็นใจเพื่อนเถ้อะ

    S.Yun : งั้นก็รีบมา จะรอหน้าโรงอาหารคณะนิติฯ

    Jinwoo : จัดไป!

    MiNo : อ้าว แล้วกูล่ะ?

    S.Yun : ก็รีบมาดิวะ

    MiNo : จริงปร๊า

    S.Yun : ไม่เอา?

    MiNo : อีกสิบวิพี่ถึง

    DongHyukky : นิติฯ หรอ ไปด้วยดิ

    S.Yun : อยากร่วมด้วย?

    DongHyukky : เปล่า จะไปหาพี่จินฮวาน

    MiNo : อ้าว พี่จินไม่ได้อยู่บริหารฯหรอกเหรอ

    DongHyukky : บ้า! เอามาจากไหน พี่จินอยู่นิติฯ

    Jinwoo : ทำไมมันรู้ดีกว่าน้องชายพี่เขาอีกวะ

    JunHyoe : ที่ไม่ตอบใช่ว่าจะไม่อยู่นะเว้ย

    Jinwoo : โทษเพื่อนโทษ

    JunHyoe : ฉันรู้อยู่แล้วน่า พี่ชายทั้งคนนะเว้ย แค่ไม่อยากบอกเฉยๆ

    MiNo : หรอวะ

    Jinwoo : อ๋อเหรอ

    รู้สึกเซ็งนิดๆที่เขาเป็นน้องชายแท้ๆแต่กลับไม่รู้เท่าดงฮยอก

    นี่สารภาพเลยว่าแอบหมั่นไส้เพื่อนตัวเองอยู่บ่อยครั้งที่มักจะรู้เรื่องทุกอย่างของพี่ชายเขาไปเสียหมด ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้หรอกนะ พี่น้องกันย่อมรู้ดีสิ เพียงแต่เขาไม่ใส่ใจกับเรื่องที่ไม่สำคัญก็เท่านั้นเอง

    แต่สำหรับเรื่องที่พี่จินฮวานไม่สามารถพูดกับใครได้ เหอะ! ขอให้บอก จุนฮเวรู้ทุกเรื่อง แต่ที่ทำให้เขารู้สึกอารมณ์เสียก็คงจะเป็นดงฮยอกนี่แหละ

    ยอมรับเลยว่าอิจฉา เพราะทั้งแม่ของเขาที่รักดงฮยอกมากมายแล้วนั้น พี่จินฮวานเองก็ยังเอ็นดูเจ้าเพื่อนคนนี้ แถมเจ้านั่นเหมือนจะสนิทกับพี่เขาม๊ากมากจนบางครั้งเขาแอบน้อยใจทุกคนในครอบครัว

    ถึงแม้ว่าดงฮยอกจะเป็นเพื่อนรักที่เขารักมากที่สุดก็ตามเถอะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลายครั้งด้วยกันที่รู้สึกว่าไม่อยากให้ดงฮยอกมายุ่งกับครอบครัวเขามากนัก หรือบ่อยครั้งที่ถูกแม่และพี่ดุเรื่องของดงฮยอกเขาก็เคยน้อยใจจนเก็บเสื้อผ้าเพื่อหนีออกจากบ้านแต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพอ

    “รู้ดีอีกแล้วนะไอ้เพื่อนยาก เฮ้อ” บ่นกับตัวเองแล้วลอบถอนหายใจ

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก!!

    เสียงเคาะประตูเรียกสายตาของคนเพิ่งตื่นให้หันไปมอง ลูกบิดประตูถูกหมุนเปิดออกตามมาหลังจากการเคาะประตูเพื่อขออนุญาตแล้ว

    ที่ทำให้จุนฮเวสนใจไม่ใช่เพราะมันเช้าเกินไปหรืออย่างไร แต่น้ำหนักและจังหวะของการเคาะประตูนี้เขาจำมันได้ดี ของพี่ชายตัวเล็ก

    “ยังไม่ไปเรียนหรอ” ร้องทักทันทีเมื่อพี่เขามา

    “วันนี้ไม่มีเรียน ให้ทายว่าวันนี้วันอะไร”

    “วันศุกร์” เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มกริ่มของพี่ชายแล้วก็นึกอารมณ์เสีย

    “ไม่ใช่”

    “ใช่ดิ นี่ไง ดูปฏิทิน” ว่าพลางชี้นิ้วให้ดูตามวันที่บอกไว้ เรียกใบหน้าบึ้งตึงของพี่ชายตัวเล็กได้อีกครั้ง

    “ก็ใช่ แต่มันมีวันอื่นอีก”

    “วันอะไรวาเลนไทน์อ๊ะนะ” ตอบด้วยเสียงยานคราง เขาไม่เคยให้ความสำคัญกับวันนี้เลยสักครั้งในชีวิต

    “ถูกต้องนะครับ!” ดูเหมือนว่านี่จะเป็นคำตอบที่น่าพอใจ พี่ชายร่างบางของเขาจึงมีทีท่ากระดี้กระด๊า

    “ตื่นเต้นไมเนี่ย แฟนก็ใช่จะมีกับเขาที่ไหน” จุนฮเวเกาหัวแบบที่คนเพิ่งตื่นมักทำกัน

    “ก็เพราะอย่างนี้ไง พี่ถึงต้องมาปลุกนายไปเป็นเพื่อน”

    “ไปไหน” สีหน้ากรุ้มกริ่มที่ไม่ได้เห็นบ่อยนักบ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง “นี่อย่าบอกนะว่าจะไปนัดบอดไว้”

    “ถูกต้องอีกนะครับ!

    “แล้วทำไมผมต้องไปด้วย พี่ก็ไปคนเดียวดิ” ว่าจบก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง

    “ไม่เอาดิ ก็พี่กลัวจะเขินอ๊ะ นายไปเป็นเพื่อนหน่อยจะได้อุ่นใจ” ว่าพลางเขย่าตัวน้องชายให้ลุกขึ้น

    “นัดบอดพี่ก็ต้องไปคุยกันสองคนดิ ถ้ามีคนเยอะยิ่งทำตัวไม่ถูกนะ” ให้เหตุผลข้างคูๆ

    “ไม่ถูกได้ไงนายเป็นน้องนี่”

    “แล้วจะให้ผมไปนั่งเฉยๆหรอ น่าเบื่อตายเลย ไม่เอาอ๊ะ”

    “ใครว่า นัดบอดครั้งนี้ 2:2” ว่าจบร่างสูงที่เอาแต่คลุมโปรงก็เด้งตัวลุกขึ้นอัตโนมัติราวกับตั้งโปรแกรมไว้

    “ไปนั่งรอข้างล่างได้เลยครับ อีกสิบนาทีลงไป” ว่าแล้วก็หายวับไปในห้องน้ำ

    จินฮวานขำไปกับท่าทีของน้องชาย ถึงจะแกล้งเก๊กว่าไม่สนเรื่องพวกนี้ แต่เขารู้ดียิ่งกว่าใครว่าจุนฮเวน่ะเหงามานาน และก็อยากจะมีใครสักคนมาอยู่ข้างกันบ้าง เพียงแต่น้องเขาน่ะจีบใครเป็นเสียที่ไหนเล่า ไอ้เรื่องนัดบอดอะไรนี่เขาเองก็ใช่ว่าจะสน อ๊ะๆ ก็ได้ๆ

    อันที่จริงก็สนอยู่นิดหน่อยโอเคๆ สนอยู่มากทีเดียวเลยล่ะ แต่อีกส่วนก็เพราะน้องชายตัวร้ายนี่แหละ เขาอยากให้จุนฮเวได้เจอใครสักคนที่พอจะดูแลน้องเขาได้บ้างเสียที

     

    “หึๆ ตลกดีนะคะ แล้ว..บีไอทำยังไงต่อหรอค่ะ” เสียงหวานที่ฟังทีไรก็ทำให้รู้สึกขนลุกได้ทุกเวลาเอ่ยถาม

    “ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ ก็ต้องไปคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องให้อาจารย์รับงานผมไปที”

    วันนี้คือวันแห่งความรักมันจะไม่สำคัญอะไรเลยถ้าหากว่าเขาไม่ต้องถูกเพื่อนรักอย่างจีวอนและยุนฮยองแอบหนีไปเดทกับคู่ขา เขาถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง

    ครั้นจะออกไปเที่ยวคนเดียวก็รู้สึกอายคนอื่นที่เขามีคู่

    ยังดีที่เขาติดต่อกับนางซินจากคืนนั้นอยู่เรื่อย ทำให้วันนี้เขาไม่ต้องอยู่เพียงลำพัง

    “วันนี้ฮยอนอาว่างถึงกี่โมงเหรอครับ”

    “ตามที่บีไอต้องการเลยค่ะ” ประโยคที่ฟังดูเหมือนจะไม่มีอะไรแต่มันช่างสื่อความหมายได้ดีว่าปลาตัวนี้คงยอมเขาแล้วสินะ

    “ถ้าอย่างนั้นอยู่กับผมทั้งคืน ก็ไม่มีปัญหาใช่มั้ยครับ” ฮยอนอาเจียดยิ้มยั่วยวนแทนคำตอบ

     

    จุนฮเวกำมือแน่น เขาไม่อยากจะยอมรับเลยจริงๆสิน่าว่ากำลังตื่นเต้นแค่ไหน

    วันนี้คงไม่เอ่ยชมคนหน้าโหดเสียจะไม่ได้แล้ว เพราะร่างสูงแต่งองค์ทรงเครื่องมาอย่างดิบดี เรียกว่าดูดีจนต้องมองตามเลยทีเดียว

    ชายร่างเล็กที่อยู่ถัดไปก็ใช่ว่าจะน้อยหน้าเสียที่ไหน เขาเองก็แต่งตัวเป็นอยู่บ้าง ทรงผมและเสื้อผ้าที่ถูกเซทมาอย่างดีทำให้แทบจะลืมผู้ชายหน้าหวานคนเดิมไปชั่วขณะ

    “ทำไมเธอยังไม่มาอีกล่ะพี่” คนเป็นน้องกระวนกระวายใจ

    “เดี๋ยวคงมาแหละ ไม่ต้องเกร็งหรอกน่า” คล้ายจะเป็นคำพูดปลอบตัวเองแทนเสียด้วยซ้ำไป

    ก็จะไม่ให้เกร็งกันได้อย่างไร พวกเขามานั่งอยู่ในร้านคาราโอเกะได้กว่าสิบนาทีแล้ว ยิ่งเวลาดำเนินผ่านไปนานเท่าไหร่ความตื่นเต้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

    Rrrrrrrrrrrr!!

    เสียงโทรศัพท์ของคนตัวเล็กทำให้คู่พี่น้องสะดุ้ง

    “ว่าไงดงฮยอก” กรอกเสียงลงไปหลังจากคลายความตกใจไปได้บ้าง

    [“พี่ไม่ได้อยู่ที่คณะหรอ เห็นเพื่อนๆบอกว่ายังไม่เห็นพี่เลย”]

    “อ๋อ วันนี้พี่ไม่มีเรียนน่ะ ทำไมเหรอ”

    [“พอดีว่าผมจะชวนไปทานข้าวพี่อยู่ที่บ้านหรือที่ร้าน เดี๋ยวผมไปหา”]

    “คือตอนนี้พี่มาเดทน่ะ คงไม่ว่างไปทานข้าวด้วย ขอโทษนะ”

    [….อ๋อ ครับ ไม่เป็นไร”] คนตัวบางวางสายไปแล้วกลับมานั่งตื่นเต้นอีกครั้ง

    “ดงฮยอกโทรมาหรอพี่” จุนฮเวที่เหมือนจะเพิ่งนึกออกว่าเพื่อนรักกำลังตามหาพี่ชายเขาอยู่

    “อื้อ มาชวนไปกินข้าว แต่พี่ปฏิเสธไปแล้วล่ะ”

    จุนฮเวพยักหน้ารับรู้แล้วกลับมาร่วมนั่งเกร็งกับพี่ชายอีกครั้งหนึ่ง

     

    หลังจากวางสายไปคนหน้าหวานยืนนิ่งไม่มีทีท่าอะไร

    กล่องช็อกโกแลตในมือที่เคยถืออย่างทะนุถนอมเปลี่ยนมาถือแนบลำตัวอย่างหมดแรง

    ขาเรียวก้าวเดินออกจากอาคารเรียนของคนในสายเมื่อสัครู

    “อ้าว! ไปไหนวะดงฮยอก” ซึงยูนร้องทัก

    ” เขาไม่คิดจะหันไปตอบ ตอนนี้อยากไปที่ไหนก็ได้ที่ทำให้เขาได้อยู่กับตัวเองเพียงลำพังก็พอ

    คำพูดที่เตรียมไว้ได้ถูกลืมไปจนหมด ดงฮยอกเตรียมตัวมาอย่างดีที่จะบอกความรู้สึกของตัวเองทั้งหมดให้กับเจ้าของใบหน้าหวานนั้น แต่สุดท้ายเขาก็คงต้องยอมรับว่าอยู่แบบนี้น่าจะดีกว่าถูกเกลียด แล้วต้องโดนหลบหน้า นั่นสินะเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว

    เขาไม่ควรหวังอะไรข้ามขั้นไปมากกว่านี้ด้วยซ้ำ เป็นแค่น้องชายมันก็มากเกินพอแล้ว

     

     

    “ก๊อก ก๊อก” เสียงสดใสทักขึ้นพร้อมเคาะโต๊ะไม้ประกอบเรียกเอาสติสองของหนุ่มพี่น้องกลับมาหาตัว

    ภาพที่พวกเขาเห็นคือสาวน้อยหน้าตาน่ารัก ดูสดใส และร่าเริงสองคนยืนส่งยิ้มอยู่ตรงหน้า

    “ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ”สาวน้อยที่ตัวเล็กกว่าโค้งหัว ส่งผลให้คนที่ทำอะไรไม่ถูกสองคนลุกขึ้นโค้งตามอย่างเงอะงะ

    “มะ ไม่เป็นไรครับ” พนันได้เลยว่าถ้าหากเจอคนรู้จักต้องไม่เชื่อแน่ๆว่านี่คือจุนฮเว หนุ่มหล่อหน้าโหดที่ใครๆหลายคนเคยกลัว

    หลังจากบุคคลทั้งสี่นั่งลงเรียบร้อยแล้วก็ทำได้เพียงส่งยิ้มให้แก่กัน และดูเหมือนว่าฝ่ายชายควรจะต้องเริ่มก่อนสินะ

    “เอ่อผม คิม จินฮวานครับ เรียนอยู่ปีสาม มหาลัยยอนเซครับ” หลังจากแนะนำตัวแล้วผู้เป็นพี่ก็กระทุ้งสีข้างของคนเป็นน้องให้รู้สึกตัว

    “อ๋อ! เอ่อ คู จุนฮเวครับ ปีหนึ่ง มอยอนเซเหมือนกันครับ” ท่าทีเก้กังๆของสองหนุ่มเรียกรอยยิ้มสดใสจากสองสาวได้ดีทีเดียว

    “ยุน โบมี ค่ะ” สาวน้อยน่ารักฝั่งตรงข้ามของยุนฮยองแนะนำตัว “เอ่อปีสาม มหาลัยคยองฮีค่ะ”

    “ส่วนหนูกำลังอยู่ในช่วงสอบเข้า คิม นัมจูค่ะ” สาวน้อยตรงหน้าจินฮวานแนะนำตัว

    “ดูจุนอปป้าบอกพวกเราว่าพวกคุณเป็นพี่น้องกัน ทำไมถึงใช้คนละนามสกุลหรอค่ะ” โบมีถามอย่างสดใส

    “ผมใช้นามสกุลแม่ส่วนน้องใช้นามสกุลพ่อน่ะครับ”

    “ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอค่ะ” นัมจูเด็กมัธยมปลายถามอย่างแปลกใจ

    “มันก็ไม่ผิดกฎหมายนี่ครับ” จุนฮเวตอบ

    “แล้วนัมจูสอบเข้าคณะอะไรหรอครับ” จินฮวานถามต่อ เขารู้สึกถูกชะตากับเด็กที่ช่างซักถามแบบนี้

    “คณะคุรุศาสตร์ค่ะ หนูอยากเป็นคุณครูภาษาอังกฤษ” ตอบด้วยใบหน้าสดใสอีกครั้งจนคนฟังอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม

    “ที่ไหนเหรอครับ” จินฮวานถามต่อ

    “มหาลัยอีฮวานค่ะ แล้วพี่เรียนอยู่คณะอะไรหรอค่ะ”

    การพูดคุยทำความรู้จักกันได้ล่วงเลยไปด้วยบรรยากาศสบายๆ

    ความกดดันและความตื่นเต้นเมื่อสักครู่ได้หายไปหมดสิ้น ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ส่งผู้หญิงสดใสสองคนมา ทำให้พวกเขาไม่รู้สึกเกร็งกับการพูดคุยเลยสักนิด

    พวกเธอน่ารัก สดใส และดูอ่อนประสบการณ์มาก

    ถ้าถามว่าจินฮวานรู้สึกสนใจใคร ต้องขอบอกได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า คิม นัมจู เป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารัก น่าดูแลมากทีเดียว

    และมันคงจะไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าหากว่าน้องชายของเขาจะชอบผู้หญิงที่อายุมากกว่า เขาคิดว่า ยุน โบมีเหมาะสมแล้วกับจุนฮเว ต้องเป็นสาวแก่ถึงจะเอาหมอนี่อยู่หมัดได้

    หลังจากนัดเจอและได้พูดคุยทำความรู้จักกันจนเรียกได้ว่าพวกเขารู้จักกันในระดับหนึ่งแล้ว จุนฮเวและจินฮวานมีความคิดเห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะแยกย้ายไปเดทใครเดทมันได้แล้ว

    เขาชวนนัมจูมาเดินช็อปปิ้งในย่านเมียงดง ซึ่งเป็นย่านที่เด็กสาววัยกำลังใจแบบเธอน่าจะชอบมา

    ยิ่งได้อยู่ด้วยกันสองคนแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกปลื้มในความคิด และคติของเธอ

    นัมจูเป็นผู้หญิงสดใส และคุยเก่ง สามารถหาเรื่องคุยได้ตลอด แล้วเธอยังมีความคิดน่ารักแบบที่เด็กวัยประมาณนี้ควรจะเป็น การแสดงความคิดเห็นที่ถึงแม้จะดูเด็กไปแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลเสียทีเดียว

    อย่างเช่นเขาถามว่าทำไมเธอถึงเลือกทานไอศกรีมรสมะนาว เธอบอกว่าก็เพราะว่าชอบ ถ้าชอบก็ต้องกินเยอะๆ อาจจะเป็นคำตอบที่ดูติ๊งต๊องไปบ้าง แต่เขาว่ามันก็เป็นเหตุผลที่น่าฟัง

    ก็แค่ชอบไม่เห็นจะต้องมีเหตุผลประกอบ

    แล้วถ้าหากมีใครมาถามเขาตอนนี้ว่า ทำไมถึงเลือกมาเดทกับนัมจูทั้งที่น่าจะขอเดทกับโบมี ก็คงต้องตอบไปว่าก็แค่รู้สึกชอบ ไม่เห็นต้องมีเหตุผลอื่น

    ภาพคู่รักที่ดูอย่างไรก็น่ารัก เมื่อใครได้พบเห็นก็คงแยกไม่ออกเลยว่าทั้งคู่อายุห่างกันตั้งสี่ปี มองยังไงก็เหมือนเด็กมัธยมปลายสองคนมาเที่ยวด้วยกัน

    ภาพเหล่านี้ได้ถูกสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอย่างสนใจใคร่รู้

    “มีแฟนกับเขาด้วยเหรอ” เอ่ยลอยๆกับตัวเองหลังจากจ้องมองภาพนั้นได้สักพักจากร้านอาหารที่มีกระจกสามารถมองลงไปเบื้องล่างและเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นได้

    “อะไรนะคะ” สาวร่างงามฟังไม่ชัดถ้อยคำจึงถามดูอีกครั้ง

    “อ๋อ เปล่านี่ครับ ไม่มีอะไร ฮยอนอาอิ่มแล้วเหรอ อยากไปไหนต่อมั้ย”

    “ทุกที่ที่บีไออยากไป” ถึงจะดูเป็นคำตอที่น่าตกใจไปบ้างสำหรับเขาเพราะนี่มันเรียกว่าอย่างไรดีล่ะ ยังสายอยู่เลยก็คงจะได้มั้ง

    แต่ก็นั่นแหละ เรื่องแบบนี้ จะที่ไหน เมื่อไหร่ ก็ได้

     

    ถึงแม้ว่าจุนฮเวจะพยายามทำใจกล้าไม่แสดงอาการตื่นเต้นแล้วก็ตาม แต่คงต้องยอมรับว่าการได้มาเดินตามลำพังสองคนยิ่งทำให้เขาเกร็งเข้าไปใหญ่

    นับว่าเป็นเรื่องดีที่โบมีเป็นคนคุยสนุก ทำให้เขาคลายความเครียดลงไปได้บ้าง อย่างไรเสียเธอก็อายุมากกว่าเขา หากเผลอแสดงท่าทีแบบเด็กๆไปเขาคงรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นแน่ ไม่ว่ายังไงผู้ชายก็ควรจะเป็นผู้ใหญ่กว่านี่ จริงมั้ย?

    “จุนฮเวชอบพาผู้หญิงไปเดทที่ไหนเหรอ” ถามขึ้นระหว่างที่เดินไปด้วยกันตามทางเท้า โบมีใคร่รู้ว่าชายหนุ่มจะพาหล่อนไปไหน เพราะตั้งแต่แยกกับกลุ่มของจินฮวานที่ขึ้นรถเมย์หายไปแล้วนั้น จุนฮเวก็ยังคงพาเธอเดินมาเรื่อยๆ เลยไม่สามารถเดาได้เลยว่าเขาจะไปที่ไหน

    เอ่อ ปกติก็ไปฮงแดครับ แต่..ผมไม่อยากทำอะไรซ้ำๆ” อันที่จริงเขานึกไม่ทันต่างหากว่าจะพาหล่อนไปไหนดี เลยได้แต่ดินมาเรื่อยๆและยังไม่รู้ปลายทาง ครั้นจะให้บอกว่าไม่เคยเดทก็ดูจะน่าขายหน้าอยู่บ้าง

    แต่สำหรับโบมีกลับรู้สึกประทับใจในตัวผู้ชายคนนี้มาก เธอไม่ชอบที่จะต้องซำรอยของผู้หญิงคนอื่น การกระทำของจุนฮเวทำให้เธอร้สึกเหมือนเขาให้ความสำคัญกับเธอมากทีเดียว ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้ใบหน้าสวยเริ่มแดงระเรื่อ

    “แล้วเราจะไปไหนกันเหรอ” ที่ไม่พูดทางการกับชายหนุ่มก็เพราะเธออายุมากกว่าและอยากจะทำความสนิทสนมให้ได้ในเร็ววัน

    “เดี๋ยวถึงแล้วก็รู้เองครับ” ไม่ใช่อะไรหรอกนะ เขากำลังระดมความคิดอย่างหนักว่าควรไปไหนดี นึกเท่าไหร่สมองก็ยิ่งแทบจะระเบิด ปกติคนเขาชอบไปเดทที่ไหนกันล่ะเนี่ย

    “ออ” ตอบรับยิ้มๆ รู้สึกตื่นเต้นไปด้วยที่ชายหนุ่มเก็บไว้เซอร์ไพร์ทแบบนี้

    จุนฮเวเริ่มคิดหนัก ก่อนที่สมองอันชาญฉลาดจะนึกถึงใครบางคนออก เขาแอบล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาโดยไม่ให้หญิงสาวเห็น

    JunHyoe : เดทที่ไหนเจ๋งสุด

    S.Yun : ไหนว่าไม่สนใจหญิงไง

    MiNo : ไรวะเพื่อน เดททั้งทีไม่เคยบอกกันเลย

    JunHyoe : ถามก็ตอบมาเถอะน่า

    Jinwoo : ห๊ะๆ ไอ้โหดออกเดทเหรอวะ

    S.Yun : จินอู ช้าไปนะเพื่อน บางทีน่ะ

    MiNo : อ้อนวอนคลาสโนว่าตัวพ่ออย่างพี่ก่อนสิน้อง

    JunHyoe : พี่ๆครับ ช่วยแนะนำผมที่นะครับ

    S.Yun : เรื่องเด็กๆครับ พาไปร้องเกะ กินติม แวะถ่ายรูปสติ๊กเกอร์ ถ้าเป็นไปได้ก็ไปสวนสนุกเลยครับเพื่อน

    JunHyoe : ใจมาก

    หลังจากเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงเขาก็ไม่นึกสนใจการสั่นเตือนของมันอีก ปล่อยให้พวกเพื่อนไร้สาระทั้งหลายแซวไป เรื่องอะไรจะไปตอบ

    “อยากไปร้องคาราโอเกะหน่อยมั้ยครับ” หันไปถามคนข้างกายหลังจากมีแผน

    “เอาสิ” ตอบรับอย่างสดใส จุนฮเวค้างไปพักใหญ่ด้วยรอยยิ้มที่อีกฝ่ายส่งมา

    ทำไมน่ารักงี้วะ

     

    “อื้อ..” เสียงครางกระเส่าดังอยู่ท่ามกลางความเงียบ

    สาวหุ่นงามบิดตัวไปด้วยความเสียวซ่านอยู่ภายในซอยเล็กล้างผู้คน มีเพียงกำแพงข้างหลังที่ช่วยพยุงร่างอ่อนระทวยไว้ไม่ให้ล้มลงไป

    “อื้อดะ เดี๋ยว” เสียงกระเส่าร้องปรามร่างที่กำลังซุกไซร้มวลท้องน้อยของเธอ

    แต่ก็ดูคล้ายว่าจะไม่มีผล ฮันบินไม่ฟังอะไรทั้งนั้น มือหนาเริ่มบุกรุกสู่ภายใต้กระโปรงตัวจิ๋ว

    “บะ บีไอ..เดี๋ยว” มือเรียวดันไหล่ของอีกคนออก นึกอารมณ์เสียเล็กน้อยที่แม่คุณเพิ่งจะมาเล่นตัวเอาป่านนี้

    “ทำไม”

    “มีถุงใช่มั้ย” ฮันบินอารมณ์เสีย เขานึกว่าหล่อนจะมีเรื่องอะไรสำคัญ

    “พกตลอด” พูดจบเขาก็จู่โจมเรียวอกอิ่มที่โผล่พ้นขอบเสื้อส่ายเดี่ยวนั้น

    บทรักเร้าร้อนดำเนินต่อไปอย่างไม่มีหยุดพัก

     

    “ร้านนี้มั้ย” จินฮวานชี้ป้ายร้านกาแฟที่ดูเงียบสงบ แถมยังตกแต่งร้านได้น่ารักอีกด้วย

    “ค่ะ” นัมจูพยักหน้าเห็นด้วยแบบเด็กๆ เรียกรอยยิ้มให้กับอีกคน

    “ยินดีต้อนรับค่ะ” เสียงพนักงานสาวทักขึ้นเมื่อพวกเขาเดินเข้ามาในร้าน

    “เอาวานิลลาร้อนค่ะ” นัมจูสั่งก่อน

    “ของผมเป็นคาปูชิโนเย็นครับ”

    “ค่ะ วานิลลาร้อนและคาปูชิโนอย่างละหนึ่งที่นะคะ ใส่แก้วนั่งกินหรือพกกลับบ้านค่ะ”

    “นั่งกินที่นี่ครับ”

    “รบกวนรอสิบนาทีค่ะ” จบคำพนักงาน จินวานก็เดินนำนัมจูไปนั่งยังที่ในสุดและเป็นส่วนตัวมากที่สุด

    พวกเขาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันอย่างสนุกสนาน

    ผู้หญิงคนนี้ช่างมีเสน่ห์และจุดสนใจเสียจริง เธอทำให้เขารู้สึกว่าอยากจะรู้จักให้มากกว่านี้

    เมื่อเวลาได้ล่วงเลยไปจนถึงเวลาต้องจาก พวกเขาก็บอกลากันก่อนที่นัมจูจะขอตัวกลับไปก่อน ในขณะที่จินฮวานยังอยากนั่งทานเค้กต่อจนพอใจแล้วเขาจึงลุกขึ้นเพื่อเตรียมกลับบ้าน

    ระหว่างลุกออกจากที่นั่งเขาเกือบชนเข้ากับสาวนางหนึ่งที่สวนมาจากทางหลังร้าน นึกแปลกใจว่าข้างหลังมีที่นั่งอีกหรืออย่างไร แต่ดูว่าที่ของเขาจะเป็นตัวข้างในสุดแล้วนี่

    “ขอโทษครับ” จินฮวานกล่าว

    “ค่ะ” ตอบรับสั้นๆ ก่อนจะจ้ำอ้าวออกไปโดยไม่หันกลับมามอง รอยแดงที่คอแม่คุณถ้าหากเจอในที่ส่วนตัวเขาคงคิดว่าหล่อนเพิ่งเสร็จจากกิจกรรมยามว่าง แต่นี่คงถูกยุงกัดแหละมั้ง

    “ข้างหลังมีประตูหรอครับ” จินฮวานลองถามดูด้วยความที่ยังแปลกใจกับการปรากฏตัวของเธอ

    “อ๋อ ค่ะ ด้านหลังเป็นซอยแคบๆ ไม่มีใครผ่านหรอกค่ะนอกจากรถเก็บขยะ” พนักงานตอบกลับก่อนจะเก็บจานเค้กที่เค้าฟัดเรียบไปแล้วนั้น

    มองตามไปยังทางที่พนักงานบอกก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ใช่เรื่องของตัว จินฮวานหมุนตัวเดินกลับไปหาประตูร้าน

    “โอ้โหแหะ! อะไรจะดวงสมพงศ์กันขนาดนี้” เสียงยียวนกวนประสาทที่เขาจำได้ไม่มีวันลืมดังขึ้นด้านหลังทำให้ขาเรียวต้องหยุดกึก

    แต่ก็แค่นั้น เขารีบเปิดประตูเดินออกจากร้านด้วยความรวดเร็ว ไม่อยากเผชิญหน้าด้วยเลยสักนิด

    “อีกแล้วนะ คนเขาทักทำไมไม่สนใจ ไม่มารยาทเลย” ไม่เหนือกว่าความคาดหมาย เขานึกอยู่แล้วว่าร่างสูงต้องตามมาหาเรื่องอีกจนได้

    ก็เมื่อวานเขาเล่นทำแสบไว้เสียมากมาย แต่จะโยนความผิดมาให้จินฮวานฝ่ายเดียวได้ที่ไหน ในเมื่อตัวก่อเรื่องก็คือไอ้คนที่เดินตามหลังเขามาติดๆนั่นต่างหาก ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้น่าจะขอกลับพร้อมนัมจูก็คงดี

    เพราะตอนนี้คนตัวเล็กรู้ดีแก่ใจว่าการหลบหนีจากคนเบื้องหลังในเวลานี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปแล้ว

    เมื่อคิดได้แบบนั้นร่างเล็กก็หยุดฝีเท้าลงก่อนจะหันกลับไปหาคนตัวสูงกว่า ฮันบินดูจะตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆเขาก็หยุดเดินอย่างไม่ทันให้อีกฝ้ายได้ตั้งตัว

    “จะตามอีกนานมั้ย” ถามเสียงเครียด

    “ก็จนกว่านายจะตอบคำถามฉัน” อีกแล้วหรอ? คำถามอีกแล้ว ทำไมไอ้บ้านี่มีเรื่องที่อยากรู้มากจัง แบบนี้แถวบ้านเขาเรียกเสือก

    “จะถามอะไรอีก”

    “เมื่อวาน..นายติดคำตอบฉันเรื่องหนึ่ง คิดว่านายคงจำได้เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ถามซ้ำ” พูดหน้าตาย มันยียวนกวนประสาทชะมัด

    “ปีสามรู้แล้วว่าฉันเป็นพี่ ก็ให้ความเคารพด้วย” จำใจตอบเพราะขืนเขาไม่ตอบตอนนี้ ต่อไปถ้าเจอกันเจ้านี่ก็คงตามถามเขาอยู่ดี ก็ตอบไปให้มันหมดเรื่องเสีย

    “ส่วนคำถามสำหรับวันนี้มีแฟนกับเขาด้วยเหรอ”

    “ไม่ใช่เรื่องของนาย” ยอมรับว่าตกใจนิดหน่อยที่คำถามนี้มันเริ่มจะยุ่งกับชีวิตเขาลึกขึ้นมาบ้างแล้ว และเขาก็ไม่เห็นว่ามันจะมีเหตุผลอะไรที่ไอ้บ้านี่จะต้องรู้

    “รีบๆตอบมาเถอะน่า อย่าเล่นตัวนักเลย มันน่ารำคาญ”

    “รู้ด้วยนี่ว่าน่ารำคาญ ก็ยังจะยุ่งไม่เลิก”

    “ฉันก็แค่สงสัย” สายตาไม่พอใจจากคนตัวเล็กทำให้ฮันบินต้องรีบเปลี่ยนสรรพนามทันที “ผมก็แค่สงสัย พี่ไม่เคยได้ยินหรือ เด็กช่างถามเป็นเด็กฉลาด”

    “เด็กช่างถามในเรื่องมีสาระมันก็น่าจะให้คำตอบอยู่นะ แต่ไอ้เด็กประเภทไม่มีสารประโยชน์ในชีวิต ก็ไม่รู้จะตอบคำถามไปทำไม”

    “โอเค ผมไม่ถามแบบนี้แล้วก็ได้ เอาเป็นว่ายินดีด้วยนะที่พี่เดทกับเขาเป็น เห็นตอนแรกก็นึกว่าจะอ่อนต่อโลกเสียอีก”

    ดูมันสิ! ทำตัวน่าถีบมั้ยล่ะ

    “แต่ยังไงก็คงจะอยู่ในขั้นเริ่มต้นล่ะมั้ง ขอให้พี่ไล่ตามผมมาให้ทันแล้วกันนะ”

    “ทำไมฉันต้องไล่ตามนายด้วย ไม่เห็นจำเป็น”

    นั่นสินะ มันก็ไม่จำเป็นจริงๆนั่นแหละ แต่เพราะฮันบินรู้สึกอยากจะเอาชนะคนตัวบางนี่ แต่ถ้าให้ตอบว่าอยากเอาชนะเรื่องอะไรเขาก็ยังไม่รู้ ก็เลยท้าให้มันทุกเรื่องเลยแล้วกัน

    แต่ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว ในเรื่องผู้หญิงนี่ไม่น่าใช่สิ่งที่เขาอยากเอาชนะด้วย แน่นอนว่า คิม ฮันบิน อยู่เหนือจินฮวานเยอะ ไม่มีทางที่คนตัวเล็กจะเอาชนะเขาได้แน่นอน แล้วมันคืออะไรกันนะที่ทำให้เขาสนใจในตัวผู้ชายคนนี้

    “ก็พูดไปงั้นแหละครับ พี่จะรับคำท้าผมมั้ยล่ะ” ลองเชิงดูหน่อย เผื่อร่างเล็กเกิดอยากแข่งขึ้นมาเขาก็ยินดีเล่นด้วย

    “ไร้สาระ” พูดแค่นั้นก่อนที่จะเดินสวนอีกคน เขาไม่เห็นถึงประโยชน์ในสิ่งที่ฮันบินพูดเลยสักนิด ไม่เข้าใจเลยว่าหมอนี่ว่างมากนักหรือไง ในหัวสมองถึงได้มีแต่เรื่องไร้ประโยชน์

    “กลัวแพ้หรอพี่”

    ยังจะตามมาอีกนะ

    จินฮวานปลายตามองด้านข้าง ฮันบินล้วงกระเป๋ากางเกงเดินอยู่ข้างเขาอย่างสบายใจเฉิบ ทำราวกับว่ามาด้วยกันอย่างใดอย่างนั้น

    “คิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็เชิญ” ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับไอ้เด็กเวรนี่แล้ว อยากตามก็ตามสิ

    ดูสิว่าจะตามไปถึงไหน

    ร่างเล็กเดินดุ่มๆ เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนคนข้างกายต้องเร่งตาม

    “จะหนีหรอ”

    “ทำไมต้องหนี”

    “แล้วเดินเร็วทำไม”

    “เปล่านี่ ฉันก็เดินปกติของฉัน ถ้านายตามไม่ทันก็เลิกตามซะสิ”

    ฮันบินกระตุกยิ้มมุมปาก เขารู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้เถียงกับร่างบาง และก็ชอบใจเสมอเมื่อถูกอีกคนกวนกลับ

    เขาชอบที่จะเล่นเกมประสาทกับร่างเล็กนี่ จะพูดว่าไงดีล่ะน่าสนใจ คงได้มั้ง

    “ใครว่า เร็วกว่านี้ก็ไม่ลำบากเท่าไหร่”

    จะอธิบายยังไงดี เอาเป็นว่าตอนนี้สถานการณ์ของทั้งคู่ไม่ได้ต่างจากการแข่งเดินเร็วชิงแชมป์เวิร์ลคัฟเท่าไหร่ ความอยากเอาชนะในกายของฮันบินมันพลุ่งพล่าน ในขณะเดียวกัน จินฮวานเองก็ไม่อยากจะเสียทีให้กับเด็กนี่ เขาไม่ยอมแพ้หรอก

    จากเดินก็เริ่มจะกลายเป็นวิ่ง หลายครั้งที่พวกเขาต้องหลบคนอันท่วมท้นในย่านเมียงดง

    จินฮวานตั้งใจล่อให้ฮันบินตามมาเจอกับเสาแบบชนิดที่ว่าแทบเบรกไม่ทัน ตอนนั้นเองที่ร่างเล็กรีบวิ่งไปยังทางม้าลาย เขาเตรียมข้ามถนนจนลืมดูว่าถึงสัญญาณหรือยัง

    ปี๊นนนนนนนนนนนนน!!

    เสียงแตรจากรถเก๋งดังลั่นท้องถนนเมื่อมีคนวิ่งเข้ามาในทางเดินรถของมันแบบที่เบรกไม่ทันแน่ๆ

    จินฮวานตกใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิด เขาหยุดชะงักกลางถนน รู้สึกแข้งขาไม่มีแรง ก้าวไม่ออก สมองก็สั่งว่าต้องหลบ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหลบไปทางไหนดี เขาทำอะไรไม่ถูกจริงๆ

    มือแกร่งดึงร่างบางปลิวติดมายังเกาะกลางถนนอีกฝั่ง ใบหน้าหวานหลับตาปี๋เมื่อถูกกระทบกับอกแกร่ง คล้ายว่าจะหยุดหายใจไปชั่วขณะ เหมือนประสาทสัมผัสทุกส่วนจะไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว

    “ฮยอง!ฮยอง!” เสียงเรียกพร้อมแรงเขย่าดึงสติที่หลุดลอยไปให้กลับมาอีกครั้ง

    ตาหวานลืมขึ้นมองสบกับดวงตาคม ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้ใบหน้าของเขามาอยู่ใกล้กับเด็กนี่ได้ขนาดนี้ และยิ่งไปกว่านั้น เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่ากำลังอยู่ภายในอ้อมแขนแข็งแรงของอีกคน เหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้จะทำให้เขาจิตหลุดได้มากกว่ารถที่พุ่งตรงมาเมื่อกี้เสียอีก

    “เป็นอะไรมั้ย” แปลกแต่จริง คนตัวสูงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเป็นห่วงเหรอ? บ้าน่า

    “ปล่อย!” เป็นเพียงคำเดียวที่พูดได้เมื่อสติเขากลับมาหลังจากหลุดไปอีกครั้ง ร่างบางดิ้นให้หลุดจากเรียกว่าอะไรดีนะ อ้อมกอดไม่สิ! จากการเกาะกุมของอีกคน

    ถึงมันจะดูคล้ายผู้ชายสองคนยืนกอดกันก็ตามที แต่มันก็ไม่ใช่ มันก็แค่อุบัติเหตุจากการช่วยเหลือของคนตัวโตทำให้มีสภาพแบบนี้ต่างหาก

    “พี่ไม่เป็นไรนะ” ยอมปล่อยแบบที่ร่างเล็กไม่ต้องออกแรกซ้ำ ก่อนจะถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

    “ก็เห็นนี่ ไม่เจ็บตรงไหน” หงุดหงิดใจด้วยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แต่รู้สึกโมโหเป็นบ้า

    “ตอบดีๆไม่ได้หรือไง คนเขาอุตส่าห์ช่วยแท้ๆ”

    “ขอบใจ!

    จินฮวานรีบรุดวิ่งหนีหายไปทันทีหลังจากขอบคุณแล้ว จะได้ไม่ติดค้างกันอีก เขาไม่อยากยืนอยู่ต่อหน้าฮันบินนานๆ รู้สึกโมโหพิลึก

    ถึงจะรู้ดีว่าอีกคนไม่ตามมาแล้วก็ตาม แต่ร่างเล็กก็ยังคงวิ่งด้วยความเร็วอยู่ดี จนผู้คนแถวนั้นเป็นอันต้องมองตาม

    ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ตอนนี้เขากลับมาถึงบ้านและจัดการอาบน้ำพร้อมเข้านอนแล้ว แต่ไอ้ความรู้สึกหงุดหงิดใจนี่ก็คอยกวนไม่หายไปเสียที

    ไม่ว่าจะพยายามเปลี่ยนท่านอนไปทางไหนก็ยังคงไม่อาจกำจัดความอึดอัดใจนี้ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน จินฮวานพลิกตัวเป็นรอบที่ร้อย

    มือบางก่ายหน้าผากมองเพดานห้องด้วยอารมณ์ไม่ดี

    ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกหงุดหงิดได้ขนาดนี้ แล้วไอ้ความรู้สึกร้อนๆที่หน้ามันคืออะไร เขาไม่ได้โมโหแก้เขินหรอกใช่มั้ย กับผู้ชายเนี่ยนะ? แล้วยังเป็นผู้ชายแบบไอ้เด็กนี่อีกเนี่ยนะ!?

    บ้าไปแล้วหรือไงกัน คิม จินฮวาน!!







    พี่จินของเค้า(?)น่ารักอ้ะ
    มุ้งมิ้งมากเลย วันนี้พาหนูนัมกับพี่โบมาด้วย
    ชื่นชอบ Apink ม๊ากมาก เป็นเกิร์ฟกรุ๊ปที่จินฮีสุดปลื้มอ้ะ
    ก็เลยยอมๆยกให้สักตอน 555555555555
    ขอบคุณรีดที่ติดตามนะคะ
    ยังไงก็สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะคะ :D

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×