ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    GOT7 | 99% PERCENT | #YUGBAM #JARK #BNIOR (END)

    ลำดับตอนที่ #13 : PERCENT: 12%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.54K
      55
      5 มิ.ย. 58





    PERCENT 12%

     

     

     

    จินยองกระพริบตาพยายามปรับโฟกัสกับแสงไฟแม้รอบข้างมันจะมืด ความทรงจำสุดท้ายทำให้จินยองกระเสือกกระสนที่จะทำให้ตัวเองหลุดออกจากไอ้เชือกบ้าๆที่มัดเข้าไว้กับเก้าอี้ไม้แต่ความพยายามของจินยองไร้ประโยชน์ตอนนี้เขาหมดเรียวแรงและรู้สึกกระหายน้ำ ลำคอแห้งผากเป็นผุยผงเหมือนว่าก่อนหน้านี้เขาไปเดินอยู่กลางทะเลทรายมาแต่ไม่ใช่ อาการเจ็บที่ต้นคอและไหล่ลาดบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาถูกกัด

     

    เสียงพูดคุยดังก้องไปทั่ว จินยองรีบปิดตาทำเป็นเหมือนว่าเขายังไม่ฟื้นแต่หูกำลังฟังเสียงฝีเท้าที่เริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

     

    “นายจะพามันมาทำไม ไหนบอกแค่อยากจะทำให้พวกมิททีหน้าโง่นั่นมันแตกตื่นแต่นายกลับพาจินยองเข้ามาในนี้” เสียงของยองแจดังก้อง จินยองรับรู้ถึงชื่อตัวเองในบทสนทนาน้ำเสียงนั้นดูจงเกลียดจงเขาเหลือเกินจินยองคิดในใจ

    “มันไม่ใช่เรื่องของนายยองแจ ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าก้าวก่าย!” จินยองเกือบหลุดสะดุ้งเมื่อแจบอมตะคอกยองแจดังลั่น เขาไม่รู้หรอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนั้นเป็นยังไงต่อให้รู้สึกอะไรจินยองก็ไม่อยากจะใส่ใจความรู้สึกของอิมแจบอมอีกแล้ว

     

    เสียงเริ่มดังเหมือนมีเมิร์คอยู่ตรงนี้นอกเหนือจากสองคนนั้น จินยองพยายามฟังเสียงเขาไม่กล้าจะลืมตาตื่นขึ้นไปเผชิญหน้ากับพวกนั้นตอนนี้เลยสักนิด จู่ๆก็นึกกลัวขึ้นมา

     

    “พี่จะให้ฉันลงมือเมื่อไหร่” เสียงของเยริน ใช่แน่ๆจินยองจำไม่ผิด

    “รอให้จินยองตื่นแล้วค่อยจัดการ” แจบอมตอบพลางมองร่างบางที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เขาสะกดจิตจีมินและใช้จีมินเป็นเหยื่อล่อจินยองออกมาไม่คิดว่ามันจะได้ผลแต่พวกมิททีรักพี่น้องและครอบครัวมากข้อนั้นแจบอมรู้ดี เขาเลยพาตัวจินยองมาที่นี่กัดคอจนอีกคนสลบก่อนจะมัดไว้กับเก้าอี้แบบนี้

     

    ยองแจสาวเท้าไปใกล้ๆ “งั้นก็ทำให้มันตื่นซะตอนนี้เลย” พูดจบมือเรียวก็ยื่นไปบีบคอจินยองออกแรงบีบจนคนที่แกล้งนอนหลับหายใจแทบไม่ออก ตาเรียวลืมขึ้นมาด้วยความตกใจ

    “พวกหมาลอบกัด!”  จินยองตะโกนเสียงดังด้วยความโมโห

     

    เขาเจ็บคอจนแทบไม่มีแรงพูดอะไรมากกว่านี้ ยังไม่ทันจะตั้งตัวฝ่ามือของยองแจก็ปะทะเข้าที่ใบหน้าหวานของจินยองจนหัน เลือดไหลออกมาจากมุมปากแก้มแดงเป็นรอยมือเจ็บจนรู้สึกได้ว่าเลือดกำลังไหลอยู่ในปากแต่ก็ไม่เท่ารอยยิ้มของแจบอมเมื่อกี้

     

    “ปากดีก็สมควรโดน จะตายแล้วยังไม่เจียมตัว” ยองแจกระชากกลุ่มผมสีดำแล้วพูดขู่ เขาทำเหมือนเหนือกว่าทุกอย่างมันทำให้จินยองโมโห

    “ตกลงว่าจะให้ฉันจัดการเลยไหม” เยรินพูดขัด สีหน้าเธอดูเบื่อหน่าย

    แจบอมพยักหน้า “เริ่มเลยสิ”

     

    เสียงฝีเท้าเดินมาก่อนประตูจะถูกเปิดออก จินยองตกใจเมื่อเห็นจีมินถูกล่ามโซ่โดยที่ข้างๆมีซูจียืนคุมอยู่ ดวงตาเธอดูหม่นหมองดูก็รู้ว่ากำลังถูกสะกดจิต จินยองพยายามออกแรงดิ้นแต่แจบอมกลับใช้มือตรึงบ่าอีกคนไว้แน่น

     

    เยรินจ้องหน้าจีมินเธอพูดอะไรสักอย่างที่ทำให้จีมินกรี๊ดออกมาดังลั่นก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม จีมินมองหน้าจินยองสลับกับทุกคน

     

    “จะทำอะไรกันแน่แจบอม!” จินยองเอ่ยถาม ความเข้มแข็งของเขากำลังสั่นคลอนเพราะแจบอมอีกครั้ง ไม่ใช่ครั้งแรกแต่มันยังคงทำร้ายจิตใจจินยองตลอดเวลา

    “หึ! คิดว่าฉันจะทำอะไรล่ะ นายจำรสชาติความเจ็บปวดตอนที่ฉันฆ่าพ่อแม่นายได้ไหมจินยอง” น้ำเสียงเหี้ยมๆถูกเอ่ยออกมาทำเอาใจจินยองตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม หัวใจเขาเต้นรัวและภาพวันนั้นก็ไหลกลับเข้ามาเหมือนน้ำ

     

    มีดขนาดกลางถูกหยิบขึ้นมาจากโต๊ะ มันเงาวับและคมกริบ แสงของมันสะท้อนเข้าตาจินยองเขาจำได้ว่านั้นเป็นมีดของนักล่ามีดเงินที่ใช้ฆ่าแวมไพร์

     

    “เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอเยริน” จีมินพูดเสียงสั่น

    “ฉันไม่ใช่เพื่อนเธอ” เยรินตอบกลับ

     

    ซูจีดันจีมินให้นั่งลงกับพื้นในท่าคุกเข่าต่อหน้าจินยอง สีหน้าเจ็บปวดของจีมินตอกย้ำถึงวันนั้นให้จินยองร้องไห้ออกมา มือเรียวกำเข้าหากัน

     

    “ดะ..ได้โปรด แจบอม...อย่าทำแบบนี้” เสียงเว้าวอนของจินยองดูน่าสงสารแต่เสียดายที่มันไม่สามารถทะลุหัวใจมืดบอดดวงนี้ได้

    “ต่อให้พี่บอกว่าอย่า ฉันก็ฆ่านังนี่” เยรินพูด

     

    ใบมีดค่อยๆไล้ไปตามแก้มเนียนลงไปเรื่อยๆจนกระทั่งหยุดอยู่ที่คอ เยรินกดมีดลงบนลำคอขาวจนเลือดไหลออกมา เพราะความคมทำให้จีมินเสียเลือดมากกว่าที่ควรจะเป็น ร่างของเธอสั่นก่อนจะเงยหน้าจ้องมองจินยองทั้งน้ำตา

     

    “บอกแบมแบมด้วยว่าเขาคือเพื่อนระ...”

     

    ฉึบ!

     

    “ไม่!!!!!!!!!!! จีมิน!!!!!!!” เสียงแหบแห้งกรีดร้องดังก้อง

     

    เลือดสีแดงหม่นไหลเต็มทั่วพื้นร่างที่ไร้หัวของจีมินร่วงหล่นลงบนพื้นไม่ต่างใบไม้ ศีรษะของเธอกลิ้งมาปะทะกับเท้าของจินยอง

     

    “ฮึก...จีมินจีมิน...” จินยองพยายามเรียกร่างไร้วิญญาณทั้งน้ำตาท่ามกลางรอยยิ้มของเมิร์ค ยองแจเตะหัวของจีมินออกไปก่อนจะกระชากหัวของจินยองให้เงยหน้าขึ้นมา

    “เห็นรึยังว่าเมิร์คพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ แกจะเป็นรายต่อไปจินยอง”

    “พอแล้ว จัดการศพนี่ซะเก็บไว้ส่งเป็นของขวัญแทนใจตอนที่ส่งจินยองกลับ อยากจะรู้ว่าพวกมิททีมันจะว่ายังไง” แจบอมพูดแล้วปลดเชือดที่มัดมือจินยองออก จินยองพยายามจะวิ่งเข้าไปหาร่างของจีมินแต่แจบอมดึงไว้ เขากระชากแขนผอมนั่นให้เดินออกมาจากห้องนั้น

     

    จินยองร้องไห้ไปตลอดทาง เขาเอาแต่ตะโกนเรียกชื่อจีมินจนแจบอมรู้สึกโมโห เขาโยนร่างบางลงบนที่นอนก่อนจะหยิบโซ่มาล่ามขาและแขนอีกคนไว้ จินยองพ่นคำด่าออกมามากมายจากปาก เขาสาปแช่งแจบอมครั้งแล้วครั้งเล่า

     

    เพี๊ยะ!

     

    ฝ่ามือใหญ่ตบเข้าที่ใบหน้าหวานจนหน้าหัน แจบอมกระชากผมของจินยองจนหลุดเป็นกระจุกแต่จินยองไม่ร้องโอดโอยออกมาสักนิด เขาเอาแต่ร้องไห้และพร่ำเรียกชื่อของจีมิน

     

    “หุบปากซะจินยอง” แจบอมพูดเสียงเครียด

    “ฮึก นายทำแบบนี้ทำไมเจบี! ฮื่อ...ไอ้ชั่ว!”  จินยองสะอึกสะอื้น เขาเหมือนจะขาดใจตาย ภาพของจีมินยังคงติดตาและมันเป็นภาพที่สะเทือนใจจินยองมาก มันมากพอๆกับวันที่แจบอมฆ่าพ่อแม่ของเขา

    “มันยังชั่วไม่พอหรอกจินยอง ฉันยังชั่วได้มากกว่านี้อีก”  พูดจบแจบอมก็ถอดเสื้อของตัวเองทิ้งก่อนจะโยนมันไปไกลๆแล้วขึ้นคร่อมคนที่นอนอยู่บนเตียง “มาทบทวนความจำกันหน่อยไหม”

     


    - C U T- 


     

     
     

    “ทำไมนายไม่ฆ่ามัน!!” ยองแจตะคอกเสียงดัง มือเรียวทุบอกแจบอมแรงๆเพื่อระบายอารมณ์โกรธ “ยังรักมันอยู่หรอ ใช่ไหมเจบี ตอบมาสิเจบี!

     

    ความเจ็บปวดทับถมอยู่ในใจของยองแจครั้งแล้วครั้งเล่าโดยฝีมืออิมแจบอมแต่ไม่มีสักครั้งที่ยองแจจะทำใจได้เลย ถึงรู้...รู้อยู่เต็มอกว่าคนที่ยังทำให้แจบอมนึกถึงได้เสมอคือจินยองแต่เขาก็หวังว่าที่ทำทุกๆอย่างเพื่อแจบอมมันจะมีความหมาย ยิ่งแจบอมทำเหมือนสนใจจินยองเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้เขาเกลียดปาร์คจินยองมากขึ้นเท่านั้น

     

    แจบอมถอนหายใจออกมาด้วยความรำคาญ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขากำลังมีความสุขมากแท้ๆแต่ยองแจดันมาทำให้อารมณ์เสียแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ทำร้ายยองแจเพราะอย่างน้อยยองแจก็คือฝ่ายของเขาและแน่นอนยองแจน่ะยอมทำทุกอย่างเพื่อแจบอมได้อยู่แล้ว

     

    “ฉันจะไปฆ่ามันเดี๋ยวนี้ถ้านายไม่ตอบ” เสียงตะคอกนั่นฟังดูจริงจัง ยองแจหยิบมีดเล่มเดียวกับที่ฆ่าจีมินขึ้นมา

    “เลิกบ้าได้แล้วยองแจ! ฉันไม่ได้รักจินยองแล้วเข้าใจไหม” น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายตอบออกไป แจบอมกลอกตาไปมาอย่างรำคาญแต่คำตอบที่ได้มันทำให้ยองแจสงบขึ้น

    “จริงนะ” แขนเรียวคล้องไปที่แขนของแจบอม

    แจบอมพยักหน้า “เชื่อฉันเถอะ จินยองน่ะเหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว ให้อยู่แบบนี้แบบที่ค่อยๆใจสลายไม่สนุกกว่ากันหรอ” แจบอมตอบด้วยรอยยิ้ม

    “นั่นสิ งั้นเราไปส่งของคืนให้พวกนั้นกันดีกว่า”

     

     

    สภาพของจินยองไม่ต่างจากคนใกล้ตาย ผมเผ่ายุ่งเหยิง เสื้อเต็มไปด้วยคราบเลือดเกรอะกรังเป็นดวงๆโดยเฉพาะแผ่นหลัง แผลเหวอะหวะที่ซ่อนอยู่ในนั้นไม่ได้ทำให้จินยองรู้สึกเจ็บเท่ากับการถูกทำแบบนี้ ร่างกายแทบจะแหลกละเอียดเป็นผุยผง หัวใจของจินยองเขามั่นใจว่าการเห็นจีมินตายแบบนี้เขาไม่สามารถเห็นอะไรแบบนี้ได้อีกแล้ว มันเหมือนแจบอมเฉือนหัวใจเขาออกเป็นส่วนๆและแทงมันซ้ำๆมันคงไม่ใช่แค่บิดเบี้ยวแต่มันเหมือนจะสลาย

     

    แจบอมต้องการให้เขาตายทั้งเป็นกี่ครั้งกันถึงจะสมใจ

     

    ตุบ

     

    ร่างของจินยองกระทบพื้นหญ้าพร้อมกับร่างที่ไร้วิญญาณของจีมินที่นอนนิ่งอยู่ใกล้ๆกัน แจบอมมองมันด้วยสายตานิ่งๆ เสียงสะอึกสะอื้นมันทำให้เขารู้สึกดีที่ได้อยู่เหนือจินยองแต่เพียงแค่แวบเดียวมันก็บีบหัวใจของเขาเหมือนกัน  แจบอมเดินไปใกล้ๆจินยองคุกเข่าลงแล้วยิ้มมุมปากยามที่เห็นว่าใบหน้าหวานนั่นเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา

     

    “จริงๆฉันจะฆ่านายก็ได้ แต่ฉันก็ไม่ทำ”  จินยองเงยหน้าขึ้นมามองคนที่กำลังพูดอยู่ตรงหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน “อย่าเข้าใจผิดว่าฉันยังรักนายอยู่ แต่ที่ฉันไม่ฆ่านายเพราะฉันอยากให้นายอยู่ถึงวันสุดท้าย อยู่ถึงวันที่นายไม่เหลืออะไรเลย”

     

    จินยองหัวเราะออกมาดังลั่นพร้อมทั้งร้องไห้ออกมาเช่นกัน

     

    “นายจะเสียใจเจบี ฉันจะทำให้นายเป็นยิ่งกว่าฉัน...ฉันสาบานจนถึงวันนั้นแม้แต่นายอ้อนวอนพระเจ้าหรืออะไรก็ตามก็จะไม่แม้แต่จะหันมาฟังเสียงร้องขอของนาย...เจบี”

     

    50%

     

     

    มาร์คกอดจินยองเอาไว้แน่นปรายตามองร่างที่ไร้วิญญาณของจีมินที่นอนอยู่ใกล้ๆกันด้วยสายตาโกรธแค้นและโมโห เขาไม่คิดว่าพวกนั้นจะทำถึงขนาดนี้ ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าแจบอมจะทำร้ายจิตใจของจินยองเป็นครั้งที่สองแบบนี้ น้ำเสียงสั่นๆของจินยองที่พูดถึงจีมินมันดูเจ็บปวดเหมือนจะขาดใจ

     

    “ฮึก จ...จีมิน...จี..มิน” จินยองซุกหน้าลงกับไหล่ของมาร์ค น้ำตาที่มันไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลทำให้ตอนนี้ดวงตาของจินยองบวมเป่งและแดงไปหมด

    “ไม่เป็นไรนะจินยอง ฉันอยู่ตรงนี้” มาร์คกระซิบบอกเสียงแผ่วเบา “กลับบ้านกันก่อนนะจินยอง”

     

    ยูคยอมถอนหายใจออกมาเมื่อเขาไม่สามารถจะหยุดทุกอย่างไว้ได้ จริงๆเขาก็คาดไม่ถึงเหมือนคนอื่นว่าจีมินจะตายไปเร็วขนาดนี้มันไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำและที่สำคัญจีมินไม่สมควรที่จะตายแบบนี้ พวกเมิร์คทำเกินไปไม่ว่าใครก็ตามที่คิดจะทำแบบนี้มันไม่ใช่สงครามแต่มันเป็นความเหี้ยมโหดในจิตใจ ด้านมืดอีกด้านของสิ่งมีชีวิตที่คิดว่าตัวเองอยู่เหนือทุกอย่าง

     

    มิททีเริ่มจากไปทีละคน เหลือแค่ยูคยอม นิชคุณ แทคยอนและวอนพิล นิชคุณหยิบศีรษะที่วางอยู่ใกล้ๆตัวขึ้นมาเลือดยังเกระกรังตามรอยตัด เสียงฝีเท้าที่เร่งเข้ามาใกล้ๆทำให้ทุกคนหันไปมอง ไวกว่าความคิดยูคยอมรีบเข้าไปกันเอาไว้

     

    “จีมิน!!!” แบมแบมตะโกนเสียงดัง “ไม่นะจีมิน”

     

    วงแขนโอบรัดเอวแบมแบมเอาไว้ปิดตาและดึงตัวอีกคนให้เขามาในอ้อมกอด แขนผอมยกขึ้นกอดยูคยอมแน่นพร้อมเสียงสะอื้น ยูคยอมลูบแผ่นหลังเล็กเบาๆเพื่อปลอบประโลม

     

    “จีมิน...ฮื่ออ...จีมินตายแล้ว...จีมิน” น้ำตามากมายไหลออกมาจากดวงตากลมโต ยูคยอมพยายามไม่มองมันเขาเพียงแค่ยกมือลูบหลังเพื่อให้อีกคนหยุดร้องไห้

    “พ..พวกนั้น..ฆ่า...ฮึก...ฆ่า...จีมินใช่ไหม” แบมแบมถามแล้วหันกลับไปมองร่างที่นอนอยู่บนพื้นหญ้าที่กำลังถูกห่อด้วยผ้าสีดำ “ทำไม...ทำแบบนี้ทำไม...”

    ยูคยอมกระชับอ้อมกอดแน่น เสียงร้องเงียบไปแล้วแต่ร่างผอมยังสั่นอยู่เรื่อยๆ ครั้งนี้เขาไม่อยากห้ามให้ใครหรือคนในอ้อมแขนเลิกร้องไห้ สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งเมื่อเจ็บปวดการให้เวลาเยียวยาคงดีกว่าการพยายามบอกว่ารีบเข็มแข็งไวๆสำหรับเรื่องแบบนี้ เขารู้ดีว่าถ้าแบมแบมเข้าใจว่าทุกอย่างมันคือกลไกของโลก ต่อให้อมตะแค่ไหนก็มีวันตาย ไม่อย่างนั้นคงเศร้าน่าดูถ้าต้องอยู่เพื่อมองดูคนจากไปจนหมดเหมือนที่พ่อเขาเป็น

     

    ความสงสัยเกาะกินใจเขามาตลอดตั้งแต่เด็กว่าทำไมแวมไพร์ต้องอยากอมตะแต่ทำไมคุณปู่คุณย่าของเขาถึงบอกเสมอว่าไม่มีอะไรมันอยู่ตลอดไปสักวันมันจะต้องแตกสลายและหายไปตามกาลเวลา ยูคยอมไม่เคยเข้าใจมันจนกระทั่งการจากไปของแม่ทำให้เขารู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตอะไรในโลก สิ่งที่ทำให้การมีชีวิตอยู่สำคัญที่สุดคือวันหนึ่งเราต้องตายแต่แน่นอนว่าสำหรับเขามันยังไม่ใช่ตอนนี้

     

    “ถ้าร้องไห้แล้วมันทำให้นายเจ็บน้อยลงก็ร้องออกมาเถอะ” มือใหญ่ลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆ “ฉันไม่ว่าหรอก”

    “ผม..ฮึก..เจ็บมากเลย” เสียงที่กลั่นออกมาจากปากเล็กแผ่วเบาแต่ความเจ็บปวดในนั้นมันหนักหนากว่าอะไรซะอีก

     

    วอนพิลมองดูเหตุการณ์เงียบๆเขาไม่คิดว่าเรื่องมันจะมาถึงขนาดนี้เพราะแค่ครั้งนั้นเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนก็ทำให้รู้สึกสะเทือนใจมามากพอแล้ว ทั้งเรื่องของโซฮีหรือเรื่องพ่อแม่ของจินยองก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เศร้าทั้งนั้น

     

    “มึง ไปได้แล้ว” วอนพิลเรียกยูคยอมให้ไปด้วยกันเพราะตอนนี้นิชคุณกับแทคยอนเก็บร่างและศีรษะของจีมินเพื่อเตรียมเอาไปทำพิธีเรียบร้อยแล้ว

     

    นิชคุณยื่นถุงผ้าสีดำที่ข้างในมีศีรษะของจีมินให้กับแบมแบม พ่อมดหนุ่มตบบ่าเพื่อให้กำลังใจคนที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้อีกรอบก่อนจะเดินผ่านไปเพื่อช่วยแทคยอนแบกร่างของจีมินไปที่บ้านยูคยอม

     

    แบมแบมกอดมันเอาไว้แน่น ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงกลัวคงไม่กล้าแม้แต่จะจับแต่ตอนนี้มันไม่ใช่นอกจากไม่กลัวการรับรู้ถึงการจากไปจริงๆในตอนที่เราเติบโตขึ้นมันทำใจยากกว่าตอนที่พ่อแม่เขาเสียไปเมื่อตอนยังเด็กเสียอีก นอกจากการโตเป็นผู้ใหญ่มันจะวุ่นวายแต่การมาเจอเรื่องแบบนี้มันยิ่งกว่าอะไรซะอีก

     

    ศพของจีมินถูกวางลงไว้กลางบ้าน มีมิททีหลายคนมารวมตัวมองดูผลงานจากเมิร์คด้วยความรู้สึกที่ต่างกันออกไป

     

    “จัดการให้เรียบร้อย ฝากด้วยล่ะนิชคุณ” มินจุนที่เพิ่งมาเอ่ยบอกกับนิชคุณหลังจากมองร่างของหลานสาวด้วยสายตานิ่งๆ

    “ได้ ครั้งนี้มันเกินไปแล้วนะ” นิชคุณพูดขึ้น

    “บางอย่างเราอาจจะคิดว่าโชคชะตาหยิบยื่นมันให้กับเรา แต่บางครั้งก็เป็นเราที่ยื่นมือไปหยิบมันเข้ามาเอง” มินจุนพูดทิ้งไว้แค่นั้นก่อนจะจากไป แม้จะเป็นประโยคที่ชวนให้สงสัยแต่นิชคุณกลับเข้าใจทุกอย่างแจ่มแจ้ง

    “ผมไม่รู้จะบอกเด็กนั่นยังไง” แทคยอนที่ยืนอยู่ข้างๆพูดเสียงเครียด ที่นี่ไม่มีใครเกลียดเมิร์คอย่างเขาแต่บอกตามตรงเลยว่าเขายังไม่เห็นด้วยกับการทำแบบนี้

     

    สิ่งที่แทคยอนรู้ก็คือแจบอมกำลังทำทุกอย่างให้พังลง มันจะยิ่งแย่ไม่ว่าสงครามจะเกิดหรือไม่เกิดแทคยอนก็ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่มาหักล้างการกระทำแบบนี้ได้เลยถ้าตอนนั้นแจบอมคิดได้ขึ้นมา ทุกอย่างมันอาจจะสายเกินไปหรือไม่แน่มันก็คงสายเกินไปตั้งแต่วินาทีนี้

     

    “ผมไม่คิดว่าเด็กคนนี้ต้องมาตาย เธอเกิดมาและโตมาอยู่ในสายตาของผม จีมินเป็นเด็กดีและเป็นเด็กที่ร่าเริง เธอควรจะมีชีวิตอยู่เป็นอีกร้อยๆปี” แววตาที่ปกติจะนิ่งๆมันสั่นเล็กน้อย

    “ผมขอโทษ...แทนพวกนั้น” แทคยอนดึงมือเรียวไปกุม บีบเบาๆเพื่อให้กำลังใจ

    นิชคุณส่ายหน้า “ไม่ต้องขอโทษหรอก เพราะสุดท้ายเหตุจากการกระทำมันมีผลตามมาเสมอ ถึงวันนั้นผมคิดว่าพวกนั้นคงคิดได้ว่าทำอะไรไป”

     

     

    การปรากฏตัวของเจียเป็นจุดสนใจสำหรับทุกคนมาร์คเลยเรียกให้ไปรวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่น สีหน้าของทุกคนดูไม่ดีเท่าไหร่นักแถมตอนนี้ก็เกือบจะสว่างอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

     

    “คุณช่วยจีมินได้ไหม” แบมแบมถามออกไป ดวงตากลมนั่นดูมีประกายของความหวังสะท้อนให้เห็นอยู่เล็กน้อย

    “ฉันช่วยใครไม่ได้ทั้งนั้นแหละ” เจียตอบ เธอถอนหายใจออกมาแล้วยักไหล่ให้กับทุกคน

    “แต่คุณก็เคยถูกทำแบบ..เอ่อ...แบบนั้น” แบมแบมเถียง เขาไม่อยากเชื่อว่าจะปลุกจีมินจากความตายไม่ได้เพราะขนาดผู้หญิงตรงหน้ายังฟื้นขึ้นมาได้

    “ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าฉันเลือกได้ตั้งแต่ต้นฉันคงบอกพ่อแม่ไปแล้วว่าอย่าปลุกฉันขึ้นมาจากความตาย มันอาจจะงี่เง่าแต่การที่ต้องเป็นอะไรสักอย่างหลังจากนั้นที่ตายไม่ได้แถมยังโดดเดี่ยว ฉันพูดตามตรงว่ายัยนั่นคงจะอยากตายไปเฉยๆมากกว่า” เจียอธิบาย

    “ฉันรู้ว่าเธอยังไม่เข้าใจมัน บางคนอาจจะคิดในใจว่าทำไม เพราะฉันรู้ฉันเป็นและฉันเข้าใจทุกอย่างไง เชื่อฉันเถอะว่าอย่าพยายาม”  

     

    การเปิดประเด็นเรื่องนี้ทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีก ทุกคนเห็นด้วยกับการไม่ทำให้จีมินฟื้นขึ้นแล้วกลายเป็นแบบเจียเพราะตำนานแวมไพร์ไร้หัวที่ไม่ได้บันทึกมันลงไปหมดก็คือด้านมืดจากการทำแบบนี้ทั้งนั้น มันน่ากลัวและไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเอาไปทำตามหรือทำซ้ำอีก นอกจากทำให้ฟื้นคือการฝืนกลไกของการตายแล้วเพราะเป็นแวมไพร์ก็ถือตายอยู่แล้ว ในพิธีกรรมก็ต้องสังเวยชีวิตเหมือนชีวิตแลกด้วยชีวิต

     

    แสงสว่างจากบานหน้าต่างทำให้รู้ว่าตอนนี้เฃ้าแล้วแต่แปลกที่มันไม่มีแสงแดดอ่อนๆเหมือนทุกวัน ฟ้ามืดแต่มันก็เลยหน้าฝนมาแล้วเหมือนกัน แบมแบมมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วจนไม่ทันได้เตรียมใจ ไม่มีการบอกลา ไม่มีการเตือน เพราะแบบนี้ล่ะมั้งพวกมนุษย์เลยชอบพูดกันว่า ทำให้เหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้าย

     

    “ไปนอนเถอะ เดี๋ยวเย็นๆจะทำพิธีให้จีมิน” ยูคยอมพูดบอกคนที่นั่งเงียบอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่นเป็นชั่วโมงแล้วในขณะที่คนอื่นๆก็แยกย้ายกันไปตามที่ได้รับมอบหมาย

    “ผม...” แบมแบมเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง

    “ไม่ต้องพูดแล้ว”

     

    สองแขนอุ้มแบมแบมขึ้นมาจากโซฟาก่อนจะพาเดินขึ้นไปข้างบนแล้ววางอีกคนลงบนเตียง ยูคยอมพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วนั่งลงข้างเตียงจ้องมองคนที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น

     

    “ฮื่ออ...ฮึก...” แบมแบมพยายามใช้สองมือปิดปากเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียงร้องเล็ดลอดออกมาแต่มันก็ยังดังออกมาอยู่ดี

    “พักผ่อนเถอะ” มือใหญ่เอื้อมไปเช็ดน้ำตาออกให้เบาๆก่อนจะลุกขึ้น “บ่ายๆก็ตื่นขึ้นมาอาบน้ำชุดอยู่ในตู้” ยูคยอมพูดแค่นั้นก็จะเดินออกไปห้องไป


     

     

    จีมินเคยพูดเอาไว้เมื่อสมัยยังเด็กว่าเธอชอบดอกกุหลาบสีแดง เธอคิดว่ามันคล้ายสีของเลือดที่เธอดื่มกินแถมมันยังเย้ายวนไม่ต่างกับกลิ่นและรสชาติของเลือด แม้มีเด็กผู้หญิงในโลกนี้หลายๆคนชอบสีขาวหรือสีสันสดใสแต่เธอกลับพูดว่าสีดำคือสีที่บ่งบอกความเป็นตัวเอง สีดำไม่ใช่ตัวแทนแห่งความชั่วร้ายแต่จิตใจของเราต่างหากที่แยกเราจากสิ่งที่ชั่วร้ายนั้น

     

    “ในตอนที่ฉันยังเด็กฉันเคยสงสัยอะไรมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันเป็น ฉันเคยไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงเป็นมิททีและทำไมฉันถึงแตกต่างจากคนอื่น ตอนนั้นเพื่อนฉันหลายคนเติบโตเรื่อยๆและจากไปตามอายุขัยที่มี พ่อแม่ของฉันจากไปมันเป็นเรื่องที่เศร้าที่สุดในชีวิตของฉัน แต่เมื่อฉันผ่านมันมาได้ฉันก็พบว่าฉันยังเหลือทุกๆคนที่ดีกับฉัน เพราะความแตกต่างทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายบนโลกใบนี้ทั้งในโลกของแวมไพร์และโลกของมนุษย์

     

    ฉันใช้ชีวิตมาเป็นร้อยๆปีจนวันหนึ่งตระหนักได้ถึงการมีชีวิตของตัวเอง แม่เคยบอกฉันไว้ว่าทุกสิ่งย่อมแตกดับและสลายไปเมื่อถึงเวลาของมันเหมือนกับที่ท่านเป็น แต่สิ่งที่ยังอยู่ได้เมื่อเราไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วคือความรักที่เราจะมีให้ทุกๆคนที่หวังดีกับเรา ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นมิทที เมิร์ค นักล่า พ่อมดแม่มด หรือว่ามนุษย์ แต่พวกเขาเหล่านั้นคือเพื่อนของฉัน ฉันแค่หวังว่าวันหนึ่งเมื่อร่างกายของฉันได้มาถึงจุดจบที่สมบูรณ์ที่สุด ทุกๆคนจะยังจดจำฉันได้เพราะฉันจะจดจำทุกๆคนเสมอ แม้ฉันจะจากไปแล้วแต่ฉันจะไม่มีวันลืม... จีมิน ปาร์ค

     

    นิชคุณอ่านไดอารี่หน้าสุดท้ายยาวเหยียดที่เจอในห้องของจีมิน มันถูกเก็บอยู่ในลิ้นชักเขาเจอมันและเปิดอ่านเรื่องราวที่เธอบันทึกไว้เรื่อยๆไม่ใช่ทุกวันแต่เรื่องราวบางเรื่องก็เก่ามาก ภาพหลายภาพถูกติดอยู่ในหน้าสมุดแต่หน้าสุดท้ายที่เพิ่งถูกเขียนไว้เป็นรูปกลุ่มที่บ้านบนเขาเมื่อไม่นานมานี้ และบันทึกหน้าสุดท้ายมันทำให้นิชคุณมั่นใจว่าจีมินต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเธอพร้อมที่จะจากโลกนี้ไป ยอมรับเลยว่าตอนที่ได้อ่านไดอารี่มันทำให้เขารู้สึกเศร้ากว่าเดิม จีมินไม่ได้บอกใครสักคนแม้กระทั่งเขาที่เลี้ยงดูจีมินมาตั้งแต่พ่อและแม่ของจีมินตายไป คงเพราะจีมินไม่อยากให้เขาเป็นห่วงแต่นิชคุณกลับรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่แย่สุดๆ แต่เพราะเขาโตมากพอที่จะเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้

     

    ดอกกุหลาบสีแดงมากมายถูกวางไว้ที่หลุมศพของจีมิน พิธีกรรมเสร็จสิ้นแล้วแต่มีไม่กี่คนที่เสียน้ำตาให้กับการจากไปและหนึ่งในนั้นก็คือแบมแบม เขายืนเงียบๆอยู่หน้าหลุมศพของจีมินมองใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ในรูปที่ถืออยู่ในมือ รูปที่นิชคุณเจอมันจากไดอารี่เล่มเก่าที่เขาเก็บมันเอาไว้แม้ตอนแรกมาร์คต้องการจะให้ฝังมันลงไปพร้อมกับเธอ แต่แบมแบมเอ่ยปากขอมันไว้เผื่อระลึกถึงในอีกร้อยปี พันปี แบมแบมยังอยากจดจำเพื่อนคนนี้ตลอดไป

     

    สายลมหอบพัดมาก่อนจะมีบางอย่างหล่นร่วงลงบนรูปถ่าย แบมแบมเงยหน้าขึ้นไปมองข้างบน เกล็ดหิมะสีขาวกำลังหล่นร่วงลงมาจากบนฟ้า ฤดูหนาวมาถึงแล้วแบมแบมคิดในใจ เขาร้องไห้โดยสัญญาว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับเรื่องของจีมินเพราะต่อจากนี้เขาจะยิ้มเพื่อให้จีมินสบายใจ เขาจะตระหนักถึงการมีชีวิตอยู่เพื่อวันหนึ่งเขาจะจากโลกนี้ไปอย่างสมบูรณ์และมีความสุขที่สุด

     

    ตุบ!

     

    แบมแบมจับเสื้อสูทที่วางอยู่บนหัวออกก่อนจะมองหน้ายูคยอมที่ยืนอยู่ข้างๆ ใบหน้าหล่อเหลานิ่งจนทำให้ทุกอย่างดูเงียบสงบไปหมด

     

    “คลุมไว้ซะ” ยูคยอมละสายตาจากหลุมศพมามองหน้าคนตัวเล็กกว่าที่ยืนจ้องเขานิ่ง ออกคำสั่งให้อีกคนใส่เสื้อสูทของเขาคลุมไว้บนหัวเพราะหิมะแรกกำลังตกลงมาเรื่อยๆ แบมแบมยังเป็นมนุษย์แม้ตอนนี้ไม่รู้ว่ามีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่แค่ไหน แต่อากาศแบบนี้อาจจะทำให้อีกคนป่วยได้

    “คุณว่าจีมินจะอยู่บนนั้นไหม” แบมแบมเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย

    ยูคยอมยักไหล่ “ฉันจะไปรู้ได้ไง ฉันก็อยู่กับนายตรงนี้” เขาตอบออกไปตรงๆ

    “แต่ผมว่าจีมินต้องอยู่ ต้องเป็นนางฟ้าที่น่ารักที่สุดแน่ๆเลย” เสียงใสดูร่าเริงขึ้นมาบ้างแต่แววตายังฉายแววความเศร้าอยู่

     

    ยูคยอมวางแขนพาดไหล่แบมแบมแล้วหยิบดอกกุหลายที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมา เขาวางมันลงบนหลุมศพของจีมิน

     

    “ไม่ต้องห่วงเด็กนี่ล่ะ ฉันจะพยายามดูแลแทนเธอแล้วกันยัยหมู” ปากหยักยกยิ้มน้อยๆ ในขณะที่แบมแบมเม้มปากตัวเองจนเป็นเส้นตรงเมื่อได้ยินประโยคนั้น หัวใจของเขากำลังเต้นรัว

     

    วูบหนึ่งมีลมพัดเขามาจนดอกกุหลาบขยับ แบมแบมมองมันและคิดว่าจีมินคงรับรู้แล้ว เขาหวังว่าเธอจะมีความสุขที่สุดอยู่ในที่ที่ควรจะอยู่

     

    TO THE MEMORY

    OF

    PARK JIMIN

    5 JULY 1727 – 7 DECEMBER 2014

     

    สักวันหนึ่งเราคงได้เจอกันอีกนะจีมิน

     

     

     





    talk.

    good bye jimin ;-; ....
    จีมินประเดิมเลยคนแรก ฮื่ออ 
    มีฉากcut ติดๆเลย  ตามเนื้อเรื่อง
    ใครเดาไว้ก็ถูกนะเพราะเราสปอยส์ตลอด 
    ฉากคัดที่เดิมนะ @jarkjy_ เฟบทวิตเตอร์
    อ่านแล้วอยากเม้นท์ก็ได้ หรือจะสกรีมในทวิต #ฟิคยบ99
    แต่งครบ 100 แล้ว เฮ้ออออ ใครงงอายุจีมินไหม จีมินเกิดมาเป็นร้อยปี
    นั่นเลยเป็นปีเกิดนะคะ ไม่งงนะ งงก็ถามได้ 
    อยากถามว่าธีมสีอ่อนไปไหมคะ สะดวกอ่านไหม ? 

    มีคำผิดบอกด้วยนะคะ <3 

     

    (C) ELIZILE
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×